• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - deam205

#6736


นพ.ฆนัท ครุธกูล นายกสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ (HEC) ผู้ร่วมริเริ่มก่อตั้งโครง Covid-19 Home Care เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางโครงการฯ ได้มีการหารือกับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพื่อนำระบบ Line OA ชื่อ Covid-19 Home Care ไปปรับใช้ในโรงพยาบาลต่าง ๆ ในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งกักตัวอยู่ที่บ้านหรือ Home Isolation (HI) เพื่อเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารกับผู้ป่วย ทั้งการติดตามอาการและการส่งความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ทั้งยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ที่จำเป็น

"ท่านรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะตรงกับนโยบายของทางกระทรวงที่ต้องการสนับสนุนให้มีการนำระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยในการแก้ปัญหาโควิด-19 จึงได้ประชาสัมพันธ์ไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งมีหลายแห่งสนใจเข้ามาขอติดตั้งเพื่อนำไปใช้งานในการดูแลคนไข้" นพ.ฆนัทกล่าว


สำหรับ ระบบ Line OA ดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดยบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เมื่อได้ใช้งานจริงแล้วจึงมีการหารือกันว่าระบบนี้น่าจะเกิดประโยชน์กับหน่วยงานอื่นหรือโรงพยาบาลอื่น ๆ ด้วย เพราะปัจจุบันยังไม่มีระบบรองรับการดูแลผู้ป่วยกักตัวที่บ้าน รวมทั้งระบบการเบิกจ่ายตามสิทธิการรักษาพยาบาลอาจจะยังไม่ลงตัว เพราะเป็นเรื่องใหม่ ดังนั้นระบบที่พัฒนาขึ้นนี้น่าจะช่วยแก้ปัญหาในการทำงานของโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้

"กระทรวงสาธารณสุข โดย สปสช. ออกเงื่อนไขในการเบิกจ่ายมาแล้ว แต่ขั้นตอนวิธีการปฏิบัติทุกอย่างมันแล้วแต่โรงพยาบาล โรงพยาบาลใหญ่ ๆ ก็อาจมีระบบของเขาอยู่บ้างแล้วก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ แต่บางโรงพยาบาลหรือหากเป็นโรงพยาบาลเล็กก็ไม่มีอะไรเลย หากจะไปพัฒนาระบบเองค่าใช้จ่ายก็สูง เราก็เลยประสานตรงส่วนนี้ให้ เพื่อจะใช้เป็นเครื่องมือในการดูแลคนไข้ได้มากขึ้น" นพ.ฆนัทกล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลของโครงการ Covid-19 Home Care กว่า 2,000 คน โดยระบบ Line OA ดังกล่าวสามารถช่วยให้การทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยมีความสะดวกและมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ป่วยโควิดสามารถติดต่อโครงการได้ทางไลน์ @covidhomecare หรือทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ 'We care network – เครือข่ายเราดูแลกัน'
#6737
รังนกเขาหลง  



ตั้งบูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้านค้าขาย เรียกโชคเรียกลาภเรียกเงินเรียกทอง ค้าขายดี ส่งเสริมเรื่อง ความรักครอบครัวคู่ครอง 

วิธีบูชา เครื่องบูชาใส่พานประกอบด้วย ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก

แล้วอธิษฐาน ขอในสิ่งที่ต้องการ


รังนกเขาหลง เป็นรังนกกายสิทธิ์ ท่านพญาแถนกล่าวว่า มีประวัติเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ถ้าใครได้เห็นรังนกเขาหลง คนนั้นมีบุญบารมีสูงส่ง เขาเป็นรังนกกวักเงินกวักทอง หรือไทรเงินไทรทอง ขอพรได้สิบประการ เช่น ที่อยู่เรือนชานเข็ดขวางอยู่ไม่ได้ หรือบ้านนั้นมีทรวงขวางลูกขาวงเมียเจ็บออดๆแอดๆ อยู่อย่างนี้ ถ้ามีรังนกเขาหลงบูชา เจ้าจงเก็บดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิรน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก แล้วใส่ลงไปในรังนกเขาหลง แล้วจงอธิฐานว่า สาธุฯ สิ่งร้ายๆหรือเสนียดจัญไรรำคาญใจบ่อยๆ ให้ออกไป เมื่อท่านทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสุขสบายทั้งกายใจ เจ้ารังนกกายสิทธิ์ เขาจะกวักเงินกวักทองเข้าเรือนชาน ตัวผู้กงัดเข้า ตัวเมียเก็บไว้ ถ้าใครมีไว้สักการะบูชาคนนั้นมีบุหลาย ถ้าใครมีประจำบ้าน สามารถคุ้มครองบ้านเรือน และประสบลาภบันดาลผลให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขอยู่เป็นทุกทิวาราตรี ของกายสิทธิ์ใครมีบุญก็ได้ไป ไว้บูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้าน เรียกเงินเรียกทอง เรื่องมหาเสน่ห์ก็ดี ใครมีแฟนคิดนอกใจ ลองนำไปบูชาดู ของกายสิทธิ์ หายาก เครือเขาหลงที่อยู่ในรังก็ถือว่าเป็นของดี ม้วนเก็บเป็นก้อนบูชาพกใส่กระเป๋าตังค์ ก็เป็นมหาเสน่ห์ โชคลาภ เรียกเงินเรียกทองได้ดี



เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง คือ ไม้ชนิดเดียวกันที่อยู่ในป่าลึก มีเทวดารักษา ผู้มีวิชาอาคมถึงไปขอตัดเอามาได้ ที่ชื่อ อย่างนี้ก็เพราะว่า ไม้นี้ ถ้าคนหรือสัตว์เผลอไปข้ามเข้าก็จะหลงป่า

แม้แต่นกที่บินผ่านต้นก็จะหลงอยู่ที่ต้นไปไหนไม่ได้ ปละตกลงมาตาย ตรงใต้ต้นเครือเขาหลง นี้จึงเต็มไปด้วยซากสัตว์

ส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้ส่วนปลายเครือเล็กๆ จะคล้ายเส้นผมขน เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย ครับ

และสมัยก่อนเอาเครือนี้ฝังตรงคอกวัวควายโขมยที่มาโขมยก็จะลักไปไม่ได้

โดยจะหลงอยู่แถวคอกนั้น เครือสาวหลงนี้ เป็นการม้วนตัวของเครือไม้เขาหลง หรือ สาวหลงที่ม้วนเองตามธรรมชาติ ม้วนเป็นบ่วง ที่เรียกว่า บ่วงนาคบาท

ว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้น หวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้

ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งทาปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้นำส่วนใดส่วนหนึ่งของเครือเล็กๆ เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i1140758172.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.27.2f304edfpNDteq



#6738


บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) หรือ EA แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 2 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 1,190 ล้านบาท หรือ 0.32 บาทต่อหุ้น เพิ้มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,149 ล้านบาท หรือ 0.31 บาทต่อหุ้น 

ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิ 2,602 ล้านบาท หรือ 0.70 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 2,601 ล้านบาท หรือ 0.70 บาทต่อหุ้น


โดยบริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวมสำหรับไตรมาสที่ 2  จำนวน 4,935.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 759.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,175.30 ล้านบาท และมีรายได้รวมสำหรับงวด 6 เดือนแรกปีนี้จำนวน 9,641.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 704.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.89% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 8,936.71 ล้านบาท

สำหรับฐานะการเงินของบริษัทฯและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 จำนวน 81,829.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 จำนวน 3,346.17 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.26 โดยมีรายการที่เปลี่ยนแปลงหลักๆ เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด จำนวน 4,210.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี2563 จำนวน 1,260.02 ล้านบาทหรือร้อยละ 42.70 เนื่องมาจากกำไรที่เกิดจากการดำเนินงานและเงินกู้ยืมเพื่อการดำเนินงานโครงการใหม่ของ

มีหนี้สินรวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 จำนวน 49,897.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 จำนวน 1,040.32 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.13 เนื่องจากเงินกู้ยืมเพื่อการดำเนินงานโครงการใหม่ของกลุ่มบริษัท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น   จำนวน 31,932.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก สิ้นปี 2563 จำนวน 2,305.85 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.78 เนื่องจากกำไรสุทธิของครึ่งแรกของปี 2564
#6740
เพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต พร้อมคู่มือ 399 บาท

ประโยชน์ของเพนดูลั่ม
ใช้สื่อสารกับเทพ เทวดาและถามในสิ่งที่เราไม่รู้ ใช้สำหรับตรวจประเมินสุขภาพ ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเรา ตรวจฮวงจุ้ย ตรวจเช็คพลัง วัตถุมงคล ตรวจหาของหาย ใช้ทำน้ำมนต์ ใช้ดึงพลังเข้าตัว
การตรวจเช็คพุทธคุณ พลังจากพระเครื่อง วัตถุมงคล ของทนสิทธิ์ ต่าง ๆ
โดยปกติจะทำได้เฉพาะผู้ทรงญาณสมาบัติ แต่วิธีง่าย ๆ โดยผู้ที่มีสมาธิเ้พียงขณิกสมาธิ (แนะนำให้ได้ถึงอุปจารสมาธิ) ก็สามารถทำได้ โดยการใช้เพนดูลั่มเป็นตัวตรวจเช็ค ซึ่งจะมีความถุูกต้องประมาณ 80-90 % โดยผู้ที่ตรวจจะต้อง
1. วางอุเบกขา ให้ได้ ไม่คิดไปก่อน หรือบังคับให้เพนดูลั่ม ทำตามสิ่งที่คิด
2. ต้องมีพื้นฐานความรู้เรื่องวัตถุมงคล เล็กน้อย เช่น รู้ว่า พระเครื่อง วัตถุมงคล จะมีความเด่น ด้านใดบ้าง ซึ่งก็จะมี เด่นด้าน
- เมตตามหานิยม คนรักคนชอบ เข้าหาลูกค้า เข้าหาเจ้านาย
- แคล้วคลาดปลอดภัย
- คงกระพันชาตรี
- มหาอุต ปืนแตก
- มหาลาภ เกี่ยวกับด้านโชค ลาภ
- ป้องกันคุณไสย
- กันสะท้อน คือป้องกันคุณไสย แล้วยังสะท้อนกลับไปยังผู้ที่ปล่อยคุณไสยนั้น โดยแรงสะท้อนกลับก็จะขึ้นกับผู้ที่ใส่วัตถุมงคลนั้น ๆ เช่น ผู้ที่ทรงศีลบริสุทธิ์แรงสะท้อนก็จะมากกว่ากว่าคนที่ศีลขาด คนที่มีศีล 8 ก็จะมากกว่า คนมีศีล 5 ....
- ทำน้ำมนต์ คือวัตถุมงคลนั้น ๆ สามารถนำไปทำน้ำมนต์รักษาโรค ได้
- อื่น ๆ
สำหรับวิธีการใช้เพนดูลั่มในการตรวจเช็ควัตถุมงคล
1. นำวัตถุมงคล พระเครื่อง เครื่องราง ของทนสิทธิ์ นั้น ๆ วาง ไว้บนพื้นโต๊ะ หรือบนภาชนะที่สูงกว่าพื้นธรรมดา หากอาจใช้หนังสือ ผ้ามารองก่อนว่า เพื่อมิให้เป็นการปรามาส
2. ขอขมาพระรัตนตรัย ก่อน เพื่อบอกกล่าว ว่าการตรวจเช็คนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะปรามาส แต่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจว่าวัตถุมงคลชิ้นนี้ได้ผ่านการปลุกเสก หรือพุทธาภิเศก มาแล้ว (วิธีการนี้ก็จะสามารถตรวจดูพระปลอม ที่เขาทำปลอม หรือทำเกินจำนวนแล้วไม่ได้เข้าพิธี แต่ก็มีบางกรณีที่มวลสารในการสร้างพระเป็นมวลสารที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ในกรณีนี้ก็ต้องยิ่งคำถามที่แตกประเด็นออกไป)
3. ใช้เพนดูลั่ม จ่อเหนือวัตถุมงคลนั้น ๆ ให้ห่างจากวัตถุมงคลประมาณ 1 น้ิว เป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันการกระทบด้วยแรงแหว่งซึ่งมาจากวัตถุมงคลนั้น ๆ
4. ดูทิศทางของแรงแหว่งที่ออกมาจากวัตถุมงคลนั้น ๆ ว่าไปตามทิศทางใดบาง ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์ โดยทั่วไปถ้าพุทธคุณรอบด้าน จะทำให้เพนดูลั่มหมุนเป็นวงกลม ถ้าแรงแหว่งมีมากก็แสดงว่ามีพุทธคุณมากตาม บางองค์ แทบจะทำให้เพนดูลั่มหลุ่ดจากมือ
5. ตั้งคำถาม ถามเพนดูลั่ม ไปที่ละข้อ ตามความเด่นของวัตถุมงคล เช่น พระองค์นี้เด่นด้านมหาลาภ ด้านคงกระพันชาตรี ... ไปเรื่อย ๆ จนครบ แล้วก็จะทราบว่าพระองค์นี้เด่นด้าน....ครบทุกด้านหรือไม่
การใช้เพนดูลั่มตรวจพลังนี้สามารถตรวจพลังของหิน ได้ จึงเป็นที่นิยมของนักสะสมหิน จะมีเพนดูลั่มในการตรวจพลังหินไว้ติดตัว

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/.../-i1134792176-s2626624357...
#6741


การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ความคาดหวังของการฟื้นตัวเศรษฐกิจต้องชะลอตัวออกไป แล้วอะไรเป็นตัวบ่งชี้ว่าการชะลอตัว ก่อนการกลับมาของการเกิดระบาดของโควิด-19 นักเศรษฐศาสตร์กล่าวถึง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแบบ K-shaped Economy ต่อมาก็กล่าวถึง Post-Pandemic Economic Boom หรือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแบบเฟี่องฟู ซึ่งหากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ จะทำให้เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นอีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจของนักลงทุนทั้งในชาติและต่างชาติ 

อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน จากการสถานการณ์ต่างๆ ทั้งด้านการเริ่มของการแพร่ระบาดของระลอกใหม่ของไวรัสที่กลายพันธุ์ทั่วโลก และร่วมถึงด้านการบริหารจัดการรับมือการแพร่ระบาดของรัฐบาล ซึ่งสามารถทำให้เราตั้งคำถามได้ว่า เศรษฐกิจของประเทศเรานั้น จะเป็นอย่างไรหลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย จะเป็นกรณีของ Economic DOOM before Economic BOOM หรือ เศรษฐกิจของประเทศอาจจะทรุดร่วงก่อนที่เศรษฐกิจจะรุ่งเรือง หากภาครัฐไม่มีแผนรองรับวิกฤติต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ เช่น วิกฤติปัญหาการว่างงาน ปัญหาการว่างงานสะท้อนให้เห็นทั้งปัญหาของโครงสร้างแรงงานและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม 

ก่อนที่จะกล่าวถึงปัญหาวิกฤติที่มีแน้วโนมที่จะขึ้นในหลายด้านหลังสถานการณ์คลี่คลาย ประเด็นที่สำคัญคือภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของรัฐบาลที่ไม่ใช่เพียงการรับมือสถานการณ์โควิด-19 แต่เรื่องวิกฤติการสื่อสารชี้แจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆจากภาครัฐ ซึ่งสิ่งเหล่าจะทำให้สถานการณ์ยิ่งดูลบกว่าสิ่งที่เป็น ดูเหมือนว่าสนามนี้ภาครัฐเข้าขั้นวิกฤติจึงทำให้เกิดผลกระทบต่อไปอีกหลายด้าน 

สนามต่อมาคือนโยบายแนวทางการรับสถานการณ์โควิด-19 หากพิจารณานโยบายเบื้องต้นนโยบายหรือมาตรการต่างๆก็คล้ายกับมาตรการของประเทศอื่นๆแต่วิกฤติที่มีแนวโม้มที่จะเกิดขึ้นคือนโยบายที่จะรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจคือ วิกฤติปัญหาการว่างงาน ปัญหาการว่างงานนั้นจะส่งผลกระทบต่อการรับมือการแก้ปัญหาหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ การเกิดการว่างงานนั้นมาจากหลายอุตสหกรรม อุตสหกรรมแรกคืออุตสหกรรมการท่องเที่ยว ประเด็นคืออุตสหกรรมกรรมท่องเที่ยวจะใช้ระยะเวลานานเท่าไรกว่าจะกลับมาอยู่ในระดับเดิมที่สามารถรองรับแรงงานได้ เพราะการไม่สามารถกลับรองรับแรงงานเดิมกลับสู่อุตสหกรรมได้ก็จะส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายในประเทศ และยังส่งผลกระทบต่อภาคอุตสหกรรมอื่นและภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ และยังรวมถึงการว่างงานจาก

อุตสหกรรมอื่น ถ้าหากสถานการณ์ดีขึ้นหลายภาคอุตสหกรรมก็สามารถกลับมารองรับแรงงานได้ แต่อีกประเด็นที่ต้องทอดบทเรียนการเรียนรู้การคือโครงสร้างแรงงานของประเทศ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างแรงงานของประเทศที่ยังไม่สอดคล้องกับการปรับเปลี่ยนโครงสารทางเศรษฐกิจและความสามารถในการเคลื่อนย้ายแรงงานทั้งในภาคผลิตเดียวกัน(Intra-sectoral mobility) และ ระหว่างภาคผลิตเดียวกัน (Inter-sectoral mobility) ปัญหาความสามารถการเคลื่อนย้ายแรงงานถือได้ว่ามีความสำคัญต่อการขับเคลือนเศรษฐกิจโดยเฉพาะการเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ แต่ที่สำคัญมากกว่าคือแรงงานที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายเพื่อสอดคล้องกับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เช่น นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี

นอกเหนือจากการสื่อสารให้ชัดเจนต่อนโยบายต่างๆมาตรการต่างๆเพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจที่ภาครัฐต้องเร่งดำเนินการ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือนโยบายที่ชัดเจนและเร่งด่วที่จะรองรับการว่างงานที่เกิดขึ้นจากผลกระทบทางเศรษฐกิจของโควิด-19 และการสร้างศักยภาพการเคลื่อนย้ายแรงงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการประเทศให้กลับคืนมา ภาครัฐจะมีนโยบายร่วมมืออย่างไรกับภาคเอกชนเพื่อสร้างโอกาสแก่แรงงานทั้งในและนอกระบบเพื่อสอดคล้องและรองรับต่อการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการประเทศให้กลับคืนมา
#6742


รายงานข่าวจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY  เปิดเผยว่า การปรับลดวงเงิน "คุ้มครองเงินฝาก" เป็น 1 ล้านบาท เป็นวันแรกในวันนี้ ( 11  ส.ค.)  ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้ฝากเงิน เนื่องจากวงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท ครอบคลุมผู้ฝากเงินส่วนใหญ่ถึง 98% ของจำนวนผู้ฝากเงินทั้งหมดของประเทศ


สำหรับผู้ฝากเงินที่มีปริมาณเงินฝากเกินกว่าวงเงินที่ได้รับความคุ้มครอง ก็ไม่น่าจะมีการปรับพฤติกรรมในการฝากเงินแต่อย่างใด  โดยกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ผู้ฝากเงินที่มีปริมาณเงินฝากเกินกว่าวงเงินที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ได้มีการปรับตัว บริหารจัดการพอร์ตเงินฝากและเงินลงทุนไว้แล้ว

ประกอบกับสถานการณ์สภาพคล่องของระบบยังคงสูง และสถาบันการเงินไทยในขณะนี้ มีความแข็งแกร่ง จึงไม่น่าจะมีประเด็นในเชิงลบ ที่จะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกต่อการปรับลดวงเงินคุ้มครองในครั้งนี้

ส่วนกรณี การลดวงเงินคุ้มครองในครั้งนี้ จะทำให้เงินไหลเข้าไปตลาดเงิน ตลาดทุนหรือไม่นั้น ธนาคารมองว่า การโยกเงินระหว่างเงินฝากกับเงินลงทุนนั้น ลูกค้าจะจัดแบ่งสัดส่วนเงินเอาไว้อยู่แล้ว การเปลี่ยนเงินฝากไปเป็นเงินลงทุนน่าจะถูกจูงใจด้วยแนวโน้มผลตอบแทนจากการลงทุนกับความเสี่ยงจากการลงทุนที่ลูกค้ายอมรับได้ มากกว่าที่จะเกิดจากการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก
#6744


กรมการค้าต่างประเทศจับมือสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยหารือ BERNAS กระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและติดตามสถานการณ์ข้าว เผยมาเลเซียยันพร้อมนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เหตุข้าวไทยราคาแข่งขันได้ดีขึ้นจากบาทอ่อน และพร้อมร่วมมือกับไทยจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์กระตุ้นการบริโภคช่วง ต.ค.นี้ เตรียมถกคู่ค้าเพิ่ม คิวต่อไปบังกลาเทศ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และสิงคโปร์

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ จัดการประชุมหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลการนำเข้าข้าวของรัฐบาลมาเลเซีย (Padiberas Nasional Berhad : BERNAS) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยไปยังมาเลเซียในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้เร่งกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า หารือเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าข้าว และผลักดันการส่งออกข้าว

ในการประชุมครั้งนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ตลาดข้าวของไทยและมาเลเซีย โดยไทยได้แจ้งให้ BERNAS ทราบถึงสถานการณ์การผลิตข้าวของไทยในปี 2564 คาดว่าไทยจะมีผลผลิตข้าวมากขึ้นเนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอ รวมทั้งแรงงานในภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีแรงงานกลับสู่ภูมิลำเนาในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยผลผลิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ปัจจุบันราคาข้าวไทยปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับข้าวจากประเทศคู่แข่ง เช่น อินเดีย และเวียดนาม ไทยจึงขอให้ BERNAS พิจารณานำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น

ทางด้านผู้แทน BERNAS ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดข้าวในมาเลเซียว่า มาเลเซียมีผลผลิตข้าวไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศประมาณปีละ 9 แสนตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30-35% ของปริมาณความต้องการบริโภคทั้งหมด และในปี 2564 คาดว่ามาเลเซียจะนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีปริมาณ 1.08 ล้านตัน เนื่องจากมีปัญหาด้านการเพาะปลูกในประเทศ และไทยถือเป็นแหล่งนำเข้าข้าวหลักของมาเลเซียมาโดยตลอด เนื่องจากข้าวไทยมีคุณภาพดีและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวมาเลเซีย แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา BERNAS จำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากแหล่งอื่น เช่น อินเดีย ปากีสถาน และเวียดนาม เพิ่มขึ้น แม้ว่าคุณภาพข้าวจะด้อยกว่าไทย แต่เนื่องจากประเทศเหล่านี้สามารถส่งข้าวในราคาที่ถูกกว่าข้าวไทยมาก

ทั้งนี้ BERNAS เห็นว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 อุปสงค์ของข้าวไทยจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาข้าวไทยลดลงมาอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อได้ โดยนอกจากปัจจัยด้านราคาที่ปรับตัวลดลง ทำให้ข้าวไทยแข่งขันได้มากขึ้นแล้ว ผู้บริโภคในมาเลเซียยังเชื่อมั่นในคุณภาพและนิยมข้าวไทยมากกว่าข้าวจากแหล่งอื่น โดยจะเห็นได้จากปริมาณคำสั่งซื้อข้าวจากไทยที่เริ่มมีมากขึ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลัง

ขณะเดียวกัน BERNAS มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในมาเลเซียว่าควรเริ่มดำเนินการในช่วงเดือน ต.ค. 2564 เป็นต้นไป เนื่องจากคาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะเริ่มคลี่คลาย ประชาชนจะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ รวมถึงอุปสงค์จากธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้อุปสงค์ข้าวไทยเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ BERNAS แสดงความขอบคุณไทยสำหรับความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอดโดยเฉพาะในฐานะแหล่งนำเข้าข้าวที่มีคุณภาพ และยินดีที่จะร่วมสนับสนุนข้าวไทยในตลาดมาเลเซีย

นายกีรติกล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้กรมฯ ไม่สามารถเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์กับผู้นำเข้าข้าวหลักในประเทศต่างๆ ได้ แต่กรมฯ ยังคงมีแผนจัดการประชุมหารือและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญของไทยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันและส่งเสริมให้ข้าวไทยมีส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยที่ผ่านมาได้มีการหารือกับสมาคมผู้นำเข้าข้าวของฮ่องกงและผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และในระยะต่อไปมีแผนหารือกับบังกลาเทศ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ เพื่อผลักดันและส่งเสริมให้ข้าวไทยมีส่วนแบ่งในตลาดเป้าหมายเพิ่มขึ้น

สำหรับสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยตั้งแต่ 1 ม.ค.-29 ก.ค. 2564 ส่งออกแล้วปริมาณ 2.74 ล้านตัน มูลค่า 1,671 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 50,925 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าส่งออกลดลงจากปี 2563 คิดเป็น 17.07% และ 24.84% ตามลำดับ แต่คาดว่าในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีนี้ สถานการณ์การส่งออกข้าวน่าจะดีกว่า 6 เดือนแรกตามปัจจัยที่ได้กล่าวไปแล้ว
#6748
เพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต พร้อมคู่มือ 399 บาท

ประโยชน์ของเพนดูลั่ม
ใช้สื่อสารกับเทพ เทวดาและถามในสิ่งที่เราไม่รู้ ใช้สำหรับตรวจประเมินสุขภาพ ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเรา ตรวจฮวงจุ้ย ตรวจเช็คพลัง วัตถุมงคล ตรวจหาของหาย ใช้ทำน้ำมนต์ ใช้ดึงพลังเข้าตัว
การตรวจเช็คพุทธคุณ พลังจากพระเครื่อง วัตถุมงคล ของทนสิทธิ์ ต่าง ๆ
โดยปกติจะทำได้เฉพาะผู้ทรงญาณสมาบัติ แต่วิธีง่าย ๆ โดยผู้ที่มีสมาธิเ้พียงขณิกสมาธิ (แนะนำให้ได้ถึงอุปจารสมาธิ) ก็สามารถทำได้ โดยการใช้เพนดูลั่มเป็นตัวตรวจเช็ค ซึ่งจะมีความถุูกต้องประมาณ 80-90 % โดยผู้ที่ตรวจจะต้อง
1. วางอุเบกขา ให้ได้ ไม่คิดไปก่อน หรือบังคับให้เพนดูลั่ม ทำตามสิ่งที่คิด
2. ต้องมีพื้นฐานความรู้เรื่องวัตถุมงคล เล็กน้อย เช่น รู้ว่า พระเครื่อง วัตถุมงคล จะมีความเด่น ด้านใดบ้าง ซึ่งก็จะมี เด่นด้าน
- เมตตามหานิยม คนรักคนชอบ เข้าหาลูกค้า เข้าหาเจ้านาย
- แคล้วคลาดปลอดภัย
- คงกระพันชาตรี
- มหาอุต ปืนแตก
- มหาลาภ เกี่ยวกับด้านโชค ลาภ
- ป้องกันคุณไสย
- กันสะท้อน คือป้องกันคุณไสย แล้วยังสะท้อนกลับไปยังผู้ที่ปล่อยคุณไสยนั้น โดยแรงสะท้อนกลับก็จะขึ้นกับผู้ที่ใส่วัตถุมงคลนั้น ๆ เช่น ผู้ที่ทรงศีลบริสุทธิ์แรงสะท้อนก็จะมากกว่ากว่าคนที่ศีลขาด คนที่มีศีล 8 ก็จะมากกว่า คนมีศีล 5 ....
- ทำน้ำมนต์ คือวัตถุมงคลนั้น ๆ สามารถนำไปทำน้ำมนต์รักษาโรค ได้
- อื่น ๆ
สำหรับวิธีการใช้เพนดูลั่มในการตรวจเช็ควัตถุมงคล
1. นำวัตถุมงคล พระเครื่อง เครื่องราง ของทนสิทธิ์ นั้น ๆ วาง ไว้บนพื้นโต๊ะ หรือบนภาชนะที่สูงกว่าพื้นธรรมดา หากอาจใช้หนังสือ ผ้ามารองก่อนว่า เพื่อมิให้เป็นการปรามาส
2. ขอขมาพระรัตนตรัย ก่อน เพื่อบอกกล่าว ว่าการตรวจเช็คนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะปรามาส แต่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจว่าวัตถุมงคลชิ้นนี้ได้ผ่านการปลุกเสก หรือพุทธาภิเศก มาแล้ว (วิธีการนี้ก็จะสามารถตรวจดูพระปลอม ที่เขาทำปลอม หรือทำเกินจำนวนแล้วไม่ได้เข้าพิธี แต่ก็มีบางกรณีที่มวลสารในการสร้างพระเป็นมวลสารที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ในกรณีนี้ก็ต้องยิ่งคำถามที่แตกประเด็นออกไป)
3. ใช้เพนดูลั่ม จ่อเหนือวัตถุมงคลนั้น ๆ ให้ห่างจากวัตถุมงคลประมาณ 1 น้ิว เป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันการกระทบด้วยแรงแหว่งซึ่งมาจากวัตถุมงคลนั้น ๆ
4. ดูทิศทางของแรงแหว่งที่ออกมาจากวัตถุมงคลนั้น ๆ ว่าไปตามทิศทางใดบาง ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์ โดยทั่วไปถ้าพุทธคุณรอบด้าน จะทำให้เพนดูลั่มหมุนเป็นวงกลม ถ้าแรงแหว่งมีมากก็แสดงว่ามีพุทธคุณมากตาม บางองค์ แทบจะทำให้เพนดูลั่มหลุ่ดจากมือ
5. ตั้งคำถาม ถามเพนดูลั่ม ไปที่ละข้อ ตามความเด่นของวัตถุมงคล เช่น พระองค์นี้เด่นด้านมหาลาภ ด้านคงกระพันชาตรี ... ไปเรื่อย ๆ จนครบ แล้วก็จะทราบว่าพระองค์นี้เด่นด้าน....ครบทุกด้านหรือไม่
การใช้เพนดูลั่มตรวจพลังนี้สามารถตรวจพลังของหิน ได้ จึงเป็นที่นิยมของนักสะสมหิน จะมีเพนดูลั่มในการตรวจพลังหินไว้ติดตัว

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/.../-i1134792176-s2626624357...
#6749


บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร และกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,873.1 ล้านบาท และ 260.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.3% และ 93.2% จากไตรมาส 1/2564 โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ และกำไรสุทธิปกติทั้งสิ้น 1,892.5 ล้านบาท และ 282.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.1% และ 53.6% จากไตรมาสที่แล้ว สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 3,278.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 394.9 ล้านบาท โดยหากพิจารณาผลประกอบการปกติ บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 3,346.8 ล้านบาท และกำไรปกติ 466.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% และ ลดลง 31.1% จากช่วงเดียวกันของปี 2563

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ 4 กลุ่มธุรกิจในครึ่งปีแรกว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ เติบโตตามความต้องการศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าคุณภาพสูงของธุรกิจ E-Commerce และผู้ประกอบการในกลุ่ม Consumer ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา สำหรับไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 279.9 ล้านบาท และ 556.9 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสัญญาให้เช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงจำนวนกว่า 56,000 ตารางเมตร สูงกว่าเป้าหมายสัญญาให้เช่าระยะสั้นที่วางไว้ 50,000 ตารางเมตรสำหรับปีนี้ ซึ่งความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องก็ส่งผลทำให้อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของสินทรัพย์ที่อยู่ในพอร์ทของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นไปแตะที่ระดับ 90%

นอกจากนั้น บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง แห่งที่ 2 ซึ่งนับเป็นโครงการแห่งที่ 38 ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป บนพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 50,000 ตารางเมตร โดยมีผู้เช่าหลักเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มโลจิสติกส์เพื่อใช้เป็นศูนย์กระจายสินค้าสำหรับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมา ลาว และกัมพูชา ซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทฯ เร่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนากระบวนการทำงาน และการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าลงทุนในบริษัทและธุรกิจ Startups กลุ่มโลจิสติกส์หลายราย โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถทราบผลของการเจรจาภายในสิ้นปีนี้

สำหรับแผนการขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ ในปี 2564 ล่าสุดผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้มีมติอนุมัติให้ทำการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินหลักครั้งที่ 7 จำนวน 3 โครงการ มูลค่าไม่เกิน 5,549.7 ล้านบาท ทรัพย์สินประกอบด้วยโครงการ WHA Mega Logistics Center (วังน้อย 62) โครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม. 23 โปรเจค 3) และโครงการ WHA E-Commerce Park อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา คิดเป็นพื้นที่รวม 184,329 ตารางเมตร โดยสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นสินทรัพย์ของบริษัททั้งหมดและคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2564 ตามแผนงานที่วางไว้ รวมถึง บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของการระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) และสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Asset-backed Token) เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและการเติบโตในอนาคตของบริษัทฯ อีกด้วย


นอกจากนั้นเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัว "WHA Office Solutions" พื้นที่สำนักงานชั้นนำระดับเวิร์ลคลาส บน 6 ทำเลที่มีศักยภาพสูงในกรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ รวมพื้นที่สำนักงานให้เช่ากว่า 100,000 ตร.ม. ได้แก่ โครงการ WHA Tower, โครงการ SJ Infinite I, อาคารสำนักงาน @Premium, โครงการ WHA Bangna Business Complex, ศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรม TusPark WHA และโครงการ WHA KW S25 ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม  6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวม 274 ไร่ (ไทย 241 ไร่/ เวียดนาม 33 ไร่) และยอดเซ็นต์ MOU รวม 83 ไร่ (เวียดนาม) โดยบริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในครึ่งปีแรกรวม 691.8 ล้านบาท ชะลอตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับรายได้ในไตรมาส 1 ปี 2564 จำนวน 154.1 ล้านบาทแล้วรายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในไตรมาส 2 ของบริษัทฯ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 537.7 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับสภาวะการลงทุนและการส่งออกของประเทศไทยในไตรมาสที่ผ่านมาที่เริ่มกลับมาส่งสัญญาณเชิงบวก โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนสัญชาติญี่ปุ่น ยุโรป จีนและไต้หวัน รวมถึงนักลงทุนอินเดียที่แสดงความสนใจย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยมากขึ้น ภายหลังจากประเทศอินเดียต้องประสบกับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างหนักในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนาม ณ สิ้นไตรมาส 2 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินทั้งสิ้น 33 ไร่ และยอด MOU 83 ไร่ เนื่องจากเขตนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 เหงะอานของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี บริษัทฯ จึงเร่งสานต่องานก่อสร้างในพื้นที่เฟส 1B ส่วนที่เหลือจำนวน 2,100 ไร่ พร้อมขยายการก่อสร้างในเฟส 2 และเฟส 3 คิดเป็นพื้นที่เพิ่มเติมอีก 4,700 ไร่ รวมถึงการดำเนินการเพื่อขอใบอนุญาตและการอนุมัติโครงการเพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรม 2 แห่งในจังหวัดถั่งหัว (Thanh Hoa) บนพื้นที่รวมกว่า 7,500 ไร่ ที่ยังคงดำเนินไปตามแผน โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเริ่มเข้าไปพัฒนาพื้นที่ในเขตอุตสาหกรรม WHA Northern Industrial Zone และ WHA Smart Technology Industrial Zone ภายในสิ้นปีนี้ และเริ่มเปิดให้บริการพื้นที่แก่นักลงทุนที่สนใจภายในปีหน้า ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มีการติดตามและประเมินสถานการณ์การผลิตและการกระจายวัคซีนของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด ซึ่งในช่วงผ่านมาบริษัทฯ ก็ยังคงได้รับการติดต่อจากนักลงทุนที่แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจจำนวนมากกว่า 30 ราย คิดเป็นพื้นที่ขายรวมกว่า 2,000 ไร่ทั้งไทยและเวียดนาม ซึ่งหากการดำเนินการด้านวัคซีนของประเทศต่างๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ก็จะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้เกิดการขยายตัวทางด้านการค้าและการลงทุนของภูมิภาคต่อไป

บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์อัจฉริยะ หรือ Smart ECO Industrial Estate ที่มีความทันสมัยทั้งด้านเทคโนโลยีการผลิต ขนส่ง สื่อสาร ฯลฯ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมร่วมกับพันธมิตรเพื่อให้บริการ Digital Healthcare อย่างครบวงจรแก่ผู้ประกอบการ พนักงาน/ แรงงาน และผู้อยู่อาศัยทั้งภายในและบริเวณโดยรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯ ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีบล็อกเชน รวมถึงเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ได้ร่วมสนับสนุน บริษัท เพอเซ็ปทรา (Perceptra) สตาร์ทอัพสัญชาติไทยในการนำระบบปัญญาประดิษฐ์มาใช้วิเคราะห์ภาพเอกซเรย์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสนามในการวินิจฉัยและตรวจรักษาโรคโควิด-19 อีกด้วย

นอกจากนี้ ศูนย์ควบคุมส่วนกลาง (Unified Control Center, "UOC") ณ อาคาร WHA Tower สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัทฯ พร้อมเปิดดำเนินการแบบเต็มรูปแบบแล้ว โดยศูนย์ UOC ดังกล่าวสามารถนำเสนอข้อมูล และติดตามผลการทำงาน รวมถึงได้ติดตั้งระบบเฝ้าระวังแบบเรียลไทม์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจในการปฏิบัติงานประจำวันหรือในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยระบบดังกล่าวจะส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้รับผิดชอบที่ศูนย์ UOC รวมถึงแจ้งเตือนผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มฯ กล่าวเพิ่มเติมถึงธุรกิจสาธารณูปโภคว่า ผลประกอบการของธุรกิจน้ำในไตรมาสที่ผ่านมามีความโดดเด่น โดยบริษัทฯ มีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งหมดในประเทศไทยและต่างประเทศในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2564 รวมเท่ากับ 35.2 ลูกบาศก์เมตร และ 67.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภครวมในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2564 เท่ากับ 595.8 และ 1,182.1 ล้านบาท ตามลำดับ

ปริมาณยอดขายน้ำในประเทศมีการเติบโตดีขึ้นสำหรับทุกประเภทผลิตภัณฑ์ โดยปริมาณการจำหน่ายน้ำในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2564 มีจำนวนเท่ากับ 29.3 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 56.8 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 27.3% และ 16.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเติบโตดังกล่าวสะท้อนความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มมากขึ้นจากทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมในทุกอุตสาหกรรม และกลุ่มลูกค้าใหม่ในกลุ่มปิโตรเคมี อาทิ GC Oxirane ที่เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ช่วงปลายปีและมีปริมาณการใช้น้ำประมาณ 5,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือลูกค้าโรงไฟฟ้า อาทิ Gulf SRC ที่ขยายกำลังการผลิตทำให้มีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 12,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน รวมถึงยังสะท้อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-Added Products) ที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอีกด้วย
#6750
รังนกเขาหลง  



ตั้งบูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้านค้าขาย เรียกโชคเรียกลาภเรียกเงินเรียกทอง ค้าขายดี ส่งเสริมเรื่อง ความรักครอบครัวคู่ครอง 

วิธีบูชา เครื่องบูชาใส่พานประกอบด้วย ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก

แล้วอธิษฐาน ขอในสิ่งที่ต้องการ


รังนกเขาหลง เป็นรังนกกายสิทธิ์ ท่านพญาแถนกล่าวว่า มีประวัติเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ถ้าใครได้เห็นรังนกเขาหลง คนนั้นมีบุญบารมีสูงส่ง เขาเป็นรังนกกวักเงินกวักทอง หรือไทรเงินไทรทอง ขอพรได้สิบประการ เช่น ที่อยู่เรือนชานเข็ดขวางอยู่ไม่ได้ หรือบ้านนั้นมีทรวงขวางลูกขาวงเมียเจ็บออดๆแอดๆ อยู่อย่างนี้ ถ้ามีรังนกเขาหลงบูชา เจ้าจงเก็บดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิรน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก แล้วใส่ลงไปในรังนกเขาหลง แล้วจงอธิฐานว่า สาธุฯ สิ่งร้ายๆหรือเสนียดจัญไรรำคาญใจบ่อยๆ ให้ออกไป เมื่อท่านทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสุขสบายทั้งกายใจ เจ้ารังนกกายสิทธิ์ เขาจะกวักเงินกวักทองเข้าเรือนชาน ตัวผู้กงัดเข้า ตัวเมียเก็บไว้ ถ้าใครมีไว้สักการะบูชาคนนั้นมีบุหลาย ถ้าใครมีประจำบ้าน สามารถคุ้มครองบ้านเรือน และประสบลาภบันดาลผลให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขอยู่เป็นทุกทิวาราตรี ของกายสิทธิ์ใครมีบุญก็ได้ไป ไว้บูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้าน เรียกเงินเรียกทอง เรื่องมหาเสน่ห์ก็ดี ใครมีแฟนคิดนอกใจ ลองนำไปบูชาดู ของกายสิทธิ์ หายาก เครือเขาหลงที่อยู่ในรังก็ถือว่าเป็นของดี ม้วนเก็บเป็นก้อนบูชาพกใส่กระเป๋าตังค์ ก็เป็นมหาเสน่ห์ โชคลาภ เรียกเงินเรียกทองได้ดี



เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง คือ ไม้ชนิดเดียวกันที่อยู่ในป่าลึก มีเทวดารักษา ผู้มีวิชาอาคมถึงไปขอตัดเอามาได้ ที่ชื่อ อย่างนี้ก็เพราะว่า ไม้นี้ ถ้าคนหรือสัตว์เผลอไปข้ามเข้าก็จะหลงป่า

แม้แต่นกที่บินผ่านต้นก็จะหลงอยู่ที่ต้นไปไหนไม่ได้ ปละตกลงมาตาย ตรงใต้ต้นเครือเขาหลง นี้จึงเต็มไปด้วยซากสัตว์

ส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้ส่วนปลายเครือเล็กๆ จะคล้ายเส้นผมขน เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย ครับ

และสมัยก่อนเอาเครือนี้ฝังตรงคอกวัวควายโขมยที่มาโขมยก็จะลักไปไม่ได้

โดยจะหลงอยู่แถวคอกนั้น เครือสาวหลงนี้ เป็นการม้วนตัวของเครือไม้เขาหลง หรือ สาวหลงที่ม้วนเองตามธรรมชาติ ม้วนเป็นบ่วง ที่เรียกว่า บ่วงนาคบาท

ว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้น หวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้

ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งทาปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้นำส่วนใดส่วนหนึ่งของเครือเล็กๆ เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i1140758172.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.27.2f304edfpNDteq