• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Cindy700

#2841


วินิซิอุส จูเนียร์ กลายเป็นซูเปอร์ซับ ลงไปยิงคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ รีล มาดริด รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ ไล่ตีเสมอ เลบานเต้ ไปแบบสุดมัน 3-3 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งแต้ม

ศึกฟุต.ลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2021/22 วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2564 เกมที่น่าสนใจ "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด ยกพลไปเยือน เลบานเต้ ที่เอสตาดี ซิอูตัต เดอ บาเลนเซีย

"ราชันชุดขาว" ภายใต้การคุมทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ เกมที่แล้วบุกไปเอาชนะ อลาเบส มาแบบขาดลอย 4-1 เกมนี้ยังนำทัพโดย 3 ประสานแนวรุก อย่าง คาริม เบนเซม่า, แกเร็ธ เบล และเอเด็น อาซาร์ ขณะที่ เลบานเต้ นำทัพโดย มาร์ตี โรเจอร์, โฆเซ่ โมราเลส และฮอร์เก เดอ ฟรูตอส

นาทีที่ 5 รีล มาดริด ออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ คาริม เบนเซม่า ได้.ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ แกเร็ธ เบล ตวัดยิงด้วยซ้ายหนีมือนายทวารเจ้าถิ่นเข้าไป และเป็นเพียงประตูเดียวในครึ่งแรก

ครึ่งหลัง เลบาเต้ ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้เวลาเพียง 34 วินาที ก็มาตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ โรเจอร์ มาร์ตี หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนยิงสวนตัว ธีโบต์ กูร์ตัวส์ เข้าไป

หลังได้ประตูตีเสมอ เลบานเต้ ยังเล่นกันอย่างคึกคัก และมาได้ประตูพลิกนำ 2-1 ในนาทีที่ ฮอร์เก เดอ ฟรูตอส เปิด.จากริมเส้นฝั่งขวามาให้ โฆเซ คัมปานา ยิงแบบไม่จับ .ซุกก้นตาข่ายอย่างสุดสวย

นาทีที่ 73 รีล มาดริด ที่โหมบุกอย่างหนักก็มาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากจังหวะที่ คาเซมิโร่ จ่ายคิลเลอร์พาสให้ วินิซิอุส จูเนียร์ หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษ ยิงหนีมือผู้รักษาประตูเลบานเต้เข้าไป

นาทีที่ 79 เลบานเต้ ที่ถึงแม้จะบุกน้อยกว่าแต่ก็เป็นฝ่ายขึ้นนำอีกครั้ง 3-2 จากจังหวะลูกฟรีคิก .ไปตกใส่ศีรษะของดาวิด อลาบา เด้งมาเข้าทาง โรแบร์ ปิแอร์ ยิงจ่อๆเข้าไป

นาทีที่ 85 รีล มาดริด มาได้ประตูไล่ตามตีเสมออีกครั้ง 3-3 จากจังหวะที่ วินิซิอุส จูเนียร์ หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนชิพอย่างเหนือชั้น.ชนเสาเข้าประตูไปอย่างสวยงาม

นาทีที่ 87 สถานการณ์ของ เลบานเต้ ก็ย่ำแย่ไปอีก เมื่อไอเตอร์ เฟร์นานเดซ ผู้รักษาประตู ตั้งใจออกมาตัด.นอกกรอบเขตโทษ แต่ดันไปใช้มือเล่น ผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที ทำให้เจ้าถิ่นเหลือ 10 คน

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที รีล มาดริด บุกไปเสมอกับ เลบานเต้ แบบสนุก 3-3 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งคะแนน ส่งผลให้ทีม "ราชันชุดขาว" มี 4 แต้ม จาก 2 นัด รั้งรองจ่าฝูง ส่วนเจ้าถิ่น มี 2 แต้ม จาก 2 นัด รั้งอันดับ 8

รายชื่อ 11 ตัวจริงของ รีล มาดริด
ธิโบต์ กูร์ตัวส์ (GK), ลูกัส บาซเกซ, เอแดร์ มิลิเตา, นาโช่ เฟร์นานเดซ, ดาวิด อลาบา, คาเซมิโร่, เฟเดริโก บัลเบร์เด, อิสโก, แกเร็ธ เบล, เอเด็น อาซาร์, คาริม เบนเซม่า


ผลลาลีกา สเปน วันที่ 22 สิงหาคม 2564 คู่อื่นๆ 
รีล โซเซียดัด 1-0 ราโย บาเยกาโน
แอตเลติโก มาดริด 1-0 เอลเช่ 
#2842
ข้าวสุขภาพสุรินทร์ ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ส่งทั่วไทย   ข้าวเกษตรอินทรีย์ รูปภาพสำหรับข้าวปลอดสาร   การผลิตข้าวปลอดสาร(ออแกนิค)   เส้นทางผลิตข้าวปลอดสารสุรินทร์   ถ้าไม่อยากกินยาตลอดชีวิตให้กิน "ข้าวกล้อง" เป็นยาการที่ข้าวเปลือกอินทรีย์ถูกขัดสี ทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นออกไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งขัดสีเป็นข้าวขาวหลายครั้งเท่าไร สารอาหารยิ่งเหลือน้อยลงไป การหันกลับมากินข้าวกล้อง เหมือนบรรพบุรุษของเรา จึงเป็นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ช่วยไม่ให้เป็นโรคอันไม่ควรจะเป็น เนื่องจากขาดสารอาหาร
 
การฝึกกินข้าวกล้องออแกนิค ( ข้าวอินทรีย์ )
1. คนที่เพิ่งหัดกินข้าวกล้อง ( เกษตรกรจังหวัดสุรินทร์ปลูกข้าวออร์แกนิค
) อาจใช้วิธีง่ายๆ คือนำข้าวกล้องผสมกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1 : 2 โดยแช่ข้าวกล้องก่อนนำไปหุงรวมกับข้าวขาว เพื่อจะได้สุกพร้อมๆ กัน และค่อยๆ เพิ่มปริมาณข้าวกล้อง จนเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องทั้งหมด ท่านก็จะกินข้าวที่ได้คุณค่าอาหารอย่างเต็มที่ 
2. การกินข้าวกล้องก็คือควรกินขณะยังอุ่นๆ โดยทั่วไป พอข้าวสุก ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุประมาณ 5-10 นาทีแล้วควรรีบกิน ข้าวจะนุ่มกินได้ง่าย และให้ค่อยๆ เคี้ยวพอละเอียด จะได้รสชาติหวานอร่อยของข้าวกล้อง ตาม  สถานการณ์ข้าวออร์แกนิคไทย
3. ควรกินข้าวกล้องที่สุกแล้วให้หมดในมื้ออาหารนั้น เพราะข้าวกล้องบูดเสียได้ง่ายกว่าข้าวขาวทั่วๆ ไป

วิธีหุงข้าวกล้องอินทรีย์  นาข้าวออร์แกนิค

1. ก่อนซาวข้าวควรเก็บสิ่งแปลกปลอมออกเสียก่อน และซาวข้าวเบาๆ ด้วยเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียว เพื่อไม่ให้วิตามินสูญเสียไปกับน้ำซาวข้าว
2. การหุงข้าวกล้องนั้น ต้องใส่น้ำมากกว่าหุงข้าวขาว การหุงข้าวกล้อง 1 ส่วนจึงควรเติมน้ำประมาณ 2-3 เท่า ถ้าจะให้ประหยัดเวลาหุง ควรแช่ข้าวกล้องก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง วิธีนี้อาจทำให้สูญเสียวิตามินบางอย่างที่ละลายน้ำไปบ้าง แต่ไม่แนะนำให้แช่ข้าวเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะข้าวที่มีสี แต่ถ้าจำเป็นต้องแช่ข้าว แนะนำให้ใช้น้ำที่แช่ข้าวนำกลับไปใช้ในการหุ้ง เพื่อลดการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระในข้าว โดยเฉพาะข้าวสี
3. สำหรับข้าวใหม่หรือข้าวเก่านั้น จะมีผลต่อการหุงต้มเช่นกัน เพราะข้าวใหม่เมื่อหุงสุกจะมีลักษณะเมล็ดข้าวติดกันมาก ส่วนข้าวเก่าเมื่อหุงสุกการติดกันของเมล็ดข้าวจะน้อย เนื่องจากข้าวเก่าเมล็ดข้าวจะแห้งกว่าข้าวใหม่
เหตุนี้จึงทำให้บางท่านหุงข้าวแล้วบอกว่าใช้น้ำมากเท่าเดิมทำไมข้าวจึงแฉะหรือร่วน ซึ่งก็ต้องถามผู้ขายว่า เป็นข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ ส่วนจะให้แฉะหรือร่วนแล้วแต่จะชอบ ผู้หุงข้าวจึงต้องใส่น้ำให้เหมาะสมหรือต้องใช้ศิลปะในการหุงเช่นกัน


ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  นาข้าวอินทรีย์

277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://www.hor.boutique
Facebook : https://www.facebook.com/Rice.For.Infant/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique กลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ 2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิก 3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นจังหวัดสุรินทร์) 4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์ 5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์ 6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์ 7. ข้าวไรซ์เบอรี่

#ข้าวกล้องอินทรีย์สุรินทร์ #ข้าวกล้องออแกนิคสุรินทร์ #ข้าวกล้องปลอดสารสุรินทร์ #ข้าวกล้องเพื่อสุขภาพสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์ #ข้าวกล้องเมืองสุรินทร์

 

 

 

 

 
 
#2843


บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มีแผนที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยกลางเดือน ส.ค.2564 "ยัง หลิว" ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป จากไต้หวัน ได้ประกาศแผนการลงทุนผลิตรถ EV ในประเทศไทยและสหรัฐในปี 2565 โดยโรงงานดังกล่าวจะดำเนินการผลิตแบบแมสโปรดักชันในปี 2566 

โรงงานผลิตรถ EV ของฟ็อกซ์คอนน์ในประเทศไทยจะเป็นการร่วมลงทุนกับ ปตท.โดยจะเป็นการพัฒนาแพลตฟอร์ม EV พร้อมขึ้นไลน์ผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออกไปยังประเทศในอาเซียน ด้วยกำลังการผลิตปีละ 150,000-200,000 คัน

อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ที่ผ่านมา ปตท.ได้ศึกษาร่วมกับฟ็อกซ์คอนน์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังการผลิตที่ฟ็อกซ์คอนน์ประกาศออกมาดังกล่าวก็อยู่ในการศึกษาร่วมกัน โดยที่ผ่านมาทั้ง 2 ฝ่าย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย กับ บริษัท หงไห่ พริซิชั่น อินดัสทรี จำกัด หรือ ฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2564

ทั้งนี้ เมื่อได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับฟ็อกซ์คอนน์แล้วได้มีการหารือในรายละเอียด เพื่อยกระดับความร่วมมือตาม MOU ขึ้นมาเป็นกิจการร่วมค้า หรือ Joint Venture เพื่อเริ่มดำเนินการลงทุนตามที่ศึกษาไว้ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2564

"การตั้งโรงงานจะเริ่มขึ้นในปี 2565 และแผนที่ศึกษาไว้ว่าจะผลิตแบบแมสโปรดักชั่นในปี 2566 ก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ และจะเป็นการผลิตเพื่อทำการตลาดทั้งในประเทศไทยและส่งออกไปในภูมิภาคอาเซียน" นายอรรถพล กล่าว

การเข้ามาลงทุนในธุรกิจ EV ของกลุ่ม ปตท.เพื่อรองรับการพัฒนา New S-Curve ซึ่ง ปตท.จะมุ่งเน้นการลงทุนในเทรนด์หลักที่สำคัญของโลก 2 ด้าน คือ Go Green และ Go Electric โดยในอนาคตปริมาณรถ EV จะมีเพิ่มมากขึ้น และรัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายการผลิตรถ EV อย่างชัดเจน รวมทั้งในการลงทุนของกลุ่ม ปตท.ครั้งนี้ จะเป็นการพัฒนาแพลตฟอร์ม EV เพื่อรองรับการให้บริการที่ครอบคลุมเครือข่ายอีวีทั้งหมด จะเป็นลักษณะของแอพพลิเคชั่นที่ออกมารองรับการใช้งาน



รายงานข่าวจาก ปตท.ระบุว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจาระละเอียดเพื่อพัฒนาเป็น Joint Venture และเมื่อได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการร่วมลงทุนก็จะยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ซึ่งมีแพ็คเก็จส่งเสริมการลงทุนผลิตรถ EV อยู่แล้ว และคงไม่ได้กำหนดสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม

ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท.ได้เริ่มลงทุนใน EV Value Chain ซึ่งครอบคลุมการพัฒนา EV Charging Platform รวมถึงการพัฒนา EV Station และการตั้งโรงงานผลิตรถ EV ทั้งรถ 2 ล้อ รถ 4 ล้อ และรถบรรทุก

บริษัท โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ได้ลงทุนตั้งโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงาน G-Cell โดยใช้เทคโนโลยี SemiSolid กำลังการผลิตเริ่มต้น 30 MWh (เมกะวัตต์ชั่วโมง) ต่อปี ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง และมีแผนขยายกำลังการผลิตเป็นเป็น 5 GWh ต่อปี ใน 5 ปีข้างหน้า ก่อนขยายสู่กำลังการผลิต 10 GWh (กิกะวัตต์ชั่วโมง) ต่อปี ใน 10 ปี เพื่อป้อนความต้องการใช้รถอีวีในประเทศ เช่น รถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า รถตุ๊กต๊กไฟฟ้า รถไฟฟ้าสี่ล้อขนาดเล็ก รถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า

ในขณะที่บริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.ได้นำเข้ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และมีการตั้งจุดทดลองให้สามารถ Swap หรือการแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบการสลับแบตเตอรี่ ด้วยการถอดเอาแบตเตอรี่ออก แล้วใส่แบตเตอรี่ลูกใหม่เปลี่ยนพร้อมใช้งานทันที โดยไม่ต้องจอดรอชาร์จไฟฟ้า

ส่วนการพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้า ในส่วนที่จัดตั้งในปั๊มน้ำมันทางบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) หรือ OR ได้จัดตั้งแล้ว 30 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 100 แห่ง ในสิ้นปี 2564 ส่วนการจัดตั้งนอกปั๊มน้ำมันจะดำเนินการโดยบริษัท ออน-ไอออน โซลูชั่นส์ จำกัด ซึ่งมีเป้าหมายจะติดตั้ง 100 แห่ง ในสิ้นปีนี้ ดังนั้น ภายในสิ้นปีนี้กลุ่ม ปตท.จะมีปั๊มชาร์จไฟฟ้าทั้งหมด 200 แห่ง

นอกจากนี้ มีการตั้งบริษัทได้จัดตั้งบริษัท อีวีมีพลัส จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000ล้านบาท และมีทุนชำระเริ่มแรก 340 ล้านบาท เพื่อดำเนินการในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ New S-Curve ของ ปตท.ผ่านการให้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม รวมทั้งจะเป็นการส่งเสริมและสร้างระบบนิเวศธุรกิจให้เกิดการใช้ EV เช่น บริการให้เช่ายานยนต์ไฟฟ้า บริการข้อมูลเกี่ยวกับ สถานีอัดประจุไฟฟ้าและสถานีซ่อมบำรุง EV

รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมระบุว่า ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ได้กำหนดเป้าหมายใหม่ในการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งต้องเป็นรถยนต์ ZEV หรือรถยนต์ที่ไม่ปล่อยมลพิษ โดยจะมีการเร่งรัดให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในปี 2578 หรือ อีก 14 ข้างหน้า ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิมในปี 2583 หรือเร็วขึ้นกว่าเดิม 5 ปี ขณะที่ปี 2573 จะต้องผลิตรถไฟฟ้าให้ถึง 50% ของปริมาณการผลิตรถทุกชนิด

สำหรับเป้าหมายใหม่ แบ่งเป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสะสม ในปี 2568 ที่ 1.05 ล้านคัน แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง รถปิคอัพ 400,000 คัน รถจักรยานยนต์ 620,000 คัน รถบัส รถบรรทุก 31,000 คัน

และปี 2578 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสะสม 18.41 ล้านคัน แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง รถปิคอัพ 8.62 ล้านคัน รถจักรยานยนต์ 9.33 ล้านคัน รถบัส รถบรรทุก 458,000 คัน

ส่วนเป้าหมายการใช้รถไฟฟ้าสะสม ในปี 2568 อยู่ที่ 1.05 ล้านคัน แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง รถปิคอัพ 402,000 คัน รถจักรยานยนต์ 622,000 คัน รถบัส รถบรรทุก 31,000 คัน

และปี 2578 จะมีการใช้รถไฟฟ้าสะสม 15.58 ล้านคัน แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง รถปิคอัพ 6.40 ล้านคัน รถจักรยานยนต์ 8.75 ล้านคัน รถบัส รถบรรทุก 430,000 คัน

 
#2844



เคล็ดลับสุขภาพดี หุ่นสวย ลดพุง อิ่มท้อง คุณประโยชน์ครบกับเมนูจานเด็ดเพื่อสุขภาพ ที่ ซิงก์ เบเกอรี่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

พร้อมเสิร์ฟเคล็ดลับความอร่อยให้เหล่าคนรักสุขภาพร่วมสัมผัสและพิสูจน์ความอร่อยและอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ทางโภชนาการ กับเมนูเพื่อสุขภาพน้องใหม่ให้หุ่นดีโดยไม่ต้องอดอาหาร



ด้วยการคัดเลือกวัตถุดิบที่ได้คุณภาพสดใหม่ สะอาด ปลอดสารพิษ นำมาผ่านการปรุงให้น้อยที่สุด เพื่อให้ได้รสชาติดั้งเดิม และคงคุณประโยชน์ของวัตถุดิบไว้ให้มากที่สุด พร้อมส่งตรงถึงบ้าน อาทิ ควินัวร์ 3 สี กับผักคะน้า บร็อคโคลี่และมันหวาน, สลัดผักออร์แกนิค เต้าหู้ย่าง แตงกวา วอลนัทและมะนาววิไนเกรต, ปอเปี๊ยะสดกับผักสลัด แตงกวา แครอทและ ซอสสไปซี่แครอท, หน่อไม้ฝรั่งย่างสมุนไพร ชีสนมแพะ มะเขือเทศตากแห้ง ซอสบัลซามิค, อกไก่ย่างมะนาว ผักสลัดออร์แกนิค ถั่วชิกพีร์ ซอสมิ้นท์โยเกิร์ต, ทูน่าทาร์ทาร์เสิร์ฟพร้อมอาโวคาโดซอสเลมอนจิงเจอร์, ข้าวหน้าปลาแซลมอนสไตล์ฮาวาย, ปลาทูน่าย่าง สลัดข้าวโพด ผักออร์แกนิคและเมล็ดฟักทองอบ และเมนูเพื่อสุขภาพอื่นๆอีกมากมาย ราคาเริ่มต้นที่ 138 บาทถ้วน



อิ่มอร่อย พร้อมสุขภาพดีไปกับเรา พร้อมเสิร์ฟทุกวัน เวลา 07.00 – 18.30 น. ณ ซิงก์ เบเกอรี่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ (เฉพาะสั่งซื้อเดลิเวอรี่ และสั่งซื้อกลับบ้านเท่านั้น) สามารถสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน แกร๊บฟู้ดได้



สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 0-2100-1234 ต่อ 6485 หรืออีเมล์: diningcgcw@chr.co.th
#2845


ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันศุกร์ (20ส.ค.)ร่วง 1.37 ดอลลาร์ ปรับตัวร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 7 จากพิษเดลตา

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ราคา 62.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวลง 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ราคา 65.18 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิ่งลง ท่ามกลางความกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ทั้งนี้ ดอลลาร์ดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน ขานรับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในปีนี้

นักวิเคราะห์เตือนว่าการร่วงลงของราคาน้ำมันทะลุระดับ 65 ดอลลาร์ จะส่งผลให้ราคาไหลลงต่อไปในช่วง 57-65 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วงการปรับตัวของราคาน้ำมันในไตรมาส 2

กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ได้เทขายสัญญาน้ำมันในสัปดาห์ที่แล้วเป็นสัปดาห์ที่ 6 ในรอบ 8 สัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีน ยุโรป และอเมริกาเหนือจะส่งผลกระทบต่อการสัญจรทางอากาศ

สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ออกรายงานเตือนว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะฉุดความต้องการใช้น้ำมันลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ไออีเอได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปี 2564 ลงสู่ระดับ 5.3 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 5.4 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ดี ไออีเอ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2565 สู่ระดับ 3.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 3 ล้านบาร์เรล/วัน
#2846
 
 
 
ทำไมข้าวอินทรีย์ถึงดี
ทำไม  ข้าวปลอดสารเคมีสุรินทร์   (SURIN Organic Rice)  ถึงดีกว่าข้าวทั่วๆไปที่ใช้สารเคมีอย่างไร ? ข้าวหอมมะลิปลอดสาร หรือ ข้าวออร์แกนิค (Organic Rice)  คือ ข้าวเกษตรอินทรีย์ทีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติในนา ข้าวกล้องหอมมะลินิลเพื่อสุขภาพ ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์  สารเคที สารพิษ ยาฆ่าหญ้า ว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตของข้าวอินทรีย์สุรินทร์ สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากการดัดแปลงพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม  เราเน้นปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการปลูกพืชหมุนเวียน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในไร่นาหรือจากแหล่งอื่น ควบคุมโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวโดยวิธีผสมผสานที่ไม่ใช้สารเคมี การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมมีความต้านทานโดยธรรมชาติ รักษาสมดุลของศัตรูธรรมชาติ การจัดการพืช ดิน และน้ำ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับความต้องการของต้นข้าว เพื่อทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี มีความสมบูรณ์แข็งแรงตามธรรมชาติ การจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว เป็นต้น มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพที่สำคัญในทุกขั้นตอนการผลิตและการแปรรูปข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์

 
ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ปลูกข้าวออแกนิคส่งทั่วไทย
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook : https://www.facebook.com/Hor.Product
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ  ข้าวเพื่อสุขภาพส่งทั่วไทย
1.  ปลูกข้าวหอมมะลิออแกนิค
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารก
3.  ข้าวปะกาอำปึลปลอดสารพิษ
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารพิษ จ.สุรินทร์
5.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค
6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลสุขภาพ
7.  ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค


#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค #ข้าวออแกนิก  #ข้าวอินทรีย์ #ข้าวสุขภาพ
 

 

 

 
 
#2847


"บล.กรุงศรี" คาดหุ้นไทยวันนี้ (20 ส.ค.) แกว่งตัว 1,535-1,555จุด ปัจจัยบวกวลับลบ แม้มีแรงเฟดลดคิวอีในปีนี้ -ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลง-ม็อบไล่รัฐบาลยืดเยื้อกดดันแต่ยอดผู้ติดเชื้อโควิดเริ่มทรงตัว ฉีดวัคซีนเร่งตัว หวังผ่อนคลายล็อกดาวน์หนุน

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (20 ส.ค.2564) คาดดัชนี SET แกว่งตัว 1,535 – 1,555 จุด จากปัจจัยบวกและลบที่คละเคล้าโดยภาวะตลาดมีแรงกดดันจาเฟด ส่งสัญญาณลดการใช้ คิวอีลงในปีนี้ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงและการชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่ยืดเยื้อ อย่างไรก็ตามยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเริ่มทรงตัวรวมถึงการฉีดวัคซีนที่เร่งตัวขึ้นจึงคาดหวังการผ่อนคลาย ล็อกดาวน์ ซึ่งช่วยหนุนเศรษฐกิจและภาวะการลงทุน


กลยุทธ์การลงทุน แนะเลือกลงทุน ( Selective Buy) เช่น กลุ่มส่งออก HANA KCE TU CPF GFPT ASIAN EPG NER อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า ,กลุ่มเดินเรือ PSL TTA RCL แนวโน้มค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น และกลุ่มเปิดเมือง AOT CPN CRC HMPRO AAV BA MINT CENTEL AMATA WHA 

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ EPG (ปิด 12.6 ซื้อ/เป้า 16 บาท) แนวโน้ม 2Q22 (ก.ค.- ก.ย.) ยังแกร่งต่อจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของทั้ง 3 ธุรกิจ คือ ฉนวนกันความร้อน, ชิ้นส่วนรถยนต์ และ Packaging ขณะที่วันนี้ได้ Sentiment บวกจากเงินบาทอ่อนค่าและน้ำมันดิบร่วงแรงหนุนมาร์จิ้นเพิ่ม

และTMT (ปิด 11 ซื้อ/เป้า 12.5) ดักซื้อก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 ส.ค. ให้เงินปันผล 0.6 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield 5.5% ขณะที่แนวโน้ม 3Q21 ยังดีต่อเนื่องจากราคาเหล็กยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงและคาดว่าตลาดจะทยอยปรับเพิ่มคาดการณ์
#2848


มาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคม ม.40 ม.39 ลูกจ้าง-นายจ้าง ม.33 มีรายละเอียดความคืบหน้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ เสนออนุมัติวงเงิน 33,471 ล้านบาท เนื่องจากการประกาศเพิ่มจำนวนพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จาก 13 จังหวัด ก่อนจะเพิ่มอีก 16 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด

โดยกรอบการเยียวยาที่จะนำไปจ่ายให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ซึ่งเป็นแรงงานอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ สัญชาติไทย รายละ 5,000 บาท โดยโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน โดยใน 29 จังหวัด แบ่งออกเป็นผู้ประกันตน ม.39 จำนวน 1.4 ล้านคน และม.40 จำนวน 5.25 ล้านคน รวมทั้งสิ้น 6,694,200 คน

ขณะที่ กลุ่มผู้ประกันตน ม.39 และม.40 ใน 13 จังหวัด จะได้รับเงินเยียวยารวม 2 เดือน โดย ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานไปทำรายละเอียดที่จะได้อีก 1 เดือน เสนอต่อการประชุมครม. ครั้งต่อไป

โดยตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคมที่จะจ่ายให้แต่ละกลุ่มจะมีรายละเอียด และเงื่อนไขการจ่ายเงินแตกต่างกัน ดังนี้

ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ 16 จังหวัดประกอบด้วย กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี อ่างทอง นครนายก ปราจีนบุรี ลพบุรี ระยอง สิงห์บุรี สระบุรี นครราชสีมา เพชรบูรณ์ ตาก มีอยู่ราว 3-4 แสนราย

ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 13 จังหวัดประกอบด้วย กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา (บางส่วนที่ชำระเงินสมทบก่อนวันที่ 3 ส.ค.64 ) จำนวน 4.2 ล้านราย

ผู้ประกันตนมาตรา 39 และ 40 ใน 16 จังหวัดประกอบด้วย กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี อ่างทอง นครนายก ปราจีนบุรี ลพบุรี ระยอง สิงห์บุรี สระบุรี นครราชสีมา เพชรบูรณ์ ตาก

ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์เงินเยียวยาประกันสังคม 

1.เข้าเว็บไซต์ www.sso.go.th หรือ คลิกที่นี่ 

2.เลือกตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนตามกลุ่มของตน คือ 

- ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่ 

- ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยานายจ้าง สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่

- ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่

- ตรวจสอบสถานะสิทธิ์โครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่

3.กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และกรอกรหัสให้ตรงตามรูปที่กำหนด

4.จากนั้นกดค้นหา

5.ระบบจะแสดงผลการค้นหา พร้อมระบุจะอัปเดตข้อมูลล่าสุด ตามวันเวลาที่กำหนดอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

'ประกันสังคม' ม.33 ม.39 ม.40 เช็คที่นี่วิธีผูกพร้อมเพย์รอเงินเยียวยาเข้า 5 พัน
เช็คเงิน 'เยียวยาประกันสังคม' ม.33 โอนเงิน 2,500 บาท พื้นที่สีแดงเข้ม 16 จังหวัด

ส่วนสาเหตุ ที่ตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคม เข้าไปตรวจสอบในระบบ แต่กลับพบว่า ไม่ได้รับสิทธิ อาจจะมีสาเหตุ มาจาก ชื่อหรือนามสกุล ในระบบผู้ประกันตนมีตัวสะกดไม่ตรงกับบัตรประชาชน เพราะผู้ประกันตนอาจมีการเปลี่ยนชื่อภายหลัง หรือตอนสมัครมีการสะกดผิด สามารถเข้าระบบสมาชิกผู้ประกันตนได้ ที่นี่

ขณะเดียวกัน ล่าสุด ธนาคารกรุงไทย แจ้งผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 โอน เงินเยียวยา ผ่านพร้อมเพย์ด้วยบัตรประชาชน ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งหมด 29 จังหวัด เริ่ม 23 ส.ค. 64

สมัครพร้อมเพย์ผ่านแอปฯ KrungthaiNEXT หรือตู้ ATM/ATM+

วิธีการสมัคร

1. เลือกเมนู พร้อมเพย์
2. เลือกหมายเลข ที่ต้องการสมัคร พร้อมเพย์ รับเงินจากภาครัฐต้องผูกกับ หมายเลขบัตรประชาชนเท่านั้น
3. อ่านข้อกำหนดและ เงื่อนไข พร้อมทำ เครื่องหมายและ กด ยอมรับ
4. เลือกบัญชีที่ต้องการ ผูกกับหมายเลข พร้อมเพย์
5. ตรวจสอบ และ ยืนยันข้อมูล
6. สมัครสำเร็จ

โดยรายละเอียดการตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคม สามารถแยกรายละเอียดได้ดังนี้ 

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 2,500 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 20 ส.ค.64 

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 23 ส.ค.64 

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 24 -26 ส.ค.64 โอนละวันละ 1.5 ล้านราย

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 และ 40 จำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 27 ส.ค.64
#2849


"วันสารทจีน 2564" เป็นวันที่ลูกหลานแดนมังกรจะตั้งโต๊ะอาหารคาวหวานเพื่อไหว้ผีบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูและเป็นนัยว่าทำบุญส่งมอบอาหารไปถึงญาติผู้ล่วงลับให้ได้กินอิ่มหนำอีกครั้งในช่วงปลายปี (หลังจากที่ไหว้บรรพบุรุษไปแล้วในวันตรุษจีนช่วงต้นปี) และเมื่อพูดถึงการซื้อ  "ของไหว้"  สำหรับวันสารทจีนในปีนี้อาจจะไม่คึกคักเหมือนปีที่ผ่านๆ มา เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดที่ทำให้สภาพเศรษฐกิจฝืดเคืองกว่าทุกปี 


แต่ไม่ว่าจะฝืดเคืองอย่างไร บางครอบครัวก็ยังคงสืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติในการไหว้  "สารทจีน"  เอาไว้เหมือนทุกปี แต่ปีนี้อาจจะต้องมีเทคนิคในการซื้อของไหว้ให้ประหยัด และงบไม่บานปลายกันหน่อย กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รวบรวมทริกดีๆ สำหรับการซื้อของไหว้ให้ครบและคุ้มค่า รวมถึงแนะนำวิธีการตั้งโต๊ะไหว้ว่าต้องทำอย่างไร เตรียมของไหว้อะไร และไหว้เวลาไหนบ้าง? มาเช็คลิสต์ทางนี้...

1. เตรียมของไหว้มงคล "วันสารทจีน" 2564

ตามคติความเชื่อของชาวจีน (และชาวไทยเชื้อสายจีน) เวลาถึงวันสำคัญประจำปีที่จะต้องมีการตั้งโต๊ะไหว้เจ้า ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือไหว้บรรพบุรุษก็ตาม "ของไหว้"  เหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นของคาว ของหวาน หรือผลไม้ จะต้องมีความหมายมงคล ตามความเชื่อที่ว่าเมื่อไหว้ด้วยสิ่งของมงคลแล้ว ความดีอันเป็นมงคลทั้งหลายก็จะตกแก่ผู้ไหว้ ทำให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้า ราบรื่น ค้าขายรุ่งเรืองเฟื่องฟู เป็นต้น

สำหรับ "ของไหว้" ที่ต้องใช้ในไหว้บรรพบุรุษในวัน "สารทจีน"  จะมีความคล้ายคลึงกับของไหว้ในวันตรุษจีน โดยจะใช้ทั้งของคาวจำพวกเนื้อสัตว์ที่มีความหมายมงคล ขนมมงคล และผลไม้มงคล ดังนี้

'สารทจีน' ความหมาย 'มงคล' ของไหว้ และไหว้อะไรบ้าง
'สารทจีน' VS 'ตรุษจีน' ลูกหลานแดนมังกรรู้ไหมต่างกันยังไง?

- เนื้อสัตว์ : เนื้อสัตว์ 3 อย่าง  (ซาแซ)  หรือเนื้อสัตว์ 5 อย่าง  (โหงวแซ) ต้องเลือกซื้อเนื้อสัตว์ที่มีความหมายมงคล  เช่น เป็ดพะโล้ต้ม ไก่ต้ม หมูสามชั้นต้ม หมูกรอบ ขาหมู ปลานึ่ง  กุ้งต้ม เป็นต้น ส่วนเนื้อสัตว์ที่้ไม่ควรนำมาเป็นของไหว้คือเนื้อวัวและเนื้อแพะ

- ผลไม้ :  ถัดมาก็ต้องเตรียมผลไม้มงคล 3 (ซาก้วย) หรือผลไม้มงคล 5 อย่าง (โหงวก้วย) ก็ได้ โดยต้องเลือกผลไม้ที่มีความหมายมงคลเช่นกัน ได้แก่ แอปเปิ้ลแดง ส้ม สาลี่ ลูกพลับ องุ่นแดง แก้วมังกร  สับปะรด กล้วยหอมทอง  ทับทิม  เป็นต้น  สังเกตว่าจะเน้นผลไม้สีแดงและสีเหลืองทอง ซึ่งชาวจีนเชื่อกันว่าเป็นสีแห่งความเฮงและความโชค ส่วนผลไม้ที่ไม่ควรนำมาเป็นของไหว้คือ ผลไม้ที่มีสีดำ เช่น องุ่นดำ เป็นต้น

- ขนม :  ส่วนขนมที่ขาดไม่ได้ในการไหว้สารทจีนก็คือ  "ขนมเข่ง"  ส่วนขนมเทียนและขนมเปี๊ยะนั้นจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ และข้อสำคัญคือช่วงสารทจีนไม่นิยมใช้ขนมจันอับมาไหว้บรรพบุรุษ


2. เลือกซื้อ "ของไหว้" สุดประหยัดจัดได้ครบ!

อย่างที่บอกไปว่าปีนี้เกิดวิกฤติโรคระบาดโควิด ทำให้เศรษฐกิจฝืดเคือง การจับจ่ายหาซื้อ "ของไหว้"  ปีนี้จึงต้องประหยัดงบเข้าไว้ สำหรับวิธีการเลือกซื้อของไหว้สำหรับวัน  "สารทจีน"  นั้นก็คือ เน้นซื้อให้ครบทั้ง 3 หมวด คือ ของคาว ขนม และผลไม้ แต่ให้ลดปริมาณลง แม้ว่าตามความเชื่อของลูกหลานแดนมังกร เวลาจะซื้อเนื้อสัตว์ที่เป็นของไหว้ต้องซื้อให้เต็มทั้งตัวก็ตาม  แต่ยังไงก็ควรจับจ่ายตามความสะดวกและตามกำลังทรัพย์ของแต่ละบ้านมากกว่า

วิธีเลือกซื้อเนื้อสัตว์มงคล : เปลี่ยนจากซื้อเป็ดต้มและไก่ต้มทั้งตัว เป็นซื้ออย่างละครึ่งตัว เปลี่ยนจากซื้อขาหมูทั้งขา เป็นสามชั้นต้ม 1 ชิ้น และซื้อของทำกับข้าวที่บรรพบุรุษชอบทานอีกสัก 2-3 อย่าง

วิธีเลือกซื้อผลไม้มงคล : ซื้อแค่ 3 ชนิดก็เพียงพอแล้ว เช่น แอปเปิ้ลแดง สาลี่ กล้วยหอม

วิธีเลือกซื้อขนมมงคล : เน้นขนมเข่ง ขนมเทียนเป็นหลัก ส่วนขนมอื่นๆ ไม่ต้องก็ได้ และอย่าลืมถ้วยน้ำชาและชามข้าวสวยตามจำนวนญาติผู้ล่วงลับที่จะไหว้

ซื้อของจำเป็นอื่นๆ : กระดาษเงินกระดาษทอง กงเต๊ก ชุดเสื้อผ้ากระดาษ เล็กๆ น้อยๆ พอเป็นพิธีสำหรับเผาส่งไปให้ผู้ล่วงลับ


3. วิธีตั้งโต๊ะไหว้ "สารทจีน" 3 ครั้ง  พร้อมเวลาไหว้

ส่วนการจัดโต๊ะไหว้  "สารทจีน"  นั้นจะแบ่งการไหว้ออกเป็น 3 ครั้ง โดยแบ่งออกเป็น

-  ตั้งโต๊ะไหว้เจ้าที่ : ไหว้กันในตอนเช้า ไม่เกินเที่ยงวัน โดยต้องเตรียมทั้งของคาว ขนม และผลไม้ โดย "ของไหว้"  ที่ต้องมีในการไหว้ช่วงนี้คือ ขนมเทียน ขนมเข่ง และต้องแต้ม จุดสีแดง ไว้ตรงกลาง เนื่องจากความเชื่อของชาวจีนที่ว่าสีแดงเป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคล นอกจากนั้นก็มี น้ำชา หรือ เหล้าจีน และ กระดาษเงินกระดาษทอง

วิธีไหว้ :  จัดอาหารมงคลเหล่านี้ไว้บนโต๊ะ จุดธูป 5 ดอกยกขึ้นไหว้พร้อมตั้งจิตอธิษฐาน จากนั้นพอไหว้เสร็จก็เผากระดาษเงินกระดาษทอง

-  ตั้งโต๊ะไหว้บรรพบุรุษ :  ไหว้ช่วงสายๆ และไม่เกินเที่ยงวันเช่นกัน โดยใช้ชุดของคาว ขนม ผลไม้ เหมือนกับที่ไหว้เจ้าที่ และให้เพิ่มอาหารเมนูโปรดของเหล่าบรรพบุรุษเข้ามา และให้จัดชามข้าวสวย ถ้วยน้ำชา เก้าอี้ ตามจำนวนของบรรพบุรุษที่จะไหว้ด้วย ขณะที่ไหว้ก็สามารถเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษ ชุดกงเต็ก ฯลฯ ไปพร้อมๆ กันเลยก็ได้ 

วิธีไหว้ :  จัดอาหารมงคลเหล่านี้ไว้บนโต๊ะ ไหว้บรรพบุรุษที่เสียนานแล้วใช้ธูป 3 ดอก สำหรับบรรพบุรุษที่เพิ่งเสียได้ไม่นานใช้ธูป 1 ดอก


-  ตั้งไหว้ผีไม่มีญาติ สัมภเวสี  :  ไหว้ช่วงบ่ายแก่ๆ ถือเป็นการให้เกียรติผู้อื่นของคนจีน และเป็นการให้ทาน โดยการทำเช่นนี้เชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ไหว้ทำการงานลื่นไหลไม่ติดขัด ค้าขายดี มีความเจริญรุ่งเรือง

วิธีไหว้ :  ต้องจัดโต๊ะไหว้บริเวณนอกตัวบ้าน ของไหว้จะมีทั้งของคาว ขนมหวาน และผลไม้ ตามต้องการ ที่พิเศษคือต้องมีข้าวคลุกกระเทียมเจียวแบบจีนโบราณ  เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง ให้เจ้าบ้านจุดธูปจำนวนมากไหว้ แล้วปักธูปที่อาหารหรือภาชนะอย่างละ 1 ดอก ส่วนคนอื่นๆ ในบ้านใช้ธูปเพียงดอกเดียวไหว้ เมื่อธูปหมดดอกต้องจุดประทัดเพื่อไล่ผีที่มาร่วมกินอาหารให้เตลิดไป และใช้ไล่สิ่งชั่วร้ายต่างๆ ให้พ้นไปด้วย
#2850
แผนประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya แผนประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้า ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย


แผนประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya แนะนำ แผนประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz  และ แผนประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่ายรักษาตัวในรพ. สูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี

แผนประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya แนะนำ แผนประกันสุขภาพ(ปลดล็อคอัลตร้า)
ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya, ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz
ประกันสุขภาพ (ปลดล็อค อัลตร้า) ขยายวงเงินความคุ้มครอง ให้เลือกสูงถึง 15 ล้านบาทต่อปี
ขยายอายุความคุ้มครองถึงอายุ90 ปี
ขยายการดูแลด้านการรักษาสุขภาพ ด้วยวงเงินค่าฉีดวัคซีนและค่าตรวจสุขภาพประจำปี
ปลดล็อคค่ารักษาพยาบาลในห้อง ICU จ่ายให้ตามจริง
ปลดล็อคค่าล้างไต ค่าเคมีบำบัด ค่ารังสีบำบัด จ่ายให้ตามจริง

ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz, ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya
ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya ประกันออมทรัพย์ (แบบมีเงินปันผล) เพิ่มโอกาสรับเงินปันผลที่สูงขึ้น

มอบความคุ้มครองชีวิตสูงถึง 115% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

ครบกำหนดสัญญารับเงินคืน 140% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

ลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 100,000 บาท

ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz
ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 1 เดือน 1 วัน ถึง 10 ปี
ดูแลค่ารักษาเมื่อต้องพักรักษาตัวในรพ. สูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินจากอุบัติเหตุภายใน 24 ชม.
สามารถใช้บริการดูแลคุณยามพักฟื้น (Nursing Care) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

Contact Mobile : 081-692-5514

Line ID : @life2insurance

Email : bahmeejkq@gmail.com

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://pantipmart.com/แผนประกันออมทรัพย์แบบม/


คำค้น

ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya, ประกันสุขภาพ (ปลดล็อค อัลตร้า), ประกันออมทรัพย์ (แบบมีเงินปันผล), ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย
 
#2851


ดร.ขนิษฐา บูรณพันศักดิ์ หัวหน้างานสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า จังหวัดปทุมธานี โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม ดำเนินโครงการ "การพัฒนาสมรรถนะนักสังคมสงเคราะห์และรูปแบบการดูแลทางสังคม" ดูแลและติดตามคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว แต่ต้องกักตัวอยู่บ้านอีก 14 วัน รวมถึงผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงแยกกักตัวดูแลตนเองที่บ้าน หรือ HOME ISOLATION



ซึ่งจากการลงพื้นที่ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ ลดความกังวลใจ พบว่า ผู้ป่วยจำนวนมากประสบปัญหาไม่มีรถรับ-ส่งในการเดินทางมาโรงพยาบาล จึงต่อยอดขยายผลจัดทำโครงการ 'อาสาTAXI ปทุมฯ ห่วงใยช่วยภัยโควิด' โดยชักชวนอดีตผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาชีพขับแท็กซี่ เคยรักษาในโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ฯ รวมกลุ่มแท็กซี่ ขับรถรับ-ส่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยในการมารับการรักษาที่โรงพยาบาล ขณะนี้มีแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้วจำนวน 6 คัน


"จากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พบว่าผู้ป่วยจำนวนมากประสบปัญหาไม่มีรถส่วนตัว ในการเดินทางมาตรวจเอกซเรย์ปอด หรือรักษาที่โรงพยาบาล กลุ่มจิตอาสา และเครือข่ายผู้ขับรถแท็กซี่ จึงอาสาเข้ามาช่วย โดยร่วมกันปรับปรุงรถแท็กซี่ให้ใช้งานรับส่งผู้ป่วยไป-กลับบ้าน และโรงพยาบาล ทำฉากกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร และคนขับแท็กซี่ทุกคนจะใส่ชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ตลอดการขับขี่ เช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ส่วนค่าบริการจะคิดตามราคามิเตอร์ ในกรณีผู้ป่วยยากไร้ โรงพยาบาลจะพิจารณาช่วยเหลือค่าโดยสารเป็นรายๆ ไป" ดร.ขนิษฐา กล่าว


นายพจนารถ แย้มยิ้ม จิตอาสา TAXI ปทุมฯ ห่วงใยช่วยภัยโควิด กล่าวว่า ได้มาเป็นแท็กซี่จิตอาสารับ-ส่งผู้ป่วย เนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 ในการระบาดระลอกแรก ช่วงเดือนมีนาคม 2563 และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ฯ ได้พบกับกลุ่มนักสังคมสงเคราะห์ที่เข้ามาให้กำลังใจ พอหายดีกลับมาขับแท็กซี่พบว่า จำนวนผู้โดยสารลดลงส่งผลให้รายได้ไม่เพียงพอ

กลุ่มนักสังคมสงเคราะห์จึงชักชวนให้มาขับรถแท็กซี่เพื่อรับ-ส่ง ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ฯ พบว่า มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่สามารถเดินทางมาเข้ารับการรักษาได้ จึงได้ชักชวนเพื่อนแท็กซี่มาเข้าร่วมโครงการฯ นอกจากจะมีรายได้เพิ่มแล้ว ยังได้ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ด้วย

"รู้สึกตื้นตันใจทีได้ช่วย ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีรถมาโรงพยาบาล และสามารถช่วยแบ่งเบาภาระรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล หน่วยงานสาธารณสุข รถกู้ภัย ในการช่วยเหลือผู้ป่วย และยังลดการติดเชื้อจากการสัญจรของผู้ติดเชื้อได้ ซึ่งผู้โดยสารหลายคนดีใจมากที่มีรถมารับ บางครั้งหากผู้โดยสารไม่มีทุนทรัพย์ก็ไม่คิดเงินถือว่าได้ช่วยเหลือกัน"

"นอกจากงานแท็กซี่จิตอาสาแล้ว ยังร่วมกับทีมนักสังคมสงเคราะห์ ในการให้คำปรึกษา แนะนำดูแลเฝ้าระวัง และการป้องกันตนเองจากโควิด-19 ให้กับชุมชน พร้อมมอบของอุปกรณ์ยังชีพต่างๆ เพื่อให้กำลังใจด้วย" นายพจนารถ กล่าว

ทั้งนี้ หากท่านใดต้องการใช้บริการ 'อาสา TAXI ปทุมฯ ห่วงใยช่วยภัยโควิด' สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 061-868-5246 แจ้งล่วงหน้า 1 วัน รับ-ส่งในพื้นที่ กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล
#2852


ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ร้านออกแบบกราฟิกครบวงจรเมืองขอนแก่น ปรับตัวปรับแต่งหน้าร้านเปิดขายแฮมเบอร์เกอร์และกาแฟ จับช่องทางขายออนไลน์ หลังธุรกิจหลักรายได้หดหาย จากสถานการณ์โควิด-19ระบาดหนัก

ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุด ได้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวม และภาคธุรกิจต่างๆสูงมาก ซึ่งธุรกิจออกแบบกราฟิก เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมาก เช่นเดียวกับร้านเพลิน Studio ร้านรับออกแบบกราฟิกครบวงจร ตั้งอยู่ถนนหลังเมือง เขตเทศบาลนครขอนแก่น ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ต้องปรับปรุงร้านมาทำเบอร์เกอร์ ตามออเดอร์ลูกค้า ประครองธุรกิจให้อยู่รอด พร้อมปรับหน้าร้านให้เป็นร้านขายเบอร์เกอร์ และกาแฟ ใช้ช่องทางขายผ่านออนไลน์ ตามออเดอร์ผ่านไรเดอร์ส่งอาหาร และขายหน้าร้าน นำกลับไปทานที่บ้านเท่านั้น

นายศิริภัทร์ เพียศิริ หรือ "อ.ต้อง" อดีตอาจารย์สอนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น เป็นเจ้าของร้านเพลิน Studio เปิดเผยว่านับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รอบแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ทางร้านก็เริ่มได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่สามารถผลิตงานกราฟิกและงานออกแบบส่งให้กับลูกค้าได้ โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศ กระทั้งเกิดการแพร่ระบาดในรอบที่ 2 งานก็หดหายลงไปอีก เพราะลูกค้าที่สั่งผลิตงานน้อยลง


กระทั่งเข้าสู่การแพร่ระบาดระลอกที่ 3 งานออกแบบกราฟิกเหลือน้อยมาก จึงคิดหาวิธีสร้างรายได้เสริม จึงเริ่มศึกษาวิธีการทำเบอร์เกอร์และกาแฟขายผ่านออนไลน์ รวมทั้งใช้ความชื่นชอบในการทำอาหารของตนเอง โดยการใช้พื้นที่หน้าร้านปรับปรุงเป็นร้านเบอร์เกอร์แบบโฮมเมด โดยใช้ชื่อร้านว่า "Little Me Burger & Coffee"

ส่วนเมนูให้เลือก มีทั้งเบอร์เกอร์หมู เบอร์เกอร์เนื้อ ชีสเบอร์เกอร์ พิซซ่าญี่ปุ่น ราคาเริ่มต้นที่ 49 บาท รวมทั้งเครื่องดื่มประเภทกาแฟ โดยหลังจากเปิดขายหน้าร้านมาได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็มีลูกค้าสนใจสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้มีรายได้เสริมในช่วงที่ว่างเว้นจากงานออกแบบกราฟิก และมีรายได้มาหมุนเวียนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19


เคล็ดลับความอร่อยของเบอร์เกอร์และพิซซ่าญี่ปุ่นของร้าน คือการใช้วัตถุดิบที่ใหม่ สด สะอาด โดยวัตถุดิบที่นำมาเป็นส่วนประกอบ เช่นหมูสับและผักสด จะซื้อมาแบบวันต่อวัน เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มรสชาติที่สดอร่อย ลูกค้าที่ต้องการลิ้มลอง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น สามารถสั่งซื้อได้ทางแอพลิเคชันไลน์แมน และฟู้ดแพนด้า หรือจะมาสั่งที่ร้านกลับไปทานที่บ้านก็ได้ โดยร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น. หรือจะโทรศัพท์มาสอบถามก่อนก็ได้ที่เบอร์ 089-7104648
#2853


นางสุดปรารถนา ดำรงชัยธรรม ผู้อำนวยการ - ทรัพยากรบุคคล "เคทีซี" กล่าวว่า "เนื่องจากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในวงกว้างรุนแรงมากขึ้น เคทีซีจึงได้ปรับแผนการเรียนการสอนของโครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ปี 3 ในรูปแบบออนไลน์ และบันทึกวีดิโอผ่านช่องทางของโรงเรียน โดยใช้หลักสูตรและสานต่อแนวคิดการแบ่งปันความรู้จากรุ่นสู่รุ่น (Train the Trainer) โดยวิทยากรภาษามือจากคุณครูและนักเรียนโรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเคยเป็นผู้รับในปีทื่ 2 จะเป็นผู้ร่วมส่งต่อความรู้ในปีที่ 3 ให้กับเพื่อนๆ โรงเรียนโสตศึกษา นนทุบรี ซึ่งเป็นโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 จำนวน 49 คน"

"ความสำเร็จของโครงการฯ สองครั้งที่ผ่านมา มีนักเรียนและครูที่เข้าร่วมในโครงการรวม 156 คน จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ และโรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ โดยเคทีซีเน้นให้ความสำคัญกับการแบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์ให้แก่สังคม โดยเฉพาะการส่งเสริมให้คนในสังคมพัฒนาอาชีพสร้างรายได้เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ตลอดจนสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยให้มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม"

"โครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2562 ด้วยเชื่อมั่นว่าการบกพร่องทางกายของเยาวชนมิใช่อุปสรรคในการเรียนรู้ หากได้รับโอกาสในการพัฒนาที่เหมาะสม จึงได้นำการเรียนรู้เพาะเห็ด ออร์แกนิค ตามวิถีเกษตรพอเพียง และความรู้ทางการเงิน เข้ามาเป็นหลักสูตรการสอน โดยเน้นการลงมือปฏิบัติและพัฒนาความรู้ไปสร้างอาชีพ ตลอดจนสามารถส่งต่อเครือข่ายองค์ความรู้ให้กับสังคมต่อไป"

นายสมชาย บ้านไร่ ผู้อำนวยการ โรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า "โครงการเรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ปี 3 นี้จะเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ได้ศึกษาเรียนรู้ในเรื่องการเพาะเห็ด และการทำผลิตภัณฑ์จากเห็ดเต็มรูปแบบ ทั้งการเพาะ การดูแล การแปรรูป การออกแบบผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย ซึ่งถือว่านักเรียนที่ได้เข้าร่วมโครงการจะสามารถนำความรู้พื้นฐานนี้ไปต่อยอดพัฒนาการเรียนรู้ในวิชาอื่นๆ และประกอบอาชีพต่อไป ขอขอบคุณเคทีซี โรงเรียนโสตทุ่งมหาเมฆ และฟาร์มเห็ดโพธิ์ทอง ที่ให้โอกาสและสนับสนุนนักเรียนได้เข้าร่วมโครงการนี้ ทางโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนนทบุรีจะพยายามเรียนรู้ สร้างองค์ความรู้ ทักษะการประกอบอาชีพอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้นักเรียนได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้"

"นางจุฑารัตน์ เรืองเดช รักษาการผู้อำนวยการ โรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ กล่าวว่า "ในปีการศึกษา 2563 โรงเรียนได้รับเกียรติจากเคทีซี และโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ ส่งต่อโครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน ปี 2" ซึ่งนอกจากโรงเรียนจะได้รับโรงเพาะเห็ดที่มีมาตรฐาน และก้อนเชื้อเห็ดที่มีคุณภาพแล้ว สิ่งที่มีคุณค่าและประโยชน์ยิ่งก็คือ การส่งมอบความรู้ ประสบการณ์ และกระบวนการจัดการ จากโรงเรียนเศรษฐเสถียรและเคทีซี รวมถึงฟาร์มเห็ดโพธิ์ทองที่เคทีซีจัดให้นักเรียนไปศึกษาดูงาน เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจ โดยตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการ นักเรียนได้เรียนรู้กระบวนการทำโรงเพาะเห็ด การบริหารจัดการโครงการ การดูแล-เก็บเกี่ยวผลผลิต การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารต่างๆ ก่อให้เกิดรายได้ ทั้งยังสร้างให้นักเรียนเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ มีภาวะผู้นำ เป็นประโยชน์โดยตรงแก่นักเรียน ในขณะที่คณะครูผู้เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันจัดประสบการณ์ เพื่อผลักดันให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ จนทำให้ "เห็ด" เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของโรงเรียนที่สร้างรายได้ เป็นแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน และเป็นแนวทางสร้างอาชีพให้แก่นักเรียนได้เป็นอย่างดี และในปีนี้เป็นความยินดียิ่งของโรงเรียนโสตศึกษาทุ่งมหาเมฆ ที่จะได้ส่งต่อโครงการที่มีประโยชน์นี้ให้กับเพื่อนต่างโรงเรียนคือ โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนนทบุรี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ปี 3 จะยั่งยืนส่งต่ออย่างต่อเนื่องไปอีกนานเท่านาน"

นางสาวเนตรนภา ขวัญสุข หนึ่งในทีมวิทยากรนักเรียนโรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ สื่อสารผ่านล่ามภาษามือถึงประสบการณ์ตอนที่เข้าร่วมเรียนรู้ในโครงการฯ ครั้งที่ 2 ว่า "ตอนที่คุณครูบอกว่า เคทีซีจะมาสร้างโรงเพาะเห็ดให้โรงเรียนของเรา และคุณครูกับเพื่อนๆ หูหนวกจากโรงเรียนเศรษฐเสถียรจะมาเป็นวิทยากรให้ความรู้ พวกเรารู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก เพราะพวกเราไม่เคยเห็น ไม่เคยทำโรงเพาะเห็ดมาก่อน โรงเพาะเห็ดที่สร้างสวยงามมาก ติดตั้งระบบไฟฟ้า ระบบพ่นละอองน้ำพร้อมใช้งาน"

"เมื่อฟาร์มเห็ดโพธิ์ทองมาส่งก้อนเชื้อเห็ดรอบแรก เราตกใจมาก ก้อนเชื้อเห็ดมีจำนวนมากถึง 1,800 ก้อน และเพื่อนๆ จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร สอนให้เราเปิดปากถุง เรียงก้อนเชื้อเห็ด รดน้ำ จนวันที่เห็ดทั้งโรงพากันออกดอก เราตื่นเต้นมาก ทำไมมากมายขนาดนี้ เก็บขายครั้งละหลายกิโลกรัม เราขายกิโลกรัมละ 100 บาท โดยขายให้โรงครัวของโรงเรียน ชุมชนรอบโรงเรียน ตลาดสวนพลู และให้เป็นของที่ระลึกแก่ผู้มาบริจาค สัปดาห์ต่อๆ มาเรายังได้เรียนรู้การทำอาหารจากเห็ด สนุกและอร่อยมาก ทำบิ๊กบุ๊ค และพี่ๆ จากเคทีซียังมาสอนการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย คำนวณต้นทุน-กำไร รวมถึงออกแบบโลโก้เห็ดให้พวกเราด้วย ขอบพระคุณครูและเพื่อนๆ จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร พี่ๆ จากเคทีซี และครูรัตน์จากฟาร์มเห็ดโพธิ์ทองมาก ที่นำสิ่งดีๆ มาให้พวกเรา และยินดีมากที่ทราบว่าปี 2564 นี้จะได้มีโอกาสนำความรู้และประสบการณ์ของพวกเรา ไปถ่ายทอดให้เพื่อนๆ และน้องๆ ที่โรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดนนทบุรี เราจะทำให้ดีที่สุด ขอบคุณเคทีซีที่ให้โอกาส ให้ความรู้และประสบการณ์ดีๆ แก่พวกเรา"
#2854


ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย และ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไนอาก้า อินโดนีเซีย ร่วมให้บริการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซีย ตอกย้ำยุทธศาสตร์ของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ในการก้าวเป็น 'a Digital-led with ASEAN Reach'

ภายใต้ความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารกลางอินโดนีเซีย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เป็น 1 ใน 3 ธนาคารที่ได้รับความไว้วางใจในระดับภูมิภาคอาเซียนให้เป็นผู้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการชำระดุล (Settlement Bank) ของประเทศไทย ในการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างประเทศไทยและอินโดนีเซีย โดยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จะเริ่มให้บริการเดือนกันยายน 2564  

คนไทยที่เดินทางไปอินโดนีเซีย สามารถใช้ CIMB THAI Digital Banking แอปพลิเคชันหลักของธนาคารบนมือถือ จ่ายเงินผ่าน QR Code ที่อินโดนีเซีย โดยสแกน QRIS (Quick Response Code Indonesian Standard) ซึ่งเป็น QR มาตรฐานของประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่คนอินโดนีเซียที่เดินทางมาไทยสามารถใช้ OCTO Mobile แอปของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไนอาก้า ชำระสินค้าที่ไทย โดยสแกน Thai QR Code  เพิ่มความสะดวกสบายให้ทั้งนักท่องเที่ยวและร้านค้า เพราะปัจจุบัน การชำระเงินผ่าน QR Code เป็นวิธีการชำระและรับเงินได้ทันที มีประสิทธิภาพ ช่วยลูกค้าปลอดภัยเพราะไม่ต้องพกเงินสด และประหยัดค่าธรรมเนียมต่างๆ อาทิ ค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ

นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า "การชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code ระหว่างไทย-อินโดนีเซีย เป็นการเปิดช่องทางใหม่ในอาเซียน ประเทศที่ 2 แล้วของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ที่เข้าไปมีส่วนร่วม และเป็นอีกก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงการชำระเงินในอาเซียนให้กว้างยิ่งขึ้น เราตื่นเต้นที่จะได้เห็นคนอาเซียนเชื่อมโยงกันใกล้ชิด ผ่านการชำระเงินของผู้บริโภครายย่อยและร้านค้าแบบเรียลไทม์ เราหวังให้ภูมิภาคของเราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้โดยเร็ว และอาเซียนกลับมาเปิดประเทศกันได้อีกครั้ง" นายพอล วอง กล่าว

Mr. Tigor M. Siahaan, President Director & Chief Executive Officer, PT Bank CIMB Niaga Tbk เปิดเผยว่า "การขยายตัวของการชำระเงินด้วย QR Code ในอาเซียนสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการบูรณาการทางการเงินระดับภูมิภาคผ่านนวัตกรรมดิจิทัลที่มองไปข้างหน้า และเป็นความภาคภูมิใจที่ ซีไอเอ็มบี ไนอาก้า ซีไอเอ็มบี ไทย และสมาชิกอื่นๆ ของกลุ่มซีไอเอ็มบีได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้บริการลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน"

ทั้งนี้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้รับเลือกให้เป็นผู้ให้บริการ QR payment ระหว่างประเทศไทย และมาเลเซีย จากความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางมาเลเซีย และธนาคารแห่งประเทศไทย
อนึ่ง กลุ่มซีไอเอ็มบี มีเครือข่ายครบทั้ง 10 ประเทศอาเซียน ทั้งการเป็นสาขาเต็มรูปแบบ สำนักงานตัวแทน และเครือข่ายธุรกิจ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เชื่อมโยงความเป็นอาเซียน อาทิ BizChannel@CIMB Mobile app ที่ให้ลูกค้าธุรกิจสามารถบริหารจัดการทุกบัญชี CIMB ทั่วอาเซียนได้ในแอปเดียว สำหรับลูกค้ารายย่อยผู้ถือบัตรเดบิต ของกลุ่มซีไอเอ็มบี สามารถกดเงินข้ามประเทศผ่านตู้ ATM ของกลุ่มซีไอเอ็มบีโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
#2855


ตัวแทนของ "เอมมา สโตน" เปิดเผยว่าเธอตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญา เล่นหนังภาคต่อ Cruella 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังเคยมีข่าวลือว่าดาราสาวกำลังพิจารณาฟ้อง Disney เรื่องผลประโยชน์ แต่สุดท้ายก็ตกลงกันได้

เคยมีข่าวว่า เอมมา สโตน อาจจะตัดสินใจยื่นฟ้อง Disney ตามรอย "สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน" เกี่ยวกับเรื่องที่บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ละเมิดสัญญานำหนังของพวกเธอ เผยแพร่ลงสตรีมมิ่งโดยไม่ได้รับอนุญาต

แต่สำหรับกรณีของ เอมมา สโตน ดูเหมือนว่า สตูดิโอและฝ่ายนักแสดงจะจบลงก็ลงตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะนอกจากจะไม่ฟ้องร้องแล้วยังมีข่าวว่า เอมมา สโตน ได้ตกลงที่จะเล่นภาคต่อของหนัง Cruella แล้วด้วย

สืบเนื่องมาจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้สตูดิโอผลิตภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายแห่ง ตัดสินใจ ส่งหนังเผยแพร่ผ่านระบบสตรีมมิ่งพร้อมกับการฉายในโรงภาพยนตร์ เพื่อทดแทนที่โรงภาพยนตร์จำนวนไม่สามารถเปิดกิจการได้



แต่กลายเป็นว่าแผนการดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้กับดาราหลายคน ที่เซ็นสัญญารับส่วนแบ่งจากการขายตั๋วหน้าโรงภาพยนตร์ไว้ด้วย เพราะจะทำให้พวกเขาขาดรายได้ในส่วนแบ่งจากการขายตั๋วไป

ซึ่งดาราที่แสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจนที่สุดก็คือ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน พี่ฟ้องร้อง Disney ว่าละเมิดสัญญา ที่เธอเซ็นเอาไว้ตอนทำหนัง Black Widow

โดยในตอนนั้นมีข่าวตามออกมาว่ามีดาราหลายคนก็อาจจะฟ้อง Disney เหมือนกัน หนึ่งในนั้นก็คือ เอมมา สโตน ที่สูญเสียผลประโยชน์จากการที่ Cruella ฉายโรงพร้อมปล่อยลงสตรีมมิ่งเช่นเดียวกัน

แต่ล่าสุดตัวแทนของ เอมมา สโตน ได้เปิดเผยว่าดาราสาวแล้ว Disney สามารถตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว และ เอมมา สโตน ก็ได้ตอบตกลงที่จะเล่นหนัง Cruella 2 ของทาง Disney เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย



ตัวแทนของ เอมมา สโตน ยอมรับว่าปัจจุบัน ธุรกิจบันเทิงและสื่อเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทจัดจำหน่าย, ผู้สร้างสรรค์งาน รวมถึงตัวนักแสดงต้องปรับตัวเพื่อหาความลงตัวในการทำงานร่วมกันให้ได้

ซึ่งตัวแทนของ เอมมา สโตน เชื่อว่าข้อตกลงล่าสุดที่ดาราสาวทำกับ Disney มีความลงตัว และให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายอย่างดีที่สุดแล้ว ซึ่งตัวแทน เอมมา สโตน ยังคาดหวังว่านี่จะเป็นการเปิดประตูบานแรกไปสู่ การทำงานร่วมกันในยุคสมัยใหม่ในวงการบันเทิงของคนบันเทิงคนอื่น ๆ ต่อไปด้วย
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดีลล่าสุดของ เอมมา สโตน และ Disney ประสบความสำเร็จลุล่วงด้วยดีก็น่าจะมาจากความสำเร็จของหนัง Cruella เองที่ทำเงินในการฉายทั่วโลกไป 226 ล้านเหรียญฯ ซึ่งถือว่าน่าพอใจไม่น้อยในภาวะเช่นนี้

แต่ที่สำคัญหนังยังทำยอดการขายผ่านสตรีมมิง Disney + ได้น่าพอใจมาก มีคนซื้อหนังไปนั่งชมที่บ้านในสัปดาห์แรกถึง 686,000 หลังคาเรือน และทำเงินให้กับ Disney แบบเต็ม ๆ ไม่ต้องแบ่งใครในสัปดาห์เดียวถึง 20.57 ล้านเหรียญฯ
#2856


วันนี้ (16 ส.ค. 64) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลัง การประชุม ศบค. ชุดใหญ่ เมื่อเวลา 13.30 น. โดยกล่าวถึง แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันให้การบริการวัคซีนโควิด-19 ทั้งสิ้น 23,592,227 โดส


ผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม จำนวน 17,996,826 คน (25%) ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม จำนวน 5,109,476 คน (7.1%) และผู้ที่ได้รับวัคซีนไขว้เข็มที่ 1 ซิโนแวค และ เข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 974,563 คน ไม่มีอาการพึงประสงค์รุนแรงและไม่พบผู้รับวัคซีนสูตรนี้เสียชีวิตจากโรคโควิด ผู้ที่ได้รับวัควีนเข็มกระตุ้นด้วย แอสตร้าเซนเนก้า 195,520 คน



ผลการศึกษาการฉีดวัคซีน อาสาสมัคร ได้แก่ คนไทยที่ได้รับวัคซีนโควิด 3 กลุ่ม และตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันภายหลัง ได้รับวัคซีนโดสที่ 2 แล้ว 14 – 72 วัน วัดระดับภูมิคุ้มกัน อาสาสมัคร ได้รับวัคซีน ซิโนแวค และ แอสตร้าเซนเนก้า ร่างกายตอบสนองทางภูมิคุ้มกันสูงกว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนชนิดเดียว ซิโนแวค – ซิโนแวค หรือ แอสตร้าฯ – แอสตร้าฯ



ตั้งเป้าหาวัคซีน 10 ล้านโดสใน ก.ย.

โฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า มีการเสนอว่าเป้าหมายหาวัคซีนอย่างน้อย 10 ล้านโดสในเดือนก.ย. และเร่งฉีด 608 เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต โดยเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ในเดือน ก.ย. ได้แก่


ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง
เพิ่มความครอบคลุมการได้รับวัคซีนโควิด-19 ในผู้สูงอายุให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 70 ในทุกจังหวัดภายในเดือนก.ย. 64
ควบคุมการระบาดในพื้นที่ต่างๆ ตามสถานการณ์
ฟื้นฟูเศรษฐกิจและรองรับแผนเปิดการท่องเที่ยวในระยะถัดไป
กรณีจัดหาวัคซีนได้น้อยกว่า 10 ล้านโดส จำนวนที่จัดสรรจะลดลงตามสัดส่วนวัคซีนที่จัดหาได้
จอง 'ไฟเซอร์' 10 ล้านโดส ซิโนแวค 12 ล้านโดส
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ที่ ประชุม ศบค.เห็นชอบ แผนจัดหาจัดซื้อวัคซีน เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบจัดหาวัคซีนในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2564 เพื่อนำมาใช้ในช่วงที่ระยะเวลาที่มีวัคซีนจำกัดเพิ่มเติม เนื่องจากปัญหากลายพันธุ์ เดลต้า ที่วัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้น้อย จึงควรเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มความครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งต้องได้ 100 โดส ในปี 2564 โดยการเจรจาจัดหาวัคซีนเพิ่มจากบริษัทผู้ผลิตที่สามารถส่งมอบวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด ได้แก่


1.1 จองซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 10 ล้านโดส


1.2 ให้องค์การเภสัช จัดหาวัคซีนซิโนแวคเพิ่มอีก 12 ล้านโดส


1.3 ให้เจรจาหาวัคซีนเพิ่มอีก 10 ล้านโดส ภายในปี 2564
#2857


ภาษีศุลกากรจัดเก็บเอากับสินค้านำเข้าจากประเทศจีนซึ่งใช้กันมาตั้งแต่สมัยของโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเป็นเชื้อเพลิงทำให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯขึ้นสู่งเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันก็คุกคามโอกาสของพรรคเดโมแครตของไบเดน ในการชนะเลือกตั้งกลางสมัยปี 2022

นิวยอร์ก - ในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยที่ทั่วทั้งประชาคมธุรกิจอเมริกัน –องค์กรทางธุรกิจขนาดใหญ่ๆ มากกว่า 30 แห่ง – พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน อย่างที่พวกเขาได้กระทำในคำร้องเรียนถึงคณะบริหารไบเดนเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม เพื่อขอให้ยกเลิกภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากประเทศจีน

ในการเมืองอเมริกัน ไม่มีบุคคลหรือกลุ่มองค์กรไหนอีกแล้วที่ขี้ขลาดตาขาวยิ่งไปกว่าพวกล็อบบี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของแวดวงธุรกิจ พวกเขาเหล่านี้แทบทั้งหมดทำงานแบบมุ่งล็อบบี้กันเงียบๆ เพื่อให้มีการผ่อนคลายมาตรการของฝ่ายบริหารและปรับเปลี่ยนน้ำหนักของกฎหมายข้อบังคับต่างๆ ดังนั้น การออกมาเรียกร้องแบบเป็นข่าวเกรียวกราวเช่นนี้ จึงบ่งบอกให้เห็นว่า พวกองค์กรธุรกิจเหล่านี้เชื่อว่าเวลานี้กำลังมีการเดินหน้าเพื่อทำข้อตกลงกันอยู่แล้ว

การตกลงกันน่าที่จะเกิดขึ้น สืบเนื่องจากภาวะเงินเฟ้ออาจจะกลายเป็นยาพิษที่ทำลายโอกาสของพรรคเดโมแครตในการชนะการเลือกตั้งกลางสมัยปี 2022 และต้องคืนอำนาจควบคุมรัฐสภาสหรัฐฯไปให้แก่พรรครีพับลิกัน การตัดลดอัตราภาษีศุลกากรนี่แหละ คือหนทางอันรวดเร็วที่สุดในการลดเงินเฟ้อ นอกเหนือจากเรื่องเลขคณิตของการเมืองเพื่อการเลือกตั้งแล้ว ฉันทามติอย่างหนึ่งกำลังปรากฏโฉมออกมาให้เห็น ซึ่งได้แก่ความคิดเห็นที่ว่า มาตรการแซงก์ชั่นด้านเทคโนโลยีที่ ทรัมป์ นำมาบังคับใช้กับจีนนั้น ประสบความล้มเหลว และแม้กระทั่งอาจจะทำให้เกิดผลเสียหายย้อนกลับคืนสหรัฐฯเองอีกด้วย

กลุ่มธุรกิจต่างๆ มากกว่า 30 กลุ่ม ในจำนวนนี้มีทั้ง หอการค้า (Chamber of Commerce), กลุ่มโต๊ะกลมธุรกิจ (Business Roundtable สมาคมของพวกประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบรรดาบริษัทใหญ่ๆ ของสหรัฐฯ -ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Business_Roundtable), สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor Industry Association) ตลอดจนตัวแทนของอุตสาหกรรมขายปลีก, การเกษตร, และอุตสาหกรรมการผลิต ร่วมกันทำหนังสือร้องเรียนให้ไบเดนตัดลดภาษีศุลกากร และเปิดการหารือทางการค้ากับจีนขึ้นมาใหม่

หนังสือฉบับนี้ระบุว่า "วาระการค้าที่มุ่งถือคนงานเป็นศูนย์กลาง (worker-centered trade agenda คณะบริหารไบเดนถือเรื่องนี้เป็น ส่วนประกอบสำคัญในนโยบายการค้าของตน ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://ustr.gov/sites/default/files/files/reports/2021/2021%20Trade%20Agenda/2021%20Trade%20Report%20Fact%20Sheet.pdf -ผู้แปล) ควรต้องคำนึงถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายซึ่งภาษีศุลกากรของสหรัฐฯและของจีนบังคับเรียกเอากับชาวอเมริกันภายในสหรัฐฯ และต้องยกเลิกภาษีศุลกากรที่สร้างอันตรายให้แก่ผลประโยชน์ต่างๆ ของสหรัฐฯ"

เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐมนตรีคลัง เจเนต เยลเลน (Jenet Yellen) ก็บอกกับนิวยอร์กไทมส์ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nytimes.com/2021/07/16/us/politics/yellen-us-china-trade.html) ว่า ภาษีศุลกากรเหล่านี้ "สร้างความเจ็บปวดให้แก่บรรดาผู้บริโภคอเมริกัน" ตั้งแต่ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯในตอนนั้น สั่งจัดเก็บภาษีศุลกากรในอัตราราว 20% จากสินค้าประมาณครึ่งหนึ่งที่อเมริกาซื้อจากจีน กระทรวงการคลังสามารถจัดเก็บภาษีนี้ได้เงินราวๆ 100,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าแทบทั้งหมดของจำนวนนี้ ผู้บริโภคสหรัฐฯนั่นแหละคือคนที่จ่าย

ภาษีศุลกากรเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง ซึ่งอธิบายถึงการที่อัตราเงินเฟ้อเมื่อคำนวณจากพวกสินค้าคงทน พุ่งขึ้นสูงลิ่วในช่วงปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ราคาผู้บริโภคสำหรับพวกสินค้าคงทนอยู่ในสภาพลดต่ำลงอย่างสม่ำเสมอตลอดช่วงระหว่างปี 1995 ถึงปี 2020 โดยที่สำคัญเป็นเพราะพวกอิเล็กทรอนิกส์มีราคาลดลง ดัชนีราคาผู้บริโภคสำหรับสินค้าคงทนนั้นตกลงราว 25% ทีเดียวในช่วงระหว่างปี 1997 ถึงปี 2020 ก่อนที่มันจะเด้งกลับขึ้นมาประมาณ 15% นับตั้งแต่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ต่อสู้กับโรคโควิด-19

อย่างที่แสดงให้เห็นในแผนภูมิข้างล่างนี้ การที่สินค้าซึ่งสหรัฐฯนำเข้าจากจีนมีราคาที่ลดต่ำลงนั้น มีผลกระทบอย่างใหญ่โตทีเดียวต่อราคาที่ชาวอเมริกันต้องจ่ายเพื่อซื้อพวกสินค้าคงทน



ผลสำรวจความคิดเห็นของ ว็อกซ์/ดาตา ฟอร์ โพรเกรสสีฟ โพลล์ (Vox/Data for Progress poll) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vox.com/22600551/inflation-rate-poll-jobs-infrastructure-fed) ระบุเอาไว้ว่า ในทัศนะของผู้ออกเสียงชาวอเมริกัน เรื่องเงินเฟ้อคือประเด็นปัญหาทางเศรษฐกิจเร่งด่วนที่สุด

เวลานี้ สหรัฐฯนำเข้าสินค้าต่างๆ จากจีนคิดเป็นมูลค่าประมาณปีละ 550,000 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับเกือบๆ หนึ่งในสี่ของผลผลิตด้านอุตสาหกรรมการผลิตของอเมริกา ซึ่งอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เมื่อคำนวณจากพื้นฐานตัวเลขจีดีพี ในเมื่อสินค้านำเข้าจากจีนประมาณครึ่งหนึ่งทีเดียว ถูกจัดเก็บภาษีศุลกากรในอัตราราวๆ 20% ดังนั้นเพียงใช้หลักเลขคณิตธรรมดาๆ ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การยกเลิกภาษีศุลกากรเช่นนี้ไป สมควรจะลดต้นทุนของสินค้าคงทนในสหรัฐฯลงได้ประมาณ 2% กว่าๆ

จิน ชั่นหรง (Jin Canrong) ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยเหรินหมิน (Renmin University) ในกรุงปักกิ่ง และเป็นนักวิชาการจีนคนสำคัญคนหนึ่งซึ่งเป็นที่ติดตามกันอย่างใกล้ชิดในวอชิงตัน ออกมาแสดงความคิดเห็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้อสามารถที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯล้มละลายได้ เนื่องจากกำลังทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยในภาระหนี้สินของสหรัฐฯพุ่งสูงลิ่ว เขากล่าวต่อไปด้วยว่า สหรัฐฯจำเป็นต้องอาศัยสายโซ่อุปทานของจีน เพื่อกดให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ข้อเขียนเรื่อง "Will China bail out Biden?," วันที่ 3 สิงหาคม 2021 https://asiatimes.com/2021/08/will-china-bail-out-biden/)

โกล.ไทมส์ (Global Times) หนังสือพิมพ์ในการควบคุมของรัฐจีน เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ได้เสนอความเห็นเอาไว้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของตน (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.globaltimes.cn/page/202108/1230787.shtml) ว่า "นโยบายจัดเก็บภาษีศุลกากรอัตราสูงของสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ฝืนกับแนวโน้มของช่วงเวลานี้ และจะไม่สามารถยืนโรงไปได้นาน พวกบริษัทจีนโดยทั่วไปสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่เช่นนี้แล้ว ขณะที่สหรัฐฯกลับกำลังเจ็บปวดเสียหายจากภาษีศุลกากรเหล่านี้มากกว่าจีน  เรื่องนี้กำลังค่อยๆ ก่อรูปกลายเป็นฉันทามติในมติสาธารณชนสหรัฐฯ  และนี่ทำให้จีนมีเงื่อนไขที่ได้เปรียบกว่าในการธำรงรักษาจุดโฟกัสทางยุทธศาสตร์ของตน  อันที่จริงแล้ว มันยังเป็นการประกาศให้เห็นกันอย่างชัดเจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ถึงความแข็งแกร่งอย่างรอบด้านของจีน"

เวลาเดียวกันนี้ พวกนักยุทธศาสตร์ชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ยังกำลังมีข้อสรุปอีกประการหนึ่งว่า ทรัมป์ประสบความล้มเหลวในการพยายามเหนี่ยวรั้งดึงถ่วงให้จีนก้าวหน้าช้าลงมา จากวิธีการตัดขาดไม่ให้จีนสามารถเข้าถึงพวกเซมิคอนดักเตอร์ระดับไฮ-เอนด์ ซึ่งผลิตขึ้นโดยอาศัยเทคโนโลยีสหรัฐฯ ทั้งนี้เอเชียไทมส์คือสื่อเจ้าแรกซึ่งรายงานเอาไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้วว่า จีนมีศักยภาพด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่สามารถหลบหลีกข้ามลอดมาตรการแซงก์ชั่นอเมริกันซึ่งมุ่งสกัดขัดขวางพวกแอปพลิเคชั่นสำคัญขั้นเป็นตายทั้งหลาย อย่างเช่น การสร้างเครือข่าย 5จี รวมทั้งยังรายงานว่าจีนกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในการนำเอา 5จี มาใช้ประโยชน์ในแวดวงอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างกว้างขวาง (ดูเพิ่มเติมได้ที่ข้อเขียนเรื่อง "China is first out of the gate to Industry 4.0," วันที่ 26 มิถุนายน 2021 https://asiatimes.com/2021/06/china-is-first-out-of-the-gate-to-industry-4-0/)

ภายในปีนี้ จีนจะสร้างสถานีฐานของเครือข่าย 5จี ได้เกือบๆ 1 ล้านแห่ง ถือเป็นฝีก้าวที่ล้ำหน้าดินแดนส่วนอื่นๆ ของโลกไปไกลทีเดียว ยิ่งกว่านั้น แหล่งข่าวหลายรายในแวดวงอุตสาหกรรมจีนรายงานว่า เครือข่าย 5จี ที่มีความประณีตซับซ้อน สำหรับใช้ในโรงงาน, ท่าเรือ, โกดังคลังสินค้า, เหมืองแร่, และระบบขนส่งภายในตัวเมืองใหญ่ จำนวนหลายหมื่นระบบ กำลังจะได้รับการติดตั้งขึ้นมาให้ใช้งานได้ภายในช่วงปีหน้า

ในเดือนกรกฎาคม 2021 สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานว่าด้วยอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีน (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.semiconductors.org/wp-content/uploads/2021/07/Taking-Stock-of-China%E2%80%99s-Semiconductor-Industry_final.pdf) โดยพูดเอาไว้ดังนี้:

"เมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง จีนได้ส่งทีมนักบินอวกาศขึ้นสู่อวกาศเพื่อเข้าไปประจำอยู่ในสถานีอวกาศแห่งใหม่ ก่อนหน้านั้นในปีนี้ จีนยังจัดส่งยานสำรวจไปยังดาวอังคาร พวกสื่อภาครัฐของจีนรายงานว่า ทั้งภายในสถานีอวกาศ และภายในยานสำรวจดาวอังคารของจีนเหล่านี้ ต่างใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่ออกแบบและผลิตขึ้นภายในประเทศล้วนๆ 100% เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงสมรรถนะด้านไมโครชิประดับประณีตซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ของจีน

กระนั้นก็ตาม ขณะที่จีนแสดงให้เห็นว่ามีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีด้านชิปบางอย่างบางด้าน  ทว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เพื่อการพาณิชย์ของแดนมังกรโดยรวมกลับยังคงอยู่ในอาการค่อนข้างเริ่มต้นเติบโตเท่านั้น  แต่รัฐบาลจีนก็กำลังใช้ความพยายามอย่างจริงจังเพื่ออุดช่วงห่างนี้ ด้วยการลงทุนในเรื่องเซมิคอนดักเตอร์ เป็นมูลค่ามากกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์ ในระยะเวลาตั้งแต่ปี 2014 ไปจนถึงปี 2030 และด้วยการหนุนส่งจากตลาดที่กำลังบูม ตลอดจนการลงทุนต่างๆ เหล่านี้ของรัฐบาล จีนจึงอยู่ในฐานะที่จะมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้นในบางภาคส่วนของตลาดเซมิคอนดักเตอร์"

ในบทวิจารณ์ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.project-syndicate.org/commentary/china-
versus-america-ai-race-pandemic-by-eric-schmidt-and-graham-allison-2020-08) ที่เขียนให้ โปรเจ็คต์ ซินดิเคต (Project Syndicate) เมื่อวันที่ 4สิงหาคม เกรแฮม แอลลิสัน (Graham Allison)ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ อีริก ชมิดต์ (Eric Schmidt)อดีตซีอีไอของ กูเกิล กล่าวเตือนเอาไว้ว่า:

"ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ทึกทักเอาว่า ความเป็นผู้นำในเทคโนโลยีก้าวหน้าด้านต่างๆ ของประเทศชาติของพวกเขาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ ขณะเดียวกันก็มีผู้คนจำนวนมากในประชาคมความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯยืนกรานว่า จีนไม่มีทางเลยที่ไปได้ไกลเกินกว่าการเป็น "คู่แข่งขันที่ตามหลังมาใกล้ๆ"ของสหรัฐฯ ในด้าน เอไอ (AI ย่อมาจาก artificial intelligenceปัญญาประดิษฐ์) ในความเป็นจริงแล้ว จีนเป็นคู่แข่งขันระดับเท่าเทียมเต็มที่ของสหรัฐฯอยู่แล้วในเรื่องแอปพลิเคชั่น เอไอ ทั้งในเชิงพาณิชย์และในด้านความมั่นคงแห่งชาติ จีนไม่ได้เพียงแค่กำลังพยายามเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเท่านั้น พวกเขามีความเชี่ยวชาญในเรื่องเอไออยู่แล้ว

โรคระบาดใหญ่คราวนี้เป็นการเสนอเวทีทดสอบอย่างเปิดเผยรุ่นแรกๆ ในเรื่องความสามารถของแต่ละประเทศที่จะระดมเอาเอไอออกมาใช้เพื่อตอบโต้กับภัยคุกคามทางความมั่นคงแห่งชาติ  ในสหรัฐฯ คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่าตนนำเอาเทคโนโลยีลำสมัยมาใช้งานเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการประกาศ"ทำสงคราม" กับไวรัสโคโรนา ทว่าส่วนใหญ่ที่สุดแล้ว เทคโนโลยีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเอไอ ถูกนำมาใช้ในฐานะเป็นวลีถ้อยคำที่ทำให้เกิดความรู้สึกประทับใจเสียมากกว่า

ในประเทศจีนไม่ใช่อย่างนั้น เพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัสร้าย จีนล็อกดาวน์ประชากรทั้งหมดในมณฑลเหอเป่ย –ผู้คนจำนวน 60 ล้านคน  นั่นคือมากกว่าจำนวนของผู้พำนักอาศัยอยู่ทางฝั่งอีสต์โคสต์ของสหรัฐฯทุกๆรัฐ ไล่ตั้งแต่รัฐฟลอริดาจนถึงรัฐเมน จีนดูแลรักษาเขตควบคุมโรคอันใหญ่โตมโหฬารที่ขีดวงขึ้นมานี้ โดยใช้อัลกอริธึมที่ผ่านการปรับปรุงยกระดับโดยเอไอ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของผู้พำนักอาศัย และยกระดับสมรรถนะในการตรวจหาเชื้อ เวลาเดียวกันนั้นก็สร้างสถานรักษาพยาบาลขนาดมหึมาแห่งใหม่

เอเชียไทมส์เป็นสื่อรายแรกที่รายงานข่าวเรื่องจีนใช้ เอไอ เพื่อควบคุมโรคระบาดใหญ่คราวนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2020  (ในข้อเขียนเรื่อง ("China suppressed Covid-19 with AI and big data"https://asiatimes.com/2020/03/china-suppressed-covid-19-with-ai-and-big-data/)

มาตรการแซงก์ชั่นเทคโนโลยีของคณะบริหารทรัมป์ ไม่ได้ดึงรั้งจีนให้เชื่องช้าลง ในทางตรงกันข้าม อย่างที่ แอลลิสัน และชมิดต์ ยืนยันเอาไว้ จีนกำลังเคลื่อนตัวไปได้รวดเร็วกว่าสหรัฐฯ  และในบางแวดวงกระทั่งแซงหน้าสหรัฐฯไปแล้ว  เมื่อพิจารณากันด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจและเหตุผลทางยุทธศาสตร์  คณะบริหารไบเดนน่าที่จะนำเอานโยบายจีนที่ล้มเหลวแล้วของทรัมป์ไปกลบฝังอย่างเหมาะสม  แล้วจะได้เดินหน้ากันต่อไป
#2858
ใครที่ตอนนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด ตกงาน ปิดกิจการ รายได้ลดลง หนี้สินท่วมตัว เงินไม่พอใช้

อยากมาศึกษาออนไลน์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร กลัวเจ๊ง คอร์สนี้มีคำตอบ

ออนไลน์ ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ "ทางรอด"

คอร์สออนไลน์  6 วัน 6 วิชา        
- 6 เสาหลักสร้างเพจปัง       
- ยิงแอด facebook ให้ได้ผล        
- แต่งภาพสวยง่าย ๆ จากมือถือ         
- การตลาดบน Tik Tok ให้มีคนติดตามหลักแสน       
- เปิดร้านบนไอจี Instragram
- เคล็ดลับแม่ค้าออนไลน์ร้อยล้าน

สอนแบบจับมือทำ ตั้งแต่พื้นฐาน จนเป็นมืออาชีพ
สอนจากประสบการณ์จริง โดยอาจารย์ที่มีรายได้กว่า 100 ล้านบนโลกออนไลน์
สอนสด ผ่านแอปซูม เรียนได้จากที่บ้าน

เวลาเรียน 19.00 - 22.30

ปรกติคอร์สนี้ราคา 9,800.-
พิเศษ !!!  เฉพาะช่วงโควิด ปรับโปรช่วยชาติ เหลือเพียง 98 บาท!!!
ย้ำ !!! รับจำนวนจำกัดเพียง 20 ท่าน ที่จัดสรรเวลาได้ !!!

คลิ๊กดูรายละเอียดคอร์ส
https://drive.google.com/file/d/1fZIP-BhrqgnSHAb-4HZezzgtKL9qKHFR/view?usp=drivesdk

สนใจ สามารถแอดไลน์สอบถามที่ @049dhubr หรือลิงค์ไลน์
https://lin.ee/4zIaPti

หรือโทร 098-378-1371, 098-378-1373

***เรียนไม่คุ้ม คืนเงินทันที ***
#2859


ผศ.ธารีทิพย์ ทากิ อาจารย์ประจําสาขาการโรงแรมและธุรกิจอาหาร คณะการท่องเที่ยวและ การโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เผยถึง "ข้อเสนอทางรอด" ของธุรกิจร้านอาหาร และผู้เกี่ยว ข้องทุกฝ่ายว่า จากการจัดเวทเสวนาแบบกลุ่มย่อยหรือ "โฟกัสกรุ๊ป" โดยเชิญตัวแทนผู้ประกอบการร้าน อาหารและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ เข้าร่วมประชุมผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อรับฟังความคิดเห็น สรุปประเด็นปัญหา และข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย เมื่อเร็วๆ นี้

ได้ข้อสรุปว่ามาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายหรือโครงการส่งเสริมยอดขายเพื่อสร้างรายได้ของร้านอาหารให้เพิ่มขึ้น คือ การตอบโจทย์ของทุกปัญหาที่ผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องการจะเห็น เพราะรายได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะมาจากช่องทางใดก็ตาม นอกจากจะช่วยให้ผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ได้มีสภาพคล่องทางการเงินและมีเงินทุนหมุนเวียน สามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจและ แรงงานภาค บริการภายในร้านแล้ว ยังช่วยส่งเสริมและกระจายรายได้ไปถึงไรเดอร์ (Rider) หรือคนขับผู้จัดส่งอาหาร และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฯ รวมถึงเพิ่มทางเลือกในการตัดสินใจสั่งซื้ออาหารของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี





"ส่วนตัวเห็นด้วยกับนโยบายล่าสุดของรัฐบาลที่ผ่อนปรนให้มีการขายอาหารภายในห้างสรรพสินค้าได้ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้ออาหารผ่านแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ เพื่อเป็นทางเลือกในการ ตัดสินใจช่วงที่มีการประกาศล็อกดาวน์ แต่ภาครัฐและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันสร้างโอกาสในการ เพิ่มยอดขาย เพื่อสร้างรายได้ให้กับร้านอาหาร เพราะรายได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น จะช่วยลดปัญหาต่างๆ ในสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี"

ผศ.ธารีทิพย์ ย้ำว่า ทางรอดที่จะนำไปสู่การสร้างยอดขายหรือรายได้ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการทุกกลุ่มได้ นำเสนอ กระทั่ง สรุปเป็นประเด็นที่มีโอกาสความเป็นไปได้นั้น ประกอบด้วย 4 แนวทาง ดังนี้

1.เพิ่มช่องทางขายออนไลน์ ผู้ประกอบการร้านอาหารควรเร่งปรับตัวเพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าผ่าน ช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะการ ให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ เนื่องจากเป็นช่องทางที่ดีและ เหมาะสมที่สุดในยามนี้ ทั้งนี้ จากการสัมภาษณ์พบว่าร้านอาหารมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากยอดสั่งซื้ออาหาร ผ่านช่องทางนี้สูงถึงร้อยละ 60-70% เมื่อเทียบกับการขายหน้าร้านเพียงอย่างเดียว แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ สำคัญสำหรับผู้ประกอบการคือการ กระตุ้นยอดขายให้มากขึ้นในช่องทางออนไลน์ ในช่วงเวลาที่ยอดขาย จากการนั่งทานในร้านหายไป เพื่อให้เกิดสภาพคล่องและยังคงประคับประครองธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้

2.โปรโมทร้านสร้างยอดขายจากโปรโมชั่น ผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องโปรโมทตัวเองให้เป็นที่รู้จัก ของลูกค้า เนื่องจากในแต่ละแฟลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่มีร้านอาหารมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ร้านอาหารที่มี ชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก หรือทำการโปรโมทไปก่อนหน้านี้จะมีโอกาสได้รับความสนใจและสั่งซื้อมากกว่าร้านที่ไม่ เคยทำการโปรโมทฯมาก่อน แต่ก็ต้องแลกกับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการบางรายที่เข้าร่วม ในทุกแพลตฟอร์มฯและโหมทำการโปรโมทร้านค้าตัวเองจนยอดขายเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 90 ถึงจะแลก กับการจ่ายเงินค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นมา แต่ทำให้ร้านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค และนำมาซึ่งยอด ขายตามมาในอนาคต



3.เข้าร่วมโครงการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยมาตรการต่างๆ ของภาครัฐมีส่วนช่วยลดภาระต้นทุนใน การขนส่งอาหารให้กับผู้บริโภค เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวตัดสินใจสั่งซื้ออาหารของผู้บริโภค เนื่องจากนโยบาย

ของรัฐในช่วงที่ผ่านมาส่งผลโดยตรงอย่างมากต่อการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของผู้คน และอาหารก็เป็นสิ่งที่ ผู้คนจะต้องบริโภคทุกวันๆ ละ 2-3 มื้อ ดังนั้น หากผู้บริโภคต้องแบกรับภาระค่าขนส่งฯมากเกินไป อาจ กระทบต่อการตัดสินใจสั่งซื้ออาหาร ทั้งนี้ การที่ภาครัฐเตรียมจะเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิในโครงการคนละครึ่ง สามารถสั่งซื้ออาหารผ่านแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ ถือเป็นอีกความช่วยเหลือที่ดีแก่ผู้บริโภคและผู้เกี่ยวข้อง กลุ่มอื่นๆ แต่ก็เป็นคนละส่วนกับการช่วยลดภาระด้านต้นทุนการขนส่งฯที่ภาครัฐจะต้องให้น้ำหนักความ สำคัญแยกออกมาต่างหาก

และ 4.สร้างจุดขายผ่าน CSR ผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องมองหาพันธมิตรองค์กร ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน ที่มีนโนบายด้านสังคม (CSR) ด้วยการรับผลิตอาหารชุด (กล่อง) เพื่อนำไปบริจาคให้กับ ผู้ป่วยโควิด-19 และบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ในโรงพยาบาล, โรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอยผู้ป่วย โควิดฯแม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องพยายามทำควบคู่ไปกับแนวทางอื่นๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย

"เห็นได้ชัดว่า ทั้ง 4 แนวทางที่สรุปจากข้อเสนอของทุกฝ่ายนั้น ล้วนส่งผลไปถึงการสร้างรายได้จากยอดขาย ที่เพิ่มขึ้น ตรงกับความต้องการแท้จริงของทุกฝ่ายที่จะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ ร้านอาหาร กลุ่มคนขับหรือไรเดอร์, ผู้ให้บริการแฟลตฟอร์มฯ แม้กระทั่ง ผู้บริโภคฯเอง ส่วนประเด็นเรื่องค่า GP หรือค่าคอมมิชชันที่ผู้ให้บริการแฟลตฟอร์มฯคิดกับร้านอาหารฯตามข้อเสนอที่ภาครัฐเคยมีก่อนหน้านี้ นั้น ผู้ประกอบการร้านอาหารส่วนใหญ่กลับมองเห็นว่า เรื่องนี้ยังไม่สำคัญเท่ากับการกระตุ้นให้เกิดการ สั่งซื้ออาหาร ที่จะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายและสร้างรายได้ให้กับพวกเขา เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งมวลที่เกิดขึ้น ในทุกวันนี้ และเข้าใจดีว่าแพลตฟอร์มเองก็มีต้นทุนที่ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะค่าตอบแทนของไรเดอร์ และค่าทำการตลาดที่สำคัญต่างๆ อีกทั้งมองว่าการลดค่า GP ของแพลตฟอร์ม อาจนำมาซึ่งผลกระทบต่อ ผู้เกี่ยวข้องฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน" อาจารย์มหาวิทยาลัย ธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวสรุป
#2860


นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ธนาคารเปิดให้ลูกค้าปัจจุบันของธนาคารที่ประกอบอาชีพแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรด่านหน้าในการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์ฉีดวัคซีน และมีสถานะบัญชีปกติ ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วม "โครงการ My Hero : บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข" เพื่อรับสิทธิ์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 1.00% ต่อปี จากทุกอัตราดอกเบี้ยที่บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นระยะเวลานาน 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 31 ธันวาคม 2564 ทำให้เงินงวดที่ลูกค้าต้องชำระลดลงมากกว่า 50% ของเงินงวดเดิม และผลปรากฏว่ามีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการจนเต็มกรอบวงเงิน 8,000 ล้านบาท ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้น

เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขสามารถเข้า รับความช่วยเหลือตามมาตรการได้มากยิ่งขึ้น ธอส. จึงได้ เพิ่มกรอบวงเงินของโครงการ My Hero : บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข อีก 4,000 ล้านบาท ทำให้กรอบวงเงินรวมโครงการเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการในวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30-15.00 น. เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ 16-29 สิงหาคม 2564 หรือจนกว่าจะเต็มกรอบวงเงิน

ทั้งนี้ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ได้ทาง Mobile Application : GHB ALL , GHB Buddy บน Line Application และเว็บไซต์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ www.ghbank.co.th พร้อมแนบหลักฐาน/เอกสารเพื่อแสดงว่าปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์ฉีดวัคซีน เช่น บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ หนังสือรับรองการปฏิบัติงานจากหน่วยงาน และเมื่อครบกำหนดระยะเวลาความช่วยเหลือ 4 เดือนแล้ว ลูกค้าจะกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการเดิมที่เคยเลือกใช้ก่อนเข้าร่วมโครงการโดย ไม่ถือว่ามีดอกเบี้ยค้างชำระแต่อย่างใด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์(Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Application : GHB ALL และ www.ghbank.co.th