• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chanapot

#2861


เรียกว่าชวนเหล่าแขกรับเชิญที่สลัดคราบนักร้องมาแข่งขันหาคู่รักตัวจริงโดยเฉพาะใน "รายการ Couple or not? คู่ไหน...ใช่เลย" ทั้ง "ซีดี–กันต์ธีร์" นักเต้นเท้าไฟ และ "แกรนด์–กรณ์ภัสสร" สาวแซ่บสุดเซ็กซี่ตัวแม่ ต้องมาประชันกับ "ว่าน–ธนกฤต" ควงศิลปินในค่าย "น้องแซนดี้–ญาณิศา" นักร้องสาวน้อยเสียงหวานวัย 13 ปี ที่ส่งเพลงแรก "สวัสดีความรัก" มาทักทาย

งานนี้พิธีกรฝีปากฮา "ต้นหอม–ศกุนตลา, นุ้ย–ธนวัฒน์" ขอซอกแซกถึงการมาคู่กันของ แกรนด์–ซีดี ที่มาครั้งนี้เตรียมมีโปรเจกต์อะไรหรือเปล่า

แกรนด์ เผยว่า "ใช่แล้วค่ะ กำลังจะมีผลงานใหม่ออกมาให้ได้ชมกันหลังจากที่แกรนด์ห่างหายการทำเพลงไปประมาณ 6-7 ปี ซึ่งตอนนี้กำลังจะกลับมาทำเพลงให้ทุกคนหายคิดถึงแล้ว โดยมีน้องชายสุดที่รักอย่าง ซีดี ที่เราทั้งแต่งเพลงและฟีเจอริงกัน บอกได้เลยว่างานนี้ยังคงแดนซ์กันกระจายเหมือนเดิม จะเป็นเมื่อไรต้องรอติดตามชมกันนะคะ"

ส่วนเกมการแข่งขันรับประกันความมันส์ ลุ้นกันว่าระหว่าง "แกรนด์–ซีดี" และ "ว่าน–แซนดี้" คู่ไหนจะเข้ารอบแจ็กพอตคว้าเงินสะสมไปได้ วันอาทิตย์ที่ 1 ส.ค.นี้ เวลา 16.00 น. ทางช่อง 3HD.
#2862



สำหรับนักร้องหนุ่ม ติ๊ก เพลย์กราวด์ หรือ กฤษติกร พรสาธิต เมื่อทราบว่าคุณพ่อคุณแม่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งคู่ โดยคุณแม่ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว ส่วนคุณพ่ออยู่ห้อง CCU เพราะมีอาการหายใจไม่ออก

โดยหนุ่มติ๊ก ได้เผยผ่านอินสตาแกรม ว่า...ปีนี้เป็นปีที่ใจร้ายกับผมมากๆ เลยครับ ข่าวร้ายคราวนี้เล่นแรงกับหัวใจผมมากๆ เลย คือเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา "ป๊า" พ่อของผมหายใจไม่ออก ที่บ้านเลยรีบพาไปส่งโรงพยาบาล พอผมตามไปถึงที่โรงพยาบาลคุณหมอได้แจ้งผลว่า ป๊า เป็นโควิด ฮะ แต่ด้วยปกติแล้วป๊าไม่ได้ไปไหน เพราะกึ่งๆ เป็นผู้ป่วยติดเตียง เลยสันนิษฐานได้ว่าน่าจะติดมาจากคุณแม่ ที่อยู่ดูแลป๊าเป็นประจำ เลยทำการตรวจโควิดคนในบ้าน (บ้านผมพักกันอยู่ 3 คน ป๊า แม่ น้องสาว ส่วนผมพักคอนโดอีกที่ไม่ได้อาศัยที่นี่นะครับ เพราะต้องทำงานพบเจอผู้คนตลอด)



ผลปรากฎว่า น้องสาวผมไม่ติด แต่คุณแม่ติดเป็นโควิดด้วยเหมือนกันครับ (ทั้งคู่ฉีควัคซีนแล้วนะครับ น้องสาวผมฉีด sinovax 2 เข็ม คุณแม่ฉีด astrazeneca เข็มแรก ) ผมและครอบครัวเลยพาคุณแม่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ตอนนี้รอเช็คอาการต่างๆ อยู่นะครับ ส่วนป๊าอยู่ห้อง CCU อาการที่หายใจไม่ออกก่อนหน้านี้สาเหตุน่าจะมาจากมีเสมหะมากเกินไปจึงอุดตันระบบหายใจ

ส่วนอาการโควิคยังไม่มีอะไรเลวร้ายและรอดูการตอบสนองกับตัวยาอยู่นะครับ เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกว่าโควิดเข้าใกล้ตัวเรามากๆ จริงๆ นะครับ อยากให้ทุกคนระวังและดูแลสุขภาพกันให้ดีนะครับ ในฐานะลูกผมจะดูแลหัวใจ 2 ดวง ของผมให้ดีที่สุดเลยครับ ขอให้ป๊าและหม่าม้าหายไวๆ นะครับ"
#2863



รายการโหนกระแสวันที่ 29 ก.ค. 64 "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ "นพ.พิเชฐ บัญญัติ" รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และอดีตนายกสภาการแพทย์แผนไทย หลังประชาชนเรียกร้องเรื่องสมุนไพร นอกจากกระชายขาว ฟ้าทะลายโจร อีกหนึ่งอย่างที่กำลังพูดกันคือ พลูคาว ตรีผลา คืออะไร

ก่อนหน้านี้มีคนกินฟ้าทะลายโจร กระชายขาวสร้างภูมิตัวเอง กินต่อเนื่องยาวเป็นเดือนๆ แต่พออาจารย์บอกไม่ได้ ต้องมีระยะของมัน ทุกคนก็เข้าใจ และมีเรื่องคนกินยาวๆ แล้วมีปัญหาเรื่องของตับเหมือนกัน อาจารย์มองเรื่องนี้ยังไง?

นพ.พิเชฐ : อะไรที่มันมากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี มันต้องพอดี ผมเองมีพรรคเพื่อนที่เป็นหมอ ดูแลคนไข้ ก็บ่นมาเหมือนกันว่าเจอคนไข้ค่าตับไม่ดี ตับมีปัญหา ถามไปว่าโอ้โห กินสารพัดสมุนไพร กินป้องกันเพราะความกลัว บางคนกินทั้งฟ้าทะลายโจร กระชายขาว ตรีผลา จันทลีลา พอป่วยไปถึงหมอ หมอจะให้ยารักษาฆ่าเชื้อไวรัส ให้ไม่ได้ ตรวจแล้วค่าตับผิดปกติ เสียเวลาต้องรอ เพราะไม่กล้าให้ เพราะยาแต่ละตัวถ้าตับไม่ดีต้องระวัง มันสะท้อนว่ามีคนไม่เข้าใจ ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์เหมือนสงคราม ใครว่าอะไรดีคว้าไว้ก่อน แบบนี้ไม่ดี มันมีโอกาสมากเกินไป บางอย่างถ้าเราจะใช้สมุนไพรเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ต้องกินเป็นอาหาร กินตามหลักการปรุงอาหารแบบไทยๆ จะได้มีประโยชน์ไม่มีโทษ แต่ถ้ากินแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ต้องมีระยะเวลา ปริมาณที่เหมาะสม ถ้ากินเป็นยาต้องกินให้ครบสูตรครบขนานของยา มันถึงจะได้ผล ถ้าจะกินฟ้าทะลายโจรยับยั้งไวรัสโควิด ก็ต้องกินให้ได้ปริมาณสารที่กำหนดตามที่เขาวิจัยไว้



กินฟ้าทะลายโจรไม่ใช่ว่าจะไม่ติดโควิดนะ?
นพ. พิเชฐ : ใช่ครับ เพราะมันป้องกันการติดโควิดไม่ได้ ผลการวิจัยในหลอดทดลอง มันป้องกันไม่ได้ ชัดเจนว่าเก็บไว้กินตอนรับเชื้อ ถ้ากิน 3 วันแล้วโอเค ไม่มีอาการ ดีขึ้น ก็กินต่อให้ครบ 5 วัน พอ 5 วันเชื้อจะออกจากร่างกายไปหมด เชื้อจะค่อยๆ ขับออก ปกติถ้าเราไม่กินยา เป็นชนิดไม่มีอาการ ไม่รุนแรง 5 วันอาการจะลดลงเพราะร่างกายสู้มันได้ภูมิคุ้มกันจะกัดมัน 7-10 วันส่วนใหญ่จะหมด แต่ถ้าอาการเยอะจะกำจัดช้าหน่อย เป็นซากเชื้อ

ยาแผนปัจจุบันก็ทิ้งไม่ได้?
นพ.พิเชฐ : โดยแนวทางตอนนี้ไม่ให้กินฟ้าทะลายโจร ควบกับยาต้านไวรัสปัจจุบัน ทั้งฟาวิพิราเวียร์ หรือบางท่านได้เรมเดซิเวียร์ ก็แล้วแต่ ไม่กินคู่กัน ถ้าดีก็กินฟ้าทะลายโจรให้ครบ ถ้าไม่ดีต้องหยุดให้หมอประเมินอาการว่าเชื้อลงปอดมั้ย ต้องปรับยาอะไรมั้ย แต่กินเพื่อป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ แต่ถ้ากินเพื่อรักษาต้องกินให้ปริมาณเพียงพอ ถ้าไม่ปริมาณเพียงพอเราก็ไม่การันตีได้ว่ามันจะเอาอยู่



ตรีผลา ขิง พลูคาว กระตุ้นภูมิคุ้มร่างกายได้จริงหรือเปล่า?
นพ.พิเชฐ : จากการศึกษาวิจัยในสัตว์และหลอดทดลอง ทั้งสามตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่ภูมิคุ้มกันมีหลายแบบภูมิคุ้มกันทั่วไปหรือที่เรามีติดตัว พวกนี้กระตุ้นได้โดยการกิน อาหาร การออกกำลังกาย แต่ภูมิคุ้มกันเฉพาะเชื้อ เฉพาะชนิดจะได้จากการฉีดวัคซีน ถึงจะเกิดภูมิคุ้มกันเฉพาะโควิดโดยตรง แต่การกินสมุนไพรที่มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ไปช่วยเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดที่กำจัดเชื้อโรคได้ด้วย มันก็จะเสริมกับภูมิที่ขึ้นจากการฉีดวัคซีน อันนี้มีการศึกษาวิจัยในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลองแล้ว แต่การกินต้องกินให้ถูกต้อง หนึ่งถ้ากินอะไรติดต่อกันยาวๆ เกิน 10 วัน อย่างพารา กินเกิน 10 วัน วันละเม็ดก็มีโอกาสที่ตับมีปัญหา ต้องหยุด ต้องเว้น อาจมีผลได้ถ้ากินทุกวัน ถึงกินเม็ดเดียวก็ควรหยุด การกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จากตรีผลา ในตำราแพทย์แผนไทย ประกอบไปด้วย สมอพิเภก สมอไทย มะขามป้อม สามอย่างนี้เรียกว่าตรีผลา ตรีแปลว่าสาม ผลาคือผล ผลไม้สามอย่าง ถ้าทำเป็นยาใช้แบบแห้งก็ได้ แต่ถ้าทำเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ใช้แบบสดต้มได้



สัดส่วนปริมาณเป็นยังไง?
นพ.พิเชฐ : มีสองแบบ ถ้าเราใช้เพื่อการรักษาโรค เขาจะใช้สัดส่วนไม่เท่ากันตามสาเหตุของโรคเรา แต่ถ้าใช้เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันปกติ ใช้หนึ่งต่อหนึ่งต่อหนึ่ง อย่างละเท่าๆ กันก็ได้ อาจเติมพวกน้ำตาลกรวด น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำผึ้ง ให้รสชาติดีขึ้น



ต้องใช้สัดส่วนยังไงต่อน้ำเท่าไหร่?
นพ.พิเชฐ : บางทีสูตรพวกนี้อาจแตกต่างกันได้ไม่ตายตัว แต่เราเน้นว่าสารแต่ละอย่างให้ท่ากัน เช่นใช้สองขีดก็ใช้สองขีดๆ เท่ากัน ไปต้มในน้ำสักลิตรนึง เติมน้ำตาลให้รสชาติดีหน่อย หรือเติมเกลือสักนิดหน่อย ต้มให้มันสุก แล้วกรองเอาน้ำมา เรียกว่าพิกัดตรีผลา ใช้สำหรับคนที่ไม่ป่วย แต่ถ้าคนป่วยต้องใช้หมอวินิจฉัย ว่าโรคเกี่ยวกับธาตุไฟ เราจะใช้อีกสูตรนึง ตัวยาไม่เท่ากัน เป็น 8-4-10 แต่ถ้ามีเสมหะเยอะ มีไอ ไข้ไม่เยอะ ก็ปรับไปอีก 10-8-4 ซึ่งตัวเลขนี้เป็นน้ำหนักสัดส่วนของที่ใช้ ถ้าแก้สาเหตุจากเสมหะ ใช้สมอพิเภก 8 ส่วน สมอไทย 4 ส่วน มะขามป้อม 12 ส่วน เพราะตัวมะขามป้อมลดเปรี้ยวฝาดขมกัดเสมหะ ละลายเสมหะได้ดี ทำให้เสมหะแห้งได้ แต่ถ้าไข้ ตัวร้อนเยอะ ไปทางหวัด น้ำมูกอาจไม่เด่น ก็ปรับเป็น 12-8-4 สมอพิเภก 12 สมอไทย 8 มะขามป้อม 4 แต่ถ้าไข้ไม่ค่อยมี เสมหะในคอนิดหน่อย น้ำมูกไม่ค่อยเยอะ แต่ครั่นเนื้อครั่นตัว เพลียๆ สาเหตุจากวาตะ ลมผิดปกติ อันนี้ปรับเป็นสมอพิเภก 4 ส่วน สมอไทย 12 ส่วน มะขามป้อม 8 ส่วน ซึ่งสามสูตรหลังเรียกมหาพิกัดตรีผลา สูตรแรกสำหรับเราไม่ป่วย แข็งแรงดี ใช้สัดส่วน 1-1-1 ถ้ากินยากก็เพิ่งมะขามป้อมเยอะหน่อย เป็นหนึ่งต่อสาม สูตรไม่ตายตัว

ขิงช่วยมั้ย?
นพ.พิเชฐ : ขิงเป็นสมุนไพรรสร้อน มันก็ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว ในทางการแพทย์แผนไทย

เพื่อนต่างประเทศหลายคน อยู่อังกฤษ อเมริกา เขาบอกว่าเพื่อนๆ คนไทยที่เป็นโควิด เขาต้มน้ำขิงกินแล้วรู้สึกดีขึ้น?
นพ.พิเชฐ : สมุนไพรรสร้อนจะกระตุ้นธาตุไฟ ซึ่งธาตุไฟคือเรื่องภูมิคุ้มกันอยู่แล้วในการแพทย์แผนไทย ฉะนั้นการกินน้ำขิงก็ได้ประโยชน์อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขิง ข่า กระชาย รสร้อนหมด ก็กระตุ้นภูมิคุ้มกัน เขาถึงเอาไปทำเครื่องแกง แต่การกินอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำๆ ติดกันตลอด อาจเสียสมดุลร่างกาย ผมคิดว่าเรากินสลับกันได้มั้ย หรือเพิ่มสัดส่วนเข้าไป อย่างกระชาย ภูมิปัญญาไทยไม่มีกินดิบนะ ต้องกินต้มสุก ถ้าคนอยากกินกระชาย บางสูตรบอก กระชายสัก 2 ขีด เพิ่มขิงไปหน่อยนึง 1 ใน 4 สัก 50 กรัม แล้วไปเพิ่มน้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลกรวด ซึ่งน้ำตาลกรวดเป็นสมุนไพรอย่างนึง สมุนไพรไม่ใช่เฉพาะพืชนะ เป็นได้ทั้งพืชและสัตว์ และแร่ธาตุแบบนี้ จริงๆ ใช้น้ำตาปี๊บก็ได้ หรือไม่มีก็ใช้น้ำผึ้ง ถ้าไม่อยากให้หวานเยอะ อันนี้ก็ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เหมือนกัน มีประโยชน์มากกว่ากินกระชายตัวเดียว กระชายตัวเดียวก็จะหนักอย่างใดอย่างนึง ผมคิดว่าสิ่งที่น่าจะกินได้นานหน่อย ควรใช้กระชาย อาจเพิ่มใบเตย เพราะมีรสเย็นมาตัดตัวรสร้อน ต้มแล้วเอาใบเตยใส่ไปตัดรสร้อนกระชายใส่น้ำตาลกรวดไปด้วย แล้วแต่ความหวานคนชอบ พอใส่ไปก็เป็นรสเย็นก็จะชุ่มชื่น ใส่เกลือไปนิดหน่อย แก้น้ำเหลืองเสียได้ด้วย

พลูคาวนี่ไม่ค่อยได้ยินถึง แต่อาจารย์จะบอกว่าเป็นสมุนไพรที่ดีเหมือนกัน?
นพ.พิเชฐ : ครับ มีวิจัยเยอะมากเลยนะ มีการจดลิขสิทธิ์การศึกษาวิจัยไว้เยอะ ทั้งประเทศไทยและในโลก พลูคาวคือผักคาวตองที่เขากินแกล้มลาบ ทางเหนือ กลิ่นใบจะคล้ายๆ ใบพลู กลิ่นคาวคล้ายคาวปลา เขาเลยเรียกพลูคาว หรือผักคาวตอง เวลาเราไปทางเหนือเขาทำเป็นลาบมาจะแกล้มตรงนี้ พืชตัวนี้มีกระจายใช้กันหลายประเทศ ชื่อแตกต่างกัน มีหลายพันธุ์ ในภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ใบเป็นรสร้อน ก็แก้กามโรค แก้น้ำเหลืองเสีย แก้กามโรคเข้าข้อ เกิดโรคอื่นๆ ด้วย แต่พอดูในตำรับยาไทยหนังสือเวชศึกษา ของพระยาพิศณุประสาทเวช บอกว่ามีตั้งแต่แก้น้ำมูก แก้ซาง ยาแก้ตาล และยานึงน่าสนใจ ยามหาระงับพิษ คือพิษอะไรมาก็สู้ได้ ยาแก้ไข นี่แพทย์แผนไทย ทีนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีการศึกษาวิจัย เราก็วิจัยและทำหนังสือมาเล่มนึง หนังสือผักคาวตอง ผมสรุปว่าผักคาวทองพอไปศึกษาทางเคมี มีสารเยอะมาก มีสารกลุ่มน้ำมันหอมระเหย ตั้ง 30 กว่าชนิด มีผลมีประโยชน์อย่างอื่นด้วย สารกลุ่มพวกฟลาโวนอยด์ , เคอร์ซีติน , รูติน และพวกสารอัลคาลอยด์ พบกว่า 15 ชนิด

และพวกกรดไขมันที่สำคัญสองตัว เราต้องกินเข้าไป เราสร้างเองไม่ได้ มีสารเยอะมาก และมีการทดลองในทางเภสัชวิทยามีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ด้วย ที่พูดนี่ยังไม่มีการทดลองในคนนะ แต่มีทดลองในสัตว์ทดลอง และหลอดทดลอง อย่างต้านมะเร็งเขาไปทดลองกับมะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มันต้านได้ ฤทธิ์ต้านไวรัสได้หลายตัว สารเคอร์ซิติน จะออกฤทธิ์ ยับยั้งเชื้อไวรัสหลายตัว ตัวนึงที่กล่าวถึงในงานวิจัย คือไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งในหลอดทดลองและในสัตว์ ใช้ได้ดีกว่า แต่ไม่มีใครเอามาทำวิจัยเป็นยาจริงๆ จัง ๆ และต้านอักเสบได้ด้วย ที่สำคัญกระตุ้นภูมิคุ้มกันก็มีการวิจัยหลายอัน ทั้งต่างประเทศและไทย สารจากน้ำสกัดแบบต้มของใบพลูคาวกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวเม็ดเลือดขาวชนิดที่จับไวรัสกิน นี่เป็นการทดลองก่อน ถ้าจะกิน ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบอาหาร เป็นใบสด แต่ถ้าจะแปลงมาเป็นของที่เรากิน อาจใช้ต้ม เพราะการทดลองส่วนใหญ่ใช้น้ำสกัดจากต้มทั้งนั้น แต่เพราะกลิ่นคาว อาจไม่มีใครทำเป็นต้มกินเหมือนน้ำกระชาย น้ำขิง

ผักคาวตอง หรือพลูคาว เขาบอกองค์ประกอบเคมี กับภูมิคุ้มกัน เขามีบอกหมดเลย มีข้อมูลที่มีการวิจัยมาหมดแล้ว ในจีนก็มีเอาไปวิจัย ตอนนี้อยู่ในสายกับ "ผศ.ดร.เอกสิทธิ์ จงเจริญรักษ์" คณะอุตสาหกรรมเกษตรมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อาจารย์เป็นคนหนึ่งที่วิจัยเรื่องพลูคาว?

ดร.เอกสิทธิ์ : ใช่ครับ ตัวผมเองและทีมงานวิจัย เราทำงานวิจัยด้านการทดสอบ สกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เราทำวิจัยตัวพลูคาวมา 10 กว่าปี เนื่องจากตัวสมุนไพรพลูคาว เป็นสมุนไพรชนิดนึงทางภาคเหนือของไทย ตัวเขาเองมีลักษณะกลิ่นรสเฉพาะ ถ้าบี้ใบดูจะเป็นเมือกลื่น ทำให้เราสนใจ จากการวิเคราะห์เบื้องต้นในห้องปฏิบัติการ พบว่ามีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญ ที่เคยทำสารที่มีเมืองลื่นเมื่อผ่านกระบวนการย่อยเฉพาะ เราพบว่าหนึ่งในฤทธิ์นั้นคือกระตุ้นภูมิคุ้มกันในห้องทดลองได้เป็นอย่างดี และจากที่สืบค้นงานวิจัยย้อนหลัง ในงานวิจัยเยอะแยะบอกถึงฤทธิ์ ศักยภาพใบพลูคาว มีงานวิจัยชิ้นนึง ที่น่าสนใจ คือการออกฤทธิ์ยับยั้งซาโควี 1 โคโรนาไวรัสเวอร์ชั่นแรก ที่ระบาดในปี 46 เป็นตัวที่ทำให้เราเห็นศักยภาพที่จะนำมาพัฒนาต่อ ทางทีมวิจัยก็วิจัยอย่างต่อเอง การทานบริโภคต่อไปต้องมีงานวิจัยที่นำมาสนับสนุนซัปพอร์ตต่อไปว่าจะนำมาใช้ได้อย่างไร



ถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์?
ดร.เอกสิทธิ์ : ใช่ครับ มีศักยภาพสูงที่จะนำมาพัฒนาได้ต่อไป

มองยังไง เดี๋ยวพูดไปราคาแพงอีก คราวที่แล้วทั้งฟ้าทะลายโจร กระชายขาวเอาไปขายโก่งราคากัน?
พิเชฐ : ทั้งหมดเป็นการทดลองในสัตว์ทดลอง ถ้าจะเอามาใช้ ต้องใช้เป็นอาหาร เช่น เอามากินแบบใบสด ถ้าใบสดจะดีตรงที่ได้สารน้ำมันหอมระเหยได้ด้วย ซึ่งช่วยกำจัดไวรัสได้ด้วย แต่ถ้าเราจะกินแบบสุกก็ต้องกินแบบต้ม ตอนนี้ภูมิปัญญาเรามีประมาณนี้ ส่วนการพัฒนารูปแบบเป็นยาฆ่าฆ่าไวรัสยังไม่ได้มีการศึกษา

ข้อเสีย คือกินอะไรอย่าให้มากเกินไป ไม่ว่าพลูคาว ตีผลา หรือสูตรขิงกับกระชาย?
พิเชฐ : ครับ เรียนว่าผมก็ไม่มีข้อมูลชัดเจน ว่ากินติดต่อกันนานเกินเท่าไหร่ แต่โดยหลักภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยเราจะไม่กินสมุนไพรตัวเดียวหรืออย่างเดียวติดต่อกันนานๆ แต่วิจัยบอกไม่ควรเกิน 7-10 วันอย่างเดียว การกินรูปแบบที่ไม่ใช่อาหารโดยตรงต้องระวัง เพราะอาจมีสารสกัดเข้มข้นบางตัวเปลี่ยนไปจากธรรมชาติที่อยู่ในอาหาร การกินต้องระมัดระวังเหมือนกินยา ผลการวิจัยในหลอดทดลอง มันยังขาดบางส่วนที่ยังบอกไม่ได้ คือหนึ่ง เวลากินเข้าไปฤทธิ์ทางยามันไปทำอะไรกับเรากับตัวเรามันยังบอกไม่ชัด เขาเรียกว่าเภสัชพลาศาสตร์ กินไปตัวเราไปทำอะไรกับยา ทำปฏิกิริยาอะไรกับมัน สองอันมีความสำคัญก่อนเปลี่ยนเป็นยารักษาโรค ดีที่สุดตอนนี้คือกินเป็นอาหารตามภูมิปัญญาที่เราใช้อยู่ แต่ถ้าไม่สะดวกก็ปรับเป็นเครื่องดื่ม อาจเอามาต้มน้ำ ปรุงโน่นนี่ ผมว่าแบบนี้มีประโยชน์



ถ้าจะมองว่าฟ้าทะลายโจรเป็นดาบสู้ไวรัสได้มั้ย?
พิเชฐ : ถ้าเป็นยาที่มาจากสมุนไพรก็ต้องเปรียบแบบนั้น คือเอาไว้ฆ่าไวรัส เป็บดาบฟาดฟันไวรัส กระชายขาวถ้ากระชายทั้งอันโดนรวม ไม่แยกเอาสารตัวใดตัวนึงก็เป็นโล่ได้ พลูคาวก็คล้ายๆ กัน ไปเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง แต่ต้องให้พอดี
#2864



โซเชียลฯ วิจารณ์ "มิ้นท์ ไอโรมอะโลน" เจ้าของเพจดังไปทำคอนเมนต์อัฟกานิสถาน ทั้งๆ ที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม เจ้าตัวบอกไม่ต้องห่วง คนที่นั่นดูแลดีมาก พบเจ้าตัวตอบกวนประสาททูตไทยที่ดูแลพื้นที่ทวีปแอฟริกาอีก

วันนี้ (30 ก.ค.) ในโลกทวิตเตอร์ได้มีแฮชแท็ก #IRoamAlone วิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ มิ้นท์ ไอโรมอะโลน หรือ น.ส.มณฑล กสานติกุล เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ I Roam Alone เดินทางไปทำคอนเทนต์ที่ประเทศอัฟกานิสถาน ปรากฎว่าเจ้าตัวโพสต์ข้อความ ระบุว่า "อัพเดท ตาลีบันโจมตีใกล้ๆ สนามบินในเมืองที่อยู่ ตอนนี้ไฟล์ทแคลเซินหมดละค่ะ พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ยังไง น้องๆไกด์ผู้หญิงที่อยู่กับมิ้นท์กังวลมาก เพราะตาลีบันใกล้เข้ามาเเล้ว ถ้ามาเมื่อไหร่เธอบอกว่า 'ชั้นฆ่าตัวตายดีกว่า'

ไม่ต้องห่วงมิ้นท์ คนอัฟกันดูแลมิ้นท์ดีมาก นี่ก็มานอนพักเล่นอยู่บ้านแม่ของน้องโซมาย่าไกด์มิ้นท์

วันนี้คนจำนวนมากวางแผนย้ายออกแล้วนะคะ เร่งทำวีซ่ากันเยอะมาก ตลาดมืดวีซ่ามีราคาเป็นแสน เดือนหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ก็มีอีกหลายคนนะที่ยืนยันว่าตาลีบันเข้ามาไม่ได้แน่ๆ และยังสบายๆ อยู่ ไม่มีอะไรคาดเดาได้เลย

คำถามที่ว่าทำไมที่นี่เป็นประเทศที่คนมีความสุขน้อย ก็เป็นเพราะมันไม่มีความปลอดภัย ชีวิตไม่แน่นอน มีสงครามที่เกิดขึ้นตลอดเวลา อาชีพไม่มี เศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลคอรัปชั่น และมีการแทรกแซงจากต่างประเทศโดยตลอด....

แค่คนไม่กี่คนที่ต้องการอำนาจ ทำชีวิตคนมากมายพังทลาย"

ต่อมา เจ้าตัวโพสต์ข้อความ ระบุว่า "อัพเดท ตอนนี้ได้ติดต่อกับเพื่อนในสถานทูตอัฟกานิสถานให้เขาเช็คสถานการณ์ให้แล้ว บอกว่าไม่มีอะไรต้องห่วง ไม่มีอะไรรุนแรง และอีก 2-3 วันเครื่องบินจะกลับมาบินตามปกติ ในเมืองทุกอย่างยังโอเคนะคะ สงบกริ๊บ

ตอนนี้มีติดต่อคนรู้จักที่จะช่วยเราได้หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจริงๆไว้แล้ว แต่เขาเองก็บอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวล ยังทรงๆอีกซักพัก ไกด์คนที่ทำงานด้วยก็ทำงานกับหลายคนที่มิ้นท์รู้จักและไว้ใจได้ ส่วนแม่ตอนโทรไปหา แม่ก็เล่าข่าวให้ฟังตามปกติ ไม่ได้ตกใจอะไร ไว้ใจลูกสาวมากๆ

ต้องขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ เมื่อวานตกใจนิดหน่อยเหมือนกัน เพราะโซมาย่าเองตกใจ แต่พอเริ่มเช็คข่าวได้ก็เลยทราบว่ายังไม่มีอะไรรุนแรง

สถานการณ์ปัจจุบันสำหรับมิ้นท์ยังไม่น่ากลัว แต่คนที่มิ้นท์ห่วงจริงๆคือคนที่นี่ โดยเฉพาะไกด์สาวๆของมิ้นท์ ที่เขาก็ไม่อยากอยู่กันแล้ว แต่การย้ายมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น

หลายคนถามมาว่าทำไมถึงเสี่ยงไปอัฟกานิสถาน?

เพราะเวลานี้การมาที่นี่ยังไม่เสี่ยงขนาดนั้น ก่อนจะมามิ้นท์ทำการบ้านมาดีมากเลย เช็คข่าว เช็คคนท้องถิ่น เช็คนักเดินทางที่เพิ่งกลับ ทุกคนบอกว่ายังมาได้ เลยตัดสินใจมา ถ้ามาไม่ได้ก็คงไม่มา

จริงๆ ทุกครั้งที่เดินทาง มันไม่ใช่การตัดสินใจไปปุบปับ ทุกครั้งมันผ่านกระบวนการคิด การทำการบ้านมาอย่างดีที่สุดแล้ว หาข้อมูลแล้ว ประเมินความเสี่ยง เช็คสิ่งที่ต้องเช็ค และคุยกับคนที่ต้องคุยแล้ว

ดังนั้นเหตุการณ์ที่อัฟกานิสถานครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจมาก อาจจะตกใจนิดหน่อยที่ไฟล์ทถูกแคลเซินและที่โซมาย่าตกใจมากๆ แต่พอเช็คข่าวกับคนที่เรารู้จักแล้วก็รู้ว่ายังไม่มีอะไรน่าห่วง

มิ้นท์ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เป็นห่วง และขอบคุณทุกคนมากๆจริงๆ

อัฟกานิสถานฟังดูน่ากลัวสำหรับหลายคน แต่คนรอบตัวมิ้นท์ก็มีเดินทางมากันตลอด คงเป็นเพราะแต่ละคนมีการจัดการและประเมินความเสี่ยงที่ต่างกันตามประสบการณ์ที่มี

มิ้นท์พูดเสมอโดยเฉพาะกับคนที่อยากเดินทางตามเราว่า การเดินทางก็เหมือนการเรียนมันต้องค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากไปแบบอนุบาลก่อน สอบผ่านแล้วก็ไปประถม มัธยม ปลดล๊อคค่าประสบการณ์ไปเรื่อยๆ เป็นแบบนี้กับการทำงานด้วยเนอะ มันเป็นการสะสมสกิลค่ะ

จนถึงวันนี้มิ้นท์เดินทางคนเดียวมา 10 ปีแล้ว จากประเทศง่ายๆ ค่อยๆเพิ่มความยากไปทีละนิด อย่างอินเดียมิ้นท์ไปกับน้องช่างภาพก่อน 2 ครั้ง จนรู้สึกมั่นใจเลยกล้าตัดสินใจไปคนเดียว และตอนนี้ก็ไปคนเดียวมาหลายครั้ง

กว่าจะมาถึงอัฟกานิสถาน เราเดินทางผ่านมาหลายประเทศที่ทุกคนฟังแล้วส่ายหน้า จะโคลอมเบีย เวเนซุเอลา คองโก ซูดาน และอีกมากมาย ฟังดูน่ากลัวจากข่าวสารด้านนอกเสมอแต่พอได้ไปจริงๆทุกครั้งมันก็ไม่เป็นแบบในข่าวเลย เพราะทุกครั้งเราทำการบ้านอย่างดี และไปอย่างมีสติเสมอ

อัฟากานิสถานปัจจุบันก็เช่นกัน ในเมืองยังโอเคมากๆ อาจจะมีขลุกขลักบ้าง แต่สถานการณ์โดยรวมช่วงนี้ยังมาได้ และคนกลับมาเยี่ยมบ้านกันเยอะเลย

จริงๆทุกที่และทุกสิ่งเกิดอันตรายได้เสมอถ้าเราไม่พร้อมและไม่มีสติ

เราไม่เคยดื้อ ทำอะไรห่ามๆ หรือทำสิ่งที่จะทำให้คนอื่นและตัวเองตกอยู่ในอันตราย และแม่ก็รู้เรื่องนี้ดี

ส่วนถ้าถามว่าแม่ไม่ห่วงบ้างหรอ ทำไมทำอะไรไม่คิดถึงที่บ้าน?

แม่พูดตลอดว่าแม่เป็นห่วงมิ้นท์เสมอ อยู่กรุงเทพก็ยังห่วง แต่ในความเป็นห่วงแม่ก็สนับสนุนให้เราได้ทำสิ่งที่ชอบ ไม่อย่างนั้นวันนี้ก็ไม่มี I Roam Alone

ความรักของแม่ คือ ความรักที่ต้องปล่อย ไม่ใช่ความรักที่เก็บเขาเอาไว้ หรือใช้ความห่วงเป็นโซ่คล้องไม่ให้เขาไปไหน ที่แม่ทำได้ คือ ให้อาวุธลูกไว้ดูแลตัวเอง เพราะยังไงซะแม่ก็ไม่สามารถปกป้องลูกได้ตลอดชีวิต

และแม่ก็ทำแบบนั้นจริงๆ

แม่ค่อยๆให้มิ้นท์เริ่มเดินทางตั้งแต่เด็ก ค่อยๆสอน ให้เราปรับตัว ให้เราค่อยๆเจอปัญหา โดยแม่ก็คอยมองดูและคอยรับโทรศัพท์ตลอด จนเขารู้ว่าเราไหว ไว้ใจว่าเราเอาตัวรอดได้และจะไม่ทำสิ่งที่จะทำให้ตัวเองเป็นอันตรายแน่นอน

ดังนั้นวันนี้พอโทรบอกแม่ว่า 'สถานการณ์โอเค ไม่ต้องห่วง' เท่านี้แม่ก็โอเค ส่วนอาม่าถ้าแม่บอกว่าโอเค อาม่าก็โอเค

ระหว่างมิ้นท์ แม่ และอาม่า มันคือความไว้ใจและความเชื่อใจที่มีต่อกันมาโดยตลอด เรารู้ว่าอีกฝ่ายตัดสินใจดีแล้ว คิดมาดีที่สุดแล้ว นี่คือความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดในชีวิตมิ้นท์เลยนะ เป็นความโชคดีที่เรามีแม่ที่เข้าใจและเคียงข้างทุกการตัดสินใจเสมอ

ไว้รอมาฟังเรื่องเล่าที่อัฟกานิสถานของมิ้นท์ดีกว่า ประเทศนี้ติดอันดับประเทศในดวงใจแล้วค่ะ ในประเทศแบบนี้แหละ ที่เราจะได้เจอมิตรภาพ เรื่องราวและประสบการณ์ที่ทำให้การเดินทางมีความหมาย

ป.ล. ชุดแต่งงานที่นี่หวานมากๆ สถานที่แต่งงานอลังการ คนเป็นพันเลยค่ะ

อย่างไรก็ตาม ในทวิตเตอร์ได้วิจารณ์มิ้นท์ไปในทางที่หลากหลาย บ้างก็สงสัยว่าไปประเทศอัฟกานิสถานทำไม ทั้งๆ ที่ในขณะนี้อยู่ในภาวะสงคราม เสี่ยงอันตรายต่อการถูกจับเรียกค่าไถ่ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับชาวญี่ปุ่น บางคนแนะว่าถ้าจะทำคอนเทนต์ที่สื่อถึงความยากลำบาก ให้กลับมาทำประเทศตัวเอง ที่ในขณะนี้ลำบากไม่แพ้กัน

นอกจากนี้ ในโซเชียลฯ ยังวิจารณ์กรณีที่นายจุฑา เสาวภา เลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ถามมิ้นท์ว่า "ติดต่อสถานทูตอัฟกานิสถานคืออะไรนะครับ สถานทูตไทยไม่มีที่อัฟกานิสถานนะครับ หรือสถานทูตไทยที่อื่นที่ดูแลคนไทยในอัฟกานิสถาน หรือสถานทูตอัฟกานิสถานในต่างประเทศ" ปรากฎว่า มิ้นท์ตอบไปว่า "สถานทูตอัฟกานิสถานในต่างประเทศที่เช็กข่าวได้ค่ะ จะติดต่อสถานทูตไทยทำไมคะ" โดยวิจารณ์ว่าเจ้าตัวไปกวนประสาททูตไทยที่ดูแลพื้นที่ทวีปแอฟริกา
#2865
ป้ายไฟวิ่ง LED ดิจิตอล 2 รูปแบบ กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี

**** Single color ****** ราคา 2,900 .- 

**** FULL color ****** ราคา 4,200 .-

- กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี










#2866



"เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติไทย ยังคงได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์รถยนต์ดังเป็นอย่างดี ล่าสุดได้รับรถยนต์สำหรับเป็นเพื่อนเดินทางคันใหม่ที่แดนอาทิตย์อุทัยแล้ว

โดย ชนาธิป วัย 27 ปี ดาวดังแห่งสโมสร ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ได้เผยภาพรถยนต์คันใหม่ที่ได้รับจาก Jeep

ทั้งนี้รถยนต์ Jeep Cherokee ที่ได้รับมานั้น ชนาธิป โพสต์พร้อมข้อความว่า "เพื่อนร่วมทางคันใหม่ ขอบคุณมากๆครับผม"

สำหรับก่อนหน้านี้ ชนาธิป ใช้รถยนต์ Jeep Cherokee มาแล้วหลายคัน โดยคันล่าสุดถือเป็นคันที่ 4 ของเจ้าตัวในญี่ปุ่น
#2867



กุนซือทีมขุนค้อนพร้อมยื่นข้อเสนอราว 20 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นค่าฉีกสัญญาของปราการหลังชาวฝรั่งเศส เพื่อหวังดึงเข้ามาเติมเต็มแนวรับในฤดูกาลหน้า

สำหรับ เคิร์ต ซูมา ย้ายจากแซงต์ เอเตียน มาร่วมทีมเชลซีตั้งแต่ปี 2014 แต่กลับไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างต่อเนื่อง โดยลงสนามไปเพียงแค่ 150 เกมเท่านั้น จาก 5 ฤดูกาลในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ แถมยังเคยโดยปล่อยให้ สโต๊ก ซิตี้ และ เอฟเวอร์ตัน ยืมตัวไปใช้งานอีกด้วย

กระทั่งล่าสุด เดลี เมล์ รายงานว่า เดวิด มอยส์ หวังคว้าตัว ซูมา เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของทีม "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้า โดยพร้อมทุ่มเงินราว 20 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นค่าฉีกสัญญาที่เหลือ

ขณะที่แนวรับวัย 26 ปี ก็ต้องการที่จะค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกต่อไปเช่นกัน และไม่ต้องการเป็นตัวแถมในข้อเสนอของเชลซี เพื่อใช้ลดค่าตัวของ ฌูลส์ กุนเด จากเซบีญาในช่วงซัมเมอร์นี้

นอกจากนี้ นายใหญ่ของทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก็ยังยืนยันเสียงแข็งว่า ต้องการซื้อขาด ซูมา ด้วยเงินสดเท่านั้น โดยไม่ต้องได้มาเป็นตัวแถม ในดีลของ ดีแคลน ไรซ์ อย่างแน่นอน.

https:// www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premierleague/2153110
#2868



วันที่ 29 ก.ค. ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกทม. กล่าวในตอนหนึ่งของการแถลงข่าวสรุปการบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ผ่านระบบ Cisco Webex Meetings ถึงกรณี กทม.และกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีปัญหากันหรือไม่นั้น โดยยืนยันว่า กทม.และ กระทรวงสธ.ทำงานร่วมกันมาตลอด ส่วนที่มีกระแสข่าวทะเลาะกับ สธ.นั้น ทาง กทม.ได้ชี้แจงไปแล้วว่า กทม.ได้รับวัคซีนจำนวนเท่าไร โดย กทม.ได้รับการจัดสรรวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในระบบหมอพร้อม 1,220,000 โดสเป็นกระบวนการที่ทำร่วมกับ สธ.ดังนั้น จะมียอดลงทะเบียนของทั้งสองหน่วยงานในจำนวนนี้กว่า 30,000โดส ใช้ในการฉีดผู้ป่วยติดเตียง ติดบ้าน และได้รับวัคซีนจากโครงการไทยร่วมใจเพียง 680,000 โดส และใน 1-2 วันนี้จะมีการตัดวัคซีนไปฉีดผู้ป่วยในชุมชนอีกประมาณ 30,000 โดส ตรงนี้เป็นตัวเลขทั้งหมดที่ได้รับ

"ส่วนจำนวน 700,000 โดส คืออะไร ก็ต้องบอกว่าถ้าเอาตัวเลขเป๊ะๆ ที่ได้รับจากโครงการไทยร่วมใจอยู่ที่ 680,000 โดส ซึ่งทุกครั้งที่จะนำวัคซีนจากโครงการไทยร่วมใจไปใช้จะต้องมีการขอมติจาก ศบค.ด้วยว่าจะให้ฉีดเท่าไรอย่างไร"ร.ต.อ.พงศกร ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ กทม.จะจัดซื้อวัคซีนเอง ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกวัคซีนที่รัฐจัดหา และกลุ่มสองวัคซีนทางเลือก ซึ่งกทม.มีความพร้อมและได้จัดซื้อวัคซีนทางเลือกแล้วบางส่วน อาทิ ซิโนฟาร์ม ใช้ในการฉีดในกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง และอยู่ระหว่างการพูดคุยในเรื่องการจัดซื้อโมเดอร์นาในลำดับถัดไป ส่วนการกระจายวัคซีนคงไม่มีการปรับแผน โดย กทม.ทำตามนโยบายมาตลอด เพื่อเร่งฉีดกลุ่มผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรคและผู้ที่มีความเสี่ยง โดยมีเป้าหมายฉีดให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ซึ่งศักยภาพของศูนย์ฉีดได้ 7-8 หมื่นต่อวัน หากได้วัคซีนเพิ่มเราก็มีศักยภาพที่จะฉีดเพิ่มได้

โฆษก กทม. กล่าวด้วยว่า ส่วนกลุ่มที่ไปรอฉีดสถานีกลางบางซื่อจำนวนมากจนเกิดภาพความแออัด กทม.เป็นแค่หนึ่งคณะกรรมการกระจายวัคซีน ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจว่าใครจะได้รับวัคซีนเท่าไร แต่ กทม.พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในการฉีดวัคซีนในสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งมีภาพความแออัด และอาจจะมีความเสี่ยงต่อการระบาด แต่อยู่กับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สุดในการควบคุมการระบาด เพราะรู้ว่าการกระจายวัคซีนและการบริหารจัดการควรเป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาด กทม.คงไปสั่งแทนไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ แต่ กทม.พร้อมเข้าไปช่วย


ด้านพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กทม.ยังคงให้บริการวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเป็นการฉีดโดยหลายหน่วยงานอาทิ จุดฉีดสถานีกลางบางซื่อโดยกระทรวงสาธารณสุข จุดฉีดศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงโดยกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งได้ร่วมกันจัดหน่วยฉีดให้บริการประชาชนในกรุงเทพฯ รวมจำนวนสะสม 5,668,720 โดส แบ่งผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม แล้วจำนวน 1,025,493 ราย หรือ 2,050,986 โดส ส่วนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 3,617,734  ราย

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า ในส่วนของ กทม.ได้รับการจัดสรรวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า รวมจำนวนทั้งสิ้น 680,000 โดส โดยได้ฉีดให้แก่ประชาชนผ่านโครงการไทยร่วมใจ ที่จุดฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล โดยความร่วมมือระหว่าง กทม.และหอการค้าไทยทั้ง 25 แห่ง โดยในเดือน มิ.ย.มีจำนวน 200,000 โดส และในเดือน ก.ค. ได้ฉีดให้แก่ผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ รวมทั้งผู้ที่ลงทะเบียนผ่านโครงการไทยร่วมใจและได้รับแจ้งให้เลื่อนคิว รวมจำนวน 480,000 โดส ซึ่งคาดว่าจะให้บริการวัคซีนได้ครบภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้

สำหรับการให้บริการวัคซีน ที่จุดบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล "หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร - หอการค้าไทย"  ขณะนี้ได้ให้บริการวัคซีนแก่ประชาชน 3 กลุ่ม ประกอบด้วย

1.กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนผ่านโครงการ "ไทยร่วมใจ" ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือเว็บไซต์ www.ไทยร่วมใจ.com หรือร้านค้าสะดวกซื้อ ได้แก่ เซเว่น อีเลฟเว่น แฟมิลี่มาร์ท ท็อปส์ เดลี่ และมินิบิ๊กซี ทั้งนี้รวมถึงผู้ที่เคยลงทะเบียนแล้ว และผู้ที่ลงทะเบียนใหม่

2.กลุ่มผู้ที่ตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป สามารถ Walk-in เข้ารับวัคซีนได้ที่ศูนย์ฉีดโดยแสดงหลักฐานใบฝากครรภ์หรือใบรับรองการตั้งครรภ์จากแพทย์พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดง และ 3.กลุ่มผู้ที่มีอายุ 18 – 59 ปี ที่มีคิวฉีดวัคซีนเดิมซึ่งได้ลงทะเบียนไว้เมื่อวันที่ 26 – 30 มิ.ย. โดยคิวเดิมวันที่ 30 มิ.ย. สามารถมารับบริการได้ในวันที่ 30 ก.ค. ในส่วนของผู้ที่มีคิวนัดกับโครงการไทยร่วมใจตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป จะแจ้งคิวฉีดวัคซีนใหม่ให้ทราบทันที เมื่อ กทม.ได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม


ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวอีกว่า ขณะที้สถานการณ์การการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในกรุงเทพฯ จากข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) สำนักการแพทย์ กทม. จากยอดวันที่ 28 ก.ค.64 เวลา 23.59 น. มีจำนวนผู้ป่วยซึ่งยังคงรักษาตัวโรงพยาบาลทุกสังกัด ทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 26,969 ราย โดยเป็นผู้ป่วยโควิดซึ่งยังคงพักรักษาตัวโรงพยาบาลสังกัด กทม. รวมทั้งโรงพยาบาลสนาม และ Hospitel ในความดูแลของสำนักการแพทย์ รวมจำนวนทั้งสิ้น 3,587 ราย โดย 146 ราย มีอาการรุนแรง

สำหรับจำนวนเตียงโรงพยาบาลสังกัด กทม. รวมทั้งโรงพยาบาลสนาม และ Hospitel ในความดูแลของสำนักการแพทย์ จำนวนทั้งสิ้น3,632 เตียง ใช้ไปแล้ว 3,597 เตียง คิดเป็นร้อยละ 98.76 ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เปิดให้บริการแล้ว จำนวน 26 ศูนย์ จำนวนเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วย ได้ 3,499 เตียง ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 2,439 เตียง ทั้งนี้ ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ ฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขตอยู่ระหว่างการนำส่งผู้ป่วยเพื่อเข้าสู่สถานพยาบาลและศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อทุกแห่งให้ครบเต็มจำนวน

อย่างไรก็ตามการบริหารจัดการผู้ป่วยในศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ สำนักการแพทย์ กทม. ได้ดำเนินการคัดแยกกลุ่มผู้ป่วยที่มีผลเป็นบวกจากชุดตรวจ ATK แยกกักตัวกับกลุ่มผู้ป่วยที่ทำการตรวจด้วย RT-PCR โดยจะทำการตรวจ RT-PCR ซ้ำ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงหากผลบวกจากชุดตรวจ ATK เป็นผลบวกที่คลาดเคลื่อน เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยสูงสุด

นอกจากนี้ สำนักอนามัย กทม.ได้สรุปจำนวนผู้ที่อยู่ระหว่างการแยกกักตัวที่บ้าน Home Isolation จากข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.ค.64 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,364 ราย โดยเขตที่มีผู้ได้รับการแยกกักตัวที่บ้าน สูงสุด ตามลำดับ คือ เขตธนบุรี (208 ราย) บางซื่อและบางกอกใหญ่(เขตละ 130 ราย) ทุ่งครุ (120 ราย) และสายไหม (99 ราย)
#2869
ไอดินไทย เครื่องประดับดินปั้น ด้วยแรงบันดาลใจทำเครื่องประดับดินปั้นมาจากความชอบที่มีต่อละครมนต์รักลูกทุ่งแล้วก็แฟชั่นการแต่งกายยุคนั้น





ทำให้ท่านพัชร์ชิสา ไชยวีรวัฒน์ เกิดไอเดียในการทำเครื่องประดับร่วมกับการศึกษาปั้นดินไทยของชุมชนระแหง จังหวัดตาก กระทั่งกลายมาเป็นเครื่องประดับดินปั้นที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วมากกว่า 10 ปี





ซึ่งตัววัสดุนั้นเป็นดินไทยที่ผสมกับดินท้องถิ่นของจังหวัดตาก มีความงดงามผสมความเป็นไทย สีสันสดใส ความเป็นธรรมชาติรวมทั้งนอกจากนั้นทุกสินค้ามีรอยนิ้วมือจากการปั้น โดยไม่ใช้เครื่องจักร แสดงให้เห็นถึงงานหัตถกรรมอย่างแท้จริง



 
 
#2870



สมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยผู้แทนภาคเอกชน บริษัท ซินเจนทา ครอปโปรเทคชั่น จำกัด หรือ ซินเจนทา จัดเสวนาออนไลน์ "เราจะฝ่าวิกฤต อ้อย และน้ำตาลไทยได้อย่างไร"

ทางออก เอกชนและเกษตรกรผลิตตามมาตรฐานสากล เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการผลิต เน้นประสานความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างภาครัฐ โรงงานน้ำตาล และเกษตรกร รวมทั้ง นำนวัตกรรมเสริมศักยภาพเพื่อให้ผลผลิตสูงสุด อันนำไปสู่การเติบโตของอุตสาหกรรมอ้อยละน้ำตาลอย่างยั่งยืน

ดร. กิตติ ชุณหวงศ์ นายกสมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ข้อมูลล่าสุดปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงเกษตรสหรัฐ (United States Department of Agriculture : USDA) พบว่า ภาพรวมคลังน้ำตาลในตลาดโลกมีปริมาณเพิ่มขึ้น 3 ล้านตัน จากเดิม 42.8 ล้านตัน เป็น 45.8 ล้านตัน เนื่องจากปริมาณการบริโภคลดลง มีการผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้น และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ยกเว้นบางประเทศที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น อาทิ สหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซีย รวมทั้ง ราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำมากที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา


จากสถานการณ์ดังกล่าว เป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมน้ำตาลและอ้อยของไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ให้สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในตลาดโลก ภาคเอกชนและเกษตรกรจะต้องนำมาตรฐานสากลต่าง ๆ เช่น Bonsucro หรือ Fairtrade International และ Organic เข้ามาปรับใช้ตลอดกระบวนการ ให้สอดคล้องกับความต้องการแต่ละตลาด ตลอดจน จะต้องพัฒนาระบบบริหารการจัดการ เทคโนโลยีในการผลิต เก็บเกี่ยวและขนส่งให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูง ต้นทุนลดลงแต่กำไรเพิ่มมากขึ้น


ดร. ธวัช หะหมาน หัวหน้ากลุ่มพัฒนาด้านอ้อย น้าตาลทราย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้าตาลทราย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบัน วิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบต่อการส่งออกและการบริโภค ร่วมกับปัญหาสภาพภูมิอากาศและฤดูกาลแปรปรวน ส่งผลต่อการผลิตของชาวไร่อ้อย จะเป็นปัญหาหลักแล้ว แต่ยังมีวิกฤตอื่นที่เกษตรกรยังไม่สามารถจัดการได้ อาทิ ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ขาดเสถียรภาพและความมั่นคงในการส่งอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาล ขาดแหล่งทุน ขาดแรงงาน และการเผาอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยวทำให้เกิดมลพิษ ฝุ่น PM 2.5

ดังนั้น สอน. จึงแสวงหาหนทางก้าวข้ามวิกฤตต่าง ๆ โดยขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาแบบองค์รวม (BCG) ใน 3 มิติ ได้แก่ ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ปรับแก้ไขกฎระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน สนับสนุนอุตสาหกรรมโดยไม่ขัดแย้งกับข้อบังคับความร่วมมือในระดับนานาชาติ จัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เครื่องจักร เพื่อส่งเสริมการผลิต พัฒนาความรู้ สร้างเครือข่าย และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ รวมทั้ง สร้างกลไก และสนับสนุนให้โรงงานน้ำตาลรับซื้อเศษซากใบ และยอดอ้อย และผลักดันธุรกิจที่ต้องการเชื้อเพลิงได้ใช้ เศษซากใบและยอดอ้อย อย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นประสานความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างภาครัฐ โรงงานน้ำตาล และเกษตรกร


นาย ผดุงพงศ์ เสริญไธสง ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการ ซินเจนทา กล่าวว่า อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลมีบทบาทสำคัญต่อประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า ทั้งในด้านการบริโภคน้ำตาลในประเทศแต่ละปี และส่งออก หัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน คือ การพัฒนาภาคการผลิตให้มีศักยภาพ

เพื่อให้ผลผลิตสูงสุด สอดล้องกับเป้าหมายของซินเจนทา ในการนำนวัตกรรมมาช่วยเหลือกระบวนการผลิต เพื่อลดความสูญเสีย ดูแล และกระตุ้นให้เกิดผลผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการจัดการกับวัชพืช ที่เป็นศัตรูอ้อยที่สำคัญ หากไม่มีการจัดการที่ดีจะทำให้ผลผลิตอ้อยลดลงทันที 

 

 ประกอบกับปัจจุบัน เกษตรกรประสบปัญหาวัชพืชต้านทานสารกำจัดวัชพืชเดิม ทำให้ต้องผสมสารฯ หลายชนิดเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นวัตกรรมล่าสุดของซินเจนทา จึงได้แนะนำ "คาลารีส (Calaris)" ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์แคโรทีนอยด์และการสังเคราะห์แสงของวัชพืช มีประสิทธิภาพคุมวัชพืชได้นาน ไม่เป็นพิษต่ออ้อย นวัตกรรม "คาลารีส (Calaris)" จะช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนด้านแรงงาน ไม่ต้องกำจัดวัชพืชบ่อยครั้ง เหมาะกับสภาวะปัจจุบันและอนาคตที่แรงงานในภาคเกษตรขาดแคลนจึงต้องนำนวัตกรรมมาใช้ และยังตอบโจทย์เพื่อเข้าสู่มาตรฐานสากลต่างๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ ซินเจนทา กำลังวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่เพิ่มเติม ชื่อ โมดดัส (MODDUS) ซึ่งจะมาช่วยให้ผลผลิตดีขึ้นด้วยการเพิ่มค่าโพล หรือ น้ำตาลซูโครสในอ้อย (Pol) ทำให้ผลผลิตอ้อยมีค่าน้ำตาลเพิ่มขึ้น หรือ ร่นระยะเวลาเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น อันจะส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกรให้เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ ทุก ๆ 1 ซีซีเอส (C.C.S.) หรือ ค่าร้อยละของน้ำตาลซูโครส จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 50 บาทต่อ 1 ตันอ้อย หรือคิดเฉลี่ยต่อไร่ จะได้เพิ่ม 500 บาท


"ทั้งหมดนี้ เป็นความมุ่งมั่นของ สมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย ที่จะส่งเสริมและผลักดันให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมอบรมให้ความรู้ เพื่อให้ภาคเอกชนและเกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการไร่อ้อยได้ดี มีผลผลิตที่คุ้มค่า โดยประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง"
#2871



นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจ LINE for Business ปี 2021-2022 เดินหน้าเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ตอกย้ำการเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลให้คนไทย ทั้งการดำเนินชีวิต และการดำเนินธุรกิจ 

พร้อมให้ความรู้พร้อมพัฒนาต่อเนื่องเครื่องมือธุรกิจบนแพลตฟอร์ม เพื่อเป็นตัวเร่งสำคัญสำหรับการเติบโตและแข่งขันของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนหลังวิกฤติ

โดยเน้นความสำคัญในส่วนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางวิกฤตินี้ LINE พบว่า อัตราการเติบโตของ LINE OA โดยธุรกิจกลุ่มร้านอาหารมีอัตราการเปิดใช้งาน LINE OA เพิ่มขึ้น (YoY) สูงสุดสุงถึง 212% รองลงมาคือธุรกิจกลุ่มค้าปลีกที่ 191% 

ด้วยเหตุนี้ LINE ประเทศไทยจึงมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มและเครื่องมือเพื่อขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจไทยเหล่านี้โดยเฉพาะ เพื่อยกระดับการใช้งาน LINE จากแค่เครื่องมือในการสื่อสาร เป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ เพื่อที่จะสามารถแข่งขันในโลกยุคหลังโควิดต่อไป   

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เผยว่า กลุ่มธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในช่วงวิกฤตโควิด-19 คือ ธุรกิจอาหาร โดยลดลงถึง 37% รองลงมาคือ ธุรกิจขนส่ง และค้าปลีก ในอัตราส่วนที่ลดลง 21% และ 3.7% ตามลำดับ


สำหรับ กลุ่มธุรกิจอาหาร ออกแบบ MyRestuarant เครื่องมือช่วยเสริมประสิทธิภาพ LINE OA สำหรับธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยโดยเฉพาะ ในการจัดการหน้าร้าน ไปถึงการจัดการหลังร้าน การวิเคราะห์ข้อมูลจากอาหารที่สั่ง และ การเชื่อมถึงการจัดส่งกับบริการ LINE Man โดยตรง 

กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ออกแบบ MyShop เครื่องมือที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพ LINE OA ด้านการขายของ ที่ใช้งายที่สุดเทียบเคียงกับการใช้ LINE ด้วยระบบหน้าร้านออนไลน์ ระบบจัดการสินค้าคงคลัง รองรับการซื้อสินค้าผ่านการพูดคุย หรือ Chat Commerce แบบเต็มรูปแบบ ระบบการชำระเงินเชื่อมต่อกับ Rabbit LINE Pay ระบบการเชื้อเชิญลูกค้ากับ LINE POINT ระบบการโฆษณากับ LINE ADS PLATFORM ระบบขนส่งสินค้ากับทุกบริษัท 

ปีที่ผ่านมา มีร้านค้าเปิดใช้งาน MyShop เพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่า มีร้านค้าที่แอคทีฟเพิ่มขึ้นถึง 257% (เปรียบเทียบการเติบโต YoY เดือนเม.ย. ปี 2563 – 2564) และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GMV) อยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท โดยธุรกิจด้านแฟชั่นและเครื่องสำอางค์เป็นกลุ่มสินค้าที่เปิดร้าน MyShop สูงสุด ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจ SME แฟชั่น LINE ยังมีโครงการ LINE FASHION ANNUALE ที่จัดขึ้นในปีนี้ เพื่อผลักดันผู้ประกอบการไทยไปสู่เวทีโลก 

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว กลุ่มองค์กรที่สำคัญที่สุดต่อการขับเคลื่อนประเทศไทย คือ กลุ่มบริการสาธารณะ ด้วยศักยภาพของแพลตฟอร์ม LINE ที่เข้าถึงคนไทยกว่า 49 ล้านคน LINE OA จึงกลายเป็นตัวกลางสำคัญสำหรับกลุ่มบริการสาธารณะ และองค์กรภาครัฐมากมาย ในการอัพเดทข้อมูล ให้ความรู้ และให้บริการให้ด้านต่างๆ แก่ประชาชนคนไทย อาทิ โรงพยาบาล สาธารณูปโภค น้ำ ไฟ การบริหารส่วนจังหวัด อำเภอ ชุมชนต่างๆ รวมถึงหน่วยงานราชการ 


เขากล่าวว่า วิกฤติโควิด 19 ทำให้ภาคธุรกิจปรับตัวมาเป็นดิจิทัลกันแทบทั้งหมด หากแต่ยังมีความท้าทายรออยู่อีกมาก LINE จึงพร้อมที่จะเป็นเครื่องมือหลักในการทำธุรกิจของคนไทย เป็นตัวกลางเชื่อมโยงการทำธุรกิจออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ ผลักดันให้ทุกองค์กรธุรกิจสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้ใช้งาน เพิ่มประสิทธิภาพต่อยอดสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัล เพื่อเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจองค์รวมของไทยให้พร้อมในการแข่งขันกับธุรกิจในตลาดโลก บนบริบทใหม่ที่จะมาถึง" 

10 ปีที่ผ่านมา LINE ได้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงคนและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ภายใต้ภารกิจ Closing the distance และพัฒนากลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานการใช้ชีวิตดิจิทัลให้คนไทย เมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 ยิ่งได้เห็นการปรับตัวของคนไทยเข้าสู่ดิจิทัลอย่างเต็มตัวผ่านการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม LINE เพิ่มมากขึ้นในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ 
 
#2872



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่น นัดที่ 3 เปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ เบรนท์ฟอร์ด ทีมน้องใหม่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือใหญ่ปีศาจแดง ยังไม่มีแข้งชุดใหญ่หลายคนที่ไปช่วยชาติลงทำศึกยูโร 2020 เกมนี้จัดทัพชุดผสมระหว่างแข้งตัวเก๋ากับบรรดาดาวรุ่ง นำโดย อารอน วาน-บิสซากา, แบรนดอน วิลเลียมส์, เมสัน กรีนวูด, ฆวน มาตา, เจสซี ลินการ์ด, อันเดรส เปเรยร่า

ครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ อารอน วาน-บิสซากา ลากบอลขึ้นมาริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนเปิดเข้ากลางมาให้ แอนโธนีย์ อีแลงกา วอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่จับเข้าประตูไป

น.20 เบรนท์ฟอร์ด มาตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว 1-1 จากจังหวะลูกฟรีคิกบริเวณริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย โทนีย์ โหม่งย้อนมาให้ บาปติสเต้ วอลเลย์ด้วยซ้ายเข้าไปไม่เหลือ และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ขยับนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะที่ เจสซี ลินการ์ด ลากบอลมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนที่บอลในจังหวะสุดท้ายจะเด้งมาถึง อันเดรส เปเรยร่า ซัดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมอย่างสวยงาม

น.70 กลายเป็นเบรนท์ฟอร์ด ที่มาตามตีเสมออีกครั้ง 2-2 จากจังหวะที่ ดิโอโก ดาโลต์ ถูกฉกบอลหน้ากรอบเขตโทษ และเป็น เอ็มบิวโม่ ที่ปั่นด้วยซ้ายหนีมือ ทอม ฮีตัน เข้าไป

หมดเวลา 90 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอ เบรนท์ฟอร์ด ไปแบบสนุก 2-2
#2873


วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) เผยกลยุทธ์การขายปี 2564 เดินหน้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อมอบบริการบนเครือข่ายดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ (Digital Services) เปิดตัวศูนย์บริการลูกค้ารูปแบบใหม่ Customer Relations Center (CRC) สัมผัสการบริการแบบครบวงจรให้ความรู้สึกปลอดภัยตลอดการเดินทาง และ ยังคงให้ความสำคัญกับการยกระดับโชว์รูมบนมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) รวมถึงบริการซ่อมบำรุงระดับพรีเมียม Volvo Personal Service (VPS) สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้าทั้งแบบ Plug-in Hybrid และ Pure Electric ตามแผนธุรกิจระยะ 10 ปีของวอลโว่ เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานสะอาดระดับพรีเมียมของโลกภายในปี 2573

ตลอดปี 2563 ที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย มียอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ 1,824 คัน โดยเป็นลูกค้าองค์กร 26% ส่วนการจำหน่ายรถยนต์มือสองภายใต้มาตรฐาน Volvo Selekt Used Cars มีอัตราลดลงเพียง 10% สำหรับรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในปีที่ผ่านมา ได้แก่รุ่น XC40 คิดเป็น 30% ของยอดจำหน่ายรวม อันดับสองคือรุ่น XC60 คิดเป็น 26% และอันดับสามคือรุ่น V60 คิดเป็น 16% โดยรุ่นที่น่าจับตามองคือรุ่น S60 ซึ่งเปิดตัวในช่วงการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคระบาดโควิด-19 แต่ยังสามารถจำหน่ายได้นับร้อยคันทันทีที่เปิดจอง



นายภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด สรุปการดำเนินธุรกิจของวอลโว่ ประเทศไทยในปีที่ผ่านมาว่า "วิกฤติการณ์ในปี 2563 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก สำหรับวอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เรามีการตั้งรับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ด้วยการยกระดับช่องทางการสื่อสารออนไลน์และมาตรฐานด้านสุขอนามัยในศูนย์บริการทุกแห่งเพื่อเพิ่มความมั่นใจและความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า ซึ่งทำให้เราสามารถจำหน่ายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดระดับพรีเมียมได้เกือบ 2,000 คัน โดยลดลงจากปี 2562 เพียง 13% เท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าผู้บริโภครายย่อยยังคงเชื่อมั่นในประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของรถยนต์วอลโว่อย่างมาก"

สำหรับการดำเนินงานด้านการยกระดับคุณภาพของศูนย์บริการในปี 2563 วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย สามารถขยายเครือข่ายโชว์รูมพันธมิตรเพิ่มอีก 3 แห่ง และยังสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานของโชว์รูมและศูนย์บริการพันธมิตรทุกสาขาให้สอดคล้องตามมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) ทุกขั้นตอน



การปรับกลยุทธ์การขายปี 2564

ภายใต้แนวคิด "Change Today for a .ter Future"

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเป็นตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้วอลโว่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นในด้านผลิตภัณฑ์ การให้บริการของโชว์รูมและศูนย์ซ่อมบำรุง ไปจนถึงระบบสนับสนุนของศูนย์บริการลูกค้า Customer Relations Center (CRC) เพื่อให้ตอบรับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งร่วมสร้างสรรค์อนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้คน ตามแนวคิด "Change Today for a .ter Future"

-การเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของแบรนด์

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบรุ่นแรก Volvo XC40 Recharge Pure Electric ซึ่งสร้างกระแสความตื่นตัวด้านรถยนต์พลังไฟฟ้าในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างมาก ทั้งยังจับมือเป็นพันธมิตรกับ EA Anywhere ผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ระบบไฟฟ้าของเมืองไทย ซึ่งมีสถานีชาร์จไฟกว่า 1,000 จุดทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เดินทางไกลได้อย่างไร้กังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จไฟ และปูทางสู่อนาคตรถยนต์พลังไฟฟ้าที่ยั่งยืน



-ขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่าย และ ยกระดับศูนย์บริการซ่อมบำรุงต่อเนื่อง

นอกจากการขับเคลื่อนโชว์รูมทุกแห่งให้สามารถมอบบริการตามมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวผู้จัดจำหน่ายรายใหม่อย่างเป็นทางการ จำนวน 3 ราย ได้แก่ 14 Auto Marque เขตจอมทอง, Newton Prestige Auto เขตตลิ่งชัน และ Phranakorn Swedish Car สาขาลาดพร้าว และอีก 1 ราย ล่าสุด GT Auto สาขาพัทยา เมื่อเร็วๆนี้ ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ยังประกาศให้ ศูนย์บริการวอลโว่ของเอ็มดับบลิว มอเตอร์วัน ผ่านการรับรองมาตรฐาน Volvo Personal Service (VPS) อย่างเป็นทางการ โดยวอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นยกระดับโชว์รูมและศูนย์บริการทุกแห่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับบริการบนมาตรฐานระดับโลกจากศูนย์บริการรถยนต์วอลโว่ทุกสาขาในประเทศไทย

-ศูนย์บริการลูกค้า Customer Relations Center (CRC) เพื่อมอบ Digital Services เต็มรูปแบบ

ไม่เฉพาะการอัปเกรดผลิตภัณฑ์ วอลโว่ยังยกระดับประสิทธิภาพของศูนย์บริการลูกค้า สู่การเป็นศูนย์บริการลูกค้าระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ให้เป็นมากกว่าสายด่วนตอบข้อซักถามทั่วไป "Customer Relations Center (CRC)" ในรูปแบบศูนย์ข้อมูลกลาง และการประสานงานผ่านเครือข่ายดิจิทัล รองรับทั้งการจำหน่ายรถยนต์วอลโว่พลังงานไฟฟ้า (Pure Electric) ผ่านระบบออนไลน์แบบ Site To Store รวมถึงการทำธุรกรรมทั้งก่อนและหลังการขาย โดยมีฟีเจอร์หลักคือ การรับแจ้งเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่ง CRC จะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอัจริยะในรถยนต์วอลโว่เพื่อรับสัญญาณแจ้งเหตุอัตโนมัติพร้อมข้อมูลพิกัดรถยนต์ เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีในทุกสถานการณ์ CRC จึงทำหน้าที่เปรียบเหมือนผู้ช่วยดิจิทัลที่คอยดูแลลูกค้าวอลโว่ตลอดการเดินทาง



ช่องทางจำหน่ายที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วันนี้

วอลโว่เพิ่มช่องทางการขายให้มีความหลากหลายเพื่อตอบรับกับมาตรการเว้นระยะห่างของผู้คนในปัจจุบัน โดยนำเสนอทั้งช่องทาง LINE Official Account และ การสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ www.volvocars.com/th โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งมีบริการ Site To Store โดดเด่นด้วยฟังก์ชันที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าในฝันได้โดยไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ หากพึงพอใจ สามารถสั่งซื้อและนัดหมายรับรถยนต์วอลโว่ที่ผู้จัดจำหน่ายสาขาใกล้บ้านได้อย่างรวดเร็ว โดย CRC จะคอยดูแลประสานงานเพื่อให้ธุรกรรมทุกขั้นตอนถูกต้อง เรียบร้อย และสะดวกรวดเร็วสำหรับลูกค้ามากที่สุด

เป้าหมายกลยุทธ์การขายในปี 2564

สถานการณ์โควิด-19 ยังคงส่อแววยืดเยื้ออีกเป็นเวลานานและจะทำให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าและการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จึงเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์การดำเนินงานสู่ระบบดิจิทัลคือแนวทางที่ตอบโจทย์กับสถานการณ์ในปัจจุบันและจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ในอนาคต
นอกจากนี้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่บริษัทฯ มีแผนจะทยอยเปิดตัวในระยะเวลาอันใกล้นี้ จะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์วอลโว่ในปี 2564 ได้อย่างมีนัยสำคัญ



แผนการดำเนินงาน 10 ปีสู่อนาคตแห่งพลังงานสะอาด

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย กำหนดเป้าหมายให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของวอลโว่ คาร์ คอร์เปอร์เรชั่น นั่นคือภายในปี 2568 นั้น 50% ของยอดจำหน่ายรถยนต์วอลโว่ต้องมาจากรถยนต์พลังไฟฟ้า100% และภายในปี 2573 รถยนต์ทุกรุ่นที่วอลโว่จำหน่ายจะต้องเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้า100% เท่านั้น

"จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คนอย่างมาก ทำให้เราตระหนักว่า การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกวันนี้ กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานสู่ระบบดิจิทัลของวอลโว่จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวของการพัฒนาครั้งสำคัญ เพื่อให้แบรนด์วอลโว่สามารถเชื่อมโยงและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เฉพาะเพื่อรองรับการจำหน่ายเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการมอบความสะดวกสบายและดูแลความปลอดภัยให้กับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์วอลโว่ตลอด 24 ชั่วโมง กล่าวได้ว่าทิศทางของวอลโว่ในปีนี้คือการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและบริการบนเครือข่ายดิจิทัล เพื่อให้เราเข้าใกล้และเข้าใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น สมกับปรัชญาหลักในการทำงานของเรา People are the Core of Everything We Do" นายภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ กล่าว
#2874



ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เตรียม เปิดจองคิวฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 1 โดย ลงทะเบียนฉีดวัคซีนล่วงหน้าผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเท่านั้น  เปิดให้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับกลุ่มคนที่ยังไม่เคยลงทะเบียน เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป เริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 1-31 สิงหาคม 2564

รายละเอียดการ ลงทะเบียนฉีดวัคซีน โควิด-19

1. ประชาชนทั่วไปอายุตั้งแต่ 18 ปี วันละ 10,000 โดส

- เบื้องต้น มีโควต้าการจองต่อวัน 2,000 คนต่อค่ายมือถือ

2. ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง วันละ 10,000 โดส

เฉพาะ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง  โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง  โรคอ้วน  โรคมะเร็ง  โรคเบาหวา ต้องมีการเช็คกับกรมการแพทย์ประกอบด้วย และกรณีที่ลงทะเบียนไม่ผ่าน ต้องเช็คกับโรงพยาบาลที่ทำการรักษาเพื่อส่งข้อมูลเข้าไปตรงส่วนกลาง

-เบื้องต้น มีโควต้าการจองต่อวัน  3,500 คนต่อค่ายมือถือ (โปรดเช็คข้อมูลอายุกับ บัตรประชาชน ที่ออกโดยกระทรวงหาดไทย)

ผู้สนใจ เตรียมคลิกเข้าดูรายละเอียดผ่านช่องทางของแต่ละค่ายมือถือ เอไอเอส ทรู และ ดีแทค รวมถึง บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ หรือเอ็นที


ช่องทางการ ลงทะเบียนฉีดวัคซีน โควิด-19

ช่องทางลงทะเบียนฉีดวัคซีนที่ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เบื้องต้น ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ 3 ช่องทาง คือ 

1. AIS ลงทะเบียนได้ที่ เว็บไซต์ ais.th/vaccine หรือ คลิกที่นี่ 

2. TRUE ลงทะเบียนได้ที่ ระบบ USSD กด *707# โทรออก หรือ เว็บไซต์ vaccine.trueid.net หรือ คลิกที่นี่ 

3. DTAC ลงทะเบียนได้ที่ ดีแทค แอพ และ เว็บไซต์ dtac.co.th/vaccine หรือ คลิกที่นี่

ส่วน เอ็นที สามารถคลิกเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ covid19vaccine.ntplc.co.th หรือ คลิกที่นี่  สำหรับโควต้า การจองฉีดวัคซีน ผ่านทาง เอ็นที จะได้โควต้าการจองที่น้อยกว่า 3 ค่ายมือถือ 

วัคซีนที่จะได้รับ จะเป็น แอสตร้าเซนเนก้า 


เงื่อนไขการลงทะเบียนฉีดวัคซีน โควิด-19
อายุ 18 ปีขึ้นไป เฉพาะเข็มแรก จองฉีดวัคซีนผ่านการลงทะเบียนล่วงหน้ากับค่ายมือถือ เปิดจอง 29 ก.ค.นี้  เริ่มฉีด 1 ส.ค.ที่สถานีกลางบางซื่อ
กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ กลุ่มที่มีน้ำหนักเกิน 100 ก.ก. เปิดให้วอล์คอินถึง 31 ก.ค. นี้ หลังจากนั้นลงทะเบียนอย่างเดียว
กลุ่มอายุ 75 ปีขึ้นไปและคนท้อง อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ยังคงสามารถ วอล์คอิน เข้าไปรับวัคซีนได้ โดยไม่ต้องจอง
รายงานข่าว ระบุด้วยว่า สำหรับคนที่มีนัดฉีดเข็มแรกที่เคยจองไว้กับค่ายมือถือไว้ก่อนหน้านี้ ไปตามนัดได้เหมือนเดิม
#2875



สื่อเวียดนามรายงานว่า ชาวกรุงฮานอยเกือบ 300 คน ถูกปรับเงินกว่า 610 ล้านด่ง หรือราว 876,000 บาท จากการละเมิดมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การปรับเงินเริ่มขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์หลังคำสั่งเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ มีผลบังคับใช้ในเมืองหลวงของประเทศตั้งแต่วันเสาร์ (24) ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุ

คำสั่งกำหนดให้ประชาชนอยู่กับบ้าน และออกจากบ้านด้วยเหตุผลความจำเป็นพื้นฐานเท่านั้น เช่น การซื้ออาหารหรือยา หรือไปทำงานในโรงงานหรือธุรกิจที่ยังได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการ และต้องเว้นระยะห่างจากกันอย่างน้อย 2 เมตร ห้ามรวมตัวกันในที่สาธารณะเกิน 2 คน ยกเว้นในที่ทำงาน โรงเรียน หรือโรงพยาบาล

หากเจ้าหน้าที่พบว่าไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือเว้นระยะห่างในที่สาธารณะ หรือออกจากบ้านด้วยเหตุผลที่ไม่จำเป็น พวกเขาจะถูกลงโทษด้วยการปรับเงิน

สำหรับสถานประกอบการที่มีคำสั่งให้หยุดดำเนินการชั่วคราวในช่วงเว้นระยะห่างทางสังคม หากพบว่ายังดำเนินการต่อจะถูกปรับ 75 ล้านด่ง

ประธานคณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอยกล่าวว่า ตำรวจฮานอยได้ตั้งจุดตรวจบนถนนหลายสายเพื่อควบคุมการจราจร โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบรถมากกว่า 47,000 คัน และมีรถมากกว่า 13,000 คันต้องถอยกลับ

กรุงฮานอยมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมมากกว่า 900 คน ในการระบาดระลอก 4 ที่เริ่มขึ้นช่วงปลายเดือน เม.ย. โดยการระบาดในช่วงต้นพบในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วเมืองจนนำไปสู่การล็อกดาวน์ และคลัสเตอร์ใหม่พบที่โรงพยาบาลปอด ที่มีผู้ป่วยติดเชื้ออย่างน้อย 23 คน ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ผู้ป่วย และสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา ตั้งแต่วันอาทิตย์ ทำให้ทางการสั่งล็อกดาวน์โรงพยาบาลและงดรับผู้ป่วยเพิ่ม.

ภาพประกอบ : AP และ VNExpress
#2876



นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 70 ปี บริษัทฯ ได้ดำเนินพันธกิจในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่สังคม ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม การกีฬา การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทฯ มุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความวางใจ พร้อมดูแลและเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต คำนึงถึงความสุขและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญ ภายใต้กลยุทธ์ "MTL Trusted Lifetime Partner"

ทั้งนี้ในฐานะที่เมืองไทยประกันชีวิตเป็นผู้สนับสนุนสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยมาตลอดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 13 ปี และเพื่อเป็นการขอบคุณในการมอบความสุขให้กับคนไทย ด้วยการคว้าเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 (Olympic Games Tokyo 2020) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น บริษัทฯ จึงขอมอบเงินสนับสนุนแก่ตัวแทนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย จำนวน 1.7 ล้านบาท เพื่อตอบแทนในความมุ่งมั่นทุ่มเทและเพื่อเป็นขวัญ กำลังใจในการฝึกซ้อมอย่างหนักจนสามารถคว้าชัยชนะมาได้ ดังนี้

- มอบเงินสนับสนุนแก่ "เทนนิส" นางสาวพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย จำนวน 1 ล้านบาท จากการชนะเลิศคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเทควันโด รุ่นน้ำหนัก 49 กิโลกรัมหญิง

-  มอบเงินสนับสนุนพิเศษแก่ โค้ชเช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย จำนวน 5 แสนบาท ผู้ทุ่มเทฝึกสอน นักกีฬา เบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่แห่งวงการเทควันโดของเมืองไทย

-มอบเงินสนับสนุนพิเศษแก่ "จูเนียร์" นายรามณรงค์ เสวกวิหารี นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย จำนวน 2 แสนบาท ที่ทำหน้าที่ในการแข่งขันอย่างสุดความสามารถ

บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่ได้รับชัยชนะและได้รับเหรียญรางวัลในครั้งนี้มาครองสำเร็จ นับเป็นเหรียญทองแรกของการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ในครั้งนี้ และเป็นเหรียญทองเหรียญที่ 10 ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยนับตั้งแต่ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ พร้อมทั้งนำพาชื่อเสียงและความภาคภูมิใจกลับมาให้กับประเทศไทยอีกด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอเป็นกำลังให้กับสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย รวมถึงนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยทุกท่าน ในการทำงานและฝึกซ้อมอย่างหนักต่อไป และบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนในด้านสังคม การกีฬา การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบแทนสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมต่อไป

 
#2877



สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand – GCNT) ได้จัดเสวนาออนไลน์เรื่อง "บทบาทภาคเอกชนไทยในการส่งเสริมการพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืน" เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2564 เพื่อยกระดับการจัดการด้านระบบอาหารที่ยั่งยืนจากภาคธุรกิจเอกชนไทยสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบการประชุมสุดยอดด้านระบบอาหารของสหประชาชาติ

โดยข้อสรุปจากเสวนาครั้งนี้จะรวบรวมเป็นข้อเสนอแนะจากภาคธุรกิจไทยสู่การประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก (UN Food Systems Summit 2021) ที่จะจัดขึ้นในปลายปีนี้ เพื่อพัฒนาระบบอาหารโลกให้เกิดความแข็งแรงและยั่งยืน โดยในงานมีผู้เข้าร่วมจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม กว่า 100 คน

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้ประสานงาน UN Food System Summit National Convener กล่าวว่า ภาคเอกชนมีส่วนสำคัญในการเสนอแนวทางการพัฒนาการจัดระบบอาหารโลกให้ยั่งยืน โดยข้อเสนอแนะจากงานเสวนานี้จะนำไปเชื่อมโยงกับข้อเสนอจากผู้ที่มีบทบาท และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบการผลิตในแต่ละภาคส่วนของประเทศไทย เพื่อนำไปเป็นแนวทางและข้อเสนอจัดทำนโยบายแผนงานการปฏิรูประบบอาหารและการเกษตรอย่างมั่นคงในการประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก UN Food Systems Summit 2021 เพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายในปี 2573

โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบความมั่นคงและเป็นจุดเปลี่ยนทางด้านอาหารโลกที่หลายประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยประเทศไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นครัวของโลก จะต้องนำประสบการณ์การจัดการระบบอาหารของประเทศไทยภายใต้นโยบาย 3 S คือ Safety, Security และ Sustainability ของภาคเกษตรและระบบอาหารให้มีความยั่งยืน ผู้ประกอบการทางด้านภาคเกษตรจะต้องปรับตัวนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ต่อกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

และเน้นไปสู่รูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจแบบใหม่ โดยมุ่งเป้าหมายด้าน Zero Waste ลดขยะให้เป็นศูนย์เพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน พร้อมกับการพัฒนาอาหารในอนาคต Future Food ที่จะต้องเน้นในเรื่องของการพัฒนาสมุนไพรไทย และการพัฒนาอาหารจากพืช รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการอาหารสัตว์ ซึ่งจะเป็นการจัดการทั้งระบบของอาหารตลอดห่วงโซ่อุปทาน


นายนพปฏล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ในฐานะเลขาธิการสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคธุรกิจเอกชนต่างๆได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้ดำเนินการตามแนวทางพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืน หรือ Food Systems Sustainability ภายใต้กรอบของสหประชาชาติที่มีความท้าทายในเรื่องการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนต่อประชากรทั้งโลก 9 พันล้านคนภายในปี 2050 โดยมีความท้าทายตั้งแต่การผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการจำนวนมาก

ตลอดจนการผลิตและจัดการอาหารให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมให้มากที่สุด ซึ่งในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา แม้โลกจะพัฒนาด้านความยั่งยืนดีขึ้นหลายด้านตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะประเทศไทยที่ได้พัฒนาตามแนวทาง SDGs เป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน และอยู่ในลำดับต้นๆของเอเชีย แต่การจะบรรลุสู่เป้าหมาย SDGs ในปี 2030 ไม่ใช่เรื่องง่าย และขณะนี้เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การพัฒนาเพื่อความยั่งยืนต่างๆถดถอย อาทิ

เป้าหมายที่ 2 ของ SDGs คือ No Hunger ที่ผลกระทบของโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนประชากรโลกที่ประสบปัญหาขาดแคลนอาหารเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามสหประชาชาติได้พยายามสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนที่เป็นระบบมากขึ้นผ่าน UN Food Systems Summit ที่กำลังจะมีการจัดประชุมเร็วๆนี้ และเล็งเห็นว่าประเด็นการจัดการอาหารโลกที่ยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญระดับโลกเช่นเดียวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ


ดร.วนิดา กำเนิดเพ็ชร์ ผู้อำนวยการสำนักการเกษตรต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงภาพรวมของกระบวนการ UN Food Systems Summit ซึ่งเป็นการประชุมที่เน้นให้ความสำคัญการร่วมมือของทุกภาคส่วนในการร่วมกันจัดการระบบอาหารโลกตลอดห่วงโซ่อุปทานให้เกิดความยั่งยืน โดยเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กฯ เป็นกลุ่มภาคเอกชนที่มีความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจที่ควบคู่กับความยั่งยืนในทุกมิติ ซึ่งจะทำให้เกิดความร่วมมือและข้อเสนอแนะจากประเทศไทยสู่การประชุมระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นภายใต้กรอบแนวทางการพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืนทั้ง 5 แนวทางที่จะเป็นแนวทางสร้างเครือข่ายความร่วมมือยกระดับการเติบโตของภาคเกษตร การจัดการระบบอาหารไทยสู่ระบบอาหารโลกให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

ขณะที่ตัวแทนกลุ่มธุรกิจจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยนางสาวอินทิรา พฤกษ์รัตนนภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักพัฒนาและประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมเสวนาใน Action Track 1 :อิ่มถ้วนหน้า ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ โดยกล่าวว่า เครือซีพีและซีพีออลล์ให้ความสำคัญกับระบบอาหารที่ยั่งยืนทำให้ประชากรเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อช่วยลดอัตราการป่วยจากการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม

อย่างไรก็ตามยังมีประชากรบางกลุ่มประสบปัญหาทุพโภชนาการ ซึ่งการสร้างสุขภาพและสุขภาวะประชากรที่ดีต่อประชาชนในแต่ละประเทศเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศนั้นๆ ประเทศไทยในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมธุรกิจอาหารและเกษตรในภูมิภาคนี้จึงมีส่วนสำคัญที่จะผลักดันสิ่งเหล่านี้ให้ประเทศพัฒนา ซึ่งนโยบายของเครือซีพีและซีพีออลล์ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เราร่วมสร้างระบบอาหารโลกที่ยั่งยืนตั้งแต่การสร้างสรรค์สินค้าที่มีโภชนาการที่ดี เข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลาย และสร้างความมั่นคงอาหารให้ประเทศไทย โดยนำนวัตกรรมที่ได้ศึกษามาต่อยอดสร้างอาหารที่ถูกหลักโภชนาการมีความปลอดภัยตลอดจนร่วมสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทานด้วยการบริหารจัดการคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

นางสาวศิรภัสสร สกุลวิวรรธน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้ร่วมเสวนาใน Action Track 5: อิ่มทุกเมื่อ เสริมสร้างความมั่นคงเข้มแข็งของระบบอาหาร กล่าวว่า ซีพีเอฟได้ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารมาโดยตลอดตามแนวทางอาหารมั่นคง สังคมมั่นคง ดินน้ำป่าคงอยู่ โดยเฉพาะการสร้างแหล่งอาหารให้ชุมชนที่ดำเนินการมากว่า 30 ปี โดยการสร้างองค์ความรู้ให้ชุมชนมีศักยภาพผลิตอาหารได้ด้วยตัวเอง ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในภาวะวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้

นอกจากนี้ยังได้นำองค์ความรู้เข้าสู่ชุมชนเพื่อร่วมพัฒนาระบบอาหารยั่งยืนผ่านหลากหลายโครงการ อาทิ โครงการไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวัน โครงการอิ่มสุขปลูกอนาคต โดยสร้างองค์ความรู้ให้เยาวชนได้เข้าใจการผลิตอาหารที่ถูกโภชนาการได้ด้วยตัวเอง และร่วมรักษาเสถียรภาพความมั่นคงในระบบห่วงโซ่อุปทาน แบ่งปันและถ่ายทอดเทคโนโลยีร่วมกับเกษตรกรรายย่อยโดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกันพัฒนาระบบการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติตลอดจนดูแลความหลากหลายทางชีวภาพ
#2879



หลังจากมีภาพหลุดของ เวย์น รูนีย์ อดีตหัวหอกตัวเก่งของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นเฮดโค้ชให้กับ ดาร์บี เคาน์ตี ในลีกแชมเปียนชิพ อังกฤษ อยู่กับหญิงสาวบนเตียง รวมถึงตอนจูบกับผู้หญิงรายหนึ่งซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตัวเอง

โดย เวย์น รูนีย์ ได้เข้าไปแจ้งตำรวจเป็นที่เรียบร้อย และยืนยันว่าเขาถูกภาพดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และกำลังถูกแบล็คเมล์จากบุคคลที่ไม่หวังดี

ล่าสุด คอลีน รูนีย์ ภรรยาของ เวย์น รูนีย์ ยังเชื่อใจในสามีของตัวเอง โดยชี้ว่าอดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ โดนผู้ไม่หวังดีกลั่นแกล้ง และเป็นเพียงการจัดฉากเท่านั้น

"คอลีน หลุนหลังเขาเต็มที่ เธอเชื่อว่าเขากำลังตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งที่ทำให้ทุกคนต้องเข้าใจผิด เธอได้มีการพูดคุยกับเขาแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นดีมากจริงๆ" แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับครอบครัวรูนีย์ เผยกับ เดอะซัน สื่อในอังกฤษ
#2880
น้ำมันว่านสาวหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยมให้ทุกขวด  ขวดละ 299 บาท
เป็นว่านสาวหลงที่ทรงคุณค่าในทางเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างสูงสุด ถือกันว่าเป็นสุดยอดของว่านทางเสน่ห์มหานิยม ที่ไม่สามารถหาว่านชนิดอื่นใดมาเทียบเคียงได้อีกแล้ว ถ้าผู้ใดมีว่านนี้ปลูกไว้ในบ้านเรือนก็จะเป็นสิริมงคลเป็นยอดเสน่ห์แก่บ้านเรือนนั้นๆ ด้วย ท่านให้เอารากของว่านนี้มาฝนหรือบดผสมกับสีผึ้ง หรือแช่น้ำมันจันทน์ หรือเพียงแต่เอารากของว่านนี้ถือติดตัวไป ผู้คนทั้งปวงก็จะพากันงวยงงหลงรักใคร่ในผู้ที่มีว่านหรือทาน้ำมันหรือสีผึ้งที่เข้าว่านจนหมดสิ้นคาถา กำกับมะอะอุ พุทธะสังมิ จิเรรุนิ นะชาลิติ ปิยังมะมะ(ท่องเจ็ดจบ แล้วอธิษฐาน)ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

  ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลย
หรือติดต่อได้ที่ โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า   
https://www.lazada.co.th/products/-i1867990020-s5770410635.html?search=store?spm=a2o4m.10453683.0.0.10b96d16q6OJEJ&search=store&mp=3