• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Hanako5

#2841


วิกฤตโควิด-19 เป็นเรื่องรอไม่ได้ ทำให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) หาช่องออกข้อบังคับนำเข้าวัคซีนทางเลือก "โนวาแวกซ์" ต้านเชื้อกลายพันธุ์ ตามรอยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่นำเข้า "ซิโนฟาร์ม" มาก่อนหน้า ขณะที่การพัฒนาวัคซีนฝีมือคนไทย "จุฬาคอฟ19" ผลทดสอบในอาสาสมัครระยะที่ 1 พบกระตุ้นภูมิสูงเทียบเท่าไฟเซอร์ ยังมีไบโอเทคเริ่มขยับทดสอบวัคซีนโควิดชนิดพ่นจมูกในมนุษย์ 

ทั้งความสับสนอลหม่าน ทั้งซีนดรามาน้ำตารินที่เกิดขึ้นในสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางการจัดหาวัคซีนที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของบุคลากรด่านหน้าและประชาชนทั้งประเทศ เป็นแรงผลักดันให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีโรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วย หาช่องผ่าทางตันในการจัดหาวัคซีนของภาครัฐ โดยมองข้ามชอตไปข้างหน้าที่ประเทศไทยต้องมีวัคซีนรุ่นสองรับมือกับเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ รวมทั้งการจัดหาชุดตรวจเชื้อและยารักษาตัวใหม่ๆ ด้วย

จังหวะก้าวของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นการเดินตามรอยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งก่อนนี้ได้ออกประกาศราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ว่าด้วยการให้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุข ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ ในการนำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาแล้ว
คราวนี้ก็เช่นกัน สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ประกาศใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการนำเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2564 เป็นต้น ความว่า มธ. มีโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติและคณะวิชาทางวิทยาศาสตร์สุขภาพจำนวนมาก ซึ่งมีหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงในการให้บริการแก่สังคมในเรื่องการป้องกัน การแก้ไขปัญหาและการรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ดังนั้น สภามหาวิทยาลัยฯ จึงกำหนดให้หน่วยงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัยที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข สามารถเสนอต่ออธิการบดีให้สามารถจัดหา ผลิต จำหน่าย นำเข้า หรือขออนุญาตและออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียนยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งอื่นที่จำเป็นหรือเกี่ยวข้อง ทั้งที่ดำเนินการในประเทศและกับต่างประเทศได้

 ถือเป็นการคลายล็อกเปิดทางให้มีการนำเข้าวัคซีน เวชภัณฑ์และยา ได้โดยไม่ถูกมัดมือมัดเท้าอีกต่อไป เพราะอย่างที่รู้กันว่าในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ รวมทั้งโรงพยาบาลสนามที่จัดตั้งขึ้นนั้นมีเรื่องราวดรามาผ่านหน้าเพจไม่ว่างเว้น ทั้งบรรยากาศการทำงานที่แสนจะหนักหน่วง ระบบการรองรับผู้ป่วยใกล้ล่มสลายขาดทั้งเตียงทั้งห้องไอซียู อีกทั้งวัคซีนเข็ม 3 ที่ขอเพื่อฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้าก็ได้มาไม่เพียงพอ จนกระทั่งกระทรวงสาธารณสุข ต้องรีบจัดสรรให้เพิ่ม ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ที่ มธ. เผชิญอยู่จะคลี่คลายลงเมื่อมีการปลดล็อก รวมถึงยังสามารถแสวงหาพันธมิตรร่วมมือช่วยเหลือประชาชนคนติดเชื้อได้มากขึ้น แบ่งเบาภาระของรัฐบาลอีกทางหนึ่ง 

ถ้อยแถลงของ รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวถึงการออกประกาศข้างต้นว่าเนื่องจาก ดร.สุรพล นิติไกรพจน์  ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เห็นถึงปัญหาความต้องการวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ในภาวะวิกฤตไม่เพียงกับความต้องการ ทางโรงพยาบาลจึงมีความคิดออกข้อบังคับดังกล่าวขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกในการจัดหา ผลิต จำหน่าย นำเข้า ขออนุญาต และออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียนยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์

 "การออกประกาศมาครั้งนี้จะปลดล็อกสิ่งที่เป็นปัญหาเรื่องวัคซีน รวมทั้งยาต่างๆ...." ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ระบุ พร้อมกับย้ำว่าไม่ได้มีเป้าประสงค์เพื่อแสวงหารายได้หรือผลกำไรใดๆ ทั้งสิ้น 

วัคซีนที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ สนใจนำเข้านั้น รศ.นพ.พฤหัส ระบุว่า จะเป็นวัคซีนที่ไม่ซ้ำซ้อนกับการนำเข้าของหน่วยงานอื่นหรือทำสัญญาสั่งจองไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนฟาร์มของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โมเดอร์นาจากเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน หรือไฟเซอร์ที่รัฐบาลเพิ่งเซ็นสัญญาสั่งซื้อ โดยวัคซีนที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ให้ความสนใจจะเป็นวัคซีนเจนเนอร์ชัน 2 เพื่อเป็นบูสเตอร์โดสให้ประชาชนในรูปแบบวัคซีนทางเลือก โดยตัวอย่างวัคซีนที่จะหารือเพื่อนำเข้าอาจเป็นวัคซีนชนิด mRNA รุ่นที่ 2 หรือโปรตีนซัปยูนิตซึ่งปัจจุบันมียี่ห้อโนวาแวกซ์ ที่ใช้เทคโนโลยีนี้

การนำเข้าวัคซีนเจนเนอเรชัน 2 ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ยังต้องหาผู้ร่วมสนับสนุนเพราะงบประมาณมีจำกัด ทำให้ไม่สามารถนำเข้าวัคซีนในปริมาณมากเป็นหลักล้านโดสได้ มธ.จึงเปิดกว้างหาพันธมิตรร่วมมือกับองค์กรภายนอก ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกับเครือข่ายโรงเรียนแพทย์ ราชวิทยาลัย สมาคม รวมถึงเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถนำเข้าได้ในปี 2565

อย่างไรก็ตาม การจัดหาวัคซีนของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาด การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของวัคซีน เงื่อนไขในการจัดหาต้องจัดซื้อผ่านรัฐบาลหรือองค์กรร่วมที่เป็นหน่วยงานรัฐ ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรธรรมศาสตร์จะเข้าไปดำเนินการในส่วนที่ภาคส่วนอื่นทำไม่ได้หรือทำได้ไม่เพียงพอ ส่วนการกระจายวัคซีนอาจยึดแนวทางของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และองค์กรที่ร่วมเป็นพันธมิตรเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

แม้การนำเข้าวัคซีนของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ จะยังไม่มีความชัดเจนเพราะอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม และเจรจาหาพันธมิตร หาช่องทางต่างๆ แต่ภารกิจที่เป็นเป้าหมายแรกในระยะเร่งด่วนนี้ ผอ.โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ระบุว่า จะดำเนินการจัดซื้อชุดตรวจแอนติเจนตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ ATK เพื่อแก้ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพของชุดตรวจสำหรับการใช้ในหน่วยงานของ มธ. ที่มีทั้งโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และการจัดบริการรักษาพยาบาลแบบกักตัวที่บ้าน รวมทั้งแก้ปัญหาเรื่องราคาโดยชุดตรวจด้วยตัวเองต้องเป็นราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้ ด้วยราคาประมาณ 45-50 บาท เนื่องจากคุณสมบัติของ ATK ไม่ได้ไวเท่า RT-PCR จึงต้องมีราคาถูกเพื่อใช้ตรวจหลายครั้ง

ส่วนเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ คาดว่าการนำเข้าและเริ่มกระบวนการผลิตเองขององค์การเภสัชกรรมเพียงพอแล้ว ปัจจุบันมีการใช้ทั้งฟ้าทะลายโจร ฟาวิพิราเวียร์ และแอนติบอดี้ค็อกเทลที่รพ.ธรรมศาสตร์ฯ จัดหาผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ในอนาคต มธ.อาจศึกษาค้นคว้าวิจัยหาตัวยาใหม่ๆ ต่อไป

กล่าวสำหรับการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณเพื่อซื้อวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 20 ล้านโดส เป็นเงิน 9,372 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การจัดหาวัคซีนมูลค่า 8,439 ล้านบาทและค่าบริหารจัดการอีก 933 ล้านบาท คาดว่าจะส่งมอบในไตรมาสที่ 4 และรับทราบการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดส โดยมอบหมายให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ลงนามกับตัวแทนบริษัทไฟเซอร์ กำหนดส่งมอบช่วงไตรมาส 4 เช่นกัน

ในขณะที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ออกประกาศคลายล็อกหาช่องทางจัดหาวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความหวัง ฟากฝั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กำลังวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ก็มีข่าวคราวความคืบหน้าในทิศทางที่ดีเช่นกัน โดยศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยผลวิจัยวัคซีนต้านโควิด-19 ชนิด mRNA ของจุฬาฯ ที่ชื่อว่า   "จุฬาคอฟ 19"  ที่มีการทดสอบระยะแรกในอาสาสมัคร 36 คน พบว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิดแอนติบอดีได้สูงเทียบได้กับวัคซีน mRNA อย่างไฟเซอร์-ไบออนเทค และสามารถยับยั้งไวรัสกลายพันธุ์ได้ 4 สายพันธุ์

วัคซีนต้านโควิด-19 ชนิด mRNA ของจุฬาฯ ที่ชื่อว่า  "จุฬาคอฟ 19"
วัคซีนต้านโควิด-19 ชนิด mRNA ของจุฬาฯ ที่ชื่อว่า "จุฬาคอฟ 19"

วัคซีนแบบพ่นจมูกที่พัฒนาโดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) 
วัคซีนแบบพ่นจมูกที่พัฒนาโดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิดแถลงข่าวเรื่องการนำเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 
รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิดแถลงข่าวเรื่องการนำเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19

 ศ.นพ. เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผอ.บริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และ รพ.จุฬาลงการณ์ สภากาชาดไทย เปิดเผยความคืบหน้าของการทดสอบระยะแรกในอาสาสมัคร อายุ 18-55 ปี ในเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ว่า วัคซีนจุฬาคอฟ19 กระตุ้นแอนติบอดีได้สูงมากในการยับยั้งเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิม รวมทั้งเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ทั้งอัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่กำลังระบาดในไทยอยู่ขณะนี้
ศ.นพ.เกียรติ ย้ำว่า ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้มีการตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ และยังเป็นกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก ซึ่งต้องมีการศึกษาวิจัยในระยะต่อไป โดยการตรวจทดสอบผลประสิทธิภาพของวัคซีนจุฬาคอฟ19 มีการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ 3 ศูนย์วิจัยวัคซีน จุฬาฯ ห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

"จุฬาคอฟ19 ตัวเลขอยู่ที่ 94% เท่ากับไฟเซอร์ 94%" ศ.นพ. เกียรติ กล่าว พร้อมเสริมว่า จุดตัดประสิทธิภาพวัคซีน ถ้าตัวใดเกิน 68% แปลว่า "น่าจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้" ศ.นพ. เกียรติ กล่าว และไม่พบว่ามีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ สำหรับการทดสอบนี้ แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับปริมาณโดสไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 10,25 และ 50 มิลลิกรัม

อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบนี้เป็นการนำผลข้างเคียงของวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์และเนเจอร์ ซึ่งเป็นทอป 5 อันดับของโลกมาเทียบเคียง โดยเป็นงานวิจัยคนละชิ้น ซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบโดยตรงได้

นอกจากจุฬาฯ จะตรวจสอบผลประสิทธิภาพของวัคซีนในกลุ่มตัวอย่างเองแล้ว ผลประสิทธิภาพของวัคซีน ยังถูกนำไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาของมหาวิทยาลัยมหิดล ด้วย โดย  รศ.พญ.อรุณี ธิติธัญญานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาระดับโมเลกุล ได้ตรวจเชื้อไวรัสที่เพาะเลี้ยงแต่ละสายพันธุ์ เพื่อดูว่าภูมิคุ้มกันในเลือดสามารถจะยับยั้งไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ในหลอดทดลองที่ทำการศึกษาหรือไม่

"เปรียบเทียบเข็ม 1 กับเข็ม 2 ระหว่างจุฬาคอฟ19 กับ ไฟเซอร์ จะเห็นว่า 3 อาทิตย์ หลังฉีดเข็ม 1 ภูมิก็ใกล้เคียงกัน หลังฉีดเข็ม 2 ก็ใกล้เคียงกัน เพราะขนาดตัวอย่างไม่เยอะ ก็คืออยู่ที่ 4,500 ไตเตอร์ สำหรับจุฬาคอฟ และ 1,700 สำหรับไฟเซอร์" ศ.นพ.เกียรติ กล่าว

ส่วนประสิทธิภาพในการยับยั้งข้ามสายพันธุ์ วัคซีนจุฬาคอฟ19 ได้รับการทดสอบโดยห้องปฏิบัติการของ สวทช. ซึ่งทำการตรวจโดยเทคนิค  "สูโดไวรัส" ซึ่งการทดสอบนี้ได้ใช้เกณฑ์เทียบของออกซ์ฟอร์ด วัคซีน กรุ๊ป ซึ่งระบุไว้ว่าระดับประสิทธิภาพของวัคซีนที่น่าจะป้องกันอาการของโรคได้ 80% จะต้องมีค่าภูมิในน้ำเหลืองเกิน 185 ไตเตอร์ นั่นหมายความว่ายิ่งค่าไตเตอร์สูง ภูมิจะยิ่งสูง ซึ่งจากผลวัดระดับไตเตอร์ วัคซีนจุฬาคอฟ19 มีระดับภูมิ เมื่อทดสอบกับไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม 1,285 ไตเตอร์ สายพันธุ์เดลตา 977 ไตเตอร์ สายพันธุ์อัลฟา 964 ไตเตอร์ ขณะที่สายพันธ์ที่ค่าภูมิในน้ำเหลืองต่ำ ได้แก่ เบตา และแกมมา

ผลทดสอบของอาสาสมัครที่กล่าวมาข้างต้น เป็นกลุ่มอายุ 18-55 ปี ขณะนี้อาสาสมัครกลุ่มที่สอง อายุ 56-75 ปี อีก 36 คน ได้รับวัคซีนจุฬาเข็มที่ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม จะเริ่มระยะที่ 2A คือ การฉีดวัคซีนจุฬาคอฟ19 ในอาสาสมัครจำนวนมากขึ้น คือ 150 คน อายุตั้งแต่ 18-75 ปี

อย่างไรก็ตาม สำหรับการขึ้นทะเบียนเป็นวัคซีนเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน ต้องรอกติกาที่ชัดเจนจากองค์การอาหารและยา (อย.) ที่จะออกมาภายในเดือนกันยายนนี้ ว่าการขึ้นทะเบียนจะต้องทำวิจัยในระยะ 2 B หรือระยะ 3 อย่างไร ซึ่งจะเป็นเกณฑ์สำหรับวัคซีนไทยที่กำลังพัฒนาอยู่ทั้งหมด 4 ทีม ในขณะนี้ หลังขึ้นทะเบียนแล้ว จุฬาคอฟ-19 มีพันธมิตรยุทธศาสตร์ฝ่ายผลิตคือ บริษัทไบโอเนทเอเชีย ซึ่งมีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นหลัก ผลิตวัคซีนมากว่า 10 ปี เชี่ยวชาญทั้ง mRNA วัคซีน และโปรตีนวัคซีน

ศูนย์วิจัยวัคซีน จุฬาฯ ตั้งเป้าการวิจัยและผลิตวัคซีน จุฬาคอฟ - 19 ในการเป็นวัคซีนเข็มสาม หรือเข็มกระตุ้นภูมิสำหรับคนไทย ซึ่งคาดว่าจะเป็นจริงในช่วงปลายไตรมาสแรกของปี 2565

อีกหนึ่งความหวังของคนไทย คือ  "วัคซีนใบยา"  ความคืบหน้าล่าสุด  ผู้ช่วยศาสตราจารย์เภสัชกรหญิง ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การทดสอบวัคซีนในคนระยะแรกจะเริ่มภายในเดือนกันยายนนี้ ขณะนี้บริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมพัฒนาวัคซีน รุ่นที่ 2 เพื่อบูสเตอร์โดสรับมือกับเชื้อกลายพันธุ์อย่างเดลตา คาดจะทดสอบในคนช่วงเดือนธันวาคม และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด คาดว่าจะสามารถฉีดให้ประชาชนทั่วไปประมาณกลางปี 2565

ทั้งนี้ บริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินการมาตั้งแต่ 3-4 ปี ที่แล้ว มีแพลตฟอร์มการผลิตโปรตีนด้วยพืชที่สามารถออกฤทธิ์ทางยาได้ ซึ่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ผลิตเป็นการพัฒนาเทคนิคการนำไปรตีนจากใบยาสูบสายพันธุ์ดั้งเดิมจากออสเตรเลีย เพื่อใช้เป็นยาซึ่งเป็นชิ้นส่วนโปรตีนของไวรัสโควิด-19 ที่ไม่สามารถไปแพร่เชื้อต่อได้ เมื่อฉีดวัคซีนใบยาเข้าไปในร่างกายจะช่วยกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา

การพัฒนาเทคนิคการได้ไปรตีนจากใบยาเป็นเทคโนโลยีที่มีมามากกว่า 15 ปีแล้ว และเคยทำสำเร็จในการรักษาโรคอีโบลาในอดีต สำหรับวัคซีนใบยามีแพลตฟอร์มการผลิตที่เหมือนกับวัคซีนโนวาแวกซ์ ของอเมริกาซึ่งใช้เซลล์แมลงในการผลิต แต่วัคซีนใบยาใช้ต้นพืชเป็นตัวผลิต

กระบวนการผลิตวัคซีนที่ใช้พืชสามารถผลิตเป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง และสามารถยกระดับจากการผลิตวัคซีนในห้องทดลองมาเป็นการผลิตวัคชีนระดับอุตสาหกรรมได้ทันที สำหรับวัคซีนจากใบยาครั้งนี้ คาดราคาประมาณ 300-500 บาทต่อโดส แต่ถ้าผลิตในปริมาณมากราคาก็จะลดลงไปอีกเนื่องจากต้นทุนต่ำ

ขณะเดียวกัน ยังมีข่าวคราวความคืบหน้าของวัคซีนชนิดพ่น โดย  ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา  ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และนักไวรัสวิทยา โพสเฟซบุ๊ก "Anan Jongkaewwattana" ว่า "วัคซีน COVID-19 ที่สร้างขึ้นจากอนุภาคไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza-based) Lot แรก ระดับ GMP ถูกผลิตขึ้นโดยทีมวิจัยขององค์การเภสัชกรรมแล้ว วัคซีน Lot นี้จะส่งไปทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลองที่ ม.นเรศวร ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับขึ้นทะเบียนวัคซีนเพื่อทำการทดสอบในมนุษย์ครับ วัคซีนสูตรนี้เป็นวัคซีนตัวที่สองของทีม สวทช. โดยตัวที่จะออกมาทดสอบก่อนจะเป็น Adenovirus-based ซึ่งได้ทำการทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลองไปแล้ว...วัคซีนทั้งสองชนิดออกแบบเป็นชนิดพ่นจมูกทั้งคู่...Product of Team Thailand ครับ"

 การแสวงหาโอกาสและทางเลือกใหม่ๆ เป็นความหวังของคนไทยในภาวะวิกฤตเช่นนี้นับเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็นอย่างยิ่ง
#2842


กลุ่มธุรกิจร้านนวดแผนไทยและร้านสปา ยื่นฟ้องดำเนินคดีรัฐเรียกร้องค่าเสียหายชดเชย 200 ล้าน สืบเนื่องจากคำสั่งปิดกิจการตามนโยบายบริหารจัดการโควิด-19 แต่กลับไร้ซึ่งการเยียวยาจากรัฐ นำสู่การฟ้องแพ่งแบบรวมกลุ่ม (Class Action) เรียกร้องให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชน และความเสียหายที่เกิดขึ้นของผู้ประกอบการ เป็นตัวอย่างสร้างบรรทัดฐานแก่ภาคธุรกิจอื่นๆ

อ้างอิงข้อมูลของ "สมาคมสปาไทย" พบว่า ตลาดสปาและนวดแผนไทยมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกแรก ซ้ำเติมความเสียหายด้วยระลอกใหม่อย่างต่อเนื่อง จากเดิมปิดชั่วคราวปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจสปาและนวดแผนไทยปิดตัวถาวรแล้วกว่า 80% ส่งผลให้พนักงานตกงานมากกว่า 2 แสนคน โดยส่วนใหญ่ไม่เงินทุนหมุนเวียน เพราะรายได้หายไป 100% เพราะต้องปิดให้บริการตามประกาศของรัฐ อีกทั้งยังต้องแบกรับรายจ่าย ค่าเช่าที่ ค่าน้ำค่าไฟ เงินเดือนพนักงาน ฯลฯ

ทั้งนี้ ร้านนวดแผนไทย ร้านสปา เป็นหนึ่งในกิจการที่ถูกสั่งปิดทุกครั้งที่เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ตามคำสั่งของรัฐ แต่ไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐ นายพิทักษ์ โยธานายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย กล่าวว่ากลุ่มผู้ประกอบการร้านนวดได้รับผลกระทบจากนโยบายสั่งปิดกิจการร้านนวดตั้งแต่ปี 2563 และถูกสั่งปิดต่อเนื่องทุกครั้งของการล็อกดาวน์

"คำสั่งของรัฐ ทำให้เรามีภาระหนี้สิน สิ้นเนื้อประดาตัว เราอดทนมาพอแล้ว" นายพิทักษ์ โยธา นายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย กล่าว

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยา ชดเชยการสูญเสียรายได้ การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ การลดต้นทุนค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค การลดหย่อนหรือยกเว้นการจ่ายภาษีหรือค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงการกำหนดมาตรการที่เอื้อประโยชน์ เพื่อให้กิจการนวดสปาสามารถเปิดดำเนินกิจการต่อไปได้ ทว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่รับการเยียวยาจากภาครัฐ เป็นเหตุผลให้ผู้ประกอบการรวมตัวฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายจากภาครัฐกว่า 200 ล้านบาท

การฟ้องร้องครั้งนี้นำโดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะเป็นตัวกลางยื่นฟ้อง พร้อมกับ นายพิทักษ์ โยธานายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย และ น.ส.อักษิกา จันทรวินิจ ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการร้านนวดและสปาในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มรวม 157 คน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายให้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อน จากการถูกสั่งปิดสถานประกอบการร้านนวดตามคำสั่งของรัฐบาล

นับเป็นการดำเนินการฟ้องแพ่งแบบรวมกลุ่มหรือ Class Action ครั้งแรก ซึ่งถือเป็นคดีแรกและเป็นคดีในประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลจะตัองรับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชน และความเสียหายที่เกิดขึ้นของผู้ประกอบการ ทั้งๆ ที่เป็นมาตรการที่รัฐบาลสั่ง แต่ไม่มีมาตรการที่จะมารองรับความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยผ่านมากว่าหนึ่งปีแล้วที่ผู้ประกอบการร้านนวดเหล่านี้ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ

ดังนั้น การบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ที่ผิดพลาด ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับประชาชน ซึ่งนับเป็นการฟ้องร้องคดีแรกของการฟ้องรวมกลุ่มของกลุ่มผู้ประกอบการร้านนวด โดยจะขยายไปยังกลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ เช่น ร้านอาหาร และผับ บาร์ เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้ประกอบกิจการร้านนวดเพื่อสุขภาพและตัวแทนของสมาชิกกลุ่มประกอบกิจการร้านนวดเพื่อสุขภาพซึ่งมีสมาชิกกลุ่มรวม 157 คน ยื่นฟ้องกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ต่อศาลแพ่งเป็นคดีหมายเลขดำที่ พ3782/2564 โดยขออนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม อันสรุปคำฟ้องได้ใจความว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease : COVID-19) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ปล่อยปละละเลย จงใจหรือประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดต้นเหตุของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวแบบกลุ่มก้อนหลายครั้ง

พลเอกประยุทธ์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวผิดพลาดทำให้ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสดังกล่าวและไม่สามารถบริหารจัดการวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่วิกฤติด้านสุขภาพและด้านเศรษฐกิจจนสูญเสียโอกาสในการฟื้นตัวสู่สภาวะปกติ เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวบานปลายจนกระทั่งไม่สามารถควบคุมได้

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ได้ออกข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้ปิดสถานประกอบกิจการร้านนวดหรือนวดแผนไทยทั่วราชอาณาจักรหลายครั้ง ทำให้โจทก์ทั้งสองและสมาชิกกลุ่มร้านนวดเพื่อสุขภาพไม่สามารถประกอบกิจการได้โดยสิ้นเชิง ทั้งยังปล่อยปละละเลยไม่สั่งการหรือดำเนินการเพื่อออกมาตรการรองรับหรือเยียวยาให้แก่โจทก์ทั้งสองและสมาชิกกลุ่มร้านนวดเพื่อสุขภาพที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการถูกสั่งปิดกิจการ ทำให้โจทก์ทั้งสองและสมาชิกกลุ่มร้านนวดเพื่อสุขภาพได้รับความเสียหาย

โดยขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 7,199,262.42 บาท โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 3,597,666.52 บาท และให้แก่สมาชิกกลุ่มสถานประกอบการร้านนวดเพื่อสุขภาพและสปาตามวิธีการคำนวนค่าเสียหายของแต่ละบุคคล พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

อนึ่ง ศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ พ3782/2564 ได้พิจารณาคำร้องและคำฟ้องดังกล่าวแล้วมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องขอให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มวันที่ 21 กันยายน 2564

ด้าน น.ส.มณลภัส ไทยเจริญ เจ้าของร้านสปาเดวาย่านสุขุมวิท 101/1 บอกว่า ร้านของตนถูกปิดมานานกว่า 8-9 เดือนแล้ว มีหนี้สินอยู่หลายแสน แถมยังได้จดหมายทวงหนี้จากรัฐ เรียกเก็บภาษีโรงเรือนภาษีป้าย นอกจากนี้ ผู้เช่ายังต้องเสียค่าเช่าให้กับผู้ให้เช่าอีกเดือนละ 30,000 บาท ถึงตอนนี้ยังต้องจ่าย คิดว่าต่อไปนี้คงเลิกทำอาชีพนี้แล้ว เพราะจ่ายไม่ไหวแล้ว

จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมในงานเขียนเรื่อง สปาและนวดแผนไทย...จะไปอย่างไรต่อ?ของ "สุพริศร์ สุวรรณิก" แห่งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์" พบว่า อุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยแบ่งลักษณะกิจการออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) กิจการประเภทสปา เน้นการให้บริการบำบัดดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวม และ 2) กิจการประเภทนวดเพื่อสุขภาพ เน้นเรื่องการบำบัดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยวิธีการนวดเพียงอย่างเดียว โดยปัจจุบันกิจการทั้งหลายอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ อุตสาหกรรมมีความเกี่ยวข้องกับแรงงานไทยเป็นจำนวนมาก โดยมีข้อมูลในงานเสวนา Industry transformation ซึ่งจัดโดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อหาข้อเสนอแนะแนวทางช่วยเหลือและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคาดว่ามีการจ้างงานจากทั้งในและนอกระบบสูงถึงกว่า 6.5 แสนราย

เมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 ตั้งแต่การระบาดในระลอกแรก ผู้ประกอบการทุกขนาดในอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐและสถาบันการเงินไปบางส่วนแล้ว เช่น มาตรการ 2/3 ชดเชยรายได้ 5,000 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งบรรเทาความเดือดร้อนได้ในระดับหนึ่ง ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เน้นให้บริการลูกค้าชาวต่างชาติ เป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีสายป่านยาวพอ ยังสามารถประคับประคองธุรกิจอยู่ได้บ้าง ทั้งนี้ ธุรกิจปรับตัวโดยกิจการขนาดใหญ่หลายแห่งลดจำนวนสาขาย่อยลงเพื่อควบคุมต้นทุน ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กมีความพยายามปรับตัวที่หลากหลาย เช่น การให้บริการนวดตามบ้าน เป็นต้น

หนึ่งในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตคือ การเคลื่อนย้ายแรงงานออกนอกอุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยจำนวนมาก โดยกว่าครึ่งได้เปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่น ๆ แทน อาทิ พนักงานขนส่งเดลิเวอรี่ และบางส่ วนได้ ย้ายกลับไปภูมิลำเนาเดิม และทำการเกษตร อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทย เป็นส่วนหนึ่งของ health & wellness อันเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ของรัฐ จึงควรให้ความสำคัญ และสามารถยกระดับศักยภาพได้

สำหรับการฟ้องร้องดำเนินคดีครั้งนี้ ถือเป็นประเด็นที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง เพราะคดีดังกล่าวจะเป็นบรรทัดฐานแก่ภาคธุรกิจอื่นๆ ในการฟ้องร้องต่อไปด้วยความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากคำสั่งรัฐ ดังนั้นจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
#2843


นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ดูแลธุรกิจ SCG HOME Retail & Distribution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า SCG HOME เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ประกอบการขนาดเล็กมีส่วนในการเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง และเป็นรากฐานที่ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต จึงมุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีอยู่เกือบหนึ่งแสนรายทั่วประเทศ ยังต้องการการเข้าถึงโอกาสและช่องทางในการพัฒนาศักยภาพ พร้อมทั้งต้องการเครื่องมือการตลาดแนวใหม่ เพื่อยกระดับการเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ SCG HOME ได้จับมือร่วมกับกองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน กรมส่งเสริมการเกษตร จัดอบรมสัมมนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ 'ติดอาวุธพัฒนาสินค้า บริการ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล' จุดประกายความคิดให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็ก และนำองค์ความรู้ไปพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเพิ่มช่องทางตลาดออนไลน์ และแนวทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ไปยังผู้บริโภค ตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อที่ผู้ประกอบการรายย่อยจะสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพิ่มทางเลือกสินค้าให้มีความหลากหลายกับผู้บริโภค

รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ขยายฐานของกลุ่มลูกค้าออกไปในวงกว้างมากขึ้น และผลักดันการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเสริมศักยภาพรูปแบบการจัดจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ที่จะเป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายสินค้าในอนาคต ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังสามารถพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารธุรกิจ และองค์ความรู้ในการพัฒนาสินค้าและปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น และนอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการรายย่อยด้วยกันเอง แบ่งปันองค์ความรู้ นำไปต่อยอดเป็นธุรกิจ และพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น

สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจประเภทใด ก็สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการพัฒนาศักยภาพของตนให้เข้มแข็งได้ ดังเช่น วิสาหกิจชุมชน ดังนี้

วิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมไทบุราณศิลป์ ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดบูชา พานตั้งโต๊ะ และพวงมาลัยคริสตัล นำโดย นางขนิษฐา อุทิศวรรณกุล กล่าวว่า ถึงแม้ว่าทางกลุ่มฯ เพิ่งเข้าร่วมอบรมสัมมนาออนไลน์กับทาง SCG HOME เป็นครั้งแรก แต่ได้รับประโยชน์มาก สามารถนำองค์ความรู้กลับมาพัฒนาศักยภาพได้จริง เช่น การพัฒนาต่อยอดสินค้าใหม่ ๆ โดยนำเศษผ้าไหมที่เหลือทิ้งมาสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์ให้มากขึ้น เนื่องจากช่วงโควิด – 19 แพร่ระบาด ทำให้ไม่สามารถออกบูธจำหน่ายสินค้า และขายผ่านหน้าร้านตามปกติได้ เนื่องจากจำเป็นต้องปิดร้านที่สนามหลวง 2 ไปชั่วคราว และหาช่องทางการจำหน่ายช่องทางออนไลน์แทน อาทิ อี-มาร์เก็ตเพลส ช่องทางโซเชียล เน็ตเวิร์คต่าง ๆ

วิสาหกิจชุมชนภูมิปัญญาไทยบ้านโพธิ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายไข่เค็มชาร์โคล น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างเครื่องประดับ และสบู่นมแพะ จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย นางปรียาพร เทียนหล่อ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มฯ มีความเชี่ยวชาญในการนำสมุนไพรไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน หลังจากได้เข้าร่วมอบรมกับทาง SCG HOME ช่วยให้มีกระบวนการคิดและบริหารธุรกิจอย่างเป็นระบบมากขึ้น เช่น ในสถานการณ์โควิด-19 การจะลงทุนทำอะไรเพิ่มต้องคิดและวิเคราะห์มากขึ้น ทั้งสามารถต่อยอดและพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เช่น การนำกากของผลมะกรูดที่เหลือจากการผลิตสบู่ มาต้มต่อและผลิตเป็นน้ำยาล้างจาน แทนที่จะทิ้งให้สูญเปล่า รวมทั้ง ยังได้รับเทคนิคในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อใหม่ ๆ อาทิ การสร้างเพจ การโพสต์รูปสินค้า และยังได้กลุ่มเพื่อนใหม่จากการเข้าร่วมอบรม มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กันและบอกต่อผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มค้าใหม่ๆ

วิสาหกิจชุมชนกลิ่นเอมนาโน กลุ่มผู้ผลิตเวชสำอางค์ ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากสารสกัดออร์แกนิคธรรมชาติ 100% ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศไทยทั้งสิ้น ที่มีสมาชิกกลุ่มตั้งแต่เกษตรกรต้นน้ำ ไปจนถึงนักวิชาการ และโรงงานผลิต โดยนางสุวิภา เสริมบุญสร้าง มองว่า การจัดสัมมนาออนไลน์ของทาง SCG HOME เป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์อย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 แพร่ระบาด ไม่สามารถไปออกบูธขายสินค้าได้เหมือนแต่ก่อน จนมามองเห็นโอกาสในการขยายตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล ได้ความรู้และทักษะในการขายของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้จากเดิมที่ลูกค้าห่างหายไป หลังจากเพิ่มช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ ลูกค้าที่เคยซื้อกลับมาซื้อซ้ำและยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่ม

วิสาหกิจชุมชนกาแฟรัษฎาและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จากจังหวัดตรัง ผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่วแบบดั้งเดิม สบู่กาแฟ และชาดอกกาแฟ ซึ่ง นางกนกวรรณ คำเนตร ให้ความเห็นว่า โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดเล็ก ของ SCG HOME เป็นโครงการที่เห็นความสำคัญของชุมชน และช่วยเหลือชุมชนโดยตรง ทั้งยังให้โอกาสกับกิจการขนาดเล็กของชุมชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ซึ่งถือว่าให้ประโยชน์อย่างมากแก่ผู้ประกอบการ เช่น ด้านการขยายช่องทางออนไลน์ ทำให้ตอนนี้ทางกลุ่มฯ สามารถขยายช่องทางออนไลน์ไปในหลายแพลตฟอร์ม ตอบรับกับในขณะนี้ไม่สามารถเปิดหน้าร้านจำหน่ายสินค้าไม่ได้ก็ต้องอาศัยช่องทางออนไลน์ และในอนาคตก็หวังว่าอยากให้มีสัดส่วนขายออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า SCG HOME รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก ให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมอบรมสัมมนาไปใช้ได้จริง และจะเดินหน้าโครงการที่เป็นประโยชน์แก่สังคมและชุมชนนี้ไปอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เพียงมีส่วนช่วยประคับประคองธุรกิจขนาดเล็กในช่วงที่ภาวะตลาดยังมีความผันผวนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่จะเป็นภูมิคุ้มกันและเสริมรากฐานช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจรายย่อยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย.
#2844


การเที่ยวพิพิธภัณฑ์ถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่มีความน่าสนใจ เพราะนอกจากพิพิธภัณฑ์จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นสถานที่ศึกษาหาความรู้อีกด้วย บางพิพิธภัณฑ์มีอาคารที่สวยงามและยิ่งใหญ่อลังการจนกลายเป็นแลนด์มาร์คของเมืองหรือประเทศนั้นๆ ครั้งนี้จะพาไปชม 6 พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่มีทั้งความเก่าแก่ ความสวยงาม และยิ่งใหญ่ ที่เราควรจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต

1. Louvre Museum
"พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์" หรือ "Louvre Museum" เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้เมื่อปี ค.ศ. 1793 มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์กาเปเซียง ตัวอาคารเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมากกว่า 35,000 ชิ้น จากตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงศตวรรษที่ 19 โดยผลงานที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชีหรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอส

พีระมิดแก้วของลูฟวร์ (AFP Photo/Christophe ARCHAMBAULT)
พีระมิดแก้วของลูฟวร์ (AFP Photo/Christophe ARCHAMBAULT)

เอกลักษณ์อันโดดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ พีระมิดแก้วของลูฟวร์ ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ของสถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน นามว่า I.M. Pei โดยประกอบด้วยเหล็กและกระจก เป็นส่วนหนึ่งของโถงทางเข้าใหม่ที่ออกแบบให้สามารถรองรับผู้เข้าชมที่มีนับพันคนต่อวัน ในปัจจุบันพีระมิดนี้ถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของกรุงปารีส

British Museum (ภาพ : britishmuseum.org)
British Museum (ภาพ : britishmuseum.org)

2. British Museum
เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลกอย่างกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ "British Museum" ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1953 และเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1959 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม จุดกำเนิดของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เริ่มขึ้นจาก Sir Hans Sloane นักฟิสิกส์และธรรมชาติวิทยาเชื้อสายอังกฤษ-ไอริช ที่ได้สะสมวัตถุโบราณมีค่าไว้มากมาย และได้มอบให้กษัตริย์จอร์จที่ 2 เพื่อให้เป็นสมบัติของชาติ

ภายใน British Museum (ภาพ : britishmuseum.org)
ภายใน British Museum (ภาพ : britishmuseum.org)

ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จึงจัดแบ่งออกเป็นโซน เช่น โซนอียิปต์โบราณ โซนกรีกและโรมันโบราณ โซนเอเชีย โซนยุโรป โซนอเมริกา โซนตะวันออกกลาง เป็นต้น ซึ่งแต่ละโซนก็จะมีวัตถุโบราณแตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่แผ่นหิน Rosetta Stone ที่เป็นต้นแบบของศิลาจารึกภาษาอียิปต์อีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน (ภาพ : nytimes.com)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน (ภาพ : nytimes.com)

3. The Metropolitan Museum of Art
"พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน" หรือ "Metropolitan Museum of Art" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ Central park ในมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1870 โดยกลุ่มชาวอเมริกันผู้มีใจรักในงานศิลปะกลุ่มหนึ่ง มีการเก็บรวบรวมผลงานศิลปะแบบถาวรกว่า 2 ล้านชิ้น โดยแบ่งห้องการจัดแสดงทั้งหมดเป็น 19 ส่วน
ผลงานศิลปะของที่นี่มีตั้งแต่ศิลปะยุคคลาสสิก, ศิลปะยุคอียิปต์โบราณ, จิตรกรรมและประติมากรรมของจิตรกรชั้นปรมาจารย์ที่สะสมและรวบรวมมาจากเกือบทุกประเทศในแถบฝั่งยุโรปตะวันตก นอกจากนี้ยังมีงานสะสมศิลปะแบบอเมริกันดั้งเดิมรวมทั้งศิลปะแบบสมัยใหม่

ภายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน (ภาพ : metmuseum.org)
ภายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน (ภาพ : metmuseum.org)

พิพิธภัณฑ์ปราโด (ภาพ :wikipedia.org)
พิพิธภัณฑ์ปราโด (ภาพ :wikipedia.org)

4. Museo del Prado
"พิพิธภัณฑ์ปราโด" หรือ "Museo del Prado" เป็นพิพิธภัณฑ์และหอศิลปะ ตั้งอยู่ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1785 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่สะสมงานศิลปะยุโรปจากคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่มาจากพื้นฐานของงานสะสมของพระราชวงศ์สเปน เดิมก่อตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับจิตรกรรมและประติมากรรมแต่ก็มีงานสะสมประเภทอื่น เช่นภาพวาด, ภาพพิมพ์, เหรียญ, งานตกแต่งอีกเกือบ 2,000 ชิ้น และประติมากรรมกว่า 700 ชิ้น

ด้านในของพิพิธภัณฑ์ปราโด (ภาพ : museodelprado.es)
ด้านในของพิพิธภัณฑ์ปราโด (ภาพ : museodelprado.es)

สำหรับภาพที่มีชื่อเสียงอย่าง Las Meninas ของ Velázquez ภาพชุด Black Paintings ของ Francisco de Goya งานภาพผู้หญิง หรือผลงานที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ชาวสเปนร่วมกันต่อต้านกองทัพนโปเลียนในช่วงปีค.ศ.1808 จากสงครามเพนนินซูลาร์ผลงานของ Francisco Goya ก็ถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ ดังนั้นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่ผู้หลงใหลงานศิลปะไม่ควรพลาด

พิพิธภัณฑ์แอร์มิทาช (ภาพ : saint-petersburg.com)
พิพิธภัณฑ์แอร์มิทาช (ภาพ : saint-petersburg.com)

5. Hermitage Museum
"พิพิธภัณฑ์แอร์มิทาช" หรือ "Hermitage Museum" เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก มีงานศิลปะในความครอบครองเป็นจำนวนราว 3 ล้านชิ้น ซึ่งผลงานศิลปะเหล่านี้ตั้งแสดงอยู่ในอาคาร 6 หลัง โดยอาคารเอก คือ พระราชวังฤดูหนาวที่เคยเป็นที่ประทับของซาร์

พระราชวังฤดูหนาว เป็นพระราชวังที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ หรูหราอลังการ มีลานกว้าง และ "เสาอเล็กซานเดอร์" ที่สร้างถวายพระเกียรติแด่กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ที่พระองค์ทรงชนะ สงครามเหนือนโปเลียนของฝรั่งเศส โดยสาเหตุที่ถูกสร้างขึ้นให้มีขนาดใหญ่ก็เพื่อแสดงถึงอำนาจและความรุ่งโรจน์ของซาร์แห่งจักรวรรดิรัสเซีย โดยภายในมีงานศิลปะตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณจนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ผลงานที่มีชื่อเสียงระดับโลกจัดแสดงของ ลีโอนาร์โด ดา วินชี ไมเคิล แองเจโล ราฟาเอล ติเตียน แรมแบรนท์ รูเบนส์ ภาพวาดอิมเพรสชั่นนิสม์ฝรั่งเศส รวมทั้งแวนโก๊ะ มาติส โกแกง และจิตรกรชื่อดังโรแดง

Rijksmuseum (ภาพ : rijksmuseum.nl)
Rijksmuseum (ภาพ : rijksmuseum.nl)

6. Rijksmuseum
Rijksmuseum หรือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี ที่รวบรวมวัตถุโบราณ งานศิลปะเก่าแก่ และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย สถาปนิกผู้ออกแบบอาคารแห่งนี้คือ Pierre Cuypers โดยสถาปัตยกรรมที่งดงามหรูหราทั้งภายในและภายนอกของอาคารแห่งนี้เป็นการสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมรูปแบบกอธิค และเรเนซองส์

ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเนเธอร์แลนด์มีห้องจัดเเสดงกว่า 200 ห้อง ซึ่งจัดแสดงวัตถุโบราณของเนเธอร์แลนด์กว่า 8,000 ชิ้นและวัตถุจากทั่วทุกมุมโลกอีกนับล้านชิ้น รวมถึงส่วนที่เป็นไฮไลต์สำคัญสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในงานศิลปะโดยเฉพาะคือ ส่วนจัดเเสดงผลงานภาพเขียนของศิลปินดังระดับโลกจำนวนมาก
#2845
ข้าวอินทรีย์กรมการข้าว  ข้าวอินทรีย์ส่งทั่วไทย   ข้าวออแกนิคคือ ปรับเปลี่ยนปลูกข้าวปลอดสาร    กลุ่มข้าวปลอดสารสุรินทร์   ความหมายของข้าวปลอดสาร  ถ้าไม่อยากกินยาตลอดชีวิตให้กิน "ข้าวกล้อง" เป็นยาการที่ข้าวเปลือกอินทรีย์ถูกขัดสี ทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นออกไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งขัดสีเป็นข้าวขาวหลายครั้งเท่าไร สารอาหารยิ่งเหลือน้อยลงไป การหันกลับมากินข้าวกล้อง เหมือนบรรพบุรุษของเรา จึงเป็นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ช่วยไม่ให้เป็นโรคอันไม่ควรจะเป็น เนื่องจากขาดสารอาหาร


การฝึกกินข้าวกล้องออแกนิค (ต้นข้าวอินทรีย์ )
1. คนที่เพิ่งหัดกินข้าวกล้อง ( การตรวจสอบข้าวออร์แกนิค
) อาจใช้วิธีง่ายๆ คือนำข้าวกล้องผสมกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1 : 2 โดยแช่ข้าวกล้องก่อนนำไปหุงรวมกับข้าวขาว เพื่อจะได้สุกพร้อมๆ กัน และค่อยๆ เพิ่มปริมาณข้าวกล้อง จนเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องทั้งหมด ท่านก็จะกินข้าวที่ได้คุณค่าอาหารอย่างเต็มที่ 
2. การกินข้าวกล้องก็คือควรกินขณะยังอุ่นๆ โดยทั่วไป พอข้าวสุก ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุประมาณ 5-10 นาทีแล้วควรรีบกิน ข้าวจะนุ่มกินได้ง่าย และให้ค่อยๆ เคี้ยวพอละเอียด จะได้รสชาติหวานอร่อยของข้าวกล้อง ตาม  การผลิตข้าวออร์แกนิค(ออแกนิค)
3. ควรกินข้าวกล้องที่สุกแล้วให้หมดในมื้ออาหารนั้น เพราะข้าวกล้องบูดเสียได้ง่ายกว่าข้าวขาวทั่วๆ ไป

วิธีหุงข้าวกล้องอินทรีย์  พันธุ์ข้าวออร์แกนิค 

1. ก่อนซาวข้าวควรเก็บสิ่งแปลกปลอมออกเสียก่อน และซาวข้าวเบาๆ ด้วยเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียว เพื่อไม่ให้วิตามินสูญเสียไปกับน้ำซาวข้าว
2. การหุงข้าวกล้องนั้น ต้องใส่น้ำมากกว่าหุงข้าวขาว การหุงข้าวกล้อง 1 ส่วนจึงควรเติมน้ำประมาณ 2-3 เท่า ถ้าจะให้ประหยัดเวลาหุง ควรแช่ข้าวกล้องก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง วิธีนี้อาจทำให้สูญเสียวิตามินบางอย่างที่ละลายน้ำไปบ้าง แต่ไม่แนะนำให้แช่ข้าวเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะข้าวที่มีสี แต่ถ้าจำเป็นต้องแช่ข้าว แนะนำให้ใช้น้ำที่แช่ข้าวนำกลับไปใช้ในการหุ้ง เพื่อลดการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระในข้าว โดยเฉพาะข้าวสี
3. สำหรับข้าวใหม่หรือข้าวเก่านั้น จะมีผลต่อการหุงต้มเช่นกัน เพราะข้าวใหม่เมื่อหุงสุกจะมีลักษณะเมล็ดข้าวติดกันมาก ส่วนข้าวเก่าเมื่อหุงสุกการติดกันของเมล็ดข้าวจะน้อย เนื่องจากข้าวเก่าเมล็ดข้าวจะแห้งกว่าข้าวใหม่
เหตุนี้จึงทำให้บางท่านหุงข้าวแล้วบอกว่าใช้น้ำมากเท่าเดิมทำไมข้าวจึงแฉะหรือร่วน ซึ่งก็ต้องถามผู้ขายว่า เป็นข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ ส่วนจะให้แฉะหรือร่วนแล้วแต่จะชอบ ผู้หุงข้าวจึงต้องใส่น้ำให้เหมาะสมหรือต้องใช้ศิลปะในการหุงเช่นกัน


ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  นาข้าวอินทรีย์

277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://www.hor.boutique
Facebook : https://www.facebook.com/Rice.For.Infant/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique มาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ 2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์ ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ 3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นจังหวัดสุรินทร์) 4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์ 5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์ 6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์ 7. ข้าวไรซ์เบอรี่

#ข้าวกล้องอินทรีย์สุรินทร์ #ข้าวกล้องออแกนิคสุรินทร์ #ข้าวกล้องปลอดสารสุรินทร์ #ข้าวกล้องเพื่อสุขภาพสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์ #ข้าวกล้องเมืองสุรินทร์

 

 

 

 
 
#2846


ททท.สนับสนุนผู้ประกอบการโรงแรมไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 เปิดโครงการ "Unseen New Series" อัดโปรโมชั่น "น้ำใจไทยช่วยไทย" ซื้อก่อนเที่ยวทีหลัง ช่วยเสริมสภาพคล่องธุรกิจ มอบส่วนลดโรงแรม-รีสอร์ตกว่า 50 แห่งทั่วไทยในราคาสุดอันซีน

พร้อมเตรียมเปิดตัว 25 แหล่งท่องเที่ยวใหม่ "Unseen New series" หลังรัฐบาลประกาศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ หวังปลุกกระแสเที่ยวไทยฟื้นอีกครั้ง

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีการชะลอตัว โดยเฉพาะภาคธุรกิจโรงแรมของไทยอัตราการเข้าพักมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยครึ่งปีแรก มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพียง 12.20% เท่านั้น ส่งผลธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ประสบกับปัญหาการขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ด้วยเหตุนี้ ททท.จึงได้มีนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการโรงแรมไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ผ่านแคมเปญ "Unseen New series" โดยแบ่งรูปแบบการส่งเสริมการท่องเที่ยวออกเป็น 2 ระยะ

โดยในระยะแรก ททท. ได้รวบรวมโรงแรม รีสอร์ตกว่า 50 แห่งทั่วประเทศในการจัดทำโปรโมชั่นพิเศษในโครงการ "Unseen New Series : น้ำใจไทยช่วยไทย" ในรูปแบบ "ซื้อก่อน เที่ยวทีหลัง" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยผู้ประกอบการในการเสริมสภาพคล่องธุรกิจ โดยททท. จะทำหน้าที่เสมือน Market Place ในการเป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในการประชาสัมพันธ์ ช่วยกระตุ้นการส่งเสริมการขายผ่าน Facebook Fan page : Amazing ไทยแลนด์ โดยผู้ที่สนใจสามารถจองได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ตุลาคม 2564  และสามารถเข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565 ทั้งนี้ รายละเอียดการจองและการเข้าพักเป็นไปตามเงื่อนไขที่แต่ละโรงแรมกำหนด

ยกตัวอย่างเช่น อนันตรา หัวหิน รีสอร์ท ราคาเริ่มต้นที่ 2,564 บาท/คืน อนันตรา บ่อผุด เกาะ สมุย รีสอร์ท ราคาเริ่มต้นที่ 3,000 บาท/คืน อวานี พลัส ไม้ขาว ภูเก็ต สวีทส์ แอนด์ วิลล่าส์ ห้องสวีทส์ 1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้นที่ 1,999 บาท/คืน แคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 2,400 บาท เดอะ เฮเว่น เขาหลัก ราคาเริ่มต้นที่ 1,990 บาท/คืน พิเศษพัก 2 คืน รับเครดิตมูลค่า 500 บาทสำหรับอาหารเครื่องดื่มที่ห้องอาหารของโรงแรม โรงแรมทอแสง เฮอริเทจ โขงเจียม ราคา 2,250 บาท จากปกติ 4,500 บาท รอยัล ริเวอร์แคว รีสอร์ท แอนด์ สปา ราคาเริ่มต้นที่ 1,550 บาท เป็นต้น

นอกจากนี้ ททท.ยังจับมือกับ 3 พันธมิตร ประกอบด้วย สายการบินไทยสมายล์ รถเช่า Avis และ Agoda ในการจัดโปรโมชั่นพิเศษ ได้แก่ สายการบินไทยสมายล์มอบส่วนลดบัตรโดยสาร 200 บาท ทุกเส้นทาง ซื้อก่อนวันนี้ใช้ได้ถึงสิ้นปี 2564 *จำกัด 1,000 สิทธิ์เท่านั้น (ระยะเวลาในการจอง 16 สิงหาคม - 31 ตุลาคม 2564 เดินทางได้ตั้งแต่ 1 กันยายน – 31 ธันวาคม 2564) รถเช่า AVIS มอบส่วนลดสุดพิเศษราคาเริ่มต้นเพียง 590 บาททั่วไทย *ซื้อก่อนวันนี้ใช้ได้ถึงสิ้นปี 2564 *จำกัด 1,000 สิทธิ์เท่านั้น (ระยะเวลาในการจอง 16 สิงหาคม - 31 ตุลาคม 2564 เดินทางได้ตั้งแต่ 16 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2564) และ Agoda มอบส่วนลดโรงแรมที่พักทั่วไทยกว่า 50% (ระยะเวลาในการจอง 1 กันยายน - 31 ตุลาคม 2564 เข้าพักได้ตั้งแต่ 1 กันยายน – 31 มีนาคม 2565)

สำหรับในส่วนของระยะที่ 2 เมื่อสถานการณ์เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังรัฐบาลประกาศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์  ททท. ได้ดำเนินการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวใหม่ทั่วประเทศไทย เพื่อเตรียมเปิดตัว 25 แหล่งท่องเที่ยวใหม่ "Unseen New Series" เพื่อปลุกกระแสการเดินทางภายในประเทศให้นักท่องเที่ยวได้ออกเดินทางครั้งใหม่ ในมุมมองที่ Amazing ยิ่งกว่าเดิม โดยใช้แหล่งท่องเที่ยวนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่/มุมมองใหม่ หรือแหล่งท่องเที่ยว Unseen เป็น Hotspot ให้เกิดการกระจายตัวการเดินทางท่องเที่ยว และเชื่อมไปยังแหล่งท่องเที่ยวหรือกิจกรรมท่องเที่ยวอื่นๆ อาทิ ชุมชน อาหารถิ่น ฯลฯ พร้อมทั้งสอดแทรกแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคม (Responsible Tourism) เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์จากการเดินทางท่องเที่ยวอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

"ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวไทยมีแนวโน้มพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป แต่ยังคงมีความต้องการเดินทาง ท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายภาวะความตึงเครียดจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รูปแบบการท่องเที่ยววิถีใหม่ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการจัดทำมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Amazing Thailand Safety and Health Administration (SHA) เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้สถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวร่วมกันยกระดับสินค้าและบริการตามมาตรฐาน SHA การรักษาระยะห่างทาง สังคม (Social Distancing) การเดินทางท่องเที่ยวในระยะใกล้ขึ้น การเดินทางโดยพาหนะส่วนตัว การใช้จ่าย ผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น หรือแม้กระทั่งการมองหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่ยังไม่มีความหนาแน่น ของนักท่องเที่ยว (Unseen Destination) รวมทั้งการให้ความสำคัญในเรื่องการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ต่อสังคมมากยิ่งขึ้น"
#2847


วันนี้ (20 ส.ค.64) ทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์กึ่งสารคดีระดับโลกจาก Netflix ได้นำคณะทั้งจากประเทศสหรัฐอเมริกาและไทย เดินทางถึงเชียงราย เตรียมถ่ายทำภาพยนตร์เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ การช่วยเหลือเยาวชนทีมฟุต.หมูป่าอะคาเดมี จำนวน 13 คน ที่ประสบเหตุติดอยู่ในถ้ำหลวง อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.-11 ก.ค.2561 จนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก

โดยทีมกองถ่ายชุดแรกได้เดินทางไปพักที่โรงแรมแม่โขงเดลต้า บูติค ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) อ.แม่สาย และสาธารณสุข ได้จัดให้มีการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งหมดที่ห้องเชียงตุง ซึ่งเป็นห้องประชุมใหญ่ของโรงแรม ก่อนที่จะกระจายกันไปพักตามสถานที่ต่างๆ ต่อไป

น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่าทีมงานของ Netflix ประกอบด้วยทั้งชาวไทยและต่างประเทศ จะมากันทั้งหมดประมาณ 200 คน และใช้สถานที่ในการถ่ายทำหลายจุดในช่วงฤดูฝนเหมือนกับช่วงที่เกิดเหตุการณ์จริง

โดยทั้งหมดจะปฏิบัติตามข้อกำหนดในมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด หลังการตรวจคัดกรองแล้วก็จะกระจายไปพักโรงแรมละประมาณ 10 คน ตัวอย่างโรงแรมแม่โขง เดลต้า บูติค มีเข้าพัก 13 คน เป็นต้น ที่เหลือจะเข้าพักโรงแรมใน อ.แม่สาย และใกล้เคียง อีกกว่า 20 โรงแรม

อย่างไรก็ตาม การเข้าไปถ่ายทำจะดำเนินไปจนภึงเดือนกันยายน 64 คาดว่าจะทำให้เกิดเงินสะพัดในเชียงรายไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท เพราะทีมงานทั้งหมดต้องพัก อยู่กิน และใช้ชีวิตใช้จ่ายในพื้นที่ไปจนกว่าการถ่ายทำจะแล้วเสร็จ ซึ่งหากมองในแง่สาธารณสุขถือว่าประเทศไทยและเชียงราย เราทำได้ดี เพราะมีการกำหนดสถานที่คัดกรอง ที่พัก มาตรการต่างๆ รองรับเอาไว้ล่วงหน้าทั้งหมด ส่งผลให้ในแง่เศรษฐกิจได้รับผลดีจากเงินสะพัด โดยเฉพาะธุรกิจด้านที่พัก อาหาร ฯลฯ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างหนักได้กระเตื้องขึ้นมาได้บ้าง

นอกจากนี้ยังมีการว่าจ้างนักแสดงประกอบที่เคยอยู่ในสถานการณ์จริง เช่น นักข่าวท้องถิ่น มีการขอใช้สถานที่สำคัญหลายแห่ง ฯลฯ ทำให้เป็นผลดีต่อพื้นที่เชียงรายในช่วงนี้ และที่สำคัญจะเป็นผลดีในระยะยาวในด้านการเล่าเรื่องราวที่เป็นจริงผ่านทางภาพยนตร์ที่สร้างให้ใกล้เคียงกับเหตุการณ์จริงมากที่สุด เพราะทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หลายคนให้ข้อมูลที่ถูกต้อง

สำหรับภาพยนตร์ดังกล่าวได้เปิดตัวจะเข้าไปถ่ายทำตั้งแต่ปี 2562 และมีการเตรียมตัวพร้อมทุ่มงบประมาณเป็นจำนวนมาก โดยมีการจัดหาบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าบอกเล่าเรื่องราวที่เป็นจริง และว่าจ้างผู้เคยอยู่ในเหตุการณ์ในการให้ข้อมูลและร่วมแสดงด้วย เช่น สมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย ได้รับการประสานให้ประสานนักข่าวท้องถิ่นที่เคยทำข่าวเหตุการณ์ให้ร่วมแสดงเป็นเวลา 2 วัน ฯลฯ ส่วนสถานที่ถ่ายทำมีทั้งสถานที่จริงและพื้นที่ที่มีบรรยากาศใกล้เคียง แต่อยู่ในเขตเชียงราย ที่มีภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อมที่เหมือนกัน เช่น น้ำตกขุนกรณ์ อ.เมืองเชียงราย เป็นต้น
#2848
ขายบ้านเดี่ยวเทพารักษ์70 กู้ได้สูง กู้ได้เต็ม  ตามเครดิต ขายบ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์70 หลังมุมใกล้ตลาดหนามแดง ขายถูกสุดในย่านนี้


ขายบ้านเดี่ยวเทพารักษ์70 กู้ได้สูง กู้ได้เต็ม  ตามเครดิต ขายบ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์70 ขายบ้านเดี่ยวซอยเทพารักษ์70กู้ได้เต็ม
ขายบ้านเดี่ยวเทพารักษ์70 กู้ได้สูง กู้ได้เต็ม  ตามเครดิต ขายบ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์70 กู้ได้สูง ก็ได้เต็ม เนื้อที่ 71 ตร.ว 6ห้องนอน 6 ห้องน้ำ หลังมุมใกล้ตลาดหนามแดง ขายถูกสุดในย่านนี้

ขายบ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์ 70 หลังมุมใกล้ตลาดหนามแดง ขายถูกสุดในย่านนี้

รายละเอียดบ้าน
บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 71 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย277ตร.ม.
6ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 3 ครัว 3ที่จอดรถ
ต่อเติมหลังคาที่จอดรถ หลังคาดาดฟ้า วิว360องศา
แอร์ 6 เครื่อง น้ำอุ่น 4 เครื่อง และเฟอร์นิเจอร์บางส่วน
พื้นบ้านปูกระเบื้องทั้งหลัง ประตูหน้าบ้านไม้แดง หน้าต่างไม้แดงมีกระจก
หน้าบ้านหันทิศเหนือ อากาศเย็น ร่มรื่น ไม่ร้อน
อยู่ซอยเทพารักษ์ 70 ใกล้ตลาดหนามแดง

สถานที่ทำเลใกล้เคียง
ใกล้รพ.สินแพทย์ ห่างสี่แยกศรีเทพา 2 กม.
สนามบินสุวรรณภูมิ
เมกาบางนา
บิ๊กซี บางพลี
โรงพยาบาลบางพลี โรงพยาบาลบางนา5
ตลาดป๋าเดช ตลาดร้อยชั่ง ตลาดสดบางพลี
โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสุวรรณภูมิ โรงเรียนศรีดรุณ
วัดหนามแดง วัดหลวงพ่อโต

การเดินทาง
 ใกล้ทางพิเศษบูรพาวิถี ทางด่วนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี ทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก
ใกล้รถไฟฟ้า BTS สำโรง รถไฟฟ้าสายสีเหลืองในอนาคต(กำลังสร้าง)
เข้าออกได้หลายทาง บางพลี ถ.เทพารักษ์ ถ.ศรีนครินทร์ ใกล้จุดทางขึ้นลง ทางด่วนกาญจนาภิเษก บางนา

ขายถูกกว่าทั่วไป สนใจติดต่อ ราคาขาย 3,990,000 บาท
สนใจติดต่อสอบถาม บริษัท เซ็นทรัล โฮม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
คุณ ปราณี แพงงาม (นี)
โทรศัพท์ : 096-0137052
Line : 0960137052
Phone : 02-968-7199
Office : 086-546-9741
Email :pranee.centralhome@gmail.com

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://postasungha.com/ขายบ้านเดี่ยวซอยเทพารั/


คำค้น
ขายบ้านเดี่ยวซอยเทพารักษ์70 กู้ได้เต็ม, บ้านเดี่ยวซอยเทพารักษ์70กู้ได้สูง, บ้านเดี่ยว2ชั้นหลังใหญ่มากซอยเทพารักษ์70, ขายบ้านเดี่ยวใกล้ตลาดหนามแดง, บ้านเดี่ยวซอยเทพารักษ์70ขายถูกสุดในย่านนี้
#2849


วันนี้ (19 สิงหาคม 2564) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ เพื่อประกอบการระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ผ่านระบบการประชุมทางไกล ระหว่าง กระทรวงการคลังโดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และบริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จํากัด (GAA) กิจการร่วมค้าของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR)

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานในพิธีฯกล่าวแสดงความยินดีต่อคู่สัญญาที่มาร่วมลงนามสัญญาในวันนี้ และกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งสำคัญของมนุษยชาติจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและวิถีการดำรงชีวิตและการทำงาน รัฐบาลจำเป็นต้องรักษาสมดุลของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับระบบบริหารจัดการทางด้านสาธารณสุข และการผลักดันให้ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ยังคงดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกนั้น เป็นโครงการร่วมลงทุนที่สำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ EEC เพื่อรองรับการขนส่งทางอากาศทั้งการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานภายในสนามบินก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินงานของสนามบิน จำเป็นต้องมีการคัดเลือกเอกชนให้เข้ามาเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งรวมถึงระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน และในวันนี้ สกพอ. ได้ดำเนินการคัดเลือกผู้ประกอบการระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานจนประสบความสำเร็จ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง และถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการพัฒนา EEC เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางด้านการค้าและการลงทุนให้แก่นักลงทุน และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ EEC มากขึ้น อันจะนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดย สกพอ. ร่วมกับกองทัพเรือ ได้คัดเลือกเอกชนเพื่อเข้าร่วมพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ซึ่งในส่วนของงานบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานได้ดำเนินการคัดเลือกผู้ประกอบการด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง

โดยได้คัดเลือก "กิจการร่วมค้าบาฟส์และโออาร์" เป็นผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบการระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน มีความเชี่ยวชาญ และมีมาตรฐานการดำเนินงานในระดับสากล นับเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งในด้านการได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่จากภาคเอกชน อีกทั้ง เป็นการลดภาระในด้านงบประมาณและบุคลากรในส่วนของภาครัฐ และเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีโอกาสในการดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น ทำให้ภาคประชาชนได้รับประโยชน์และความสะดวกสบายจากการบริการสาธารณะที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น


นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือบาฟส์ (BAFS) เปิดเผยว่า BAFS เป็นผู้นำในด้านการให้บริการระบบเติมน้ำมันอากาศยานแบบครบวงจรของประเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทน้ำมันและสายการบินจากทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานและส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมการบินของประเทศ การจัดตั้งบริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จำกัด หรือ GAA ร่วมกับ OR ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และเป็นก้าวสำคัญในการรองรับการเติบโตของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ ECC และประเทศไทยต่อไปในอนาคต


นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เปิดเผยว่า OR ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Flagship ของกลุ่ม ปตท. และเป็นผู้นำด้านพลังงาน OR ให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยานที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากลด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมการบิน การร่วมมือกับ BAFS ในการจัดตั้งกิจการร่วมค้า คือ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จำกัด หรือ GAA ถือเป็นการเสริมศักยภาพในการแข่งขัน และเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานภายในสนามบินอู่ตะเภา สอดคล้องกับเป้าหมายในการยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานานชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล ประธานกรรมการ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จํากัด (GAA) กล่าวว่า GAA พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคม ด้วยความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจด้านการบริหารจัดการและการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานและธุรกิจด้านพลังงาน มามากกว่า 30 ปี โดย BAFS และ OR จะสนับสนุนให้ GAA มีศักยภาพ ด้วยความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้การบริหารจัดการและการให้บริการณสนามบินอู่ตะเภามีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการค้าน้ำมันเสรีแบบ Open Access ดูแลระบบท่อส่งน้ำมันใต้ลานจอด และในทุกกระบวนการตามขั้นตอนและมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

GAA จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ด้วยมีทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท โดย BAFS ถือหุ้น 55% และ OR ถือหุ้น 45% สำหรับโครงการเช่าที่ดินราชพัสดุดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุนเริ่มแรกประมาณ 2,300 ล้านบาท ซึ่ง GAA จะจัดเตรียมความพร้อมในด้านระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ส่งเสริมศักยภาพสนามบินอู่ตะเภาที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี เพื่อสร้างความมั่นคงด้านการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานรองรับการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของสนามบินอู่ตะเภา ในปี 2568 และการเติบโตของ EEC ตามนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาล
#2850


นายสุวรรธนะ สีบุญเรือง รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้รับมอบอำนาจจากผู้บริหารแผน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า ตามที่ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2564 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ และคำร้องขอแก้ไขแผนตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้ ต่อมาคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทฯ ในการประชุมครั้งที่ 5256 เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ได้มีมติ ดังนี้


1. อนุมัติให้บริษัทฯ ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนจากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 26,989,009,500 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 21,827,719,170 บาท โดยการตัดหุ้นในบริษัทฯ ที่ยังไม่ได้ออกและจำหน่ายจำนวน 516,129,033 หุ้น ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ในหัวข้อ 5.6 เรื่อง การปรับโครงสร้างทุน การลดทุน และการเพิ่มทุน ข้อ (2.1)

2. อนุมัติให้แก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อ 4. เพื่อให้สอดคล้องกับการลดทุนจดทะเบียน ดังมีรายละเอียดตามหนังสือที่อ้างถึง นั้น

บริษัทฯ ขอเรียนว่า ได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง โดยศาลมีคำสั่งอนุญาต และบริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนลดทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 26,989,009,500 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 21,827,719,170 บาท และจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อ 4. เพื่อให้สอดคล้องกับการลดทุนจดทะเบียนต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2564
#2851


นางพรรณี พุ่มพันธ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า จากที่ ขบ.ได้ยกระดับการบริการประชาชนให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยได้พัฒนาช่องทางชำระภาษีรถประจำปีออนไลน์ให้สามารถรองรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งรถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี หรือรถที่ค้างชำระภาษีเกินกว่า 1 ปี ให้นำรถเข้าตรวจสภาพกับสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ให้เรียบร้อยก่อนดำเนินการชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ สำหรับรถที่ไม่มีเงื่อนไขต้องตรวจสภาพรถก่อนชำระภาษีสามารถดำเนินการได้ทันทีนั้น
ทำให้สถิติการให้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบออนไลน์ ในเขตกรุงเทพมหานคร ประจำเดือนกรกฎาคม 2564เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้บริการชำระภาษีผ่านทางเว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มสูงขึ้นถึง 53,100 คัน และบริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจำนวน 5,956 คัน

ซึ่งมีแนวโน้มที่เจ้าของรถจะใช้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบออนไลน์เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางให้บริการที่มีความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง อยู่ที่ไหนก็สามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในส่วนของสถิติการรับชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางอื่นๆ 

อาทิ เลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) ชำระภาษีได้โดยไม่ต้องลงจากรถ มีผู้ใช้บริการจำนวน 61,573 คัน การให้บริการชำระภาษีที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 มีผู้ใช้บริการจำนวน 266,150 คัน การให้บริการชำระภาษีผ่านตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) มีผู้ใช้บริการจำนวน 882 คัน เคาน์เตอร์เซอร์วิส มีผู้ใช้บริการจำนวน 12,270 คัน ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 754 คัน และผ่านแอปพลิเคชัน mPAY  และ Truemoney Wallet จำนวน 1,100 คัน รวมมียอดผู้ใช้บริการชำระภาษีประจำเดือนกรกฎาคม 2564 จำนวนทั้งสิ้น 401,785 คัน

กรมการขนส่งทางบกมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการประชาชนในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ภาครัฐนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการประชาชน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกให้เจ้าของรถสามารถเข้าถึงบริการชำระภาษีรถประจำปีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง เจ้าของรถสามารถชำระภาษีรถล่วงหน้าก่อนภาษีรถสิ้นอายุ 90 วัน ผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก https://eservice.dlt.go.th หรือผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เจ้าของรถจะได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ ภายใน 5 วันทำการ นับจากวันชำระเงิน สำหรับการชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เมื่อมีการชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว ระบบจะแสดงหลักฐานการชำระภาษีรถประจำปีชั่วคราว เพื่อให้เจ้าของรถสามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงการชำระภาษีจนกว่าจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี 

โดยเจ้าของรถสามารถเลือกรับเครื่องหมายการเสียภาษีทางไปรษณีย์หรือเลือกพิมพ์เครื่องหมายการเสียภาษีด้วยตนเองที่ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) ซึ่งมีให้บริการที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 สำหรับรถติดตั้งแก๊ส และรถที่ค้างชำระภาษีรถเกิน 3 ปี ที่ไม่สามารถชำระภาษีผ่านระบบออนไลน์ได้ แนะนำให้ใช้บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 และสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ
#2852


วันนี้ (18 ส.ค.) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมเฉลิมฉลองวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย รัชกาลที่ 4 เปิด "กิจกรรมเนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประจำปี 2564" จัดเต็มกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในรูปแบบออนไลน์ เต็มอิ่มกับกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ที่สนุกสนานและหลากหลายที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านทาง Facebook : NSM Thailand

โดยปีนี้ อพวช. ได้จัด "กิจกรรมเนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประจำปี 2564" ในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งขนกิจกรรมความสนุกด้านวิทยาศาสตร์มาไว้ในงานนี้มากมาย โดยจัดขึ้นตลอดเดือนสิงหาคม เพื่อเผยแพร่ความรู้ ประสบการณ์ และโอกาสการมีส่วนร่วมกับประชาชนในกิจกรรมรูปแบบออนไลน์ โดยผ่านช่องทางสื่อสารของ อพวช. ได้แก่ Facebook : NSM Thailand , Website : www.nsm.or.th , YouTube : NSM Thailand และ Facebook พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ของ อพวช. ที่จะนำความรู้ควบคู่กิจกรรมความสนุกมาสลับหมุนเวียนให้ชมและร่วมสนุกกันตลอดเดือนวิทยาศาสตร์ไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม แก่เยาวชนและประชาชนทั่วประเทศ

ด้าน ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า "เนื่องในวันที่ 18 สิงหาคมของทุกปี อพวช. ได้จัดกิจกรรมเนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อ ร่วมเทิดพระเกียรติพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย รัชกาลที่ 4 และร่วมเฉลิมฉลองวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ อีกทั้งเป็นการสร้างความตระหนักและสร้างแรงบันดาลใจด้านวิทยาศาสตร์ให้แก่สังคมไทย แต่ปีนี้เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีความรุนแรงทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมได้ตามปกติ จึงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานขึ้นใหม่ในรูปแบบออนไลน์ในครั้งนี้ขึ้น

สำหรับกิจกรรมพิธีเปิดในวันที่ 18 สิงหาคม 2564 วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ อพวช. ได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดกิจกรรมฯ ดังกล่าว นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมความสนุกมากมายภายในงาน อาทิ ชมภาพยนตร์สารคดี เรื่อง "ตามรอยเสด็จฯ ร.4 สู่การชมสุริยุปราคา ณ หว้ากอ" , งานเสวนาวันวิทยาศาสตร์ไทย โดย อ.จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา เรื่อง "ย้อนรอยวิทย์ศิลป์ถิ่นบางกอก" และถือเป็นโอกาสพิเศษที่ อพวช. มีการเปิดตัว YouTube NSM Thailland อย่างเป็นทางการครั้งแรก พร้อมยังมีการประกาศผลรางวัล NSM Junior Science Influencers ภายในงานนี้อีกด้วย

สำหรับกิจกรรมในเพจ Facebook พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ของ อพวช. ต่างๆ ยังเตรียมกิจกรรม ที่ส่งเสริมประสบการณ์ในด้านวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจตลอดเดือนสิงหาคม 2564 ได้แก่ กิจกรรมเที่ยวทิพย์กับตึกลูกเต๋า โดยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ , กิจกรรม Explore Technology โดยพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ ,กิจกรรม Hands on เรื่องกระดูก โดย พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา,กิจกรรมโหลดภาพธรรมชาติจากมุมมอง นักธรรมชาติวิทยา โดยพิพิธภัณฑ์พระรามเก้า , กิจกรรม Explorium @Home ชวนสวมบทบาทนักสำรวจธรรมชาติ โดย จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. @ เดอะสตรีท รัชดา เป็นต้น

สำหรับผู้สนใจร่วมสนุกใน "กิจกรรมเนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประจำปี 2564" ตลอดเดือนสิงหาคมนี้ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook : NSM Thailand
#2853


โครงการนำสายไฟลงดินของกองทัพเรือโผล่อีก 400 กว่าล้านบาท หลังยอมถอดถอนงบเรือดำน้ำจากกระแสคัดค้านของประชาชน ขณะที่โครงการจัดจ้างหลายหน่วยงานของภาครัฐยังคงยื่นประมูลช่วงชิงงบกลางฝุ่นตลบ สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจในต่างประเทศ คาดปีนี้โตติดลบ และหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้เศรษฐกิจปีหน้าหมดหวังฟื้นตัว

หลังจากที่ก่อนหน้านี้กองทัพเรือได้ถูกคัดค้านจากสังคม ในการซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน วงเงิน 900 ล้านบาทที่ต้องจ่ายในปีงบประมาณ 2565 จนในที่สุดก็ต้องขอถอนออกไป

รายงานล่าข่าวระบุว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้กองทัพเรือได้จัดทำโครงการนำสายไฟลงดินเพื่อส่งเสริมสภาพพื้นที่สำหรับเมืองการบินภาคตะวันออก และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2564 มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพิ่มเติม งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 451.36 ล้านบาท ให้กองทัพเรือ (ทร.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการนำสายไฟลงใต้ดินเพื่อส่งเสริมสภาพพื้นที่สำหรับเมืองการบินภาคตะวันออก (โครงการฯ) ในส่วนของงานจ้างนำสายไฟลงใต้ดิน จำนวน 3 เส้นทาง ตามที่กระทรวงกลาโหม (กห.) เสนอ ประกอบด้วย1. ปากทางเข้าสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา

2. แยกวงเวียนอู่ตะเภา

3. แยกอู่ราชนาวีมหิดล รวมระยะทางทั้งสิ้น 5.2 กิโลเมตร

โดยงบดังกล่าวอยู่ภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรี ในปี 2564 ที่จัดสรรไว้ถึง 6 แสนล้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อไว้ใช้ในกรณีที่วิกฤติฉุกเฉิน หรือจำเป็นเท่านั้น เช่นกรณีสถานการณ์โควิด- 19 ในขณะนี้

ก่อนหน้านี้รัฐบาลออกมาเปิดเผยว่า มีเงินหน้าตักใช้เพื่อแก้สถานการณ์โควิดไม่มาก และในทางการเมืองก็เรียกร้องให้มีการพิจารณาจัดสรรงบประมาณใหม่ โดยเฉพาะงบกลาง ซึ่งจากการตรวจสอบ ณ สิ้น ก.ค. งบกลางยังคงเหลืออยู่ราว 2 แสนล้านบาทเท่านั้น

แต่ปรากฎว่ามีโครงการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะงานก่อสร้างหลาย ๆ ของหน่วยงานภาครัฐยื่นขอประมูลเข้ามาเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นก็คือ โครงการนำสายไฟลงดินของกองทัพเรือที่ครม.อนุมัติไป หลายฝ่ายจึงมองว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนมากน้อยเพียงใด ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองลำบากเช่นนี้

ขณะที่สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจในต่างประเทศ ได้คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2564 ของประเทศไทยน่าจะต่ำกว่า 0 % หรือติดลบ และหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็ไม่มีความหวังว่าปีหน้า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวโดยเร็ว

ข้อมูลอ้างอิง : http://www.phuketlocal.go.th/files/com_news_law/2019-10_ea4372f6817c38e.pdf

https://govspending.data.go.th/dashboard/3

:: ศูนย์ข้อมูลจัดซื้อ จัดจ้าง สอบราคา ประกวดราคา :: (navy.mi.th)
#2854


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 282.12 จุด หรือ 0.79% ปิดที่ 35,343.28 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 31.63 จุด หรือ 0.71% ปิดที่ 4,448.08 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 137.58 จุด หรือ 0.93% ปิดที่ 14,656.18 จุด


กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.1% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.3%

ยอดค้าปลีกที่ซบเซาในเดือนก.ค. โดยรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา รวมทั้งการที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้หมดอายุลง

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ดิ่งลง 1.0% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนมิ.ย.


ดัชนีดาวโจนส์ยังถูกกดดันจากการร่วงลงกว่า 4% ของราคาหุ้นโฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ซึ่งแม้เปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทเปิดเผยว่า ลูกค้าที่เดินทางเข้าร้านเพื่อซื้อสินค้าประเภท DIY หรือ do-it-yourself มีจำนวนลดลงถึง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว


นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตก หลังสหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงต่ำสุดรอบ 1 ปีในเดือนส.ค.

สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (เอ็นเอเอชบี) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 5 จุด สู่ระดับ 75 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2563

การร่วงลงของดัชนีความเชื่อมั่นมีสาเหตุจากสต็อกบ้านที่มีจำกัด การขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และต้นทุนในการก่อสร้าง

อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงปรับตัวเหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองทั่วไปที่เป็นบวก โดยดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้าทรงตัวที่ระดับ 81 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในปัจจุบันร่วงลงสู่ระดับ 60

ขณะเดียวกัน ตลาดกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) และจะเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนก.ค.ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว
#2855


ไม่มีใครลืมสุนัขตัวแรกที่ตัวเองเคยเลี้ยงว่ามีความผูกพันต่อกันเพียงใด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ทำให้สุนัขถูกทอดทิ้งจนกลายเป็นสุนัขจรจัดที่ตกเป็นภาระแก่สังคม จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่สำคัญว่าทำไมจึงต้องมี "วันสุนัขโลก" ที่ตรงกับวันที่ 26 สิงหาคม ของทุกปี

ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGS) แห่งสหประชาชาติ ข้อที่ 11 ที่ว่าด้วยเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities) หนึ่งในปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคของการพัฒนาเมืองและชุมชนให้ยั่งยืน คือ การจัดระเบียบทางสังคม ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้นในสุนัขประเทศไทย จำนวนประมาณกว่า 2 ล้านตัว เป็นสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ หรือ "สุนัขจรจัด" ถึงกว่า 1 แสนตัว ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า (เรบีส์) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อความปลอดภัย และสุขภาวะของผู้คนในสังคมเมือง และชุมชน และที่น่าเป็นห่วงคือ ในประเทศไทยยังไม่เคยมีระบบลงทะเบียนข้อมูลการเกิด ตาย และย้ายถิ่นของสุนัข เพื่อการติดตามดูแลควบคุมประชากรสุนัขแต่อย่างใด

รองศาสตราจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์อนุวัตน์ วิรัชสุดากุล อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข และประจำศูนย์เฝ้าระวังและติดตามโรคจากสัตว์ป่า สัตว์ต่างถิ่น และสัตว์อพยพ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหัวหน้าโครงการแบบจำลองการระบาดและการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขประเทศไทย ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่ได้วิจัยร่วมกับ กรมปศุสัตว์ กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างปีพ.ศ.2562 - 2564 ได้กล่าวถึงผลจากการศึกษาวิจัยว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการระบาดใหม่ของโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทย ได้แก่ ความหนาแน่นของประชากรมนุษย์ ประวัติการเกิดโรคในพื้นที่ และระยะห่างจากจุดเกิดโรคเดิม โดยการอุบัติซ้ำอาจเกิดจากการที่ไวรัสยังคงอยู่ในสุนัขที่ได้รับเชื้อ แต่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งในการรับเชื้อต่อครั้งมีระยะฟักตัวประมาณ 3 - 8 สัปดาห์ โดยผู้ที่ถูกกัดและรับเชื้อจะเสียชีวิตทุกราย วิธีการป้องกันที่ยั่งยืนที่สุด คือ การไม่ทอดทิ้งสุนัขเลี้ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุนัขจรจัด นอกจากนี้ควรให้สุนัขเลี้ยงทุกตัวได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเรบีส์เป็นประจำทุกปี ตลอดจนควบคุมประชากรสุนัขด้วยการทำหมัน อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยอีกส่วนหนึ่งยังชี้ให้เห็นว่า ความรู้ของเจ้าของสุนัขมีผลอย่างมากต่อพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคเรบีส์ ดังนั้น การให้ความรู้อย่างต่อเนื่องถึงอันตรายและการป้องกันโรคเรบีส์ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากเช่นกัน

มีข้อสังเกตุหนึ่งที่น่าติดตามจากผลวิจัยของโครงการฯ ที่ได้ให้เยาวชนกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย ที่เข้าร่วมโครงการฯ บันทึกข้อมูลการเลี้ยงสุนัขที่บ้านของตนผ่านแอปพลิเคชัน พบว่าได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องค่อนข้างน้อย ทั้งๆ ที่มีการให้รางวัลตอบแทนในการลงบันทึกข้อมูลด้วย ซึ่งอาจชี้ได้ว่าเด็กไทยรุ่นใหม่ยังไม่ตระหนักใส่ใจภัยจากเรบีส์ และตื่นตัวในการเรียนรู้เพื่อป้องกันโรคดังกล่าวเท่าที่ควร

ซึ่งการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องภัยจากเรบีส์เป็นเรื่องที่สำคัญต่อการพัฒนาเมืองและชุมชนให้ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการปลูกฝัง และสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเลี้ยงสุนัขด้วยความรับผิดชอบแก่คนในสังคม ซึ่งบ่อยครั้งมักพบว่าผู้ที่รับเชื้อเรบีส์ไม่ได้เพียงจากเหตุโดนสุนัขจรจัดกัด แต่กลับรับเชื้อจากสุนัขที่ตัวเองเลี้ยง โดยสุนัขของตัวเองรับเชื้อจากสุนัขจรจัดมาก่อนแล้ว

"วิธีการป้องกันสุนัขกัดควรปฏิบัติตามหลัก "5 ย" คือ "อย่าแหย่" "อย่าเหยียบ" "อย่าแยก" "อย่าหยิบ" และ "อย่ายุ่ง" และถ้าหากถูกสุนัขกัดควร "ล้างแผล ใส่ยา จับหมา หาหมอ" โดยทีมวิจัยหวังว่าผลจากโครงการแบบจำลองการระบาดและการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขประเทศไทย ที่ได้ร่วมวิจัยกับ กรมปศุสัตว์ กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ นี้จะส่งผลให้ประเทศไทยมีการติดตามพลวัตประชากรของสุนัข เกิด ตาย ย้ายถิ่น ที่เป็นระบบ สู่การจัดทำนโยบายการควบคุมจำนวนประชากรสุนัขจรจัด และลดอุบัติการณ์แพร่ระบาดของโรคเรบีส์ที่ส่งผลยั่งยืนต่อไปได้ในอนาคต" รองศาสตราจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์อนุวัตน์ วิรัชสุดากุล กล่าวทิ้งท้าย
#2856


กัมพล นิสิตสุขเจริญ ผู้ก่อตั้ง เวอร์ชวล โซลูชั่น กล่าวว่า ข้อจำกัดจากผลกระทบโควิดเป็นที่มาของการจัดงาน "เวอร์ชวล พร็อพเพอร์ตี้ เอ็กซ์โป 2021" เป็นช่องทางทำตลาดที่ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมาพบปะเจรจาธุรกิจ สร้างโอกาส ดึงกระแสเงินสดเข้าบริษัท ประคองธุรกิจให้รอดพ้นวิกฤติ

"การจัดงานแสดงสินค้า หรือ เทรดแฟร์ เป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลัง!! คุ้มค่ากับการลงทุนหากเปรียบเทียบกับการทำตลาดในรูปแบบอื่น ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมามีการจัดงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับอสังหาฯ ทั้งในศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า ในศูนย์การค้า สามารถดึงวอลุ่มการขายของโครงการต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จากการเป็นแหล่งผู้ซื้อผู้ขายจำนวนมากมาเจอกัน"

ทว่าหลังวิกฤติโควิดธุรกิจงานแสดงสินค้า ถูกยกเลิกงาน หรือ เปิดบ้าง-ปิดบ้าง สลับกัน กระทบต่อตลาดและการวางแผนธุรกิจ ฉะนั้น "เวอร์ชวล เทรด แฟร์" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์จะเข้ามาตอบโจทย์และแก้อุปสรรคในการทำตลาด

"เวอร์ชวล พร็อพเพอร์ตี้ เอ็กซ์โป 2021" ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีโอกาสมาพบปะเจรจาซื้อขายกันบนออนไลน์ โดยมีฟังก์ชั่นการแสดงสินค้าเสมือนได้เดินชมบูธโครงการอสังหาฯ แต่ละแบรนด์ และใช้วีดีโอคอลในการเจรจาธุรกิจ ต่อรองราคา และโปรโมชั่น

"เวอร์ชวล พร็อพเพอร์ตี้เอ็กซ์โป จัดช่วงปลายปีจะสามารถรวบรวมดีมานด์ที่มีอยู่ทั้งเพื่ออยู่อาศัยจริง หรือซื้อเพื่อลงทุนกว่า 580,000 ราย จากทั่วประเทศ จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับผู้ประกอบการอสังหาฯ ให้เกิดมูลค่าการขายที่เป็นวอลุ่มใหญ่ขึ้นได้"

ดีเวลลอปเปอร์ที่เข้าร่วมงานจะได้รับผลตอบแทนการลงทุน ( ROI) ที่มีประสิทธิภาพ และสูงกว่าการไปทำตลาดเอง อย่าง โซเชียลมีเดีย หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่ใช้งบประมาณสูงกว่าและเป็นการทำตลาดที่กระจัดกระจาย ซึ่งบริษัทมีแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่เก็บรวบรวมข้อมูล (บิ๊กดาต้า) เป็นประโยชน์ต่อดีเวลลอปเปอร์ใช้ทำการตลาดต่อไปในอนาคต

ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง กล่าวเสริมว่า ช่วงวิกฤติโควิดระลอกนี้มีการเสิร์ชค้นหา บ้าน และ คอนโดมิเนียม ผ่าน กูเกิล น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการทำการตลาดในช่วงนี้จึงต้องระมัดระวัง มุ่งการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง (Precision Marketing) เน้นกลุ่มคนที่ยังมีกำลังซื้อ กลุ่มนักลงทุน และกลุ่มคนที่มีความต้องการจะซื้อบ้านและ คอนโดมิเนียม จริงๆ เท่านั้น

"มีเดีย แชนแนล ที่ทำตลาดแบบเฉพาะเจาะจงได้ดี หนีไม่พ้น กูเกิล เฟซบุ๊ก ทำให้ทุกแบรนด์กระโดดเข้ามาแข่งขัน ค่าโฆษณาถีบตัวสูงขึ้น สวนทางดีมานด์ของตลาดที่ลดลง นอกจากนี้การเดินทางไปดูโครงการอสังหาฯ มีความยากลำบาก ผู้ซื้อกังวลเรื่องโควิด เจ้าของโครงการจำเป็นต้องทำออนไลน์แพลตฟอร์มให้เยี่ยมชมโครงการได้ง่ายขึ้น ในรูปแบบ เวอร์ชวล หรือ วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้ทีมขายคุยกับลูกค้าได้"

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มองว่า การจัดงานในรูปแบบเวอร์ชวล เอ็กซ์โป ไม่แตกต่างจากงานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดปกติจัดปีละ 2 ครั้ง ซึ่งดีเวลลอปเปอร์จะนำเสนอสินค้าราคา "ดี" ออกมาให้ลูกค้าได้เปรียบเทียบ แม้ว่าช่วงนี้ "ดีมานด์" อาจไม่มากเท่าช่วงเวลาปกติ แต่รูปแบบเวอร์ชวลทำให้คนเข้าไปเยี่ยมชมโครงการได้

"ปกติการทำออนไลน์ของอสังหาฯ ไม่เกิดการซื้อจริง เป็นแค่การตัดรอบในการดูจากปกติอาจจะใช้เวลา 3 รอบ โดยรอบแรกไปดูเอง รอบ 2 พาแม่ไป รอบ 3 ค่อยตัดสินใจซื้อ การมีเวอร์ชวล ทำให้รอบแรกไม่จำเป็นต้องไปดูผ่านออนไลน์แทนเหลือแค่ 2 รอบ จาก 10 ที่ในออนไลน์เหลือ 3 ที่ จากนั้นค่อยพาแม่ไปดูก่อนซื้อแต่สุดท้ายแล้วอสังหาฯ เป็นสินค้าที่ต้องการสร้างประสบการณ์ สัมผัสจริงมากกว่าในเวอร์ชวล"
#2857


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงและมาตรฐานความปลอดภัยในเส้นทาง โดยระบุว่า ขอให้กรมทางหลวง (ทล.) เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) สาย ตราด - หาดเล็ก ที่ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ตลอดเส้นทาง เพื่อรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดตราด สนับสนุนเขตเศรษฐกิจชายแดน (Special Economic Zone : SEZ)

อีกทั้งให้เป็นเส้นทางรองรับการขยายตัวของเมืองและแก้ไขปัญหาการจราจร เนื่องจากจังหวัดตราดได้รับการจัดตั้งให้พัฒนาเป็นหนึ่งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระยะแรก โดยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการค้าการขนส่งต่อเนื่องระหว่างประเทศและเป็นศูนย์กลางการบริการด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค อีกทั้งยังเป็นประตูการค้าชายแดน มีด่านการค้าบ้านหาดเล็ก ซึ่งมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กระจายสินค้า สามารถเชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา 



อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ทล.ได้ขยายเส้นทางดังกล่าวเป็น 4 ช่องจราจรแล้วเสร็จระยะทางรวม 65.550  กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้คงเหลือช่วงสุดท้าย ตอน ทางแยกเข้า ต.ไม้รูด - บ.คลองจาก ระยะทางประมาณ 23.450 กิโลเมตร  กระทรวงฯ จึงผลักดันให้แล้วเสร็จภายในปี 2564  ซึ่งหากโครงการแล้วเสร็จจะเสริมสร้างโครงข่ายทางหลวงให้สมบูรณ์ตลอดเส้นทาง 89 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ทล.ได้เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) สาย ตราด - หาดเล็ก ตอนทางแยกเข้า ต.ไม้รูด - บ.คลองจาก ก่อสร้างเป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษ 4 ช่องจราจร รวมงานก่อสร้างสะพานคอนกรีตอีก  7  แห่ง และก่อสร้างศาลาทางหลวงในบริเวณสองข้างทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนจำนวน  11  แห่ง พร้อมติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างตลอดเส้นทาง งบประมาณราว 985 ล้านบาท  ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าประมาณ 85% คาดว่าจะก่อสร้างจะแล้วเสร็จประมาณเดือน พ.ย. นี้

โดยหากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญด้านการสัญจรของประชาชนในพื้นที่  ส่งเสริมการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว และเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา ที่มีอัตราการเพิ่มของปริมาณรถสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมของจังหวัดตราด รวมถึงช่วยสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
#2858
ขายข้าวอินทรีย์  ข้าวเกษตรอินทรีย์ส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" / ปลูกข้าวมะลินิลออแกนิค คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์   คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก ข้าวกล้องปะกาอำปึลออแกนิคเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิค เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์สุรินทร์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--12cbh7f2bxa6ba6b0a4lsdyb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ
3.  ขายข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ข้าวหอมมะลิผสมหลายสายพันธุ์อินทรีย์สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค7.  ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 
 
#2859


ไชน่าเดลี (17 ส.ค.) - อ้างรายงานสื่อการเงินจีน อี้ไฉว่า เซี่ยงไฮ้ เมืองหลวงทางการเงินของจีน ครองอันดับ 1 เมืองพลังบริโภคของประเทศในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

รายงานฯ ระบุว่า ยอดขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคในเซี่ยงไฮ้อยู่ที่ 9.04 แสนล้านหยวน ในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 30.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี

สำนักสถิติของเมืองฯ ระบุว่าสินค้าอุปโภคบริโภคมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของการบริโภค

การขายปลีกทองคำ เงิน และเครื่องประดับเพิ่มขึ้น 72.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนเครื่องสำอางและอุปกรณ์สื่อสารเพิ่มขึ้น 24% และ 19.2% ตามลำดับในแต่ละปี

ด้วยยอดขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภครวม 7.22 แสนล้านหยวนในครึ่งปีแรก กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนคว้าอันดับสองในรายการ เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบเป็นรายปี

สภาพจำกัดจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การบริโภคได้กลายเป็นกลไกหลักในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอย่างมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจของจีนจะยังคงฟื้นตัวต่อไป และคาดว่าจะสามารถปลดปล่อยศักยภาพการบริโภคได้มากขึ้นอีก

สำหรับ 10 อันดับเมืองการบริโภคของจีนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ตามลำดับคือ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ฉงชิ่ง กวางโจว เฉิงตู เซินเจิ้น ซูโจว หนานจิง หังโจว และอู่ฮั่น
#2860


"เศรษฐา ทวีสิน" ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิกฤติโควิดครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งต้มยำกุ้ง ปี 2540 ผลกระทบจากโควิดเดือดร้อนหนักหนาสาหัสถึงขั้นไม่มีงานทำ สูญเสียบ้าน รถยนต์ เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก! แม้จะมีวัคซีนป้องกันโควิด แต่การแจกจ่ายวัคซีนยังไม่ทั่วถึงและเป็นไปอย่างล่าช้า

"การนำเข้าวัคซีน ยังคงเป็นเรื่องแรกที่ทุกคนเรียกร้องมานานแล้ว ถือเป็นวาระเร่งด่วน ที่อยู่บนสมมติฐานว่า วัคซีนต้องมา และฉีดให้ครอบคลุมโดยเร็ว ภายใน 120 วัน 180 วัน หรือ 200 วัน ขึ้นอยู่กับรัฐบาล"

รวมถึงเตรียมการ "สั่งซื้อวัคซีนเข็มที่ 3" หรือเตรียมวัคซีน 2-3 เท่า ของจำนวนประชากร (ราว 200 ล้านโดส) ในปีหน้า เป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องทำ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครแฮปปี้เรื่องวัคซีน ถึงขั้นบุคคลกรทางแพทย์ต้องจับฉลากเพื่อฉีดวัคซีน "ผมว่าโควิดทำให้คนตาสว่าง ว่า...สังคมไทยไม่มีความเท่าเทียมกัน"

อีกเรื่องสำคัญที่สุดคือต้องมองไปให้ไกล ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เฉพาะเรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่คือการขับเคลื่อนประเทศที่เข้าไปอยู่บนเวทีแข่งขันโลกที่เราจะแข่งขันได้อย่างมีคุณภาพ สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย

"ไม่ใช่ว่าหลุดจากกับดักโควิดแล้วก้าวไปสู่ความหายนะทางเศรษฐกิจ เพราะสู้เขาไม่ได้ ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ โฟกัสวันนี้ ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากการหาวัคซีนมาฉีดให้ประชาชน แต่แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ประเทศไทยจะต้องเกิดขึ้น! เพราะโลกหยุดมา 2 ปีแล้ว มีคนบอบช้ำ มีคนเจ็บปวด มีธุรกิจที่โซซัดโซเซ ล้มหายตายจากไปเยอะมาก เราจะทำอย่างไรให้ตรงนี้กลับมาได้ ดังนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่จะต้องเกิดขึ้น"

เศรษฐา ย้ำว่า การเปิดประเทศ120 วัน นั้น ตามทฤษฎียังมีความเป็นไปได้ แต่นัั่นหมายความว่า ต้องฉีดให้ได้วันละ 6 แสนคน ที่ผ่านมามีบางวันสามารถฉีดได้แสดงว่าบุคคลากรทางการแพทย์มีศักยภาพในการฉีดเพียงแต่ว่า "วัคซีนไม่มา! แม้ความหวังหริบหรี่ แต่สุดท้ายวัคซีนก็มาอยู่ดี"


อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เชื่อว่ายังคงเป็นภาพของ "K-Shaped" โดยที่กลุ่มคนรวยจะอยู่ในส่วนของ "K ขาขึ้น" คนรวย-รวยมากขึ้น ส่วน "K ขาลง" จะอยู่ในแรงงานระดับล่างที่ยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนช่องว่างของความเลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ เกิดขึ้นทั่วโลกส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ การฟื้นเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำไปพร้อมๆ กัน ต้องเริ่มจากที่ รัฐบาล เตรียมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เหมือนสหรัฐ และยุโรปที่มีแผนงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่าง "โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ออกมาชัดเจน

รัฐบาลต้องมีการพยุงราคาสินค้า หรือจะเรียกว่าประกันราคาสินค้า จำนำ หรือจ้างผลิต สำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญ อย่าง ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และอ้อย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กลับไปสร้างผลิตผลทางการเกษตรพอที่เลี้ยงครอบครัว

รัฐบาลต้องปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีใหม่ เรียกเก็บจากคนที่แข็งแรงอยู่บนยอดพีระมิด ไม่ว่าจะเป็นภาษีความมั่งคั่ง ภาษีมรดกเพื่อนำรายได้จากภาษีเหล่านี้มาชดเชยรายจ่ายที่ไปกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติโควิด

รัฐบาลต้องพิจารณากฏหมายเกี่ยวกับการกระตุ้นการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ ให้อินเซนทีฟ และเอื้อนักลงทุน ดึงดูดให้มาลงทุนในประเทศไทย

"ไทยมีความได้เปรียบในเรื่องทำเลที่ตั้ง และโครงสร้างพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ที่ผ่านมาบริหารจัดการเรื่องวัคซีนผิดพลาดเท่านั้น"

นอกจากนี้ รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อมทางด้านเม็ดเงินที่ใช้ในการลงทุน เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ จึงควรต้องขอขยายสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 60% เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศที่มีการปรับอัตราสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สูงขึ้นเพื่ออัดฉีดเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม ในประเทศ

อีกมาตรการเร่งด่วน รัฐบาลต้องช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี เช่น พักหนี้ ให้เงินทุนหมุนเวียน เมื่อเศรษฐกิจกลับมา รวมทั้งธุรกิจสายการบิน หากไม่ช่วยเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วจะมีเครื่องบินที่ไหนไปรับนักท่องเที่ยวมาประเทศไทย

"ปัญหาการเมืองเป็นสิ่งไม่ควรมองข้าม เศรษฐกิจและการเมืองเป็นของคู่กันมาตลอด หากแก้ไขเศรษฐกิจได้แต่ถ้าการเมืองไม่ถูกแก้ไขก็จะเกิดการเมืองบนท้องถนน เกิดการประท้วง เกิดความรุนแรง มาฉุดรั้งเศรษฐกิจอยู่ดี หากรัฐบาลทำอย่างผมเสนอ เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมา วันนี้ไม่ใช่เรื่องของเราแต่เป็นเรื่องประเทศ เมื่อไรที่ประเทศไปได้ ธุรกิจก็ไปต่อได้ ยกเว้นคนที่มีปัญหากระแสเงินสดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมเชื่อว่าถ้าภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ ช่วยกันช่วยเหลือสังคม คนตัวเล็ก พวกเราจะผ่านวิกฤติครั้งไปได้"

เช็คสถิติ 'ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล' ออกงวด 16 ส.ค. ย้อนหลัง 10 ปี 'หวย16/8/64'
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ น่าห่วง! พบติดเชื้อเพิ่ม 21,157 ราย เสียชีวิต 182 ราย ไม่รวม ATK อีก 803 ราย
'โควิดติดเชื้อวันนี้' ชลบุรี 1,223 เสียชีวิตอีก 9 ราย จับตาสถานที่ทำงานยอดพุ่ง
สำหรับวิธีการแก้ปัญหาโควิดของแสนสิริ มองเรื่อง "วัคซีน" เป็นอันดับแรก เพื่อฉีดให้พนักงานและครอบครัว รวมถึงพันธมิตร พนักงานดูแลความสะอาดและความปลอดภัยในโครงการ โดยจองซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม 37,000 โดส ฉีดได้ราว 18,000 คน พร้อมบริจาคให้ราชวิทยาลัยฯ 1,000 โดส เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในสังคมของแสนสิริโดย 9,000 โดสฉีดให้พนักงานและครอบครัว อีก 9,000 โดสฉีดให้พันธมิตรและชุมชนรอบแสนสิริ รวมถึงกลุ่มที่มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนน้อย เช่น รปภ. แม่บ้าน คนสวน ช่าง คนงานในแคมป์ก่อสร้าง ทำให้แรงงานแคมป์ของแสนสิริ มีภูมิคุ้มกันหมู่กว่า 70% บางไซต์ 100%

พร้อมกันนี้ได้หารือกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการสร้างโรงพยาบาลสนาม ในช่วงเกิดโควิดระลอก 2 ย่านนนทบุรี และสมุทรปราการ แต่ยังไม่ทันลงมือสร้าง สถานการณ์ดีขึ้นจึงไม่ได้ทำ พร้อมกันนี้ มีการบริจาครถตรวจโควิด และช่วงโควิดระลอก 3 ร่วมกับพาร์ทเนอร์ สร้างห้องอาบน้ำ 500 ห้องสำหรับผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลบุษราคัม โรงพยาบาลสนามเมืองทองธานี ล่าสุดทำห้องไอซียู 17 ห้อง

กรณี หากมีลูกบ้านที่ติดเชื้อระดับสีเขียวและประสงค์ที่จะกักตัวและรักษาตัวแบบ Home Isolation จะมี "พลัส พร็อพเพอร์ตี้" ทำหน้าที่ประสานงานโรงพยาบาล ที่มีบริการเทเลเมดิซีน เข้ามาดูแล

"วันนี้เราอยากเชิญชวนภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ ให้ความช่วยเหลือสังคมเพื่อให้เกิดการบูรณาการผู้ที่อ่อนแอให้แข็งแรง ตรงไหนรัฐบาลมองไม่เห็นหรือว่าไม่สามารถเข้าถึงได้ก็เข้าไปช่วยพยุง ไม่ว่าจะเป็นสตรีทฟู้ด โชว์ช้าง โชว์ลิง ลิเก หมอรำ ลำตัด ให้อยู่ได้จนถึงช่วงที่เศรษฐฟื้นตัว"