• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Chanapot

#5387
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#5388
ติดต่อคุณเป้ง โทร & Line ID.087-347-6299

รับทำบัญชีนนทบุรี  รับทำบัญชีบางกรวย  รับทำบัญชีบางใหญ่  รับทำบัญชีบางบัวทอง  รับทำบัญชีไทรน้อย รับทำบัญชีบริษัทจำกัด  รับทำบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด  รับทำบัญชีและยื่นภาษี  สำนักงานบัญชี  รับงานบัญชี
#5389
กทม.ตรวจคัดกรองเชิงรุกเชื้อโควิด-19 ทั่วกรุงพร้อมให้การรักษาพยาบาล

นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ในประเทศไทยที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากขึ้น เพื่อเป็นการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กรุงเทพมหานครได้เปิดจุดตรวจคัดกรองเชิงรุกเชื้อโควิด-19 กระจายหมุนเวียน ในพื้นที่ 50 เขต เพื่อคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อและอำนวยความสะดวกประชาชน โดยในวันที่ 22 ม.ค.65 ตรวจ 2 ชุมชน วันที่ 23 ม.ค.65 ตรวจ 3 ชุมชน วันที่ 24 ม.ค.65 ตรวจ 7 ชุมชน วันที่ 25 ม.ค.65 ตรวจ 11 ชุมชน วันที่ 26 ม.ค.65 ตรวจ 20 ชุมชน วันที่ 27 ม.ค.65 ตรวจ 12 ชุมชน วันที่ 28 ม.ค.65 ตรวจ 20 ชุมชน วันที่ 29 ม.ค.65 ตรวจ 1 ชุมชน วันที่ 30 ม.ค.65 ตรวจ 1 ชุมชน และวันที่ 31 ม.ค.65 ตรวจ 3 ชุมชน รวมทั้งสิ้น 80 ชุมชน

สำหรับรูปแบบการตรวจคัดกรองจะใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งสามารถรู้ผลภายใน 30 นาที แต่หากมีผลเป็นบวก คือ ติดเชื้อ หรือมีอาการน่าสงสัยจะส่งเข้ากระบวนการตรวจซ้ำด้วยวิธี RT-PCR ต่อ ณ จุดตรวจเดียวกัน พร้อมให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้นก่อนส่งต่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และให้คำแนะนำในการแยกกักที่บ้าน (Home Isolation : HI) พร้อมมอบชุด HI แก่ผู้ป่วยที่สามารถกักตัวที่บ้านได้ โดยการจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดออกซิเจน

สำหรับผู้ติดเชื้อมีอาการเปลี่ยนแปลง หรือไม่สามารถแยกกักที่บ้านได้ จะนำส่งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation : CI) หรือส่งไปยังโรงพยาบาลสนาม หรือส่งต่อรักษาในโรงพยาบาลตามระดับความรุนแรงของอาการต่อไป ทั้งนี้ สิ่งที่ประชาชนต้องเตรียมมา ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน ปากกาหมึกสีน้ำเงิน และขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันสุขอนามัยส่วนบุคคล (D-M-H-T-T-A) อย่างเคร่งครัด
#5391
curma max เค อ ม่า แม็ ก ซ์ เครื่องดื่มสมุนไพรสกัดเข้มข้นจากขมิ้นชัน พริกไทยดำ บร็อคโคลี่ และสารสำคัญอื่นๆ ช่วยอาการกรดไหลย้อน กระเพาะอาหารอักเสบ และช่วยบำรุงตับ ลดอาการจุก เสียด แน่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
#5392
ติดต่อสอบถาม

โทร 0846623662

ไลน์ไอดี  teerapat999

สนใจสั่งซื้อได้ที่   https://bit.ly/3EL1ffe
#5395
CPANEL ชูกลยุทธ์ Technology Driven ลุ้นทำนิวไฮ 2 ปีซ้อน ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 25%

CPANEL เปิดแผนธุรกิจปี 65 ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี (Technology Driven) ยกระดับความสามารถการแข่งขัน ลุ้นผลประกอบการทำนิวไฮ ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 25% พัฒนาเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการดำเนินงาน หนุนความสามารถการทำกำไร พร้อมขยายฐานลูกค้าอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ โชว์ Backlog 1,190 ล้านบาท ไตรมาสแรกจ่อเซ็นสัญญาลูกค้าเพิ่มกว่า 200 ล้านบาท

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด มหาชน (CPANEL) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยี (Technology Driven) เพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการดำเนินงาน ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายผลประกอบการทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 25%

สำหรับแผนการดำเนินงานปี 65 บริษัทจะดำเนินการพัฒนาเครื่องจักรที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งเรื่องการออกแบบ ความรวดเร็ว ปริมาณ และคุณภาพ Precast Concrete เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าได้มากขึ้น รวมถึงลดความผิดพลาด ความสูญเสียในการผลิต

นอกจากนี้ ยังมีแผนนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในการประสานงานกับลูกค้า การบริหารจัดการภายใน ลดต้นทุน ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่างๆ ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถการทำกำไรมากขึ้น

ส่วนแผนการขยายฐานลูกค้า บริษัทยังคงรักษากลุ่มลูกค้าเดิมและเดินหน้าทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นกลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ที่มีแนวโน้มขยายโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,190 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 74% แนวสูง 16% ทยอยรับรู้ภายใน 3 ปี นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 1/65 บริษัทอยู่ระหว่างรอสัญญาจากลูกค้าแนวราบ 4 ราย แนวสูง 2 ราย มูลค่ารวมประมาณ 200 ล้านบาท

ขณะที่ ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณที่ดี เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศเริ่มทยอยฟื้นตัว กำลังซื้อผู้บริโภคกลับมาในหลายพื้นที่ ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการปลดล็อค LTV ส่งผลให้โครงการบ้านยังเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าของบริษัท ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จึงวางแผนการลงทุนโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะใช้ Precast Concrete มากขึ้น

"จากแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าการแข่งขันของผู้ประกอบการจะยิ่งสูงขึ้น โดยต้องการความรวดเร็วในการส่งมอบงานได้ทันเวลา ลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน อีกทั้งสามารถรักษาเงินทุนหมุนเวียน (Working Cap) ในการดำเนินงานได้

Precast Concrete สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดี เนื่องจากเทคโนโลยีกระบวนการผลิตที่สั้น ตั้งแต่ออกแบบจนถึงส่งมอบบ้านหลังแรกได้ภายใน 15 วันและหลังถัดไปได้ประมาณ 7 วันนับจากวันที่ลูกค้ายืนยันแบบ CPANEL จึงได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้" นายชาคริต กล่าว
#5399
ttb analytics คาดผู้ประกอบการร้านอาหารปี 2565 แบกรับต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นกว่า 9-12% ของรายได้ แนะรัฐฯ ดูแลราคาสินค้าวัตถุดิบ พร้อมหนุนกำลังซื้อผู้บริโภค

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินผู้ประกอบการ SMEs ร้านอาหาร ต้องแบกต้นทุนจากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 9-12% คิดเป็นมูลค่า 2.1 - 2.7 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (Micro) ถูกกระทบสูงสุดกว่า 3 แสนรายจากฐานรายได้ต่ำ แนะรัฐฯ ดูแลราคาสินค้าวัตถุดิบ พร้อมหนุนกำลังซื้อผู้บริโภค

ปี 2565 ผู้ประกอบการอาหารโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs เผชิญโจทย์ท้าทายใหญ่ด้านราคาวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารเพื่อจำหน่ายมีราคาเพิ่มขึ้นพร้อมกันหลายรายการ โดยมีการทยอยปรับขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารต้องแบกภาระเพิ่ม ทั้งนี้ พบว่าจากผู้ประกอบการอาหารกลุ่ม SMEs ทั้งหมดจำนวน 335,758 ราย ซึ่งส่วนใหญ่มีความเปราะบางทางการเงินและขนาดรายได้ที่ไม่สูง ได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดย่อย (Micro) ที่มีสัดส่วนผู้ประกอบการสูงถึง 90.4%

ttb analytics ประเมินผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนและรายได้ โดยการวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุนด้วยตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิต (Input-Out table) และแนวโน้มราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบปัญหา Supply Shock รวมถึงทิศทางราคาวัตถุดิบอยู่ในระดับสูงในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 โดยพบว่าต้นทุนกลุ่ม SMEs ร้านอาหารอยู่ที่ 67.3% และมีกำไรขั้นต้นที่ 32.8% ทั้งนี้ ปัญหาราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาทำให้ต้นทุนการขายเพิ่มสูงขึ้นเป็น 76.0 - 78.6% ส่งผลให้กำไรลดลงเหลือเพียง 21.2% - 23.9% กลุ่มผู้ประกอบการขนาดย่อยที่มีฐานรายได้ไม่สูงเริ่มได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนและมีความจำเป็นต้องขึ้นราคาค่าสินค้าอาหาร เพื่อรักษาระดับกำไรให้มีความใกล้เคียงกับภาวะก่อนเกิดวิกฤตต้นทุนค่าสินค้าแพงในยุคปัจจุบัน

ทั้งนี้ รายได้ประมาณการของผู้ประกอบการ SMEs ร้านอาหารปี 2565 อยู่ที่ 2.35 แสนล้านบาท โดย ttb analytics ประเมินว่าต้นทุนที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับเพิ่มขึ้นราว 2.1-2.70 หมื่นล้านบาทต่อปี ทำให้กำไรลดลง โดยข้อมูลจาก สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พบว่า กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยมีมากถึง 303,490 ราย เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบชัดเจนที่สุดจากฐานรายได้ที่ไม่สูงด้วยค่าเฉลี่ยราว 41,500 บาทต่อเดือน เมื่อต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรอาจไม่เพียงพอกับค่าครองชีพ ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยอาจต้องทยอยเริ่มปรับราคาสินค้าเพื่อรองรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมภาระให้กับภาคประชาชนที่ยังคงไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ในหลายระลอกที่ผ่านมา รวมถึงกลุ่มผู้บริโภครายได้น้อยที่ต้องถูกลดทอนกำลังซื้อลงจากปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น

สำหรับแนวทางเพื่อรับมือภาวะต้นทุนแพง ที่ภาครัฐสามารถเข้าไปช่วยดูแลช่วยเหลือ SMEs ได้แก่

โครงการช่วยเหลือของภาครัฐที่ตอบโจทย์ปัญหา โดยสามารถเร่งรัดโครงการช่วยเหลือไปยังกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น นโยบายคนละครึ่งเฟส 4 เนื่องจากเงินอุดหนุนในโครงการนี้ นอกจากเป็นการช่วยภาระค่าใช้จ่ายภาคประชาชนแล้ว ยังสามารถส่งผ่านไปยังผู้ประกอบการได้โดยตรง
นโยบายดูแลควบคุมราคาสินค้าวัตถุดิบให้สอดคล้องกับอุปสงค์และอุปทานของตลาด ภาครัฐอาจขอความร่วมมือผู้ประกอบการรายกลางและรายใหญ่ในการตรึงราคาชั่วคราว เนื่องจากผู้ประกอบการสองกลุ่มดังกล่าวมีฐานรายได้ที่สูงจึงยังสร้างกำไรสุทธิที่เพียงพอสำหรับกิจการ รวมถึงรัฐควรมีนโยบายเพื่อจัดการปัญหาต้นทุนแพงเพื่อรองรับสถานการณ์หลังเม็ดเงินจากนโยบายช่วยเหลือหมดลง เช่น การตรึงราคาวัตถุดิบอื่นที่ไม่มีปัญหาเรื่องอุปทานสินค้า เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ หรือ เครื่องปรุงแต่งอาหาร นอกจากนี้ การรณรงค์การบริโภคกลุ่มเนื้อสัตว์ที่มีระยะเลี้ยงสั้น เพื่อเป็นสินค้าทดแทนในช่วงการขึ้นของราคาวัตถุดิบ
การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล ผู้บริโภคควรเริ่มจัดการบริหารค่าใช้จ่ายให้มากขึ้น เช่น ครอบครัวใหญ่อาจเริ่มหันมาประกอบอาหารเองเพื่อลดต้นทุน รวมถึง เลือกใช้วัตถุดิบทดแทนที่ราคายังไม่ปรับตัวสูง เพื่อเป็นการลดรายจ่าย ส่วนผู้ประกอบการสามารถปรับลดสัดส่วนวัตถุดิบราคาแพง แล้วหันไปใช้วัตถุดิบทดแทนเพิ่มขึ้น เพื่อลดต้นทุนเฉลี่ย ซึ่งหากมีการเลือกใช้วัตถุดิบทดแทน อาจทำให้สินค้าที่ปรับราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะนี้ มีแนวโน้มปรับขึ้นช้าลงหรืออาจปรับลดในระยะเวลาอันใกล้นี้ที่สั้นลง
#5400
บลจ.ไทยพาณิชย์ ประกาศจ่ายปันผล 12 กองทุน ทั้งหุ้นไทยและหุ้นเทศ จ่าย 20 และ 24 ม.ค. นี้ มองบวกหุ้นโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง

นายอาชวิณ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ จำนวน 12 กองทุน รวมมูลค่ากว่า 390 ล้านบาท ประกอบด้วย

หุ้นไทย 11 กองทุน สำหรับงวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ก.ค. 2564 - 31 ธ.ค. 2564 กำหนดจ่ายปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมกันเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา ได้แก่ SCBLT1 (ชนิดหุ้นระยะยาว) จ่ายในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 28) รวมจ่ายปันผลแล้ว 6.3850 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 21 ต.ค. 2547) ทั้งนี้ กองทุนนี้จัดเป็นกองทุน 4 ดาว ประเภท Thailand Fund Equity Large-Cap ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2564), SCBLT1-2020 (ชนิดปี 2020) จ่ายในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 2) รวมจ่ายปันผลแล้ว 1.20 บาทต่อหน่วย และ SCBLT1-SSF (ชนิดเพื่อการออม) จ่ายในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 2) รวมจ่ายปันผลแล้ว 0.70 บาทต่อหน่วย โดยทั้งสามกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี 70% และตราสารหนี้คุณภาพ 30%

SCBLT2-SSF (ชนิดเพื่อการออม) จ่ายในอัตรา 0.45 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 3) รวมจ่ายปันผลแล้ว 1.4250 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 21 ต.ค. 2547) กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ, SCBLT3-SSF (ชนิดเพื่อการออม) จ่ายในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 3) รวมจ่ายปันผลแล้ว 1.09 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 12 ต.ค. 2548) กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูง, SCBLT4 (ชนิดหุ้นระยะยาว) จ่ายในอัตรา 0.10 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 19) รวมจ่ายปันผลแล้ว 3.92 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 27 มิ.ย. 2550), SCBLT4-2020 (ชนิดปี 2020) จ่ายในอัตรา 0.10 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 2) รวมจ่ายปันผลแล้ว 2.10 บาทต่อหน่วย และ SCBLT4-SSF (ชนิดเพื่อการออม) จ่ายในอัตรา 0.10 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 2) รวมจ่ายปันผลแล้ว 0.45 บาทต่อหน่วย โดยทั้งสามกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูง และหุ้นต่างประเทศไม่เกิน 35%

SCBLTT (ชนิดหุ้นระยะยาว) จ่ายในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 22) รวมจ่ายปันผลแล้ว 5.39 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 27 มิ.ย. 2550), SCBLTT-2020 (ชนิดปี 2020) จ่ายในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 2) รวมจ่ายปันผลแล้ว 1.20 บาทต่อหน่วย และ SCBLTT-SSF (ชนิดเพื่อการออม) จ่ายในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 2) รวมจ่ายปันผลแล้ว 0.70 บาทต่อหน่วย ทั้งสามกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูง และหุ้นที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ

ส่วนกองทุนต่างประเทศ 1 กองทุนเป็นประเภทกองทุนอสังหาริมทรัพย์ สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2564 - 31 ธ.ค. 2564 กำหนดจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยในวันที่ 24 ม.ค. 2565 ได้แก่ SCBGPROP จ่ายในอัตรา 0.3709 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 12 ) รวมจ่ายปันผลแล้ว 2.1614 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 4 ต.ค. 2559) กองทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ BGF World Real Estate Securities (กองทุนหลัก) ภายใต้การบริหารจัดการของ BlackRock Investment Management (UK) Limited โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนใน REIT ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือหลักทรัพย์ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่มีสัดส่วนในสหรัฐฯ และในยุโรป

นายอาชวิณ กล่าวถึงภาพรวมตลาดว่า ถึงแม้ในปี 2565 ตลาดหุ้นทั่วโลกอาจจะเผชิญแรงขายจากนักลงทุนซึ่งเกิดจากความกังวลในเรื่องการชะลอการทำ QE Tapering และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติได้เทขายหุ้นไทยไปแล้วเป็นจำนวน 3.1 แสนล้านบาท ดังนั้นผลกระทบจาก QE Tapering จะมีอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ประกอบกับตลาดหุ้นไทยนั้นมีโอกาสฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาและผลกระทบของ Covid-19 มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง

อย่างไรก็ตาม ตลาดอาจมีผลกระทบในเชิงจิตวิทยาจากการที่นักลงทุนอาจมีการขายหุ้นทำกำไรในภูมิภาคที่มีการปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่จะกดดันตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2565 จะมาจากเรื่องการกลายพันธุ์ของ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่อาจจะทำให้วัคซีนที่ประชาชนได้รับมีประสิทธิภาพลดลง รวมถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีน และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกลุ่มสินทรัพย์ REIT นั้นยังคงได้รับผลประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป ที่มีการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้น โดยจากข้อมูลในอดีต ค่าเช่าสินทรัพย์สามารถให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นในระยะยาวได้