• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chanapot

#2841


เว็บไซต์นิคเคอิ เอเชีย รายงานวันนี้ (19 ส.ค.) ว่า โตโยต้า ผู้ผลิตรถรายใหญ่ที่สุดในโลก มีแผนผลิตรถ 5 แสนคันในเดือนหน้า ลดลงจากแผนเดิมซึ่งอยู่ที่ 9 แสนคัน

รายงานระบุด้วยว่า ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. เป็นต้นไป โตโยต้าจะระงับการดำเนินงานในโรงงานหลายแห่งในญี่ปุ่น และลดขนาดการผลิตลงในอเมริกาเหนือ จีน และยุโรป

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ "เดลตา" ที่รวดเร็วและรุนแรงขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังส่งผลกระทบต่อการจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ของโตโยต้าด้วย

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

หลังมีรายงานของนิคเคอิ ปรากฏว่า ราคาหุ้นของโตโยต้าปิดตลาดวันนี้ ร่วงลง 4.42% มาอยู่ที่ 9,295 เยน


อย่างไรก็ตาม โตโยต้ายังไม่แสดงความคิดเห็นต่อรายงานนี้

ก่อนหน้านี้ บรรดาคู่แข่งของค่ายรถยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น จำเป็นต้องชะลอหรือระงับการผลิตรถชั่วคราว เนื่องจากขาดแคลนชิพ ซึ่งไมโครชิพเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับระบบไฟฟ้าในรถรุ่นใหม่ และประสบปัญหาขาดแคลนมาตั้งแต่สิ้นปีที่แล้ว

เดิมนั้น ปัญหาขาดแคลนชิพและปัญหาด้านซัพพลายเชนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้โรงงานหลายแห่งในญี่ปุ่นของโตโยต้าต้องระงับการดำเนินงานไปก่อนแล้ว

ต้นเดือนนี้ โตโยต้ารายงานว่า มีผลกำไรสุทธิในไตรมาสแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลจากยอดขายรถอันแข็งแกร่งหลังฟื้นตัวจากวิกฤติโควิดได้
#2842


นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า เพื่อรับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก (Megatrends) ที่ส่งผลกระทบและสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และธุรกิจ IRPC  จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ขึ้น เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนองค์กร ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อม

 วิสัยทัศน์ใหม่ของ IRPC ที่จะเริ่มใช้ในปี 2564 คือ การเป็นองค์กรที่ "สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว (To Shape Material and Energy Solutions in Harmony with Life) ได้ถูกกำหนดขึ้นโดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจต่างๆ ของโลก อาทิ เทคโนโลยี การสื่อสาร การคมนาคม ความต้องการของลูกค้า ที่กำลังเข้าสู่การเป็นสังคมเมืองและสังคมผู้สูงอายุ ความห่วงใยสิ่งแวดล้อม รวมถึงสงครามการค้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจเท่านั้น หากแต่ยังเป็นโอกาสสำคัญของ IRPC ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วย


IRPC จะให้ความสำคัญต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการใช้วัสดุหมุนเวียนและการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับความต้องการใช้งานทางการแพทย์ และสุขภาพ ที่สร้างประโยชน์เพื่อคนไทยโดยคนไทยเป็นรายแรกของประเทศ อาทิ การสร้างสรรค์นวัตกรรมเม็ดพลาสติก พีพี เกรด เมลต์โบลน (PP Melt blown: Polypropylene Melt blown) วัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 และชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) หรือแม้แต่กลุ่มนวัตกรรมทางการเกษตร ได้แก่ ซิงค์ออกไซด์นาโน (ZnO NANO) ที่พัฒนาต่อยอดมาจากซิงค์ออกไซด์ (ZnO) ทำให้มีขนาดเล็กระดับอนุภาคนาโน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของพืชได้ดียิ่งขึ้นเพิ่มผลิตผลทางการเกษตรและปลอดภัยต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม

สำหรับการสร้างสรรค์ด้านการใช้พลังงานนั้น IRPC จะขยายผลธุรกิจในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแห่งอนาคต ทั้งพลังงานทางเลือก และพลังงานหมุนเวียน เช่น วัสดุเคลือบแผงโซลาร์เซลล์ลดความร้อน และอุปกรณ์เก็บพลังงานสำรองให้รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ตลอดจนการปรับปรุงกระบวนการผลิตโรงกลั่นน้ำมันให้ได้เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมากขึ้น 

"เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ใหม่ การดำเนินธุรกิจและสิ่งที่ IRPC จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับชีวิตและสิ่งแวดล้อม เราไม่เพียงแต่ขยายฐานจากการดำเนินธุรกิจด้านการผลิตปิโตรเคมีและการกลั่นที่เราเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 40 ปี และมีความมั่นคงเท่านั้น แต่เราต้องต่อยอดองค์ความรู้ที่มีและเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร เพื่อสร้างนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ และสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนจากความสมดุลของทั้งชีวิตผู้คน และสิ่งแวดล้อม"

สำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจหลังจากนี้ IRPC จะใช้องค์ความรู้ขององค์กร ที่ประกอบด้วยนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญของบุคลากร รวมถึงความพร้อมในการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ว่องไว ทันต่อสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
#2843
สำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านอย่าง ชั้นวางของนั้น เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกแก่ท่านได้อย่างคาดไม่ถึง เพราะนอกจากจะช่วยในการจำแนกของต่าง ๆ ให้เป็นหมวดหมู่แล้ว ยังสามารถสร้างความเป็นระเบียบให้แก่สิ่งของต่าง ๆ ให้สามารถวางเป็นที่เป็นทางได้อย่างเป็นระเยีบเรียบร้อย สร้างความสบายตาและสร้างเสริมสุขภาพจิตของท่านให้ดีขึ้นได้จากสิ่งของที่เป็นระเบียบต่าง ๆ ชนิดของ ชั้นวางของ มีอะไรบ้าง ตามมาดูกันได้ดังนี้เลย

ชั้นวางของเหล็ก

เป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายเพราะมีความแข็งแรงคงทนและสามารถใช้งานได้โดยง่าย โดยส่วนใหญ่มากมาแบบสำเร็จรูปที่ไม่จำเป็นต้องต่อให้ยุ่งยาก มีน้ำหนักมากซึ่งการนำชั้นวางแบบนี้มาใช้จะต้องคำนึงพื้นที่ที่ใช้ในการรองรับน้ำหนักบริเวณนั้นในระยะยาวว่ามีโอกาสที่จะทรุดเสื่อมลงหรือไม่ โดยปกติชั้นวางแบบนี้มักจะวางของที่มีน้ำหนักมากซึ่งยากต่อการเคลื่อนที่ จึงทำให้เป็นชั้นวางที่เหมาะสมต่อการใช้งานมากที่สุด

ชั้นวางของไม้

เป็นอีกชนิดที่สามารถใช้งานง่ายและใช้งานกันอย่างแพร่หลายเพราะมีราคาถูก สามารถจับต้องได้ และมีคุณภาพที่พอเหมาะ โดยมักใช้สำหรับการวางสิ่งของทั่ว ๆ ไป มีน้ำหนักไม่มากไม่น้อยจนเกินไปเช่น หนังสือ สิ่งของเครื่องใช้ เครื่องเขียน ทีวี วิทยุ เป็นต้น ซึ่งมักจะใช้ในครัวเรือนทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมและทาวน์โฮม มีการโยกย้ายได้ง่าย แม้จะมีความยุ่งยากในการประกอบแต่ก็สะดวกสำหรับการขนย้ายไปยังที่ต่าง ๆ

ชั้นวางของพลาสติก

เป็นชั้นวางที่มีราคาถูกที่สุดจากบรรดาสามชนิดที่กล่าวมาข้างต้น มีน้ำหนักเบา สามารถเก็บของที่มีน้ำหนักเบาได้แต่ไม่เหมาะกับการเก็บของที่มีน้ำหนักมากจนเกินไป แม้พลาสติกจะมีความยืดหยุ่นแต่ก็แตกหักง่ายเช่นกัน ดังนั้นการใช้ชั้นวางประเภทนี้จะเหมาะสำหรับพวกอุปกรณ์เล็ก ๆ มีน้ำหนักน้อย เช่น หนังสือการ์ตูน, เลโก้, ตุ๊กตา หรือ ของสะสมเล็ก ๆ เป็นต้น จุดเด่นคือประกอบง่าย เคลื่อนย้ายได้ง่าย และมีราคาถูก เหมาะสำหรับการใช้งานภายในห้องนอน หรือ ห้องนั่งเล่น เป็นต้นโดยรวมแล้ว ชั้นวางของเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็น มีราคาถูก และสามารถใช้งานได้มากมายหลากหลายแล้วแต่การประยุกต์ใช้ของท่าน

โดยทั้งนี้ทั้งนั้นต้องคำนึงถึงชนิดและน้ำหนักของสิ่งของที่ต้องการนำมาวางไว้บนชั้นวางได้อย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดการทรุดของทั้งชั้นวางและพื้นที่ในการรองรับน้ำหนัก โดยหากใช้งานไม่เหมาะสมก็อาจทำให้สิ่งของต่าง ๆ ที่ท่านจำแนกออกไปเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ เกิดการเสียหายได้ ดังนั้นเพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างเหมาะสมควรจะมีการวัดขนาดพื้นที่และวางแผนการใช้งานก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง
#2844


นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า "จากประสบการณ์การตั้งศูนย์พักคอย หรือ CI 4 มุมเมืองในเดือนที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าเวชภัณฑ์การแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และของใช้จำเป็นของผู้ป่วยโควิด-19 นั้นยังขาดแคลนภายในศูนย์ อีกทั้งยังเป็นของจำเป็นสำหรับด่านหน้าที่เผชิญความเสี่ยงทุกวินาที เราจึงหวังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ เพิ่มเติมใน 10 เขตทั่วกรุงเทพฯ ในภาวะที่ผู้ป่วยยังเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน"

โดยการส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ และของใช้จำเป็นให้กับ Community Isolation ทั้งหมด 10 แห่ง มีดังนี้ 1) ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง, 2) วัดสะพาน เขตคลองเตย,

3) ศูนย์สร้างสุขทุกวัยดอนเมือง เขตดอนเมือง, 4) ศูนย์กีฬารามอินทรา เขตบางเขน, 5) ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ เขตจตุจักร, 6) ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางขุนเทียน เขตบางขุนเทียน, 7) ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางแค (เรืองสอน) เขตบางแค, 8) ศูนย์สร้างสุขทุกวัยทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา, 9) ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางกะปิ เขตบางกะปิ และ 10) ศูนย์สร้างสุขทุกวัยสะพานสูง เขตสะพานสูง

นางนวลพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า "รายการของที่ได้มอบทั้ง 10 เขตนั้น เราได้วางแผนจัดเตรียมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการจริง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ที่วัดอุณหภูมิแบบแท่งแก้ว หน้ากากอนามัยแบบ KN95 ถุงขยะพลาสติกสีแดงสำหรับขยะอันตราย เช่น สารเคมีอันตราย ขยะติดเชื้อ ฯลฯ ถุงมือยางทางการแพทย์ เตียงสนามกระดาษ ที่นอนยางสังเคราะห์ PE ที่ใช้วัตถุดิบโพลีเอทิลีน (Polyethylene) รวมไปถึงหมอน ผ้าห่ม และยังได้มอบข้าวกล่องจากครัวมาดามให้แก่เจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 10 วัน ทั้งนี้ มูลนิธิมาดามแป้ง และ เมืองไทยประกันภัย ขอร่วมส่งกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ด้วยการยืนเคียงข้างสังคมไทยต่อไปดั่งเช่นประโยคที่ว่า ส่งต่อน้ำใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน"

นอกจากนี้ ทุกท่านสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ ด้วยการบริจาคและสมทบทุนได้ที่บัญชี ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 092-2-61340-0 ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้ หรือร่วมสมัครเป็นทีมอาสากล้าใหม่กับเราได้ที่ http://bitly.ws/dsfM

#ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน #มูลนิธิมาดามแป้ง #เมืองไทยประกันภัย
#2845


นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวจากอุปสงค์ที่ยังไม่ฟื้นตัวเนื่องจากตลาดยังคงกังวลกับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ที่ขยายวงกว้างทั่วโลก ส่งผลทำให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในบางประเทศปรับตัวลดลง โดยญี่ปุ่นได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายจังหวัดครอบคลุมกว่า 70% ของประชากร ขณะที่จีนประกาศมาตรการจำกัดการเดินทางและยกเลิกเที่ยวบินแม้ว่าจะมีแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นหลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านเหรียญ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงความต้องการน้ำมันจากอินเดียที่เพิ่มขึ้นหลังโควิด-19คลี่คลาย

ทั้งนี้ราคาน้ำมันตลาดโลก (วันที่ 9 – 15 สิงหาคม 2564) ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 69.79 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 68.31 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.39 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 1.16 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งนักลงทุนวิตกว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน 2564 ความต้องการใช้น้ำมันยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดลดลงจากระดับ 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน ไปอยู่ที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรล/วัน และยังคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้นตามอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้น อีกทั้ง สหรัฐฯ เรียกร้องให้กลุ่มโอเปกพลัสผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในระยะยาว เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเพื่อควบคุมราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 1 กันยายน 2564

ราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคเอเชีย ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 82.49 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 80.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 81.16 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.32 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 1.52 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 1.51 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 76.64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากอุปทานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ในภูมิภาคชะลอตัวลงตามฤดูกาล

นอกจากนี้ สนพ.ได้ติดตามสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว ในตลาดจร หรือ Spot LNG ช่วงระหว่างวันที่ 2 – 6 สิงหาคม 2564 พบว่าในสัปดาห์นี้เฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1.127 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู อยู่ที่ระดับ 16.316 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู จากผู้ซื้อรายใหญ่จากภูมิภาคเอเชียเหนือ มีความต้องการจัดหาเที่ยวเรือ Spot LNG เร่งด่วน (Prompt Spot cargo) จากความต้องการใช้ก๊าซในประเทศที่สูงขึ้น เช่น ประเทศจีนได้ออกประมูลจัดหาเที่ยวเรือ Spot LNG เร่งด่วนสำหรับส่งมอบเดือนสิงหาคม และผู้ซื้อจากประเทศเกาหลีใต้ได้ออกจัดหาเที่ยวเรือ Spot เช่นกันแต่เป็นสำหรับการส่งมอบในเดือนกันยายน เป็นต้น
#2846


นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างดำเนินการเชื่อมระบบแพลตฟอร์มดิลิเวอร์รี่การส่งสินค้า อาหารและบริการต่างๆเข้ากับระบบโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล คาดว่า จะเริ่มนำมาใช้ได้ภายในเดือนต.ค.นี้ ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งของรัฐบาลได้ดำเนินการอยู่ในเฟสที่ 3


สำหรับผู้ประกอบการดิลิเวอร์รี่ที่คาดว่า จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 3 มีจำนวนประมาณ 6 ราย ประกอบด้วย ไลน์แมน ฟู้ดแพนด้า โรบินฮู้ด แกร็บฟู้ด โกเจ๊ก และช้อปปี้ฟู้ด ทั้งนี้ เมื่อสามารถเชื่อมโยงระบบด้วยกันได้แล้ว ทางกระทรวงการคลังจะเปิดให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ได้สมัครเข้าร่วมโครงการอีกครั้ง

"เมื่อเราสามารถจัดการเชื่อมระบบของผู้ประกอบการดิลิเวอร์รี่กับคนละครึ่งได้แล้ว คาดว่า เราจะเปิดให้ใช้บริการได้ราวต้นเดือนต.ค.นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่เราจะทำการเติมเงินคนละครึ่งในรอบที่สอง"

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

ผู้อำนวยการสศค.กล่าวว่า การดำเนินการเชื่อมระบบดังกล่าว จะเป็นช่องทางการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ร่วมโคงการคนละครึ่ง ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวก เนื่องจาก สถานการณ์โควิด-19 ทำให้การจับจ่ายใช้สอยแบบเฟสทูเฟสมีความยากลำบาก เมื่อนำแพลตฟอร์มดิลิเวอร์รี่มาใช้ ก็จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยมีความคล่องตัวมากขึ้น ก็จะทำให้ยอดการใช้จ่ายในโครงการเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ ยอดการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งอยู่ที่จำนวน 5.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น การใช้จ่ายผู้ร่วมโครงการ 2.92 หมื่นล้านบาท และ การเติมเงินของรัฐบาล 2.84 หมื่นล้านบาท


ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้นั้น มียอดการใช้จ่ายอยู่ที่ 1.25 พันล้านบาท ซึ่งถือว่า ยังมีจำนวนที่ไม่มากนัก ซึ่งเราก็เตรียมที่จะเชื่อมแพลตฟอร์มผู้ให้บริการดิลิเวอร์รี่สินค้าประเภทอาหารที่จดทะเบียนนิติบุคคลเข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ด้วย เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้จ่ายของผู้ร่วมโครงการด้วย

สำหรับจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ ล่าสุด โครงการคนละครึ่งอยู่ที่ 26.7 ล้านราย ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้อยู่ที่ 4.67 แสนราย
#2847


วานนี้ ( 16 ส.ค.2564) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สถากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แถลงข่าว 'แพทย์จุฬาแจ้งข่าวดี ทดสอบวัคซีน ChulaCOV19 ในอาสาสมัคร เร่งวิจัยระยะต่อไป'

'ChulaCOV19' ทดลองในอาสาสมัครประสิทธิภาพเทียบเท่าไฟเซอร์
โดยมี ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่ารพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และศูนย์วิจัย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้มีการพัฒนา วิจัย ต่อยอด คิดค้น ผลิตวัคซีน เพื่อใช้ในการป้องกันโรคต่างๆ มาให้แก่ประชาชน รวมถึง โรคโควิด-19 ได้มีการทดสอบวัคซีน ChulaCov19 ในอาสาสมัครในระยะที่ 1 และต่อเนื่องไปในระยะที่ 2 ภายใต้การควบคุมดูแลจากหลายภาคส่วน รวมถึงมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มาดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในความปลอดภัยสูงสุดของการทดสอบฉีดวัคซีน 


ด้าน ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าจากการพัฒนาวัคซีนนี้ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ทุนศตวรรษที่สอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเงินบริจาคจากสมาคมศิษย์เก่าแพทย์จุฬาฯ กองทุนบริจาควิจัยวัคซีน สภากาชาดไทย  

ทั้งนี้ วัคซีน ChulaCov19 เป็น วัคซีนชนิด mRNA ที่ได้มีการทดลองในสัตว์ทดลองทั้งหนู และลิง พบว่ามีประสิทธิภาพ สร้างภูมิคุ้มได้ในระดับสูง ต่อมามีทดลองในกลุ่มอาสาสมัคร อายุ 18-55 ปี จำนวน 36 คน ในเดือนมิ.ย. พบว่า  ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ มีผลข้างเคียงอยู่ในระดับเล็กน้อยหรือปานกลาง เช่น มีอาการอ่อนเพลีย เป็นไข้ต่ำๆ และมีอาการหนาวสั่นบ้างในกลุ่มอาสาสมัครที่ได้เข็ม 2  ซึ่งอาการต่างๆ จะดีขึ้นภายในเฉลี่ยประมาณ1-3 วัน

สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

'ChulaCOV19' ป้องกันการข้ามสายพันธุ์โควิด-19
"ผลการทดลองในกลุ่มอาสาสมัครที่ฉีดวัคซีน  ChulaCov19 พบว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิดแอนตี้บอดี้ ได้เทียบเท่ากับวัคซีนชนิด mRNA อย่าง ไฟเซอร์ โดยสามารถยับยั้งการจับโปรตีนที่กลุ่มหนามได้ 94% เท่ากับไฟเซอร์ 94%   รวมถึงสามารถกระตุ้นแอนตี้บอดี้ได้สูงมากในการยับยั้งสายพันธุ์ดั้งเดิม แอนตี้บอดี้ที่สูงนี้สามารถยับยั้งเชื้อข้ามสายพันธุ์ได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ คือ อัลฟ่า เบต้า แกมม่า และเดลต้า อีกทั้งสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิด T-cell ซึ่งจะช่วยขจัดและควบคุมเชื่อที่อยู่ในเซลล์ของคนที่ติดเชื้อได้" ศ.นพ.เกียรติ กล่าว

วัคซีน ChulaCov19 เป็นการคิดค้นออกแบบและพัฒนาโดยคนไทยจากความร่วมมือสนับสนุนโดยคุณหมอนักวิทยาศาสตร์ผู้คิดคนเทคโนโลยีนี้คือ Prof.Drew Weissman มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย วัคซีน ChulaCov19 ผลิตโดยสร้างชิ้นส่วนขนาดจิ๋วจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา (โดยไม่มีการใช้ตัวเชื้อแต่อย่างใด) ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับชิ้นส่วนของสารพันธุกรรมขนาดจิ๋วนี้เข้าไป จะทำการสร้างเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนปุ่มหนามของไวรัสขึ้น (spike protein) และกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันไวเตรียมต่อสู้กับไวรัสเมื่อไปสัมผัสเชื้อ เมื่อวัคซีน mRNA ทำหน้าที่ให้ร่างกายสร้างโปรตีนเรียบร้อยแล้ว ภายในไม่กี่วัน mRNA นี้จะถูกสลายไปโดยไม่มีการสะสมในร่างกายแต่อย่างใด


 ทั้งนี้ การทดสอบดังกล่าว เป็นไปในระยะที่ 1 แบ่งออกเป็นสองกลุ่มอายุ จำนวน 72 คน

กลุ่มแรก เป็นอาสาสมัครผู้ที่มีอายุ 18-55 ปี ทดสอบจำนวน 36 คน
กลุ่มที่สอง เป็นอาสาสมัครผู้ที่มีอายุ 65-75 ปี ทดสอบจำนวน 36 คน
ในจำนวนสองกลุ่มข้างต้นจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อยที่ฉีดวัคซีน 10 ไมโครกรัม,  25 ไมโครกรัม และ 50 ไมโครกรัม เพื่อดูว่า วัคซีน ChulaCov19 มีประสิทธิภาพสูงสุดที่ปริมาณเท่าใด เพราะปัจจุบันโมเดอร์นาใช้วัคซีนปริมาณ 100 ไมโครกรัม ส่วนไฟเซอร์ใช้ 30 ไมโครกรัม ทางศูนย์ฯ ต้องศึกษาว่าคนไทยหรือเอเชียเหมาะกับการฉีด 10 หรือ 25 หรือ 50 ไมโครกรัม  จะได้รู้ขนาดที่ปลอดภัยและกระตุ้นภูมิได้สูง หลังจากนั้นจึงเข้าสู่การทดสอบทางคลินิกระยะที่ 2

เดินหน้าเฟส 2 ทดลองในอาสาสมัคร 25 ส.ค.นี้
ศ.นพ.เกียรติ กล่าวต่อว่าผลการทดลองในกลุ่มอาสาสมัครเป็นการดำเนินการเบื้องต้น ซึ่งในปลายสัปดาห์นี้จะมีการประชุมหารือ เพื่อหาปริมาณของโดสที่ใช้ในการดำเนินการขั้นต่อไป  และการดำเนินการตอนนี้จะเป็นไปทีละขั้นตอนคงไม่ได้ เพราะต้องแข่งกับเวลา เราได้มีการดำเนินการในเฟส 2 แบ่งเป็น 2a และ2b ซึ่งในส่วนของ 2a จะมีการคัดกรองอาสาสมัคร 150 ท่าน  และคาดว่าจะเริ่มทดสอบเปรียบเทียบวัคซีน ChulaCov19 กับวัคซีนชนิด mRNA อย่างไฟเซอร์ ประมาณ 25 ส.ค.นี้  ก่อนจะดำเนินการในส่วน 2b ซึ่งจะใช้งบประมาณ 500-600 ล้านบาท 


ส่วนเฟส3 จะดำเนินการหรือไม่อย่างไรนั้น ต้องอยู่ที่กติกาของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งจะคาดว่าจะกำหนดกติกาการขึ้นทะเบียนวัคซีนชนิด mRNA ที่ผลิตโดยคนไทย จะออกมาในเดือนก.ย.นี้ ก็จะทำให้วัคซีนของคนไทยทั้ง 4 ทีม ได้รู้ว่าการจะขึ้นทะเบียนต้องดำเนินการอะไรบ้าง และหากกติกาอย. ให้สามารถขึ้นทะเบียนได้ในเฟส 2 โดยวัคซีนที่ผลิตโดยคนไทย มีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนชนิด mRNA ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศและได้ขึ้นทะเบียนในเมืองไทย เชื่อมั่นว่าภายในเม.ย.2565 ประเทศไทยจะมีวัคซีนชนิด mRNA ที่ผลิตโดยคนไทยใช้ในการกระตุ้นเข็ม 3 อย่างแน่นอน

ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ตายสูง! พบเสียชีวิต 239 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 20,128 ราย ไม่รวม ATK อีก 2,102 ราย
ด่วน! ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นัดลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนโควิด 20,000 ราย
'ChulaCOV19' ประสิทธิภาพเทียบเท่า 'ไฟเซอร์' คาดทันใช้กระตุ้นเข็ม 3
ตั้งเป้า'ChulaCov19' ผลิตใช้ฉีดให้คนไทยเม.ย.65
"ปี2565 เชื่อว่าคนไทยเกิน 80-70% ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น วัคซีนทั้ง 4 ทีม ที่คนไทยกำลังพัฒนา ผลิตอยู่นี้จะใช้เป็นการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 โดยในส่วนของวัคซีน ChulaCov19 ถ้ากติกาของอย.ไม่จำเป็นต้องทดลองในเฟส 3 ประมาณเดือนเม.ย.ปี2565 คนไทยจะได้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอย่างแน่นอน อีกทั้งวัคซีนชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการข้ามสายพันธุ์ได้ดีมาก และตอนนี้มีข้อมูลยืนยันชัดเจน ว่าวัคซีน ChulaCov19 สามารถอยู่ในอุณหภูมิตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) ได้นานถึง 3 เดือน และเก็บในอุณหภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) ได้นาน 2 สัปดาห์ ซึ่งทำให้การจัดเก็บรักษาง่ายกว่าวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ยี่ห้ออื่น เป็นอย่างมาก" นพ.เกียรติ กล่าว

นอกจากนั้น ขณะนี้ จุฬาฯ ได้มีการเตรียมโรงงานในการผลิตจากโรงงานของบริษัทไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ในประเทศไทย ซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตรองรับมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งหากผลการศึกษาวิจัยสำเร็จตามแผนจะใช้โรงงานแห่งนี้ในการผลิตวัคซีนโควิด ชนิด mRNAของจุฬาฯ โดยคาดว่าโรงงานจะสามารถผลิตได้ 30-50 ล้านโดสต่อปี ทำให้สามารถปิดช่องว่างวงจรการผลิตวัคซีนในไทยได้


4 ข้อที่จะทำให้ไทยมี 'วัคซีนโควิด-19' ของตนเอง
นพ.เกียรติ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้คนไทยต้องงดเสพสื่อที่จะมองลบอย่างเดียว ถ้าประเทศไทยต้องการให้มีอย่างน้อย 1 ใน 4 วัคซีนที่ได้รับการรับรอง ภายในเม.ย.2565 ซึ่งการจะทำให้ไทยมีวัคซีนของตนเองได้นั้น ต้องมี 4 อย่าง คือ

1.ไทยต้องไม่บริหารระดมทุนแบบเดิม ต้องมีเป้าหมายร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคปราชน ต้องมีงบที่เพียงพอรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ  ซึ่งในส่วนของวัคซีนนี้ ควรจะมีการระดมทุนกองไว้ 2,500-3,000 ล้านบาท เพราะถ้าทำถึง 2 b จะต้องใช้งบประมาณ 500-600 ล้านบาท แต่ถ้าจะเฟส 3 ซึ่งจะมีการทดลองในอาสาสมัครประมาณ 10,000 กว่าคน คาดว่าจะใช้งบประมาณ 1,500 ล้านบาท และอีก1,000 ล้านบาท สำหรับวัตถุดิบ โดยตอนนี้ได้มีการจองวัตถุดิบล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ยังไม่มีเงินไปจองเขา ทำให้เราติดขัดในเรื่องนี้ หากมีระดมทุนกองไว้อย่างชัดเจน คาดว่าจะได้วัคซีน 1 ตัวขึ้นทะเบียนภายในปีหน้า อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวถ้าระบบการบริหารติดกับดักราชการแบบไทย คงไม่สามารถทำได้

2.กติกาในการขึ้นทะเบียนวัคซีน ต้องมีกติกาออกมาชัดเจน ภายในเดือนก.ย. จากอย. ว่าการขึ้นทะเบียนจะต้องทำวิจัยระยะ2บี หรือระยะ3อย่างไรจึงจะเพียงพอ

3.โรงงานผลิต จะต้องเร่งดำเนินการ ให้สามารถผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพและจำนวนมาก

4.นโยบายการจองและจัดซื้อวัคซีนล่วงหน้าต้องมีความชัดเจน

นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่าการที่จุฬาฯ เดินมาถึงจุดนี้ได้เป็นเรื่องน่ายินดี อย่างมาก เพราะถือเป็นการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความท้าทาย เนื่องจากทั้งการศึกษาวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยี และการพัฒนาวัคซีนในขั้นตอนต่างๆ ที่ต้องเร่งแข่งกับเวลา การที่จุฬา ได้ดำเนินการทดลองในอาสาสมัครเป็นเรื่องน่ายินดี และชื่นชม สถาบันวัคซีนฯมีทิศทางสนับสนุนการพัฒนาวิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศอย่างชัดเจน แต่การที่มีทุนสนับสนุนอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีนักวิจัยที่เก่ง และออกแบบงานวิจัยได้ดี

"แม้ว่าเราจะทำได้ช้ากว่า แต่เราก็ได้วัคซีนที่เมื่อมาเปรียบเทียบกับวัคซีนชนิด mRNA ที่มีอยู่ ประสิทธิภาพไม่ได้ด้อยกว่า ซึ่งเชื่อว่าถ้าเราทดลองในระยะที่ 2 จะทำให้เรามีวัคซีนใช้เอง มีความยั่งยืน ยืนอยู่บนขาตัวเอง อีกทั้งรูปแบบการพัฒนาวัคซีนสามารถใช้ในการป้องกัน และรักษาโรคอื่นได้ นอกเหนือจากโควิด-19 ถ้าเราสามารถวิจัยพัฒนาวัคซีนชนิด mRNA   ได้สำเร็จก็จะเป็นพื้นฐาน ในการรับมือกับโรคติดต่ออุบัติใหม่ และโรคมะเร็งต่างๆ ต่อไป"นพ.นคร กล่าว
#2848


ดัชนี'ดาวโจนส์'ปิดวันจันทร์ (16ส.ค.)ทะยาน 110 จุด โดยดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี500 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ขณะนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่และข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญที่จะทะยอยเผยแพร่ในสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 110.02 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 35,625.40 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 11.71 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 4,479.71 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 29.14 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 14,793.76 จุด


อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน ต่างร่วงลงในวันนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานและการเงินปรับตัวลงเช่นกัน

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทถูกกดดัน หลังจากที่จีนเปิดเผยยอดค้าปลีกชะลอตัวมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้


ทั้งนี้ จีนเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกในเดือนก.ค.ขยายตัวเพียง 8.5% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 11.5% และต่ำกว่าระดับ 12.1% ของเดือนมิ.ย.

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส) ระบุว่า เศรษฐกิจจีนยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งภัยพิบัติจากน้ำท่วม ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไร้เสถียรภาพ


นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) และจะเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีในการประชุมดังกล่าว
#2849
บอกลามือเหี่ยวบอกอายุไปได้เลย มือนุ่ม กระจ่างใส  สารสกัด น้ำผึ้งเกสรกุหลาบ

259 บาท มือนุ่ม กระจ่างใส  สารสกัด น้ำผึ้งเกสรกุหลาบ  ป้องกันมือหยาบกร้านจาก แอลกกอฮอล์ มือกลับมาสวยใส นุ่มนวล 

เชตเปิดร้านค้าออนไลน์ 999 บาทพร้อมของลงร้านค้า  

สมัครได้ที่ line @marisglowthailand

เลือกสินค้าลงร้านค้าออนไลน์ค่ะ
https://shop.line.me/@marisglowthailand/product/320197801

Facebook :: https://www.facebook.com/Maris-glow-Thailand-110057554456679/




















#2850


กฟผ. ได้รับรางวัลองค์กรดีเด่นด้านการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม Princess Health Award 2021 จากกระทรวงสาธารณสุข เกิดจากความร่วมมือของพันธมิตรทุกเครือข่าย ในการดำเนินภารกิจหลักของ กฟผ. ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม พร้อมมุ่งสร้างสุขภาวะที่ดีเพื่อความสุขที่ยั่งยืนของคนไทยอย่างยั่งยืน

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า รางวัลดังกล่าว เกิดจากความร่วมมือของทุกเครือข่าย นับตั้งแต่ หน่วยงานกำกับดูแล ชุมชน สังคม สื่อมวลชนที่ได้ติดตาม ให้ข้อเสนอแนะการดำเนินงานของ กฟผ. ตลอดจนความร่วมมือในการขับเคลื่อนการสร้างสุขภาวะที่ดีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับคนไทย ผ่านโครงการปลูกป่า กฟผ. โครงการชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยังยืน โครงการแว่นแก้ว รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพต่าง ๆ อาทิการจัดงานวิ่ง งานแข่งจักรยาน และการสนับสนุนกีฬาต่าง ๆ ในระดับประเทศ

โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา กฟผ. ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วน สนับสนุนการกู้วิกฤต ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่ความพยายามลดการระบาดของโรค การป้องกัน การรักษา เยียวยา โดยเริ่มจากการดูแลพนักงาน เน้นการรักษาตัวเพื่อรักษาหน้าที่เพื่อให้สามารถนำศักยภาพขององค์กรมาเร่งสนับสนุนในทุก ๆ ด้านอย่างสุดกำลัง อาทิ ผลิตเจลอนามัยน้ำใจ กฟผ. ผลิตตู้ตรวจโควิดกว่า 600 ตู้ผลิตชุดหมวกป้องกันเชื้อ PAPR กว่า 1,000 ชุด รวมทั้งจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์สนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม-ศูนย์พักคอย ระดมทุนจัดหาเตียงสนามและสิ่งของจำเป็นอีก 3,500 ชุด ร่วมสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน เป็นต้น เพื่อร่วมสร้างพลังให้ทุกภาคส่วนสามารถฝ่าฟันและผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็วที่สุด

"จะเห็นได้ว่า ทุกความมุ่งมั่นที่ กฟผ. ได้ดำเนินการเพื่อสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม ล้วนสำเร็จได้จากแรงกายแรงใจจากทุกภาคส่วน กฟผ. จึงขอขอบคุณและขอมอบรางวัลนี้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้มีส่วนร่วม ตลอดจนคนไทยทุกคนที่คอยเป็นแรงใจให้ กฟผ. ซึ่งเป็นของคนไทย ได้ทำเพื่อคนไทยทุกคน" นายบุญญนิตย์ กล่าว
#2851


ศึกกอล์ฟ แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ เลดีส์ สกอตติช โอเพน ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 50 ล้านบาท) ณ สนาม ดุมบาร์นีย์ ลิงส์ ระยะ 6,584 หลา พาร์ 72 สกอตแลนด์ เข้าสู่การแข่งขันวันที่สอง

ปรากฏว่า "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล สวิงสาวไทย โชว์ฟอร์มดีตี 7 เบอร์ดี เสีย 1 โบกี จบวันได้มา 6 อันเดอร์ รวมสกอร์เป็น 9 อันเดอร์พาร์ พุ่งจากอันดับ 15 ในรอบที่แล้ว ขึ้นมาเป็นผู้นำโดยมี "โปรจีน" อาฒยา ฐิติกุล อีกหนึ่งสาวไทย นั่งอันดับ 2 ร่วม ตามหลัง 3 สโตรก

จบรอบสอง เอรียา วัย 25 ปี เผยว่า "วันนี้ฉันพยายามทำตัวสบายๆ กับการลงเล่นคอร์สนี้ แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำให้ดีขึ้น และทุกสิ่งที่จะทำก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเองเป็นหลักด้วย"

ผลงานของสาวไทยคนอื่น "โปรจูเนียร์" จัสมิน สุวัณณะปุระ หล่นมาอยู่อันดับ 13 ร่วม หลังตีเกิน 2 โอเวอร์ สกอร์หดเหลือ 3 อันเดอร์พาร์ รองมา "โปรพริม" พริมา ธรรมมารักษ์ อันดับ 20 ร่วม สกอร์ 2 อันเดอร์พาร์

"โปรเมียว" ปาจรีย์ อนันต์นฤการ รอบนี้เก็บได้ 1 อันเดอร์ แก้ไขสกอร์เป็นอีเวนพาร์ อันดับ 35 ร่วม ส่วน "โปรเหมียว" แพตตี้ ปภังกร ธวัชธนกิจ ตีเกิน 3 โอเวอร์ สกอร์อีเวนพาร์ อยู่อันดับ 35 ร่วมเช่นกัน
#2852


ประเทศไทยยังมีเส้นเลือดสำคัญที่เป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จาก"ภาคส่งออก" ที่ขณะนี้ยังมีความต้องการสูงต่อเนื่อง เพราะแม้ว่าทั่วโลกยังอยู่ในสถานการณ์จำเป็นต้องเว้นระยะห่าง หรืองดการเดินทาง แต่ยังคงต้องดำรงชีวิตด้วยสินค้าอุปโภคและบริโภค

ศรัณย เบ็ญจนิรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เผยถึงเรื่องนี้ว่า แนวโน้มปริมาณขนส่งสินค้าทางอากาศในช่วงครึ่งปีหลังนี้ กพท.ยังประเมินว่ามีสัญญาณดี โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากความต้องการในสินค้าเกษตรยังมีสูง และไทยยังเป็นฐานส่งออกสำคัญของสินค้าเกษตร ผักและผลไม้

"การส่งออกทางอากาศเรียกว่าได้รับผลกระทบน้อยมาก เมื่อเกิดการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 โดยพบว่าภาพรวมการขนส่งสินค้าทางอากาศลดลงเพียง 25% หากเทียบกับการขนส่งผู้โดยสารที่ลดลงไปถึง 90%และแนวโน้มการขนส่งสินค้าจะยังคงดีแบบนี้ไปได้เรื่อยๆ ประเมินจากสายการบินที่ทำธุรกิจขนส่งสินค้ายังมีคำขอทำการบินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง"

อย่างไรก็ดี ตารางบินในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ยังพบว่าสายการบินขนส่งสินค้า อาทิ เค-ไมล์ แอร์ (K-Mile Air) ซึ่งเป็นสายการบินขนส่งสินค้าที่ฐานหลักอยู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังมีคำขอเพิ่มจำนวนอากาศยานขนส่งสินค้า 3 - 4 ลำ และยังมีเส้นทางขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่จะเป็นการขนส่งสินค้าประเทศปลายทางระยะใกล้อย่างฮ่องกง และสิงคโปร์

นอกจากนี้ ยังพบว่าบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังปรับกลยุทธ์มาทำการบินขนส่งสินค้า โดยใช้สิทธิทำการบินที่เคยขอเปิดบินเส้นทางระหว่างประเทศ และรับบริการขนส่งสินค้าให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่การบินไทยได้ลูกค้าเป็นกลุ่มขนส่งสินค้าด่วนพิเศษ สินค้านำเข้า วัคซีนโควิด และสินค้าประเภทผักและผลไม้ จึงถือว่าปัจจุบันธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศยังมีแนวโน้มดี และช่วงครึ่งปีหลังยังคงสดใสต่อเนื่อง


นนท์ กลินทะ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า ตอนนี้การบินไทยอยู่ระหว่างผลักดันรายได้ขนส่งสินค้าเพื่อเข้ามาเสริมกับรายได้ขนส่งผู้โดยสารที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยพบว่าปัจจุบันรายได้จากการขนส่งสินค้ายังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ความต้องการยังสูง ซึ่งในเดือน ก.ค. - ก.ย.นี้ การบินไทยขยายเที่ยวบินครอบคลุมเอเชีย ยุโรป และออสเตรเลีย รวม 22 เส้นทาง เพื่อตอบรับกับดีมานด์ดังกล่าว

"ช่วงที่ผ่านมาการบินไทยให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ รายได้นี้เข้ามาเป็นรายได้ส่วนหลักขององค์กร ซึ่งระหว่างเดือน เม.ย. 2563 – มิ.ย. 2564 คาร์โก้การบินไทยได้ให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ จำนวนกว่า 3,500 เที่ยวบิน หลักๆ จะเป็นการขนส่งสินค้าภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ประเภท ผัก ผลไม้ อาหารแช่แข็ง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาและวัคซีน"

จากการประเมินเทรนด์การขนส่งสินค้าทางอากาศยานในช่วงครึ่งปีหลังที่จะเกิดขึ้นนั้น ต้องยอมรับว่าเริ่มเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ครึ่งปีแรก ว่าการขนส่งสินค้าจะเป็นพระเอกสร้างรายได้ให้กับธุรกิจโลจิสติกส์อย่างเห็นได้ชัด เพราะข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการบิน ฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมการบิน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)

โดยพบว่าปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศในครึ่งแรกของปี 2564 (ม.ค. - มิ.ย. 2564) มีปริมาณสินค้าทั้งหมด 567,743 ตัน เพิ่มขึ้นราว 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปริมาณดังกล่าวแบ่งออกเป็น การขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศมีจำนวน 556,138 ตัน เพิ่มขึ้นราว 14% จากช่วงดียกวันของปีก่อน และการขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศ มีจำนวน 11,605 ตัน ลดลงราว 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ไม่เพียงการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ขยายตัวต่อเนื่อง ยังพบว่าการขนส่งสินค้าทางเรือยังเติบโตสอดคล้องกัน โดยข้อมูลสถิติขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค. - มิ.ย. 2564) มีสินค้าขาเข้า รวมประมาณ 27 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับจำนวน 24 ล้านตันในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีสินค้าขาออก รวม 29 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 7.2% เมื่อเทียบกับจำนวน 27 ล้านตันในช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกับปริมาณยอดรวมตู้ ที.อี.ยู ยังมีสูงถึง 4.9 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้นราว 10% เมื่อเทียบกับ 4.5 ล้าน ที.อี.ยู ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
#2853


เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสาวมือ 21 ของโลกชาวไทย ทำผลงานแจ่มเก็บสกอร์เป็น 9 อันเดอร์พาร์ ก่อนพาตัวเองขึ้นมานั่งเก้าอี้ผู้นำเดี่ยวของศึก เลดีส์ สกอตติช โอเพน รอบสอง เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ศึกกอล์ฟ แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ เลดีส์ สกอตติช โอเพน ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 50 ล้านบาท) ณ สนาม ดุมบาร์นีย์ ลิงส์ ระยะ 6,584 หลา พาร์ 72 สกอตแลนด์ เข้าสู่การแข่งขันวันที่สอง

ปรากฏว่า "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล สวิงสาวไทย โชว์ฟอร์มดีตี 7 เบอร์ดี เสีย 1 โบกี จบวันได้มา 6 อันเดอร์ รวมสกอร์เป็น 9 อันเดอร์พาร์ พุ่งจากอันดับ 15 ในรอบที่แล้ว ขึ้นมาเป็นผู้นำโดยมี "โปรจีน" อาฒยา ฐิติกุล อีกหนึ่งสาวไทย นั่งอันดับ 2 ร่วม ตามหลัง 1 สโตรก

จบรอบสอง เอรียา วัย 25 ปี เผยว่า "วันนี้ฉันพยายามทำตัวสบายๆ กับการลงเล่นคอร์สนี้ แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำให้ดีขึ้น และทุกสิ่งที่จะทำก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเองเป็นหลักด้วย"

ผลงานของสาวไทยคนอื่น "โปรจูเนียร์" จัสมิน สุวัณณะปุระ หล่นมาอยู่อันดับ 13 ร่วม หลังตีเกิน 2 โอเวอร์ สกอร์หดเหลือ 3 อันเดอร์พาร์ รองมา "โปรพริม" พริมา ธรรมมารักษ์ อันดับ 20 ร่วม สกอร์ 2 อันเดอร์พาร์

"โปรเมียว" ปาจรีย์ อนันต์นฤการ รอบนี้เก็บได้ 1 อันเดอร์ แก้ไขสกอร์เป็นอีเวนพาร์ อันดับ 35 ร่วม ส่วน "โปรเหมียว" แพตตี้ ปภังกร ธวัชธนกิจ ตีเกิน 3 โอเวอร์ สกอร์อีเวนพาร์ อยู่อันดับ 35 ร่วมเช่นกัน
เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสาวมือ 21 ของโลกชาวไทย ทำผลงานแจ่มเก็บสกอร์เป็น 9 อันเดอร์พาร์ ก่อนพาตัวเองขึ้นมานั่งเก้าอี้ผู้นำเดี่ยวของศึก เลดีส์ สกอตติช โอเพน รอบสอง เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ศึกกอล์ฟ แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ เลดีส์ สกอตติช โอเพน ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 50 ล้านบาท) ณ สนาม ดุมบาร์นีย์ ลิงส์ ระยะ 6,584 หลา พาร์ 72 สกอตแลนด์ เข้าสู่การแข่งขันวันที่สอง

ปรากฏว่า "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล สวิงสาวไทย โชว์ฟอร์มดีตี 7 เบอร์ดี เสีย 1 โบกี จบวันได้มา 6 อันเดอร์ รวมสกอร์เป็น 9 อันเดอร์พาร์ พุ่งจากอันดับ 15 ในรอบที่แล้ว ขึ้นมาเป็นผู้นำโดยมี "โปรจีน" อาฒยา ฐิติกุล อีกหนึ่งสาวไทย นั่งอันดับ 2 ร่วม ตามหลัง 1 สโตรก

จบรอบสอง เอรียา วัย 25 ปี เผยว่า "วันนี้ฉันพยายามทำตัวสบายๆ กับการลงเล่นคอร์สนี้ แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำให้ดีขึ้น และทุกสิ่งที่จะทำก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเองเป็นหลักด้วย"

ผลงานของสาวไทยคนอื่น "โปรจูเนียร์" จัสมิน สุวัณณะปุระ หล่นมาอยู่อันดับ 13 ร่วม หลังตีเกิน 2 โอเวอร์ สกอร์หดเหลือ 3 อันเดอร์พาร์ รองมา "โปรพริม" พริมา ธรรมมารักษ์ อันดับ 20 ร่วม สกอร์ 2 อันเดอร์พาร์

"โปรเมียว" ปาจรีย์ อนันต์นฤการ รอบนี้เก็บได้ 1 อันเดอร์ แก้ไขสกอร์เป็นอีเวนพาร์ อันดับ 35 ร่วม ส่วน "โปรเหมียว" แพตตี้ ปภังกร ธวัชธนกิจ ตีเกิน 3 โอเวอร์ สกอร์อีเวนพาร์ อยู่อันดับ 35 ร่วมเช่นกัน
#2854


พลพรรคนักเตะของ อาร์เซนอล พุ่งชนคำว่าพ่ายแพ้ตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล หลังบุกไปโดน เบรนต์ฟอร์ด ทีมน้องใหม่ยิงดับ 2-0 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ คู่เปิดสนาม เมื่อคืนวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา

พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เบรนต์ฟอร์ด 2-0อาร์เซนอล

เกมเปิดซีซัน อาร์เซนอล ยกพลเยือน เบรนต์ฟอร์ด น้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้น เกมนี้เจ้าบ้านใช้ อิวาน โทนี กับ ไบรอัน เอ็มบูโม่ เป็นคู่หน้า ส่วน "ปืนโต" ใช้ โฟลาริน บาโลกัน, นิโคลัส เปเป้ และ เอมิล สมิธ โรว เป็นตัวบุก

เริ่มเกม 2 นาที อาร์เซนอล ทักทาย นิโคลัส เปเป้ จ่ายต่อให้ คีแรน เทียร์นี ลองซัดไกลแต่ติดเซฟ เดวิด รายา ถัดมา นาที 12 เบรนต์ฟอร์ด เกือบทำได้ อิวาน โทนี ดีดออกขวาให้ ไบรอัน เอ็มบูโม่ ลากขึ้นไปยิงแต่ชนเสา

และแล้ว นาที 22 เบรนต์ฟอร์ด ยิงจนได้ อีธาน พินน็อก โหม่งตั้งให้ เซร์จี กานอส ลากหาช่องแล้วซัดเปรี้ยง 1-0 ต่อมา นาที 41 อาร์เซนอล จะตีเสมอ คีแรน เทียร์นี เปิดมาแล้ว โฟลาริน บาโลกัน โหม่งแต่ออกหลัง หมดครึ่งแรก ปืนโต เป็นฝ่ายตามหลัง

ครึ่งหลัง อาร์เซนอล จะทวงคืน นาที 65 นิโคลัส เปเป้ เปิดลูกเตะมุมให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี โหม่งจ่อๆ แต่ออกหลัง ทว่า นาที 73 กองเชียร์ เบรนต์ฟอร์ด เฮลั่น .ลอยโด่งกลางอากาศแล้ว คริสเตียน นอร์การ์ด โหม่งทิ้งห่าง 2-0

ท้ายเกม นาที 80 เบรนต์ฟอร์ด เกือบได้เม็ดสาม เซร์จี กานอส เปิดย้อยเข้ากบาล คริสเตียน นอร์การ์ด โขกแต่ออกหลัง สุดท้ายไม่มีประตูแล้ว จบเกม เบรนต์ฟอร์ด ทำเซอร์ไพรส์ดับทีมยักษ์เปิดซีซันอย่างเร้าใจ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เบรนต์ฟอร์ด- เดวิด รายา, พอนตัส แยนเซน, อีธาน พินน็อก, คริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์, วิตาลี เจเนต็ต, แฟรงค์ ออนเยก้า, คริสเตียน นอร์การ์ด, ริโก เฮนรี, เซร์จี กานอส, อิวาน โทนี, ไบรอัน เอ็มบูโน่
อาร์เซนอล - แบรนด์ เลโน, พาโบล มารี, เบน ไวท์, คีแรน เทียร์นี, คาลัม แชมเบอร์ส, เอมิล สมิธ โรว, กรานิต ชาก้า, อัลเบิร์ต ลากองก้า, โฟลาริน บาโลกัน, กาเบรียล มาร์ติเนลลี, นิโคลัส เปเป้
#2855


เมื่อภาคธุรกิจไม่ปล่อยให้ "วิกฤติ" โควิด-19 สูญเปล่า นำมาเป็น "บทเรียน" ปรับตัว สร้างสรรค์โมเดลใหม่ๆ ต่อลมหายใจกิจการ ยิ่งร้านอาหาร พยายามปั้นจิ๊กซอว์ สู่การเติบโต "โม โม พาราไดซ์" คิดใหม่ มองเงินสดไหลออก คือการลงทุนเพื่ออนาคต

วิกฤติโควิด-19 ระบาด รับงัดไม้แข็งบริหารจัดการไว้รัส มีคำสั่งเข้มงวดกับธุรกิจ"ร้านอาหาร"  รอบแรกเจอการ  "ล็อกดาวน์" ถ้วนหน้า ผู้ประกอบการเดือดร้อนเท่ากัน แต่ล่าสุด การห้ามร้านที่มีสาขาในห้างค้าปลีกเปิดบริการนั่งรับประทาน(Dine-in) ห้ามซื้อกลับบ้าน(Takeaway) ทำได้แค่ "เดลิเวอรี่" เท่านั้น เป็นการปิดตายยอดขายอย่างสิ้นเชิง 

"โม โม พาราไดซ์" ร้านชาบูชาบูและสุกี้ยากี้จากญี่ปุ่น ซึ่งมีสาขาทั้งหมดอยู่ในห้างค้าปลีก รับผลกระทบเต็มๆ และการปรับตัวทางธุรกิจไม่ง่าย แต่ไม่ทำย่อมไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงการสูญเสียโอกาสทำเงิน แม้มีอยู่เพียงน้อยนิด   

สุรเวช เตลาน เจ้าของร้านโม โม พาราไดซ์ บอกเล่าประสบการณ์ทำธุรกิจร้านอาหารในช่วงเวลาวิกฤติผ่านงานสัมมนาออนไลน์ "เปิดสูตรลับ!! ปรับกลยุทธ์ ธุรกิจอาหารต้องรอด" ว่า โม โมฯ มีร้านทั้งสิ้น 20 สาขา มีแบรนด์น้องใหม่ที่ยังไม่โปรโมทสร้างแบรนด์ และร้านอาหารพรีเมี่ยมอีก 2 สาขา แต่ผลกระทบการล็อกดาวน์ล่าสุด บริษัทต้องปิดให้บริการโมโมฯ 100% ถือว่าได้รับผลกระทบหนักมาก โดยยอดขายที่เคยมี ปัจจุบันทำได้เพียง 3-5% เท่านั้น สวนทางกับภาระค่าใช้จ่ายที่ไหลออกทุกวัน โดยเฉพาะต้นทุนคงที่จากการจ้างงาน ที่มีพนักงานนับ "ร้อยชีวิต"  

นอกจากนี้ ร้านอาหารมีวัตถุดิบเป็นของสดจำนวนมาก โดยเฉพาะ "ผักสด" ซึ่งมีการสูญเสียมากสุด เมื่อปิดให้บริการ จึงกระทบต้นทุนอย่างมาก 

สำหรับธุรกิจร้านอาหารถือว่ามีความโดดเด่นด้านการทำเงินหรือรายได้เข้ามา โดยแต่ละวันผู้ประกอบการจะได้รับเงินสดเข้ามาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วนค่าวัตถุดิบจะเป็นการนำผัก อาหารสดต่างๆมาใช้ก่อน แล้วจ่ายให้กับคู่ค้าซัพพลายเออร์ภายหลังหรือเครดิตเทอมนั่นเอง 


ทว่า ร้านอาหารจำนวนไม่น้อยที่ "ขายดีจนเจ๊ง" เนื่องจากผู้ประกอบการสนใจเพียงงบ "กำไร-ขาดทุน" เท่านั้น ไม่ดู "งบดุล" หรือสถานะทางการเงิน ไม่พิจารณารายจ่ายที่ออกไปแต่ละวัน เดือนมีมากแค่ไหน ซึ่งตามหลักการควรให้ความสำคัญ 3 ส่วนทั้ง กระแสเงินสด งบดุล งบกำไรขาดทุนใหถี่ถ้วน

นอกจากนี้ ในภาวะวิกฤติโควิด-19 ระบาด การตระหนักด้าน "การเงิน" ต้องเพิ่มทวีคูณ โดยเฉพาะกระแสเงินสดที่ไหลออก แต่ไม่มีรายรับเข้ามายังร้าน อย่างไรก็ตาม ห้วงเวลายากลำบากนี้ การบริหารสภาพคล่องเป็นเรื่องยากมาก แต่อยากให้ผู้ประกอบการมองเงินสดที่ไหลออกในเวลานี้ต่อยอดธุรกิจในอนาคตให้ได้ 

"การจัดการเงินสด หมุนเงินตอนนี้ลำบากมาก แต่บริษัทให้ความสำคัญในการบริหารอย่างเหมาะสมมาก่อนแล้ว หลักการง่ายๆคือต้องมีเงินเข้ามากกว่าออก ไม่ใช่ขายดี แล้วร้านจะฟุ่มฟือยเต็มที่จนเกิดปัญหาต้องมีทุนสำรองไว้ ส่วนท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาด มองอนาคตร้านอาหารจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เงินที่ไหลออกเวลานี้ให้มองเป็นสิ่งที่ต่อยอดธุรกิจในอนาคตให้ได้หรือเป็น Investing clash flow เพื่อเดินต่อไปข้างหน้า เช่น โม โมฯ ที่ลุกขึ้นมาลุยบริการเดลิเวอรี่ได้จริง จากเดิมไม่คิดจะทำ เพราะไม่เหมาะกับบุฟเฟ่ต์ ที่ต้องมอบประสบการณ์ให้ผู้บริโภคทานในร้าน แต่จากการปรับตัวเดลิเวอรี่ สามารถสร้างยอดขายได้เท่ากับร้าน 1 สาขา รวมถึงการลงทุนขยายบริการส่งโมโม พาราไดซ์ทั่วไทยด้วย" 

ทั้งนี้ สุรเวช ย้ำว่า ร้านชาบูบุฟเฟต์ไม่โจทย์และไม่จำเป็นต้องมีบริการเดลิเวอรี่ แต่การล็อกดาวน์ครั้งแรก ทำให้บริษัทต้องปรับตัว ทดลองปรับเมนู รักษาคุณภาพอาหาร การบรรจุภัณฑ์ การควบคุณอุณหภูมิอาหาร รวมถึงใช้พันธมิตรในการขนส่ง ฯ เพื่อให้มาตรฐานยังทียบเท่าที่ร้านสูงสุด 

นอกจากนี้ ยังเปิดบริการโม โม พาราไดซ์ ส่งทั่วไทยไปเคียงข้างคุณ เพื่อเสิร์ฟชาบูให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทยภายในระยะเวลา 2 วัน ซึ่งปัจจุบันเกือบครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้ง 77 จังหวัดแล้ว 

การพลิกหาโมเดลธุรกิจและบริการใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่เพียงพอที่จะอยู่รอดในวิกฤติ จึงย้ำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารบริหารค่าใช้จ่ายให้ดี คุมต้นทุนเพื่อให้ร้านอยู่ให้ได้ รักษาคนให้ได้ดีที่สุด 

"เราโชคดีที่มีเงินทุนสำรอง เพื่อดูแลบริษัทไปได้ ส่วนจะยาวนานแค่ไหนตอบยาก แต่ละคนขึ้นอยู่กับสายป่านสั้นยาว สามารถพยุงตัวเองได้ไม่เท่ากัน แต่เรายังมุ่งลดต้นทุนให้ต่ำสุด เพราะยังไงต้องเผชิญขาดทุน แต่เชื่อว่าร้านอาหารยังมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ วิกฤติโรคโควิดไม่อยู่ไปตลอด ตอนนี้ต้องทำยังไงให้มีลมหายใจยาวสุด" 
#2856


มิอุ โกโตะ นักกีฬาซอฟต์.หญิงทีมชาติญี่ปุ่น ได้รับเหรียญทองโอลิมปิกอันใหม่ หลังอันเก่าโดนนายกเทศมนตรีชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งเอาไปกัดเข้าปากออกสื่อ จนโดนด่าเละเทะไม่เป็นชิ้นดี

ก่อนหน้านี้ โกโตะ ได้พบกับ ทาคาชิ คาวามูระ นายกเทศมนตรีเมืองนาโกย่า หลังคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ก่อนจะให้ คาวามูระ ได้ลองเอาเหรียญทองไปคล้องคอ แต่อีกฝ่ายกลับทำเกินกว่านั้นคือเปิดหน้ากากแล้วกัดเหรียญโชว์

แม้นักกีฬาจะมีประเพณีกัดเหรียญโชว์เวลาประสบความสำเร็จ แต่การกระทำของ คาวามูระ ส่งให้เกิดเสียงด่าทอสนั่นบนโลกออนไลน์กว่า 7,000 ครั้ง ทำนองว่าไม่ใช่เหรียญของตัวเองสักหน่อยอยู่ๆ เอาไปกัดทำไม แถมยังละเมิดกฏป้องกันการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่างหาก

ภายหลัง คาวามูระ วัย 72 ปี ได้แสดงความขอโทษต่อ โกโตะ จากพฤติกรรมไม่เหมาะสมนั้น ส่วนฝ่ายจัดการแข่งขัน "โตเกียว 2020" ก็ส่งเหรียญทองอันใหม่ไปให้นักซอฟต์.สาว แทนของเก่าที่โดนกัดจนเปื้อนน้ำลายไปแล้ว
#2857
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#2858


วันนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. นางวัลยา วัฒนรัตน์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจความพร้อมศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตสาทร โดยมี ดร.วัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารเขตสาทร ทีมแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลเลิดสิน ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล ณ ศูนย์กีฬาเขตสาทร แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร

ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตสาทร ใช้พื้นที่อาคารศูนย์กีฬาเขตสาทร สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 166 เตียง แบ่งเป็น ผู้ป่วยชาย 60 เตียง ผู้ป่วยหญิง 106 เตียง โดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลเลิดสิน และศูนย์บริการสาธารณสุข 14 แก้วสีบุญเรือง เป็นผู้บริหารจัดการผู้ป่วย คาดว่า จะสามารถเปิดรับผู้ป่วยได้ในวันที่ 14 ส.ค. 64 นับเป็นศูนย์พักคอยฯ แห่งที่ 2 ในพื้นที่เขตสาทร โดยศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตสาทร แห่งที่ 1 ตั้งอยู่ที่อาคารศูนย์เรียนรู้พระพุทธศาสนาและการพัฒนาสังคม วัดสุทธิวราราม ซึ่งเป็นศูนย์พักคอย 1 ใน 7 แห่ง ที่กรุงเทพมหานครเตรียมขยายศักยภาพในการรองรับผู้ป่วย โดยได้ปรับเป็นศูนย์พักคอยกึ่งโรงพยาบาลสนาม (Community Isolation plus : CI plus) เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีอาการระดับสีเหลืองได้รับการรักษาเพิ่มขึ้น

กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ หรือ Community Isolation เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจรับรองว่า ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต โดยมีเป้าหมายเปิดศูนย์พักคอยฯ ให้ได้มากที่สุด เพื่อแยกผู้ป่วยโควิด-19 ออกมาจากบ้าน นำมาพักคอยที่ศูนย์ฯ มีการคัดกรองอาการและดูแลเบื้องต้น เพื่อรอการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาล หากมีอาการแย่ลง ลดปัญหาการแพร่ระบาดและติดเชื้อของคนในครอบครัวและชุมชน ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อโควิด-19 สามารถโทร.ติดต่อสายด่วน 1330 หรือ สายด่วนโควิด 50 เขต เขตละ 20 คู่สาย ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับการประเมินเข้าสู่ระบบการรักษาแบบแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation : HI) หรือเข้าพักที่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation : CI) หรือโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
#2859


นิสสัน แนะไอเดีย ลูกค้าที่ต้องการซื้อของขวัญวันแม่ กับรถยนต์ "อัลเมร่า" เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง และการใช้งาน
การตลาดรถยนต์ในยุคกำลังซื้อตึงตัว โควิดแพร่ระบาด ไม่เพียงแค่จะเน้นเรื่องการขาย การบริการหลังการขายสำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเท่านั้น แต่หลายค่ายปรับตัว ด้วยรูปแบบการสร้างกิจกรรมร่วมกับลุกค้า สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

เราจึงได้เห็นการพยายามมีส่วนร่วมของบริษัทต่างๆ ในหลากหลายรูปแบบ เช่น การสื่อสารกกับลูกค้า ที่ไม่ได้เน้นเรื่องทางเทคนิค เช่น สมรรถนะเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่าง แต่เป็นเรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น รูปแบบการบรรทุกสิ่งของ การใช้งานเบาะ ฯลฯ

และในโอกาสวันแม่ปีนี้ ทางนิสสัน อัลเมร่า ก็มีกิจกรรม เช่นกัน ด้วยการออกมาสื่อสารถึงลูกค้า แนะนำการเลือกซื้ออุปกรณ์ติดรถบางอย่าง สำหรับเป็นของขวัญวันแม่ ไม่ว่าจะเป็น

โดยสิ่งที่อัลเมร่า แนะนำลูกค้าให้หาติดรถไว้มีหายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น  

อุปกรณ์ค้นหากุญแจรถ (Car Key Finder)
จากการที่พบว่า หลายๆ ครั้งเมื่อต้องการเดินทาง หลายคนใช้เวลานานกว่าจะออกจากบ้านได้ นั่นเป็นเพราะหากุญแจรถไม่เจอ ทำให้ต้องเสียเวลาหาอยู่เป็นนานสอนาน

ซึ่งอุปกรณ์ช่วยหากุญแจ จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา ทำให้หากุญแจได้รวดเร็ว หรือหากลืม หรือทำกุญแจหล่นหาย ยังมีเสียงเตือน ที่ช่วยให้สามารถค้นหากุญแจจากระยะไกลได้อีกด้วย 



เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ (Smart Car Air Purifier)
เนื่องจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันไม่ดีนัก และส่งผลต่อสุขภาพ ดังนั้นการดูแลรักษาความสะอาด และฟอกอากาศในรถ เป็นอีกวิธีที่จะช่วยดูแลรักษาสุขภาพของคุณแม่ ไม่ให้ต้องเสี่ยงเป็นหวัดจากไรฝุ่น หลีกเลี่ยงการป่วยเล็กๆ น้อยๆ ให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมสู้ไวรัสเสมอ ไม่ว่าจะไปไหนก็มีอากาศสะอาด สดชื่นทุกการเดินทาง

แก้วน้ำเก็บความร้อน-เย็น (Tumbler)
น้ำดื่มเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญต่อร่างกาย และการมีแก้วน้ำที่สามารถคงอุณหภูมิไว้ได้นาน ก็จะช่วยให้การมีความสดชื่นยิ่งขึ้น

ผ้าห่มหรือหมอนใบเล็กๆ
การมีผ้าห่ม หรือหมอนนุ่มๆ ติดรถไว้ ช่วยให้การผักผ่อนในขณะเดินทางง่ายขี้น จากความนุ่มสบาย หรือ ห่มหากอุณหภูมิในห้องโดยสารเย็นเกินไป

สำหรับ นิสสัน อัลเมร่า เป็นอีโค คาร์ รหัสขายดีของนิสสัน และล่าสุดเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษ "อัลเมร่า สปอร์ตเทค" ที่เพิ่มความสปอร์ตและพรีเมียม ทั้งภายนอกและภายในมากขั้น
#2860


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา ได้เป็นประธานในการประชุมผ่านระบบ Zoom Conference การประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) และการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด เพื่อเดินหน้าโครงการประกันรายได้พืชอีก 2 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปาล์มน้ำมัน ที่จะนำมาใช้เป็นหลักประกันในการช่วยเหลือเกษตรกรในปีที่ 3 และการพิจารณาโครงการเสริม เพื่อยกระดับราคา

สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้มีมติเห็นชอบในการเดินหน้านโยบายประกันรายได้ ปีการผลิต 2564/65 เป็นปีที่ 3 โดยใช้หลักการเดียวกับประกันรายได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2 ที่กำหนดราคาเป้าหมาย 8.50 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ เป้าหมายเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับกรมส่งเสริมการเกษตรจำนวนประมาณ 452,000 ครัวเรือน ที่ขึ้นทะเบียนเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564-31 พ.ค.2565 โดยงวดแรกจะเริ่มจ่ายให้เกษตรกรวันที่ 20 พ.ย.2564 งวดต่อไปทุกวันที่ 20 ของเดือน งวดสุดท้าย 20 ต.ค.2565 รวม 12 งวด วงเงินงบประมาณ 1,800 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

ส่วนมาตรการคู่ขนานที่จะเข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพด มีมาตรการให้สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการเร่งการรับซื้อและเก็บสต๊อกไว้ในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก โดยได้รับชดเชยดอกเบี้ยในอัตรา 3% ต่อปี เป้าหมายรวม 350,000 ตัน ได้แก่ 1.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่ม เป้าหมาย 150,000 ตัน และ 2.โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต๊อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป้าหมาย 200,000 ตัน



นายจุรินทร์กล่าวว่า ปาล์มน้ำมัน ได้มีมติเห็นชอบให้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) พิจารณาโครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมัน ปี 3 โดยกำหนดราคาเป้าหมาย 4 บาทต่อกก. ซึ่งเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรจะได้รับความช่วยเหลือทุกครัวเรือนตามพื้นที่ ๆ ปลูกจริง แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 25 ไร่ และต้องเป็นพื้นที่ปลูกต้นปาล์มที่ให้ผลผลิตแล้ว มีอายุ 3 ปีขึ้นไป ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ก.ย. 2564-ก.ย.2565 โดยจะจ่ายงวดที่ 1 วันที่ 15 ก.ย.2564 วงเงินงบประมาณ 7,660 ล้านบาท

โดยมาตรการเสริมคู่ขนาน เพื่อแก้ไขปัญหาสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกิน จะสนับสนุนค่าบริหารจัดการให้ผู้ส่งออก กก.ละ 2 บาท เพื่อผลักดันน้ำมันปาล์มดิบออกไปตลาดต่างประเทศ ซึ่งเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินปี 2564 จากเดิมสิ้นสุดระยะเวลาส่งออกเดือนก.ย.2564 เป็น ธ.ค.2564 และขยายเวลาโครงการจากเดือนธ.ค.2564 เป็น มี.ค.2565 ภายใต้เป้าหมายเดิมที่ 300,000 ตัน และในปี 2565 เป้าหมาย 150,000 ตัน โดยจะเสนอขอใช้งบประมาณกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร วงเงิน 300 ล้านบาท ทั้งนี้ ในการดำเนินการโครงการดังกล่าว มีเงื่อนไขพิจารณาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการการส่งออก เมื่อระดับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่า 300,000 ตัน และราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลก

"โครงการประกันรายได้ของรัฐบาลชุดนี้ จะเดินหน้าปีที่ 3 ทั้งหมด ซึ่งจะทยอยทำการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง หลังจากพืชแต่ละชนิดจบโครงการปีที่ 2 และจะนำเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อขออนุมัติต่อไป เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่อยู่ในโครงการกว่า 7.69 ล้านครัวเรือน ที่ปลูกพืชหลัก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่วนพืชเกษตรอื่น ๆ จะมีมาตรการอื่นในการเข้ามาดูแล ซึ่งยืนยันว่ามีการดูแลทั่วถึงแน่นอน"นายจุรินทร์กล่าว