• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Joe524

#2941


รอยเตอร์ - เวียดนามจะปรับลดระยะเวลาการกักตัวสำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศจาก 2 สัปดาห์ เหลือเพียง 7 วัน กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุวันนี้ (4) ในขณะที่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้กำลังต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ

เวียดนามประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสได้เป็นส่วนใหญ่ในปีที่ผ่านมาจากการตรวจหาเชื้อแบบมุ่งเป้าและการกักกันโรคแบบรวมศูนย์ แต่นับตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. เวียดนามเผชิญกับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นผลจากสายพันธุ์เดลตา

พรมแดนของประเทศปิดรับผู้มาเยือนทั้งหมด ยกเว้นพลเมืองเวียดนามที่เดินทางกลับประเทศ ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ นักลงทุน หรือนักการทูต ซึ่งทุกคนต้องถูกกักตัว 14 วัน ยังสถานที่ที่ได้รับการจัดการจากส่วนกลาง

ชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบ จะได้รับอนุญาตให้กักตัวแค่ 7 วันกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุในคำแถลง

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีเสียงเรียกร้องจากผู้นำธุรกิจของยุโรปและอเมริกันในเวียดนามเมื่อต้นปี ให้ผ่อนปรนกฎระเบียบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ

คำแถลงยังระบุว่า ผู้มาเยือนจะถูกเฝ้าระวังทางสุขภาพต่ออีก 7 วัน แต่ไม่ได้ระบุว่านโยบายใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อใด

เวียดนามรายงานว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมในประเทศทั้งหมด 177,800 คน และมีผู้เสียชีวิต 2,327 คน โดยส่วนใหญ่ถูกบันทึกในช่วงเดือนที่ผ่านมาในนครโฮจิมินห์ และในขณะนี้ศูนย์กลางทางธุรกิจและจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศทั้งหมดอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ พร้อมกับกรุงฮานอย

ศูนย์กักกันโรคส่วนกลางทั่วประเทศทำงานอย่างเต็มขีดความสามารถและรัฐบาลได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กำลังเปลี่ยนโฟกัสไปที่การรักษาเพื่อจำกัดจำนวนผู้เสียชีวิตในนครโฮจิมินห์

ข้อมูลของทางการระบุว่า มีประชาชนเพียง 744,000 คน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ในประเทศที่มีประชากร 98 ล้านคนแห่งนี้.
#2942


คนไทยนัดหมายเที่ยงนี้ เวลา 12.00 น. วันที่ 5 ส.ค. 2564 เฝ้าหน้าจอลุ้นเชียร์ "แต้ว" สุดาพร สีสอนดี นักกีฬามวยหญิง พบกับ เคลลี แอนน์ แฮร์ริงตัน จากไอร์แลนด์ รอบรองชนะเลิศโอลิมปิก 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ถ่ายทอดสดทางช่อง GMM25 , ไทยพีบีเอส ช่อง 3 และ AIS Play

สำหรับคู่ชกของ "แต้ว" สุดาพร อย่าง เคลลี แอนน์ แฮร์ริงตัน คว้าเหรียญเงิน ในการแข่งมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์โลก ปี 2016 รุ่นไลท์เวลเตอร์เวต และเปลี่ยนมาชกในรุ่นไลท์เวต , เหรียญเงิน มวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์สหภาพยุโรป ปี 2017, เหรียญทองแดง มวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์ทวีปยุโรป ปี 2018 และเหรียญทอง มวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์โลกที่กรุงนิว เดลี ประเทศอินเดีย

ดังนั้น แฮร์ริงตัน ถือว่าไม่ธรรมดา ขณะที่ "แต้ว" สุดาพร ได้เหรียญทอง มวยสากลสมัครเล่นหญิง ซีเกมส์ ปี 2554 , เหรียญเงิน มวยสากลสมัครเล่นหญิง ซีเกมส์ ปี 2556 , เหรียญเงิน มวยสากลสมัครเล่นหญิง เอเชียนเกมส์ 2561 , เหรียญเงิน รุ่นไลท์เวต มวยสากลสมัครเล่นหญิง ชิงแชมป์โลก 2561และ เหรียญทอง มวยสากลสมัครเล่นหญิง ซีเกมส์ ปี 2562 และ เหรียญเงินชิงแชมป์โลก ที่อินเดีย ปี 2018

สำหรับ "แต้ว" สุดาพร สีสอนดี ชาว อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี เกิดวันที่ 4 ต.ค. 2534 อายุ 29 ปี ถือเป็นการไปแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรก

เป้าหมายในการชกชิงเหรียญโอลิมปิกของแต้ว คือฝึกซ้อมและฝึกที่เราคิดว่ายังทำไม่ได้เช่น หมัดชุดและหมัดหน้าให้เยอะขึ้น ศึกษาวีดีโอคู่ต่อสู้ในรุ่น ส่วนความรู้สึกหลังคว้าโคต้าโอลิมปิกครั้งแรก คือดีใจที่สุดเพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตถือว่าเป็นเป้าหมายสูงสุด เพราะที่สุดของนักกีฬาทุกคน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้า "แต้ว" สุดาพร เอาชนะ แคโรไลน์ ดูบัวส์ จากสหราชอาณาจักร รอบก่อนรองชนะเลิศของรุ่นไลท์เวต การันตีเหรียญทองแดงเอาไว้แล้ว ถ้าสามารถเอาชนะเคลลี แอนน์ แฮร์ริงตัน จากไอร์แลนด์ จะการันตีเหรียญเงิน

คนไทยเชียร์หวังให้ไปให้ถึงรอบชิงเหรียญทอง!!
#2944


กรุงไทย มอง "เงินบาท" ยังอยู่ในโหมดอ่อนค่าจากปัญหาโควิดระบาดรุนแรงในไทยและจับตาเงินดอลลาร์ยังพร้อมกลับมาแข็งค่าขึ้นได้หลังนักลงทุนเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย มองกรอบเงินบาทวันนี้33.10- 33.20บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์  นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.15 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.14 บาทต่อดอลลาร์แลพ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.10-33.20 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าอยู่จากปัญหาการระบาดของโควิด-19 รวมถึงแรงซื้อดอลลาร์จากฝั่งผู้นำเข้าที่อาจเข้ามาเร่งปิดความเสี่ยงเนื่องจากกังวลว่า เงินบาทอาจจะอ่อนค่าเร็วและแรง

ดังนั้นเราจึงยังมองไม่เห็นโอกาสที่เงินบาทจะพลิกกลับเทรนด์มาแข็งค่าได้ในเร็วนี้ เนื่องจากปัญหาการระบาดของโควิด-19 ในไทยยังมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ ค่าเงินบาทยังเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์การระบาดจะเริ่มมีทิศทางดีขึ้น ซึ่งก็อาจจะต้องรอในช่วงต้นเดือนกันยายน

ทั้งนี้ ในระยะสั้น อาจต้องจับตาทิศทางเงินดอลลาร์ เพราะ เงินดอลลาร์ยังพร้อมกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ ตามแนวโน้มเฟดใช้นโยบายการเงินที่แข็งค่าขึ้น รวมถึง ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย จากความกังวล ปัญหาการระบาดโควิด-19 ทั่วโลก อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็พร้อมอ่อนค่าลง หากบรรยากาศการลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หนุนโดยรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาแข็งแกร่งและดีกว่าคาด

เรามองว่า แนวต้านสำคัญของค่าเงินยังอยู่ในโซน 33.20-33.25 บาทต่อดอลลาร์ และเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะเข้ามาช่วยลดความผันผวนของเงินบาทลงในระยะสั้น ทำให้ เงินบาทอาจยังประคองตัวในช่วง 33.10-33.20 บาทต่อดอลลาร์  ในขณะที่แนวรับของเงินบาทก็ปรับขึ้นมาสู่ระดับ 32.90-33.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วงราคาที่ผู้นำเข้าบางส่วนต่างรอจังหวะย่อตัว เพื่อทยอยปิดความเสี่ยงค่าเงิน

ในส่วนความเคลื่อนไหวของ"ตลาดการเงิน" ยังคงมีความแตกต่างกันไปตามปัจจัยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19, รายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมถึง ทิศทางของนโยบายการเงินจากธนาคารกลาง

โดยในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดการเงินกลับมาอยู่ในโหมดระมัดระวังตัวมากขึ้น และเริ่มทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความกังวลว่าปัญหาการระบาด Delta ในสหรัฐฯ อาจกดดันให้โมเมนตัมการฟื้นตัวเศรษฐกิจลดลงหลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด เริ่มออกมาแย่กว่าคาด อาทิ ยอดการจ้างงานภาคเอกชนที่สำรวจโดย ADP ก็เพิ่มขึ้นเพียง 3.3 แสนตำแหน่ง น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่เกือบ 7 แสนตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ยอดสต็อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ (Crude Oil Inventories) ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด สะท้อนถึงความต้องการใช้พลังงานที่ลดลง นอกจากนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้รับแรงกดดันจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด อย่าง Richard Clarida ที่ออกมาสนับสนุนการทยอยลดคิวอีภายในปีนี้ รวมถึงการทยอยขึ้นดอกเบี้ยในปี 2023 ซึ่งทั้งภาพความกังวลปัญหาการระบาด Delta และแนวโน้มเฟดใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ได้กดดันให้ ดัชนี Dowjones ปิดลบ -0.92% เช่นเดียวกันกับ ดัชนีS&P500 ที่ปรับตัวลดลงราว -0.46% ส่วน หุ้นเทคฯ ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ หลังบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ยังทรงตัวในระดับต่ำต่อไป หนุนให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปิดบวก +0.13%

ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป ปรับตัวขึ้น +0.65% นำโดยหุ้นในกลุ่มเทคฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังรายงานผลปะกอบการของหุ้นกลุ่มเทคฯ ยังคงออกมาดีต่อเนื่อง Infineon +4.07%, ASML +2.93% ขณะเดียวกันแนวโน้มธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อ รวมถึงความหวังแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ได้หนุนการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่ม Cyclical อาทิ หุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมและกลุ่มธนาคาร Adidas +4.04%, BNP Paribas +1.19%, Santander +1.05%

ทางด้านตลาดบอนด์ ผู้เล่นในตลาดบอนด์ยังมีมุมมองที่ระมัดระวังตัวอยู่ จากความกังวลปัญหาการระบาดของเดลต้าทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยยังเป็นที่ต้องการของตลาด ดังจะเห็นได้จากการที่ บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ยังคงทรงตัวใกล้ระดับ 1.18%

ส่วนในฝั่งตลาดค่าเงิน ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าเฟดที่ออกมาสนับสนุนนโยบายการเงินที่เข้มงวด อย่าง การทยอยลดคิวอีภายในปีนี้ ได้หนุนให้ เงินดอลลาร์โดยรวมพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อหลบความผันผวนในช่วงที่ปัญหาการระบาดของโควิด-19 อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 92.30 จุด กดดันให้ ค่าเงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลง สู่ระดับ 1.184 ดอลลาร์ต่อยูโร ส่วนค่าเงินเยน (JPY) ก็พลิกกลับมาอ่อนค่าลงแตะระดับ109.5 จุด

สำหรับวันนี้ ตลาดจะติดตามแนวโน้มสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ส่วนในด้านข้อมูลเศรษฐกิจและผลการประชุมธนาคารกลางนั้น ตลาดมองว่า เศรษฐกิจอังกฤษมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown แม้ว่าล่าสุด อังกฤษจะพบการระบาดที่เพิ่มสูงขึ้น แต่สถานการณ์ก็ยังไม่น่ากังวล เนื่องจากยอดผู้ป่วยหนักและยอดผู้เสียชีวิตไม่ได้เพิ่มในอัตราเร่งตามยอดผู้ติดเชื้อใหม่ อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การระบาดอาจทำให้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ยังคงเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป ทั้ง คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Bank Rate) ที่ระดับ 0.10% และเดินหน้าอัดฉีดสภาพคล่องต่อ ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อาจทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงินบางส่วนเริ่มสนับสนุนการทยอยลดการอัดฉีดสภาพคล่องในปลายปีนี้ หรือ ช่วงต้นปีหน้า

ส่วนในฝั่งไทย ภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่ซบเซาลงหนักจากปัญหาการระบาด Delta ที่รุนแรงมากขึ้น จะกดดันให้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือนกรกฎาคม ชะลอลงสู่ระดับ 0.10% ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ก็จะชะลอลงสู่ระดับ 1.0% เช่นกัน โดยอัตราเงินเฟ้อยังได้แรงหนุนจากราคาสินค้าพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจากปีก่อนหน้า ขณะที่แรงกดดันจะมาจากภาวะการบริโภคที่ซบเซาและมาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของภาครัฐ อาทิ ลดค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า
#2945
บริการให้เช่ารถไม่ใช้บัตรเครดิต
รถดี สะอาด ง่าย ถูก คุ้มค่า
 
700-1200 บาทต่อวัน

วีออส ยาริส  ซิตี้  อัลเมร่า แคมรี่  อัลติส ซีวิค กระบะมิตซูไททั้น  ตู้Volkswagen
รับรถจุดบริการ แยกแคราย ใกล้สถาบันโรคทรวงอก  
ส่งถึงที่ ค่าส่งเริ่มที่ 500 แล้วแต่ระยะทาง 
ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นและจำนวนวันที่เช่า 
เช่าหลายวันยิ่งได้ส่วนลด 
รถเล็กทั่วไปเช่นวีออส ยาริส อัลเมร่า ซิตี้ 

Deposit เงินประกัน 5,000 ได้คืนตอนคืนรถ 4,000  เก็บตรวจสอบค่าจราจร 1,000  ครบ 30 วัน คืนหากมีใบสั่งปรับตามจริง

ประกัน ‭4000‬ บาท 
จอง/แจ้งเช่า 087-048-6085‬ 
สำเนาเอกสารที่ใช้
ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน
ใบขับขี่ สลิปอื่นๆ
โทร 087-048-6085 คนคุมรถ , 
0837124115  ,  
086-521-3573 

Line id : 0837124115
www.รถเช่าดี.com
#2946


นายบิล เดอ บราซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก แถลงเมื่อวันอังคาร(3ส.ค.) ว่าเหตุผลที่ต้องให้พลเมืองแสดงเอกสารการฉีดวัคซีนเนื่องจากขณะนี้ทั่วทุกรัฐในสหรัฐกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสกลายพันธุ์เดลตา

นิวยอร์กซิตี มีนโยบายให้ประชาชนแสดงเอกสารพิสูจน์ว่าฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดสและให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.เป็นต้นไปแต่คาดว่านโยบายนี้จะถูกต่อต้านอย่างรุนแรงเหมือนในหลายประเทศของยุโรปที่การประท้วงเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไม่ยุติลง

การกำหนดข้อบังคับของทางการฝรั่งเศสให้ประชาชนต้องแสดงบัตรรับรองการฉีดวัคซีนของรัฐบาล กระตุ้นให้เกิดการประท้วงใหญ่ และบ่อยครั้งลุกลามไปสู่ความรุนแรง จนตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุม ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
#2947


วิกฤติชิพเกิดจากในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ทั่วโลกออกข้อจำกัดควบคุมการเดินทางการใช้รถใช้ถนนน้อยลง ผู้ผลิตชิพให้ความสำคัญกับสินค้าประเภทสมาร์ทโฟนและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็นมากกว่าก่อน

ชิพถูกประดิษฐ์ขึ้นเมื่อ 60 ปีก่อนเพื่อใช้ในคอมพิวเตอร์ จากนั้นพัฒนามาใช้ในรถยนต์จนกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดและราคาแพงสำหรับอุปกรณ์ทันสมัยที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ การที่อุปทานชิพมีไม่พอทำให้ขาดแคลนไปทั้งโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากความต้องการสมาร์ทโฟนและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สูงเกินคาดในช่วงโควิด

เป็นที่ทราบกันดีว่า ระยะหลังชิพหรือเซมิคอนดักเตอร์ ถูกออกแบบมาให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น การผลิตก็ยากขึ้น นี่คือเหตุผลเบื้องต้นที่ทำให้ซัพพลายโลกขาดแคลน หากจะตั้งโรงงานใหม่ต้องใช้เวลาและเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นเนื่่องจากโควิด-19 ระบาดทำให้ซัพพลายชิพน้อยลง ปัจจัยหลักมาจากมาตรการกักตัวเปิดทางให้ผู้คนทำกิจกรรมที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือความบันเทิง ซึ่งต้องกระทำผ่านคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แทบเล็ต แม้แต่เครื่องเล่นเกม

โควิดยังบีบให้หลายๆ บริษัทพัฒนาระบบการทำงานทางไกล และติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์หรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งชิพนั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับเทคโนโลยีทุกด้าน ตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่ได้ไปจนถึงในระบบรถยนต์ไฟฟ้า ปัญหาคอขวดช่วงโควิดจึงเริ่มที่อุตสาหกรรมรถยนต์ก่อน

สำนักข่าวอนาโดลูของตุรกีรายงานอ้างข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (เอสไอเอ) ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกปี 2563 เพิ่มขึ้น 6.5% จากปี 2562 ทะลุ 4.39 แสนล้านดอลลาร์ หากเทียบเป็นรายภูมิภาคยอดขายในตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้น 19.8% ขณะที่ยอดขายในจีน ตลาดชิพใหญ่สุดของโลกเพิ่มขึ้น 5%

ดีมานด์สูงเกินคาด

ความต้องการที่สูงมากชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมแรกที่รู้สึกได้ถึงวิกฤติขาดแคลนชิพทั่วโลก รายงานจากบริษัทที่ปรึกษา "ดีลอยต์" เผยว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ซึ่งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่จอแอลซีดีไปจนถึงระบบภายในจะมีสัดส่วนถึง 45% ของต้นทุนการผลิตรถหนึ่งคันภายในปี 2573

ต้นทุนส่วนประกอบที่มีเซมิคอนดักเตอร์เป็นพื้นฐานสำหรับใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้คาดว่าเพิ่มเป็น 475 ดอลลาร์ในปี 2563 และ 600 ดอลลาร์ในปี 2573

แม้ความต้องการชิพเพื่อใช้กับระบบคอมพิวเตอร์ในรถเพิ่มสูงขึ้น แต่ด้วยความกังวลว่ามาตรการจำกัดการเดินทางช่วงโควิดจะส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์ ทำให้ผู้ผลิตยกเลิกคำสั่งซื้อชิพ กลายเป็นว่าความต้องการจากบริษัทอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มสูงขึ้นแทน ผู้ผลิตรถยนต์จะมาซื้อชิพทีหลังย่อมทำได้ยาก

ความยากลำบากในการหาซื้อชิ้นส่วนที่ต้องใช้ชิพและไมโครชิพทำให้ฟอร์ด เจนเนอรัลมอเตอร์ส โตโยต้า โฟล์คสวาเกน ฮอนด้า สเตลแลนติส และบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า "นีโอ" ต้องลดการผลิตหรือปิดโรงงาน

ความปั่นป่วนนี้ก่อให้เกิดความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์บีบให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องแข่งกับยักษ์ใหญ่อิเล็กทรอนิกส์อย่างแอ๊ปเปิ้ลซื้อชิพที่มีอุปทานจำกัด

บริษัทที่ปรึกษาอลิกซ์พาร์ทเนอร์สคาดว่า การขาดแคลนชิพอาจบั่นทอนรายได้อุตสาหกรรมรถยนต์โลกลงมากถึง 6.06 หมื่่นล้านดอลลาร์

เท่านั้นยังไม่พอ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นวิกฤติชิพอาจเป็นสาเหตุให้การผลิตหลายสาขาปั่นป่วนตามไปด้วย เช่น การผลิตสมาร์ทโฟน

เมื่อโควิดกระจายไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมชิพกำลังเตรียมการสำหรับช่วงหลังโควิดด้วยการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อรับมือวิกฤติ


ขณะนี้ชิพถูกมองว่าเป็นปัจจัยการแข่งขันระหว่างประเทศต่างๆ เมื่อบริษัทและนานาประเทศต่างพยายามกำหนดความเป็นไปในอุตสาหกรรมชิพผ่านการลงทุนมหาศาล เช่น อินเทล หนึ่งในผู้ผลิตชิพรายใหญ่สุดของโลก ประกาศแผนสร้างโรงงานผลิตชิพใหม่อีกสองโรงในรัฐแอริโซนาด้วยเม็ดเงินลงทุน 2 หมื่นล้านดอลลาร์

ซัมซุง ยักษ์อิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีใต้ก็กำลังวางแผนใช้งบประมาณ 1.16 แสนล้านดอลลาร์ ตั้งเป้าเป็นบริษัทผลิตชิพรายใหญ่สุดของโลกภายในปี 2573 เพื่อให้เป็นไปตามเป้าซัมซุงกำลังก่อสร้างโรงงานใหญ่แห่งหนึ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปีนี้

ด้านไต้หวันเซมิคอนดักเตอร์แมนูแฟคเจอริง (ทีเอสเอ็มซี) ผู้รับจ้างผลิตรายใหญ่สุดของโลก ก็กำลังก่อสร้างโรงงานแห่งหนึ่งมูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในแอริโซนาเหมือนกับอินเทล คาดว่าเริ่มผลิตได้ในปี 2567

ในจีนที่ต้องการลดการพึ่งพาชิพจากต่างประเทศ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติสองรายให้เงินทุนราว 2.25 พันล้านดอลลาร์แก่เอสเอ็มไอซี ผู้ผลิตชิพชั้นนำของจีน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานในเซี่ยงไฮ้ คาดว่าโรงงานแห่งนี้จะมีศักยภาพการผลิตเพิ่มเป็นสามเท่าในอนาคต

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า อุตสาหกรรมชิพกำลังเตรียมตัวรับระเบียบใหม่จากการที่เศรษฐกิจโลกเปิดดำเนินการอีกครั้ง และนักออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ก็มีงานใหญ่รออยู่ข้างหน้าในการกำหนดระเบียบโลกใหม่หลังโควิด-19

จ่อลากยาวถึงปีหน้า

คาร์ลอส ทาวาเรส ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ)สเตลแลนติส บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก กล่าวในงานสมาคมสื่อรถยนต์ที่เมืองดีทรอยต์ของสหรัฐ เมื่อกลางเดือน ก.ค.ตอกย้ำความเห็นของเดมเลอร์เอจีที่กล่าวไว้ก่อนในวันเดียวกันนั้นว่า การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่เล่นงานผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกส่งผลให้การผลิตรถยนต์ติดขัด อาจลากยาวไปถึงปี 2565

"วิกฤติเซมิคอนดักเตอร์เท่าที่ผมเห็นตอนนี้ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเห็นได้ทุกอย่าง กำลังลามเข้าสู่ปี 2565 ได้ไม่อยาก เพราะผมยังไม่เห็นสัญญาณการผลิตเพิ่มเติมจากแหล่งผลิตในเอเชีย เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับโลกตะวันตกในอนาคตอันใกล้" ทาวาเลสกล่าวและว่า สเตลแลนติสกำลังตัดสินใจเปลี่ยนชิพที่ใช้ให้หลากหลาย ซึ่งการปรับไปใช้ชิพที่แตกต่างออกไปต้องใช้เวลาราว 18 เดือน เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีอันซับซ้อน

ทั้งนี้ การที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากโควิดทำให้ความต้องการรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ช่วยหนุนราคารถยนต์ใหม่และรถมือสองต่อเนื่องมาถึงความต้องการชิพ ผู้ผลิตบางรายรับมือปัญหาขาดแคลนชิพด้วยการลดบางฟีเจอร์ในรถยนต์ลง บางรายใช้วิธีผลิตโดยไม่ต้องใส่ชิพก่อนรอให้ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยประกอบทีหลัง

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952271
#2948


ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาลาซาล ซอย 10 และเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาซอยลาซาล 11 ในเวลาราว 17.00 น. สินค้าส่วนค้าส่วนใหญ่แทบไม่เหลือบนชั้นวาง แม้ว่าการประกาศขยายล็อกดาวน์ จะมีผลอย่างเป็นทางการวันที่ 3 สิงหาคมนี้ แต่ปรากฏการณ์ตื่นตระหนกหยิบสินค้าก็เกิดขึ้นอีกครั้ง    


อย่างไรก็ตาม วันนี้ (1 ส.ค.64) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) หรือ ศบค. เป็นประธานการประชุม ครั้งที่ 11/2564 ผ่านออนไลน์ ได้มีมติเคาะขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม จากเดิม 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครนายก นครราชสีมา นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ยะลา ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สงขลา สิงห์บุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง โดยจะมีการขยายล็อกดาวน์ออกไปเบื้องต้น 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคมนี้ โดยจะประเมินสถานการณ์กำหนดมาตรการอีกครั้งวันที่ 18 สิงหาคม 


อาหารกระป๋องถูกกวาดเกือบเกลี้ยงเชลฟ์ Cr.noojit


อีกประเด็นที่มีความเปราะบาง คือสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่การผลิตหรือซัพพลาย โดยเฉพาะกรณีเกิดผู้ติดเชื้อ จะส่งผลกระทบต่อการผลิต การขนส่งและกระจายสินค้า ซึ่งที่ผ่านมา มีบริษัทขนส่งและกระจายสินค้าบางแห่งประสบกับสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้การส่งของถึงมือผู้บริโภคมีความล่าช้า ปัจจุบันบริษัทขนส่งสินค้าบางรายยังมีการกำหนดเงื่อนไขในการส่งสินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะวัตถุดิบ อาหาร ผลไม้สด ฯ เพราะหากส่งแล้วเกิดสะดุด สินค้าจะเน่าเสีย สร้างความเสียหายมหาศาล 

และปฏิเสธไม่ได้ว่า "เวลาเปิด-ปิด" ห้างค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อต่างๆ มีผลต่อการซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภค ทำให้การกวาดซื้อสินค้าจำเป็นไปตุนไว้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพื่อให้ผู้บริโภคยังมีของกินของใช้ภายใต้สถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง 


ประชาชนต่อคิวจ่ายเงินซื้อสินค้าที่ โลตัส โก เฟรช สาขา ลาซาล 11 

นอกจากประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไป รัฐยังประกาศอนุญาตให้ร้านอาหารในห้างค้าปลีก คอมมิวนิตี้มอลล์ สามารถเปิดจำหน่ายได้อีกครั้ง แต่เป็นบริการแบบเดลิเวอรี่ หรือ ซื้อกลับได้เท่านั้น จากก่อนหน้านี้ ห้ามทั้งนั่งรับประทาน ซื้อกลับบ้าน และบริการเดลิเวอรี่ ส่งผลกระทบต่อร้านอาหารในห้าง 100% เพราะถือเป็นการ "ปิดตาย" ครั้งแรก ทำให้ผู้ประกอบการปรับตัวจ้าละหวั่น เพื่อหาทำเลนอกห้างเปิดครัวกลาง

ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารฟู้ดแพชชั่น เจ้าของแบรนด์บาร์บีคิว พลาซ่า หมูทอดกอดคอ ฌานาฯ ให้สัมภาษณ์ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า แม้รัฐจะผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ โดยให้ร้านอาหารในห้างกลับมาขายแบบซื้อกลับบ้านและเดลิเวอรี่ได้ แต่การปรับตัวหาพื้นที่นอกห้าง เปิดครัวกลาง ศูนย์กลางหรือฮับเพื่อบริการเดลิเวอรี่จะยังคงดำเนินต่อไป เพื่อรองรับความไม่แน่นอนจากนโยบายรัฐ
#2949


นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในประเทศที่ยังขยายตัวในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อเอสเอ็มอีเป็นจำนวนมาก ทั้งปัญหายอดขายและรายได้ลดลง SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อเอสเอ็มอีไทย จึงออกมาตรการทางการเงินเสริม ด้วยแพคเกจสินเชื่อ "เติมทุน SMEs มีสุข ยิ้มได้" วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท ภายใต้ 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ ได้แก่ "SMEs D เติมทุน" "SMEs มีสุข" และ "SMEs ยิ้มได้" ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้มีวงเงินเพิ่มขึ้น นำไปใช้เสริมสภาพคล่อง และลดต้นทุนทางการเงิน


สำหรับจุดเด่นของ 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ เปิดกว้างเอสเอ็มอีทุกกลุ่มธุรกิจ คุณสมบัติกู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ วงเงินกู้สูงขึ้นถึง 15 ล้านบาทต่อราย ได้แก่ "สินเชื่อ SMEs D เติมทุน" วงเงิน 5,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี เปิดโอกาสรับรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินเดิม ช่วยลดต้นทุนทางการเงิน ผ่อนนานถึง 10 ปี


"สินเชื่อ SMEs มีสุข" วงเงิน 5,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5% ต่อปี สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเงินลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ หรือปรับเปลี่ยนธุรกิจ รองรับการเติบโตในอนาคต ผ่อนนานถึง 10 ปี และ "สินเชื่อ SMEs ยิ้มได้" วงเงิน 5,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.5% ต่อปี ทบทวนวงเงินได้ทุกปี ช่วยเติมทุนหมุนเวียนให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถบริหารจัดการธุรกิจไม่มีสะดุด โดยเปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565


"SME D Bank ตระหนักดีถึงพันธกิจสำคัญในการเป็นกลไกของรัฐพาเอสเอ็มอีไทยให้เข้าถึงแหล่งทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอีอย่างรุนแรง ธนาคารจึงดำเนินนโยบายให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ด้วยการออกแพคเกจสินเชื่อใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีเงินทุนเพิ่มขึ้น ต้นทุนทางการเงินลดลง สามารถนำไปใช้เสริมสภาพคล่องเพียงพอสูงถึงรายละ 15 ล้านบาท ช่วยบริหารจัดการธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้" นางสาวนารถนารี กล่าว
#2950



นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีการแพร่ระบาดมากขึ้น ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่สถานพยาบาลที่รองรับการรักษาผู้ป่วยมีไม่เพียงพอ

ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด 19  ในรูปแบบ Home Isolation หรือแบบ Community Isolationของกระทรวงสาธารณสุข และคำสั่งนายทะเบียนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)  ตลอดจนเป็นการมอบความอุ่นใจ รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของเมืองไทยประกันชีวิต ด้วยการดูแลที่ครอบคลุม พร้อมรองรับสถานการณ์ในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสมนั้น 

ล่าสุด  บริษัทฯ ได้ขยายความคุ้มครองการจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับผู้เอาประกันภัยที่มีความคุ้มครองสุขภาพทุกแบบที่มีค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน (IPD)  ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) และชดเชยรายวัน ในกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 และแพทย์ผู้ดูแลรักษาของหน่วยบริการสาธารณสุขเห็นสมควรให้สามารถแยกกักตัวในที่พัก (Home Isolation) หรือแยกกักตัวในชุมชน (Community Isolation) ได้ ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด


ทั้งนี้บริษัทฯ จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้เอาประกันภัยที่ติดโควิด 19  ที่เข้าระบบการรักษาในรูปแบบ
Home Isolation หรือแบบ Community Isolation  ในกรณีที่เข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยใน โดยจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามความจำเป็นทางการแพทย์และที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินจำนวนผลประโยชน์สำหรับค่าใช้จ่าย ซึ่งเกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลตามที่ระบุไว้ในตารางผลประโยชน์ของกรมธรรม์ประกันภัย 

สำหรับการจ่ายค่าชดเชยรายวันสำหรับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อโควิด 19 ผู้เอาประกันภัยต้องมีเอกสารที่แสดงว่าเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด 19 โดยแพทย์ผู้ดูแลรักษา และมีความจำเป็นทางการแพทย์ที่ต้องรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในในสถานพยาบาล แต่ไม่มีสถานพยาบาลรองรับ  โดยบริษัทฯ จะจ่ายค่าชดเชยรายวันไม่เกิน 14 วันนับแต่วันที่ปรากฎในหลักฐานที่แสดงถึงความจำเป็นทางการแพทย์ที่ต้องรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน ในสถานพยาบาลแต่ไม่มีสถานพยาบาลรองรับ

 
"เรายังคงมุ่งมั่นในการดำเนินงานภายใต้นโยบาย "MTL Trusted Lifetime Partner" ที่พร้อมดูแลและเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต ซึ่งการขยายความคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาลสำหรับลูกค้าที่ติดเชื้อโควิด 19 และได้เข้ารับการดูแลรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation หรือแบบ Community Isolation นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เมืองไทยประกันชีวิต ได้นำออกมาเพื่อสร้างความอุ่นใจและบรรเทาความเดือนร้อนให้กับลูกค้าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19  นี้" นายสาระ กล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ โทร. 1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง 

หมายเหตุ :

เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุในกรมธรรม์
อ้างอิงคำนิยาม Home Isolation หรือ Community Isolation ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 43/2564 เรื่อง การจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับผู้เอาประกันภัย ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และได้เข้ารับการดูแลรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation หรือแบบ Community Isolation สำหรับบริษัทประกันชีวิต ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564
#2951
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 
#2952
ข้าวออแกนิคสำหรับทารก Rice Organic Rice   Organic Rice  ทำไมข้าวอินทรีย์  (SURIN Organic Rice)  ถึงดีกว่าข้าวทั่วๆไปที่ใช้สารเคมีอย่างไร ?
ข้าวอินทรีย์  ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ หรือ ข้าวออร์แกนิค (Organic Rice)  คือ ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ทีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์  สารเคที สารพิษ ยาฆ่าหญ้า ว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโต สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากการดัดแปลงพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม  เราเน้นปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการปลูกพืชหมุนเวียน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในไร่นาหรือจากแหล่งอื่น ควบคุมโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวโดยวิธีผสมผสานที่ไม่ใช้สารเคมี การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมมีความต้านทานโดยธรรมชาติ รักษาสมดุลของศัตรูธรรมชาติ การจัดการพืช ดิน และน้ำ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับความต้องการของต้นข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษเพื่อทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี มีความสมบูรณ์แข็งแรงตามธรรมชาติ การจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว เป็นต้น มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพที่สำคัญในทุกขั้นตอนการผลิตและการแปรรูป

ข้าวกล้องออร์แกนิค Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวสุขภาพ,ข้าวเพื่อสุขภาพ
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://bit.ly/Hor-Boutique
Line: @Hor.Boutique

ข้าวสุรินทร์ เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ 
1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์
2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์
3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์)
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์
6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์
7. ข้าวไรซ์เบอรี่

#ข้าวออร์แกนิก  #ข้าวออแกนิค  #ข้าวออแกนิก  #ข้าวอินทรีย์  #ข้าวสุขภาพ #ข้าวเพื่อสุขภาพสุรินทร์
#2953



นายอเลฮานโดร โอโซริโอ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยว่าได้ประกาศศึกสู้โควิดระลอก 4 ผนึกพันธมิตร "KBank-CRG-PTG" (ธนาคารกสิกรไทย (KBank) บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จํากัด (มหาชน) (PTG) และอีกหลายเครือข่ายพันธมิตร ผ่าน 4 กิจกรรมหลักซึ่งจะเริ่มต้นส.ค. ส่งโครงการ "สู้ไปด้วยกัน" เร่งสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ภายใต้งบประมาณรวมกว่า 160 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ผู้ป่วยที่แยกกักตัวที่บ้าน โรงพยาบาลและองค์กรการกุศล รวมถึงพาร์ทเนอร์คนขับ เพื่อมุ่งบรรเทาความเดือดร้อนให้คนไทย พร้อมเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็กให้สามารถประคับประคองธุรกิจต่อไปได้ ทั้งนี้ 4 กิจกรรมหลักภายใต้โครงการ "สู้ไปด้วยกัน" ประกอบด้วย พร้อมใจสู้คู่ร้านค้า โดยแกร็บร่วมกับ KBank "ร่วมด้วย ช่วยเปย์" เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ควบคู่ไปกับการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายและกระแสเงินสดหมุนเวียนให้กับธุรกิจร้านอาหาร มอบเงินสนับสนุนให้กับพาร์ทเนอร์ร้านค้าที่ใช้บัญชีกสิกรไทยในอัตรา 15% ของยอดขายในเดือน ส.ค. (จำกัดวงเงินสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อร้าน) โดยติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.grabmerchantth.com/grabfood-kbank


เตรียมจัดแคมเปญ "ร่วมด้วย ช่วยเปย์" เพื่อมอบส่วนลดค่าอาหาร 50% เมื่อสั่งอาหารผ่าน GrabFood พร้อมช่วยโปรโมตร้านอาหารขนาดเล็กทั่วประเทศผ่านสื่อและแอพลิเคชั่น โดยติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เร็วๆ นี้ พร้อมใจสู้คู่สังคมไทย: โดยแกร็บร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย พร้อมส่งเสริมการบริจาคสมทบทุนโรงพยาบาลเพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19ร่วมกับ CRG เพื่อช่วยจัดส่งอาหารจากแบรนด์ในเครือด้วยบริการ GrabExpress ให้กับผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้านภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นอกจากนี้ ยังได้มอบส่วนลดค่าบริการให้กับเครือข่ายช่วยเหลือสังคม อาทิ เพจเราต้องรอด และโรงพยาบาลศิริราช ในการจัดส่งอาหารหรือยาให้กับผู้ป่วย


นอกจากนี้ชวนผู้ใช้บริการเปลี่ยนคะแนน GrabRewards เป็นเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนมูลนิธิของโรงพยาบาลต่างๆ อาทิ มูลนิธิรามาธิบดี โดยแกร็บจะร่วมสมทบทุนอีกเท่าตัวของยอดบริจาคทั้งหมดด้วย พร้อมใจสู้คู่พี่คนขับ: สร้างความอุ่นใจและพร้อมให้ความช่วยเหลือพาร์ทเนอร์คนขับที่ถือเป็นด่านหน้าในการให้บริการการเดินทางและการจัดส่งอาหาร-พัสดุผนึก PTG มอบสิทธิประโยชน์ในการเข้ารับบริการพ่นฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและผู้จัดส่งอาหารของแกร็บที่สถานีบริการปั๊มน้ำมันพีที 855 สาขาทั่วประเทศไทยตลอดเดือนสิงหาคมฟรี รวมไปถึงกล่องใส่อาหาร ร่วมกับ GQ Apparel ทยอยมอบหน้ากากผ้ารุ่น GQWhite™ Mask พร้อมลายสกรีน Vaccinated จำนวน 150,000 ชิ้นให้กับพาร์ทเนอร์คนขับที่ได้รับวัคซีนแล้ว พร้อมใจสู้คู่คนไทย: โดยการมอบส่วนลดค่าบริการส่งอาหารและพัสดุผ่าน GrabFood GrabMart และ GrabExpress เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค ทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอยในช่วงไตรมาสที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมถึง 19 กันยายน 2564 และมอบส่วนลดสูงสุด 80% สำหรับผู้ใช้ใหม่ (3 ครั้งต่อผู้ใช้) เพียงใส่โค้ด "WITHYOU80" มอบส่วนลดสูงสุด 30% สำหรับผู้ใช้เดิม (3 ครั้งต่อผู้ใช้) เพียงใส่โค้ด "WITHYOU30"
#2954



ก้าวมาถึงจุดที่ "ความฝัน" กลายเป็น "ความจริง" ในชีวิตของนักแสดงหนุ่ม "ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล" หลังภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกในชีวิต "The Misfits" ประกบซุปเปอร์สตาร์ เพียร์ซ บรอสแนน พระเอกระดับตำนานเจมส์บอนด์ 007 ที่นั่งแท่น Executive Producer ได้เข้าฉายในอเมริกาแล้ว กว่าจะมาถึงเส้นทางนี้ไม่ง่าย

เลยต้องถามความรู้สึกของไมค์ ณ วันนี้ "ไมค์" เปิดใจว่า

"ครั้งนี้เป็นเหมือนกับการเปิดประตูใหม่ๆให้กับโอกาสทางการงานของไมค์ด้วย แล้วก็การได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับท็อปๆของฮอลลีวูดก็ทำให้ตลาดนี้เปิดกว้างขึ้นด้วย"

พอใจฟีดแบ็กมากน้อยแค่ไหน? "ถือว่าดีเลย พอใจในระดับหนึ่ง แล้วก็คิดว่ามันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเปิดตลาดใหม่ด้วยครับ ถ้าไม่ติดสถานการณ์โควิด ตัวเราต้องเดินทางไปร่วมโปรโมตหนังที่อเมริกาที่คุยกับทางทีมเขาไว้ก็คือว่าถ้ามีการเดินพรมแดงหรือเปิดตัวหนังเค้าก็อยากให้ไปเพื่อมีโอกาสไปร่วมด้วย แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็คือไม่สามารถไปไหนได้เลย ถามว่าแอบเสียดายมั้ย ก็เสียดายครับ จริงๆ 2ปีที่ผ่านมามันก็มีหลายโอกาสที่เสียไปค่อนข้างเยอะ"

ความยากที่สุดในหนังเรื่องนี้คือเรื่องอะไร? "ด้วยความที่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องแรกที่เป็นหนังพูดภาษาอังกฤษของไมค์ ความยากของมันก็คือเรื่องภาษา มันก็อาจจะต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะหน่อยในการที่จะให้สำเนียงไปได้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ"

กับนักแสดงที่ต้องเข้าฉากด้วยตื่นเต้นแค่ไหน? "ตื่นเต้นมากครับ อย่างเพียร์ซ บรอสแนน เค้าคือเจมส์บอนด์ 007 ที่เราเห็นเค้ามาตั้งแต่เด็ก แล้วพอได้ไปเจอตัวจริงมันก็เหมือนกับเป็นความฝันของเราที่อยากจะร่วมงานกับดาราฮอลลีวูดคนนี้ด้วย จำได้เลยว่าตอนจับมือเราก็มือสั่นๆ นิดหน่อย"


คาแรกเตอร์ของไมค์ในภาพยนตร์ เรื่อง The Misfits เป็นอย่างไร?
"ตัวละครตัวนี้ชื่อว่าวิค (Wick) เป็นฝ่ายเทคโนโลยีของกลุ่มนี้ เป็นคนประดิษฐ์ระเบิด เค้าบอกว่าตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่สนุก ซึ่งผมก็พยายามใส่ความสนุกในแบบผมลงไป ก็มีพาร์ตที่ต้องเต้นด้วย เรียกว่าฟรีสไตล์เลย บทไมค์เป็นแค่นักประดิษฐ์ เลยไม่ได้ต่อสู้บู๊เท่าไหร่ ส่วนใหญ่การต่อสู้จะเป็นของคนอื่น"

อยากให้เล่าถึงการร่วมงานกันกับนักแสดงคนอื่นๆ เป็นอย่างไรบ้าง? "The Misfits เป็นการรวมตัวกันของคนจากหลากหลายพื้นที่ มารวมตัวกันเพื่อทำภารกิจปล้นจากคนรวยนำมาให้กับคนที่จำเป็นต้องใช้ คล้ายๆโรบินฮู้ด ซึ่งทีมนี้จะประกอบไปด้วย เพียร์ซ บรอสแนน เป็นคนนำทีม รามี เจเบอร์, เฮอร์ไมโอนี คอร์ฟีลด์, เจมี ชุง ฯลฯ มารวมตัวกัน ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกันไป"


ไมค์ได้เรียนรู้หรือเก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรจากเพียร์ซ บรอสแนน บ้าง?
"ด้วยความที่ได้เข้าฉากกับเค้าค่อนข้างเยอะ โดยส่วนตัวผมเองค่อนข้างเกร็ง เค้าเลยค่อนข้างให้กำลังใจ เป็นคนที่ให้พลังบวกกับกองถ่ายเยอะ เวลาเค้าอยู่ใกล้ๆ ทำให้เราเกิดความมั่นใจมากขึ้น มันทำให้การแสดงของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นและเกร็งน้อยลง"

มีคำไหนของเพียร์ซ บรอสแนน ทำให้ไมค์ประทับใจบ้าง? "คือจริงๆประทับใจแทบจะทุกอย่างเลย เวลาเข้าฉากกับเค้า เค้าก็รู้ว่าเราเกร็ง เค้าก็บอกให้เรารีแลกซ์ ให้ทำไปเดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เราทำได้ดีแน่นอน คือเค้าให้กำลังใจและให้พลังงานด้านบวกตลอดเวลา"

หลายคนมองว่าฮอลลีวูดต้องเป๊ะมากพอไปสัมผัสแล้วเป็นอย่างนั้นรึเปล่า? "เป๊ะทุกอย่างครับ โดยเฉพาะเรื่องเวลา คือเราไม่ต้องกังวลว่านอกเหนือจากหน้าที่การแสดงแล้ว เราจะต้องไปโฟกัสอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผม คือเราไม่ต้องกังวลเลย"


คาดหวังหรือวางเส้นทางในวงการฮอลลีวูดไว้อย่างไรบ้าง?
"ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังเลยครับ ผมเชื่อว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์ของการ กระทำของเรามันก็จะพาเราไปสู่จุดที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ เราตั้งเป้าไว้แค่นี้แต่มันอาจจะไปได้ไกลกว่านั้น อยู่กับปัจจุบัน และพยายามทำต่อไป"

ไมค์เขินมั้ยเวลาที่คนอาจจะบอกว่าเราเป็นนักแสดงฮอลลีวูด? "โดยส่วนตัวผมก็ยังไม่ได้ขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปต่อในเส้นทางไหน"

ถือเป็นรางวัลของความไม่ท้อของตัวเอง? "ใช่ๆ มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย คือจริงๆมันเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ซึ่งมันก็กลายเป็นเป้าหมายของเราในชีวิต แล้วพอเราทำให้มันเกิดขึ้นมันก็กลายเป็นความจริงของเรา ซึ่งเราก็ได้ไปถึงจุดนั้น แล้วก็คาดว่าก็คงอยากจะไปต่อในอนาคต"

แล้วงานในไทยตอนนี้มีอะไรบ้าง?
"จริงๆตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นงานพรีเซนเตอร์ ในอนาคตก็ไม่แน่ว่าผมอาจจะมีการทำงานเกี่ยวกับเบื้องหลังมากขึ้น เพราะมันก็เป็นสิ่งที่ชอบส่วนตัวอยู่แล้ว และก็มีแพชชันในเรื่องกำกับ เขียนบท และ สร้างหนัง ในอนาคตก็อาจได้เห็นในมุมนี้มากขึ้น"

แล้วงานในประเทศจีนล่ะ? "จริงๆมีอยู่เรื่อยๆคือว่าผมไม่ได้กลับจีนมาประมาณ 2 ปีแล้ว จริงๆแพลนไว้ว่าปลายปีที่แล้วจะกลับไปรับงานที่เมืองจีน แต่เพราะติดงานเลยยังกลับไม่ได้ บวกกับเรื่องสถานการณ์หลายๆอย่างมันก็หลับไม่ได้ เอาจริงๆ 2 ปีนี้ เสียโอกาสไปค่อนข้างเยอะมากเลย เนื่องจากมีงานใหม่ๆที่ต้องปฏิเสธไปเพราะไปไม่ได้"


ถามเรื่องโอนเงินวันเกิดให้น้องแม็กซ์-เวลล์ ลูกชาย มีทั้งการบริจาคช่วยโควิด-19 ทำไมถึงอยากทำบุญให้ลูก และหลายคนประทับใจที่สอนลูกว่าโตขึ้นขอให้เป็นผู้ให้ รู้สึกยังไง?
"สถานการณ์ในตอนนี้ทุกคนต่างต้องการความช่วยเหลือครับ แล้วเดือนนี้ก็เป็นเดือนเกิดของ แม็กซ์ด้วย ปกติแล้วถ้าผมได้อยู่กับแม็กซ์ในวันเกิดเราก็จะมีกิจกรรมร่วมกัน มีพาไปทำบุญอยู่แล้วในทุกๆปี สำหรับปีนี้ที่ผมไม่สามารถไปเจอเค้าได้ด้วยตัวเองเนื่องจากสถานการณ์โควิด ผมเลยอยากเป็นตัวแทนแม็กซ์ช่วยเหลือสังคม ผมคิดว่าถ้าลูกโตขึ้นเป็นผู้ให้ความสุขจากการให้มันสุขมากกว่าการเป็นผู้รับและผมอยากให้ลูกได้รับรู้ ความรู้สึกนั้น ผมในฐานะที่เป็นพ่อก็ภาวนาว่าให้ผลบุญที่ได้ทำส่งเสริมให้เค้าอยู่รอดปลอดภัย เป็นเด็กดีเป็นที่รักของทุกคน

ส่วนเรื่องการเก็บเงินเข้าบัญชีผมแค่ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดตามกำลังที่ผมมีในวันนี้ ผมแค่มองว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นแบบนี้มันไม่มีอะไรการันตีว่าในอนาคตมันจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นเราก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าในอนาคตงานเราจะยังเป็นแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า เพราะผมเองก็เป็นกังวลว่าจนกว่าจะถึงตอนนั้น ถ้าหากว่ารายรับของผมมันไม่เสถียรหรือว่ามันหยุดนิ่ง ผมจะได้มั่นใจว่าในอนาคตอย่างน้อยที่สุดเค้ามีต้นทุนการศึกษาที่ผมเก็บไว้ให้ เราต่างไม่สามารถรู้อนาคตได้ สิ่งที่ผมทำได้ในวันนี้ก็แค่อยากทำให้ดีที่สุดในฐานะพ่อคนนึง แค่อยากช่วยเหลือให้มากที่สุดตามกำลังของเราและผมจะทำต่อไปเรื่อยๆแน่นอน"

เวลาที่เราได้ทำงานใหญ่ๆอย่างการถ่ายหนังฮอลลีวูดที่มีอุปสรรคทำให้ท้อ มีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจที่ทำให้ฮึดได้ทุกครั้ง?
"เป้าหมายครับ เป้าหมายที่อยากเป็นคนที่ดีขึ้น แต่เป้าหมายของผมคงเป็นขั้นบันไดหมายถึงว่าเมื่อผมได้เดินไปแตะถึงเป้าหมายนี้ ผมก็อยากทำสิ่งใหม่ต่อที่ท้าทายและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ผมทำงาน ซึ่งก็ 20 ปีแล้วครับที่เป้าหมายใหม่ๆมันถูกกำหนดเอาไว้เสมอก่อนที่เป้าหมายอันเก่าใกล้จะสำเร็จ ทุกเส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมายมันมีอุปสรรคอยู่แล้วครับไม่ว่าผมหรือใคร สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของผมมันมีหลายองค์ประกอบรวมกัน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือกำลังใจจากครอบครัวจากคนที่ผมรัก จากคนที่รักผม จากแฟนคลับของผม มันเป็นเรื่องปกติของทุกคนในโลกนี้ที่ต้องเคยท้อแท้ไม่อยากสู้ต่อ แต่ทุกครั้งกำลังใจต่างๆก็ทำให้ผมลุกขึ้นมาสู้ง่ายขึ้นเร็วขึ้น"

มองอนาคตกับงานในวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง?
"ผมเริ่มมาสนใจงานเบื้องหลังแบบจริงจังช่วงนี้เลยครับ คิดว่าน่าจะเป็นเป้าหมายใหม่กับอนาคตในวงการบันเทิงที่ผมวางไว้ หวังว่าจะไปให้ถึงจุดนั้น งานเบื้องหน้าก็ยังทำอยู่อย่างต่อเนื่องครับ ผมอยากเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่ผมมี ที่ได้จากการทำงานเบื้องหน้าและได้รู้จักกับทีมงานเบื้องหลัง แต่ถ้าผมกลับไปทำงานที่จีนแล้วงานส่วนนี้อาจ จะพักเอาไว้ก่อนก็ต้องทำงานเบื้องหน้าไปก่อนครับ ไม่ได้ไปกำหนดว่าจะต้องเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรอกครับ แต่ว่าโอกาสไหนมาก่อนก็คว้าโอกาสนั้นไว้ก่อน ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้สำเร็จลุล่วงไปก่อน เวลานอก เหนือจากนั้นก็ศึกษา หา ความรู้อื่นๆ ที่เป็นประ-โยชน์กับตัวเอง"

อยากบอกอะไรแฟนๆที่คอยซัพพอร์ต "ไมค์" มาตลอด?
"ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาเสมอ ทั้งแฟนคลับที่ไทยและที่จีนและทุกๆที่ที่ซัพพอร์ตผมตลอดมา ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ผมมีเวลาหยุดและประเมินหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่ผ่านมากับตัวเอง ก็มานั่งคิดว่าหลายคนเค้าอยู่กับเราในทุกช่วงเวลา อยู่กับผมตั้งแต่ผมยังมีความคิดเป็นเด็ก ยังไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ยังตัดสินใจอะไรผิดพลาด เค้าอยู่เคียงข้างกับผลลัพธ์ของมันกับผมมาโดยตลอด ผมไม่คิดว่าผมในวันนี้เป็นผมที่ดีที่สุด แต่ผมจะเป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อตอบแทนกำลังใจและการซัพพอร์ตเป็นการตอบแทนให้กับพวกเค้าที่ไม่เคย ทอดทิ้งผมเช่นกัน".

เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย https:// www.thairath.co.th/entertain/news/2153573
#2955



กระทรวงอุตสาหกรรมเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) อยู่ที่ระดับ 97.73 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.58 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยไตรมาสที่ 2/64 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 20.41 ครึ่งปีแรก 64 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 9.41 เนื่องจากประเทศคู่ค้าสำคัญเริ่มฟื้นตัวจากมาตรการของภาครัฐในแต่ละประเทศ รวมถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนในหลายประเทศส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำและยุทโธปกรณ์) ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 45.23 ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่สำคัญจะยังเติบโตต่อเนื่องตามภาคการส่งออกซึ่งถือเป็นกลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในช่วงเวลานี้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคการผลิตอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้น สะท้อนได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI)เดือนมิถุนายน 2564 ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากทิศทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญทั่วโลกมีแนวโน้มดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และยุโรป ส่งผลให้ภาคการผลิตโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญขยายตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เหล็กและเหล็กกล้า แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีบางโรงงานอุตสาหกรรมต้องหยุดการผลิตชั่วคราวแต่เป็นเฉพาะบางสายการผลิต และสามารถกลับมาเร่งกำลังการผลิตได้เหมือนเดิม



ขณะเดียวกันกระทรวงอุตสาหกรรมมีการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ด้วยหลักการ "Online - Onsite - Upgrade -Vaccine" คือ 1.Online ให้โรงงานประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ไทย สต๊อป โควิด-19 พลัส และไทยเซฟไทย 2. Onsite จัดทีมแนะนำและติดตามการประเมินตนเอง โดยให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานในพื้นที่ของกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ร่วมกันจัดทีมสุ่มตรวจประเมินโรงงานในพื้นที่ในโรงงาน

3.Upgrade จัดทำมาตรการฟื้นฟูสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หลังจากโรงงานประเมินตนเอง เพื่ออัพเกรดสถานประกอบการให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 4. Vaccine เร่งรัดการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในโรงงาน รวมทั้งผลักดันการเป็นศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและโรงงานขนาดใหญ่ที่มีคนงานมากกว่า 2,000 คน เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดในภาคแรงงาน และจะสามารถทำให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถเดินหน้าการผลิตต่อไปได้

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน 2564 ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 อยู่ที่ระดับ 97.73 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.58 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยไตรมาสที่ 2/64 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 20.41 ส่วนครึ่งปีแรกปี 2564 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 9.41 โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทอง อาวุธ รถถัง และอากาศยาน) มูลค่า 18,440 ดอลล่าร์สหรัฐ ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 45.23 ส่วนการนำเข้าสินค้าทุน ขยายร้อยละ 28.5 ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 69.4 ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เป็นต้น



สำหรับการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีแรก ปี 2564 ขยายตัวเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการผลิตของอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.87 โดยเป็นการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นในรถทุกประเภทจากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ยางล้อขยายตัวตามไปด้วย อุตสาหกรรมเหล็กขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก ส่งผลให้การผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.80 การผลิตชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.65 ตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากการเรียนและการทำงานออนไลน์ และอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางที่เติบโตตามความต้องการใช้งานทางการแพทย์สูงขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 อีกทั้ง ในเดือนมิถุนายน 2564 อุตสาหกรรมเครื่องประดับ ซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยเริ่มกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 178.89 สะท้อนให้เห็นภาพของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศการเร่งกระจายการฉีดวัคซีน และแผนการเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้การคาดการณ์ MPI ในเดือนถัดไปจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีประเด็นที่ต้องติดตามและให้ความสำคัญ อาทิเช่น การระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรม ปัญหาการขาดแคลนชิปในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งปัญหาต้นทุนค่าระวางการขนส่งสินค้าทางเรือตู้คอนเทนเนอร์สูงขึ้นที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตในอนาคต

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่มีดัชนีผลผลิตที่ส่งผลบวกขยายตัวในเดือนมิถุนายน 2564 ยานยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 90.06 จากการผลิตเกือบทุกรายการสินค้า ประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เวียดนาม ญี่ปุ่น เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีขึ้น ทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 82.14 ส่วนตลาดในประเทศยังขยายตัวได้แม้จะมีการระบาดระลอก 3 ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 32.32 ตามความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ขยายตัว และความต้องการสินค้าเพื่อการทำงานแบบ work from home มากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มของการพัฒนาสินค้าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยส่งเสริมให้มีการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในหลากหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น

ส่วนเหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 28.93 จากเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กรูปพรรณรีดร้อน และเหล็กเส้นข้ออ้อย เป็นหลัก ตามความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องโดยเฉพาะยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนการเร่งก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของรัฐในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา

ขณะที่เครื่องประดับเพชรพลอยและโลหะมีค่า ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 178.89 เนื่องจากปีก่อนเป็นช่วงเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ยอดการผลิตและจำหน่ายยังอยู่ในระดับต่ำ ต่างจากปีนี้ ที่การผลิตเป็นไปตามปกติ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ทำให้การจำหน่ายเติบโตได้มากขึ้น ยางรถยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 78.19 จากยางนอกรถยนต์นั่ง ยางนอกรถบรรทุกรถโดยสาร และยางนอกรถกระบะ ขยายตัวได้ตามยอดการผลิตรถยนต์ที่เติบโตได้ดีขึ้น รวมถึงมีการลดราคาและทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งในปีก่อนได้รับผลจากการแพร่ระบาดและมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ความต้องการสินค้าหดตัว

https:// siamrath.co.th/n/266720
#2956



ในขณะที่สายตานับล้านคู่จับจ้องไปที่ สุนิสา ลี นักกีฬายิมนาสติกหญิงดาวรุ่งวัย 18 ปี ซึ่งมีเชื้อสายม้งอเมริกัน ในการเเข่งขันโอลิมปิก2020 ที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ครอบครัวของเธอที่รัฐมินนิโซตา กำลังลุ้นอย่างเต็มที่เช่นกัน จนกระทั่งได้สมหวังในที่สุด

สุนิสา สร้างชื่อให้กับตัวเองและทีมสหรัฐ หลังคว้าเหรียญทองประเภทบุคคลรวมอุปกรณ์มาครองได้สำเร็จ ในฐานะตัวแทนของสหรัฐเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา สร้างประวัติศาสตร์เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายม้งคนแรกที่คว้าเหรียญทองให้กับทีมสหรัฐ


นี่ถือเป็นฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องของนักยิมนาสติกสาวดาวรุ่ง โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน สุนิสาคว้าเหรียญเงินกับให้กับทีมชาติสหรัฐในการแข่งขันยิมนาสติก ประเภททีมรวมอุปกรณ์

ก่อนเปิดฉากโอลิมปิกครั้งนี้ สุนิสาถือเป็นความหวังของครอบครัวและชุมชนชาวม้งในสหรัฐ ในฐานะนักยิมนาสติกหญิงอายุน้อยที่สุดที่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว

- สุนิสากอดฉลองกับโค้ช หลังคว้าเหรียญทองเหรียญแรก (29 ก.ค.) -

เกิดและโตในมินนิโซตา

สำหรับประวัติของสุนิสาถือว่าโดดเด่นและน่าสนใจไม่น้อย เธอเกิดเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2546 ในเมืองเซนต์พอล รัฐมินนิโซตา ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนม้งขนาดใหญ่ในอเมริกาที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ยุคหลังสงครามเวียดนาม และสุนิสาก็ใช้ชีวิตเติบโตในเมืองเซนต์พอลมาจนถึงปัจจุบัน


นอกจากรัฐมินนิโซตาจะเป็นถิ่นฐานขนาดใหญ่ของชาวม้งในสหรัฐ ซึ่งคาดว่ามีประชากรถึง 80,000 คนแล้ว ยังเป็นที่ที่แม่ของสุนิสาได้พบรักกับพ่อบุญธรรมขณะสุนิสาอายุเพียง 2 ขวบในปี 2548 ด้วย


- ฮัว จอห์น ลี (ซ้าย) พ่อบุญธรรม และ ยีฟ ทอจ (กลาง) แม่บังเกิดเกล้าของสุนิสา -

แม่ของสุนิสาเป็นชาวม้งชื่อ ยีฟ ทอจ (Yeev Thoj) และพ่อบุญธรรมเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายม้งเช่นกัน ชื่อ ฮัว จอห์น ลี (Houa John Lee) ซึ่งคอยเลี้ยงดูสุนิสาตั้งแต่เด็ก ๆ และเมื่อโตขึ้น สุนิสาก็ตัดสินใจใช้นามสกุล ลี ตามพ่อบุญธรรม

แม้ว่าจอห์น ลี มีลูกติด 2 คนจากอดีตภรรยาชื่อว่า โจนาห์และไชเอนน์ แต่ลูก ๆ ทั้ง 3 คนรวมถึงสุนิสา ต่างรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะไชเอนน์ที่อายุห่างกับสุนิสาเพียง 12 วัน มีหน้าตาคล้ายกับสุนิสาจนเพื่อนร่วมชั้นเรียนเคยเข้าใจผิดว่าทั้งคู่เป็นฝาแฝด

ลี้ภัยสงครามข้ามแปซิฟิก

ทั้งพ่อบุญธรรมและแม่ของสุนิสาต่างเกิดในลาวในยุคสงครามเวียดนาม ซึ่งสมัยนั้น กลุ่มชาติพันธุ์ม้งร่วมรบเคียงไหล่กับทหารอเมริกันในลาว แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย

มีชาวม้งหลายหมื่นคนเสียชีวิตในสงครามเวียดนาม หรือถูกรัฐบาลลาวสังหาร หลังจากกองทัพสหรัฐถอนทัพกลับประเทศ

ครอบครัวชาวม้งของพ่อและแม่สุนิสาสมัยที่ทั้งคู่ยังเด็ก ได้เสี่ยงอันตรายหนีออกจากลาวข้ามแม่น้ำโขงมาอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทยอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนลี้ภัยไปตั้งรกรากในในรัฐมินนิโซตาและเติบโตที่นั่น

"เมื่อสหรัฐถอนทัพออกจากลาว สงครามยังไม่จบลงในทันที" จอห์น ลี พ่อบุญธรรมสุนิสาเล่าถึงความทรงจำอันขมขื่น "ผู้คนจำต้องหนีไปประเทศไทยเพื่อความปลอดภัย และเพื่อโอกาสมีชีวิตที่ดีกว่า"

จนกระทั่ง จอห์น ลี ย้ายไปอยู่สหรัฐตอนอายุ 7 ปี เมื่อปี 2522 ส่วนแม่สุนิสาย้ายไปสหรัฐตอนอายุ 12 ปี เมื่อปี 2530

ปัจจุบัน ยีฟ เเม่ของสุนิสา ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยด้านการเเพทย์ ส่วนจอห์น ลี พ่อของสุนิสา ทำงานด้านวิศวกรรมที่บริษัท Cummins Power Generation 

เห็นแววยิมนาสติกตั้งแต่เล็ก

ทั้งพ่อบุญธรรมและเเม่ของสุนิสาชอบกีฬาเหมือนกัน ซึ่งความรักในกีฬาเป็นสิ่งที่ทั้งสองปลูกฝังให้ลูก ๆ แม้ปัจจุบัน พ่อของสุนิสาเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงหน้าอกลงไป หลังประสบอุบัติเหตุตกบันไดเมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้ต้องนั่งรถเข็นตั้งแต่นั้นมา


เเม่ของสุนิสา ให้สัมภาษณ์กับ VOA ภาคภาษาลาวว่า ในฐานะผู้ปกครอง เธอสอนให้สุนิสา หรือชื่อเล่นว่า สุนิ (Suni) มีวินัย เป็นเด็กดี และว่า สุนิชอบทำกิจกรรมหลายอย่าง


ยีฟ บอกด้วยว่า สุนิมีพรสวรรค์ตั้งเเต่เด็กในกีฬายิมนาสติกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เเละเมื่อได้เเรงกระตุ้นด้านวินัย จึงทำให้เก่งขึ้นในกีฬานี้ เเละมีความพร้อมในด้านอื่น ๆ เมื่อโตขึ้นมา

สำหรับที่มาของชื่อ สุนิสา ยีฟเปิดเผยกับ ESPN ว่า ตั้งชื่อลูกสาวตามนักแสดงละครไทยคนหนึ่งที่ตนชื่นชอบในยุคนั้น และจับลูกเรียนยิมนาสติกตั้งแต่เล็ก ๆ หลังเห็นแววจากการโชว์ท่าตีลังกากลับหลังบ่อยครั้ง ขณะเล่นซุกซนตามประสา

ตั้งเป้าสูงเพื่อให้พ่อภูมิใจ

แน่นอนว่า สิ่งหนึ่งที่สุนิสาทำตามเป้าหมายได้สำเร็จในฐานะนักยิมนาสติก คือ การร่วมแข่งขันและคว้าเหรียญโอลิมปิก2020 ซึ่งถึงแม้เธอจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับการที่มีเหตุการณ์โควิด-19 ระบาด จนมหกรรมกีฬานี้ต้องเลื่อนมา 1 ปี แต่เธอประกาศเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาว่า "กำหนดการเปลี่ยน แต่เป้าหมายไม่เปลี่ยน"

คำพูดครั้งนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่า เหรียญทองโอลิมปิก คือเป้าหมายต่อไปในชีวิตของสุนิสา เพราะความฝันนี้เป็นสิ่งที่พ่อและเธอตั้งเป้าหมายร่วมกันมาตลอด 10 ปี หรือนับตั้งแต่วันแรกที่เธอเริ่มเรียนยิมนาสติก


"มันไม่ใช่แค่ฝันของฉัน มันคือฝันที่พ่อกับฉันตั้งเอาไว้ร่วมกัน มันจึงมีความหมายมาก ฉันอยากทำมันให้สำเร็จอีก ฉันอยากให้พ่อภูมิใจ เพราะเขาคือคนที่สนับสนุนฉันมา ตั้งแต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะทำได้ดีหรือไม่กับทางเดินนี้" สุนิสาพูดถึงเบื้องหลังการตั้งเป้าหมายก่อนเดินทางไปโตเกียว

ส่วน จอห์น ลี เปิดใจกับสื่อก่อนลูกสาวเข้าร่วมทีมชุดลุยโอลิมปิก2020 ว่า ไม่ว่าผลการเเข่งขันจะเป็นอย่างไร การที่สุนิเป็นชาวม้งอเมริกันคนเเรกในการเเข่งโอลิมปิกให้กับประเทศสหรัฐ ก็ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไปเรียบร้อยเเล้ว

หลังจากคว้า 1 เหรียญทองและ 1 เหรียญเงิน (ณ วันที่ 29 ก.ค.) สุนิสายังมีโอกาสเก็บเหรียญโอลิมปิกเพิ่มจากการแข่งขันช่วงวันที่ 1 ส.ค. และ 3 ส.ค.นี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่เธอจะได้เหรียญรางวัลมาครองอีกครั้งก่อนกลับแผ่นดินสหรัฐ

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/951839
#2957


เรื่องของโควิด-19 ภายในประเทศยังเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดการลงทุนในสัปดาห์นี้ สถานการณ์ล่าสุดในวันอาทิตย์ผู้ติดเชื้อต่อวันยังคงเห็นการพุ่งขึ้น และทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง หากอิงข้อมูลการติดเชื้อต่อวันจาก World Meter พบว่า การติดเชื้อของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 9 ของจำนวนประเทศที่ World Meters เก็บรวบรวมทั้งหมด 222 ประเทศ

ขณะที่ปัจจุบันจำนวนการติดเชื้อของประเทศไทยเริ่มเห็นการกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น หากมาดูข้อมูลล่าสุดจาก ศบค. พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 100% มาจากต่างจังหวัดที่ไม่รวมปริมณฑลถึง 59% ซึ่งเร่งตัวขึ้นมาจากช่วงก่อนหน้าราวกลาง ก.ค. ที่ 46% บ่งชี้ว่าปัจจุบันการแพร่ระบาดไปเริ่มกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เรากังวลและตลาดยังไม่ตอบรับคือการยกระดับมาตรควบคุมมากขึ้นในต่างจังหวัดเพื่อสกัดกั้นการระบาด แต่การยกระดับจะเป็นลบกับเศรษฐกิจรวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่ม Downside Risk ต่อประมาณการ จึงแนะนักลงทุนติดตามใกล้ชิดเกี่ยวกับการระบาดของต่างจังหวัด ดังนั้น จากการระบาดที่ยังมีความเสี่ยงทำให้ประเมิน SET ยังเสี่ยงอ่อนตัวกรอบ 1,520-1,560

สำหรับการส่งออกในเดือน มิ.ย. ขยายตัว 44%YoY นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี หลักๆ เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและฐานปี 20 ที่ค่อนข้างต่ำ ส่วนสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ +78%YoY เครื่องใช้ไฟฟ้า +42%YoY แผงวงจรไฟฟ้า +33%YoY เคมีภัณฑ์ +47%YoY สินค้าเกษตร +60%YoY มองเป็นบวกต่อ (AH DELTA HANA KCE NER PTTGC SAT) อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังต้องติดตามการระบาดโควิด-19 ที่หลายประเทศเผชิญการระบาดอีกครั้ง และบางประเทศที่เกิดการระบาดเป็นคู่ค้าหลักของไทย เช่น สหรัฐฯ (15%) ASEAN (13.4%) ญี่ปุ่น (9.8%)

ปัจจัยสัปดาห์นี้ (1) ประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุสัปดาห์นี้จะมี SCC PTTEP GLOBAL รายงานผลประกอบการ (2) ประชุม FED ในวันพฤหัสบดี แต่เชื่อว่าไม่มีนัยอะไรมากเนื่องจาก Policy ยังน่าจะคล้ายประชุมครั้งก่อน

กลยุทธ์การลงทุน การลงทุนระยะสั้นควรเลือกหุ้นที่ผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด เช่น ส่งออก (ASIAN DELTA HANA KCE NER TU) สื่อสารและโรงไฟฟ้า (ADVANC BGRIM BCPG GPSC GULF) รวมถึงได้ประโยชน์จากโควิด-19 เช่น โรงพยาบาล (BCH CHG) พร้อมแนะยังคงเน้นการถือครองเงินสดมากขึ้น

KCE (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 90 บาท) คาดผลการดำเนินงาน 2Q21E ที่ 531 ล้านบาท (+644%YoY และ 6%QoQ) โดยมีปัจจัยผลักดันหลักมาจากรายได้ที่ขยายตัวสู่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 71%YoY จากฐานที่ต่ำในปี 2020 และเพิ่มขึ้น 7%QoQ ตามจำนวนวันดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นราคาขาย
URL
 13
 
#2958



นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2564 ธนาคารได้เข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถาการณ์โควิด-19 แล้วผ่านมาตรการต่างๆ เช่น พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ รวมแล้วจำนวน 8 แสนราย คิดเป็นมูลหนี้ประมาณ 4 แสนล้านบาท


ทั้งนี้ ล่าสุดธนาคารได้ออกมาตรการพักหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยระยะ 2 เดือนหรือนับตั้งแต่ส.ค.-ก.ย. 2564 แก่ธุรกิจเอสเอ็มอีที่ถูกประกาศปิดกิจการ ซึ่งรวมถึง เจ้าของกิจการและลูกจ้าง ขณะนี้ มีลูกหนี้ขอรับความช่วยเหลือแล้วประมาณ 1 หมื่นราย


นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ออกมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 เดือนหรือนับตั้งแต่ก.ค.-ธ.ค.2564 สำหรับลูกหนี้รายย่อยวงเงินมูลหนี้ไม่เกิน 2 แสนบาท ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยเปิดให้ลูกหนี้ขอรับความช่วยเหลือตั้งแต่เมื่อวานผ่าน MyMo มีลูกหนี้ขอรับความช่วยเหลือแล้วประมาณ 5 หมื่นราย

ทั้งนี้ สำหรับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยดังกล่าว ธนาคารมีกลุ่มเป้าหมายลูกหนี้จำนวนประมาณ 7 แสนราย มูลหนี้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้ จะแบ่งเป็นลูกหนี้ที่คาดว่า จะเข้ามาขอความช่วยเหลือในเดือนสิ้นเดือนนี้ประมาณ 3.5 แสนราย อีก 3.5 แสนรายเป็นเป้าหมายในเดือนถัดไป
สำหรับลูกหนี้กลุ่มครูนั้น ทางธนาคารได้จัดมหกรรมแก้หนี้ครู โดยให้ลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวยื่นขอรับความช่วยเหลือตั้งแต่มิ.ย.ถึง สิ้นเดือนนี้ คาดว่า จะมีลูกหนี้ขอรับความช่วยเหลือประมาณ 2.3 หมื่นราย คิดเป็นมูลหนี้ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท


นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)กล่าวว่า ธอส. ได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่าน 2 มาตรการเร่งด่วนล่าสุด คือ ลูกค้าทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการทั้งในและนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ ซึ่งจะได้รับความช่วยเหลือโดยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 เดือน คือ ส.ค.- ต.ค.2564 เปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ตั้งแต่ 19 ก.ค.นี้


ล่าสุด ณ วันที่ 22 ก.ค.มีลูกค้าแจ้งขอเข้ามาตรการที่ 15 และ มาตรการที่ 16 รวมจำนวนรวมประมาณ 5 หมื่นบัญชี เป็นมูลหนี้ 5.13 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นมาตรการที่ 15 จำนวน 4.77 หมื่นบัญชี มูลหนี้ 4.88 หมื่นล้านบาท และมาตรการที่ 16 จำนวน 2.25 พันบัญชี เป็นเงิน 2.48 พันล้านบาท ทำให้นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ธอส. สามารถช่วยเหลือลูกค้าผ่าน 18 มาตรการ รวมเป็นจำนวนสูงสุดมากกว่า 9.25 แสนบัญชี เงินต้นคงเหลือ 7.96 แสนล้านบาท


นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(ธพว.)กล่าวว่า ขณะนี้ มีลูกหนี้ขอเข้ามาตรการพักชำระหนี้ล่าสุดของธนาคารจำนวน 1.86 พันราย มูลหนี้ 466 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีประมาณ 2% ที่พิจารณาแล้วว่า ยังมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ เมื่อรวมตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมีลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือแล้วประมาณ 2.71 หมื่นราย เป็นเงิน 4.2 หมื่นล้านบาท


สำหรับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)แหล่งข่าวเผยว่า มียอดลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอก 4 ได้ลงทะเบียนเข้ามาตรการพักชำระหนี้ระหว่างก.ค.- ธ.ค.2564 แล้วจำนวน 6.59 หมื่นราย ส่วนยอดพักชำระหนี้จากโควิด-19 ระลอก 3 มีจำนวน 7.62 หมื่นราย วงเงิน 3.4 หมื่นล้านบาท สำหรับยอดพักชำระหนี้ทั้งระบบในปีบัญชี 2563/2564 หรือ เม.ย.2563 – 31 มี.ค. 2564 มีจำนวน 3.35 ล้านราย มูลหนี้ 1.12 ล้านล้านบาท
#2959



นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ครึ่งปีแรก ตั้งแต่ ม.ค.-มิ.ย.2564ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีทั้งสิ้น 3,445 ราย เพิ่มขึ้น 6.07% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทุนจดทะเบียนรวม 8,146.46 ล้านบาท 68.41% สวนใหญ่อยู่ใน จ.ชลบุรี  2,357 ราย รองลงมาเป็น จ.ระยอง และ จ .ฉะเชิงเทรา

 
ประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนสูงสุด3อันดับแรก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้างอาคารทั่วไป และขนส่ง ขนถ่ายสินค้า รวมถึงผู้โดยสารมีการจัดตั้งใหม่ที่ ปัจจุบันพื้นที่ 3 จังหวัด มีนิติบุคคลคงอยู่ ณ 30 มิ.ย. 2564 รวม 75,682 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 1.99 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น จ.ชลบุรี 54,829 ราย คิดเป็น 72.45% จ.ระยอง 14,638 รายคิดเป็น 19.34%และจ.ฉะเชิงเทรา 6,215 ราย คิดเป็น 8.21%

ส่วนการลงทุนของต่างชาติในนิติบุคคลที่จัดตั้งในไทยมีมูลค่า 817,810 ล้านบาท คิดเป็น 40.95%ของทุนทั้งหมด โดยญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนมากสุด 384,682 ล้านบาทคิดเป็น 47.04% รองลงมาคือ จีน97,084 ล้านบาท คิดเป็น 11.87%และสิงคโปร์44,541ล้านบาท คิดเป็น 5.45% ส่วนใหญ่อยู่ในจ.ระยองสูงสุด 430,733ล้านบาท คิดเป็น 52.66%



สำหรับปัจจัยที่ทำให้การจัดตั้งธุรกิจใหม่ในอีอีซีเพิ่มขึ้น มาจากภาคการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก โดยในเดือนม.ค. -7 มิ.ย.2564 มีมูลค่า 4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.59 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 ประกอบกับมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ลดลง คาดว่าครึ่งปีหลัง การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในพื้นที่อีอีซีจะอยู่ที่ประมาณ 2,900 – 3,000 ราย และตลอดทั้งปี อยู่ที่ 6,300 – 6,500 ราย

                
"ความชัดเจนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานในอีอีซี จะสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนได้มากยิ่งขึ้น เช่น การส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดของการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงในเดือนก.ย. และแผนการขยายท่าอากาศยานอู่ตะเภาที่มีความก้าวหน้าอย่างมากและจะสร้างงานได้มากกว่า 3,000 ตำแหน่งในอนาคต "
#2960


ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์ไทย และสมุนไพร รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลน ยาฟ้าทะลายโจร แบบชนิดแคปซูลในท้องตลาด เพราะประชาชนนิยมนำมารับประทาน เพื่อรักษาโควิด บางคนคิดว่าเป็นการป้องกัน เลยเกิดการกักตัว ทำให้สินค้าไม่มีในท้องตลาด จึงอยากชี้แจงและทำความเข้าใจว่า ความจริงแล้วสินค้าไม่ได้หมดไปจากท้องตลาด ทุกอย่างยังคงผลิตตามปกติ แต่ทั้งนี้ ประชาชนควรทำเข้าใจว่า ไม่ควรมีการกักตุน เพื่อเพิ่มทางรอดให้กับคนอื่นที่จะเป็นต้องใช้ยา และไม่ควรสนับสนุนการซื้อหายาที่มีราคาแพงไม่สมเหตุสมผลด้วย


"การใช้ฟ้าทะลายโจร ควรใช้เมื่อมีอาการเท่านั้น อีกทั้งพบว่า การจำหน่ายยาฟ้าทะลายโจรในท้องตลาด ในร้านขายยาขนาดใหญ่ไม่มีปัญหา แต่หากเป็นร้านขนาดเล็ก มีการแยกขาย เริ่มพบการบรรจุผงยาตัวอื่นลงไปในแคปซูลแทน มี ทั้ง สะเดา บอระเผ็ด และใบบัวบก ซึ่งประชาชนไม่สามารถแยกออกด้วยตาเปล่า ทำได้อย่างเดียว คือ การดึงแคปซูลออกแล้ว ชิมผงยา ที่ผ่านมาก็มีคนส่งตัวอย่างแคปซูล มาให้รพ.ตรวจสอบก็พบว่าเป็นใบบัวบก ซึ่งคนทำเช่นนี้ เท่ากับ ทำร้ายคนอื่น"ภญ.ผกากรองกล่าว


ภญ. ผกากรอง กล่าวอีกว่า ในช่วงที่มีการขาดแคลนยาฟ้าทะลายโจรแบบแคปซูลนี้ ประชาชนหรือชุมนมสามารถแก้ไขได้ด้วยการปลูกฟ้าทะลายโจรเอง ปลูกง่ายไม่ยาก เพียงเวลา 2-3 เดือนก็สามารถเก็บใบฟ้าทะลายโจรมากต้มรับประทานได้ ใช้ดอกและใบ โดยสัดส่วนของฟ้าทะลายโจร ใช้เพียงมื้อละ 10 ใบ รับประทานแบบทานยา 4 มื้อ ในการดื่มควรนำใบมาเคี้ยวด้วย เพื่อให้รับสารสำคัญอย่างครบถ้วน ไม่จำเป็นต้องรอการใช้ยาในรูปแบบของแคปซูลเท่านั้น เพื่อให้ได้ สารแอนโดรกราโฟไลด์เพียงอย่างเดียว รสชาดที่คมของใบฟ้าทะลายโจร มีส่วนช่วยทั้งลดไข้ แก้ไอ แต่ไม่แนะนำให้รับประทานร่วมกับการทางกระชาย หรือ น้ำขิง เพราะสมุนไพร 2 ชนิดนี้มีฤทธิ์ร้อน หากทางร่วมกันทั้งหมด อาจทำให้การรักษาไม่ได้ประสิทธิผลที่เท่าที่ควร ส่วนการเก็บใบฟ้าทะลายโจร นั้นควรเก็บใบน้ำมาตากให้แห้ง แต่ต้องไม่ตากแดดโดยตรง ให้อยู่ในที่ร่ม ตากจนใบแห้งไม่มีไอระเหยของน้ำ ใช้ เวลา 3 วัน ทดสอบได้จากการบรรจุในถุงซิปล็อกยา หากไม่มีไอน้ำขึ้นมาแสดงว่าตากอย่างถูกต้องจากนั้นสามารถนำไปต้มดื่มได้ทันที การติดฟ้าทะลายโจร ควรรับประทาน แค่ 5 วัน จากนั้นหยุดพัก 1 วัน ในวันที่ 6 หากอาการไม่ดีขึ้นให้รับประทานต่อ ในวันที่ 7 พร้อมกันนี้ ยังสนับสนุนให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำฟ้าทะลายโจรไปให้ชุมชนปลูกเพื่อเป็นยาสมุนไพรคู่ครัวเรือน ใช้รับประทานเมื่อมีอาการไม่สบายเท่านั้น