• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Panitsupa

#6421
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 64 ที่ -0.5% โดยมองว่าแม้จะมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ และเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ แต่ปริมาณนักท่องเที่ยวน่าจะไม่ได้มากขึ้นอย่างทันท่วงทีในระยะ 2 เดือนที่เหลืออยู่ของปีนี้ จึงไม่น่าจะมีผลหนุนต่อจีดีพีโดยรวมมากนัก ขณะที่ภาคการส่งออกเริ่มชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลมาจากฐานที่สูงขึ้น แต่ปัจจัยด้านอัตราค่าขนส่งที่สูงขึ้นยังเป็นอุปสรรค รวมถึงความกังวลในเรื่องอัตราการเติบโตของโลกที่อาจจะเติบโตไม่ได้ตามที่คาดการณ์ไว้จากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจจะทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเร็วขึ้น เป็นต้น จึงทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีแม้จะดูผ่อนคลายขึ้นแต่ยังมีความเสี่ยงสูงอยู่เช่นกัน

"เรามองว่าจีดีพีไตรมาส 3 ซึ่งเป็นไตรมาสได้รับผลกระทบมากที่สุดจะติดลบ 4.9% จากไตรมาสก่อนหน้า และติดลบ 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาส 4 ปรับตัวดีขึ้นมาเป็นบวก 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังติดลบ 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้น จึงมองว่าแม้การเปิดเมืองจะเกิดขึ้น แต่จำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะยังไม่มากนัก โดยจากการสำรวจปัจจัยนักท่องเที่ยวคำนึงในการเดินทางมานั้นจะอยู่ที่ตัวเลขการฉีดวัคซีนซึ่งไทยยังอยู่ในระดับ 31-32% และแนวทางการดูแลหากมีการติดเชื้อเกิดขึ้นซึ่งอันนี้ยังไม่มีความชัดเจน ดังนั้น การเปิดรับนักท่องเที่ยวจึงยังมีรายละเอียดที่ต้องดูแลอีกพอสมควร เชื่อว่าจะเห็นผลที่ชัดเจนขึ้นในปีหน้า"

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยยังคงมอง ณ สิ้นปีที่ระดับ 32.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมองว่าในช่วงปลายปีเงินบาทน่าจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาวทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่จะมีการปิดสถานะการถือครองที่มีกำไรอยู่แล้วก่อนที่หยุดพัก รวมถึงในช่วงต้นเดือนหน้าจะมีการประชุมของเฟดซึ่งหากมีความชัดเจนในการลดวงเงินการซื้อสินทรัพย์ที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่นักลงทุนสนใจอยู่ อาจจะทำให้มีการลดการถือเงินดอลลาร์สหรัฐลงเมื่อตลาดคลายความกังวล

"การเก็งกำไรค่าเงินบาทนั้น จุดเริ่มต้นมาจากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดซึ่งเป็นตัวแปรเดิมๆ เหมือนกับครั้งก่อนที่เขาเข้ามาเล่น แต่ในคราวนี้มีการขาดดุลงบประมาณด้วย ถือเป็นขาดดุลแฝด ขณะที่การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยมีความต่อเนื่อง และยังไม่มีท่าทีจะดีขึ้น ทำให้การเข้ามาเก็งกำไรเริ่มหนักแน่นขึ้น แต่คาดว่าในช่วงสิ้นปีนี้ที่นักลงทุนในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วน่าจะมีวันหยุดยาว จึงน่าจะปิดสถานะที่เป็นกำไรอยู่แล้วก่อนถึงเทศกาลพักผ่อน รวมถึงในการประชุมเฟดต้นเดือนหน้าหากมีความชัดเจนกรณีการทำ QE น่าจะทำให้ตลาดคลายกังวลและลดการถือดอลลาร์สหรัฐลง โดยมองว่ากรอบเงินบาทในช่วงที่เหลือของปีที่ 32.40-34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐน่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรับได้ อย่างไรก็ตาม หากภาคการท่องเที่ยวเรากลับมาดีขึ้น อัตราการขนส่งระหว่างประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับเข้าสู่ภาวะเกินดุลได้ จะทำให้การเข้ามาเก็งกำไรลดลงไปสู่ภาวะปกติ"
#6422
ข้อต่อท่ออ่อนสแตนเลส
ท่อรับการสั่น
ท่อรับการสะเทือน
ข้ออ่อนกันสะเทือน
#6424
17/10/2021 part3

รีวิวบอท V.3 ระบบ Optimus + เงินจริง

ทำกำไรจาก 424.62 $ เป็น 487.12 $
กำไร 62.5 $ หรือ 2,086.88 บาท ใน 10 นาที

ดูคลิปคลิกเลย!!
https://www.youtube.com/watch?v=6yGEagTeJiw

- เงื่อนไขการขอรับบอทฟรี
- https://www.autobotfree.com

- เฟสบุคแฟนเพจ
- https://www.facebook.com/Binaryrooms

- ติดต่อสอบถาม Line : @autobotfree
- http://line.me/ti/p/@autobotfree
#6425
หุ้นไทยภาคเช้าปิดลบ 13.66 จุด รับแรงขายทำกำไรในหุ้นใหญ่ หลังราคาปรับขึ้นแรงพอสมควร รอติดตามผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 64 ที่จะทยอยประกาศ เริ่มจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกังวลเงินเฟ้อ เฟดลดมาตรการคิวอีในปีนี้

ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าวันที่ 19 ตุลาคม 2564 เคลื่อนไหวในแดนลบ รับแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่นำโดยกลุ่มท่องเที่ยว พลังงาน และธนาคารพาณิชย์ หลังราคาปรับขึ้นสูงพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา และจะเริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 เริ่มที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ ยังมีความกังวลภาวะเงินเฟ้อ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดการใช้มาตรการคิวอีภายในปีนี้ ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 1,630.26 จุด ลดลง 13.66 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.83% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 62,564.73 ล้านบาทขณะที่ ดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,649.66 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,629.32 จุด


หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

HENG ปิดที่ 3.02 บาท เพิ่มขึ้น 1.07 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,008.92 ล้านบาท

KBANK ปิดที่ 141.00 บาท ลดลง 4.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,716.98 ล้านบาท

SCC ปิดที่ 393.00 บาท ลดลง 9.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,278.00 ล้านบาท

AOT ปิดที่ 65.25 บาท ลดลง 1.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,773.91 ล้านบาท

BANPU ปิดที่ 12.80 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,617.40 ล้านบาท

 

หลักทรัพย์ที่กดดัชนีมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่

AOT ปิดที่ 65.25 บาท ลดลง 1.75 บาท มีผลต่อดัชนี -2.1659 จุด

PTT ปิดที่ 39.50 บาท ลดลง 0.50 บาท มีผลต่อดัชนี -1.2373 จุด

SCC ปิดที่ 393.00 บาท ลดลง 9.00 บาท มีผลต่อดัชนี -0.9356 จุด

KBANK ปิดที่ 141.00 บาท ลดลง 4.00 บาท มีผลต่อดัชนี -0.8211 จุด

PTTGC ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง 1.75 บาท มีผลต่อดัชนี -0.6836 จุด
#6427
WHART ประกาศเดินหน้าลงทุนเพิ่ม 3 โครงการ มูลค่ารวมไม่เกิน 5.55 พันล้านบาท มีพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 184,329 ตารางเมตร พร้อมเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินไปแตะที่ระดับ 48,000 ล้านบาท

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน (Sponsor) และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) (เพิ่มทุนครั้งที่ 6) เป็นกองทรัสต์ที่เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้าและโรงงาน ที่สัญญาระยะยาวส่วนใหญ่จากผู้เช่าหลากหลายแบรนด์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปในฐานะผู้สนับสนุนและผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ได้ขายสินทรัพย์เข้า WHART อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรูปแบบการพัฒนาโครงการของ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปจะโฟกัสที่โครงการ Built- to-Suit และ General Warehouses ที่มีมาตรฐานระดับพรีเมี่ยม รวมทั้งยังมีการให้บริการโซลูชั่นครบวงจร ทั้งระบบสาธารณูปโภค แพลตฟอร์มโครงสร้างด้านพลังงาน และระบบดิจิตอลโดยโครงการของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ความต้องการสูง ในบริเวณถนนบางนา-ตราดและพื้นที่ที่สอดรับกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งพื้นที่บนจุดยุทธ์ศาสตร์ดังกล่าวถือเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเป้าหมายหลักด้านโลจิติกส์ของประเทศไทย  

 

 

ทั้งนี้ในปัจจุบัน กองทรัสต์ WHART มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากการลงทุนในกรรมสิทธิ์สิทธิการเช่าและสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์ไปแล้ว 31 โครงการ หรือมีพื้นที่เช่าอาคารประมาณ 1,398,352 ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินรวมของที่ระดับ 42,638.93 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปที่ยังคงเป็นผู้สนับสนุนและผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ในการนำทรัพย์สินคุณภาพระดับพรีเมี่ยมเข้ากองทรัสต์ WHART ทุกปีต่อเนื่อง


"ในปีนี้ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปได้นำทรัพย์สินจำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ ดับบลิวเอชเอเมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ (วังน้อย 62) โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ (ถนนบางนา-ตราด กม. 23 โปรเจค 3) และ โครงการดับบลิวเอชเอ อี คอมเมิร์ซ พาร์คตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้ากองทรัสต์ WHART (เพิ่มทุนครั้งที่6) โดยทั้ง 3 โครงการ มีกลุ่มผู้เช่าในกลุ่มธุรกิจที่เติบโต อาทิ กลุ่มธุรกิจ E-Commerce , FMCG และ Logistic ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้อานิสงส์จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว"  

 

นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัดในฐานะผู้จัดการ WHART กล่าวว่า สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 6 เพื่อลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมครั้งที่7 เป็นการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมจำนวน 3 โครงการ มูลค่าไม่เกิน 5,550 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินหลักในครั้งนี้ จะส่งผลให้ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์แตะที่ระดับกว่า 48,000 ล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 1.58 ล้านตารางเมตร ซึ่งทำให้กองทรัสต์ WHART รักษาความเป็นผู้นำของกองทรัสต์ประเภทศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้าและโรงงานที่ใหญ่ที่สุดประเทศไทย อีกทั้งการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินหลักในครั้งนี้ ยังช่วยสร้างการเติบโตและมั่นคงให้กับรายได้ของกองทรัสต์อย่างมั่นคงและยั่งยืน และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นหน่วยอย่างสม่ำเสมอ

สำหรับความโดดเด่นของทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของโครงการที่กองทรัสต์WHART จะเข้าลงทุนเป็นโครงการคลังสินค้าประเภท Built-to-Suit จำนวน 2 โครงการ และโครงการประเภท General Warehouses จำนวน 1 โครงการ โดยมีพื้นที่เช่าอาคารรวม 3 โครงการประมาณ184,329 ตารางเมตร  ประกอบด้วยโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ (วังน้อย 62) ตั้งอยู่ที่ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ (ถนนบางนา-ตราด กม. 23 โปรเจค 3) ตั้งอยู่ที่อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ และโครงการดับบลิวเอชเอ อี คอมเมิร์ซ พาร์คตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา 

 

ขณะที่ การเพิ่มทุนของกองทรัสต์ WHART ครั้งนี้จะเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 385,898,000 หน่วย โดยจะเสนอขายให้แก่ ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์ที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 21 ต.ค.2564 ในอัตราส่วน 1 หน่วยทรัสต์เดิมต่อ 0.1181 หน่วยทรัสต์ที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติม สำหรับผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อ สามารถจองซื้อ ระหว่างวันที่ 8-12 พ.ย.2564 ซึ่งผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อสามารถจองซื้อตามสิทธิที่ได้รับจัดสรร เกินกว่าสิทธิ หรือน้อยกว่าสิทธิที่ได้รับการจัดสรรก็ได้และจะทำการชำระเงินจองซื้อที่ราคาสูงสุด 12.90 บาท/หน่วย และหากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่า ราคาสูงสุดจะทำการคืนเงินส่วนต่างราคาให้กับผู้จองซื้อ 

 

สำหรับประชาชนทั่วไป (Public Offering) ซึ่งเป็นบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ จะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 16-19 พ.ย.2564 โดยการจองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ K-My Invest หรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
#6428
ลูกอมพระแม่ธรณี

จัดสร้างจากดินใต้ฐานพระแม่ธรณี ผงมหาจักรพรรดิ และมวลสารอื่น ๆ ช่วยในเรื่องการขายบ้าน ขายที่ดิน
#6429
ลดกระหน่ำโควิด ขายบ้านเดี่ยว มณีรินทร์ 97วา 5.5ลบ. (บางคูวัด)ถนนเมน โทร 0837124115
#6433
BBIK เสริมทัพบุคลากรด้านไอทีกว่า 100 ตำแหน่ง หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขยายบริการ-รองรับเทรนด์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน พร้อมลงทุน Learning Academy Center คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 2/65

นายปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด (ORBIT Digital) เปิดเผยว่า หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) บริษัทฯ ได้รุกเสริมทีมงานบุคลากรด้านไอทีครั้งใหญ่ เพื่อรองรับแผนงานขยายธุรกิจด้านคอนซัลท์ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน เนื่องจากกระแสดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ทำให้องค์กรต้องเร่งยกระดับศักยภาพด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ส่งผลให้บลูบิค ในฐานะผู้ช่วยการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ต้องเร่งขยายทีมงาน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายการก้าวเป็นผู้นำบริษัทที่ปรึกษาด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันในระดับภูมิภาค  

ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว บลูบิค จึงต้องมีทีมบริหารและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาบริการที่สามารถแข่งขันได้ในทุกตลาดได้อย่างทันการณ์และทันสมัยที่สุด ภารกิจสำคัญของบริษัทจึงเป็นการขยายทีมงานที่ดูแลด้านการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี หรือ Digital Excellence and Delivery (DX) เพื่อยกระดับการส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลในด้านต่างๆ ให้ลูกค้า

"พนักงานที่มีคุณภาพและความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยี ถือเป็นหัวใจหลักขับเคลื่อนการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ บลูบิค จึงต้องการขยายทีมไอทีเพื่อเข้าไปช่วยลูกค้าองค์กร เพื่อให้การทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง ช่วยลดต้นทุนการสรรหาบุคลากรใหม่ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตในระยะยาว"

โดยปกติแล้ว ภารกิจด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน จะเป็นโครงการขนาดใหญ่มาก ซึ่งกระบวนการนี้จะเข้าไปแตะทุกภาคส่วนภายในองค์กร บลูบิคในฐานะที่ปรึกษาจึงต้องช่วยธุรกิจเตรียมความพร้อมในด้านเทคโนโลยี โดยทีม DXจะเข้าไปมีบทบาทเข้มข้นในส่วนสำคัญต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนาขีดความสามารถของฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีโดยตรง เช่น การยกระดับแผนกงานด้านไอทีของธุรกิจต่างๆ ที่เคยเป็นหน่วยงานเชิงรับ ให้เริ่มเป็นส่วนงานที่สร้างรายได้หรือสามารถสร้างและดูแลระบบดิจิทัลให้กับฝ่ายธุรกิจขององค์กรได้ หรือเข้าไปช่วยลดเวลาในการออกแบบและพัฒนาระบบขนาดใหญ่ เป็นต้น

ในปัจจุบัน บลูบิคมีพนักงานกว่า 150 คน และให้บริการลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ครอบคลุมธุรกิจหลากหลายภาคอุตสาหกรรม เช่น ธนาคาร ประกันภัย ค้าปลีก โทรคมนาคม เป็นต้น โดยบลูบิคมีอัตราการเติบโตแข็งแกร่ง ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขายและบริการ 126.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 30.06 ล้านบาท คิดเป็นอัตราทำกำไรสุทธิที่ 23.67%

ทั้งนี้ บลูบิคมุ่งเน้นการเป็นที่ปรึกษาด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร บริษัทจึงเปิดโอกาสให้กับบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนั้น ๆ ได้แก่ สายงานด้านการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery: DX) เช่นSoftware Engineer, Business Analyst, UX/UI Designer, Technical Lead, Software Tester, IT Project Manager, System Analyst, Solution Architect, Infrastructure Engineer และ สายงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Advanced Insights) เช่นData Scientist, Data Engineer, Cloud Architect, Data Architect, Data Governance, Data Consultant


สำหรับตำแหน่งงานที่เปิดรับครั้งนี้มีจำนวนกว่า 100 อัตรา จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานทั้งในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับบริษัทบลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด และบริษัท แอดเดนด้า จำกัด ซึ่งทำหน้าที่จัดหาและบริหารบุคลากรชั่วคราวด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT staff augmentation) เพื่อเข้าไปช่วยลูกค้าองค์กรในการยกระดับศักยภาพด้านเทคโนโลยี โดยให้บริการส่งบุคลากรไปปฏิบัติงานประจำ ณ ที่ตั้งของลูกค้า หรือสถานที่ที่ลูกค้ากำหนดตลอดระยะเวลาจ้างงาน ซึ่งบริการดังกล่าวนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มความคล่องตัว มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย โดยเฉพาะการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันเข้าไปขับเคลื่อนแผนงานอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง 

จุดเด่นของบลูบิคคือมาตรฐานการทำงานที่เทียบเท่ากับบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก มุ่งสร้างและส่งมอบงานที่ดีที่สุดให้ลูกค้าองค์กร ขณะเดียวกันยังมีวัฒนธรรมการทำงานแบบสตาร์ทอัพที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้างให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ด้วยรูปแบบโครงสร้างองค์กรแบบราบ หรือ Flat organization จึงทำให้พนักงานได้เรียนรู้และพัฒนาฝีมืออย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความก้าวหน้าในสายงานและการเลื่อนขั้นจึงขึ้นอยู่กับความสามารถของพนักงานมากกว่าความอาวุโส 

นอกจากนี้ บลูบิค ยังมีแผนลงทุนในการสร้างศูนย์การพัฒนาทักษะ (Learning Academy Center) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จเรียบร้อยภายในไตรมาส 2 ปี 2565 สำหรับให้บุคลากรได้เรียนรู้เนื้อหาขั้นสูงและทดลองปฏิบัติจริง เช่น Solution architect, Cloud Technology, Artificial Intelligence และ Blockchain เป็นต้น เพื่อสร้างทักษะและประสบการณ์ของบุคลากร ซึ่งสามารถนำไปช่วยพัฒนาบริการให้แก่ลูกค้าในการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน
#6434
หลังจากธุรกิจโรงภาพยนตร์ถูกปิดมานานกว่า 5 เดือน ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน เม.ย. 2564 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เกิดการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงระลอกที่ 3 ล่าสุด ทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้มีมติผ่อนคลายมาตรการให้โรงภาพยนตร์กลับมาเปิดได้ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

การกลับมาของโรงภาพยนตร์จะเป็นไปตามมาตรการควบคุมเข้มงวดขั้นสูงสุด COVID Free Setting เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ภายใต้เงื่อนไข โรงภาพยนต์เปิดให้บริการได้ถึง 3 ทุ่ม จำกัดผู้ชม 50% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด ต้องนั่งที่เว้นที่ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และห้ามรับประทานอาหารระหว่างรับชมภาพยนตร์

สำหรับธุรกิจโรงภาพยนตร์โดนพิษโควิด-19 เล่นงานแสนสาหัส  "บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)" หรือ "เมเจอร์"  ขาดทุนครั้งแรกในรอบ 20 กว่าปีขาดทุนต่อเนื่องมาแล้ว 6 ไตรมาส ซึ่งก่อนหน้านี้ เมเจอร์ฯ ปักหมุด ปี 2563 เป็นปีทอง เพราะรายได้ในช่วงที่ผ่านมาต่างเติบโตทุกปี สะท้อนจากยอดขายตั๋วชมภาพยนตร์ ปี 2560 ขายได้ 29.5 ล้านใบ, ปี 2561 ขายได้ 33 ล้านใบ และปี 2562 ขายได้ 36.5 ล้านใบ ดังนั้นปีนี้ 2563 ประเมินว่าจะสามารถทำได้ 40 ล้านใบได้ไม่ยาก แต่กลับเกิดการแพ่ระบาดโควิด-19

อย่างไรก็ตาม การกลับมาเปิดบริการรอบนี้ เมเจอร์ หวังพลิกโกยกำไร โดยปรับกระบวนทัพโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ประกาศ  Business Model ใหม่ด้วยกลยุทธ์ "3T" เพื่อผลักดันให้การเติบโตให้กลับมาโตแบบ "V Shape" ประกอบด้วย

1. Thai Movie ขยายการลงทุนในภาพยนตร์ไทย ซึ่งเมเจอร์มีฐานธุรกิจด้าน Content Provider ด้วยการร่วมทุนสร้างภาพยนตร์อยู่แล้ว และคอนเทนต์เหล่านี้สามารถนำมาต่อยอดขายในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งได้ ซึ่งทั้งสองช่องทางจะทำให้เมเจอร์มีฐานรายได้จากส่วนแบ่งกำไรในฐานะผู้สร้าง ซึ่งจะเข้ามาเสริมรายได้หลักจากการขยายตั๋วชมภาพยนตร์ โดยปี2564 จะผลิตภาพยนตร์ไทยเพิ่มขึ้นเป็น 20 กว่าเรื่อง จาก 6 ค่ายจากที่ผ่านมาผลิตปีละ 10–12 เรื่อง

2. Technology ขับเคลื่อนด้วยนโยบาย Major 5.0 เพื่อยกระดับองค์กรสู่ "Total Digital Organization" จะลงทุนไม่ต่ำกว่า 100–200 ล้านบาท ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์บริการแบบไร้สัมผัส เช่น การนำตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ E Ticket พัฒนาขึ้นมาใช้เป็นรายแรก และเตรียมต่อยอดสู่การเป็น Seamless Ticket ด้วยการซื้อตั๋วผ่านแอปพลิเคชั่น และนำมาสแกนที่ตู้เพื่อเข้าชมภาพยนตร์ได้ทันที

พัฒนาบัตรเงินสด M Cash เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงการชมภาพยนตร์ได้ง่ายขึ้น โดยเปิดขายตั๋วผ่านพาร์ทเนอร์ ทุกธนาคาร และระบบ Payment ต่างๆ พร้อมกับยกระดับแอปพลิเคชันเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ให้เป็น Super App เพื่อเป็นช่องทางขายตั๋วผ่าน Mobile Ticketing 100% ทั้งนี้เพื่อปรับสู่ Cashless ทั้งระบบรวมถึงนำระบบ AI & ML ในลักษณะ Movie Recommendation Engine เข้ามาพัฒนาโปรโมชั่นที่ตรงในแบบ Personalization หรือ One-on-One Offering เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่แตกต่างกัน เป็นต้น

3. Trading หลังจากทดลองจำหน่ายป๊อปคอร์นในช่องทาง Delivery ในงานอีเว้นท์และมาร์เก็ตเพลสอย่างช้อปปี้ ทำให้ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ มองถึงการข้ามไลน์เข้าสู่ค้าปลีก ด้วยการเปิดตัว "ป๊อปคอร์น พรีเมียม POPSTAR" 3 รูปแบบคือ แบบซอง, แบบเข้าไมโครเวฟ, และป๊อปคอร์นบรรจุกระป๋อง โดยจะจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด ที่ผ่านมาสัดส่วนรายได้จากป๊อปคอร์นมีกว่า 30% จากรายได้รวมของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ โดยปี 2562 มียอดขาย 2,000 กว่าล้านบาท จากช่องทางเดียวคือโรงภาพยนตร์ 172 สาขา

การกลับมาของโรงภาพยนต์ในเครือเมเจอร์ฯ จะดึดดูดผู้ชมด้วยหนังใหม่เตรียมลงโรงฉายอีกหลายเรื่อง เช่น No Time to Die ซึ่งถือเป็นการอำลาบทสายลับ "เจมส์ บอนด์ 007" ของ "แดเนียล เครก", Dune, Spider-man : No way Home ส่วนหนังไทยมีหลายเรื่องเช่นกันที่จ่อลงโรงส่งท้ายปี เช่น ร่างทรง, ส้มป่อย ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด, มนต์รักวัวชน, อโยธยา มหาละลวย ฯลฯ

อีกทั้ง ปลายปีจะมีหนังฟอร์มยักษ์ซึ่งฉายในต่างประเทศไปแล้วก่อนหน้านี้ เช่น Fast & Furious 9, Black Widow, The Suicide Squad 2, Jungle Cruise และ Shang-Chi and The Legend of The Ten Rings ที่โกยรายได้ติดอันดับ 1 Box Office เป็นต้น

โดยเปิดบริการเต็มรูปแบบภายใต้มาตรการสาธรณสุขปแบบ พนักงานทุกคนฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแและต้องตรวจ ATK ก่อนเริ่มงาน มีการตรวจวัดอุณหภูมิและล้างมือด้วยแอลกอฮลล์ก่อนใช้บริการ ภายโรงหนังจะจัดที่นั่งเว้นระยะห่าง 2 ที่นั่ง เว้น 2 ที่นั่ง ระหว่างแถวจัดที่นั่งแบบสลับฟันปลา มีการอบโอโซนในโรงหนังทั้งก่อนและหลังบริการ พร้อมทั้งปรับเป็นโรงภาพยนตร์แบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบ นำร่องให้บริการซื้อและชำระค่าบัตรชมภาพยนตร์แบบไร้เงินสดทุกสาขาใน กทม. และปริมณฑล ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564 เป็นต้นไป

สำหรับเบอร์รองในธุรกิจโรงภาพยนตร์  "บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)" หรือ "เอส เอฟ ซีเนม่า"  
ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย. 2564 เช่นเดียวกันนั้น น.ส. พิมสิริ ทองร่มโพธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่าโรงหนังเป็นธุรกิจกลุ่มแรกๆ ที่ต้องหยุดให้บริการ และมักจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ได้รับอนุญาตให้เปิดอยู่เสมอ แม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยมีคลัสเตอร์ที่เกิดขึ้นจากโรงหนัง

อย่างไรก็ตาม การกลับมาเปิดโรงภาพยนตร์เสิร์ฟหนังฟอร์มยักษ์เต็มอิ่มเช่นเดียวกัน และในแต่ละสัปดาห์มีหนังใหญ่รอเข้าโรงเกือบจะทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็น Black Widow, The Suicide Squad, No Time To Die, Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings, Fast & Furious 9, Eternals, Venom: Let There Be Carnage, The Matrix 4, Spider-Man: No Way Home, The King's Man รวมทั้ง โปรโมชั่นจากเอสเอฟและพาร์ทเนอร์แบบจัดเต็ม เป็นการต้อนรับทุกคนกลับสู่โรงหนังอีกครั้ง

ภายใต้คอนเซ็ปต์ Keep Caring, Keep Entertaining มอบความห่วงใย เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจ ปลอดภัย และมีความสุข ชูมาตรการด้านสาธารณสุขของโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ เตรียมความพร้อมด้านพนักงานที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว รวมถึงมีการตรวจคัดกรองด้วย Antigen Test Kit ก่อนเริ่มปฏิบัติงาน และในส่วนของโรงภาพยนตร์ได้รับการประเมินผ่านมาตรฐาน THAI STOP COVID PLUS (TSC+) ของกรมอนามัย พร้อมทั้งได้ติดตั้งอุปกรณ์หลอด UVC ภายในระบบปรับอากาศ และอบ Ozone เพื่อฆ่าเชื้อโรคภายในโรงภาพยนตร์ทั้งหมด นอกจากนี้ มีการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรค

สำหรับกลยุทธ์ของ เอส เอฟ คือการสร้างความแตกต่าง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในการชมภาพยนตร์ ขนานไปกับการใช้การตลาดแบบ Naming Sponsor เช่น Emprive Cineclub, CAT First Class Cinema, MasterCard Cinema, Zigma CineStadium, Happiness Cinema และ MX4D ซึ่งจะตอบโจทย์แบบ win-win ทั้งผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการ และพันธมิตร

อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าโรงภาพยนตร์จะล้มตายไปภายใน 5 ปี หลังสถานการณ์โควิด – 19 แต่ในสายตาผู้ประกอบการธุรกิจโรงภาพยนตร์มองต่างออกไป  นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ในประเด็นนี้ไว้ว่าธุรกิจโรงภาพยนต์มอบประสบการณ์ที่แตกต่าง อย่างในอดีตเราผ่านยุคเทปผีซีดีเถื่อน โหลดหนังเถื่อนดูฟรี หรือเว็บดูหนังเถื่อนดูฟรีออนไลน์ แต่โรงภาพยนต์ก็ยังได้รับความนิยมเสมอมา มาถึงในยุคนี้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเป็นกระแสใหม่ เสียค่าบริการรายเดือนรับชมคอนเทนต์หนังซีรีย์มากมาย แต่ความรู้สึกการรับชมแต่ต่างจากโรงภาพยนต์ที่เป็น Out of Home เปรียบเทียบกันไม่ได้เป็น Business Model ที่ต่างกัน อีกอย่าง สตรีมมิ่งดูไม่ดูก็ต้องจ่าย แต่โรงภาพยนตร์อยากดูค่อยจ่าย ซึ่งผู้สร้างรายใหญ่เองให้ความสำคัญกับการฉายในโรงภาพยนตร์เป็นลำดับแรก โดยเฉพาะกับหนังฟอร์มยักษ์ ต้องอาศัยระบบภาพและเสียง ที่ช่วยให้คอนเทนต์สมบูรณ์แบบกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ

 การรับชมในโรงภาพยนตร์เป็น Cinematic Experience เป็นสิ่งที่สตรีมมิ่งให้ไม่ได้ในปัจจุบัน แน่นอนว่า คุณภาพของภาพยนตร์ทั้งภาพและเสียงของสตรีมมิ่งขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ของแต่บ้าน ขณะที่โรงภาพยนตร์มีอุปกรณ์คุณภาพสูงราคาแพง พร้อมมอบประสบการณ์และสุนทรียภาพที่ดีที่สุดในการรับชม อย่างไรเสียการบรรยากาศในโรงหนังได้อรรถรสมากกว่า 


X


อย่างไรก็ตาม แม้โรงหนังกลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ แม้จะถวิลหาบรรยากาศในโรงภาพยนต์เพียงใด แต่ด้วยสถานการณ์การพร่ระบาดโควิด-19 ก็เป็นปัจจัยหยุดยั้งพฤติกรรมผู้บริโภคเอาไว้ ตลอดจนคอนเทนต์หนังและซีรีย์ใหม่ๆ มีให้เลือกรับชมผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์สตรีมมิ่งต่างๆ มากมาย

 สถิติปี 2562 ที่คนไทยใช้บริการวิดีโอสตรีมมิ่ง (Streaming) แบบบอกรับสมาชิก 1.33 ล้านราย ปี 2563 ที่ เพิ่มเป็น 1.52 ล้านราย และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ 

เริ่มตั้งแต่  Netflix ผู้ครองตลาดโลกด้วยจำนวนสมาชิก (subscription) กว่า 195 ล้านรายทั่วโลก และเป็นผู้นำในตลาดสตรีมมิ่งไทย คอนเทนต์ที่มีความหลากหลายทั้งใหม่และเก่า ออริจินัลคอนเทนต์ที่ดูได้แค่ในเน็ตฟลิกซ์ รวมถึง กลยุทธ์แบบ Think Local for Global สร้างคอนเทนต์ท้องถิ่นออกไปสู่สายตาของผู้ชมทั่วโลก

หรือสตรีมมิ่งน้องใหม่มาแรงอย่าง  Disney+ ที่มีคอนเทนต์ออริจินอลของดิสนีย์ มีภาพยนตร์และซีรีส์กว่า 700 เรื่อง จาก Pixar, Marvel, Star Wars, National Geographic ฯลฯ นอกจากนี้ยังมี VIU สตรีมมิ่งผู้ครองตลาดซีรีส์เกาหลี รวมถึง WeTV และ iQIYI กับคอนเทนต์ซีรี่ย์จีนมากมาย

นอกจากนี้ รอบปีที่ผ่านอุตสาหกรรมภาพยนตร์เคลื่อนไหวอย่างน่าจับตา มีการฉายภาพยนตร์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งพร้อมกับโรงภาพยนตร์มากขึ้น หรือฉายบนแฟลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่างเดียวก็มีให้เห็นกันบ้างแล้ว

 แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า Cinematic Experience หรือ ประสบการณ์การดูหนัง การรับชมในโรงภาพยนตร์เติมเต็มอรรถรสได้มากกว่า 
 
#6435
ข้อต่อท่ออ่อนสแตนเลส
ท่อรับการสั่น
ท่อรับการสะเทือน
ข้ออ่อนกันสะเทือน