• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Thetaiso

#1881



ผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 80 เปอร์เซนต์มีอาการน้อย หรือไม่มีอาการใดๆ โรคนี้กว่าจะแสดงอาการ มักเป็นช่วงที่เชื้อจะอยู่ในตัวเราแล้ว 5-6 วัน จนกระทั้ง 1 สัปดาห์แรก ผู้ป่วยรับเชื้ออาจจะรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นหวัดเล็กๆ น้อยๆ แต่แท้จริงแล้ว หลังจากรับเชื้อประมาณ 5-7 วัน เชื้อจะลงปอดอย่างรวดเร็ว นำพามาสู่ปัญหาปอดติดเชื้อ


ผู้ป่วยส่วนหนึ่งอาการทรงตัวดี แต่อาจแย่ลงอย่างรวดเร็ว เรียกว่า 3 วันอันตราย ถ้าคนไข้อยู่ในความดูแลของหมอ หมอจะดูในวันที่ 5, 6 และ 7 ว่ามีอาการปอดติดเชื้อหรือไม่

จากคำถามที่ว่าปอดของผู้ติดเชื้อจะกลับมาเป็นปกติหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความหนักเบา ถ้าพบอาการปอดติดเชื้อเล็กน้อยไม่มีอะไร ตรงนี้สามารถกลับมาเป็นปกติได้ แต่อาจจะใช้ระยะเวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน แล้วแต่ความหนักเบา แต่ถ้าถึงขั้นการหายใจล้มเหลว สภาพปอดถูกทำลายไปเยอะแล้ว ก็อาจกลับมาไม่เป็นปกติ

ใครคือกลุ่มเสี่ยงโควิด-19

กลุ่มเสี่ยงที่น่าเป็นห่วงที่สุดของการติดเชื้อโควิด-19 อันดับแรก คือ ผู้สูงอายุ ทางการแพทย์นับที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มต่อมาคือผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะเบาหวาน เพราะผู้ป่วยที่มีโรคโควิด-19 และเบาหวานร่วมด้วยจะมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงกว่าโรคอื่นๆ โรคประจำตัวอื่นๆ ที่น่าเป็นห่วงก็จะพวกโรคเรื้อรัง โรคปอด โรคหัวใจ ไต ตับ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมถึงภาวะอ้วนด้วย

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 แล้วหายได้เองมีหรือไม่
มีโอกาสที่เป็นไปได้ เพราะจากที่กล่าวข้างต้นว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อมีอาการน้อยหรือไม่แสดงอาการ ถ้าผู้ติดเชื้อไม่ได้ตระหนักว่าตัวเองมีความเสี่ยงก็อาจจะไม่ได้ไปตรวจ แต่จะกลายเป็นผู้แพร่เชื้อ (Super Spreader) ให้แก่คนอื่นได้

บทความโดย : พญ.พิมฑิราภ์ สุจริตวงศานนท์ ศูนย์ทางการแพทย์ อายุรกรรม โรคทางเดินหายใจ โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์
#1882



ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (27, 29-30 ก.ค.) มีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 2.37 แสนล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า (19-23 ก.ค.) ที่มีมูลค่าการซื้อขายกว่า 3.62 แสนล้านบาท เนื่องจากเปิดทำการเพียงแค่ 3 วัน

โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ปิดการซื้อขายปลายสัปดาห์ที่ 1,521.92 จุด ปรับตัวลดลง 1.50% จากระดับปิดของสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 1,545.10 จุด

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเพียงกลุ่มเดียว 2,841.74 ล้านบาท ส่วนที่เหลือพร้อมใจซื้อ โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,389.84 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 635.29 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 816.60 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาการซื้อขายของบัญชี "เอ็นวีดีอาร์" (NVDR) ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวต่างประเทศในการซื้อหุ้นไทย ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 30 ก.ค. พบว่า

10 อันดับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสูงสุด ได้แก่

KBANK มูลค่าซื้อสุทธิ 543.11 ล้านบาท

TRUE มูลค่าซื้อสุทธิ 341.02 ล้านบาท

ADVANC มูลค่าซื้อสุทธิ 336.23 ล้านบาท

CBG มูลค่าซื้อสุทธิ 321.78 ล้านบาท

CPALL มูลค่าซื้อสุทธิ 251.39 ล้านบาท     

RCL มูลค่าซื้อสุทธิ 214.30 ล้านบาท           

IVL มูลค่าซื้อสุทธิ 206.84 ล้านบาท           

SCC มูลค่าซื้อสุทธิ 203.47 ล้านบาท

PTT มูลค่าซื้อสุทธิ 172.50 ล้านบาท

AOT มูลค่าซื้อสุทธิ 165.76 ล้านบาท

และ 10 อันดับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติขายสูงสุด ได้แก่

TOP มูลค่าขายสุทธิ 539.02 ล้านบาท   

PTTEP มูลค่าขายสุทธิ 316.17 ล้านบาท   

PTTGC มูลค่าขายสุทธิ 196.51 ล้านบาท   

KGI มูลค่าขายสุทธิ 73.65 ล้านบาท   

GULF มูลค่าขายสุทธิ 66.75 ล้านบาท   

BJC มูลค่าขายสุทธิ 56.52 ล้านบาท   

AS มูลค่าขายสุทธิ 54.45 ล้านบาท   

ASP มูลค่าขายสุทธิ 53.17 ล้านบาท   

IRPC มูลค่าขายสุทธิ 50.01 ล้านบาท   

WICE มูลค่าขายสุทธิ 48.84 ล้านบาท   

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952178
#1883
ป้ายไฟวิ่ง LED ดิจิตอล 2 รูปแบบ กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี

**** Single color ****** ราคา 2,900 .- 

**** FULL color ****** ราคา 4,200 .-

- กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี










#1884



ผักติ้วคือไม้ยืนต้นพื้นบ้านที่นิยมเด็ดยอดอ่อน และใบมาทำอาหาร มีชื่อเรียกว่า "ผักติ้ว" "ผักแต้ว" ยางและใบใช้เป็นยาสมุนไพร และเปลือกไม้ใช้เป็นสีย้อมผ้า และใช้ทำเป็นถ่าน

ต้นผักติ้ว คืออะไร
ผักติ้วมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cratoxylum formosum. เว็บไซต์องค์การสวนพฤกษศาสตร์ แสดงข้อมูล "ติ้วขน" อยู่ในวงศ์ CLUSIACEAE สูง 10-20 ม. ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-4.5 ซม. ยาว 7-10 ซม. ผิวใบด้านล่างมีสีนวล มีขนทั้งสองด้าน ดอกเดี่ยว หรือเป็นกลุ่ม ออกที่ซอกใบหรือตามกิ่ง กลีบดอกสีชมพูอ่อน ขอบกลีบมีขนชายครุย ร่วงง่าย เกสรเพศผู้มี 3 มัด แต่ละมัดปลายแยกคล้ายพู่ ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ ถึงมิถุนายน

ผักติ้วพบได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศไทย, เมียนมา, กัมพูชา, ลาว, เวียดนาม, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ดอกของผักติ้วมีกลีบดอก 5 กลีบ เกสรตัวเมียติดกัน 3 ก้าน และมีเกสรตัวผู้สั้นๆ ล้อมรอบ เมื่อติดผลจะมีลักษณะผลเป็นแคปซูลสีน้ำตาล หรือสีดำ เรียวยาวประมาณ 1.3 - 1.8 เซนติเมตร เมื่อผลแตกออกจะเป็น 3 แฉก มีเมล็ดสีน้ำตาล

สรรพคุณของผักติ้วทางสมุนไพร
ภาพจากองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (qsbg.org)
ภาพจากองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (qsbg.org)
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้บรรยายสรรพคุณของผักติ้วไว้ตามตำรับยาไทย ดังนี้

ราก ผสมกับหัวแห้วหมู และรากปลาไหลเผือก ต้มน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง เพื่อขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขัด
น้ำยาง ใช้ทาแก้รอยแตกของส้นเท้า
รากและใบ ใช้แก้ปวดท้อง
ต้น ยางจากเปลือกต้น ยาทาแก้คัน
น้ำต้มเปลือกต้น กินแก้ธาตุพิการ
เปลือกและใบ ตำผสมกับน้ำมันมะพร้าว ทาแก้โรคผิวหนังบางชนิด
สรรพคุณของผักติ้วด้านโภชนาการ
ผักติ้ว 100 กรัม ให้พลังงาน 58 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย

- แคลเซียม 67 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 19 มิลลิกรัม
- เหล็ก 2.5 มิลลิกรัม
- เบตาแคโรทีน 4,500 ไมโครกรัม
- วิตามินเอ 750 ไมโครกรัมของเรตินอล
- วิตามินบีหนึ่ง 0.04 มิลลิกรัม
- วิตามินบีสอง 0.67 มิลลิกรัม
- ไนอาซิน 3.1 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 58 มิลลิกรัม
- เส้นใย 1.5

ผักติ้วกินอย่างไร

ส่วนประกอบของผักติ้วที่นำมาใช้ประกอบอาหาร คือ ช่อดอกสด ยอดอ่อน ใบ ใบอ่อน เพราะมีรสชาติเปรี้ยว ซึ่งให้คุณประโยชน์ด้านเส้นใยอาหาร และวิตามิน ดังนี้

ใช้เป็นผักแกล้ม ยอดอ่อนสดๆ นำมากินแกล้มกับเมนู ลาบ ก้อย น้ำตก แจ่ว เมนูน้ำพริก ทางเวียดนามใช้กินในเมนูแหนมเนือง

ใช้ต้มแกง ผักติ้วมีรสเปรี้ยว ใช้แทนมะนาวในบางเมนู เช่น แกงเห็ด

ใช้ผัด ใส่กับไข่เจียว หรือผัดกับผักอื่นๆ เพิ่มรสชาติ

ผักติ้วกับใบชะมวงใช่ต้นเดียวกันหรือไม่
ต้นผักติ้วขนกับชะมวงจัดอยู่ในวงศ์เดียวกับมังคุด CLUSIACEAE เหมือนกัน ลักษณะใบต้นผักติ้วกับใบชะมวงนั้นต่างกันตรงที่ ใบอ่อนของชะมวงจะมีสีน้ำตาลอมม่วงที่เข้มกว่า และลักษณะโคนใบจะสอบเข้าหากัน ขอบใบเรียบ ผู้ที่เคยลิ้มลองชิมใบอ่อนของทั้งสองต้นนี้มักจะเล่าว่าใบชะมวงมีรสฝาดกว่าเล็กน้อย ประโยชน์ของใบผักติ้วกับใบชะมวงให้ใยอาหารสูง
#1885



บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกาศเข้าร่วมลงทุน ในบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk ("CAP") ประเทศอินโดนีเซียผ่านบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ PT TOP Investment Indonesia โดยเข้าถือหุ้น CAP ที่สัดส่วนร้อยละ 15.38 ใช้เงินลงทุนมูลค่ารวมไม่เกิน 1,183 ล้านดอลลารร์สหรัฐฯ หรือ 39,116ล้านบาท เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ โดย CAP มีแผนขยายกำลังการผลิตและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2( CAP2)ปัจจุบัน CAP เป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำรายใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียเป็นผู้ดำเนินกิจการโรงงานแยกแนฟทา (Naphtha Cracker) เพียงแห่งเดียวของประเทศ มีกำลังการผลิตเอทิลีน (ethylene) ประมาณ 900,000 เมตริกตันต่อปี และพอลิโอเลฟินส์ (Polyolefins) ที่มีคุณภาพสูง อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตสไตรีนโมโนเมอร์ (SM) และบิวทาไดอีน (BD) และจะดำเนินการขยายกำลังการผลิตและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2(CAP2)​ ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัวหรือ2ล้านตันกำหนดแล้วเสร็จในปี2569

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการลงทุนในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของไทยออยล์ในการเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ จากเดิมที่มีธุรกิจสายอะโรเมติกส์อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้โครงสร้างธุรกิจของไทยออยล์มีความสมบูรณ์ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีอย่างครบวงจร และCAP2สามารถรองรับแนฟทาและแอลพีจีจากโครงการ CFP ของไทยออยล์ที่กำลังลงทุนราว 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ​ขยายกำลังกลั่นจาก2.75แสนเป็น4แสนบาร์เรล​ต่อวัน ยอมรับว่าผลกระทบจากโควิด-19 กระทบงานCFPทำให้สร้างได้ต่ำกว่าแผนแต่จะพยายามเร่งให้แล้วเสร็จ​ในปี 2566 ซึ่งจากการร่วมทุนกับอินโดนีเซียครั้งนี้ก็ทำให้ไทนออยล์​ไม่ต้องลงทุนสร้างโอเลฟินส์​เองแต่อย่างใดและคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เบื้องต้น 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดย CAP มีการประกาศผลกำไรครึ่งแรกปี64ที่ราว 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยการร่วมทุนเกิดประโยชน์หลายด้าน ทั้งการได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท CAP และบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือในการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต การร่วมลงทุนใน CAP ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำทำไทยออยล์สามารถก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ได้อย่างรวดเร็วและทำให้โครงสร้างธุรกิจมีความสมบูรณ์ ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี

ทั้งนี้ไทยออยล์ได้ทำสัญญาเพื่อส่งผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นทั้งแนฟทาและแอลพีจี 1 ล้านตัน/ปีเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบให้กับ CAP และทำสัญญาเพื่อจำหน่ายพอลิเมอร์เรซิน (Polymer Resin) และผลิตภัณฑ์ในรูปของเหลวอื่นๆของ CAP อีกด้วย คาดว่ากระบวนการและการดำเนินการต่างๆในการเข้าร่วมลงทุนใน CAP จะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2564

สำหรับการจ่ายเงินแก่ CAP จะแบ่งเป็น 2 ครั้งได้แก่ รอบแรกในเดือนก.ย.64 วงเงิน 913 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ​วงเงินส่วนนี้จะมาจากการกู้เงินระยะสั้น 18 เดือนอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.4 ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเงินกู้จากปตท.ที่เหลือมาจากสถาบันการเงิน ส่วนรอบที่ 2 จ่ายเงินกลางปี 2565 ประมาณ 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แผนการเงินเข้าลงทุนนั้น บมจ.ปตท.จะสนับสนุนทั้งเงินกู้ระยะสั้นและการเสริมสภาพคล่องโดยยืดระยะเวลาจ่ายหนี้น้ำมันจาก 30 วันเป็น 90 วันหรือเทียบเท่า 3 หมื่นล้านบาท.พร้อมทั้งไทยออยล์​จะขายหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)หรือจีพีเอสซีประมาณร้อยละ 10.8 ให้ ปตท.เป็นวงเงินราว 20,000 ล้านบาทและไทยออยล์​จะเพิ่มทุนอีก 10,000 ล้านบาทกระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในกลางปีหน้า​​โดยท้ายสุดแล้วไทยออยล์จะคงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับที่เหมาะสมที่ 1 ต่อ 1 ได้​ และภาพรวมทั้งหมดก็ไม่ต้องขอเพิ่มวงเงินออกหุ้นกู้จากผู้ถือหุ้นอีกแต่อย่างใด
#1886



ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (29 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีกำหนดการปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลโดยในเวลา 11.00 น. เวลา 11.00 น.มีกำหนดการพบกับนายอะห์หมัด อับดุลเลาะฮ์ อัลฮาญะรี (Ahmed Adbulla Al-Hajeri) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรบาห์เรนประจำประเทศไทย ที่เข้าอำลานายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นหน้าที่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

โดยก่อนกำหนดการดังกล่าวได้เรียกประชุมทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรี และนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เข้าร่วมประชุม  

ทั้งนี้คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุดที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่มีดีขึ้น รวมทั้งมีการติดเชื้อในภาคการผลิตโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งมีการหารือถึงมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมที่อาจจะออกมาในช่วงที่ยังต้องมีการควบคุมการระบาดของโรคต่อเนื่องไปอีกระยะเวลาหนึ่งหลังจากที่การระบาดยังไม่ลดลง


ทั้งนี้ที่ประชุม ครม.ที่ผ่านมาได้มีการออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบจากโควิด-19 ได้แก่ มาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนและประชาชน ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอุดมศึกษา ภาครัฐและเอกชน กรอบวงเงินรวม 3.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น มาตรการให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กรอบวงเงิน 23,000 ล้านบาท สำหรับนักเรียนในระบบการศึกษาไทย ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 โดยสนับสนุนค่าใช้สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ปกครอง 2,000 บาท/นักเรียน 1 คน รวมทั้งจัดสรรค่าใช้จ่ายให้แก่สถานศึกษาเพื่อช่วยจัดการเรียนรู้ รวมทั้งลดหรือตรึงค่าใช้จ่ายในโรงเรียนเอกชนให้เท่ากับปีการศึกษา 2563

มาตรการการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชน ของ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตกรรม (อว.) กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ นิสิต/นักศึกษาชาวไทย ระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา ในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชน ระยะเวลา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564

มีแนวทางการดำเนินการ ได้แก่สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ จะได้รับส่วนลดเป็นลักษณะร่วมจ่ายระหว่างรัฐและสถาบันอุดมศึกษาในอัตรา 6:4 โดยค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษาส่วนที่ไม่เกิน 50,000 บาท ลด 50% 50,001 - 100,000 บาท ลด 30 % และเกิน 100,000 บาท ลด 10% โดยส่วนลดสูงสุดรวมกันไม่เกิน 50% ส่วนสถาบันอุดมศึกษาของเอกชน ค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา รัฐสนับสนุนในอัตรา 5,000 บาท/คน

ครม.ยังได้อนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม 13 จังหวัด วงเงินรวม 15,027.686 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,522.99 ล้านบาท จากเดิม 13,504.696 ล้านบาท โดยเพิ่มจากเดิม 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด ซึ่งพื้นที่ 3 จังหวัดที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา พร้อมมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมเร่งประมาณการจำนวนนายจ้างและผู้ประกันนมาตรา 33 กลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะขี้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ด้วย

ทั้งนี้กรอบวงเงินดังกล่าวเป็นเงินช่วยเหลือให้แก่นายจ้างในระบบประกันสังคมใน 9 ประเภทกิจการ ใน 13 จังหวัดกลุ่มเป้าหมาย 7,238.631 ล้านบาท และเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 สัญชาติไทยที่เป็นลูกจ้างในกิจการของนายจ้างตามคุณสมบัติ จำนวน 7,789.055 ล้านบาท ซึ่งทั้งนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา ยังจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้
#1887



กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงาน การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเดือนมิถุนายน 2564 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 6,093 รายเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ก่อน (มิถุนายน 2563) และการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดตั้งธุรกิจใหม่ในครึ่งปีแรกของปี 2564 มีจำนวน 41,022 ราย เพิ่มขึ้นถึง 23% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ก่อน (มกราคม - มิถุนายน 2563)  ในขณะที่การจดทะเบียนเลิกธุรกิจในเดือนมิถุนายน มีจำนวน1,048 ราย ลดลง จากช่วงเดียวกันของเดือนก่อนหน้า 22% และการจดทะเบียนเลิกในครึ่งปีแรกของปี 2564มีจำนวน 4,930 ราย เทียบช่วงเวลาเดียวกันปี 2563 ลดลง ถึง 21%


ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของจำนวนการจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ และการลดลงของจำนวนการจดทะเบียนเลิกธุรกิจในครึ่งปีแรกนั้น อาจมีผลมาจากปัจจัยหนุนด้านเศรษฐกิจ เช่น การฟื้นตัวของตัวเลขการส่งออกจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และมาตรการการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในเดือนมิถุนายน 2564 ของธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ 46.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย และยังอยู่ต่ำกว่า 50 สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ยังมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ที่อาจยืดเยื้อและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น

เมื่อพิจารณาการเพิ่มขึ้นของจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในครึ่งปี 2564 ส่วนหนึ่งสอดรับกับพฤติกรรมของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น ธุรกิจสร้างแม่ข่ายมีจำนวนจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 262 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 28 เท่า และ ธุรกิจปลูกพืชประเภทเครื่องเทศ เครื่องหอม ยารักษาโรค และพืชทางเภสัชภัณฑ์มีจำนวนจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 112 รายเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 10 เท่า รวมถึงนโยบายการผลักดันให้วิสาหกิจชุมชนจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลของภาครัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีแนวโน้มกระจายเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและธุรกิจ อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการทั้งความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจและสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ซึ่งจะต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
#1888
สำนักพรเทวะ (มหาสารคาม)


ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง ดูดวง รับสอนการพยากรณ์ด้วยไพ่ออราเคิล แก้อาถรรพ์ร่างกาย รับลงนะ ลงทอง สาริกาลิ้นทอง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ รับทำเทียนสะเดาะเคราะห์ สืบชะตา รับโชค แก้ชง เสริมดวงเสริมบารมีต่างๆ เรียกคู่ เรียกจิต สักน้ำมันว่านยา 108 ให้บูชาน้ำมันว่านสาวหลง น้ำมันว่านดอกทอง อื่น ๆ รับวิเคราะห์ชื่อ(ฟรี) รับตั้งชื่อ จำหน่ายเพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต ให้บูชาคัมภีร์พระเวทย์

สนใจติดต่อ
นายธีรพัชร์ วงศ์วรนิตย์ (อ.ทองเอก พรเทวะ)
โทร 0846623662
website :  http://goo.gl/Y5nYSO
Facebook: facebook.com/teerapat992018

Line : teerapat999

lazada : https://www.lazada.co.th/shop/porntaywa/?spm=a2o4m.pdp_revamp.delivery_options.1.6dbbfeeao328sS&itemId=1863368460&channelSource=pdp

shopee :   https://shopee.co.th/teerapat992018 
 
#1889



การสร้างแบรนด์ ให้ผู้คนรักและชื่นชอบ คือ หนึ่งในเรื่องที่นักการตลาด และเจ้าของแบรนด์ทุกคนวางเป้าหมายให้แบรนด์ตัวเองไว้ แต่ก่อนไปถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างเราและผู้บริโภค 

สิ่งสำคัญนอกเหนือจากส่งมอบสินค้าบริการ ส่งมอบประสบการณ์ดีๆ ของแบรนด์ คือ การบริหารเรื่องไม่ดีของแบรนด์ ด้วยเมื่อแบรนด์เกิดวิกฤติ ทำอย่างไรไม่ให้การพลาดเพียงครั้งเดียว ทำแบรนด์พังตลอดกาล

'สโรจ เลาหศิริ' Head of Marketing Transformation and Marketing Strategy ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์และ Marketing Transformation บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวในประเด็นนี้ว่า ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนจัดการวิกฤติ สิ่งแรกที่แบรนด์ควรต้องมี คือ วางแผนและจำลองสถานการณ์แก้ไขเมื่อเกิดวิกฤติที่เป็นขั้นเป็นตอน เฝ้าสังเกตและจัดการเมื่อเจอวิกฤติใน 24 ชั่วโมงแรกซึ่งกำหนดความเป็นความตายของแบรนด์ไว้เลยทีเดียว สิ่งสำคัญ คือ กอบกู้ชื่อเสียงหรือความรู้สึกของคนเมื่อถูกแบรนด์ทำลายลงไป 

เปิดเฟรมเวิร์ค 4 ขั้นกู้แบรนด์ 

"บลูบิค" แนะนำแนวทางการวางแผนรับมือวิกฤติ หรือ Crisis Management Framework แบ่งเป็น 4 ขั้นตอนหลักๆ 


1. Preparation เตรียมป้องกันกระแสลบ ป้องกันเปรียบเสมือนการซื้อประกันสุขภาพของแบรนด์ที่ช่วยจำกัดความเสียหายไว้แต่เนิ่นๆ เมื่อเกิดขึ้นจริงจะสามารถจัดการได้เป็นอย่างดี 

วิธีการวางแผนป้องกัน คือ ตั้งทีมเพื่อรับมือสถานการณ์วิกฤติโดยเฉพาะ (Core Crisis Team) ลำดับวิกฤติประเภทต่างๆ ของแบรนด์หรือบริษัทเป็น 3 ระดับ ตั้งแต่ เขียว เหลือง แดง รวมถึงวางการรับมือแต่ละแบบ ทำคู่มือการรับมือ ฐานข้อมูลกลาง ลำดับการค้นหาต้นเหตุ และผู้รับผิดชอบในแต่ละส่วนเรื่องทั้งหมด รวมไปถึงพูดคุยกับทุกฝ่ายเพื่อนิยามภาวะวิกฤติ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการวิกฤติ

2. Moderation เฝ้าระวังวิกฤติและเสียงบนโซเชียล เช่น ตั้งทีม Social Moderation การฝึกสอน แอดมินในช่องทางโซเชียล การวางแผนทำไกด์ไลน์ คำถาม-คำตอบลูกค้าในหลายสถานการณ์ กำหนดลักษณะใช้คำพูดตอบโต้กับลูกค้าให้เป็นรูปแบบเดียวกัน รวมถึงให้ความสำคัญการฝึกฝนฝ่ายดูแลลูกค้าเพื่อรับมือสถานการณ์ต่างๆ ใช้เครื่องมือ Social Listening Tools และวางลำดับแจ้งเตือนปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและประเมินสถานการณ์ในเวลาไม่กี่นาที

3. Crisis in Action ลงมือแก้ปัญหา ซึ่งต้องผ่านการประเมินว่า สถานการณ์รุนแรงมากแค่ไหน เช่น กระแสบนโลกออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมืออย่าง Social Listening Tools ที่ดึงข้อมูลมาวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อช่วยจัดการวิกฤติต่อไป และเมื่อวิเคราะห์ออกมาแล้ว ถัดไป คือ ดำเนินการตามความร้ายแรง หากเป็นวิกฤติเบาจบได้โดยการรับมือจากทีมดูแลลูกค้า หรือ ทีม Admin 

แต่หากเหตุการณ์ลุกลามต้องผ่านทีมรับมือสถานการณ์วิกฤติเฉพาะ (Core Crisis Team) แต่ละคนต้องทำตามลำดับที่วางแผนไว้ ทำ Holding Statement ร่างคำชี้แจง สืบสวนความจริง ชี้แจง ประสานสื่อ และเยียวยา

4. Recovery กอบกู้และเยียวยาหลังวิกฤติ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นปมที่อยู่บนโลกออนไลน์ไปตลอด หรือเราเรียกว่า Digital Footprint การกอบกู้เยียวยามี 3 ส่วน Confidence Recovery เริ่มที่การฟื้นฟู "ความเชื่อมั่น" ของลูกค้า ผ่านการออกนโยบายป้องกันเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดปัญหาเดิม หรือออกนโยบายใหม่

Reputation Recovery กู้ชื่อเสียงแบรนด์กลับคืนมา ผ่านการสร้างเสียงแง่บวก หรือประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของแบรนด์โดยตรง ที่เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ ติดตามสถานการณ์ผ่าน SEO และ Sentiment 

กรณีที่วิกฤติเกี่ยวข้องกับประเด็นอ่อนไหว เช่น ศาสนา การเมือง แบรนด์อาจต้องแสดงออก และแสดงการกระทำที่เคารพต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น วางแผนการจัดการบนความเชื่อและความรู้สึกเป็นหลัก ถัดมา คือ Sale Recovery วางแผนและหาทางฟื้นฟูยอดขายควบคู่ เพื่อดึงคนกลับมาใช้และซื้อสินค้าอีกครั้ง


มีคำแนะนำ สำหรับแบรนด์เพิ่มเติม เช่น การป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติตั้งแต่แรก คือ การแก้วิกฤติที่ดีที่สุด สร้างความมั่นใจว่าแบรนด์ดูแลในทุกปัญหา ระบุช่องทางแจ้งความไม่สะดวกให้ชัด จะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาใหญ่มาก

อาจต้องแก้วิกฤติที่ "อารมณ์" ด้วยเพราะกระแสเป็นเรื่องของอารมณ์มากกว่าข้อเท็จจริง ขณะที่ การตอบสนองครั้งแรก (First Response) สำคัญที่สุด เป็นตัวกำหนดกระแสที่มีต่อแบรนด์ว่าจะแก้ได้ หรือจะพังพินาศ

แบรนด์ควรเน้น แก้ปัญหาให้ตรงจุด ผิดตรงไหนไปแก้ตรงนั้น อย่าเบี่ยงเบนประเด็น ขณะที่ เมื่อมีปัญหาต้องสื่อสาร ไม่ควรเงียบ แต่บางกรณีการเงียบอาจดีกว่าการแก้ตัวแบบข้างๆ คูๆ และอย่าพลาดแบบเดิมซ้ำสอง เพราะสังคมจะลดความเชื่อมั่นต่อคุณ และน้ำหนักคำพูดลงไปทันที
#1890



บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ  ถือเป็นไอพีโออีกหุ้นหนึ่งในปีนี้ที่ราคาเปิดเทรดวันแรก (11 พ.ค.) พุ่งแรง 135.48% อยู่ที่ 7.30 บาท จากราคาจอง 3.10 บาท ก่อนที่จะย่อตัวมาปิด 5.90 บาทเพิ่มขึ้นจากราคาจอง 90.32%

 ทั้งนี้ WINMED ได้มีการรายงานผลการจัดสรรหุ้นไอพีโอ  โดยพบ ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ได้รับจัดสรรหุ้นไอพีโอหลายคน โดยผู้ที่ได้รับจัดสรรหุ้นมากสุด คือ นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP), นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร  บมจ เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) และ นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) ได้รับจัดสรรคนละ 1 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 3.1 ล้านบาท

รองมาคือ นาย สุรเดช อุทัยรัตน์กรรมการ บมจ. เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) ได้รับจัดสรรหุ้น 8 แสนหุ้น มูลค่า 2.48 ล้านบาท, นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ได้รับจัดสรรหุ้น 5.5 แสนหุ้น มูลค่า 1.7 ล้านบาท, นายวรพจน์ จรรย์โกมล กรรมการ บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE) ได้รับจัดสรรหุ้น 5.2 แสนหุ้น มูลค่า 1.61 ล้านหุ้น

นายสมโภชน์ วัลยะเสวีประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ได้รับจัดสรรหุ้น 4 แสนหุ้น มูลค่า 1.24 ล้านบาท

นอกจากนี้นายสาระ ล่ำซำ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิตจำกัด (มหาชน) ได้รับจัดสรรหุ้นจำนวน 4 แสนหุ้น หรือคิดเป็น 1.24 ล้านบาท

รวมถึงพบตระกูลดังกล่าวได้รับจัดสรรหุ้น เช่น อภิชาติ จุฬางกูร ได้รับจัดสรร 4 แสนหุ้น มูลค่า 1.24 ล้านบาท นางสาวชดชนก ชิดชอบ ได้รับจัดสรร 4 แสนหุ้น มูลค่า 1.24 ล้านบาท นายมานิต มัสยวาณิช ได้รับจัดสรร 7 แสนหุ้น มูลค่า 2.17 ล้านบาท  นางนันทวัน มัสยวาณิช  ได้รับจัดสรร 6 แสนหุ้น มูลค่า 1.86 ล้านหุ้น


ทั้งนี้WINMEDดำเนินธุรกิจเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่อง และชุดอุปกรณ์เพื่อการตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัยและหรือบำบัดรักษาทางการแพทย์ รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อการเก็บรักษาโลหิตและผลิตภัณฑ์ของโลหิต ซึ่งบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิต 23 บริษัท ใน 12 ประเทศ  และมีบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ที่เกี่ยวกับสุขภาพและสุขอนามัย
#1891
3in1 led 36pcs 1w led flat par light DJ DMX512 Stage Lighting   

ไฟเวที LED FLAT PAR สุดคุ้มการใช้ ปาร์ตี้, ดิสโก้, KTV, ผับ, ร้านอาหาร, สวน, สวนสาธารณะ, พลาซ่า เพิ่มความตื่นตาตื่นใจ ด้วยชุดไฟ วิบวับ  แค่ 990 บาท 

- 1 หลอดมีหลาย สี  RGB MiXED COLOR
- วัตต์: ประมาณ 36 x  วัตต์
- แรงดันไฟฟ้า: 110-220 - v
-แหล่งพลังงาน: AC
- สามารถใช้ได้กับเครื่องควบคุมสัญญาณไฟ DMX512 
- รูปแบบไฟเปลี่ยนได้ถึง 7 แบบ ได้แก่ ปล่อยอัตโนมัติ เปลี่ยนตามจังหวะดนตรี master-slave
- รับประกัน 1 เดือน

สนใจ ติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อสินค้า
โทร : 094-5102033
LINE :@gentech
หรือคลิก https://lin.ee/eYs6pVN


#ป้ายNeonflex #ป้ายไฟสั่งทำ #ป้ายเชียร์ #ป้ายร้าน #ป้ายไฟดัด #ป้ายไฟled
#lighting #ไฟled #ledonhome #ป้ายไฟ #ป้ายไฟร้าน #ราคาป้ายไฟ #อุปกรณ์ไฟ
#โคมไฟ #ไฟตกแต่ง #ไฟประดับ #ไฟดาวไลน์led #วิธีเปลี่ยนหลอดled #วิบวับ #laser






#1892
ค่าเช่า 30,000 บาท/เดือน 
ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 099.461.1840
@line: chiramathe.nami

อาคารพาณิชย์ ชั้นเดียว ทำเลดี ด้านหน้าติดกับถนนใหญ่ สุขุมวิท 77 เขตประเวศ กทม


เหมาะสำหรับทำการค้า สำนักงานเชิงพาณิชย์ 

เนื้อที่ขนาด 180 ตารางเมตร หน้ากว้าง 9 เมตร ลึก 20 เมตร 

ด้านหน้าอาคารติดกับถนนใหญ่ สุขุมวิท 77 ด้านข้างอาคารติดกับ ร.พ.วิภารามอ่อนนุช ขนาด 400 เตียง 19 ชั้น 

และซอย อ่อนนุช 78 ภายในอาคารในมี ห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องกระจก 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ค่าเช่า 30,000 บาท/เดือน 
- สัญญา 2 ปี 
(สัญญาเช่า 2 ปี = จ่ายเงินประกัน 2 เดือนและค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน เข้าอยู่ได้เลย)

พื้นที่
ขนาด 180 ตารางเมตร หน้ากว้าง 9 เมตร ลึก 20 เมตร
ภายในอาคารในมี ห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องกระจก 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ทำเลที่ตั้ง
บ้านเลขที่ 39/15 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม 10250

สถานที่ใกล้เคียง
-ร.พ.วิภาราม อ่อนนุช
-เทสโก้โลตัส อ่อนนุช
-ไปรษณีย์อ่อนนุช
-สวนหลวง ร.9
-Seacon square
-Paradise park

ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 0994611840
@line: chiramathe.nami

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=73&t=7827111


























#1893


นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2564 โดยมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 11,250,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 45,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท

จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 113,538,062 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่เป็นจำนวน 124,788,062 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 499,152,248 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท


นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 45,000,000 หุ้นเพื่อเสนอขายในคราวเดียวกันหรือต่างคราวกันให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 72/2558 เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทจดทะเบียนเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อบุคคลในวงจำกัด ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.30 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขายรวม 148,500,000 บาท ได้แก่

- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 15,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ บริษัท ไท่เว่ ไบโอเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 18,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ นางละออ ตั้งคารวคุณ

- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 6,000,000 หุ้น มูลค่ที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ นายวิชัย ด่านรัตน

- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 6,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ นางนธีรา บริรักษ์คูเจริญ

โดยวัตถุประสงค์ของการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน และเพื่อรองรับกับความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และรองรับการขยายกิจการในอนาคต โดยบริษัทมีแผนที่จะใช้เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ในการขยายธุรกิจหลักของบริษัทและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นตามแผนการลงทุนของบริษัท และเพื่อเสริมสภาพคล่องและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อย ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะใช้เงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนในไตรมาส 4 ของปี 2564 เป็นต้นไป

ในการนี้ ที่ประชุมมีมติอนุมัติกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 13 ก.ย.2564 เวลา 10.00 - 12.00 น. ประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยถ่ายทอดสด ณ ห้องประชุม สำนักงานใหญ่ บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 56/9-10 ซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 12/ ณนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 16 ส.ค.2564 (Record Date)
#1894
3in1 led 36pcs 1w led flat par light DJ DMX512 Stage Lighting   

ไฟเวที LED FLAT PAR สุดคุ้มการใช้ ปาร์ตี้, ดิสโก้, KTV, ผับ, ร้านอาหาร, สวน, สวนสาธารณะ, พลาซ่า เพิ่มความตื่นตาตื่นใจ ด้วยชุดไฟ วิบวับ  แค่ 990 บาท 

- 1 หลอดมีหลาย สี  RGB MiXED COLOR
- วัตต์: ประมาณ 36 x  วัตต์
- แรงดันไฟฟ้า: 110-220 - v
-แหล่งพลังงาน: AC
- สามารถใช้ได้กับเครื่องควบคุมสัญญาณไฟ DMX512 
- รูปแบบไฟเปลี่ยนได้ถึง 7 แบบ ได้แก่ ปล่อยอัตโนมัติ เปลี่ยนตามจังหวะดนตรี master-slave
- รับประกัน 1 เดือน

สนใจ ติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อสินค้า
โทร : 094-5102033
LINE :@gentech
หรือคลิก https://lin.ee/eYs6pVN


#ป้ายNeonflex #ป้ายไฟสั่งทำ #ป้ายเชียร์ #ป้ายร้าน #ป้ายไฟดัด #ป้ายไฟled
#lighting #ไฟled #ledonhome #ป้ายไฟ #ป้ายไฟร้าน #ราคาป้ายไฟ #อุปกรณ์ไฟ
#โคมไฟ #ไฟตกแต่ง #ไฟประดับ #ไฟดาวไลน์led #วิธีเปลี่ยนหลอดled #วิบวับ #laser






#1895



อัปเดต ศึก ONE: BATTLGROUND มีการเปลี่ยนแปลงตัวนักกีฬาในช่วงโค้งสุดท้ายอย่างกะทันหันด้วยเหตุสุดวิสัยหลายประการ แต่รับรองว่าการสลับจับคู่ใหม่ไม่ทำความมันลดน้อยถอยลงแน่นอน

เริ่มที่คิกบ็อกเซอร์ตุรกี "ไทฟุน ออสแคน" ซึ่งเดิมมีนัดฟาดปากกับคิกบ็อกเซอร์ขวัญใจชาวไทย "สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง" ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต ในศึก ONE:BATTLEGROUND ซึ่งกำหนดถ่ายทอดสด ศุกร์ 30 ก.ค.นี้ จำต้องถอนตัวออกจากการแข่งขันในนัดเปิดตัว เนื่องจากได้รับอุบัติเหตุข้อมือหักก่อนเดินทางไปสิงคโปร์

คู่นี้จึงถูกแทนที่ด้วย "เรียวโตะ ซาวาดะ" นักสู้ดาวรุ่งจากแดนซามูไร จะพิสูจน์ฝีมือกับอดีตนักมวยปล้ำโอลิมปิกไซส์มินิชาวคิวบา "กุสตาโว บาลาร์ต"

ด้าน "เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์" ซึ่งจ่อคิวฉะเดือดกับ "ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม" ในฐานะคู่เอกศึก ONE:BATTLEGROUND III ซึ่งกำหนดออกอากาศเทปการแข่งขัน ศุกร์ 27 ส.ค.นี้ จำเป็นต้องออกจากการแข่งขัน เนื่องด้วยเทรนเนอร์มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ส่งผลให้ เสมาเพชร ซึ่งเป็นผู้อยู่ใกล้ชิดไม่สามารถแข่งขันได้ตามมาตรการความปลอดภัยในสถานการณ์ไวรัส

สิทธิชัย และ ตะวันฉาย ซึ่งตกอยู่ในสถานะไร้คู่แข่งด้วยกันทั้งคู่ จึงตัดสินใจโคจรมาเจอกันในกติกามวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (70.3 กก.) ซึ่งถือเป็นหวนคืนสังเวียนมวยไทยในรอบหลายปีของ สิทธิชัย และจะได้สวมนวม MMA ชกเป็นครั้งแรกในชีวิต ส่วน ตะวันฉาย ก็ขยับรุ่นจากเดิม 65.8 กก. มาเป็นรุ่นที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งผู้ชนะในไฟต์นี้อาจนำไปสู่การชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวตกับเจ้าบัลลังก์อย่าง "เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี" ก็เป็นได้

รับชมศึก ONE: BATTLRGROUND ได้ทาง ONE Super App , YouTube ของ ONE Championship 19.30 น. , AIS Play 19.30 น. และไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 21.30 น.
#1896



บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เริ่มดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2564 หลังจากนั้นผู้บริหารแผน 5 คน ที่ศาลแต่งตั้งได้เข้าทำหน้าที่บริหารการบินไทยให้เป็นไปตามแผนในการใช้หนี้คืนเจ้าหนี้ตามภาระหนี้ที่ยื่นขอรับชำระ 410,140 ล้านบาท รวมแล้วผู้บริหารแผนเข้าไปทำหน้าที่ในการบินไทยแล้ว 1 เดือน เศษ

แหล่งข่าวจากการบินไทย กล่าวว่า หลังจากที่ศาลล้มละลายกลางอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการแล้วผู้บริหารแผนทั้ง 5 คน คือ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ,นายพรชัย ฐีระเวช ,นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ,นายไกรสร บารมีอวยชัย  และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ได้เริ่มทำงานด้วยการมอบนโยบายให้กับแต่ละหน่วยธุรกิจของการบินไทย โดยนายศิริและนายไกรสร มอบนโยบายให้ฝ่ายช่างมีส่วนร่วมในการหารายได้และขับเคลื่อนให้การบินไทยเป็นสายการบินชั้นนำที่ศักยภาพในการแข่งขันในฐานะสายการบินแห่งชาติ

นอกจากนี้ แผนฟื้นฟูกิจการกำหนดให้การบินไทยหาเงินกู้ใหม่วงเงิน 50,000 ล้านบาท โดยเจรจากับสถาบันการเงินและเจ้าหนี้การบินไทย ซึ่งที่ผ่านมาผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการได้เจรจาแล้วหลายราย เช่น ธนาคารกรุงเทพ โดยจะแบ่งเป็นสินเชื่อใหม่ 25,000 ล้านบาท จากการสนับสนุนจากภาครัฐหรือบุคลใดที่รัฐหรือผู้บริหารแผนร่วมจัดหาในรูปเงินกู้หรือการค้ำประกัน และสินเชื่อใหม่ 25,000 ล้านบาท จากการสนับสนุนจากภาคเอกชน

รวมทั้งในแผนฟื้นฟูกิจการที่ผ่านความเห็นชอบจากศาลล้มละลายกลางได้มีการกำหนดกระแสเงินสดจากการกู้ยืมใหม่ในปี 2564 วงเงิน 35,000 ล้านบาท และในปี 2565 วงเงิน 13,000 ล้านบาท ในขณะที่การชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการจะเริ่มตั้งแต่ปี 2564 ที่วงเงิน 286 ล้านบาท และทยอยเพิ่มขึ้นในปี 2565 วงเงิน 726 ล้านบาท ปี 2566 วงเงิน 17,221 ล้านบาท ปี 2567 วงเงิน 11,643 ล้านบาท ทยอยจ่ายหนี้ไปจนถึงปี 2579 รวมวงเงินที่จ่ายหนี้ 197,085 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากการบินไทย กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยธุรกิจการบินของการบินไทยถือเป็นหน่วยสำคัญในการหารายได้ ในช่วงเวลาที่การบินไทยยังไม่สามารถทำการบินรับส่งผู้โดยสารได้อย่างปกติ โดยหน่วยธุรกิจการบิน มีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง 3 ส่วน คือ ครัวการบิน ศูนย์ซ่อมอากาศยาน และขนส่งสินค้า ซึ่งคาดว่าตลอดทั้งปีนี้ จะสามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ราว 1 หมื่นล้านบาท

สำหรับนโยบายสำคัญที่ผู้บริหารแผนได้มอบหมายไว้ กำชับให้หน่วยธุรกิจการบินเร่งหารายได้ทุกด้าน เนื่องจากเป็นหน่วยที่ยังสามารถหารายได้อย่างเต็มศักยภาพในปัจจุบันที่แม้โรคโควิด-19 จะยังระบาดทั่วโลก โดยเบื้องต้นฝ่ายครัวการบินได้ลงนามในสัญญากับลูกค้าสายการบินเพื่อบริการอาหาร 2-3 ราย อีกทั้งยังอยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่รองรับผู้บริโภคภาคพื้น ซึ่งมั่นใจว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยสร้างรายได้ให้กับการบินไทยเพิ่มมากขึ้นได้

ส่วนธุรกิจขนส่งสินค้า ขณะนี้ถือเป็นตัวแปรสำคัญของการเพิ่มรายได้เข้าองค์กร มีลูกค้าใช้บริการเพิ่มขึ้น และยังมีใช้บริการเช่าเหมาลำขนส่งสินค้าด้วย เช่นเดียวกันธุรกิจคลังสินค้าที่ในปัจจุบันยังได้ลงนามสัญญากับลูกค้าเพิ่มอีก 2-3 ราย

"คาดการณ์ว่าภายใน 5 ปีหลังจากนี้ ธุรกิจนอนแอโรว์ของการบินไทย ประกอบด้วย ครัวการบิน ฝ่ายช่าง และขนส่งสินค้า (คาร์โก้) จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้กับองค์กร จากปัจจุบันคิดเป็น 15% ของรายได้รวม จะเพิ่มเป็น 50% ของรายได้รวม" แหล่งข่าว กล่าว

ทั้งนี้ การเร่งเพิ่มรายได้นอนแอโรว์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูการบินไทย ที่มีเป้าหมายเพิ่มรายได้จากหน่วยธุรกิจที่ยังมีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับองค์กร เช่น ธุรกิจศูนย์ซ่อมอากาศยาน ครัวการบินและขนส่งสินค้า ซึ่งดำเนินการก่อนจะผลักดันให้มีการแยกจัดตั้งเป็นหน่วยธุรกิจย่อยในลักษณะ Business unit เปิดให้เอกชนรายอื่นเข้ามาร่วมลงทุน และขยายบริการรองรับสายการบินหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีรายได้อย่างยั่งยืนและจะทำให้การบินไทยสามารถก้าวข้ามวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ไปได้
#1897



จัดเป็นอีกหนึ่งนักร้องสาวเสียงดีของวงการบันเทิง ปาน ธนพร ที่ล่าสุดเจอสถานการณ์โควิดทำพิษ ทำให้ต้องออกมาโพสต์เฟซบุ๊กตัดพ้อไม่มีงาน อายุเยอะขนาดนี้จะไปทำอะไรต่อโดยสาวปานเล่าเรื่องนี้อย่างละเอียดในรายการคุยแซ่บ Show พร้อมอัพเดทคุณแม่ที่นอนติดเตียงมาร่วม 17 ปี ด้วยอาการเส้นเลือดสมองตีบ หมดค่าใช้จ่ายกว่า 10 ล้านบาท ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ปาน เผยว่า "เรื่องโควิดตอนนี้พี่ว่าทุกชีวิตไม่ต่างกัน หนักเบาแล้วแต่ เราเองก็โดนอยู่แล้ว เพราะว่าเราเป็นนักร้องไม่ได้ร้องเพลงมาเป็นปีๆแล้ว ตั้งแต่มีโควิดไม่ได้มีงานร้องเพลงเลย จะมีก็แค่ออกรายการเล็กๆน้อยๆ พออยู่ได้ไป เราก็ยังดีกว่าอีกหลายๆชีวิตที่เขาลำบากมากที่เป็นข่าวเห็นๆกันอยู่ ที่โพสต์ไปถามว่าท้อกับชีวิตไหมก็เปล่า โพสต์ไปอย่างงั้นหาเรื่องสนุกๆไป  จริงๆเรามีความรู้สึกว่าเราเริ่มแก่แล้ว ถ้าเราคิดว่าหนึ่งวันคือชีวิตคน ตอนนี้ด้วยอายุของเรามันเลยตรงกลางมันเลยตรงเที่ยงมาแล้ว ถ้าเที่ยงมันคือชีวิตวัยรุ่น เราคือช่วงชีวิตบ่ายกำลังเข้าเย็น บ่านคล้อยเย็น เราต้องมานั่งคิดแล้วว่าชีวิตต่อจากนี้เราจะทำอะไร เราจะมีเป้าหมายอะไรต่อไปดี เราก็โพสต์เล่นๆเผื่อเพื่อนๆจะเข้ามาตอบสนุกสนาน เผื่อจะแนะนำอะไร"


"ถามว่าประโยคนั้นจะออกจากวงการไหม มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกก็อาจจะเห็นหน้ากันตามรายการเล็กๆน้อยๆ คงไม่ได้เห็นกันเหมือนเมื่อก่อน เราก็มีเป้าหมายของเราที่เปลี่ยนไปก็คือเป้าหมายทางธรรม ซึ่งทุกวันนี้นอกจากเป็นจิตอาสาในกลุ่มบัวลอยที่ช่วยงานทางศาสนาเท่าที่เราทำได้ แต่งานพวกนี้มันเป็นงานที่ไม่ได้สตางค์ มันเป็นงานเรื่องใจ มันก็ต้องมานั่งคิดว่าชีวิตมนุษย์มันอยู่ได้ด้วยเรื่องปัจจัยก็เลยมานั่งคิดว่าเราจะทำอะไรดีแก่ป่านนี้แล้ว"

ปาน เล่าต่อว่า "เรื่องแม่ป่วยท่านก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องนอนอยู่อย่างนั้น นอนมา 17 ปีแล้ว คุณแม่เป็นเส้นเลือดตีบเมื่อปี 45 รักษามาจนเอากลับมาได้ แต่ระหว่างทางมีอยู่ช่วงหนึ่งหลังจากหายเกือบ 100% ไปล้ม พอล้มก็ทำให้สะโพกหักก็ต้องผ่าตัด พอผ่าตัดกลับออกมาก็ต้องกายภาพ คุณแม่ก็เป็นคนชอบกินโน่นกินนี่ยังกินขนมหวานอยู่ไม่ค่อยได้มีวินัยมากก็ทำให้กลับมาตีบครั้งที่ 2 ซึ่งการตีบครั้งนี้เป็นการตีบที่หมอครั้งแรกเตือนไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า กลับไปเที่ยวนี้ซีเรียสนะเพราะถ้าตีบครั้งที่ 2 เอาคืนไม่ได้แล้วนะ แล้วการตีบครั้งที่ 2 มันเป็นการตีบที่ไปมีส่วนในการควบคุมการกลืนกับการพูดแล้วทำให้ซีกขวาจะนิ่ง คุณแม่ก็นอนด้วยอาการแบบนี้ 17 ปีแล้ว 5 ปีแรกแม่พี่ทรมานมาก เพราะว่าคนเคยเที่ยว แม่เราเป็นคุณครูต้องพูดบ่น แล้ววันหนึ่งพูดไม่ได้ก็หงุดหงิดกว่าจะรับตัวเองได้ เคยชอบกินก็กินไม่ได้ อะไรที่เคยชอบกินก็ได้แต่นั่งมองทุกอย่างก็ต้องฟรีซ เขาก็จะหงุดหงิด เป็นช่วง 5 ปีแรกที่ลูกๆทุกคนต่างคนต่างทรมาน แต่วันที่พี่น้อง 5 คนมายืนร้องไห้กันเลยก็คือวันที่รู้ว่าว่าเขาพูดไม่ได้แล้ว อันนั้นหนักที่สุดในชีวิตเลย"

"ค่าใช้จ่ายตลอด 17 ปีที่ผ่านมาหนักมาก ก็น่าจะเกิน 10 ล้าน เพราะว่าโรคพวกนี้จะเป็นแบบระยะยาว จะเป็นไปเรื่อยๆ ช่วง 5 ปีแรกเป็นปีที่ร่างกายมันขึ้นลง แล้วหลายครั้งก็เหมือนกับแม่จะไป เราก็ยื้อกัน ทุกอย่างมันใช้เม็ดเงินตลอด แต่ว่าอย่างหนึ่งปานรู้สึกขอบคุณเจ้ากรรมนายเวรที่มาเอาเรื่องแม่เราตอนเราไหว เขาก็ยังเมตตาที่มาเอาเรื่องแม่เราตอนเรายังมีกำลัง ครอบครัวเราแรกๆเราก็สู้กันมาตลอด อยู่ไปๆเราก็เห็นแม่เราทรมานมากเลย เราก็คิดว่าเขาก็คงไม่อยากอยู่กับร่างที่เสื่อมขนาดนี้ คนเราไม่ใช่อยากจะตายก็ตายได้เราก็ได้แต่บอกแม่เราว่าแม่ใช้กรรมนะ ใช้ให้หมด จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน ก็ได้แต่ปลอบใจกันแบบนี้ วันนี้เราทำได้แค่นิมนต์พระน้องชายให้ท่านเมตตาไปรับสังฆทานให้แม่ได้มีภาพจำ ให้จิตเขาจำว่าเขาทำบุญอะไรไว้เยอะ เพราะแม่ชอบทำบุญสมัยแข็งแรง เขาทำบุญสวดมนต์ตลอด แต่อย่างว่าคนเราก็มีกรรมเป็นของตัวเอง แม่ถือว่าเป็นครูสอนธรรมะได้ใกล้ตัวที่สุด เราเลยเห็นมันเลยทำให้เราปลงอะไรได้เริ่มจากการเห็นแม่เราก่อน ต่อให้เราพยายามแค่ไหนมันไม่มีอะไรใหญ่กว่ากรรมเลย"


"จริงๆ 17 ปีมันยาวนานมากสำหรับคนๆหนึ่งที่ต้องทรมานบนนี้ จริงๆมีอยู่ช่วงหนึ่งที่คุณแม่กลับมาทานอาหารได้ เราก็ดีใจกันมากว่าแม่กินข้าวได้แล้วนะ แต่ว่าเขาสำลักด้วยความที่เขาไม่ได้กินมานาน อันนี้ก็เป็นอีกแมทช์หนึ่งที่เกือบไป พอสำลักก็ทำให้เศษข้าวเข้าไปในปอดแล้วก็เข้าไอซียู คุณหมอก็สั่งว่าห้ามกินต่อไปนี้ให้กลับไปกินแบบสายยางเหมือนเดิมก็จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ถ้าขอได้ก็อยากให้เขาพูดได้ จริงๆก็คือภูมิใจในตัวเขา เขาคือนักสู้สำหรับพี่นะ แม่เป็นนักสู้สุดๆเลย ไม่ได้แสดงอาการว่าสู้คนแต่ก็ไม่ให้ใครมารังแกได้ เป็นมนุษย์ที่ใช้ชีวิตบนความกล้าหาญ ถึงแม้จะมีทุกข์แม่ก็เผชิญ แม่จะพูดเสมอว่าจำเอาไว้เลยนะวันหนึ่งที่พวกแกไปมีลูก แกต้องเลี้ยงลูกให้เขาอยู่ให้ได้โดยที่ไม่มีแกแล้วอย่าเลี้ยงลูกให้ตัวเองรักคนเดียว ต้องเลี้ยงลูกให้คนอื่นเขารักลูกแก มันถึงจะถูก"


ปาน เล่าอีกว่า "เรื่องความรักของพี่มันเคยมีทุกอย่างแล้ว เราผ่านมาหมดแล้ว ความรักเราก็มีความรักที่ดีที่จบดี ส่วนใหญ่เราก็จะจบดีๆ ไม่ใช่เราไม่รู้จักรัก เรารู้จักมาหมดแล้ว แต่วันนี้การมีคู่ไม่ใช่สิ่งที่เราเลือก แต่เราขอเลือกที่อยากจะเรียนรู้ใจตัวเองมากกว่า มันก็เลยไม่ได้มีเรื่องนี้ให้คนเห็นมากนัก แต่ที่คนบอกเพลงพี่แต่งมามีแต่ผู้ชายไม่มีดีเลย หลายคนเลยสงสัยว่าพี่เจ็บช้ำจากผู้ชายแน่ๆหรือว่าชอบเพศเดียวกัน อันนี้ตอบก่อนว่าพี่ชอบผู้ชายปกติเลย แต่ว่าไม่ใช่ผู้หญิงในสเปคที่ผู้ชายจะวิ่งเข้าหาเหมือนกัน แต่ว่าเพื่อนจะเยอะ คนจะเข้ามาเป็นเพื่อนกับเราเยอะมาก ถ้าคนเข้ามามันต้องรู้ว่าจะไปในทิศทางเดียวกันได้ไหม เราไม่ได้มีเขาเป็นเป้าหมายหลักเรามีอย่างอื่นเป็นเป้าหมายหลัก แต่ถ้าจะเดินไปด้วยกัน มีเป้าหมายเดียวกันในทางธรรม พี่ว่ามันก็ไปด้วยกันได้ แต่ว่า ณ วันนี้มันไม่ใครเดินเข้ามาหาเราแบบนี้ส่วนใหญ่แล้วมีแต่เพื่อนจริงๆ เราอาจจะไม่เหมาะที่จะมีผู้ เพราะว่าตัวเราเองเรายังจัดการชีวิตตัวเองหรือว่าข้างในตัวเองได้ไม่ดีพอที่จะมีอีกคนหนึ่ง เรารู้สึกอย่างนั้น"
#1898


"ทานตะวันสีเพลิง" ละครโรแมนติกครบรสของค่ายปภัสราโปรดักชั่น ที่ผู้จัดฯ คนเก่ง กบ-ปภัสรา เตชะไพบูลย์ คัดสรรและเจียระไนให้ละครเรื่องนี้สนุกสนาน ครบรส และยังสะท้อนถึงปัญหาสังคมครอบครัวได้เป็นอย่างดี!!!


นอกจากนำเสนอในเรื่องปัญหาครอบครัวแล้ว ยังนำเสนอเรื่องราวของความอิจฉาริษยา การเลือกทางเดินผิดผ่านตัวละคร ดวงแก้ว (อิงฟ้า เกตุคำ) ลูกสาว ป้าศรี (ปนัดดา โกมารทัต) แม่ครัวของรีสอร์ตทานตะวัน ที่อิจฉาเจ้าของรีสอร์ตอย่าง ทานตะวัน (ชิงชิง คริษฐา) อยากมีชีวิตเทียบเท่าจนไม่คิดถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่ง "ฆ่า" ผู้มีพระคุณ!!!


แต่ชีวิตไม่เป็นดังหวัง ด้วยความรักและความหึงหวง ทำให้ ดวงแก้ว ต้องถูกทำร้ายจาก ทัพไท (บิ๊ก กฤษฏา) ผู้ชายที่เธอคิดว่าจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอดีขึ้น แต่เธอกลับเป็นได้แค่เพียง "แต้มหนึ่ง" ของเขาเท่านั้น


เรื่องราวดำเนินตอนที่ ดวงแก้ว แกล้งทำอาหารหกใส่ สายขวัญ (สกาย มาเรีย) และ สายขวัญ รู้ความจริงว่า ดวงแก้ว เป็นผู้หญิงของ ทัพไท (บิ๊ก กฤษฏา) ด้วยเหตุนี้ ทัพไท จึงทำร้าย ดวงแก้ว อย่างหนัก เพราะทำให้ผู้หญิงที่ตนหมายปองต้องหลุดมือไป


ฉากนี้ทีมงานใช้โลเกชั่น "วู้ดแลนด์เมืองไม้" จ.นครปฐม เป็นสถานที่ถ่ายทำ โดยเซ็ทฉากที่ ทัพไท จิกหัว ดวงแก้ว มาที่หน้าห้อง และต่อว่าที่ทำให้ สายขวัญ หลุดมือ โดยมี ป้าศรี เดินตามมาจะช่วยลูก พร้อมด้วย สิงห์ (จุ๊บ อิทธิกร) และ เดือน (ปิยา พงศ์กุลภา) ผู้หญิงอีกคนของทัพไท แล้ว ทัพไท ก็พา ดวงแก้ว เข้าไปซ้อมในห้องอย่างโหดเหี้ยม


ผู้กำกับฯ จารึก สงวนพงศ์ ขอซ้อมคิวนักแสดงและคิวกล้องไปพร้อมๆ กัน หลังจากต่อบทกันเสร็จเรียบร้อย พอทุกอย่างพร้อม กล้องก็แพลนภาพแรกมาที่ หนุ่มบิ๊ก กำลังจิกหัวลาก อิงฟ้า มาหน้าห้อง จากนั้นนักแสดงก็ต่อไดอะล็อกกันไป จนถึง หนุ่มบิ๊ก พา อิงฟ้า เข้าห้อง และส่งเสียงประหนึ่งว่ากำลังทำร้าย ส่วน อิงฟ้า ก็ร้องด้วยอาการของคนที่กำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส โดยจบภาพที่ อิงฟ้า ที่บอบช้ำ เลือดกบปาก อยู่ในอ้อมกอดแม่ของเธอ!!!

ติดตามชมฉากนี้ได้ในละคร "ทานตะวันสีเพลิง" วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2564 และทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 18.45 น. และรีรันหลังเที่ยงคืน ทางช่อง 7HD กด 35 หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง BUGABOO.TV
#1899


โกล์! สู้สุดฝัน (Go! Goal! Fighting!) เป็นเรื่องราวของ มู่ฉี (หูเกอ) ที่ถูกย้ายมาเป็นโค้ชฟุต.โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง เขาต้องมาเจอทีมฟุต.โรงเรียนที่แพ้ตลอดกาล แม้กระทั่งแข่งกับเด็กประถมก็ยังเอาชนะไม่ได้


การปรากฏตัวของมู่ฉี ทำให้ทุกคนสงสัยในความสามารถและที่มาของเขา แต่ด้วยวิธีการสอนและแผนการเล่นฟุต.ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ทำให้พวกเขาพบกับคำว่า "ชนะ" เป็นครั้งแรก เหล่านักกีฬายอมรับนับถือในความสามารถของเขา


รวมถึง เพ้ยตั่ว (เจียงซูอิ่ง) ก็ได้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อ มู่ฉี ใหม่ และความสัมพันธ์ของทั้งสองก็พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น


มู่ฉี เริ่มรู้สึกผูกพันกับทีมฟุต.ทีมนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เหล่านักเรียนก็ตั้งใจฝึกซ้อมมากขึ้น กลายเป็นทีมฟุต.ที่มีความสมัครสมานสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รวมถึงได้รับชัยชนะจนมีชื่อเสียงขึ้นมา


แต่แล้ววันหนึ่งในช่วงที่ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี กลับเกิดปัญหารุมเร้า เมื่อ ลู่เจี๋ย (เฉียนเฟิง) ผู้ที่ไม่ชอบ มู่ฉี ก็พยายามหาข้ออ้างต่างๆ เพื่อจะไล่เขาออกจากโรงเรียน รวมถึง จงเยี่ยน (เจิงหลี) ผู้อำนวยการโรงเรียนที่แอบหลงรัก มู่ฉี ก็พยายามใช้ทุกวิถีทางที่จะให้ มู่ฉี รับรัก


ในช่วงที่ปัญหาน่าปวดหัวเหล่านี้กำลังถาโถม ปัญหาที่น่ากลัวที่สุดก็ปรากฎขึ้น เมื่ออดีตของมู่ฉีถูกเปิดเผยให้ทุกคนได้รับรู้ว่าเขาเคยเกี่ยวข้องกับการ.ฟุต. ทำให้ความรักของเขากับ เพ้ยตั่ว ต้องสะดุดลง เมื่อแม่ของ เพ้ยตั่ว รู้ข่าวจึงต่อต้านความรักครั้งนี้


ระหว่างนั้น การแข่งขันฟุต.รอบคัดเลือกของโรงเรียนก็กำลังจะมาถึง แต่ความฝันและอาชีพฟุต.ของ มู่ฉี กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย


มู่ฉี จะฝ่าฟันอุปสรรคเรื่องอดีตของตนเองที่เคยทำผิดพลาดและสามารถสร้างปาฏิหาริย์ให้แก่ทีมฟุต.ได้หรือไม่ ติดตามชมได้ใน ซีรีส์ โกล์! สู้สุดฝัน (Go! Goal! Fighting!)


นำแสดงโดย

หูเกอ รับบท มู่ฉี

เจียงซูอิ่ง รับบท เพ้ยตั่ว

เจิงหลี รับบท จงเยี่ยน

เฉียนเฟิง รับบท ลู่เจี๋ย

หวังอี้หลิน รับบท ฉินหมิงฮ่าว

หนิวจวิ้นเฟิง รับบท หวังจิงเคอ

เฉินเหยา รับบท ทังชีฉี

หลี่ซือเฉิง รับบท ติงหยี่

กู่ลี่นาจา รับบท ยวี่เฟย (นักแสดงรับเชิญ)
#1900


ทนายทิชา หรือ ทิชากร (เบลล่า ราณี) ทนายความสาว Working Woman ที่สวยและเก่งมาก เพียบพร้อมทุกอย่างแต่โสด ถึงแม้มีผู้ชายหลายคนเข้ามาจีบทิชา แต่ทิชาไม่สนใจเรื่องความรักอีกเลยตั้งแต่เลิกกับแฟนเก่าไป เพราะต้องการคว้าตำแหน่งพาร์ตเนอร์ผู้หญิงคนแรกของบริษัท รอสแอนด์ฮาร์วี่ย์ มาเป็นของเธอให้ได้

ขณะที่ คุณนายชุมพร (ใหม่ นัฏฐา) แม่ของทิชาอยากให้ทิชาหาผู้ชายดีๆ เพื่อแต่งงานมีครอบครัวที่ดี แต่ทิชาก็ทำให้แม่ผิดหวังมาตลอด จนกระทั่ง เบนจามิน หรือ บอสเบน (อู๋ ธนากร) MD ของบริษัทฯ ที่ดีพร้อมทุกอย่างทั้งวุฒิการศึกษา หน้าตาและฐานะ ออกตัวแรงว่าอยากจีบทิชา แต่ทิชากลับนิ่งเฉย ขณะที่ น้ำ (มะปราง วิรากานต์) และ เจซซี่ (แป้ง ณัฐณิชา) เพื่อนสนิทของทิชาก็ดีใจมากเช่นกันที่เพื่อนจะขายออกซะที


ทิชาต้องการแข่งขันเรื่องงานกับ คามีเลีย (พิ้งค์กี้ สาวิกา) ทนายความสาวสวยที่เก่งมากอีกคนหนึ่งของบริษัทฯ จริงจังเรื่องงานและจับพิรุธคนเก่ง โดยมีลูกมืออย่าง แต้ว (มายด์ ฑาริกา) เป็นทนายผู้ช่วยทีมเธอ ซึ่งบอกเลยว่าศึกครั้งนี้ไม่ง่ายเลย ทนายสาวกับลูกน้องทั้งสองทีมพร้อมฟาดเพื่องานและเพื่อหัวใจ ตาต่อตาฟันต่อฟัน ทำให้ทิชารีบสั่งงาน ดาหลา (น้ำฟ้า ธัญญภัสร์) ทนายผู้ช่วยของเธอ ให้นำคดีที่เธอทำค้างไว้ทั้งหมด มาประชุมด่วนเพื่อทำให้สำเร็จโดยเร็ว และเปิดรับทนายฝึกตั๋วคนใหม่เข้าทีมของเธอ คือ คิว (กองทัพ พีค) เด็กหนุ่มคนเดียวที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตและทำให้ทิชาใจสั่นและหวั่นไหวกับความรักได้อีกครั้ง


ย้อนไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว คิวอยู่กับ พ่อพงษ์ (กบ ทรงสิทธิ์) สองคนตามลำพัง หลังจากที่ แม่พิม (เต๋า สโรชา) ทิ้งพ่อกับคิวไปมีครอบครัวใหม่ คิวกลายเป็นเด็กเกเรตั้งแต่นั้น จนกระทั่งคิวได้รู้จักทิชา คิวเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อนสนิทอย่าง ป้อน (เค้ก นันทวัชร์) กับ ติณ (แก๊ป-จักริน) ยังแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคิว จากเด็กไม่ตั้งใจเรียน กลายเป็นเด็กตั้งใจเรียนที่มีเป้าหมายในชีวิต คือการเป็นทนายความเหมือนทิชาให้ได้ คิวขอร้องให้ทิชาติวหนังสือให้เพื่อเตรียมเอนทรานซ์ ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้น เหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่ดี


จนกระทั่ง นรา (อ้น สราวุธ) อัยการหนุ่ม แฟนเก่าของทิชา กลับมาง้อขอคืนดี หลังจากที่แอบนอกใจทิชาจนเลิกรากันไป คิวรับไม่ได้โกรธแทนทิชา และไม่อยากเห็นทิชาต้องเสียใจซ้ำสอง หลังจากวันนั้นคิวกลัวว่าจะเสียทิชาไป คิวตัดสินใจสารภาพรักกับทิชา ทิชาก็รู้สึกหวั่นไหวในใจลึกๆ แต่ไม่ยอมรับใจตัวเอง ทิชาตัดสินใจหายไปจากชีวิตคิวทันทีโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา คิวเสียใจมาก แต่คิวทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แค่ตั้งใจเรียนเพื่อเรียนจบและเป็นทนายความให้ได้ เพื่อนำพาตัวเองเข้าสู่วงการอาชีพทนายความ และตามหา พี่ทิชา ผู้หญิงที่เขารักให้เจอ


ในที่สุด วันนี้คิวก็ตามหาพี่ทิชาจนเจอ แต่ทิชาช็อกมาก ทิชาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักคิว เพราะทิชาไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างเธอกับคิวถูกเปิดเผยในออฟฟิศเวลานี้ ทิชาตัดสินใจปฏิเสธไม่รับคิวเข้าร่วมทีมทันที คิวจึงถูกย้ายไปอยู่ทีม ทนายศักดิ์ (เกิร์ก ชิลเลอร์) ถึงแม้ว่าคิวจะถูกย้ายไปอยู่ทีมทนายศักดิ์ แต่คิวก็แอบช่วยพาทิชาทำคดีสำเร็จ เบนจามินเห็นความสามารถและความตั้งใจของคิว จึงเรียกคิวมาคุยและสั่งย้ายคิวไปอยู่ทีมทิชา


งานแรกที่คิวกับทิชาต้องทำร่วมกันคือคดีของ คุณแอมมี่ (ท็อป ดารณีนุช) สาวใหญ่อายุสี่สิบ อยากยื่นคำร้องฟ้องหย่ากับสามีเด็กชื่อ แจ๊ก (ปาล์ม ศุภชัย) ที่เธอจับได้ว่าเขาแอบคบชู้ ทิชาตั้งใจทำคดีนี้เต็มที่ แต่แอมมี่ไม่ให้ความร่วมมือกับทิชาเท่าไหร่เพราะไม่ชอบชะนี แต่เมื่อเบนจามินพาคิวไปพบแอมมี่ในฐานะทนายผู้ช่วยของทิชา แอมมี่ก็ยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่างเพราะชอบเด็กหนุ่ม สุดท้ายทิชาชนะคดีนี้เพราะสืบหาข้อมูลและพบว่าหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่ มะนาว (ดีใจ ดีดีดี) เพื่อนสนิทของแอมมี่ ที่คดีพลิกไปพลิกมาจนเดาไม่ถูก


กำแพงในใจของทิชาที่มีต่อคิวลดลงไปหน่อยหนึ่ง เธอยอมรับว่าเธอจำคิวได้ แต่ก็ตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคิวชัดเจนว่าเป็นแค่หัวหน้าและลูกน้องกันเท่านั้น หลังจากนั้นทั้งคู่ได้ทำคดีด้วยกันมาเรื่อย ๆ จนคดีนี้ทำให้คิวได้รู้จักกับ จูน (ลาล่า ลาริสา) หลานสาวคุณแอมมี่ที่ชอบคิวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน จูนออกตัวแรงเลยว่าเธอชอบคิวและอยากได้คิวเป็นแฟน ทิชาพยายามวางตัวเป็นหัวหน้าของคิว เว้นระยะห่างชัดเจน

เรื่องย่อ ให้รักพิพากษา

แต่ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของทิชากับคิวพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ต้องแอบคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ จนบางครั้งคิวเริ่มอึดอัดแต่ต้องอดทน เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้เป็นแฟนกับทิชาแล้ว


เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตาม "คดีรัก" ที่รอการ "พิพากษา" ได้ในละครฟีลกู้ด ให้รักพิพากษา Dare To Love ที่ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 กด 33 ละคร ให้รักพิพากษา Dare To Love เริ่มตอนแรกวันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม 2564

 

บทประพันธ์โดย : ทิพย์สุดา ปิยะพันธ์

บทโทรทัศน์โดย : ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส

กำกับการแสดงโดย : วุ้น-ทรงศักดิ์ มงคลทอง

ผลิตโดย : ค่าย ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น


ควบคุมการผลิตโดย : ต้น-ณฐนนท์ ชลลัมพี

 

รายชื่อนักแสดงนำในละคร ให้รักพิพากษา Dare To Love

เบลล่า ราณี แคมเปน รับบท ทิชา

กองทัพ พีค รับบท คิว

อู๋ ธนากร โปษยานนท์ รับบท เบนจามิน

พิ้งค์กี้ สาวิกา ไชยเดช รับบท คามีเลีย

เค้ก นัทธวัชร์ แก้วบัวสาย รับบท ป้อน

ลาล่า ลาริสา มิษฎา วิลมอทท์ รับบท จูน

น้ำฟ้า ธัญญภัสร์ ภัทรธีรชัยเจริญ รับบท ดาหลา

คิน การันต์ อร่ามศรี รับบท กิต

มายด์ ฑาริกา อินสุวรรณ์ รับบท แต้ว

แก๊ป จักริน ภูริพัฒน์ รับบท ติณ

เกริก ชิลเลอร์ รับบท ทนายศักดิ์

จุ๊บแจง วิมลพันธ์ ชาลีจังหาญ รับบท เจ๊ก้อย

บูม วิศรุต หอมหวน รับบท โอม

ใหม่ นัฏฐา ลอยด์ รับบท คุณนายชุมพร

กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี รับบท พงษ์

มะปราง วิรากานต์ เสณีตันติกุล รับบท น้ำ

แป้ง ณัฐณิชา ทิพยณฑล รับบท เจซซี่

พีช พิมพ์ลดา ไชยสุภากุลพัทธ์ รับบท เอ้

เต๋า สโรชา วาทิตตพันธ์ รับบท พิม

อั๋น โอลิเวอร์ พูพาร์ท รับบท เรวัติ

อ้น สราวุธ มาตรทอง รับบท อัยการนรา

ปาล์ม ศุภชัย สุวรรณอ่อน รับบท แจ๊ก

ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ รับบท คุณแอมมี่

ผัดไท ดีใจ ดีดีดี รับบท เจ๊มะนาว