• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Naprapats

#2981

กระทรวงสาธารณสุข เผย ส่งวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ร้อยละ 50-75 ตามข้อมูลสำรวจจากแต่ละโรงพยาบาล พร้อมให้สำรวจจำนวนที่ต้องการอีกครั้ง เนื่องจากบางโรงพยาบาลมีบุคลากรด่านหน้าจบใหม่ หรือได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้าเพิ่มขึ้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า ยืนยันส่งครบตามสำรวจแน่นอน

วันนี้ (8 ส.ค.) นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ว่า การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ 7 แสนโดส เริ่มทยอยจัดส่งวัคซีนตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2564 ไปยังโรงพยาบาลใหญ่ครบ 170 แห่ง ทั้ง 77 จังหวัดภายใน 3 วัน โดยเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ถือว่าเร็วกว่ากำหนดที่วางไว้ 5 วัน ขณะนี้ฉีดแล้ว 5.7 หมื่นโดส จากการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ พบอาการปวด บวม ร้อน และไข้เล็กน้อย ไม่มีอาการรุนแรง

"การจัดส่งวัคซีนไปโรงพยาบาลใหญ่ เนื่องจากมีศักยภาพในการเก็บรักษาควบคุมอุณหภูมิและควบคุมติดตามการฉีดได้ง่ายกว่ากระจายไปจุดย่อยๆ เนื่องจากเมื่อเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส วัคซีนจะมีอายุ 31 วัน จึงต้องเร่งฉีดให้หมด โดยวัคซีน 1 ขวดฉีดได้ 6 โดส หากกระจายไปหลายจุดเมื่อเปิดใช้ 1 ขวดอาจไม่ถึง 6 คนจึงต้องรวมไว้ที่โรงพยาบาลใหญ่ก่อนในช่วงแรก" นายแพทย์โสภณ กล่าว

นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนที่ส่งไปล็อตแรกประมาณร้อยละ 50-75 นั้น เนื่องจากได้สำรวจความต้องการฉีด พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนฉีดบูสเตอร์โดสด้วยแอสตร้าเซนเนก้าแล้วกว่าร้อยละ 20 ต้องการฉีดไฟเซอร์ประมาณร้อยล 70 ซึ่งการบริหารจัดการด้วยวิธีการทยอยส่งเป็นล็อตทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากส่งไปทั้งหมด 100% ของจำนวนบุคลากร บางพื้นที่อาจได้เกินหรือขาด เนื่องจากมีบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ารายใหม่ที่ยังไม่เคยฉีดมาก่อน เช่น ผู้ที่จบใหม่ หรือบุคลากรด่านหลังที่ได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้า เพราะว่าในพื้นที่มีโควิดระบาดเพิ่มขึ้น เป็นต้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะจัดส่งครบจำนวนบุคลากรด่านหน้าตามการสำรวจเพิ่มอย่างแน่นอน

นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้น ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปในพื้นที่ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 645,000 โดส รวมถึงชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนไทยเดินทางไปต่างประเทศ 1.5 แสนโดส จะทยอยส่งวัคซีนไปยังโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมนี้ เริ่มจัดบริการได้กลางสัปดาห์ โดยจะฉีดในคนที่ยังไม่เคยได้วัคซีนโควิดตัวอื่นมาก่อนมีการติดตามอาการหลังฉีด 30 นาที 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน โดยกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคเรื้อรังแพทย์ที่รักษาจะประเมินว่าพร้อมรับวัคซีนหรือไม่ และจะติดตามอาการหลังฉีด โดยรายงานผ่านระบบหมอพร้อม ซึ่งเด็กวัยนี้ใช้แอปพลิเคชันได้ หรือให้ผู้ปกครองช่วยรายงาน หลังฉีดวัคซีนหากมีอาการเจ็บหน้าอก ใจสั่นหายใจไม่สะดวก สงสัยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ให้รีบมาโรงพยาบาล เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคนี้รักษาให้หายได้ ทั้งนี้ เคยมีรายงานจากสหรัฐอเมริกาที่ประชาชนฉีดวัคซีน mRNA เป็นหลักมีโอกาสพบอาการดังกล่าวได้ประมาณ 4 รายต่อล้านเข็ม โดยเฉพาะผู้ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี และเพศชาย ยังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต ส่วนในประเทศไทยยังไม่พบอาการเหล่านี้หลังการฉีดวัคซีน

สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ จะมีวัคซีนโควิด 10 ล้านโดส ที่จะทยอยส่งสัปดาห์ละ 2 ล้านโดส โดยจะส่งไปต่างจังหวัดกว่าร้อยละ 80 จำนวนนี้ครึ่งหนึ่งจะส่งไปยัง 29 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีการระบาดเกิดขึ้นอยู่ โดยเน้นฉีดกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ โดยให้ฉีดเร็วที่สุดเพื่อให้ครอบคลุมร้อยละ 70 อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองสวมหน้ากาก ล้างมือเว้นระยะห่าง หากต้องไปสถานที่คนจำนวนมากอาจใส่หน้ากากสองชั้น อยู่ในบ้านก็ต้องระวังผู้สูงอายุติดเชื้อจากลูกหลานที่ออกไปนอกบ้าน ดังนั้น จึงควรออกนอกบ้านให้น้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงไปรับเชื้อนอกบ้านแล้วนำมาติดสมาชิกในครัวเรือน และให้พาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีนตามนัดหมายของโรงพยาบาล
#2982


ริมถนนนักลงทุน เสิร์ฟความเคลื่อนไหวแวดวงตลาดหุ้น หนึ่งความเคลื่อนไหวน่าสนใจ ยกให้ '3กระแสร้อนแรง' แวดวง 'ตลาดหุ้นไทย' วัคซีนทิพย์หมอบุญ-หุ้น DELTA ราคาสวิงวันแรก หลังหลุด Cash Balance ก่อนปิดท้าย GULF ปิดดีลซื้อ INTUCH ขึ้นแท่นหุ้นใหญ่ 42.25%

๐ ประเด็นร้อนแรงสุดในรอบสัปดาห์นี้คงต้องยกให้ 'วัคซีนไฟเซอร์' ของ 'หมอบุญ วนาสิน' เจ้าของ บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ที่หมอบุญออกมายอมรับว่านำเข้าวัคซีน mRNA ไม่สำเร็จ หรือจะบอกว่า 90% นำเข้าไม่ได้แล้ว เพราะติดอุปสรรคจากภาครัฐและยังมีข้อจำกัดในหลายๆ เรื่อง ทั้งที่จ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าไว้แล้วและโดนยึดเงินมัดจำจากนายหน้าไปแล้ว

๐ แต่เรื่องนำเข้าวัคซีนเหมือนไม่สำเร็จของ 'หมอบุญ' ทุกคนจะรับรู้แล้ว ทว่าราคาหุ้น THG ที่วิ่งไปไหนต่อไหนแล้วในช่วงก่อนหน้านี้คงห้ามให้คนสงสัยไม่ได้... ฉะนั้น ทั้ง ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยต้องส่งหนังสือให้หมอบุญ และ THG รีบชี้แจงด่วนๆ ส่งผลให้ราคาหุ้น THG ร่วงหนัก หลังราคาหุ้นทำ 'จุดสูงสุด' ที่ราคา 33.50 บาท (เมื่อ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา) เรื่องแบบนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดในตลาดหุ้น แต่มีมานานแล้ว 

๐ เป็น 'หุ้นมหาเทพ' ในแง่ของการเคลื่อนไหวราคาขึ้น-ลง สำหรับ บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ที่ปิดท้ายสัปดาห์ (6 ส.ค.) ราคาหุ้นกลับมาเคลื่อนไหว 'ร้อนแรง' อีกครั้ง สวนทางดัชนีหุ้นไทยร่วง !! ฟาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุ สาเหตุที่ทำให้ราคา 'หุ้น DELTA' ปรับตัวขึ้นมองได้รับปัจจัยหนุน หลังหลุดมาตรการกำกับการซื้อขาย ทั้งการห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance ตั้งแต่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้วันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมาเป็นวันแรก ที่สามารถซื้อด้วยบัญชีมาร์จิ้นได้ 

๐ ร้อนถึง !! 'ดร.ภากร ปีตธวัชชัย' เอ็มดี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องออกมาดับความร้อนแรงหุ้น DELTA แต่หัววันด้วยการเตือนผู้ลงทุนระมัดระวังก่อนเข้าซื้อขายในหุ้น DELTA หลัง 6 ส.ค.ที่ผ่านมา สภาพการซื้อขายมีความผันผวนต่อเนื่อง ดังนั้น ก็อาจจะเข้าเงื่อนไขมาตรการกำกับการซื้อขายในระดับ 3 ได้ โดยที่ผู้ลงทุนต้องซื้อด้วยบัญชี cash balance ห้ามนำหลักทรัพย์ DELTA มาวางเป็นหลักประกันในการเพิ่มวงเงิน และห้ามซื้อขายแบบ net settlement

๐ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ปิดดีลซื้อ หุ้น อินทัช โฮลดิ้งส์ หรือ INTUCH ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นเบอร์ 1 จำนวน 42.25% แล้ว 'ยุพาพิน วังวิวัฒน์' แย้มคาดในไตรมาส 3 ปี 64 จะเริ่มบันทึกงบของ INTUCH เข้ามาในงบรวมของ GULF ภายหลังได้ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ โดยได้หุ้นมาจำนวน 23.32% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับหุ้นที่บริษัทถืออยู่เดิม ส่งผลให้บริษัทถือหุ้น INTUCH รวมเป็น 42.25% ในเบื้องต้นบริษัทจะได้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนประมาณ 1,600 ล้านบาท จากกรณีที่ INTUCH ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 1.23 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 2 ก.ย. 64 

๐ เล็กพริกขี้หนูจริงๆ สำหรับ บมจ. ธนพิริยะ หรือ TNP ล่าสุดโชว์ตัวเลข 'กำไรสุทธิ' ไตรมาส 2 ปี 2564 สวยหรูอยู่ที่ 43.94 ล้านบาท เติบโต 56.10% 'ธวัชชัย พุฒิพิริยะ' นายใหญ่ TNP ยิ้มแก้มปริรับยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น และ การขยายสาขาใหม่เสริม แย้มโควิด-19 หนุนดีมานด์โตหลังประชาชนกักตุนสินค้า บวกมาตรการรัฐกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านโครงการต่างๆ ผลงานสวยหรูเฉกเช่นนี้ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.05 บาทต่อหุ้น XD 3 ก.ย.นี้ !!
#2983


ในฐานะแชมป์เอฟเอ คัพ ดวลกับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีก ลงเตะกันที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน

ในเกมนี้ เลสเตอร์จัดตัวแบบเอาจริง นำโดยตัวหลักอย่าง "เจมี วาร์ดี" "เจมส์ แมดดิสัน" "อโยเซ เปเรซ" "ยูริ ตีเลอมองส์" และ "ฮาร์วีย์ บาร์นส" ส่วน แมนฯ ซิตี จัดตัวผสมตัวจริงกับสำรอง นำโดย "เฟร์รัน ตอร์เรส" "ริยาด มาห์เรซ" "อิลคาย กุนโดกัน" และใช้ "แซก สเตฟเฟน" เฝ้าเสาประตู

รูปเกมส่วนใหญ่ ทั้งสองทีมเน้นความแน่นอน ไม่มีฝ่ายไหนเปิดเกมบุกเต็มตัว โดยเรือใบสีฟ้าเป็นฝ่ายครอง.ได้ส่วนใหญ่และมีโอกาสทำประตูมากกว่า แต่ส่วนใหญ่ไม่เข้าเป้า ขณะที่เลสเตอร์แม้โอกาสยิงน้อยกว่าแต่ส่องเข้ากรอบแบบได้ลุ้นกว่า


นาที 65 ถึงเวลาที่แฟน.ซิตีรอคอย เมื่อ แจ็ค กรีลิช นักเตะใหม่ที่ย้ายจาก แอสตัน วิลลา ด้วยสถิติค่าตัวสูงสุดในสหราชอาณาจักร 100 ล้านปอนด์ ได้ลงสนามมาแทน ซามูเอล เอโดซี


- แจ็ค กรีลิช ในยูนิฟอร์มแมนฯ ซิตี ลงสนามเป็นตัวสำรอง -


นาที 87 นาธาน อาเก เล่นพลาดหน้าประตูตัวเองเปิดช่องให้ เคเลชี อิเฮียนาโช เข้าปะทะ แล้ว.ไหลมาให้ แพตสัน ดากา โฉบเข้ายิงติดเซฟ แซก สเตฟเฟน

อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินตัดสินใจเป่าฟาวล์ย้อนหลังจังหวะที่อาเกปะทะอิเฮียนาโช และให้จุดโทษแก่เลสเตอร์


จากนั้น อิเฮียนาโช รับหน้าที่สังหารไม่พลาด และกลายเป็นประตูชัยให้เลสเตอร์เฉือนชนะไป 1-0 ทำให้ทัพจิ้งจอกคว้าแชมป์รายการการกุศลนี้เป็นสมัยที่ 2 ต่อจากเมื่อปี 1978 ส่วนแมนฯ ซิตี ยังอยู่ที่ 6 สมัยต่อไป
#2984


Community Isolation หรือ ศูนย์พักคอย 4 มุมเมือง ภายใต้การสนับสนุนของ "เมืองไทยประกันภัย" และ "มูลนิธิมาดามแป้ง" โดย "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เปิดรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวแล้ว 2 แห่งแรก ในเขตบึงกุ่มและวังทองหลาง พร้อมส่งทีมอาสากล้าใหม่เข้าอบรมเป็นผู้ช่วยร่วมทำงานกับบุคลากรทางการแพทย์

สำหรับ Community Isolation เขตบึงกุ่ม ได้จัดตั้งขึ้นที่ โรงเรียนสุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของโรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ ด้วยขนาด 124 เตียง ขณะนี้ทดลองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวแล้ว 10 ราย และอีกเขตที่เปิดบริการเรียบร้อยแล้วคือ วิทยาลัยพาณิชยการอินทราชัย ในเขตวังทองหลาง โดยโรงพยาบาลลาดพร้าว ซึ่งมีขนาด 100 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาแล้ว 14 ราย โดยทั้งสองแห่งนี้จะทยอยรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวโดยรอบชุมชน ที่ได้ลงทะเบียนตามระบบไว้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะเต็มอัตราภายในสัปดาห์นี้

นางนวลพรรณ ล่ำซำ ซีอีโอ บมจ. เมืองไทยประกันภัย และในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า "นอกจากการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในศูนย์ทั้ง 4 ศูนย์ ได้แก่ บึงกุ่ม, วังทองหลาง, ราษฎร์บูรณะ และภาษีเจริญ แล้ว เรายังจัดส่งทีมอาสากล้าใหม่กลุ่มแรก นำร่องจำนวน 12 คน เข้าร่วมการอบรมกับทีมแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ประจำศูนย์ต่าง ๆ ที่เปิดบริการทั้ง 4 ศูนย์ เพื่อแบ่งเบาภาระงานของแพทย์ พยาบาลในโรงพยาบาลแต่ละแห่งที่มีกำลังคนไม่เพียงพอ และยังเป็นการเพิ่มทักษะให้แก่กลุ่มอาสากล้าใหม่ในการดูแลผู้ป่วยในชุมชนของตนเอง เพื่อรับมือกับปรากฏการณ์ New High จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องอีกด้วย"

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ สามารถบริจาคและสมทบทุนได้ที่บัญชี ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 092-2-61340-0 ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้ หรือร่วมสมัครเป็นทีมอาสากล้าใหม่กับเราได้ที่ http://bitly.ws/dsfM

#ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน #มูลนิธิมาดามแป้ง #เมืองไทยประกันภัย
#2985


นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) อีก 2 รายการ ได้แก่ ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่ และเครื่องเคลือบเวียงกาหลง ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยมีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI แล้ว 141 รายการ จาก 77 จังหวัด ซึ่งการขึ้นทะเบียน GI จะช่วยคุ้มครองชื่อสินค้าให้เป็นสิทธิเฉพาะของชุมชน มีการรักษามาตรฐานของสินค้าและภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างความเชื่อมั่นในแหล่งต้นกำเนิดคุณภาพของสินค้า และจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วยความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถผลิตได้เฉพาะท้องถิ่น

​นายสินิตย์ กล่าวว่า ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่  เป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ที่มีเนื้อสัมผัสเนียน แน่นหนึบ แห้ง ละเอียด เส้นใยน้อย มีสีเหลืองอ่อนสม่ำเสมอทั้งผล กลิ่นหอมอ่อน รสชาติหวาน มัน ปลูกในอำเภอปากช่องซึ่งจัดอยู่ในพื้นที่ทุ่งหญ้าเขตร้อน มีมรสุมหลักพัดผ่าน ทำให้อากาศชุ่มชื้น มีฝนตกชุก สภาพอากาศกลางวันร้อนกลางคืนเย็น จึงทำให้ธาตุอาหารโพแทสเซียมที่สะสมอยู่ในเวลากลางคืนทำงานได้ดี ส่งผลให้ทุเรียนในพื้นที่ดังกล่าวรสชาติดี

ส่วนเครื่องเคลือบเวียงกาหลง มีลักษณะเด่นในการขึ้นทะเบียน GI คือ ทนความร้อนสูง ผิวเรียบใสแต่ไม่มันเงา มีรอยแตกที่ผิวจากน้ำเคลือบ ดินที่ใช้ในการผลิต เป็นดินขาวเนื้อละเอียด มีความหนืดสูงคล้ายผงชอร์ค และดินดำเป็นดินที่อยู่ใต้ชั้นดินทราย สีดำแกมเทา มีความละเอียดสูง และมีทรายปนเล็กน้อย ซึ่งเป็นดินในพื้นที่ตำบลเวียงกาหลงเชียงรายหรือพื้นที่ข้างเคียงเท่านั้น ด้วยกรรมวิธีการเผา ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีพื้นผิวสีเขียวอมฟ้า เขียวไข่กา หรือขาวอมเหลือง โดยมีการเขียนสีด้วยสีธรรมชาติ เป็นลวดลายเป็นเอกลักษณ์​

ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา นอกจากเร่งผลักดันการคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ กรมฯ ยังส่งเสริมการควบคุมคุณภาพ ซึ่งทำให้สร้างความเข้มแข็งให้สินค้าชุมชนอย่าง GI เติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมการตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้สินค้า GI ไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างและสร้างรายได้สู่ชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืนต่อไป
#2986


ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ชำนาญด้านโครงการและแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนและ ท่าอากาศยานได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ -Drsamart Ratchapolsitte โดยมีเนื้อหาดังนี้

เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่รถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันเปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 หลายคนคงไม่รู้ว่ารถไฟฟ้าสายนี้ใช้รางกว้าง 1 เมตร ไม่ใช้ 1.435 เมตร เหมือนรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น หาคำตอบได้จากบทความนี้

บทบาทของรถไฟฟ้าสายสีแดง

รถไฟฟ้าสายสีแดงภายใต้การกำกับดูแลของการรถไฟแห่งประเทศไทยมีบทบาทในการขนผู้โดยสารจากชานเมืองเข้าสู่ตัวเมืองหรือสถานีกลางบางซื่อ ตามแผนแม่บทในปัจจุบันด้านทิศเหนือขนคนจากบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ด้านทิศตะวันออกขนคนจากหัวหมาก ด้านทิศตะวันตกขนคนจากศาลายา และด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ขนคนจากมหาชัย ถือได้ว่ารถไฟฟ้าสายสีแดงทำหน้าที่เหมือน "กระดูกสันหลัง" ของโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ถึงเวลานี้เรามีรถไฟฟ้าใช้เป็นระยะทางยาวเท่าไหร่?

ถึงวันนี้ (6 สิงหาคม 2564) กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วรวมเป็นระยะทาง 209 กิโลเมตร จากระยะทางทั้งหมดในแผนแม่บทรถไฟฟ้าประมาณ 560 กิโลเมตร หรือคิดเป็น 37% ของระยะทางทั้งหมด

จากระยะทางที่เปิดใช้แล้วทั้งหมด 209 กม. เป็นระยะทางที่เปิดใช้ก่อนสมัยรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 87 กม. และในสมัยท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ 122 กม. คิดเป็นระยะทางที่เพิ่มขึ้นในสมัยท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ 140% ซึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบรางของท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ รวมทั้งรัฐบาลหลายรัฐบาลที่ผ่านมาที่ได้ทำการศึกษาความเหมาะสม ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ออกแบบ เวนคืนที่ดิน และเริ่มก่อสร้างบางสาย

รถไฟฟ้าใช้รางกว้างเท่าไหร่

โดยทั่วไปรถไฟฟ้านิยมใช้รางกว้าง 1.435 เมตร หรือที่เรียกว่า "รางรถไฟมาตรฐานยุโรป (European Standard Gauge)" ซึ่งเป็นขนาดรางที่ใช้ในกลุ่มประเทศยุโรป ทำให้ประเทศเหล่านี้สามารถให้บริการเดินรถไฟเชื่อมโยงระหว่างประเทศได้ ต่อมามักเรียกราง 1.435 เมตร กันติดปากว่า "รางรถไฟมาตรฐาน (Standard Gauge)" ไม่มีคำว่า "ยุโรป (Europe)" ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่ารางขนาด 1.435 เมตรเท่านั้น จึงจะเป็นรางมาตรฐาน ซึ่งไม่ถูกต้อง

รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ทุกสาย (ยกเว้นสายสีแดง สีทอง สีชมพู และสีเหลือง) ใช้รางกว้าง 1.435 เมตร ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สายสีน้ำเงิน (MRT) สายสีม่วง และแอร์พอร์ตลิงก์ รวมทั้งรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีทอง สีชมพู และสีเหลืองนั้น เป็นรถไฟฟ้าที่ใช้ระบบเดินรถต่างจากรถไฟฟ้าสายอื่น

รถไฟฟ้าสายสีทองซึ่งเปิดให้บริการแล้วจากสถานีกรุงธนบุรี (เชื่อมกับ BTS) วิ่งลอยฟ้าบนถนนกรุงธนบุรี ถนนเจริญนคร และถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินไปจนถึงสถานีคลองสาน เป็นรถไฟฟ้า APM (Automated People Mover) หรือรถไฟฟ้าไร้คนขับ ใช้ล้อยางวิ่งบนพื้นคอนกรีตโดยมีรางเหล็กวางอยู่ตรงกลางระหว่างล้อซ้ายขวาเพื่อช่วยนำทาง เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก APM เป็นที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีผู้โดยสารไม่มาก

รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เป็นรถไฟฟ้า Monorail หรือรถไฟฟ้ารางเดี่ยว ไม่ใช้คนขับเช่นเดียวกับ APM ใช้ล้อยางวิ่งบนรางคอนกรีตหรือรางเหล็กเพียงรางเดียว เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก

ทำไมรถไฟฟ้าสายสีแดงจึงใช้ราง 1 เมตร?

รางรถไฟขนาดความกว้าง 1 เมตร หรือที่เรียกกันว่ามีเตอร์เกจ (Meter Gauge) สามารถรองรับรถไฟฟ้าที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดได้ไม่เกินประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าความเร็วสูงกว่านี้จะต้องใช้รางกว้างขึ้น เช่น ขนาด 1.435 เมตร เป็นต้น

เหตุที่รถไฟฟ้าสายสีแดงใช้ราง 1 เมตร ทราบว่าการรถไฟฯ ต้องการให้รถไฟชานเมืองและรถไฟทางไกลซึ่งใช้ราง 1 เมตร สามารถใช้รางร่วมกับรถไฟฟ้าสายสีแดงได้ ซึ่งในอนาคตจะมีการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงออกไปชานเมืองไกลขึ้น เช่น ทิศเหนือไปถึงบ้านภาชี และทิศตะวันออกไปถึงฉะเชิงเทรา เป็นต้น ดังนั้นการใช้ราง 1 เมตร จะทำให้รถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟชานเมือง และรถไฟทางไกลสามารถใช้รางร่วมกันได้ เป็นการประหยัดเงินลงทุนของประเทศ

ท่านมีความเห็นอย่างไรต่อเหตุผลของการรถไฟฯ ที่ออกแบบให้รถไฟฟ้าสายสีแดงใช้ราง 1 เมตร ไม่ใช้ราง 1.435 เมตร เหมือนรถไฟฟ้าสายอื่น?
#2987


นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดต่อเนื่องของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำให้หลายธุรกิจต้องหยุดชะงัก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก

แอสเซทไวส์ ได้มองหาโอกาสในการพัฒนากลยุทธ์ในด้านต่างๆ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากที่สุด รวมถึงจับมือกับพันธมิตรหลากหลายรูปแบบ เช่น ผู้ประกอบการร้านอาหารที่อยู่ในทำเลใกล้ แอทโมซ คอนโด (Atmoz Condo) เช่น ร้านสถานีมีหอย พร้อมด้วย TikTokInfluencer ไม่ว่าจะเป็น พรฟ้า ปุณิกา รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 และ สไปรท์บะบะบิ "ร่วมรีวิวโครงการ" โดยเฉพาะมุมไฮไลท์เอ็กซ์คลูซีฟของคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์แอทโมซ (Atmoz) บนทำเลท็อปฮิต ลาดพร้าว, รัชดา-ห้วยขวาง และ แจ้งวัฒนะ พร้อมแจกโค้ดส่วนลดพิเศษแคมเปญ "Atmoz FAST พร้อมอยู่ ไวเว่อร์" เฉพาะลูกค้าที่จองคอนโดแอทโมซ ประกอบด้วย แอทโมซ ลาดพร้าว 15, แอทโมซ ลาดพร้าว 71, แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง และ แอทโมซ แจ้งวัฒนะ ผ่านร้านค้าที่ร่วมรายการ เพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ และพันธมิตรที่ได้รับผลกระทบในช่วงนี้ เพื่อให้ธุรกิจรอดไปด้วยกัน

แอสเซทไวส์ ยังเดินหน้าลุยกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ทุกมิติ เพื่อปลุกกำลังซื้อในกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่อยู่อาศัย ด้วยแคมเปญ "Kave แร๊ป LIVE FAST 8.8" ยกขบวนคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัย 4 โครงการ ได้แก่ เคฟ ทาวน์ สเปซ,เคฟ ทาวน์ ชิฟท์, เคฟ ทียู และ เคฟ ศาลายา จัดโปรโมชั่นห้องราคาพิเศษ โดยมีแขกรับเชิญป๊อป-อภิวัฒน์ ชินอักษร หรือ SIRPOPPA แร็ปเปอร์ชื่อดังและปูน-ธนพัต ยิ้มสู้ เจ้าของเพจพ่อบ้านบ้าคอนโด มาบอกเล่าถึงความอลังการของแคมปัสคอนโด ภายใต้แบรนด์ "เคฟ" ผ่าน Facebook LIVE วันที่ 8 ส.ค. เวลา 15.00-17.30 น. ที่Facebook Fanpage KAVE CONDO ผู้สนใจร่วมกิจกรรม ลุ้นรับรางวัลมากมาย

ขณะเดียวกัน ส่งมอบประสบการณ์เสมือนจริง ด้วย "AssetWise Real Time" ผ่าน Virtual Tour 360 เยี่ยมชมโครงการเสมือนสัมผัสด้วยตาตัวเอง ครบทุกมุมมองกับ 12 โครงการพร้อมอยู่ และโครงการใหม่จากแอสเซทไวส์ เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมโครงการเสมือนเดินเข้าไปชมในตำแหน่งต่างๆ รอบทิศทาง 360 องศา และลูกค้าสามารถจองโครงการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที ขณะที่ลูกค้าที่สนใจมาเยี่ยมชมโครงการ แอสเซทไวส์ มีมาตรการเข้มข้น 5 ขั้นตอนในการดูแลความสะอาด เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย
#2989


นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ กพอ. เป็นประธานเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมาได้พิจารณา แก้ปัญหาซ้อนทับ โครงการรถไฟความเร็วเชื่อมสามสนามบิน และโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย- จีน ในช่วงบางซื่อ ถึง ดอนเมือง ซึ่งใช้โครงสร้างโยธาร่วมกัน แต่เวลาการก่อสร้างและมาตรฐานเทคนิคไม่สอดคล้องกัน

ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว สกพอ. กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเจรจาเอกชนคู่สัญญาทำข้อเสนอการแก้ไขสัญญาร่วมทุน เพื่อให้เอกชนเร่งก่อสร้างช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง 

โดยจะเจรจาให้เอกชนรับพื้นที่และเริ่มงานก่อสร้างโยธาให้ได้มาตรฐานเร็วกว่ากำหนด เพื่อให้โครงการรถไฟไทย-จีน ใช้เส้นทางดอนเมือง-บางซื่อได้ภายในเดือน ก.ค.2569

รวมทั้งเอกชนคู่สัญญาจะรับผิดชอบออกแบบและก่อสร้างงานโยธา รวมงานทางวิ่งของโครงการรถไฟไทย-จีน ช่วงบางซื่อ-ดอนเมืองด้วย 

ทั้งนี้ยังให้ยึดข้อตกลงทั้งมาตรฐานและระยะเวลาของรถไฟไทย-จีนเป็นหลัก เพื่อแก้ปัญหาความไม่สอดคล้องระยะเวลา และด้านเทคนิคให้รองรับทั้ง 2 โครงการ โดยจะหาแนวทางร่วมกับเอกชนคู่สัญญาในส่วนการปรับหลักเกณฑ์การร่วมลงทุนของรัฐ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นกับเอกชนคู่สัญญาอย่างเหมาะสม โดยยึดหลักไม่ให้เกิดงบประมาณเพิ่มเติม และแผนก่อสร้างทั้ง 2 โครงการมีประสิทธิภาพสูงสุด

ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ อีอีซี โครงการ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน การส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนคู่สัญญามีความคืบหน้า 86% แล้ว และพร้อมส่งมอบทั้งหมดภายในเดือนกันยายน 2564 คู่ขนานไปกับการยกระดับ แอร์พอร์ต เรลลิงก์ โฉมใหม่ ที่ผู้โดยสารจะได้รับบริการ ที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเป็นโครงการที่เป็นการลงทุนของภาคเอกชนโดยเอกชนผู้รับสัมปทานคือบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยได้มีการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจขึ้นมาบริหารโครงการในชื่อ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด

จัดตั้งเพื่อขึ้นเซ็นสัญญาร่วมทุนสัมปทาน 50 ปี โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. และแอร์พอร์ตลิงก์ ทุนจดทะเบียน 4,000 ล้านบาท
#2990


หลังจากเมื่อวาน (3ส.ค.64) นายกรณ์ จาติกวณิช นักการเมืองชื่อดังได้เข้ายื่นขอระงับออกใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดหรู เขตยานนาวา แก่ นายอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ถึงการก่อสร้างคอนโดโครงการ ควินทารา ซิงค์ เย็นอากาศ ของบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ในซอยประสาทสุข ถนนเย็นอากาศ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ  ล่าสุดทางอีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท ได้ส่งจดหมายชี้แจงดังนี้ 

วันที่ 4 สิงหาคม 2564


เรียน ท่านสื่อมวลชนเรื่อง ขอชี้แจงกรณีมีผู้กล่าวหาโครงการควินทารา ซิงค์ ทำผิดกฏหมาย


ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการมีผู้ยื่นเรื่องต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเพื่อขอให้ระงับการออกใบอนุญาตก่อสร้างโครงการควินทารา ซิงค์ ในซอยประสาทสุข ถนนเย็นอากาศ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา  ที่ดำเนินโดยบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) โดยอ้างว่าความกว้างถนนหน้าโครงการต่ำกว่าเกณฑ์ทางกฏหมายนั้น บริษัทขอเรียนแจ้งว่าข้อเท็จจริงต่างๆของโครงการที่ใช้ประกอบการยื่นขออนุญาตนั้น   

ได้รับการรับรองยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอ้างอิงจากข้อกำหนดและกฏหมายที่เกี่ยวข้อง และผ่านกระบวนการการนำเสนออย่างถูกต้องโปร่งใสจนได้รับการอนุมัติให้ดำเนินโครงการได้จากที่ประชุมพิจารณาประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว 


ในกระบวนการจัดทำและพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) บริษัทได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนใกล้เคียงหรือประชาพิจารณ์ขึ้น 2 รอบ ทำให้บริษัทได้รับทราบข้อห่วงกังวลจากกลุ่มผู้ร้องเรียนดังกล่าวในประเด็นความกว้างของถนนหน้าโครงการ จึงได้ดำเนินการตรวจสอบรังวัดเขตทางใหม่อีกครั้งว่าสามารถพัฒนาโครงการตามที่เสนอได้หรือไม่ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จนได้รับการยืนยันข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษรว่าความกว้างของเขตทาง และรูปแบบการเชื่อมทางของโครงการสามารถพัฒนาโครงการซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่พื้นที่ไม่เกิน 10,000 ตร.ม. และสูงไม่เกิน 8 ชั้นได้ตามกฎหมาย ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้ปรับรูปแบบโครงการโดยลดจำนวนอาคารพักอาศัยลงจาก 3 อาคารเป็น 2 อาคาร ลดจำนวนห้องพักอาศัยลงกว่า     30 ห้อง และเพิ่มสัดส่วนที่จอดรถอีกราว¬ร้อยละ 10 เพื่อลดความห่วงกังวลว่าจะมีผู้อยู่อาศัยหนาแน่นและจอดรถในบริเวณพื้นที่นอกโครงการ อีกทั้งได้มีการปรับลดความสูงของอาคารที่ก่อสร้างติดที่ดินของผู้ร้องเรียนจากอาคาร    8 ชั้น เหลือเทียบเท่าอาคารทั่วไป 3 ชั้น เพื่อลดผลกระทบด้านการบังแดดและลมอีกด้วย

ในวันพิจารณาโครงการทางกลุ่มผู้ร้องเรียนยังได้เข้าพบคณะกรรมการผู้ชำนาญการเพื่อเสนอข้อห่วงกังวลประกอบการพิจารณาด้วยตนเอง ซึ่งทางกรรมการได้กรุณารับฟังและมอบหมายให้ทางบริษัทไปจัดหาข้อมูลประกอบการพิจารณา รวมทั้งกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบต่างๆเพิ่มเติม จนได้รับการพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินโครงการในที่สุด


ปัจจุบันแม้โครงการจะได้รับการอนุมัติจาก EIA แล้ว แต่บริษัทก็ยังมิได้ก่อสร้างในทันที โดยมุ่งหวังให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจและมีความเข้าใจกันมากที่สุดจึงจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง บริษัทขอยืนยันว่าพร้อมจะดำเนินการอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้สภาพแวดล้อมภายในชุมชนโดยรวมดีขึ้น หรือเป็นส่วนหนึงในการทำให้ปัญหาที่เคยมีหรือที่จะเกิดขึ้นใหม่ บรรเทาเบาบางลง ไปพร้อมกับการพัฒนาเมืองและชุมชนให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน เรามีเจตนาที่จะพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ ด้วยจริยธรรมอันดีในการดำเนินธุรกิจ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมี   แนวทางออกที่ดีร่วมกัน


               ขอแสดงความนับถือ                               

บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน)
#2991


โบรกเกอร์ประสานเสียงขยายล็อกดาวน์ เสี่ยงจีดีพี กำไร บจ.ลด ASPS ประเมินกระทบ GDP ไตรมาส 3 เดือนละ 3 แสนล้านบาท ฉุดจีดีพีทั้งปีโตไม่ถึง 1% คาดอีกหลายค่ายหั่นเป้า GDP ส่วนทรีนีตี้คาดอาจนำมาสู่ Downside risk ของ GDP รวมถึงประมาณการกำไรของ บจ. ขณะตลาดหุ้นเดือนสิงหาคมมีโอกาสย่อตัว ด้านยูโอบีฯ ประเมินธีมลงทุนระยะสั้นหุ้นกลุ่มสื่อสาร - REITs เป็นแหล่งพักเงินที่ดี ส่วนโนมูระ มองกดดันหุ้น Domestic - Re-Opening แนะตั้งรับ และวิจัยกรุงศรีประเมิน ศก.อ่อนแอ คาด GDP ปีนี้ขยายตัว 1.2%

จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดยั้งการระบาดได้และตัวเลขผู้ติดเชื้อยังขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สุดท้ายรัฐได้ประกาศล็อกดาวน์เพิ่มเป็น 29 จังหวัด และนั่นเท่ากับเป็นการแสดงถึงความล้มเหลวที่ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ แม้ก่อนหน้านั้นได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ไปแล้ว 14 วัน ใน 13 จังหวัดก็ไม่เป็นผล กระทั่งในเดือนสิงหาคมรัฐประกาศการล็อกดาวน์เพิ่มขึ้นเป็น 29 จังหวัด แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ทรุดหนักและสาหัสเพิ่มมากขึ้น ทำให้แทบทุกภาคส่วนมิอาจขยับขยายธุรกิจ ฟันเฟืองทางเศรษฐกิจไม่เดินหน้า ทำให้ทั้งระบบย่ำแย่ บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่งรับผลกระทบเต็มๆ เมื่อระบบเศรษฐกิจไม่เดินหน้า ทุกอย่างย่อมติดลบ ตัวเลขจีดีพีที่ก่อนหน้านั้นมีแนวโน้มจะดีขึ้น แต่เมื่อโควิด-19 ระบาดระลอกแล้วระลอกเล่า ย่อมให้ความไม่นิ่งในการประเมินตัวเลขจีดีพีเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่ต้องสงสัย

ASPS ประเมินจีดีพีโตไม่ถึง 1% หลายค่ายเตรียมหั่นเป้า

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส (ASPS) เปิดเผยว่า การล็อกดาวน์ต่อถึงสิ้นเดือน ส.ค. เพิ่ม Downside ปรับลด GDP Growth ไทยปี 64 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยตัวเลขล่าสุด ประกาศออกมาเพิ่มขึ้นอยู่บริเวณ 1.8 หมื่นราย ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องยกระดับการเข้มงวดกิจกรรมเศรษฐกิจ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19

โดย ASPS ประเมินเป็นการเปิด Downside เศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 คาดหดตัวมากกว่า โดยหอการค้า คาดผลกระทบต่อ GDP ค่าเฉลี่ยราว 3 แสนล้านบาทต่อเดือน หรือ 2.75%ต่อ GDP (จากเดิมคาด 2.75 แสนล้านบาท) x ประเมินว่าค่อนข้างแน่ชัดปีนี้ GDP ไทยอาจจะโตไม่ถึง 1% เทียบปีก่อน และจะเห็นการทยอยปรับลด GDP Growth ลงเพิ่มขึ้นอีกจากหลายสำนักเศรษฐกิจ

ขณะที่อีกฝั่งคาดจะกดดันตลาดหุ้นไทยและหุ้นเปิดเมืองในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าราคาหุ้นได้ปรับฐานลงไปก่อนหน้าแล้ว อย่างไรก็ตาม เคยนำเสนอว่าตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อ (New case) ที่เพิ่มสูงกว่าจำนวนผู้รักษาหาย (Recovered case) โดยเชื่อว่าสัญญาณซื้อ (Buy Signal) สำคัญของตลาดหุ้นจะมาจากช่วงจังหวะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่ำกว่าผู้รักษาหาย (กราฟ New case ตัด Recovered case ลด) ส่งผลให้ปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยต้องรอ Buy Signal ต่อไป

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 63 เป็นต้นมา ตลาดหุ้นไทยเผชิญโควิด-19 ระลอกแรกหุ้นตกหนักมากถึง -38% ตามมาด้วยระลอก 2 และ 3 ปรับตัวลงเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ราว -7% และ 5% ตามลำดับ จากนั้นค่อยๆ ฟื้นกลับมาด้วยความคาดหวังการกระจายวัคซีน และมาตรการภาครัฐน่าจะยับยั้งโควิด-19 สายพันธุ์อัลฟาได้เหมือนกับระลอกแรก ขณะที่ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยเผชิญกับโควิด-19 ระลอกที่ 4 สายพันธุ์เดลตา (แพร่ระบาดเร็ว) โดยปรับฐานลงมาแล้วมากกว่า 7% ถือว่าลดลงมากสุดเป็นอันดับ 2 จากทั้งหมด 4 รอบที่ผ่านมา และยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนต่อจากมาตการที่คุมเข้ม หรือล็อกดาวน์ที่ขยายวงกว้างขึ้นเป็น 29 จังหวัด

อย่างไรก็ตาม หลังการล็อกดาวน์ต้องรอติดตามดูว่า หากตัวเลขผู้ติดเชื้อทยอยลดลง จนต่ำกว่าผู้ที่รักษาหายจะเป็นจุดที่เข้าสะสมหรือเพิ่มน้ำหนักในตลาดหุ้นไทยโดยคาดหวังการฟื้นตัวตามความสัมพันธ์ของตลาดหุ้นและตัวเลขผู้ติดเชื้อในอินเดีย

ทรีนีตี้มองสู่ Downsid ของ GDP-กำไร บจ.

บทวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ปัจจัยเชิงลบล่าสุดที่เกิดขึ้น และมีผลทำให้สมมติฐานก่อนหน้านี้เปลี่ยนแปลงไปก็คือการที่ ทาง ศบค.ได้มีมติให้ขยายระยะเวลามาตรการล็อกดาวน์ออกไปถึงวันที่ 18 ส.ค.เป็นอย่างน้อย แถมยังมีการเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มจากเดิม 13 จังหวัดขึ้น ถึงเท่าตัวเป็น 29 จังหวัด ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ระดับการเคลื่อนย้ายของผู้คนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงจากเดิมที่ประเมินไว้ และอาจนำมาสู่ Downside risk ของ GDP รวมถึงประมาณการกำไรของ บจ.ได้

ทั้งนี้ แม้อาจมี Sentiment เชิงบวกเล็กๆ จากการผ่อนคลายให้ร้านอาหารในห้างสามารถเปิดจำหน่ายเพื่อบริการ Delivery แต่เหตุการณ์ล็อกดาวน์ที่ยืดเยื้อเช่นนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อ Sentiment การลงทุนในระยะสั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของสภาพคล่องที่เริ่มหดหายไปจากตลาด สะท้อนผ่านการมีส่วนร่วมของนักลงทุนทั่วไปที่ลดลง และระดับปริมาณเงินในประเทศหรือ M2 ที่ขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008

บล.ทรีนีตี้ ประเมินภาพตลาดหุ้นไทยเดือนสิงหาคมมีโอกาสย่อตัวลงก่อนในช่วงต้นเดือน เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของการล็อกดาวน์ที่ยาวนานและขยายเป็นวงกว้างมากขึ้น นอกจากนั้น ปัจจัยต่างประเทศที่อาจเข้ามากดดันตลาดในช่วงต้นเดือนอีกก็คือ ดัชนีภาคการผลิตทั่วโลกที่เริ่มแผ่วลง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งเดือนหลังคาดอาจมี Sentiment เชิงบวกขึ้นมาบ้าง หากในที่ ประชุมผู้นำธนาคารกลางโลกที่เมือง Jackson Hole ไม่ได้มีการส่งสัญญาณเข้มงวดนโยบายการเงินใดๆ ออกมา โดยเฉพาะจากทางฝั่งของ Fed

สำหรับในเชิงกลยุทธ์ สำหรับพอร์ตที่ทยอยสะสมหุ้นมาก่อนหน้านี้ที่บริเวณดัชนีต่ำกว่า 1,550 จุดลงมา มองว่าสามารถถือครองหุ้นไว้ก่อนได้ ส่วนการเข้าสะสมครั้งใหม่อาจรอจังหวะการย่อตัวแถวบริเวณแนวรับประจำเดือนนี้ที่ให้ไว้ที่ 1,480-1,500 จุด น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยกว่า เนื่องจากเป็นระดับที่ Valuation อยู่ต่ำแล้ว โดยซื้อขายเพียงแค่ Forward PE 15.5 เท่าเท่านั้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 17.2 เท่าอยู่พอสมควร

ยูโอบีฯ แนะลงทุนระยะสั้น สื่อสาร-REITs

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.ยูโอบีเคย์เฮียน เปิดเผยว่า การประกาศขยายเวลาและพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวดอีก 14 วัน (ตั้งแต่ 3 ส.ค.และอาจถึงสิ้น ส.ค.) ของ ศบค. และเพิ่มพื้นที่ควบคุมเข้มงวดสูงสุด (สีแดง) ขึ้นเป็น 29 จังหวัด (จากเดิม 13 จังหวัด) ขณะที่มาตรการควบคุมส่วนใหญ่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก ยกเว้นมีการผ่อนคลายให้ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดดำเนินการได้เพื่อให้บริการแบบจัดส่งเท่านั้น

โดยมองว่าภาพรวมประกาศสอดคล้องกับที่เคยประเมินรัฐจะขยายเวลาล็อกดาวน์ ซึ่งน่าจะ 1-2 เดือน (หรือน่าจะมีการต่อมาตรการล็อกดาวน์ทุก 14 วันออกไปเรื่อยๆ) เนื่องจาก ประการแรก อ้างอิงผลการศึกษาจากกองระบาดวิทยาที่เสนอการล็อกดาวน์ 1-2 เดือน ควบคู่กับการฉีดวัคซีน และประการที่สองคือข้อจำกัดของวัคซีนที่มีคุณภาพสูง (ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แสดงให้เห็นถึงปัญหาของวัคซีนที่ไม่สามารถหยุดการระบาดได้)

สุดท้ายคือ ความต้องการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ที่เพิ่มจนใกล้ถึงระดับการผลิตที่เป็นข้อจำกัดขององค์การเภสัชในช่วงสัปดาห์นี้ถึงสัปดาห์หน้า จะทำให้รัฐต้องคงมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อกดการเพิ่มของผู้ป่วย และชะลอการเสียชีวิตที่มีโอกาสจะเร่งตัวขึ้น

ดังนั้น ธีมการลงทุนระยะสั้น กลุ่มสื่อสารและ REITs ยังเป็นแหล่งพักเงินที่ดีในช่วงที่ตลาดกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงการปรับประมาณการผลประกอบการที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง มองทยอยสะสม ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART เก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน JAS, ALT

ทั้งนี้ แนะให้ทยอยสะสมสาธารณูปโภค RATCH, EASTW, WHAUP, TTW กลุ่มอาหารและเกษตร TVO, TU, CPF, GFPT, TWPC เก็งกำไร กลุ่มเดินเรือ PSL, TTA, RCL เก็งกำไรกลุ่มอุปกรณ์การแพทย์ SMD, TM, WINMED, BIZ เก็งกำไรกลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP, BGC

ระวังหุ้นการผลิต กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เสี่ยง  
นอกจากนี้ ยังให้เพิ่มความระวังหุ้นการผลิตโดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ สถานการณ์ระบาดที่แพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นทำให้ต้องระวังว่านอกจากจะกระทบต่อการบริโภคเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์แล้ว การระบาดอาจจะกระทบต่อการขนส่งและโลจิสติกส์ ขณะที่ภาคการผลิตอาจจำเป็นต้องปิดโรงงานหรือส่วนของการผลิตหากพบผู้ติดเชื้อ ซึ่งจะกระทบต่อผลประกอบการไตรมาส 3/64 อย่างมีนัยสำคัญได้

ถึงแม้มีมุมมองบวกต่อผลประกอบการของหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แต่ด้วยความเสี่ยงที่เกิดจากสถานการณ์โควิด-19 และ Valuation ที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายปี ทำให้แนะนำนักลงทุนหาจังหวะแบ่งทำกำไรหรือเพิ่มความระวังในการลงทุน

โนมูระ มองกดดันหุ้น Domestic - Re-Opening

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุ การปรับเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด และให้ขยายมาตรการล็อกดาวน์ต่อไปอีก 14 วัน นับจากวันนี้เป็นต้นไป เป็นแรงกดดันต่อกลุ่ม Domestic และ Re-Opening อย่างต่อเนื่อง ส่วนการผ่อนคลายมาตรการให้ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดจำหน่ายเฉพาะ Delivery โดยให้เปิดได้ไม่เกิน 20.00 น.นั้น มองไม่ได้บวกต่อกลุ่มร้านอาหารอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่การเพิ่มจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มเป็น 29 จังหวัด ทำให้จำนวนสาขาที่ห้ามรับประทานที่ร้านเพิ่มมากขึ้น ทำให้โดยรวมเป็นลบต่อกลุ่มร้านอาหาร

ทั้งนี้ กลยุทธ์ลงทุนจากตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังสูง ขณะที่ ศบค.ขยายล็อกดาวน์ต่ออีก 1 เดือน กดดันกลุ่ม Domestic และ Re-Opening ต่อเนื่อง กลยุทธ์แนะตั้งรับ Selective เน้นกลุ่ม Earnings ดี โดยปัจจุบันกลุ่มโรงพยาบาลและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (BDMS, BCH, CHG, EKH, SMD, WINMED) และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากพลังงานน้ำ (GPSC, BCPG, CKP) เด่น ผสานกลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (ชิ้นส่วน-อาหาร KCE HANA TU PM ASIAN) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) และหุ้นที่มีปันผลระหว่างกาล (TVO) คงน้ำหนักหุ้นที่ 50%

วิจัยกรุงศรีประเมิน ศก.อ่อนแอ คาด GDP ปีนี้ขยายตัว 1.2%

วิจัยกรุงศรีรายงานว่า อุปสงค์ในประเทศเดือนมิถุนายนยังคงซบเซา แต่เศรษฐกิจยังพอได้แรงหนุนจากการส่งออก ส่วนภาคการผลิตไตรมาส 3 อาจได้รับผลกระทบมากขึ้นจากการระบาด ดัชนีการบริโภคภาคเอกชนเดือนมิถุนายนแม้ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมยังอ่อนแอ สอดคล้องกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ด้านการลงทุนภาคเอกชนค่อนข้างทรงตัวจากเดือนก่อน (+0.2%) โดยการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับดีขึ้นเล็กน้อยตามทิศทางการส่งออก ขณะการลงทุนในหมวดก่อสร้างลดลง เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศอ่อนแอและมาตรการควบคุมการระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้าง ส่วนภาคท่องเที่ยวยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเล็กน้อย จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกที่เติบโตในอัตราสูง คือ 46.1% เทียบจากปีก่อน ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งผลให้การส่งออกเติบโตกระจายตัวทั้งในตลาดและหมวดสินค้า ช่วยพยุงการผลิตภาคอุตสาหกรรมได้บ้างในช่วงที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอ

ทั้งนื้ เศรษฐกิจไตรมาส 2 อ่อนแอลงจากไตรมาสแรก ผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอก 3 ของ โควิด-19 ที่เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน โดยวิจัยกรุงศรีคาดว่า GDP ในไตรมาส 2 อาจหดตัวจากไตรมาสแรกที่ -0.6% QoQ sa แต่หากเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อนอาจขยายตัวได้ 7% ซึ่งเป็นผลของฐานที่ติดลบหนักเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ในไตรมาส 3 เศรษฐกิจยังเผชิญกับการระบาดที่รุนแรงขึ้นจากสายพันธุ์เดลตา ผลจากมาตรการควบคุมการระบาดเข้มงวดขึ้น ทำให้หลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักมากขึ้น อีกทั้งการระบาดที่เริ่มแผ่ลามถึงภาคการผลิตและอาจกระทบในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกได้ เศรษฐกิจในไตรมาส 3 จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้และอาจจะติดลบมากกว่าไตรมาส 2

ขณะคลังประเมินเศรษฐกิจปีนี้เติบโต 1.3% และจะขยายตัวเร่งขึ้น 4-5% ในปี 2565 ด้านวิจัยกรุงศรีชี้ในระยะข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูงจากหลายปัจจัย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2564 เหลือขยายตัว 1.3% จากเดิมคาด 2.3% ผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเดินทางระหว่างประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาไทยลดลงจากเดิม อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก

ด้านวิจัยกรุงศรีคาดการณ์ GDP ปีนี้จะขยายตัว 1.2% (เดิมคาด 2.0%) ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงและยาวนานกว่าคาด และจากแบบจำลองชี้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันจะลดลงต่ำกว่า 1,000 ราย ในเดือนพฤศจิกายน สะท้อนมาตรการควบคุมยังคงดำเนินต่อไปจนถึงเดือนตุลาคม กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศจึงยังคงซบเซา ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดมีเพียง 2.1 แสนคน (เดิมคาด 3.3 แสนคน) นอกจากนี้ อานิสงส์จากการกลับมาเปิดดำเนินการของกิจกรรมเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญ หนุนให้มูลค่าส่งออกของไทยปีนี้เติบเติบโต 15% แม้ช่วงครึ่งปีหลังการส่งออกอาจชะลอลงบ้าง

โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นช่วงปลายไตรมาส 4 ปีนี้ ตามเศรษฐกิจโลกที่ปรับดีขึ้นและการฉีดวัคซีนจำนวนมาก กอปรกับการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดในประเทศ อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนจากการจัดหาและการกระจายวัคซีนของไทย รวมถึงประสิทธิภาพของวัคซีนและประสิทธิผลของมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งนับเป็นประเด็นที่ยังต้องติดตามในระยะข้างหน้า
#2992


นางสาวพรวิสาข์ มังกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต (INETREIT) เข้าจดทะเบียนและซื้อขายหน่วยทรัสต์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 9สิงหาคมนี้ หลังจากที่ปิดการเสนอขายหน่วยทรัสต์แก่นักลงทุนเป็นที่เรียบร้อยในปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ราคาหน่วยละ 10 บาท และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุน แม้อยู่ในช่วงที่มีมาตรการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ ความสำเร็จในการเสนอขายหน่วยทรัสต์ที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของ INETREIT กองทรัสต์กองแรกที่เข้าลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีในประเทศไทย ซึ่งเป็นเทรนด์ธุรกิจแห่งอนาคตที่มีแนวโน้มเติบโตไปพร้อมกับยุคดิจิทัล โดยเชื่อว่าการที่กองทรัสต์ INETREIT เข้าลงทุนในโครงการ INET-IDC3 เฟส 1 จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลที่มีความทันสมัยระดับโลก อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ที่จะเกิดความเสียหายจากภัยพิบัติต่างๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร 24 ชั่วโมง สามารถเชื่อมต่อกับโครงการ INET-IDC 1 และ INET-IDC 2 อย่างสมบูรณ์แบบ จะได้รับประโยชน์จากความต้องการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความต้องการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลและเพิ่มขึ้นทุกวันไว้ในระบบคลาวด์ เพื่อเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัยสูง

​"บริษัทฯ ต้องขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นและตอบรับการเสนอขายหน่วยทรัสต์ของ INETREIT ที่ดีมาก แม้สถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมามีปัจจัยต่างๆ เข้ามากดดันบรรยากาศการลงทุน กองทรัสต์ INETREIT จะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและจัดเก็บข้อมูลสู่ดิจิทัล (ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น) ของภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อโครงการ INET-IDC3 เฟส 1 ที่คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ในระบบคลาวด์"  

ทั้งนี้ โครงการ INET-IDC3 เฟส 1 จังหวัดสระบุรี มีลูกค้าภาครัฐและเอกชนใช้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลที่มีจำนวนมหาศาลในยุคดิจิทัล และเป็นส่วนหนึ่งของการดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นองค์กร แสดงถึงความต้องการใช้งานระบบคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง   โดยINETREIT ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับในปีแรก ตามประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ตามงบกำไรขาดทุนตามสมมติฐานอยู่ที่ 8.96% สำหรับช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565


นางสาวพรวิภา ตั้งตรงจิตร ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า ขอขอบคุณนักลงทุนสำหรับกระแสการตอบรับที่ดีที่ผ่านมา การลงทุนในกองทรัสต์เป็นการถือสินทรัพย์ทางเลือกที่ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีรายได้ค่าเช่าที่สม่ำเสมอและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มั่นคงในระยะยาว

นายอภิชาติ เนตรจรัสแสง ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า กองทรัสต์ INETREIT เป็นทางเลือกการลงทุนที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวจากเงินปันผล โดยการเข้าลงทุนครั้งแรกของกองทรัสต์ INETREIT มีมูลค่ารวม 4,300 ล้านบาท โดยมาจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์ 330 ล้านหน่วย ที่ราคาหน่วยละ 10 บาท รวมมูลค่า 3,300 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาว 1,000 ล้านบาท INETREIT มีจุดเด่นเป็นกองทรัสต์ ที่ลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที ในประเทศไทยกองแรก ซึ่งเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่จะได้รับประโยชน์การความต้องการจัดเก็บข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลในยุคดิจิทัล และทรัพย์สินที่เข้าลงทุนยังอยู่ในสภาพที่ดี

ทั้งนี้ กองทรัสต์ INETREIT มีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่อรอบปีบัญชี ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว และยังมีโอกาสขยายการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยได้รับสิทธิในการปฏิเสธก่อน (Right of First Refusal) ในโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 เฟส 3 และ เฟส 4 และศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลอื่นๆของ INET ในอนาคต
#2993


รายงานข่าวจาก หัวเว่ย เผยว่า ช่วยสนับสนุนสิงคโปร์ในการสร้างศูนย์กลางด้านสตาร์ทอัพแห่งแรกของเอเชีย-แปซิฟิกมาตั้งแต่ปี 2563 และได้ขยายโครงการไปยังฮ่องกง ไทย มาเลเซีย 

โดยจากนี้จะเน้นความสำคัญไปที่การพัฒนาศูนย์กลางด้านสตาร์ทอัพเพิ่มเติมอีกสี่แห่งในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา และเวียดนาม มีเป้าหมายในการรวบรวมสตาร์ทอัพกว่า 1,000 ราย โดยสตาร์ทอัพ 100 รายจากในจำนวนนี้จะได้รับการต่อยอดสู่โครงการ Spark Accelerator

สำหรับประเทศไทย ได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) สำนักงานนวัตกรรแห่งชาติ (NIA) และพันธมิตรที่มีชื่อเสียงอีกหลายราย จัดการแข่งขัน "Spark Ignite 2021 – Thailand Startup Competition" เมื่อเดือนมิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา เพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีทั่วประเทศเข้าร่วมการแข่งขันชิงรางวัล ครั้งนี้มีสตาร์ทอัพศักยภาพสูงกว่า 10 รายจากทั่วประเทศเข้าร่วม 


นอกจากนี้ เปิดตัวโครงการเกี่ยวกับสตาร์ทอัพอีกสามโครงการประกอบด้วยโครงการ Spark Developer Program ที่มุ่งฟูมฟักอีโคซิสเต็มนักพัฒนาในเอเชีย-แปซิฟิกผ่าน HUAWEI CLOUD, โครงการ Spark Pitstop Program ที่ออกแบบมาเพื่อดูแลและให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพในระบบ HUAWEI CLOUD ให้สามารถเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ และโครงการ Spark Innovation Program (SIP) ที่เน้นด้านการอำนวยความสะดวกด้านนวัตกรรมธุรกิจองค์กรผ่านอีโคซิสเต็มสตาร์ทอัพภายใต้โครงการ Spark

แคทเธอรีน เฉิน รองประธานอาวุโสและคณะกรรมการบริหาร หัวเว่ย กล่าวว่า เราต่างทราบดีถึงศักยภาพของสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี ที่เป็นทั้งนักประดิษฐ์คิดค้น นักปฏิรูป และผู้บุกเบิกของยุคสมัย โดยธุรกิจเหล่านี้สร้างการจ้างงานคิดเป็นสัดส่วนถึงสองในสามจากทั้งโลก สร้างงานใหม่ทั้งหมดกว่าสองในสามจากทั้งโลก ทั้งยังได้สร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของโลกได้กว่า 50% 

เมื่อ 34 ปีที่แล้ว หัวเว่ยเองก็เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าการจดทะเบียนเพียง 5,000 ดอลลาร์เท่านั้น  จึงมีแนวคิดว่าจะสามารถใช้ประสบการณ์และทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อช่วยสนับสนุนสตาร์ทอัพอื่นๆ ก้าวข้ามความท้าทายได้อย่างไร 

โดยคาดว่าความช่วยเหลือนี้จะสามารถช่วยให้สตาร์ทอัพคว้าโอกาสที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุตดิจิทัล ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ และพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อโลกได้มากขึ้น

เจาง ผิงอัน (Zhang Ping'an) ประธานกลุ่มธุรกิจคลาวด์ หัวเว่ย กล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้ไปจะยกระดับการสนับสนุนแก่ธุรกิจสตาร์ทอัพผ่านนโยบายใหม่ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อการทำงานผสานกันระหว่างคลาวด์กับคลาวด์ (cloud-plus-cloud collaboration) การสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง บริการคลาวด์ทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น และอีโคซิสเต็มที่มีคุณภาพสูงสำหรับธุรกิจ 

หัวเว่ยเปิดตัวโครงการ Cloud-plus-Cloud Collaboration and Joint Innovation Program เพื่อให้การสนับสนุนธุรกิจสตาร์อัพด้วยทรัพยากรมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์  โดยเงินลงทุนครึ่งหนึ่งมาจาก HUAWEI CLOUD และอีกครึ่งหนึ่งมาจาก Huawei Mobile Services (HMS)

ปี 2564 มีแผนสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพให้ถึง 200 รายในด้านอีโคซิสเต็ม HMS รวมทั้งแบ่งปันช่องทางจากเครือข่าย ของเรากับนักพัฒนาทั่วโลก ซึ่งต่างทำงานเพื่อรองรับผู้ใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยกว่า 1,000 ล้านคน นอกจากนี้ เรายังจะเปิดศูนย์ HMS Developer Innovation Center เพื่อสนับสนุนนักพัฒนา HMS Cloud กว่า 100,000 รายโดยเฉพาะ
#2994


เลือดนักสู้เกินร้อยไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ สำหรับสาวหมวยอารมณ์ดี ลี่-พรชนัน พัฒนาปัญญาสัตย์ กับลุคฟรุ้งฟริ้ง "ผ้าโพกหัว" หลากสีสัน งัดไม้เด็ดกับคอนเซปต์ "รัก 3 ระยะ" จนถูกใจกรรมการคว้าแชมป์ "มาสเตอร์เชฟ ไทยแลนด์ ซีซัน 4" มาครอง

สาว ลี่ เล่าความในใจหลังได้แชมป์ด้วยว่า "ตื่นเต้นมากค่ะ ตอนแรกไม่คิดว่าตัวเองชนะ เพราะดูจากคำติชมจานแรก ลี่โดนเยอะมาก ตอนแรกลี่ก็คิดแหละน้องเตอร์น่าได้แชมป์ พอได้จริงๆ ก็ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก"

ข่าวแนะนำ

ก่อนการแข่งขันรอบไฟนอลลี่มีความกดดันมากน้อยขนาดไหน

"ไม่กดดันค่ะ เพราะเป็นเมนูที่ลี่เตรียมเอาไว้นานแล้วก่อนลี่เข้ามาแข่งขันมาสเตอร์เชฟ ถ้าเข้ารอบจะทำเมนูนี้ คอนเซปต์ความรัก อาหาร 3 จานเหมือนความรัก 3 ระยะ อยากสื่อว่า...ลี่คบใครก็ต้องใช้หัวใจมองเหมือนกัน เหมือนการทำอาหารต้องใส่ใจและให้หัวใจทำอาหารทุกขั้นตอน อยากสื่อคอนเซปต์นี้ให้กรรมการทั้ง 3 ท่าน ให้รู้ว่าเรารักการทำอาหารจริงๆ แต่จานแรกโดนติเยอะก็เสียใจ รสชาติที่วางมาไม่ถูกปากเค้าเหรอ แต่เราเสียใจได้ไม่นานต้องทำต่อ"

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากแข่งขันในครั้งนี้

"ที่จริงมาสเตอร์เชฟให้อะไรกับลี่เยอะมาก กว่าลี่มาถึงจุดนี้ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องรู้จักจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ดีที่สุดเวลาเจอโจทย์หรือความตื่นเต้น บางทีเจอโจทย์บางทีเราสติหลุด พยายามหาทางควบคุมสติ ไม่งั้นสิ่งที่เราฝึกฝนมาตั้งนานสูญเปล่า มาสเตอร์เชฟทำให้เราโตขึ้น"


ได้ฉายาเจ้าหญิงขนมหวาน กลายเป็นพลังบวกต่อการแข่งขันกับตัวเราขนาดไหน

"จะฉายาเจ้าหญิงขนมหวานหรืออะไรก็แล้วแต่เป็นกำลังใจที่ดี ลี่รู้สึกเป็นกำลังใจสำคัญเหมือนกัน พูดถึงแง่ดี แง่ไม่ดีค่อนข้างเยอะ เราก็น้อมรับนำมาปรับปรุง"

คอมเมนต์แรงบั่นทอนเราขนาดไหน

"จากคอมเมนต์ เราไม่สมควรได้มาอยู่ในตำแหน่งนี้ ไม่เก่งจริง เป็นคนบ้าๆเป็นคนพูด อะไรไม่รู้เรื่อง มีคำพูดว่าไม่สมประกอบหรือเปล่า? เวลาพูดต้องหัวเราะตลอดเวลา ลี่รู้สึกว่าลี่จะแคร์คำวิจารณ์มากไม่ได้ บางทีเรานิ่งๆ คนไม่ชอบเรายังไงก็ไม่ชอบ ลี่คิดเสมอเราทำดีที่สุดไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ทำไปเหอะ คนรักลี่ก็รักในความเป็นลี่"

แล้วตัวตนจริงๆลี่เป็นคนแบบไหน

"เป็นคนตลกโก๊ะๆ บ้าๆ (หัวเราะ) ถ้าลี่ไม่สนิทจะนิ่งๆ แต่ถ้าสนิทลี่จะเป็นคนพูดเยอะ เป็นคนงงๆ (ยิ้ม)"


ตอนนี้กลายเป็นที่รู้จัก กับชีวิตเปลี่ยนแปลงมากน้อยขนาดไหน

"ก็เปลี่ยนนะคะ มองง่ายๆ ออกไปข้างนอกมีคนจำได้ก็จะเข้ามาทักเรา รู้สึกแปลกดี ยังไม่ค่อยคุ้น ปกติไม่มีคนรู้จัก พอออกรายการไปมีคนรู้จักมากขึ้น ทักทาย ชีวิตส่วนตัวหายไปนิดนึง คนตามไอจีเยอะขึ้น ก็ขอบคุณมากๆ หน้าที่การงานก็มีคนสั่งขนมเรามากขึ้น อีกไม่นานความฝันเปิดร้านขนมของเราก็คงจะเป็นจริง ตอนนี้พยายามเก็บสตางค์ให้มากที่สุด ต้องไปให้ถึงฝันที่เราอยากได้ และเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆที่ชอบทำอาหารกับคนรักในเส้นทางนี้ได้ทำตามลี่ในแบบอย่างที่ดี"

ก้าวมาถึงจุดนี้เหมือนชนะใจตัวเองเหมือนกันนะ

"พิสูจน์อะไรหลายๆ อย่าง การแข่งขันลี่ก็แข่งมาบางรายการ บางรายการไม่สำเร็จ เมื่อ 2 ปีที่แล้วตกรอบในเรื่องของหวานด้วย มาที่นี่ รายการนี้อยากมาตั้งแต่ซีซันแรกแต่ลี่ยังไม่พร้อม"

ก้าวหลังจากนี้ล่ะ

"ตอนเด็กๆอยากแพลน 10-20 ปี ทำโน่นทำนี่แต่ตอนนี้ทำทุกวันให้ดีก่อน การประคองชีวิตในแต่ ละวันมันยากแล้ว แค่เราทำชีวิตเราให้ดี มีเงินใช้ มีงานทำมันเป็นอะไรที่สำคัญ ลี่ตั้งใจเก็บสตางค์ มีร้านมีครอบครัว อยากมีชีวิตที่ดีไม่อยากไปลำบากเหมือนเก่า อยากทำทุกวันให้ดีเพื่อจะได้ส่งผลถึงอนาคต"


ลี่มาเทรนด์โพกผมโดนแซวเยอะรู้ใช่มั้ย

"ใช่ค่ะ ทำไมต้องโพกหัวตลอดเวลา จะบอกว่าลี่ผมบาง เป็นคนโพกอยู่แล้วเวลาทำอาหารเพราะเป็นคนผมร่วงเยอะ หัวล้านค่ะ"

เกิดจากอะไรถึงผมบาง

"อาจจะเป็นเพราะว่าตอนเด็กๆ เรียนรำนาฏศิลป์ ต้องเกล้าผมเยอะ บวกกับรากผมไม่แข็งแรง จุดนี้มากกว่าทำให้ผมร่วงไปเรื่อยๆ เลยผมบาง และเป็นคนหน้าจืดๆ ถ้าใส่อะไรบนหัวจะทำให้หน้าเราสว่างยิ่งขึ้น ผ้าเด่นกล้าหน้า"

เบ็ดเสร็จผ้าโพกหัวมีทั้งหมดกี่ผืน

"ประมาณ 150 ผืนค่ะ มีบางผืนไม่ชอบใส่ บางผืนผ้าผืนเก่ง รอบไฟนอลเป็นผ้าผืนที่ใส่ตั้งแต่รอบออดิชัน เหมือนเป็นเครื่องราง เราใส่สีนี้นะจะพาเราไปถึงชัยชนะได้"

สายมูกับเค้าด้วยเหรอเนี่ย

"มูตลอดค่ะ (หัวเราะ) เดี๋ยวต้องไปแก้บนเพราะบนไว้เยอะมาก บนเพราะไม่คิดว่าชนะก็เลยบนเหนือ ใต้ ออก ตกเลยค่ะไปนครศรีธรรมราช, เชียงใหม่ พิษณุโลกและนครปฐม ดวงก็สำคัญกับการแข่งขันวันไหนสติไม่อยู่ก็ทำไม่ได้ มันต้องมาประกอบกันเป็น ความเชื่อของลี่ค่ะ"


กับความรักล่ะเป็นยังไงบ้าง

"ดีค่ะ จริงๆก็เปิดเผยแค่ไม่ได้เปิดเผยออกสื่อมากนักเพราะลี่อยากให้มีชีวิตส่วนตัว แฟนลี่เป็นคนนอกวงการ ไม่ได้ทำอาหาร รู้จักกันเพราะเป็นเพื่อนของรุ่นพี่เป็นคนแนะนำให้รู้จัก และรุ่นพี่ลี่คนนี้เค้าเสียชีวิตไปนานแล้ว อยากพูดถึงเค้านิดนึงชื่อพี่เบิร์ด เพราะเค้าเป็นคนอยากให้ลี่มาแข่งรายการนี้ หนึ่งแรงบันดาลใจของลี่เหมือนกัน เค้าบอกว่าทำไมไม่ลองไปแข่งดู รู้สึกเราสำเร็จได้เพราะเค้าเชียร์ให้เรามาแข่งเหมือนกัน ฝ่ายซัพพอร์ต ก็มีรูปเค้าในไอจีแค่ลี่อยากไปไหนกับเค้าโดยไม่ได้เป็นจุดสนใจมากนัก อยากให้เค้ามีชีวิตส่วนตัวของเค้า"

คบกันนานหรือยัง "4 ปีแล้วค่ะ" มั่นคงพร้อมแต่งแล้วหรือยัง

"ก็พร้อมค่ะ รอเค้าขออยู่แต่ไม่มา (หัวเราะ) สงสัยต้องไปขอเองแล้วมั้ง"

จริงๆมีการพูดคุยเรื่องแต่งงานบ้างมั้ย

"มีค่ะ บางทีแท็กไปหาเลยเมื่อไหร่จะมาขอ เค้าก็บอกรอไปก่อน (หัวเราะ)"

แท็กไปหาแบบนี้เป็นการกดดันแฟนให้มาขอเร็วๆเหรอ

"กดดันค่ะ ตั้งใจ (หัวเราะ) ก็แท็กขำๆไป ให้มีคนไปกดดันเค้าด้วยจะได้รีบๆ มาขอแต่ไม่มีผล รอต่อไป แต่จริงๆ ตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมขนาดนั้นเพราะเรายังสนุกกับงาน อยากให้งานมั่นคง เงินมั่นคง ความรู้มั่นคงก่อนที่ลี่จะมีครอบครัวค่ะ".
#2995


น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 6 เดือนของปี 64 (ม.ค.-มิ.ย.) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.7% สาเหตุหลักมาจากการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ที่ลดลง 53.9% สำหรับการใช้กลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้น 0.2% แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ กลุ่มดีเซลลดลง 1.1% น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 19.7% น้ำมันก๊าดเพิ่มขึ้น 0.7% LPG เพิ่มขึ้น 10.2% และ NGV ลดลง 18.6%

โดยการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเดือน ม.ค.-มิ.ย.64 เฉลี่ยอยู่ที่ 29.7 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย 0.2% โดยปริมาณดังกล่าวเป็นระดับที่ต่ำกว่าปกติ ทั้งนี้พบว่าปริมาณการใช้กลุ่มแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 29.0 ล้านลิตร/วัน หรือเพิ่มขึ้น 0.5% โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้นจาก 13.9 ล้านลิตร/วัน มาอยู่ที่ 15.2 ล้านลิตร/วัน ในขณะที่การใช้น้ำมันเบนซินลดลงมาอยู่ที่ 0.7 ล้านลิตร/วัน หรือลดลง 11.4%

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาการใช้กลุ่มเบนซินเฉพาะเดือน มิ.ย.64 พบว่าการใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 29.2 ล้านลิตร/วัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (เดือน พ.ค.64 อยู่ที่ 26.1 ล้านลิตร/วัน) หรือเพิ่มขึ้น 12.2% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของทุกชนิดน้ำมัน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น ประกอบกับประชาชนบางส่วนได้รับวัคซีน โดยตัวเลขการฉีดวัคซีนสะสมเข็มที่ 1 มีจำนวน 7.1 ล้านราย และเข็มที่ 2 มีจำนวน 2.8 ล้านราย (สะสม 8 ก.พ.ถึง 30 มิ.ย.64) นอกจากนี้ในช่วงก่อนวันที่ 28 มิ.ย.64 ยังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งพื้นที่อื่นๆ

การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเดือน ม.ค.-มิ.ย.64 เฉลี่ยอยู่ที่ 64.9 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย 1.1% สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 38.1 ล้านลิตร/วัน หรือลดลง 18.4% น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค.62 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 23.5 ล้านลิตร/วัน และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 1.1 ล้านลิตร/วัน

ทั้งนี้หากพิจารณาปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วเฉพาะเดือน มิ.ย.64 เทียบกับ มิ.ย.63 พบว่า ปริมาณการใช้ลดลงค่อนข้างมากจาก 62.7 ล้านลิตร/วัน มาอยู่ที่ 59.3 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในปีนี้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 4.6 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 53.9% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและการเดินทางโดยเครื่องบิน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ

การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 16.5 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.2% เนื่องจากการใช้ในภาคปิโตรเคมีที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 7.3 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้น 21.8% และการใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.9 ล้านกก./วัน หรือเพิ่มขึ้น 14.0% สำหรับภาคครัวเรือนมีการใช้อยู่ที่ 5.6 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้น 4.7% อย่างไรก็ตามการใช้ในภาคขนส่งลดลงมาอยู่ที่ 1.8 ล้านกก./วัน หรือลดลง 12.6%

การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 3.3 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.6% โดยเป็นผลต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับจำนวนสถานีบริการและรถ NGV ที่ลดลง

การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเดือน ม.ค.-มิ.ย.64 เฉลี่ยอยู่ที่ 917,634 บาร์เรล/วัน ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.7% โดยการนำเข้าน้ำมันดิบลดลงมาอยู่ที่ 880,203 บาร์เรล/วัน หรือลดลง 1.5% อย่างไรก็ตาม มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 52,733 ล้านบาท/เดือน หรือเพิ่มขึ้น 31.0% เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้น สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 37,431 บาร์เรล/วัน หรือเพิ่มขึ้น 21.8% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้า 2,239 ล้านบาท/เดือน เพิ่มขึ้น 57.0%

การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเดือนม.ค.-มิ.ย.64 เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล ไบโอดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และ LPG โดยปริมาณส่งออกลดลงมาอยู่ที่ 182,487 บาร์เรล/วัน หรือลดลง 10.4% คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 11,641 ล้านบาท/เดือน เพิ่มขึ้น 30.9%
#2996


กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ทั้งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC หอการค้าไทย แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club สถาบันการศึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ เตรียมจัดอบรมออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการฐานราก ทั่วประเทศผ่านแอปพลิเคชัน Zoom ด้วยหลักสูตร 'ปั้นร้านค้าออนไลน์ขั้นเทพ : Online Marketing Genius' รุ่นที่ 1 (OMG#1) ภายใต้คอนเซปต์ 'บุกตลาดออนไลน์ สร้างยอดขายทะลุล้าน' เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าออนไลน์ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศให้กลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ การดำเนินชีวิตทำให้ขาดรายได้  ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  จึงร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา หอการค้าจังหวัด สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย e-Marketplace และโลจิสติกส์ฯ เตรียมจัดอบรมออนไลน์หลักสูตร 'ปั้นร้านค้าออนไลน์ขั้นเทพ : Online Marketing Genius' รุ่นที่ 1 (OMG#1) ขึ้น ระหว่างวันที่ 2-31 สิงหาคม 2564 

โดยหลักสูตรดังกล่าว กำหนดจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Zoom  จำนวน 2 วัน วันละ 6 ชั่วโมง พร้อมฝึกปฏิบัติ (Workshop) ทดลองขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำอย่าง Shopee, Lazada, JD Central และ Amvata เพื่อกระตุ้นยอดการซื้อ-ขายสินค้า การทำโปรโมชัน และการส่งเสริมการขาย เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความรู้ เกิดความเข้าใจ และสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ ที่อยู่บนแพลตฟอร์มได้อย่าง มีประสิทธิภาพแบบมืออาชีพ 

หลังจากนั้น กรมฯ และหน่วยงานพันธมิตรจะร่วมกันคัดเลือกผู้ประกอบการจำนวน 3 ราย เพื่อเป็นผู้แทนของแต่ละกลุ่มจังหวัด เข้าร่วมการแข่งขันนำเสนอผลงานการพัฒนาสินค้าชุมชนเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ (Pitching) ในงานมหกรรม Thailand e-Commerce Expo 2021 เพื่อเป็น 'สุดยอด e-Commerce Genius แห่งปี' รวมถึงจะได้รับสิทธิในการเข้ารับคำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ แบบตัวต่อตัว ทั้งด้านการนำเสนอเรื่องราว (Story Telling) ด้านการนำเสนอสินค้า (Product Presentation) ด้านการทำตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) และด้านการนำเสนอผลงาน (Pitching) และจะได้รับสิทธิพิเศษจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยงานพันธมิตรอีกด้วย

ผู้สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร.0 2547 5961 และสายด่วน 1570 หรือดูรายละเอียดทางเว็บไซต์ www.dbd.go.th
#2997


"โรบินฮู้ด" แพลตฟอร์มฟูดเดลิเวอรีสัญชาติไทย มุ่งมั่นช่วยเหลือ "คนตัวเล็ก" อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ส่งแคมเปญใหม่ "เหมาจ่ายค่าส่งอัตราพิเศษ 5 กิโลเมตรแรก 10 บาท" เป็นระยะเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 3-16 สิงหาคม 2564 เพิ่มเติมจากนโยบายหลักของโรบินฮู้ดที่ไม่เก็บ GP ร้านค้า หวังช่วยต่อลมหายใจร้านเล็กให้มีออเดอร์ มีรายได้พยุงธุรกิจในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพิ่มโอกาสในการสร้างงานสร้างรายได้ให้ไรเดอร์

นายสีหนาท ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ผู้พัฒนาและให้บริการ "โรบินฮู้ด" แพลตฟอร์มฟูดเดลิเวอรีสัญชาติไทย กล่าวว่า จากมาตรการพิเศษส่งฟรีทุกออเดอร์ในช่วงที่ผ่านมาลูกค้าให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก ช่วยกันสั่งอาหารจากร้านค้าโดยเฉพาะร้านเล็กๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้เราสามารถช่วยร้านที่ไม่เคยมีออเดอร์มาก่อนและร้านที่เพิ่งสมัครเข้ามาใหม่ได้ถึง 18,000 ร้าน นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ผู้ที่สนใจด้วยการรับไรเดอร์ใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 10,000 คน และเมื่อรวมค่าอาหารที่ลูกค้าสั่งและค่ารอบที่ไรเดอร์ได้รับตลอดระยะเวลามาตรการ ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 600 ล้านบาท

"แม้ว่ามาตรการพิเศษที่ผ่านมาโรบินฮู้ดจะสามารถช่วยเหลือคนตัวเล็กได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังให้บริการลูกค้าได้ไม่ดีพอ ซึ่งทีมงานได้นำเอา feedback ที่ได้จากร้านค้า ลูกค้า และไรเดอร์มาปรับปรุงและพัฒนาเพื่อให้การบริการดีขึ้นทั่วถึงขึ้น จนเป็นแคมเปญล่าสุด "เหมาจ่ายค่าส่งอัตราพิเศษ 5 กิโลเมตรแรก 10 บาท" เป็นระยะเวลา 14 วัน เพิ่มเติมจากนโยบายหลักของโรบินฮู้ดที่ไม่เก็บ GP ร้านค้า มุ่งเน้นช่วยเหลือร้านเล็กใกล้บ้าน รวมถึงช่วยไรเดอร์ให้มีงานมีรายได้จากการส่งอาหารอย่างต่อเนื่อง เราหวังว่าทุกออเดอร์จากแคมเปญนี้จะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ลูกค้าได้มีส่วนช่วยกันสนับสนุนร้านเล็กให้รอดไปด้วยกัน" นายสีหนาท กล่าวทิ้งท้าย
#2998
ป้ายไฟวิ่ง LED เปลี่ยนข้อความผ่านมือถือ ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ทนแดด ทนฝน

ป้ายไฟวิ่งLED เปลี่ยนข้อความผ่านappมือถือ(เชื่อมต่อทางwi-fi) หรือส่งผ่านระบบLAN  ขนาดป้าย 105x25cm ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ทนแดด ทนฝน มีให้เลือก 4สี แดง,เขียว,น้ำเงิน ราคา 2,900บาท และFull colors  ราคา4,200 บาท ใส่คำ,ข้อความ,วันที่,เวลา,รูปภาพต่างๆได้ ป้ายติดตั้งง่าย โครงสร้างแข็งแรงทนทาน

ทางร้านลงคำให้ฟรีในครั้งแรกและสอนวิธีการใช้งานให้ลูกค้าสามารถลงข้อมูลได้ด้วยตัวเอง แถมขายึดป้ายฟรี

สนใจติดต่อ 0945102033
Line :@gentech
หน้าร้านเซียร์รังสิต ชั้น 1


#2999



ผมร่วง ผมบาง เกิดขึ้นเมื่อเราอายุมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลงไปตามวัย เป็นพันธุกรรมที่เกิดขึ้นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงจนทำให้สูญเสียความมั่นใจ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อุณหภูมิและสิ่งแวดล้อมรอบด้าน, อาหารและพฤติกรรมการใช้ชีวิต, การสวมหมวกและการจัดแต่งทรงผม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสาเหตุให้ผมร่วงได้ทั้งสิ้น

ผมร่วง ผมบาง เกิดขึ้นเมื่อเราอายุมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลงไปตามวัย เป็นพันธุกรรมที่เกิดขึ้นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงจนทำให้สูญเสียความมั่นใจ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อุณหภูมิและสิ่งแวดล้อมรอบด้าน, อาหารและพฤติกรรมการใช้ชีวิต, การสวมหมวกและการจัดแต่งทรงผม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสาเหตุให้ผมร่วงได้ทั้งสิ้น

ผมร่วง เกิดจากอะไร

เส้นผมของคนส่วนใหญ่ ร่วงอยู่ราว 50-100 เส้นต่อวัน อันเป็นตัวเลขที่ไม่น่ากังวล เพราะเส้นผมจะเจริญเติบโตงอกขึ้นมาทดแทนผมที่หลุดร่วงไป แต่กรณีที่เรียกว่าผมร่วงเยอะมากจนเป็นปัญหา คือการหลุดร่วงจนผมบาง เส้นผมงอกชดเชยใหม่ไม่ทัน สาเหตุของอาการผมร่วงหนักๆ มีดังนี้

1. ผมร่วงจากพันธุกรรม
ลักษณะอาการผมร่วงเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม หากมีประวัติทางครอบครัวว่าปู่ย่า ตายาย หรือญาติตามลำดับขั้นที่มีอาการผมร่วง ผมบาง เป็นอาการตามวัยที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะผมบางในบริเวณเดียวกัน หรือคล้ายคลึงกันในหมู่เครือญาติ สู่ลูกหลาน

2. ผมร่วงจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงจากภาวะต่างๆ
ผมร่วงเยอะมาก จากภาวะที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น คลอดบุตร เครียด ฯลฯ จะส่งผลให้เกิดอาการผมร่วงเป็นกระจุก หากดูแลรักษาไม่ถูกวิธีมีโอกาสติดเชื้อที่ผิวหนังศีรษะจากเชื้อราด้วย


3. ผมร่วงจากกระบวนการรักษาทางการแพทย์
เมื่อร่างกายได้รับยา หรือรับการรักษาทางการแพทย์ ผมร่วงอาจเป็นผลข้างเคียงหนึ่งที่เกิดขึ้น มักเกิดจากขั้นตอนการรักษามะเร็ง, โรคหัวใจ, โรคไขข้ออักเสบ, โรคเกาต์ และโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น

4. ผมร่วงจากการฉายรังสี
การรักษาด้วยวิธีฉายรังสี หรือที่เรียกว่าทำคีโม ทำให้ผมร่วงได้เช่นกัน เส้นผมอาจไม่กลับมาหนาดกดำเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว จะค่อยๆ ขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

5. ผมร่วงจากความเครียด
ความเครียดส่งผลให้ผมร่วง ผมบาง ซึ่งเป็นลักษณะทางกายภาพที่ร่างกายแสดงออกมาให้เห็นว่าร่างกายของคุณกำลังเผชิญกับความเครียด ผมร่วงประเภทนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว แก้ไขให้หายได้

6. ผมร่วงการจัดแต่งทรงผม
เมื่อต้องจัดแต่งทรงผมขณะที่ผมยังไม่แห้งสนิท ความร้อนจากไดร์ และความชื้นจากสารเคมีในทรีทเมนต์จัดแต่งทรงผมการซึมซาบเข้าสู่ผิวหนัง และรากผม ทำให้เกิดการอักเสบ เร่งให้ผมร่วงเยอะได้

วิธีแก้ผมร่วง เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

ปัจจัยที่ทำให้ผมร่วงเยอะ นอกจากพันธุกรรมแล้ว ยังรวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิต การพักผ่อนน้อย เกิดความเครียด น้ำหนักลด อายุที่มากขึ้น หรือการรับประทานอาหารที่ไม่มีคุณค่าสารอาหารมากพอ ฉะนั้น วิธีแก้ไขผมร่วงได้ดีที่สุดคือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต กินอาการที่มีประโยชน์ และลดความเครียดในทุกๆ วัน

กรณีที่เกิดผื่นคัน และมีปัญหาเกี่ยวกับหนังศีรษะผิดปกติ ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำรักษาอย่างถูกวิธี
#3000
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK