• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Naprapats

#3001


แฮร์รี เคน กองหน้าเบอร์ 1 ของ ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ เตรียมกลับมาซ้อมกับต้นสังกัด รวมถึงลุ้นประเดิมสนาม พรีเมียร์ ลีก นัดแรกเจอ แมนเชสเตอร์ ซิตี วันที่ 15 สิงหาคมนี้ หากไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19

เคน เพิ่งกลับมารายงานตัวกับ "ไก่เดือยทอง" หลังได้หยุดเพิ่มเพราะไปรับใช้ทีมชาติอังกฤษ ลุยศึก ยูโร 2020 ทว่าเมื่อกลับมาแล้วก็ต้องเข้ารับการกักตัว 5 วัน และเตรียมตัวหาเชื้อไวรัสโควิด-19

มีการเปิดเผยว่าหากดาวเตะวัย 28 ปี ผลตรวจหาเชื้อออกมาเป็นลบ ก็จะกลับมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากต้องแยกไปซ้อมเดี่ยวในช่วงที่กักตัวกับสโมสร

ทั้งนี้ เคน มีลุ้นโอกาสประเดิมสนาม พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดแรกของซีซั่นใหม่ และเป็นบิ๊กแมตช์นั่นคือเปิดบ้านเจอ "เรือใบสีฟ้า" สุดสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นทีมที่ปรารถนาอยากได้เจ้าตัวไปร่วมทีมอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม สเปอร์ส แข็งกร้าวจะไม่ยอมปล่อย เคน ออกจากทีมเป็นอันขาดในฐานะนักเตะคนสำคัญ หรือหากจะขาย ก็ต้องได้ข้อเสนอไม่ต่ำกว่า 160 ล้านปอนด์ (ประมาณ 7,314 ล้านบาท)
#3002


Worldometer drama-addict ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุเมื่อวันพุธ(11ส.ค.)ว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวน 36,897,983 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 634,698 ราย

ขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 4 ล้านราย ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 3 ล้านราย ได้แก่ เท็กซัส

รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านราย ได้แก่ ฟลอริดา นิวยอร์ก รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านราย ได้แก่ อิลลินอยส์ เพนซิลเวเนีย จอร์เจีย โอไฮโอ นอร์ทแคโรไลนา นิวเจอร์ซีย์ มิชิแกน

นอกจากนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในสหรัฐ จำนวน 64,852 ราย

ทั่วโลกติดโควิดทะลุ 205,000,000 ราย ตายกว่า 4,300,000 ราย

Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุเมื่อวันพุธ(11ส.ค.)ว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสะสมมีจำนวน 205,103,455 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,332,308 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (36,897,983) รองลงมาคืออินเดีย (32,052,127) บราซิล (20,213,388)

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 6 ล้านราย ได้แก่ รัสเซีย ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 5 ล้านราย ได้แก่ ตุรกี อาร์เจนตินา

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 4 ล้านราย ได้แก่ โคลอมเบีย สเปน อิตาลี อิหร่าน

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 3 ล้านราย ได้แก่ เยอรมนี อินโดนีเซีย

'ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านราย ได้แก่ เม็กซิโก โปแลนด์ แอฟริกาใต้ ยูเครน เปรู

ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านราย ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ อิรัก ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐเชค ชิลี แคนาดา บังกลาเทศ มาเลเซีย เบลเยียม สวีเดน โรมาเนีย ปากีสถาน ญี่ปุ่น

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (634,698) ตามมาด้วยบราซิล (564,890) อินเดีย (429,564) เม็กซิโก (245,476)

ส่วนประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 แสนราย ได้แก่ เปรู รัสเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี โคลอมเบีย ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย อาร์เจนตินา
#3003


นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM Drama-Addict เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 201 ล้านบาท ทั้งนี้กำไรของบริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้นกว่าระลอกที่ผ่านมา โดยในไตรมาสนี้รายได้จากการดำเนินงานจำนวน2,403 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 86 ล้านบาท หรือ 3.5% แต่ด้วยการบริหารจัดการด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดทำให้กำไรสุทธิเพิ่มจากปีก่อน 49 ล้านบาท หรือ 32.2%

โดยบริษัท มีรายได้จากค่าผ่านทาง ลดลง 103 ล้านบาท รายได้จากค่าโดยสารและรับจ้างเดินรถ ลดลง 15 ล้านบาทขณะที่มีรายได้พัฒนาเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 32 ล้านบาท

สำหรับผลดำเนินงานรอบ 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.)2564 บริษัท มีกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น จำนวน 506 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 154 ล้านบาท หรือ 23.3% จากผลกระทบการแพร่ระบาด ของโควิด-19 ทำให้ปริมาณจราจรและปริมาณผู้โดยสารลดลง

ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก BEM ยังคงดูแลผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทางพิเศษให้ได้รับความสะดวก ปลอดภัย ตลอดการเดินทาง ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าปริมาณผู้โดยสารและปริมาณจราจรจะฟื้นตัวกลับมาเร็ว เมื่อแนวโน้มการระบาดลดลง และอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น
#3004


นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อสินค้าของผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รายได้จากการขายในไตรมาส 2 ที่ 6,913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาจากการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกลุ่มประเทศ CLMV เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจหลัก ผลักดันอัตราการเติบโตในต่างประเทศโดยรวมที่ 76% นอกจากนี้ โอสถสภายังได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้แก่ทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีน นอกจากนี้ ยังได้พัฒนารถเข็นแรงดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมสนับสนุนผลิตภัณฑ์ให้แก่โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามต่างๆ 161 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นพลังให้คนไทยฮึดสู้ฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19

สำหรับตลาดในประเทศนั้น OSP ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังด้วยส่วนแบ่งการตลาด 55% จากแบรนด์อันดับ 1 อย่างเอ็ม-150 แบรนด์ลิโพ ที่มีการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ สร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกในรอบ 22 ปี เปิดตัว 'ลิโพ-ไฟน์' แจ้งเกิดเซกเมนต์ใหม่ให้ "เครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับผู้หญิง" และเครื่องดื่มโสมอินซัมที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากส่วนผสมสมุนไพรซึ่งตอบสนองเทรนด์ของตลาดในขณะนี้ได้อย่างตรงจุด ส่วนกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริงก์นั้น ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่ง 37% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังจากออกสินค้าใหม่เพื่อตอบรับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งผลิตภัณฑ์กล่องใหญ่ขนาด 1 ลิตรสำหรับการบริโภคในครอบครัวได้เป็นประจำ และ 'ซีวิท พลัส' เครื่องดื่มวิตามินซีผสมคอลลาเจน นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้จากการกระจายสินค้าให้แก่เครื่องดื่มวิตามินของกลุ่มยันฮี ซึ่งเป็นอีกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูง

นอกจากนี้ การกลับมาเดินเครื่องจักรของโรงแก้วหลังจากปิดปรับปรุงในไตรมาสก่อน สัดส่วนช่องทางการขายที่ดีขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนภายใต้โครงการ Fit Fast Firm อย่างต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน ทำกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 1,824 ล้านบาท เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

จากผลการดำเนินงานที่เติบโตตามเป้าหมาย ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 มีมติเสนอจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 ในอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน 1,352 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2564 และจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 กันยายน 2564

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OSP กล่าวว่า "จากสถานการณ์ความท้าทายจากโควิด-19 โอสถสภามุ่งเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ช่วยดูแลสุขภาพ การสร้างพลังทางด้านการตลาดผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร และเริ่มวางรากฐานการนำดิจิทัลมาร์เกตติ้งและนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ โดยตั้งเป้าใช้ Big Data มาช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพและทรานส์ฟอร์มองค์กรให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตในอนาคต"

นอกจากนี้ โอสถสภายังได้ร่วมเป็นพลังสนับสนุนการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชน ชุมชน และเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ บริษัท เฮ้าส์ โอสถสภา ฟู้ดส์ จำกัด บริษัท โอสถสภา ไทโช ฟาร์มาซูติคอล จำกัด และ บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด จัดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น เครื่องดื่มวิตามินซีแบรนด์ซีวิทยันฮี วิตามิน วอเตอร์ ลิโพ และเครื่องดื่มผสมสมุนไพร เช่น โสมอินซัม สูตรผสมถั่งเช่า และเอ็ม-150 สูตรผสมกระชายดำรวมกว่า 2 ล้านขวด มอบให้แก่ทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีน ณ จุดบริการนอกโรงพยาบาล ในเครือข่ายสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยทั้ง 25 แห่งทั่วกรุงเทพมหานคร รวมถึงโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามต่างๆ 161 แห่งทั่วประเทศ 

นอกจากนี้ โอสถสภายังได้ออกแบบและพัฒนาแคปซูลแรงดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ช่วยจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อและลดโอกาสในการสัมผัสเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์เมื่อปี 2563 ล่าสุด ทีมวิศวกรของโอสถสภาได้ออกแบบและพัฒนารถเข็นความดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยภายในโรงพยาบาล เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัยและคล่องตัวมากขึ้น โดยได้ส่งมอบแคปซูลความดันลบ จำนวน 3 คัน และรถเข็นความดันลบ จำนวน 18 คัน มูลค่ารวมกว่า 4.8 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาล 16 แห่งในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสระบุรี
#3005


ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดวันพุธ(11ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 21.60 ดอลลาร์ ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ชะลอตัว ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ


สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 21.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,753.30 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยระบุว่า ดัชนีซีพีไอ ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.ค. ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3% หลังจากทะยานขึ้น 5.4% เช่นกันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551

'
นอกจากนี้ หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนีซีพีไอพื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนมิ.ย.

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว

'บิตคอยน์'ปรับตัวขึ้นเคลื่อนไหวที่ 45,000 ดอลล์

ราคาบิตคอยน์เทรดที่เว็บไซต์คอยน์เดสก์ เมื่อเวลา 05.55 น.ของวันนี้ (12 ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 0.38% เคลื่อนไหวที่ 45,688.24 ดอลลาร์
#3006


ราคาน้ำมันขยับขึ้น 2% ในวันอังคาร(10ส.ค.) ดีดตัวจากดิ่งลงแรงเมื่อเร็วๆนี้ ท่ามกลางสัญญาณอุปสงค์ฟื้นตัวในสหรัฐฯ แม้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน หลังวุฒิสภาเห็นชอบแพ็คเกจโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้าน ขณะที่ทองคำก็ปรับขึ้นเช่นกัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.81 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

การแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตาของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ผลักให้เคสผู้ติดเชื้อและผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน

อย่างไรก็ตามด้วยการจ้างงานขยายตัวขึ้นในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้น ช่วยส่งเสริมการบริโภคน้ำมันเบนซิน สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ(อีไอเอ) ระบุในรายงานประจำเดือน

อีไอเอประมาณการว่าการบริโภคน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 8.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2021 เพิ่มขึ้นจากระดับ 8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2020 แต่กระนั้นเชื่อว่าการบริโภคน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯจะยังคงต่ำกว่าระดับปี 2019 ไปจนถึงปี 2022 สืบเนื่องจากประชาชนจำนวนมากยังคงทำงานจากที่บ้าน

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดผสมผสานในวันอังคาร(10ส.ค.) แต่ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ปิดสูงสุดตลอดกาล ได้แรงหนุนจากหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ หลังวุฒิสภาสหรัฐฯลงมติเห็นชอบแพ็คเกจโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ภายใต้การสนับสนุนจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกัน

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 162.82 จุด (0.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,264.67 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.40 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,436.75 จุด แนสแดค ลดลง 72.09 จุด (0.49 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,788.09 จุด

ร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเวลานี้มุ่งหน้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏร อาจเปิดทางสำหรับการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศในรอบหลายทศวรรษ ทั้งถนน สะพาน สนามบินและเส้นทางน้ำ ขณะเดียวกันวุฒิสภาก็จะเริ่มโหวตในแพ็คเกจงบประมาณ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ ที่ทางเดโมแครตวางแผนไว้ว่าจะยกมือเห็นชอบโดยไม่จำเป็นต้องได้รับแรงหนุนใดๆจากรีพับลิกัน

ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร(10ส.ค.) ปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน จากแรงช้อนซื้อหลังจากร่วงลงหนักก่อนหน้านี้ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 5.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,731.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์

(ที่มา:รอยเตอร์)
#3007


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักและต่อเนื่องในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารธุรกิจอื่นๆ ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่นเดียวกับร้าน "โคเอ็น ซูซิ บาร์" ที่ไม่รอดจากวิกฤตในครั้งนี้ ทำให้ทางร้านต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจเพื่อให้อยู่รอดและรับมือกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว
จุดเริ่มต้น "โคเอ็น ซูซิ บาร์"


นายธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา ซีอีโอ โคเอ็น กรุ๊ป และเจ้าของร้าน โคเอ็น ซูซิ บาร์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นธุรกิจนั้นเริ่มต้นจากร้าน ซูซิ บาร์ ขนาดเล็ก โดยมีสาขาแรกที่โครงการ I'm Park จุฬาฯ ในปัจจุบันมีทั้งหมด 12 สาขา และ 5 Cloud Kitchen ซึ่งปีนี้ได้ดำเนินธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 โดยตนมีแนวคิดที่อยากจะรวบรวมของดี ราคาไม่แพง พร้อมคัดสรรวัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยมจากหลากหลายสถานที่ในการปรุง ซึ่งจะเน้นคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงและจับต้องได้ ทั้งนี้ยังมีบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นเกรดพรีเมี่ยม ในราคาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้อย่างสบายใจ (Affordable Luxury Sushi Bar) โดยทางร้านจะมีเมนูคอนเซ็ปทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.Sushi 2.Shabu + Sushi และ 3.Yakiniku + Sushi



เมนูไฮไลท์

สำหรับเมนูไฮไลท์ของทางร้านนั้นจะเป็น Salmon Sashimi นอร์วีเจียนแซลมอน จากประเทศนอร์เวย์ (Norwegian Salmon) ซึ่งแซลมอนดังกล่าวนั้นจะมีเนื้อสัมผัสค่อนข้างแน่น มีสีส้มนวล ก้างน้อย ไขมันพอเหมาะ และคนในประเทศไทยนิยมบริโภคจำนวนมาก



นอกจากนี้ยังมี Zuwai Kani Miso ซุไว คานิ มิโซะ มันปูย่างบนเตาถ่าน ซึ่งทางร้านได้มีการส่งเชฟไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อให้ได้เรียนรู้และรับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาเพื่อปรับปรุงสูตรของทางร้าน สำหรับวิธีการกินซุ ไว คานิ มิโซะ มันปูย่างบนเตาถ่าน นั้นทางร้านแนะนำให้ย่างจนเริ่มมีกลิ่นหอม แต่อย่าให้เกรียมมากจนเกินไป 



ไปต่อกับ Salmon Volcano Roll แซลมอนภูเขาไฟสุดยอดเมนู Signature ประจำร้าน Kouen Sushi Bar ที่มีมายาวนานกว่า 4 ปี และมียอดขายมากกว่า 1 ล้านคำ สำหรับเมนูดังกล่าวมีวิธีทำโดยการนำชิ้นปลาแซลมอนมาห่อเข้ากับข้าวญี่ปุ่นแล้วราดซอสสไปซี่สูตรเฉพาะของทางร้าน ก่อนจะนำมาเบิร์นไฟจนสุกพอประมาณ เพิ่มความอร่อยด้วยซอสเทริและกากเทมปุระ Botan Foie Gras Truffle กุ้งโบตันหวาน ที่ด้านบนเป็นฟัวกราส์และด้านในเป็นไส้เห็ดทรัฟเฟิลแท้



ความเปลี่ยนแปลงในช่วงโควิด-19 เริ่มต้นขึ้น

ในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 นั้น ทางร้านมีพนักงานกว่า 500 คน จนกระทั่งในช่วงที่เกิดวิกฤตดังกล่าวทำให้ทางร้านจำเป็นต้องลดพนักงานลงเหลือเพียง 200 คน โดยทางร้านได้รับผลกระทบแบบจริงจังและเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2563 ซึ่งจากข่าวที่ห้ามคนกินปลาดิบ เนื่องจากกินแล้วนั้นจะทำให้ติดเชื้อโควิด -19 ได้ ทำให้ทางร้านได้รับผลกระทบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งนี้ทางร้านจึงคิดค้นหาวิธีและทางออกต่อเนื่อง หลังจากปัญหาการเลิกกินปลาดิบนั้นก็ยังมีปัญหาเรื่องการกินอาหารภายในร้านค้าตามมามีมาตรการให้กินในร้านได้เริ่มต้นตั้งแต่ 100% เป็น 50% และ 25% ล่าสุดเปลี่ยนเป็นสั่งกลับบ้าน หรือ Delivery ได้เพียงอย่างเดียว ทางร้านจึงจำเป็นต้องปิด Cloud Kitchen ตั้งแต่วิกฤตในรอบแรก



ศึกษาหากลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้ไปต่อให้ได้ ทางร้านวางหมากหาจุดส่งอาหาร โดย Cloud Kitchen มากขึ้น ซึ่งวิธีดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนในการทำถือว่าน้อยกว่าเปิดร้านในห้างสรรพสินค้าค่อนข้างมาก โดยตัดในเรื่องการตกแต่งหน้าร้านและการจัดการร้านต่างๆ ทางร้านจึงเน้นกลยุทธ์ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น และปิดสาขาในห้างฯ หรือใช้พื้นที่ร้านในห้างฯ ให้เล็กลง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ลูกค้ายังคงโหยหาบรรยากาศการกินอาหารนอกบ้าน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2565 ที่จะสามารถนั่งกินอาหารภายในร้านได้ตามปกติหรืออาจจะเลวร้ายไปจนถึงปี 2566 ก็เป็นได้



กระทบต่อเนื่องตลอด 2 ปี ขาดทุนกว่า 8 หลัก

แน่นอนว่าผลกระทบที่ตามมาก็หนีไม่พ้นเรื่องยอดขายและรายได้ สำหรับทางร้านนั้นได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องตลอดเกือบ 2 ปี โดยเฉพาะมาตรการการสั่งเปิดปิด 4 รอบนั้นทำให้ 3 เดือนที่ผ่านมาทางร้านขาดทุนไปกว่า 8 หลัก โดยเฉพาะรอบล่าสุด ทางร้านเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำการโปรโมชั่นในช่วงต้นเดือน แต่มีคำสั่งตอนดึก ณ ตอนนั้นในช่วงเวลา ตี 1 เมื่อทางร้านรับทราบในตอนเช้าจึงต้องหาวิธีกระจายอาหารที่เตรียมไว้ให้ได้มากที่สุด ทางร้านจึงจัดโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 1 แถม 1 ซึ่งถามว่าจัดโปรโมชั่นแบบนี้ขาดทุนหรือไม่ คำตอบคือ ขาดทุนแน่นอน แต่อย่างน้อยทางร้านก็ถือว่าเป็นการตอบแทนลูกค้ารวมถึงระบายสต็อคไปในตัว



หนทางต่อสู้เพื่อให้อยู่รอด

ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ทางร้านมีการขยายไลน์ธุรกิจและการแบ่งปันอาหาร โดยมีทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่

1.การเปิดแบรนด์ลูก เพื่อลดราคาอาหารให้สามารถจับต้องได้ โดยเปิดเป็นร้าน Ono Sushi by Kouen Group Delivery มีอาหารน้องใหม่กว่า 100 เมนู มีราคาเริ่มต้นเมนูละ 10 บาท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในช่วงสถานการณ์ตึงเครียดในช่วงนี้ที่ต้องการกินอาหารที่อร่อย มีคุณภาพและมีให้เลือกหลากหลายในราคาที่เอื้อมถึงและสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เมื่องสั่งเดลิเวอรี่กับทาง Line Man และชำระด้วยบัตรเครดิตเคทีซีสามารถใช้คะแนนสะสม KTC FOREVER 399 คะแนนเพื่อแลกค่าจัดส่ง 50 บาท โดยมีลิงค์ดังนี้ https://www.facebook.com/kouensushibar/posts/2886227904965046

2. หา Cloud Kitchen สำหรับผู้ที่มีบ้านอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ต้องการเพิ่มรายได้จากธุรกิจอาหาร สามารถติดต่อทาง Kouen Group เพื่อเปลี่ยนบ้านให้เป็น Cloud Kitchen ได้ โดยสามารถเข้าถึงได้ที่ลิงค์ดังนี้ https://www.facebook.com/kouensushibar/photos/a.1508325216088662/2891905037730666

3. การแบ่งปันอาหารจาก Kouen Group กว่า 6,000 กล่อง ไปยังชุมชนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนไทยให้ผ่านวิกฤตอันโหดร้ายนี้ไปพร้อมกัน



หลักการการฝ่าวิกฤต : ปัญหาไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเจอ

"เราต้องมีการเตรียมพร้อมที่จะต้องรับมือตลอดเวลา มีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ปรับตามสถานการณ์ปัจจุบัน จับมือกับพันธมิตรอย่างบัตรเครดิต ทำรายการส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขาย อย่างบัตรเครดิตเคทีซีที่เรามี Target กลุ่มเดียวกัน จัดโปรโมชั่นต่อเนื่องกันมานานเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่นิยม Burn Point การใช้คะแนน KTC FOREVER แลกสิทธิพิเศษต่างๆ มากกว่าการใช้เงินสดและในการแลกคะแนนสะสมนั้นก็ไม่ได้เอาไปใช้ในการสะสมแลกไมล์เที่ยวบินเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่เป็นการใช้ในหมวดของการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต และหมวดอาหารเป็นหลัก การทำโปรโมชั่นร่วมกันก็เป็นการกระตุ้นให้คนต้องการใช้มากขึ้นและคาดหวังกับภาครัฐให้รับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการด้วยครับ" 
#3008


นายดีเค อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจ Combined PET, IOD และ Fibers บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2564 D/E จะลดลงต่ำกว่าระดับ 1.2 เท่า จาก ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ระดับ 1.27 เท่า เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทผ่านกลยุทธ์การควบรวมกิจการ (M&A)

ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัท อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัท Ultrapar เพื่อเข้าซื้อกิจการของบริษัท Oxiteno S.A. ประเทศบราซิล โดย Oxiteno เป็นผู้ผลิตสารลดแรงตึงผิวแบบบูรณาการในทวีปอเมริกาและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคละตินอเมริกา เบื้องต้นประเมินมูลค่าดีลซื้อกิจการเบื้องต้น 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 5 หมื่นล้านบาท)


อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าจากการเตรียมความพร้อมทั้งกระแสเงินสดและ D/E ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน อีกทั้งมูลค่าการซื้อขายมีโอกาสน้อยกว่าที่เคยแจ้งนักลงทุนเอาไว้

นอกจากนี้ IVL ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เบื้องต้นคาดว่ายอดขายจะเติบโต 9% โดยมาจากธุรกิจออกไซด์และอนุพันธ์แบบบูรณาการ (Integrated Oxide and Derivatives: IOD) ที่คาดว่าจะฟื้นตัว จากช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ที่ถูกผลกระทบโควิด-19 สภาพอากาศหนาวจัด (Polar Vortex) และโรงงานก๊าซแครกเกอร์ใน Lake Charles ประเทศสหรัฐที่จะกลับมาเดินเครื่องครึ่งแรกในไตรมาส 3 ปี 2564 หลังปิดซ่อมบำรุงจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าตั้งแต่เดือน ส.ค.2563

ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนของไทยจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงกว่า 10% นั้น มองเป็นผลบวกต่อบริษัท เนื่องจากมีสัดส่วนกำไรในต่างประเทศที่สูง โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป ขณะที่สัดส่วนพอร์ตในเอเชียที่ 8-9% มาจากหลายประเทศไม่เฉพาะไทยเท่านั้น เมื่อแปลงกำไรในสกุลเงินอื่นๆ กลับเข้ามาในประเทศ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากค่าเงินเพิ่มขึ้น
#3009


ฝ่ายประชาสัมพันธ์สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า เนื่องจากกระแสข่าวที่ปรากฏว่านักท่องเที่ยวต่างชาติในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ต้องเดินทางโดยรถบัสจากจังหวัดภูเก็ตไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเดินทางกลับประเทศ สาเหตุเพราะสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ได้ออกคำสั่งมีผลตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. 2564 ห้ามสายการบินที่ให้บริการผู้โดยสาร (Passenger Flight) ทำการบินเที่ยวบินภายในประเทศรับส่งผู้โดยสารเข้าหรือออกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ซึ่งเป็นไปตามมาตรการควบคุมโรคของ ศบค.

กพท. ขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน ดังนี้

1.ประกาศเรื่องแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 3) ออกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2564 ที่กระแสข่าวอ้างถึง นั้นยกเว้นเที่ยวบินที่เกี่ยวข้องกับโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ (แซนด์บ็อกซ์ Sandbox)


2.แม้ขณะนี้ไม่มีเที่ยวบินประจำตามตารางเวลา ให้บริการผู้โดยสารในเส้นทางระหว่างจังหวัดภูเก็ตและกรุงเทพมหานคร แต่ กพท. เปิดให้สายการบินขออนุญาตทำการบินในลักษณะเช่าเหมาลำ (Charter Flight) จากจังหวัดภูเก็ตมายังสุวรรณภูมิได้ แต่ด้วยข้อจำกัดในด้านของจำนวนผู้โดยสารอาจทำให้สายการบินพิจารณาไม่จัดเที่ยวบินไปจังหวัดภูเก็ตเพื่อไปรับนักท่องเที่ยวแซนด์บ็อกซ์ เนื่องจากพิจารณาแล้วอาจจะไม่คุ้มในการปฏิบัติการบิน

3.ปัจจุบันยังมีเที่ยวบินให้บริการจากจังหวัดภูเก็ตไปยังสนามบินอู่ตะเภาฯ จังหวัดระยอง ซึ่ง กทพ. ได้ประสานและกำชับสายการบินว่าให้อำนวยความสะดวกกับผู้โดยสาร โดยการจัดรถรับ-ส่งไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อบรรเทาปัญหาการเดินทางของนักท่องเที่ยวโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ระหว่างที่ยังไม่มีสายการบินใดให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำในเส้นทางดังกล่าว
#3010


อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 9 สิงหาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 20,669,780 โดส และทั่วโลกแล้ว 4,450 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 182.951 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 75.9%

เมื่อวันที่ 9 ส.ค.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 4,450 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 42.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 351 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 166 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 182.951 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (74.0% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 75.42 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 20,669,780 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 53.84%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 4,450 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 20,669,780 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 15,986,354 โดส (24.2% ของประชากร)
-เข็มสอง 4,461,861 โดส (6.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 221,565 โดส (0.3% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 9 ส.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 20,669,780 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 400,465 โดส/วัน

3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 6,606,930 โดส
- เข็มที่ 2 3,436,086 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 8,234,544 โดส
- เข็มที่ 2 653,195 โดส
- เข็มที่ 3 182,082 โดส

วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 1,1136,014 โดส
- เข็มที่ 2 360,601 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 31,866 โดส
- เข็มที่ 2 11,979 โดส
- เข็มที่ 3 39,483 โดส

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 116.3% เข็มที่2 100.3% เข็มที่3 31.1%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 49.3% เข็มที่2 29.3% เข็มที่3 0%
- อสม เข็มที่1 52.3% เข็มที่2 23.2% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 32.7% เข็มที่1 5.6% เข็มที่3 0%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 29.0% เข็มที่2 8.2% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 30.6% เข็มที่2 2.0% เข็มที่3 0%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 1.1% เข็มที่2 0.1% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 32.0% เข็มที่2 8.9% เข็มที่3 0.4%

5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 51.1% เข็มที่2 11.9% เข็มที่3 0.4% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 70.9% เข็มที่2 15.5% เข็มที่3 0.6%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 31.4% เข็มที่2 13.2% เข็มที่3 0.3%
- นนทบุรี เข็มที่1 33.5% เข็มที่2 11.2% เข็มที่3 0.3%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 33.6% เข็มที่2 6.3% เข็มที่3 0.3%
- ปทุมธานี เข็มที่1 28.3% เข็มที่2 6.2% เข็มที่3 0.2%
- นครปฐม เข็มที่1 18.0% เข็มที่2 4.2% เข็มที่3 0.4%

จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 14.7% เข็มที่2 4.7% เข็มที่3 0.3%
- ภูเก็ต เข็มที่1 75.9% เข็มที่2 59.8% เข็มที่3 0.6%
- ระนอง เข็มที่1 41.6% เข็มที่2 12.6% เข็มที่3 0.3%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 22.1% เข็มที่2 8.6% เข็มที่3 0.2%
- พังงา เข็มที่1 41.1% เข็มที่2 11.4% เข็มที่3 0.4%
- กระบี่ เข็มที่1 23.1% เข็มที่2 6.9% เข็มที่3 0.2%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 34.4% เข็มที่2 4.4% เข็มที่3 0.4%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 182,951,774 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 75,426,933 โดส (18.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. มาเลเซีย จำนวน 24,542,437 โดส (48.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 24,479,750 โดส (11.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 20,669,780 โดส (24.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 13.949,503 โดส (48.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
6. เวียดนาม จำนวน 9,405,819 โดส (8.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
7. สิงคโปร์ จำนวน 8,167,147 โดส (74.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 2,620,478 โดส (18.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 189,927 โดส (33.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 66.19%
2. อเมริกาเหนือ 11.52%
3. ยุโรป 13.76%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.45%
5. แอฟริกา 1.70%
6. โอเชียเนีย 0.38%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,770.30 ล้านโดส (63.2% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 506.81 ล้านโดส (18.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 351.40 ล้านโดส (54.9%)
4. บราซิล จำนวน 151.71 ล้านโดส (37.1%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (81.3% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (79.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (79.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. สิงคโปร์ (74.0%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
5. กาตาร์ (70.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. อุรุกวัย (69.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. ภูฏาน (67.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. แคนาดา (67.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
9. ชิลี (67.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
10. เดนมาร์ก (66.6%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
#3011


"เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ยอดนักกีฬาเทควันโด ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกของไทยคนล่าสุด เข้ารับการประดับเครื่องหมายยศ ร.ต. อย่างเป็นทางการ ณ กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา

โดย 'บิ๊กแอร์บูล'พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศร.ต. ให้แก่ ว่าที่ ร.ต.หญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือ 'น้องเทนนิส' เพื่อเป็นเกียรติและขวัญกำลังใจ ที่ได้รับเหรียญทองจากกีฬาเทควันโด ในโอลิมปิก 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

'น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รู้สึกเป็นปลื้มที่ได้รับการแต่งยศในครั้งนี้ โดยโพสต์ขอบคุณกองทัพอากาศ ที่ได้ให้โอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอากาศตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา

"ดิฉันเรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ขอขอบพระคุณกองทัพอากาศ ผู้บังคับบัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก แอร์บูล สุทธิวรรณ , รองผู้บัญชาการทหารอากาศทุกท่าน,ผู้บังคับบัญชาทุกๆท่าน และกรมสวัสดิการทหารอากาศ ที่ให้โอกาสหนูได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอากาศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ~ เป็นหมวดนิสแล้วนะคะทุกคน" เทนนิส กล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว
 
#3012


รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยว่าที่ประชุม ครม.วันนี้ (10 ส.ค.) เห็นชอบเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 ในพื้นที่ควบคุมการระบาดสูงสุด (สีแดงเข้ม) ที่ให้มีการล็อกดาวน์ 29 จังหวัดตามประกาศของ ศบค.ตามที่ คณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ฯที่มีเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธานเสนอ โดยให้มีการช่วยเหลือแรงงานประกันสังคมในกลุ่มนี้รวมประมาณ 6.6 ล้านราย ได้รับการช่วยเหลือคนละ 5,000 บาท 

แบ่งเป็นวงเงินสำหรับมาตรา 39 ใน 29 จังหวัด วงเงิน 7.18 พันล้านบาท และวงเงินสำหรับมาตรา 40 ใน 29 จังหวัดวงเงินรวม 2.62 หมื่นล้านบาท 


สำหรับคุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมาย


- เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่มีสัญชาติไทย

- มีสถานะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ในฐานทะเบียนประกันสังคมที่มีสถานะ A (Active) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด) หรือ ณ วันที่3 สิงหาคม 2564 (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 16 จังหวัด)

- เป็นผู้สมัครเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ในฐานทะเบียนประกันสังคมที่มีสถานะรอชำระเงิน W (Wait) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564

- กรณีผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ต้องไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39

- กรณีผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ต้องไม่เป็นข้าราชการหรือผู้รับบำนาญของกรมบัญชีกลาง

-  กรณีเป็นผู้ประกันตนในฐานทะเบียนประกันสังคม (สถานะ Active) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ต้องอยู่ใน 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา.สงขลา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา

- กรณีเป็นผู้ประกันตนในฐานทะเบียนประกันสังคม (สถานะ Active) ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2564 ต้องอยู่ใน 16 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ นครราชสีมา  ระยอง ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี ตาก อ่างทอง นครนายก สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี

- กรณีเป็นผู้สมัครเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ที่มีสถานะ W (Wait) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ที่อยู่ระหว่างรอชำระเงินสมทบ ต้องอยู่ในพื้นที่ 29 จังหวัด โดยให้ชำระเงินสมทบภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 เพื่อเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 สมบูรณ์ตามกฎหมาย

ก่อหน้านี้นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยกับ กรุงเทพธุรกิจ ว่ากระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมได้ให้รายละเอียดแรงงาน และนายจ้างที่อยู่ในกลุ่มประกันสังคมมาตรา 39 และ 40 ใน 29 จังหวัดทั้งที่เป็นผู้ประกันตนเดิม และที่ลงทะเบียนใหม่ตามมติ ครม.ให้กับ สศช.เรียบร้อยแล้วเพื่อให้ได้กรอบและจำนวนที่แน่นอนเสนอให้ ครม.อนุมัติหลังจากก่อนหน้านี้อนุมัติในหลักการแล้ว 

ทั้งนี้แรงงานในกลุ่มนี้ทั้ง 29 จังหวัดที่เข้าเงื่อนไข รวมทั้งอาชีพอิสระจะได้เงินเยียวยาเป็นจำนวน 5,000 บาท โดยในส่วนของ 13 จังหวัดแรกที่มีการประกาศล็อกดาวน์มีผู้ประกันตนในมาตรา 39 ประมาณ 1 ล้านราย ส่วนในมาตรา 40 เดิมมีผู้ประกันตนประมาณ 1 ล้านราย และมีการลงทะเบียนเพิ่มเติมมา 3.1 ล้านราย รวมเป็น 4.1 ล้านราย 

สำหรับ 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. กาญจนบุรี 3. ชลบุรี 4. ฉะเชิงเทรา 5. ตาก 6. นครปฐม 7. นครนายก 8. นครราชสีมา 9. นราธิวาส 10.นนทบุรี 11.ปทุมธานี 12.ประจวบคีรีขันธ์ 13.ปราจีนบุรี 14.อยุธยา 15.เพชรบุรี 16.ปัตตานี 17.เพชรบูรณ์ 18.ยะลา 19.ระยอง 20.ราชบุรี 21.ลพบุรี 22.สงขลา 23.สิงห์บุรี 24.สมุทรปราการ 25.สมุทรสงคราม 26.สมุทรสาคร 27.สระบุรี 28.สุพรรณบุรี และ 29.อ่างทอง
#3013


"สินิตย์"สั่งเดินหน้าช่วยผู้ประกอบการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้ประโยชน์จาก FTA ทำการส่งออกไปตลาดอาเซียน เผยมีหลายสินค้าที่มีศักยภาพ ทั้งผลไม้ อาหารทะเลแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยางพารา และผ้าบาติก

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาออนไลน์ เรื่อง "รู้ลึกก่อนใคร โอกาสการค้าชายแดนใต้สู่ตลาดการค้าเสรีอาเซียน" และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ชี้ช่องเพิ่มโอกาสการค้าของจังหวัดชายแดนใต้กับตลาดอาเซียน" ว่า ได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศสร้างความตระหนักรู้เรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยให้ทำงานร่วมกับทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัดใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เร่งช่วยหาช่องทางให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ ผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของตลาด ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ในการหาตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ตามนโยบาย "ตลาดนำการผลิต"

สำหรับการจัดสัมมนาครั้งนี้ ได้ระดมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มาร่วมแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วม โดยวิทยากรมีทั้งผู้ส่งออกรายใหญ่ นักการตลาด ทูตพาณิชย์ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. และพาณิชย์จังหวัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้ามาชี้โอกาสการทำธุรกิจและการส่งออกสินค้าที่มีศักยภาพในพื้นที่ เช่น ผลไม้ (ทุเรียน ส้มโอ เงาะ ลองกอง มังคุด) อาหารทะเลแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยางพารา และผ้าบาติก เป็นต้น เน้นตลาดมาเลเซีย อาเซียน และตลาดสินค้าฮาลาล และแนะนำแนวทางการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA สร้างแต้มต่อขยายส่งออกสินค้าในตลาดการค้าเสรี ที่ประเทศคู่ค้าได้ลดและยกเลิกการจัดเก็บภาษีศุลกากรให้กับสินค้าจากไทยแล้วเกือบทุกรายการ

"กระทรวงพาณิชย์มีความตั้งใจและมุ่งมั่นส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ของตลาด โดยเน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงวิธีการผลิตและแหล่งผลิตได้ โดยเฉพาะสินค้าอาหารที่ต้องมีใบรับรองด้านมาตรฐาน เพื่อให้ตลาดยอมรับ ผู้บริโภคเชื่อมั่น ซึ่งจะช่วยให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้ในราคาสูง และจะช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้ใช้ประโยชน์จาก FTA เป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขันทางการค้าขยายส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดสินค้าฮาลาลที่มีประชากรสูงกว่า 2,000 ล้านคน และมั่นใจว่าผู้เข้าร่วมสัมมนาจะสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้และต่อยอดสำหรับวางแผนหาโอกาสจากตลาดใหม่ๆ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับสินค้าของไทยได้มากขึ้น"นายสินิตย์กล่าว

ในปี 2563 การค้าไทยกับอาเซียนมีมูลค่าสูงถึง 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกมูลค่า 6.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อเปรียบเทียบการส่งออกปี 2563 กับปีก่อนที่ความตกลงการค้าเสรีอาเซียนมีผลบังคับใช้ พบว่า การค้าของไทยกับอาเซียนขยายตัวถึง 843% และการส่งออกขยายตัวสูงถึง 1,135% สำหรับในช่วง 5 เดือของปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.) การค้าไทยกับอาเซียนมีมูลค่า 45,267.41 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกมูลค่า 26,224.69 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 24.14%

ทั้งนี้ หากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) มีผลบังคับใช้ในต้นปี 2565 จะเป็นอีกหนึ่ง FTA สำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการและเกษตรกร สามารถใช้ประโยชน์ขยายการส่งออกไปตลาดสำคัญของไทย ทั้งอาเซียน จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่เดิม
 
#3014


พัชร์ เคียงศิริ ชื่อนี้เป็นที่ต้องการตัวมาโดยตลอดในวงการกลุ่มบริษัทขนาดกลางที่ต้องการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตมีขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากเขามีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการเป็น 'ที่ปรึกษาด้านการวางแผนกลยุทธ์และการตลาด' ที่สร้างความสำเร็จให้กับหลายบริษัทชื่อดัง

กระทั่งเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เขาเริ่มต้นเส้นทางสายใหม่ให้กับตนเองด้วยอาชีพเกษตรกรรม โดยก่อตั้ง บริษัท ไร่รวมใจ จำกัด เพื่อทำนาข้าวหอมมะลิ 105 ออร์แกนิค ที่จังหวัดแพร่

'ไร่รวมใจ' ปลูกข้าวด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ด้วยความใส่ใจยิ่ง ความมุ่งมั่นนี้ทำให้นาข้าวไร่รวมใจเป็นนาข้าวออร์แกนิคในจังหวัดแพร่ที่ได้รับการรับรองระบบงานเกษตรอินทรีย์ระดับสากล IFOAM (International Federation of Organic Agriculture Movement) และผลิต 'ข้าวกล้องหอมมะลิ 105' ภายใต้แบรนด์ ข้าวใส่ใจ จำหน่ายออกสู่ท้องตลาดเป็นรายได้หล่อเลี้ยงการทำงานของไร่

ตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาตัดสินใจหันหลังให้กับตำแหน่ง 'ที่ปรึกษาด้านการวางแผนกลยุทธ์ฯ' อย่างสิ้นเชิง ถอดสูทสวมเสื้อเกษตรกรเต็มตัว ไม่เพียงแต่ศึกษาวิถีเกษตรกรรมเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาคุณภาพผลผลิต แต่ยังสมัครเรียนหลักสูตรออนไลน์เพื่อหาความรู้ในศาสตร์อีกหลายแขนง จนสามารถสร้างสรรค์คอร์สดูแลสุขภาพและน้ำหนักเฉพาะบุคคลผ่านแอปพลิเคชัน SAIJAI SLIM (ใส่ใจสลิม) ผู้ผ่านคอร์สนี้ต่างภูมิใจกับผลลัพธ์ที่น้ำหนักลดจริงอย่างยั่งยืนและสุขภาพดีขึ้น

ขณะนี้ทุกธุรกิจกำลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค โควิด-19 อดีตที่ปรึกษาด้านการวางแผนกลยุทธ์ฯ นำ 'ไร่รวมใจ' ฝ่าช่วงเวลานี้อย่างไร ทำไมนักธุรกิจในเมืองใหญ่จึงหันไปทำการเกษตร


พัชร์ เคียงศิริ กับผู้ร่วมงานกลุ่มใหม่ในการทำนาข้าวออร์แกนิค

:: ทำไมคุณพัชร์เลือกทำงานเกี่ยวกับ "การปลูกข้าว" หลังตัดสินใจยุติบทบาทนักธุรกิจในเมืองใหญ่

"ที่ปรึกษาทางด้านการวางแผนกลยุทธ์ เป็นงานที่เหนื่อยมาก ผมรับงานทีละหลายบริษัทและปรากฏตัวที่แต่ละบริษัทลูกค้าสองวันต่อเดือนเท่านั้น ในแต่ละวันที่ไป เราโดนรีดทุกอย่างออกจากหัวสมอง บางวัน 11 ประชุม บางวัน 14 ประชุม กินข้าวเที่ยงครึ่งกินไปประชุมไปก็มี ทำให้เบิร์นเอาท์ (burnout) คำนี้เป็นคำที่...คุณอานันท์ ปันยารชุน เคยใช้ตอนถามผมว่าทำไมผมถึงมาเป็นเกษตรกร พอเห็นผมถอนหายใจตอบไม่ถูก ท่านก็พูดเลยว่า 'เบิร์นเอาท์' ใช่ไหม

ผมมีโอกาสไปช่วยเหลืองานในตำบลน้ำชำ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ได้สัมผัสความเป็นธรรมชาติมากๆ รวมถึงการทำเกษตรกรรมทฤษฎีใหม่ของรัชกาลที่ 9 หลังจากนั้นเลยตัดสินใจซื้อที่ และในที่ด้วยความบังเอิญมีนาข้าว ทำให้เราได้กินข้าวในนาของตัวเองเป็นครั้งแรก คือมีคนช่วยปลูก เขาแบ่งไปสองส่วน เราเอามาส่วนเดียว ตอนนั้นยังไม่คิดอะไรมาก ก็ยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาฯ


นาข้าวหอมมะลิ 105 "ไร่รวมใจ" จ.แพร่ (ภาพ : พัชร์ เคียงศิริ)

แต่ว่าตอนที่กินข้าวในนาตัวเอง ทำไมหอมแบบนี้ ทำให้ผมศึกษาเพิ่มเติมมากขึ้น และพบว่า ในชีวิตเราเติบโตขึ้นมากับความเคยชินในสิ่งต่างๆ รอบตัว ทำให้เราลืมดูรายละเอียดสิ่งใกล้ตัว ผมมักเปรียบเทียบว่า เราเติบโตขึ้นมาพร้อมกับการหายใจ เราเคยสนใจไหมว่าการหายใจที่ดีต้องทำอย่างไร เลยทำให้ผมหันกลับมาคิดว่า เราเติบโตมาพร้อมกับการกินข้าว แต่เราไม่เคยสนใจข้าวไทยเจ๋งยังไง  คำว่าข้าวหอมมะลิ สมัยก่อนผมคิดว่ามีพันธุ์เดียว เอาเข้าจริงๆ ข้าวหอมมะลิมีหลายพันธุ์ และก็มีข้าวบางพันธุ์ที่มีคำว่า 'หอม' นำหน้า แต่ไม่ใช่ข้าวหอมมะลิ จึงเป็นที่มาของคำว่า 'ใส่ใจ' เพื่อสะท้อนว่าเราควรใส่ใจรายละเอียดใกล้ตัว และ 'ข้าวใส่ใจ' ก็เป็นสินค้าแรกที่เราผลิตและจำหน่ายครับ 

และต้องขอเท้าความด้วยว่า คุณพ่อมีอิทธิพลมากครับ ท่านเลิกกินเนื้อสัตว์บกสัตว์ปีกตั้งแต่อายุ 60 ผมเลยทำตามพ่อ เลิกกินสัตว์บกสัตว์ปีกตั้งแต่อายุ 40 และผมก็หันมากินแมคโครไบโอติกส์ ยังกินเนื้อปลาอยู่บ้าง แต่ข้าวแทบจะเรียกว่าปฏิเสธข้าวขาว กินข้าวกล้องอย่างเดียว ร่างกายก็ดีขึ้น คอเลสเตอรอลที่เคยสูงก็ลดลง ไขมันเลวเหลือครึ่งหนึ่งของคนในอายุเดียวกัน ไขมันดีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของคนอายุเท่ากัน นี่เป็นคำพูดของหมอที่ดูจากผลเลือดผม

พอได้ผลที่ดี สุดท้ายเราก็อยากส่งของดีๆ แบบนี้ออกไป ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก เพราะผมทำธุรกิจ business-to-business มาโดยตลอด ตอนนี้ผมกำลังจะมาทำธุรกิจ business-to-consumer (บีทูซี) คนละสเกล ก็ลองดู เพราะเราก็เบิร์นเอาท์แล้วจริงๆ"


รวงข้าวหอมมะลิ 105 ออร์แกนิค ของไร่รวมใจ (ภาพ : พัชร์ เคียงศิริ)

:: ผลผลิตของไร่รวมใจวางจำหน่ายที่ใดบ้าง

"เราขายตรงอย่างเดียวครับ ไม่มีวางจำหน่ายผ่านคนกลาง จริงๆ แล้วเป็นโมเดลที่เราคิดไว้ตั้งแต่ต้นครับว่าจะทำธุรกิจแบบส่งตรงเข้าบ้านคนเลย ด้วยความที่เป็นข้าวกล้องออร์แกนิค ใช้ต้นทุนสูงมาก แข่งราคากับคนอื่นไม่ได้ ผมไม่สามารถขายราคานี้โดยผ่านช่องทางคนกลางได้ จึงเป็นทั้งโชคร้ายและโชคดี

โชคร้ายคือทำให้สเกลเล็ก โชคดีคือคนที่เขาเห็นสินค้าของเราได้ลองสินค้าของเรา เขาอยู่กับเรายาวเพราะข้าวกล้องหอมมะลิ 105 เราหอมและนุ่มมาก และเราอำนวยความสะดวกอย่างดี โดยติดต่อผ่านเฟซบุ๊กใส่ใจกินอยู่เป็น และไลน์ @saijai_wellbeing"



นาข้าวหอมมะลิ 105 ออร์แกนิค "ไร่รวมใจ"

:: 'ไร่รวมใจ' ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ลักษณะใดบ้างหรือไม่ อย่างไร

"อย่างที่เรียนว่าโชคดี คือการไม่ผ่านหน้าร้านหรือคนกลาง เราติดต่อตรงกับครัวเรือนไปเลย และโควิดทำให้คนทำกับข้าวกินเองมากขึ้น เราค่อนข้างเติบโตสวนกระแส

แต่ต้องเล่าย้อนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว ที่บอกว่าผมเลิกเป็นที่ปรึกษาฯ ผมก็ศึกษาหาความรู้ในเชิงการวางแผนเพิ่มเติม ผมเรียนออนไลน์กับ ฮาร์วาร์ด บิซิเนส สคูล เซอร์ทิฟิเคตชื่อ ดิสรัปทีฟ สแตรทิจี (Certificate in Disruptive Strategy, Harvard Business School) ช่วงนั้นดิสรัปชั่นกำลังฮิต ผมนำสิ่งที่เขาสอนมาใช้ด้วยการเริ่มถามกลับไปที่ลูกค้าที่ซื้อข้าวผมว่า คุณซื้อข้าวใส่ใจ คุณต้องการให้ข้าวเราทำอะไรให้คุณ

คนกินข้าว เราก็นึกว่าต้องการกินให้อิ่ม แต่เขาบอกซื้อ 'ข้าวใส่ใจ' เพื่อให้ดูแลสุขภาพ ผมก็ถามต่อ ให้ดูแลสุขภาพด้านไหน ปรากฏว่า 80 เปอร์เซนต์ของคำตอบคือให้ดูแลน้ำหนัก ต้องการลดน้ำหนัก ผมก็เลยพัฒนาสิ่งใหม่ขึ้นมา เรียกว่า SAIJAI SLIM (ใส่ใจสลิม) เป็นคอร์สลดน้ำหนักแบบองค์รวมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันชื่อเดียวกันนี้ ก็โชคดีตรงที่ว่ายุคนี้ลดการพบหน้ากัน แต่เราทำมาแล้วปีกว่า มีคนมาเข้าคอร์สลดน้ำหนักหลากหลาย เจ้าของร้าน เจ้าของทีมฟุต. อดีตโฆษกพรรคการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เด็กๆ อายุ 20 กว่า"


พัชร์ เคียงศิริ ในวันที่เป็นเกษตรกรเต็มตัว

คุณพัชร์ให้สัมภาษณ์กับ 'จุดประกาย กรุงเทพธุรกิจ' ด้วยว่า คอร์สลดน้ำหนักแบบองค์รวมผ่านแอปพลิเคชัน SAIJAI SLIM ระยะเวลา 42 วัน ผู้เข้าคอร์ส 90 เปอร์เซนต์สามารถลดน้ำหนักได้จริงตามที่ตั้งใจ อีก 10 เปอร์เซนต์ที่ไม่เห็นผลเพราะไม่ได้ปฎิบัติตามคำแนะนำ เนื่องจาก SAIJAI SLIM เน้นการปฏิบัติตัวจากการให้ข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักสุขภาพ ไม่ใช่การลดน้ำหนักด้วยการใช้ยาต้องห้ามประเภทต่างๆ

กว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน SAIJAI SLIM ที่เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของไร่รวมใจ คุณพัชร์ได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในศาสตร์อีกแขนง อาทิ หลักสูตร Introduction to Food & Health จาก Stanford School of Medicine(USA), ศึกษาโยคะระดับโยคาจารย์จากสถาบันหฐราชาโยคาศรม เรียนโยคะออนไลน์จากสถาบันในแคว้นแคชเมียร์ ประเทศอินเดีย มีโอกาสเรียนรู้ด้านอายุรเวช และความช่วยเหลือด้านข้อมูลจากเพื่อนซึ่งเป็นแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนจีน


ความเป็นธรรมชาติอีกมุมหนึ่งของ "ไร่รวมใจ" (ภาพ : พัชร์ เคียงศิริ)

:: 'โมเดลไร่รวมใจ' ที่คุณพัชร์ทำอยู่ เช่นการขายแบบบีทูซี การพัฒนาแอปพลิเคชัน เป็นทางออกหนึ่งสำหรับคนทำธุรกิจในการรับมือสถานการณ์โควิดได้หรือไม่

"ผมขอใช้คำว่าบังเอิญ ตอนเราทำ เราไม่รู้ว่ามันจะมีโควิด แต่เราเห็นแนวโน้ม และด้วยต้นทุนของเรา มันทำให้เราผ่านคนกลางไม่ได้จริงๆ เราก็เลยต้องทำทุกอย่างเอง ไม่ผ่านคนกลาง ซึ่งเหนื่อยมาก"

สิ่งทอ 'กัมพูชา' วอนแบรนด์ดัง บรรเทาผลกระทบโควิด-19
เชื่อมั่นรัฐบาลแค่ไหน รับมือเศรษฐกิจถดถอย
'แดเนียล จาง' บุรุษผู้ดึง ดีเอ็นเอ 'อาลีบาบา' ชิงบัลลังก์อีคอมเมิร์ซโลก

"เราจะต้องเสนอเฉพาะสิ่งดีๆ เท่านั้นให้กับลูกค้าของเรา อะไรที่ไม่ดีจริง อะไรที่หลอกเขา อย่าทำ" พัชร์ เคียงศิริ

:: โควิด-19 อยู่กับเราไปอีกนานเท่าใดยังไม่ทราบ หลายบริษัทหลายธุรกิจประสบปัญหา ในฐานะผู้มีประสบการณ์ทำงานด้าน 'การวางแผนกลยุทธ์และการตลาด' คุณพัชร์พอจะให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างไรได้หรือไม่

"ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับ และอยู่กับมันให้ได้ คนที่ไม่เปลี่ยน ก็จะประสบปัญหา เบื้องต้นผมขอพูดแค่นี้

แต่ก่อนหน้าที่ผมจะได้รับการติดต่อจาก 'กรุงเทพธุรกิจ' ผมเพิ่งสรุปแนวคิดของตัวเองออกมาเป็น 7 ข้อ ผมใช้คำว่า 'บริษัทของผมสามารถอยู่รอดและดีขึ้นในช่วงโควิด-19 ได้อย่างไร'

ข้อที่หนึ่ง Employees come first. Find the right team members, love them, and take care of them as best as you can. พนักงานมาก่อนเสมอ พนักงานเป็นคนสำคัญที่สุด สิ่งที่เราต้องทำคือต้องหาสมาชิกของทีมเราที่ถูกต้อง เราต้องรักเขาดูแลเขาให้ดีที่สุด

ข้อที่สอง We offer only good things to our customers. เราจะต้องเสนอเฉพาะสิ่งดีๆ เท่านั้นให้กับลูกค้าของเรา อะไรที่ไม่ดีจริง อะไรที่หลอกเขา อย่าทำ มันอยู่ไม่นานไม่ยั่งยืน

ข้อที่สาม Focus on what really needs to be done, not everything. And begin with yourself. เราเองจะต้องโฟกัสอยู่เฉพาะสิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ ไม่ใช่โฟกัสทุกอย่าง เพราะว่ามีอะไรเยอะแยะเข้ามา อย่าไปเสียเวลากับทุกอย่าง ให้ใช้เวลากับสิ่งที่จำเป็นจริงๆ นิสัยนี้ต้องให้เริ่มที่ตัวเรา


ข้าวหอมมะลิ 105 ออร์แกนิค "ไร่รวมใจ" ที่ลูกค้ารอคอยผลผลิต (ภาพ : พัชร์ เคียงศิริ)

ข้อที่สี่ When we are proud of our products and services, we passionately deliver them to our customers. Make sure they say 'I got more than I paid' in the end. เมื่อเรามีความภูมิใจ เชื่อมั่น ศรัทธาและรักในสินค้าและบริการของเรา เราจะสามารถส่งมอบสินค้าและบริการของเราไปยังลูกค้าของเราได้โดยมีแพสชั่นตลอดเวลา ลูกค้าต้องได้ความรู้สึกว่าเขาได้มากกว่าที่เขาจ่ายในตอนจบ

ข้อห้า We make things fun. ทำทุกอย่างให้สนุก น้องๆ ในทีมผมทุกคนประชุมผ่านซูมก็สนุก ทำงานก็สนุก ผมอยู่บ้านถ่ายคลิปเองคนเดียวก็สนุก ข้อที่ห้าสัมพันธ์กับข้อแรกคือหาสมาชิกในทีมที่ถูกต้อง

ข้อที่หก Multi-tasking is normal. Cross-functional is the new normal. คนหนึ่งคนทำงานได้หลายอย่าง (Multi-tasking)เป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ครอส-ฟังก์ชันนัลเป็นนิวนอร์มอล เป็นสิ่งที่ผมได้จากบทความของแมคคินซีย์ (McKinsey & Company บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจในอเมริกา) คำว่าครอส-ฟังก์ชันนัลเกิดขึ้นมาในช่วงล็อคดาวน์โควิดครั้งแรก 

แมคคินซีย์บอกว่าคุณต้องสร้างครอส-ฟังก์ชันนัลทีมขึ้นมา จะเป็นทีมที่รวมบุคลากรจากหลายๆ ฝ่ายในยามปกติเข้ามาอยู่ในทีมเดียวกัน ไม่ให้อยู่ไกลกัน ต้องเอาหลายมุมเข้ามาเจอกันในเวลาเดียวกัน เพื่อพัฒนาเพื่อตัดสินใจในเวลาอันสั้น เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วมาก พอผมเขียนข้อนี้จบ ผมก็ถามตัวเองว่า แล้วเน็กซ์นอร์มอลคืออะไร ซึ่งตอนนี้ผมกำลังเตรียมการอยู่


"อย่าไปกลัวการ Execute ทำไปเถอะ ถ้าพลาด แก้ไขได้ แต่ต้องทำบนพื้นฐานความถูกต้องนะครับ" พัชร์ เคียงศิริ

ข้อที่เจ็ด Adopt the 3 E's: Educate, Execute, and Evolve. ใช้หลักการทำงาน 3E,

Educate เราต้องเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุด อย่าคิดว่าเรารู้เยอะแล้ว ผมยอมรับว่าช่วงหนึ่งผมเคยเป็นเคยคิดว่าเรามีความรู้เยอะมาก ปรากฏว่าในขณะที่เราคิดแบบนั้นโลกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ พอมาเริ่มเรียนรู้อีกที สนุกมาก

Execute การลงมือทำ เรียนแล้วเก็บไว้ในหัวไม่นำออกมาทำ ไม่นำออกมาใช้..ไม่ได้ สิ่งที่เจ๋งอย่างหนึ่งสำหรับโลกปัจจุบันก็คือ ในโลกออนไลน์ สามปีที่แล้วมีคนพูดว่า ถ้าคุณลงคอนเทนต์อะไรไปในโซเชียลมีเดียแล้วคุณพลาด คุณจะต้องแก้ไขให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง ฉะนั้นเราอย่าไปกลัวการ Execute ทำไปเถอะ ถ้าพลาด แก้ไขได้ แต่ต้องทำบนพื้นฐานความถูกต้องนะครับ

Evolve คือวิวัฒนาการ เราต้องวิวัฒนาการไปสู่การทำงานที่ดีขึ้น การทำงานที่สนุกขึ้น ลูกค้าต้องมีความสุขมากขึ้น ผมเพิ่งพูดเรื่องนี้ให้น้องๆ เราประชุมออนไลน์กัน ตบมือกัน น้ำตาไหลกัน ผมบอกว่า น้องๆ คุณรู้ไหมสี่ปีที่แล้วเราคือบริษัทขายข้าวออร์แกนิค แต่ตอนนี้เราได้อยู่ในธุรกิจเวลเนสโดยสมบูรณ์แล้ว เราไม่ใช่ผู้ขายข้าวอย่างเดียวอีกต่อไป เรามีทั้งแอปฯ SAIJAI SLIM ที่ช่วยคนลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน เรามียูทูบแชนแนล 'ใส่ใจกินอยู่เป็น' ที่ให้ความรู้ เป็นประโยชน์กับคนฟังคนดูตลอด มีไลน์กลุ่ม 'อายุยืนไปด้วยกัน' ซึ่งเป็นสังคมบวกที่ต่างให้ความรู้ ความสุข ความจรรโลงใจ แก่กันและกัน และเรากำลังเริ่มคิดโปรเจคใหม่ๆ อีก

เป็นไอเดีย 7 ข้อที่ผมสรุปได้ว่าทำให้เราดีขึ้น แต่ภายใต้ 7 ข้อนี้ ผมบอกได้เลยว่าทุกคนทำงานหนักขึ้น"

พัชร์ เคียงศิริ ไม่ได้รับประกันว่า 7 ข้อนี้ทำแล้วทุกธุรกิจจะอยู่รอดในช่วงโควิด-19 แต่ผู้เขียนเชื่อว่า น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน ที่จะนำบางข้อ หรือทั้งหมดในข้อเขียนนี้ไปประยุกต์ใช้กับงานของท่านเอง
#3015

กระทรวงสาธารณสุข เผย ส่งวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ร้อยละ 50-75 ตามข้อมูลสำรวจจากแต่ละโรงพยาบาล พร้อมให้สำรวจจำนวนที่ต้องการอีกครั้ง เนื่องจากบางโรงพยาบาลมีบุคลากรด่านหน้าจบใหม่ หรือได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้าเพิ่มขึ้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า ยืนยันส่งครบตามสำรวจแน่นอน

วันนี้ (8 ส.ค.) นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ว่า การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ 7 แสนโดส เริ่มทยอยจัดส่งวัคซีนตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2564 ไปยังโรงพยาบาลใหญ่ครบ 170 แห่ง ทั้ง 77 จังหวัดภายใน 3 วัน โดยเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ถือว่าเร็วกว่ากำหนดที่วางไว้ 5 วัน ขณะนี้ฉีดแล้ว 5.7 หมื่นโดส จากการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ พบอาการปวด บวม ร้อน และไข้เล็กน้อย ไม่มีอาการรุนแรง

"การจัดส่งวัคซีนไปโรงพยาบาลใหญ่ เนื่องจากมีศักยภาพในการเก็บรักษาควบคุมอุณหภูมิและควบคุมติดตามการฉีดได้ง่ายกว่ากระจายไปจุดย่อยๆ เนื่องจากเมื่อเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส วัคซีนจะมีอายุ 31 วัน จึงต้องเร่งฉีดให้หมด โดยวัคซีน 1 ขวดฉีดได้ 6 โดส หากกระจายไปหลายจุดเมื่อเปิดใช้ 1 ขวดอาจไม่ถึง 6 คนจึงต้องรวมไว้ที่โรงพยาบาลใหญ่ก่อนในช่วงแรก" นายแพทย์โสภณ กล่าว

นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนที่ส่งไปล็อตแรกประมาณร้อยละ 50-75 นั้น เนื่องจากได้สำรวจความต้องการฉีด พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนฉีดบูสเตอร์โดสด้วยแอสตร้าเซนเนก้าแล้วกว่าร้อยละ 20 ต้องการฉีดไฟเซอร์ประมาณร้อยล 70 ซึ่งการบริหารจัดการด้วยวิธีการทยอยส่งเป็นล็อตทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากส่งไปทั้งหมด 100% ของจำนวนบุคลากร บางพื้นที่อาจได้เกินหรือขาด เนื่องจากมีบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ารายใหม่ที่ยังไม่เคยฉีดมาก่อน เช่น ผู้ที่จบใหม่ หรือบุคลากรด่านหลังที่ได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้า เพราะว่าในพื้นที่มีโควิดระบาดเพิ่มขึ้น เป็นต้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะจัดส่งครบจำนวนบุคลากรด่านหน้าตามการสำรวจเพิ่มอย่างแน่นอน

นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้น ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปในพื้นที่ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 645,000 โดส รวมถึงชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนไทยเดินทางไปต่างประเทศ 1.5 แสนโดส จะทยอยส่งวัคซีนไปยังโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมนี้ เริ่มจัดบริการได้กลางสัปดาห์ โดยจะฉีดในคนที่ยังไม่เคยได้วัคซีนโควิดตัวอื่นมาก่อนมีการติดตามอาการหลังฉีด 30 นาที 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน โดยกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคเรื้อรังแพทย์ที่รักษาจะประเมินว่าพร้อมรับวัคซีนหรือไม่ และจะติดตามอาการหลังฉีด โดยรายงานผ่านระบบหมอพร้อม ซึ่งเด็กวัยนี้ใช้แอปพลิเคชันได้ หรือให้ผู้ปกครองช่วยรายงาน หลังฉีดวัคซีนหากมีอาการเจ็บหน้าอก ใจสั่นหายใจไม่สะดวก สงสัยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ให้รีบมาโรงพยาบาล เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคนี้รักษาให้หายได้ ทั้งนี้ เคยมีรายงานจากสหรัฐอเมริกาที่ประชาชนฉีดวัคซีน mRNA เป็นหลักมีโอกาสพบอาการดังกล่าวได้ประมาณ 4 รายต่อล้านเข็ม โดยเฉพาะผู้ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี และเพศชาย ยังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต ส่วนในประเทศไทยยังไม่พบอาการเหล่านี้หลังการฉีดวัคซีน

สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ จะมีวัคซีนโควิด 10 ล้านโดส ที่จะทยอยส่งสัปดาห์ละ 2 ล้านโดส โดยจะส่งไปต่างจังหวัดกว่าร้อยละ 80 จำนวนนี้ครึ่งหนึ่งจะส่งไปยัง 29 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีการระบาดเกิดขึ้นอยู่ โดยเน้นฉีดกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ โดยให้ฉีดเร็วที่สุดเพื่อให้ครอบคลุมร้อยละ 70 อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองสวมหน้ากาก ล้างมือเว้นระยะห่าง หากต้องไปสถานที่คนจำนวนมากอาจใส่หน้ากากสองชั้น อยู่ในบ้านก็ต้องระวังผู้สูงอายุติดเชื้อจากลูกหลานที่ออกไปนอกบ้าน ดังนั้น จึงควรออกนอกบ้านให้น้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงไปรับเชื้อนอกบ้านแล้วนำมาติดสมาชิกในครัวเรือน และให้พาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีนตามนัดหมายของโรงพยาบาล
#3016


ริมถนนนักลงทุน เสิร์ฟความเคลื่อนไหวแวดวงตลาดหุ้น หนึ่งความเคลื่อนไหวน่าสนใจ ยกให้ '3กระแสร้อนแรง' แวดวง 'ตลาดหุ้นไทย' วัคซีนทิพย์หมอบุญ-หุ้น DELTA ราคาสวิงวันแรก หลังหลุด Cash Balance ก่อนปิดท้าย GULF ปิดดีลซื้อ INTUCH ขึ้นแท่นหุ้นใหญ่ 42.25%

๐ ประเด็นร้อนแรงสุดในรอบสัปดาห์นี้คงต้องยกให้ 'วัคซีนไฟเซอร์' ของ 'หมอบุญ วนาสิน' เจ้าของ บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ที่หมอบุญออกมายอมรับว่านำเข้าวัคซีน mRNA ไม่สำเร็จ หรือจะบอกว่า 90% นำเข้าไม่ได้แล้ว เพราะติดอุปสรรคจากภาครัฐและยังมีข้อจำกัดในหลายๆ เรื่อง ทั้งที่จ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าไว้แล้วและโดนยึดเงินมัดจำจากนายหน้าไปแล้ว

๐ แต่เรื่องนำเข้าวัคซีนเหมือนไม่สำเร็จของ 'หมอบุญ' ทุกคนจะรับรู้แล้ว ทว่าราคาหุ้น THG ที่วิ่งไปไหนต่อไหนแล้วในช่วงก่อนหน้านี้คงห้ามให้คนสงสัยไม่ได้... ฉะนั้น ทั้ง ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยต้องส่งหนังสือให้หมอบุญ และ THG รีบชี้แจงด่วนๆ ส่งผลให้ราคาหุ้น THG ร่วงหนัก หลังราคาหุ้นทำ 'จุดสูงสุด' ที่ราคา 33.50 บาท (เมื่อ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา) เรื่องแบบนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดในตลาดหุ้น แต่มีมานานแล้ว 

๐ เป็น 'หุ้นมหาเทพ' ในแง่ของการเคลื่อนไหวราคาขึ้น-ลง สำหรับ บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ที่ปิดท้ายสัปดาห์ (6 ส.ค.) ราคาหุ้นกลับมาเคลื่อนไหว 'ร้อนแรง' อีกครั้ง สวนทางดัชนีหุ้นไทยร่วง !! ฟาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุ สาเหตุที่ทำให้ราคา 'หุ้น DELTA' ปรับตัวขึ้นมองได้รับปัจจัยหนุน หลังหลุดมาตรการกำกับการซื้อขาย ทั้งการห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance ตั้งแต่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้วันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมาเป็นวันแรก ที่สามารถซื้อด้วยบัญชีมาร์จิ้นได้ 

๐ ร้อนถึง !! 'ดร.ภากร ปีตธวัชชัย' เอ็มดี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องออกมาดับความร้อนแรงหุ้น DELTA แต่หัววันด้วยการเตือนผู้ลงทุนระมัดระวังก่อนเข้าซื้อขายในหุ้น DELTA หลัง 6 ส.ค.ที่ผ่านมา สภาพการซื้อขายมีความผันผวนต่อเนื่อง ดังนั้น ก็อาจจะเข้าเงื่อนไขมาตรการกำกับการซื้อขายในระดับ 3 ได้ โดยที่ผู้ลงทุนต้องซื้อด้วยบัญชี cash balance ห้ามนำหลักทรัพย์ DELTA มาวางเป็นหลักประกันในการเพิ่มวงเงิน และห้ามซื้อขายแบบ net settlement

๐ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ปิดดีลซื้อ หุ้น อินทัช โฮลดิ้งส์ หรือ INTUCH ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นเบอร์ 1 จำนวน 42.25% แล้ว 'ยุพาพิน วังวิวัฒน์' แย้มคาดในไตรมาส 3 ปี 64 จะเริ่มบันทึกงบของ INTUCH เข้ามาในงบรวมของ GULF ภายหลังได้ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ โดยได้หุ้นมาจำนวน 23.32% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับหุ้นที่บริษัทถืออยู่เดิม ส่งผลให้บริษัทถือหุ้น INTUCH รวมเป็น 42.25% ในเบื้องต้นบริษัทจะได้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนประมาณ 1,600 ล้านบาท จากกรณีที่ INTUCH ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 1.23 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 2 ก.ย. 64 

๐ เล็กพริกขี้หนูจริงๆ สำหรับ บมจ. ธนพิริยะ หรือ TNP ล่าสุดโชว์ตัวเลข 'กำไรสุทธิ' ไตรมาส 2 ปี 2564 สวยหรูอยู่ที่ 43.94 ล้านบาท เติบโต 56.10% 'ธวัชชัย พุฒิพิริยะ' นายใหญ่ TNP ยิ้มแก้มปริรับยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น และ การขยายสาขาใหม่เสริม แย้มโควิด-19 หนุนดีมานด์โตหลังประชาชนกักตุนสินค้า บวกมาตรการรัฐกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านโครงการต่างๆ ผลงานสวยหรูเฉกเช่นนี้ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.05 บาทต่อหุ้น XD 3 ก.ย.นี้ !!
#3017


ในฐานะแชมป์เอฟเอ คัพ ดวลกับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีก ลงเตะกันที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน

ในเกมนี้ เลสเตอร์จัดตัวแบบเอาจริง นำโดยตัวหลักอย่าง "เจมี วาร์ดี" "เจมส์ แมดดิสัน" "อโยเซ เปเรซ" "ยูริ ตีเลอมองส์" และ "ฮาร์วีย์ บาร์นส" ส่วน แมนฯ ซิตี จัดตัวผสมตัวจริงกับสำรอง นำโดย "เฟร์รัน ตอร์เรส" "ริยาด มาห์เรซ" "อิลคาย กุนโดกัน" และใช้ "แซก สเตฟเฟน" เฝ้าเสาประตู

รูปเกมส่วนใหญ่ ทั้งสองทีมเน้นความแน่นอน ไม่มีฝ่ายไหนเปิดเกมบุกเต็มตัว โดยเรือใบสีฟ้าเป็นฝ่ายครอง.ได้ส่วนใหญ่และมีโอกาสทำประตูมากกว่า แต่ส่วนใหญ่ไม่เข้าเป้า ขณะที่เลสเตอร์แม้โอกาสยิงน้อยกว่าแต่ส่องเข้ากรอบแบบได้ลุ้นกว่า


นาที 65 ถึงเวลาที่แฟน.ซิตีรอคอย เมื่อ แจ็ค กรีลิช นักเตะใหม่ที่ย้ายจาก แอสตัน วิลลา ด้วยสถิติค่าตัวสูงสุดในสหราชอาณาจักร 100 ล้านปอนด์ ได้ลงสนามมาแทน ซามูเอล เอโดซี


- แจ็ค กรีลิช ในยูนิฟอร์มแมนฯ ซิตี ลงสนามเป็นตัวสำรอง -


นาที 87 นาธาน อาเก เล่นพลาดหน้าประตูตัวเองเปิดช่องให้ เคเลชี อิเฮียนาโช เข้าปะทะ แล้ว.ไหลมาให้ แพตสัน ดากา โฉบเข้ายิงติดเซฟ แซก สเตฟเฟน

อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินตัดสินใจเป่าฟาวล์ย้อนหลังจังหวะที่อาเกปะทะอิเฮียนาโช และให้จุดโทษแก่เลสเตอร์


จากนั้น อิเฮียนาโช รับหน้าที่สังหารไม่พลาด และกลายเป็นประตูชัยให้เลสเตอร์เฉือนชนะไป 1-0 ทำให้ทัพจิ้งจอกคว้าแชมป์รายการการกุศลนี้เป็นสมัยที่ 2 ต่อจากเมื่อปี 1978 ส่วนแมนฯ ซิตี ยังอยู่ที่ 6 สมัยต่อไป
#3018


Community Isolation หรือ ศูนย์พักคอย 4 มุมเมือง ภายใต้การสนับสนุนของ "เมืองไทยประกันภัย" และ "มูลนิธิมาดามแป้ง" โดย "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เปิดรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวแล้ว 2 แห่งแรก ในเขตบึงกุ่มและวังทองหลาง พร้อมส่งทีมอาสากล้าใหม่เข้าอบรมเป็นผู้ช่วยร่วมทำงานกับบุคลากรทางการแพทย์

สำหรับ Community Isolation เขตบึงกุ่ม ได้จัดตั้งขึ้นที่ โรงเรียนสุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของโรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ ด้วยขนาด 124 เตียง ขณะนี้ทดลองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวแล้ว 10 ราย และอีกเขตที่เปิดบริการเรียบร้อยแล้วคือ วิทยาลัยพาณิชยการอินทราชัย ในเขตวังทองหลาง โดยโรงพยาบาลลาดพร้าว ซึ่งมีขนาด 100 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาแล้ว 14 ราย โดยทั้งสองแห่งนี้จะทยอยรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวโดยรอบชุมชน ที่ได้ลงทะเบียนตามระบบไว้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะเต็มอัตราภายในสัปดาห์นี้

นางนวลพรรณ ล่ำซำ ซีอีโอ บมจ. เมืองไทยประกันภัย และในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า "นอกจากการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในศูนย์ทั้ง 4 ศูนย์ ได้แก่ บึงกุ่ม, วังทองหลาง, ราษฎร์บูรณะ และภาษีเจริญ แล้ว เรายังจัดส่งทีมอาสากล้าใหม่กลุ่มแรก นำร่องจำนวน 12 คน เข้าร่วมการอบรมกับทีมแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ประจำศูนย์ต่าง ๆ ที่เปิดบริการทั้ง 4 ศูนย์ เพื่อแบ่งเบาภาระงานของแพทย์ พยาบาลในโรงพยาบาลแต่ละแห่งที่มีกำลังคนไม่เพียงพอ และยังเป็นการเพิ่มทักษะให้แก่กลุ่มอาสากล้าใหม่ในการดูแลผู้ป่วยในชุมชนของตนเอง เพื่อรับมือกับปรากฏการณ์ New High จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องอีกด้วย"

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ สามารถบริจาคและสมทบทุนได้ที่บัญชี ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 092-2-61340-0 ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้ หรือร่วมสมัครเป็นทีมอาสากล้าใหม่กับเราได้ที่ http://bitly.ws/dsfM

#ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน #มูลนิธิมาดามแป้ง #เมืองไทยประกันภัย
#3019


นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) อีก 2 รายการ ได้แก่ ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่ และเครื่องเคลือบเวียงกาหลง ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยมีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI แล้ว 141 รายการ จาก 77 จังหวัด ซึ่งการขึ้นทะเบียน GI จะช่วยคุ้มครองชื่อสินค้าให้เป็นสิทธิเฉพาะของชุมชน มีการรักษามาตรฐานของสินค้าและภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างความเชื่อมั่นในแหล่งต้นกำเนิดคุณภาพของสินค้า และจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วยความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถผลิตได้เฉพาะท้องถิ่น

​นายสินิตย์ กล่าวว่า ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่  เป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ที่มีเนื้อสัมผัสเนียน แน่นหนึบ แห้ง ละเอียด เส้นใยน้อย มีสีเหลืองอ่อนสม่ำเสมอทั้งผล กลิ่นหอมอ่อน รสชาติหวาน มัน ปลูกในอำเภอปากช่องซึ่งจัดอยู่ในพื้นที่ทุ่งหญ้าเขตร้อน มีมรสุมหลักพัดผ่าน ทำให้อากาศชุ่มชื้น มีฝนตกชุก สภาพอากาศกลางวันร้อนกลางคืนเย็น จึงทำให้ธาตุอาหารโพแทสเซียมที่สะสมอยู่ในเวลากลางคืนทำงานได้ดี ส่งผลให้ทุเรียนในพื้นที่ดังกล่าวรสชาติดี

ส่วนเครื่องเคลือบเวียงกาหลง มีลักษณะเด่นในการขึ้นทะเบียน GI คือ ทนความร้อนสูง ผิวเรียบใสแต่ไม่มันเงา มีรอยแตกที่ผิวจากน้ำเคลือบ ดินที่ใช้ในการผลิต เป็นดินขาวเนื้อละเอียด มีความหนืดสูงคล้ายผงชอร์ค และดินดำเป็นดินที่อยู่ใต้ชั้นดินทราย สีดำแกมเทา มีความละเอียดสูง และมีทรายปนเล็กน้อย ซึ่งเป็นดินในพื้นที่ตำบลเวียงกาหลงเชียงรายหรือพื้นที่ข้างเคียงเท่านั้น ด้วยกรรมวิธีการเผา ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีพื้นผิวสีเขียวอมฟ้า เขียวไข่กา หรือขาวอมเหลือง โดยมีการเขียนสีด้วยสีธรรมชาติ เป็นลวดลายเป็นเอกลักษณ์​

ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา นอกจากเร่งผลักดันการคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ กรมฯ ยังส่งเสริมการควบคุมคุณภาพ ซึ่งทำให้สร้างความเข้มแข็งให้สินค้าชุมชนอย่าง GI เติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมการตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้สินค้า GI ไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างและสร้างรายได้สู่ชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืนต่อไป
#3020


ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ชำนาญด้านโครงการและแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนและ ท่าอากาศยานได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ -Drsamart Ratchapolsitte โดยมีเนื้อหาดังนี้

เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่รถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันเปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 หลายคนคงไม่รู้ว่ารถไฟฟ้าสายนี้ใช้รางกว้าง 1 เมตร ไม่ใช้ 1.435 เมตร เหมือนรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น หาคำตอบได้จากบทความนี้

บทบาทของรถไฟฟ้าสายสีแดง

รถไฟฟ้าสายสีแดงภายใต้การกำกับดูแลของการรถไฟแห่งประเทศไทยมีบทบาทในการขนผู้โดยสารจากชานเมืองเข้าสู่ตัวเมืองหรือสถานีกลางบางซื่อ ตามแผนแม่บทในปัจจุบันด้านทิศเหนือขนคนจากบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ด้านทิศตะวันออกขนคนจากหัวหมาก ด้านทิศตะวันตกขนคนจากศาลายา และด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ขนคนจากมหาชัย ถือได้ว่ารถไฟฟ้าสายสีแดงทำหน้าที่เหมือน "กระดูกสันหลัง" ของโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ถึงเวลานี้เรามีรถไฟฟ้าใช้เป็นระยะทางยาวเท่าไหร่?

ถึงวันนี้ (6 สิงหาคม 2564) กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วรวมเป็นระยะทาง 209 กิโลเมตร จากระยะทางทั้งหมดในแผนแม่บทรถไฟฟ้าประมาณ 560 กิโลเมตร หรือคิดเป็น 37% ของระยะทางทั้งหมด

จากระยะทางที่เปิดใช้แล้วทั้งหมด 209 กม. เป็นระยะทางที่เปิดใช้ก่อนสมัยรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 87 กม. และในสมัยท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ 122 กม. คิดเป็นระยะทางที่เพิ่มขึ้นในสมัยท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ 140% ซึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบรางของท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ รวมทั้งรัฐบาลหลายรัฐบาลที่ผ่านมาที่ได้ทำการศึกษาความเหมาะสม ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ออกแบบ เวนคืนที่ดิน และเริ่มก่อสร้างบางสาย

รถไฟฟ้าใช้รางกว้างเท่าไหร่

โดยทั่วไปรถไฟฟ้านิยมใช้รางกว้าง 1.435 เมตร หรือที่เรียกว่า "รางรถไฟมาตรฐานยุโรป (European Standard Gauge)" ซึ่งเป็นขนาดรางที่ใช้ในกลุ่มประเทศยุโรป ทำให้ประเทศเหล่านี้สามารถให้บริการเดินรถไฟเชื่อมโยงระหว่างประเทศได้ ต่อมามักเรียกราง 1.435 เมตร กันติดปากว่า "รางรถไฟมาตรฐาน (Standard Gauge)" ไม่มีคำว่า "ยุโรป (Europe)" ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่ารางขนาด 1.435 เมตรเท่านั้น จึงจะเป็นรางมาตรฐาน ซึ่งไม่ถูกต้อง

รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ทุกสาย (ยกเว้นสายสีแดง สีทอง สีชมพู และสีเหลือง) ใช้รางกว้าง 1.435 เมตร ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีม่วง และแอร์พอร์ตลิงก์ รวมทั้งรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีทอง สีชมพู และสีเหลืองนั้น เป็นรถไฟฟ้าที่ใช้ระบบเดินรถต่างจากรถไฟฟ้าสายอื่น

รถไฟฟ้าสายสีทองซึ่งเปิดให้บริการแล้วจากสถานีกรุงธนบุรี (เชื่อมกับ BTS) วิ่งลอยฟ้าบนถนนกรุงธนบุรี ถนนเจริญนคร และถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินไปจนถึงสถานีคลองสาน เป็นรถไฟฟ้า APM (Automated People Mover) หรือรถไฟฟ้าไร้คนขับ ใช้ล้อยางวิ่งบนพื้นคอนกรีตโดยมีรางเหล็กวางอยู่ตรงกลางระหว่างล้อซ้ายขวาเพื่อช่วยนำทาง เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก APM เป็นที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีผู้โดยสารไม่มาก

รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เป็นรถไฟฟ้า Monorail หรือรถไฟฟ้ารางเดี่ยว ไม่ใช้คนขับเช่นเดียวกับ APM ใช้ล้อยางวิ่งบนรางคอนกรีตหรือรางเหล็กเพียงรางเดียว เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก

ทำไมรถไฟฟ้าสายสีแดงจึงใช้ราง 1 เมตร?

รางรถไฟขนาดความกว้าง 1 เมตร หรือที่เรียกกันว่ามีเตอร์เกจ (Meter Gauge) สามารถรองรับรถไฟฟ้าที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดได้ไม่เกินประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าความเร็วสูงกว่านี้จะต้องใช้รางกว้างขึ้น เช่น ขนาด 1.435 เมตร เป็นต้น

เหตุที่รถไฟฟ้าสายสีแดงใช้ราง 1 เมตร ทราบว่าการรถไฟฯ ต้องการให้รถไฟชานเมืองและรถไฟทางไกลซึ่งใช้ราง 1 เมตร สามารถใช้รางร่วมกับรถไฟฟ้าสายสีแดงได้ ซึ่งในอนาคตจะมีการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงออกไปชานเมืองไกลขึ้น เช่น ทิศเหนือไปถึงบ้านภาชี และทิศตะวันออกไปถึงฉะเชิงเทรา เป็นต้น ดังนั้นการใช้ราง 1 เมตร จะทำให้รถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟชานเมือง และรถไฟทางไกลสามารถใช้รางร่วมกันได้ เป็นการประหยัดเงินลงทุนของประเทศ

ท่านมีความเห็นอย่างไรต่อเหตุผลของการรถไฟฯ ที่ออกแบบให้รถไฟฟ้าสายสีแดงใช้ราง 1 เมตร ไม่ใช้ราง 1.435 เมตร เหมือนรถไฟฟ้าสายอื่น?