• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Jenny937

#5941




นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบในหลักการมาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนและประชาชน ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอุดมศึกษา ภาครัฐและเอกชน ดังนี้

1. มาตรการให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ) กรอบวงเงิน 23,000 ล้านบาท สำหรับนักเรียนในระบบการศึกษาไทย ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 ดังนี้


-สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ปกครอง 2,000 บาท/นักเรียน 1 คน


-จัดสรรค่าใช้จ่ายให้แก่สถานศึกษาเพื่อช่วยจัดการเรียนรู้


-ลดหรือตรึงค่าใช้จ่ายในโรงเรียนเอกชนให้เท่ากับปีการศึกษา 63



2. มาตรการการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชน ของ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตกรรม (อว) กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท


กลุ่มเป้าหมาย คือ นิสิต/นักศึกษาชาวไทย ระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา ในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชน ระยะเวลา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
แนวทางการดำเนินการ


-สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ จะได้รับส่วนลดเป็นลักษณะร่วมจ่ายระหว่างรัฐและสถาบันอุดมศึกษาในอัตรา 6:4 โดยค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษาส่วนที่ไม่เกิน 50,000 บาท ลดร้อยละ 50 / 50,001 - 100,000 บาท ลดร้อยละ 30 และเกิน 100,000 บาท ลดร้อยละ 10 โดยส่วนลดสูงสุดรวมกันไม่เกินร้อยละ 50


-สถาบันอุดมศึกษาของเอกชน ค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา รัฐสนับสนุนในอัตรา 5,000 บาท/คน


นอกจากนี้ กระทรวง อว. ยังขอให้พิจารณาเพิ่มเติม ทั้งขยายเวลาผ่อนชำระ จัดหาอุปกรณ์/โปรแกรมสำหรับยืมเรียนออนไลน์ รวมทั้งลดค่าหอพักด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า ศธ. และ อว. จะได้เร่งจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับสนับสนุนแหล่งเงิน ตามขั้นตอนของ พ.ร.ก. กู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 รวมทั้ง จะมีการกำหนดกลไกการตรวจสอบยืนยันตัวตนของผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือและการจ่ายเงินให้ความช่วยเหลือผ่านระบบบัญชีธนาคาร พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจถึงหลักการและแนวทางการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนและประชาชนต่อไป
#5942




อาเซียนนัดประชุมต้น ส.ค.นี้ ติดตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 พร้อมเดินหน้าเพิ่มบัญชีสินค้าจำเป็นที่ห้ามจำกัดส่งออก นอกเหนือจากยา และเวชภัณฑ์ ลุยเศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างสภาพแวดล้อมด้านดิจิทัล และนัดคู่เจรจา 13 ประเทศ หารือเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ติดตามผลอัปเกรดเอฟทีเอ การทำเอฟทีเอกับแคนาดา

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า อาเซียนได้กำหนดจัดประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน หรือ SEOM ครั้งที่ 3/52 ในวันที่ 2-4 ส.ค. 2564 และการประชุมกับประเทศนอกภูมิภาค 13 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง สหรัฐฯ แคนาดา อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 5, 11 และ 16 ส.ค. 2564 ผ่านระบบประชุมทางไกล เพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEM ครั้งที่ 53 ในเดือน ก.ย. 2564

ทั้งนี้ การประชุม SEOM จะมีการติดตามการดำเนินงานสำคัญของอาเซียน โดยเฉพาะการเร่งฟื้นเศรษฐกิจภูมิภาคจากการระบาดของโควิด-19 การอำนวยความสะดวกทางการค้าเพื่อรักษาและส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน โดยพิจารณาขยายบัญชีสินค้าจำเป็นที่อาเซียนจะไม่จำกัดการส่งออกในช่วงโควิดเพิ่มเติมจากยา และเวชภัณฑ์ เช่น อาหาร รวมถึงการเพิ่มบทบาทอาเซียนเชิงรุกในการพัฒนาภูมิภาคให้ตอบรับกับแนวโน้มของโลก ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การพัฒนาสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค เพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว เป็นต้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมจะติดตามเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงานด้านเศรษฐกิจที่บรูไนฯ ในฐานะประธานอาเซียนผลักดันให้อาเซียนดำเนินการให้สำเร็จในปี 2564 ภายใต้แนวคิด "We care, we prepare, we prosper" ภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการฟื้นฟู ด้านการเป็นดิจิทัล และด้านความยั่งยืน รวม 13 ประเด็น เช่น การจัดทำเครื่องมือในการประเมินมาตรการที่มิใช่ภาษี (NTMs) ของประเทศสมาชิกอาเซียน การจัดทำแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และการจัดทำกรอบเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นต้น

สำหรับการประชุมอาเซียนกับประเทศนอกภูมิภาค 13 ประเทศ จะเน้นการหารือเพื่อเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน และมีประเด็นที่ต้องติดตาม เช่น การทบทวนความตกลงการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย การเปิดเสรีสินค้าเพิ่มเติมภายใต้พิธีสารยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน และการเตรียมการเสนอรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณาความเป็นไปได้การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา เป็นต้น

ทางด้านการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนในปี 2563 มีมูลค่า 94,623.83 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไปอาเซียน 55,454.28 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียน 39,169.54 ล้านเหรียญสหรัฐ เกินดุลการค้า 16,284.74 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 5 เดือนปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.) การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 45,267.41 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.44% โดยไทยส่งออกไปอาเซียน 26,224.69 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียน 19,042.71 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์
#5943



บริษัทเทสลา อิงค์ หรือ Tesla บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่มีมูลค่าแบรนด์เป็นอันดับ 1 ของโลก รายงานงบการเงินงวดไตรมาส 2/2564 เผยมีกำไรสุทธิเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ เป็นไตรมาสแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งขณะเดียวกันกลับขาดทุนจากการถือครองบิทคอยน์กว่า 23 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยประมาณ 758 ล้านบาท

จากการรายงานของ Cryptopotato ระบุถึงงบการเงินงวดบัญชี 2/2564 ของ Tesla, Inc ซึ่งถึงแม้ว่าบริษัทจะมีกำไรจากผลประกอบการในส่วนของการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ แต่ในทางกลับการด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลหรือ Crypto กลับพบว่า มีการขาดทุนจาก Bitcoin ถึงกว่า 758 ล้านบาท หรือ 23 ล้านดอลลาร์ จากตลาดขาลงในช่วงไตรมาส 2/2564 โดยบริษัทจัดประเภทของคริปโทเคอร์เรนซีในทางบัญชีเป็น "สินทรัพย์ไม่มีตัวตน ที่ไม่มีกำหนดอายุ"

ทังนี้ตามมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา นักบัญชีต้องบันทึกมูลค่าการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลของตน ณ เวลาที่จัดหา หากคริปโทเคอร์เรนซีราคาปรับขึ้นจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ตราบใดที่บริษัทยังคงถือไว้อยู่ ธุรกิจจะบันทึกรายการได้เฉพาะกรณีขายสินทรัพย์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาปรับลดลงบริษัทต้องบันทึกการลดลงของเงินลงทุน เป็นการด้อยค่าของสินทรัพย์ด้วยเช่นกัน

ขณะที่ อีลอน มัสก์ CEO ของ TESLA ได้กลับลำออกมายอมรับว่าลูกค้าสามารถชำระค่าสินค้าและบริการของเทสลาด้วยเหรียญบิทคอยน์ได้อีกครั้ง หากเหรียญคริปโตนั้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากพอ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้ปฏิเสธการรับชำระด้วยเหรียญบิทคอยน์โดยให้เหตุผลว่าบิทคอยน์นั้นใช้พลังงานจำนวนมากและส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์
#5944



ครั้งแรกของการผนึกกำลังของตัวจริงเรื่องชั้นในชาย เมื่อ เจ.เพลส (J.Press) หนึ่งในผู้ผลิตกางเกงชั้นในชายรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยกว่า 38 ปี การันตี คุณภาพระดับสากล ด้วยการผลิตสินค้าให้แบรนด์เนมระดับโลกมานับไม่ถ้วน และ "เบ้อเร่อ" (BERRER) เจ้าตลาดเสื้อผ้าผู้ชายไซส์ใหญ่ แบรนด์ดังสุดชิคในหมู่หนุ่มๆ ไซส์ เบ้อเร่อที่รักการแต่งตัวอย่างมั่นใจ เท่ในสไตล์ที่เป็นตัวเอง เปิดแคมเปญ "J.PRESS x BERRER สบายหนุ่มสไตล์เบ้อเร่อ" เอาใจหนุ่มไซส์ใหญ่ ด้วยกางเกงชั้นในคุณภาพเยี่ยมถึงสองรุ่น

กางเกงสองรุ่นนี้มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษ เนื้อผ้านุ่มสบาย ยืดหยุ่นสูง ระบายอากาศได้ดี รอบวงขานุ่มและช่วงขอบเอวเป็นผ้าไม่ระคายเคืองผิวสัมผัส และสามารถยืดได้สูงสุดถึง 56 นิ้ว ในขนาดตั้งแต่ 40"-44" / 44"-48" / 48"-52" / 52"-56" (นิ้ว) เอาใจคุณผู้ชายและคุณสาวๆ ที่ต้องดูแลหนุ่มๆ หุ่นเบ้อเร่อที่บ้าน

"J.Press x BERRER" มีด้วยกัน 2 รุ่น คือ รุ่น Perfect Style เป็นกางเกงในทรง Brief (ขาเว้า) มีสีขาวและเทาอ่อน เหมาะกับหนุ่มๆ ที่ต้องการความเนี๊ยบ ดีไซน์ขอบขา เว้าโอบกระชับ เคลื่อนไหวสะดวก ยืดหยุ่นกระชับแต่ไม่เจ็บต้นขา และ รุ่น Strong Style เป็นกางเกงในทรง Trunk (ขาสั้น) มีสีดำและสีเทาเข้ม สำหรับคนรุ่นใหม่ไลฟ์ สไตล์ลุยๆ ด้วยทรงขายาวเข้ารูป แต่วงขานุ่มด้วยการตัดเย็บชั้นเยี่ยม ช่วยป้องกัน การเสียดสีต้นขาได้ดี ปลายขากระชับ ใส่สบายไม่อึดอัด ในราคา 590 บาท / แพค 2 ตัว
#5947
คิดจะถมที่ ปลูกบ้าน หรือ สร้างโรงงาน ยินดีให้คำปรึกษา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ทิ้งงาน 080-022-3804
#5948
www.programlike.com
ปั้มไลค์ แฟนเพจ, ไลค์โพส, แชร์โพสต์, ยอดวิววิดีโอ
#5949
www.programlike.com
ปั้มไลค์ แฟนเพจ, ไลค์โพส, แชร์โพสต์, ยอดวิววิดีโอ
#5950
ออสซี่ออยล์
#5951


แม้ในห้วงวิกฤติเศรษฐกิจที่มีผลจากการหดตัวลงของการค้าทั่วโลก เนื่องจากการแพร่ระบาดของเจ้าไวรัสโควิด-19 ที่ทำเอาการค้าอัญมณีและเครื่องประดับหัวทิ่มหัวตำไปตามๆกัน ไม่จำเพาะแต่บ้านเราที่ถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งการขายอัญมณีพลอยก้อน พลอยร่วง (พลอยที่ยังไม่เข้าตัวเรือนเป็นเครื่องประดับ) และที่นำโด่งกว่าใครๆก็คือการเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องประดับเงิน ซึ่งถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย

นับตั้งแต่โควิด-19 ทำพิษมาตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงสิ้นปี 2563 การค้าเครื่องประดับและอัญมณีดิ่งหัวลงสวนทางกับการแพร่กระจายของไวรัส เพราะในปีที่ผ่านมาทั้งโลกยังคงตระหนกกับการกลายพันธุ์ของไวรัส และจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น

มาในปีนี้ หลายประเทศได้มีการฉีดวัคซีนกันไปแล้ว แม้จะไม่สามารถสร้างให้เกิด Herd Immunity หรือภูมิคุ้มกันหมู่ได้อย่างทฤษฎี แต่ประเทศในแถบยุโรป และหลายรัฐในอเมริกา ก็เริ่มปลดล็อคและหันมาทำการค้าการขายกันได้มากขึ้น แม้จะไม่มากเหมือนในช่วงเวลาก่อนการระบาดของโควิดก็ตาม อัญมณีและเครื่องประดับก็มีแนวโน้มจะกลับมาสร้างความสดใสให้กับผู้บริโภค หลังจากที่ต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านมาเป็นเวลาแรมปี

บ้านเราซึ่งเป็นแหล่งค้าพลอยอันดับโลก พลอยได้รับอานิสงค์ของการเปิดให้ทำการค้าขายด้วย โดยพลอยร่วงของบ้านเราก็ทำการเจียระไน และส่งออกไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะในทางยุโรปเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะส่งไปยังสหราชอาณาจักร สูงขึ้นถึงร้อยละ 53.71 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (มกราคม - พฤษภาคม 2563) ในทำนองเดียวกันตลาดอย่างประเทศออสเตรเลีย ไทยเราก็ขายไปให้เขาได้สูงขึ้นถึงร้อยละ 456.21 มากถึงสี่เท่าครึ่งทีเดียว ตลาดเก่าและตลาดใหม่ ที่เพิ่มสูงขึ้นนี้มีทั้งตลาดที่ยังคงมีอัตราการติดเชื้อสูง และมีทั้งประเทศที่มีอัตราการระบาดยังคงต่ำอยู่ ซึ่งทำให้ทิศทางของพลอยสีบ้านเรานั้นมีทางรอดจากทั้งสองตลาดนี้ได้

สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ
สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ


มาถึงพระเอกของตลาดเครื่องประดับกันบ้าง เรามีชื่อเสียงด้านการผลิตและส่งออกเครื่องประดับเงินมาอย่างยาวนาน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่สามารถควบคุมโควิด หรือปรับเปลี่ยนการดำรงชีวิตให้อยู่กับไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตเกือบเป็นปกติ โดยมีการปรับพฤติกรรมแบบ New normal ส่งผลให้การส่งออกเครื่องประดับเงินของบ้านเรานั้น มีทิศทางสดใสขึ้นแบบอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าทีเดียว โดยเฉพาะเครื่องประดับเงินที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และ ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงร้อยละ 20.26 นำเม็ดเงินมูลค่าถึง 620.91 ล้านเหรียญสหรัฐ เข้ามาในเมืองไทย พอให้ผู้ผลิตสินค้าเครื่องประดับเงินพอได้หายใจคล่องขึ้น

แต่จากการลองสำรวจ พบว่า แนวโน้มผู้บริโภคสินค้าเครื่องประดับเงิน จะซื้อสินค้าที่มีขนาดและราคาย่อมเยาลง ดังนั้นผู้ประกอบการเครื่องเงินจึงต้องประคับประคองตัวด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ถูกใจตลาดมากแบบยิ่งขึ้น และเมื่อราคาต่อชิ้นถูกลง แน่นอนว่าระดับของอายุผู้ใช้เครื่องประดับเงินก็น่าจะขยายวงกว้างมากขึ้นอีกด้วย

หันมาดูการสนับสนุนจากภาครัฐ จะเห็นได้ว่าเราพยายามจะต่อรองกับนานาชาติในภาพรวม เป็นลักษณะข้อตกลงทางการค้าทวิภาคี หรือพหุภาคี หรือถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ รัฐบาลของเราไปตกลงกับรัฐบาลผู้นำเข้าสินค้าของเราให้ลดข้อจำกัดในการนำเข้าลง เช่น ลดภาษี หรือส่งเสริมให้มีการซื้อขายแบบจับคู่ เราซื้อเขา เขาซื้อเรา

แต่ทว่า การตกลงกันในระดับรัฐบาล ต่อ รัฐบาล ในวันนี้ก็อาจจะยังไม่พอ จึงได้มีความพยายามที่จะลงลึกและกว้างลงไปถึงการไปเจรจากับระดับเมืองกันเลยทีเดียว ล่าสุด เรารู้ว่าชาวโคฟุ เมืองยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในภูมิภาคชูบุ แหล่งปลูกองุ่นเคียวโฮ ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยเฉพาะสถานที่มีชื่อเสียงอย่างทะเลสาบคาวากุจิโกะ ที่มีจุดถ่ายรูปฟูจิซัง หรือภูเขาไฟฟูจิอันสวยงาม ดินแดนอันมีมนต์เสน่ห์แห่งนี้ยังมีความสามารถเรื่องการทำตัวเรือนเครื่องประดับ และเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับชั้นนำของญี่ปุ่น ที่มีช่างฝีมือมากมาย อีกทั้งเมืองแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงด้านการทำคริสตัลที่อย่างยาวนาน



การมีข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทย และเมืองโคฟุ นั้นเท่ากับเป็นการเข้าไปล้วงถึงตับ ล้วงถึงแหล่ง ของคนที่ต้องนำเอาพลอยไปใช้จริง แนวโน้มเช่นนี้ จึงเป็นกลยุทธ์ที่เรียกกันว่า "เปิดโอกาสการค้า พัฒนาพันธมิตรเมืองรอง" อันจะทำให้เราสามารถเจรจาโดยตรงกับคนใช้งาน ไม่ต้องผ่านชั้นขั้นตอนต่างๆ ให้เสียเวลา เพราะการค้าต้องทำอย่างรวดเร็ว การยิงลูกตรงเพื่อไปตุงตาข่ายฝ่ายผู้ซื้อแบบนี้ช่วยให้เราสามารถสร้างยอดขายได้อย่างไม่ยากนัก

การลงนามความร่วมมือเชิงลึกในระดับเมืองของประเทศที่มี FTA กันแบบเดิม บวกกับนโยบายการรุกคืบแบบ พันธมิตรเมืองรอง ทำให้การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่าง SME ทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตรงเป้า และเชื่อได้ว่านี่ไม่ได้เป็นเพียงคู่เจรจาเดียวที่จะเกิดขึ้น แต่จะเกิดขึ้นกับเมืองรองอื่นๆ โดยตรงต่อไป

ไทยรวมพลังฝ่าฟันวิกฤติด้วยธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ที่ร่วมประสานการขับเคลื่อนโดย หน่วยงานภาครัฐ สมาคมการค้า สมาคมผู้ผลิต และประสานความร่วมมือจากสถาบันแห่งชาติด้านอัญมณี อย่างสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT น่าจะทำให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยฝ่าวิกฤตินี้ไปได้ อย่างไรก็ดีการโต้คลื่นเศรษฐกิจในปัจจุบัน เราจำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกด้าน การควบคุมค่าใช้จ่าย และพัฒนาด้านแรงงานให้มีประสิทธิภาพ จะเป็นทิศทางสู่การรอดจากวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
#5952


ในยุคทองแห่งการขายออนไลน์แบบนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่กำลังเรียนหนังสือและอยากมีรายได้เสริมไปด้วย การขายของออนไลน์จึงเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นที่ดีที่ช่วย สร้างรายได้ตั้งแต่วัยเรียน อีกทั้งถือเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

ภายในงาน LINE SHOPPING Academy Bootcamp ผู้เข้าร่วมจะได้รับการติวเข้ม และได้ฟังการแชร์ประสบการณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแนะเส้นทางเริ่มขายของออนไลน์จากทีมงาน LINE ประเทศไทยโดยตรง รวมถึงเหล่าวิทยากรชื่อดังที่มากประสบการณ์ และตบท้ายด้วยการร่วมพูดคุยกับเจ้าของ Brand ที่มียอดขายปังบน LINE SHOPPING ได้แก่ ร้าน TRES, COPPER.BKK และ Dairy Home ซึ่งจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับผู้เริ่มต้นก้าวเข้าสู่การเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เจเนอเรชั่นใหม่

โดยงานนี้จะจัดขึ้นใน วันศุกร์ที่ 30 กรกฏาคม 2564 เวลา: 10:00 น. - 16:00 น.
ช่องทาง: สัมมนาออนไลน์ โดยหลังจากลงทะเบียนแล้ว ให้คลิกเข้าร่วม OpenChat เพื่อรับลิงก์เข้าเรียน​

เนื้อหาของบูทแคมป์
10.00 น. - 10.15 น. เริ่มกิจกรรมและเข้าเรียน
10.15 น. - 10.45 น. "สร้างรายได้จากการขายของออนไลน์ เริ่มต้นที่ LINE" โดยทีมงาน LINE ประเทศไทย
11.00 น. - 11.30 น. "Digital Marketing สำหรับ New Gen เริ่มขายของออนไลน์" ​โดย คุณโซอี้ Digital Shortcut
11.30 น. - 12.00 น. "Content ตรงใจ สื่อสารตรงจุด เพิ่มยอดขายเห็นๆ" ​โดย คุณเอิ้น iT24Hrs - ไอที 24 ชั่วโมง
12.00 น. - 13.00 น. ----- พักกลางวัน -----
13.00 น. - 13.30 น. "เริ่มต้นการขายของบน LINE SHOPPING" โดยทีมงาน LINE ประเทศไทย
13.45 น. - 15.30 น. Brand Talk พูดคุยกับแบรนด์สุดปัง แชร์ประสบการณ์เป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์วัยเรียน
15.30 น. - 16.00 น. กิจกรรมแจกรางวัลและปิดงาน

โดยมีวิทยากรท่านแรก คือ คุณโซอี้ ภญ.โสภา พิมพ์สิริพานิชย์ LINE Certified Coach และ เจ้าของเพจ โซอี้ Digital Shortcut : การตลาดออนไลน์ มามอบความรู้ในหัวข้อ "Digital Marketing สำหรับ New Gen เริ่มขายของออนไลน์" เผยเทคนิคการตลาดออนไลน์สำหรับร้านค้ามือใหม่ให้เปิดร้านก็ได้อย่างง่ายๆ



วิทยากรท่านที่สอง คุณเอิ้น ดร.ปานระพี รพิพันธุ์ จากเพจ iT24Hrs - ไอที 24 ชั่วโมง มามอบความรู้ในหัวข้อ "Content ตรงใจ สื่อสารตรงจุด เพิ่มยอดขายได้เห็นๆ"  เจาะลึกการสร้างคอนเทนต์ สื่อสารกับลูกค้าให้ตรงจุด ช่วยให้ร้านขายดีกันแน่นอน
#5955
คิดจะถมที่ ปลูกบ้าน หรือ สร้างโรงงาน ยินดีให้คำปรึกษา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ทิ้งงาน 080-022-3804