• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jessicas

#2861


นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย กล่าวว่า แม้เผชิญวิกฤติการณ์ใดๆ ก็ตาม  เซ็นทรัลพัฒนา มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยไม่หยุดการลงทุนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ หรือ มิกซ์ยูส ซึ่งรอบ 40 ปีที่ผ่านมาได้มีการลงทุนขยายโครงการต่างๆ ไปทั่วประเทศ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับท้องถิ่น เป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้าง "Local Wealth" ในทุกจังหวัด ด้วยการเพิ่มการจ้างงาน ขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบการ สร้างรายได้หมุนเวียนให้ท้องถิ่น ภายใต้การเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกชุมชน หรือ  "Community at Heart"

ทั้งนี้ ได้เตรียมเปิดบริการ "เซ็นทรัล ศรีราชา" อย่างเป็นทางการวันที่ 27 ต.ค. นี้ นับเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่ครบครันและใหญ่สุดในภาคตะวันออก มีการออกแบบพื้นที่ให้ใกล้ชิดธรรมชาติในรูปแบบ Semi-Outdoor 

"การขยายโครงการใหม่นี้ เราได้ช่วย Business Matching กับ Local Investors เพื่อให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น พันธมิตรคู่ค้าระดับประเทศมีโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน  พร้อมออก Flexible Leasing Programme เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการช่วยเหลือร้านค้าผู้เช่า ช่วยลดภาระ ผ่อนคลายความกังวลเรื่องผลประกอบการในช่วงเปิดร้านใหม่หรือในช่วงปีแรก"



ช่วงวิกฤติโควิดนี้ เซ็นทรัลพัฒนา มีการช่วยเหลือผู้เช่าและคู่ค้ารอบด้านแบบ 360 องศา ทั้งการลดและยกเว้นค่าเช่าตามสถานการณ์ การเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู Multi-Bank 7 ธนาคาร อีกทั้งแผนการตลาดแพลตฟอร์มใหม่ เช่น  The 1 Biz ซึ่งเป็น Effective CRM เพิ่มยอดขายให้ผู้เช่า และ Central Pattana Serve Application ให้ความช่วยเหลืออย่างครบวงจร

สำหรับ "เซ็นทรัล ศรีราชา" จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่บนทำเลศักยภาพ "อีอีซี" ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Innovation Oasis : ล้ำอย่างลงตัว" ประกอบด้วยศูนย์การค้ารูปแบบ Semi-Outdoor แห่งแรกนอกกรุงเทพฯ คอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ อาคารสำนักงาน เอ็ดดูเคชั่น เซ็นเตอร์ และ คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย Eco-Friendly Mall ใส่ใจการใช้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มก่อสร้างโครงการ พร้อมจัดการพลังงานด้วย Giant Green Wall, Solar Rooftop นำพลังงานกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยแนวคิด Zero Waste เปลี่ยนขยะให้เป็นศูนย์ ตอบรับไลฟ์สไตล์ด้วย "Thematic Lifestyle Mall"
#2862


วันนี้ (17 ส.ค.) นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศไทย อสม. หรือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน มีบทบาทสำคัญในการช่วยภาครัฐลงพื้นที่ค้นหากลุ่มเสี่ยงหรือติดตามผู้สัมผัสโรค เข้าสู่กระบวนการคัดกรอง หรือแยกผู้ต้องถูกกักตัว เพื่อลดการแพร่ระบาดในหมู่บ้านหรือชุมชน รวมถึงให้ความรู้เรื่องสาธารณสุขต่างๆ ช่วยดูแลประชาชนและกิจกรรมกิจการต่างๆ เป็นไปตามมาตรการป้องกัน โรคโควิด 19 ของกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้การดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับ อสม.ในการเฝ้าระวังและคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด 19 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 2 พิษณุโลก ร่วมกับภาคีเครือข่ายวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการตรวจโรคโควิด 19 ด้วยตนเอง โดยชุดทดสอบ Antigen Test Kit ให้แก่ อสม. ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ประกอบด้วย การอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อม ฝึกปฏิบัติการใช้ชุดทดสอบและ ประเมินความรู้ ความเข้าใจในการใช้ชุดทดสอบ เพื่อให้สามารถนำเอาความรู้ที่ได้ไปแนะนำให้แก่ประชาชนในชุมชน ของตนเอง รวมทั้งมีความรู้ ความเข้าใจในการตรวจด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง ช่วยสนับสนุนการค้นหาผู้ป่วยในเชิงรุก ในชุมชน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างทันสถานการณ์ นำไปสู่การจัดการปัญหาสุขภาพจากโรคโควิด 19 ในพื้นที่เสี่ยงของจังหวัดพิษณุโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมาศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 2 พิษณุโลก ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประเทศ โดยพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพในชุมชนและการส่งเสริมความเข้มแข็ง ภาคประชาชน ผ่านกลไกการจัดตั้งและพัฒนาศูนย์แจ้งเตือนภัย เฝ้าระวัง และรับเรื่องร้องเรียนปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพ ในชุมชน และการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ และ อสม.หมอประจำบ้าน เป็น อสม.นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสุขภาพในชุมชนได้อย่างทั่วถึงและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่

"ปัจจุบันจังหวัดพิษณุโลก มี อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนที่ผ่านการอบรมกว่า 300 คน โดยมีศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 2 พิษณุโลก เป็นหน่วยงานหลักในการสนับสนุนและส่งเสริมด้านองค์ความรู้ และเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อให้เกิดกลไกในการขับเคลื่อนงานด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน โดยมี อสม. เป็นกำลังสำคัญหลักของเครือข่ายระดับปฐมภูมิ ซึ่งกิจกรรมการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการใช้ชุดทดสอบ Antigen Test Kit แก่ อสม. นับเป็นการเตรียมความพร้อมตามนโยบายของภาครัฐที่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจคัดกรอง โรคโควิด 19 ได้ด้วยตนเอง เพื่อเป็นการจำแนกผู้ป่วยออกจากผู้ติดเชื้อและเข้าสู่ระบบการรักษา ควบคุมโรคในระดับชุมชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง" นายแพทย์ศุภกิจ กล่าว
#2863


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุนวันที่ 16 ส.ค.2564 พบว่า สถาบันในประเทศ (กองทุน) มียอดขายสุทธิ 430.75 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 125.34 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 1,433.42 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ (รายย่อย) ขายสุทธิ 1,128.00 ล้านบาท



ทั้งนี้ ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายสะสมในช่วง 1 - 16 ส.ค. กองทุน ซื้อสุทธิ 5,776.58 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 235.12 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 9,929.16 ล้านบาท และรายย่อย ซื้อสุทธิ 3,917.46 ล้านบาท

ส่วนมูลค่าการซื้อขายสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. - 16 ส.ค. กองทุน ขายสุทธิ 38,571.01 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 9,696.03 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 103,211.42 ล้านบาท และรายย่อย ซื้อสุทธิ 132,086.41 ล้านบาท

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหว "ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ ปิดตลาดดัชนี SET Index อยู่ที่ 1,531.24 จุด เพิ่มขึ้น 2.92 จุด หรือ 0.19% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 77,166.69 ล้านบาท ระหว่างวันเคลื่อนไหว "สูงสุด" แตะระดับ 1,532.94 จุด และต่ำสุด 1,512.28 จุด 
#2864


วันนี้ (16 ส.ค.) ที่ขอนแก่นฮอลล์ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อย และให้กำลังใจประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่นที่เดินทางมาฉีดวัคซีน หลังจากที่เทศบาลนครขอนแก่น เปิดให้ประชาชนในพื้นที่ลงทะเบียนรับวัคซีนซิโนฟาร์ม

โดยประชาชนที่มีภูมิลำเนาในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และผู้ที่ทำงานในพื้นที่ ซึ่งมีการจัดแบ่งเวลาฉีดเป็น 2 ช่วง คือวันที่ 16-19 สิงหาคม และวันที่ 23-25 สิงหาคม หากประชาชนมีการรับวัคซีนอย่างครอบคลุมแล้ว จะมีการหารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อให้เปิดเรียนแบบออนไซด์ โดยบุคลากรทางการศึกษาจะต้องได้รับวัคซีนที่ครอบคลุมทุกสังกัดก่อน

นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยว่าการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ทางเทศบาลได้ทำเรื่องขอจัดซื้อจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ทั้งหมด 55,000 คนในเดือนสิงหาคมนี้ โดยแบ่งช่วงเวลาการฉีดเป็น 2 ช่วง สามารถฉีดให้ประชาชนได้ 17,000 คน ในวันที่ 16 - 19 สิงหาคม และวันที่ 23 - 25 สิงหาคม


ส่วนอีก 38,000 คนที่เหลือ จะเริ่มต้นฉีดตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป คาดว่าจะฉีดแล้วเสร็จครบทั้งหมด 55,000 คน ประมาณกลางเดือนกันยายน โดยหน่วยบริการฉีดนอกจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์แล้ว ยังมีศูนย์อนามัยที่ 7, โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลราชพฤกษ์ ที่ระดมช่วยกันฉีด รวมถึงโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เนื่องจากมีประชาชนฉีดจำนวนมาก
#2865


"บลจ.เอ็มเอฟซี" ชี้ใช้โอกาสรัฐลดวงเงิน "คุ้มครองเงินฝาก" หาทางเลือกออมเงินใหม่นอกจากเงินฝาก ทำเงินส่วนเกิน1ล้านให้งอกเงย แนะคนรับความเสี่ยงต่ำ-เริ่มลงทุนในกองทุน โยกเงินเข้า "กองทุนตราสารหนี้" ตามระดับความเสี่ยง รับผลตอบแทนคาดหวัง0.1-0.75%ต่อปี

ถึงแม้ว่า ภาครัฐปรับลดวงเงิน"คุ้มครองเงินฝาก" ลง เหลือ1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อสถาบัน จนหลายคนอาจเกิดความกังวลว่า เงินฝากจะได้รับความคุ้มครองจากภาครัฐเป็นจำนวนเงินลดลง

แต่จริงๆ แล้วอยากให้ผู้ลงทุนใช้โอกาสนี้ "มองหาทางเลือกในการออมเงินหรือการลงทุนที่นอกเหนือจากเงินฝาก" ที่ทำให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นและทำให้เงินก้อนของผู้ลงทุนงอกเงยได้เร็วยิ่งขึ้น

เพราะในปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากให้ผลตอบแทนในระดับต่ำ และดอดเบี้ยเงินฝากยังมีความเสี่ยงที่ปรับตัวลงได้อีกจากธปท.มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก1ครั้งภายในปีนี้หากเศรษฐกิจชะลอตัวกว่าที่คาด


ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

สร้างเงินออมงอกเงย

กับกองทุนตราสารหนี้


"เชาวน์กร โชติบัณฑ์"ผู้อำนวยการพัฒนาธุรกิจอาวุโสบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี แนะนำ การออมเงินและการลงทุน มีช่องทางที่หลากหลาย นอกเหนือจากการฝากออมทรัพย์ที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ยังสามารถใช้"กองทุนรวมตราสารหนี้" เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการออมเงินและลงทุนได้  เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวม

"กองทุนตราสารหนี้" เป็นกองทุนที่นำเงินของผู้ลงทุนไปลงทุนในเงินฝาก พันธบัตร และหุ้นกู้ จึงมีความเสี่ยงที่ต่ำ โดยมีทั้งกองทุนตราสารหนี้ที่กำหนดระยะเวลาลงทุนอย่าง 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งมีการแจ้งประมาณการผลตอบแทนจากการลงทุนให้ทราบก่อนตัดสินใจลงทุน และกองทุนตราสารหนี้แบบที่ซื้อขายได้ทุกวันทำการ ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยในช่วงนั้นและความต้องการตราสารหนี้ว่ามีมากน้อย



เข้า 3 กองทุนตราสารหนี้

ดังนั้น ผู้ลงทุนสามารถย้ายเงินส่วนที่เกินจากความคุ้มครอง 1 ล้านบาท มาลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้แทนได้

โดยปัจจุบัน บลจ.เอ็ม เอฟซี มีกองทุนรวมตราสารหนี้แนะนำตามระดับความเสี่ยงดังนี้

1. MMGOVMF  เป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) ความผันผวนต่ำ มีความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 1 เหมาะสำหรับการลงทุนระยะเวลา 1-3 เดือน และมีผลตอบแทนความหวัง 0.10% ต่อปี

2. MMM-PLUS เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น (Short-Term Fixed-Income Fund) ความผันผวนปานกลาง มีความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 4 เหมาะสำหรับการลงทุน 3-6 เดือนขึ้นไป และมีผลตอบแทนความหวัง 0.60% ต่อปี

3. SMARTMF กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาว (Long-Term Fixed-Income Fund) ความผันผวนปานกลางค่อนข้างสูง มีความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 4เหมาะสำหรับการลงทุน 6 เดือนขึ้นไป และมีผลตอบแทนความหวัง 0.75% ต่อปี

ย้ำควรศึกษาก่อนตัดสินใจลงทุน

อย่างไรก็ตาม"ข้อควรระวัง"ก็คือ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
#2866


ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (9-13 ส.ค.2564) ดัชนี SET ปรับลง 11.87 จุด หรือปรับลง 0.77% มาอยู่ที่ 1,528.32 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.33 แสนล้านบาท ระหว่างสัปดาห์ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 1,551.61 จุด และต่ำสุดที่ 1,525.29 จุด โดยตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันทำจุดสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ต่อเนื่อง รวมถึงแรงขายตามข่าว (Sell on Fact) จากการรายงานงบไตรมาส 2 ปี 2564

ขณะที่การซื้อขายแยกตามกลุ่มผู้ลงทุน พบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,307.71 ล้านบาท เช่นเดียวกับบัญชีหลักทรัพย์ที่ซื้อสุทธิ 809.49 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยในประเทศที่ซื้อสุทธิ 96.94 บ้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศเป็นกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิ 3,214.15 ล้านบาท

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบัน (1-13 ส.ค.) นักลงทุนต่างประเทศยังเป็นกลุ่มเดียวที่มียอดขายสุทธิสะสมอยู่ที่ 11,362.58 ล้านบาท สวนทางกับอีก 3 กลุ่มนักลงทุนที่เหลือ เช่นเดียวกับในช่วงตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่มียอดขายสุทธิสะสมสูงสุดอยู่ที่ 104,644.84 ล้านบาท และหากย้อนไปไกลกว่านั้นพบว่านักลงทุนกลุ่มนี้มียอดขายสุทธิสะสมราว 6.5 แสนล้านบาท ในช่วงกว่า 4 ปีที่ผ่านมา (2559-ปัจจุบัน)


เมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายด้วยบัญชี NVDR ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวต่างประเทศ พบว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันกลุ่มหุ้นที่มียอดขายสุทธิสะสม ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร 6,905.86 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก 2,684.44 ล้านบาท กลุ่มเกษตร 1,771.96 ล้านบาท กลุ่มอาหาร 821.45 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง 812.81 ล้านบาท และกลุ่มประกัน 433.69 ล้านบาท

หากพิจารณาข้อมูลรายหุ้น พบว่า CPF มียอดขายสุทธิสะสมสูงสุด 4,279.03 ล้านบาท INTUCH 4,002.64 ล้านบาท CPN 2,872.48 ล้านบาท CPALL 2,519.85 ล้านบาท และ BEM 2,487.86 ล้านบาท


อย่างไรก็ดี "ณัฐพล คำถาเครือ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า สัดส่วนการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 30% ตอนปลาย แต่กลุ่มนักลงทุนที่มีสัดส่วนการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากที่สุดคือนักลงทุนรายย่อยในประเทศที่ประมาณ 40% ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยปัจจุบันได้แรงหนุนจากเม็ดเงินในประเทศเป็นหลัก

ขณะที่การไหลออกต่อเนื่องในระดับแสนล้านบาทนั้น คาดว่าเป็นผลจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเป็นหลัก อีกทั้งประเทศไทยยังมีความเสี่ยงจะเป็นประเทศเดียวที่จีดีพีปี 2564 ติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่สองจากปี 2563 ดังนั้น คาดว่ากระแสเงินลงทุน (ฟันด์โฟลว์) ของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศยังเป็นการไหลออกต่อเนื่อง จนกว่าภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยจะกลับมา
#2867


นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี–แลนด์ กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเขตกรุงเทพฯ ตอนใต้ พระราม 2–สมุทรสาคร โซนภาคตะวันออก และโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก รวมถึงคอมมูนิตี้มอลล์ "พอร์โต้ ชิโน่" และจุดแวะพักครบวงจร "พอร์โต้ โก" กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด–19 ส่งผลให้ผู้บริโภควิตกกังวลในเรื่องของความปลอดภัย รวมทั้งการลดกิจกรรมนอกบ้านและมาตรการล็อกดาวน์ เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายโดยหันมาซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ถือเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านค้า รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าหันมาปรับเปลี่ยนการขายสู่การทำการตลาดออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น

ทั้งนี้จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ระบุว่า มูลค่าการตลาด e-Commerce ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการบนอินเทอร์เน็ต โดยใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเป็นสื่อในการนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ ในประเทศไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในปี 2563 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 16% และคาดการณ์ว่าปี 2564 จะเพิ่มขึ้นเป็น 18% ปี 2565 เพิ่มขึ้น 20% และปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็น 22% และความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์นั้นจะกลายเป็นช่องทางการซื้อที่สำคัญมากขึ้นสำหรับผู้บริโภค แม้เป็นยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด–19

นายศิริพงษ์ กล่าาว่า บริษัทมองเห็นโอกาสขยายฐานการตลาดในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจค้าออนไลน์ที่มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดโปรโมชัน "อาคารพาณิชย์ดีที่สุด" ผ่านโครงการ "บ้านดี เดอะมอนเทอเรย์ ศรีราชา–อัสสัมชัญ" ท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่นและสวยงาม บนเนื้อที่รวมประมาณ 11 ไร่ ใจกลางเมืองศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในรูปแบบอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น สไตล์ American Cottage ขนาดที่ดิน 16.5 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 95 ตร.ม. กับฟังก์ชัน 1 ร้านค้า 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ภายในโครงการครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งพื้นที่สีเขียวร่มรื่น American Courtyard ขนาดใหญ่ด้านหน้าโครงการ สวนขนาดย่อมกระจายอยู่รอบโครงการ คลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ คีย์การ์ดสำหรับเข้า–ออกโครงการ และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV ในราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท* พร้อมเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลังสามารถเข้าอยู่ได้ทันที ไม่ต้องตกแต่งเพิ่ม

"บ้านดี เดอะมอนเทอเรย์ อีกหนึ่งโครงการคุณภาพจากดี–แลนด์ กรุ๊ป ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ใจกลางเมืองศรีราชา การเดินทางสะดวกสบาย สามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองชลบุรี–ระยอง–พัทยา หรือจะใช้เส้นทางจากถนนอัสสัมชัญเชื่อมต่อเข้าสู่ถนนสุขุมวิทก็สะดวก โดยอาคารพาณิชย์ในโครงการบ้านดี เดอะมอนเทอเรย์ มีพื้นที่สำหรับขายหน้าร้านและขายออนไลน์ พร้อมฟังก์ชัน 1 ร้านค้า 2 ห้องนอน ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องไลฟ์สดขายของ หรือห้องสต๊อกสินค้า และซื้อ 1 ได้ถึง 2 กับห้องนอนที่พร้อมปล่อยเช่าได้ทันที นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้กับบริษัทขนส่ง อาทิ ไปรษณีย์ไทย เคอรี่ แฟลช และเจแอนด์ที สะดวกต่อการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.49 ล้านบาท ตอบครบทุกความต้องการสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่กำลังองหาอาคารพาณิชย์ที่ดีที่สุดและตอบโจทย์การลงทุนในอนาคตที่คุ้มค่า" นายศิริพงษ์ กล่าว
#2868


ถึงนาทีนี้ธุรกิจโรงแรมยังมองไม่เห็นหนทางฟื้นจากอาการโคม่า ล่าสุดแบงก์ชาติเผยผลสำรวจผู้ประกอบการโรงแรมยังอ่วมพิษโควิด-19 ทรุดลงต่อเนื่อง สภาพคล่องหดหายอยู่ได้อีกไม่เกิน 3 เดือน ขณะที่อัตราการเข้าพักดิ่งสุดเหลือแค่ 10% ร้องขอวัคซีน-พักหนี้-พยุงการจ้างงาน 

ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (HSI) ซึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกเดือนยังไม่มีทีท่าจะผ่านพ้นวิกฤต หนำซ้ำกลับหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ แม้รัฐบาลจะพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศและเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ด้วยโครงการนำร่อง  "ภูเก็ตแซนด์บอกซ์"  เชื่อมโยงกับจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ก็ตาม

ล่าสุด ผลสำรวจฯ ในเดือนกรกฎาคม 2564 จากผู้ประกอบการที่พักแรม 304 แห่ง (เป็น ASQ 28 แห่ง Hospitel 4 แห่ง) ระหว่างวันที่ 13-26 กรกฎาคม 2564 พบว่า ผู้ประกอบการที่พักแรมได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ต่อเนื่อง โดยอัตราการเข้าพักยังอยู่ในระดับต่ำมาก เฉลี่ยอยู่ที่ 10% ซึ่งทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้เกือบ 60% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่มีสภาพคล่องลดลงจากเดือนก่อน และเพียงพอในการดำเนินธุรกิจไม่เกิน 3 เดือน ขณะที่การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติส่งผลบวกต่ออัตราการเข้าพักโดยรวมไม่มากนัก

ทั้งนี้ หากไม่รวมกลุ่มที่ปรับตัวมารับลูกค้าต่างชาติที่ทำงานในไทย และ workation, staycation รวมถึงกลุ่มที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามโครงการ "แซนด์บ็อกซ์" ซึ่งส่วนมากเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคม 2564 จะอยู่ที่เพียง 6.5% เท่านั้น ส่วนคาดการณ์อัตราการเข้าพักทั้งประเทศในเดือนสิงหาคม 2564 จะปรับลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 8% โดยทุกภูมิภาคของประเทศไทยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยต่ำกว่า 10%

อัตราการเข้าพักที่ลดลงดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบทำให้ 58% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ มีสภาพคล่องลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2564 และเพียงพอในการดำเนินธุรกิจได้ไม่เกิน 3 เดือน และมีอีก 23% ที่มีสภาพคล่องเพียงพอไม่ถึง 1 เดือน ซึ่งกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ ขณะที่ 57% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ทั้งหมด รายได้ยังกลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19

จากการสำรวจสถานะกิจการของผู้ประกอบการ 272 แห่ง (ไม่รวม ASQ และฮอสพิเทล) มีโรงแรมเพียง 40.1% ที่ยังเปิดกิจการปกติ ที่เหลือ 38.2% เปิดกิจการเพียงบางส่วน และอีกกว่า 21.7% ที่ยังปิดกิจการชั่วคราว โดยสัดส่วนของโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากเดือน มิ.ย.เล็กน้อย 2.2%

ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่า จากโรงแรมจำนวน 272 แห่ง (ไม่รวมโรงแรมที่เป็น ASQ และ Hospitel) พบว่า 56% ของโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราวนั้น คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้งในไตรมาส 4/2565 และราว 13.6% คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้ในไตรมาส 1/2565 ส่วนอีก 6.8% คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้ในไตรมาส 2/2565 และอีก 11.9% จะกลับมาเปิดดำเนินกิจการได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565

 ขณะที่สถานการณ์รายได้ในเดือนกรกฎาคม พบว่าโรงแรมส่วนใหญ่ยังมีรายได้อยู่ในระดับต่ำ โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือ 56.9% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ทั้งหมด มีรายได้กลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ส่วนโรงแรมที่มีรายได้ที่ระดับ 11-30% มีสัดส่วน 18.3%, โรงแรมที่มีรายได้ระดับ 31-50% มีสัดส่วน 3.6%, โรงแรมที่มีรายได้ระดับ 51-70% มีสัดส่วน 7.1% และโรงแรมที่มีรายได้ระดับมากกว่า 70% มีสัดส่วน 14.2% 

สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ส่งผลบวกต่ออัตราการเข้าพักโดยรวมไม่มากนัก โดยพบว่า 50% ของโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต มองว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นไปตามที่คาด ซึ่งมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 16% ขณะที่อีก 43% ของโรงแรมในจังหวัดสุราษฎร์ธานี มองว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้แย่กว่าที่คาด โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่อยู่ในระดับต่ำเพียง 6% เท่านั้น และพบว่าผู้ประกอบการโรงแรมกว่า 69% เห็นด้วยกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมกลับมาจ้างงานเฉลี่ย 53% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 (หากไม่รวมกลุ่มปิดกิจการชั่วคราวจะเฉลี่ยอยู่ที่ 59%)



 นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ระบุว่า ปัจจุบันการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวลดลงแล้วกว่า 50% หากดูตัวเลขในภาวะปกติจะมีโรงจดทะเบียนกับสมาคม 16,282 โรงแรม มีพนักงานในระบบมากกว่า 860,000 คน แต่หลังจากโควิด-19 คาดว่ามีพนักงานตกงานมากกว่า 460,000 คน และออกจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวไปแล้ว ที่เหลืออีกประมาณ 400,000 คน อาจได้รับเงินเดือนไม่เต็มเดือน ลดเวลาทำงาน เพราะโรงแรมไม่มีรายได้เลย

หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ สมาคมโรงแรมไทย ได้เรียกร้องต่อรัฐบาลให้เข้ามาช่วยเหลือ เช่น การจัดหาและกระจายวัคซีนให้เร็วกว่าแผน, มาตรการช่วยเหลือเงินกู้และพักชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย เพื่อพยุงไม่ให้ผู้ประกอบการขายกิจการทิ้ง, ขอลดต้นทุนค่าไฟฟ้า รวมทั้งการสนับสนุนค่าจ้างเพื่อพยุงการจ้างงานรอวันธุรกิจฟื้นคืน

อย่างไรก็ตาม สำหรับ  "โครงการโกดังพักหนี้"  ที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมนั้น นายกสมาคมโรงแรมไทย สะท้อนว่า ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการน้อยกว่าเท่าที่ควร เนื่องจากแบงก์พาณิชย์มีเงื่อนไขมากมาย เช่น ให้เฉพาะลูกหนี้ชั้นดี มูลค่าหนี้ต่ำ ทำให้ยากเข้าถึงความช่วยเหลือ

ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินำร่อง "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" นั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ช่วง 40 วันของโครงการ นับจากวันที่ 1 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม 25664 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการสะสม 18,654 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 18,602 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 52 คน

ด้านยอดจองห้องพักโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA+ พบว่าตลอดไตรมาส 3/2564 มีจำนวน 353,529 คืน แบ่งเป็นเดือนกรกฎาคม 190,843 คืน เดือนสิงหาคม 143,566 คืน และเดือนกันยายน 19,120 คืน ส่วนยอดการจองในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – กุมภาพันธ์ 2565 มีจำนวน 9,797 คืน

แต่อย่างไรก็ตาม ความพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มียอดผู้ติดเชื้อรายวันทะลุขึ้นหลัก 2 หมื่นคนแล้วนั้น ยังยากที่จะประสบผลสำเร็จ หลายชาติมีคำเตือนต่อพลเมืองที่จะเดินทางมายังไทย โดยล่าสุดหน่วยงานป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ หรือ ซีดีซี (U.S. Centers for Disease Control and Prevention) ยกระดับให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงมากต่อการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังปรับคำเตือนสูงสุดขั้นที่ 4 สำหรับผู้ที่จะเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 70 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่ 4 เช่นเดียวกับไทย เช่น บราซิล ชิลี อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ขณะที่ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรปได้ถอดรายชื่อประเทศไทยออกจากลิสต์ประเทศที่ปลอดภัย (EU White List) จากการระบาดของโควิด-19

 นับเป็นมหาวิกฤตของธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวที่ยังคงมืดมนอนธการ ไม่ต่างไปจากอนาคตของประเทศไทยในยามนี้ 
#2869


สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลบ 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ราคา 68.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 21 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ราคา 71.10 ดอลลาร์

ทั้งนี้ ไออีเอ ออกรายงานเตือนว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลาจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ไออีเอ เปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนส.ค. โดยได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปี 2564 สู่ระดับ 5.3 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 5.4 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ดี ไออีเอ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2565 สู่ระดับ 3.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 3 ล้านบาร์เรล/วัน

รายงานของไออีเอ ระบุว่า การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้ทำข้อตกลงเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ว่าจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น ได้ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทาน แต่ก็อาจทำให้ตลาดน้ำมันโลกตกอยู่ในภาวะอุปทานล้นตลาดภายในไตรมาส 1/2565 หากโอเปกพลัสยังคงเดินหน้าเพิ่มการผลิต

'ขณะเดียวกัน ไออีเอได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปทานน้ำมันในประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัสในปีนี้ สู่ระดับ 600,000 บาร์เรล/วัน จากระดับ 770,000 บาร์เรล/วัน เนื่องจากผลกระทบที่รุนแรงเกินคาดจากการที่โรงกลั่นในภูมิภาคทะเลเหนือและบราซิลปิดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ดี ไออีเอได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปทานน้ำมันในประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัสในปีหน้าสู่ระดับ 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน
#2870


บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จัดกิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านมาแอดไลน์เป็นเพื่อนกับบริษัทกลางฯ ผ่านไลน์ @iRVP ลุ้นรับหมวกนิรภัย มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ฟรี จำนวน 50 ใบ ทุกสัปดาห์ กติกาง่ายๆ เพียงแค่มาเป็นเพื่อนกับบริษัทกลางฯ ที่ Line Official Account พิมพ์ @iRVP หรือคลิกเพิ่มเพื่อนผ่านลิงค์ http://rvp.co/LineiRVPหรือจะสแกนผ่าน QR Code ก็ได้ ร่วมสนุกได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2564 ประกาศรายชื่อผู้โชคดี ผ่าน Facebook page บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และที่ไลน์ @iRVP หลังจากนั้นบริษัทกลางฯ จะจัดส่งหมวกนิรภัยไปให้ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ หลังจากประกาศผลรางวัล

Line @iRVP จะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ทุกคนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือต่อประกันภัย พ.ร.บ., ตรวจสอบสิทธิความคุ้มครอง หรือแจ้งอุบัติเหตุ

ไม่อยากพลาดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ อย่าลืมแอดมาเป็นเพื่อนกับเราที่ ไลน์ @iRVP ของบริษัทกลางฯ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะมาอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน ในยุค New Normal ที่ต้องเลี่ยงการสัมผัส "สะดวก รวดเร็ว ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา" อยู่ที่ไหนก็ทำได้ และได้รับความคุ้มครองทันที สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call center บริษัทกลางฯ โทร. 1791 ตลอด 24 ชั่วโมง
#2871


หนึ่งในนวัตกรรมที่ถ่ายทอดสปิริต "ความยั่งยืน" ของ Tokyo Olympic 2020 คือเตียงนอนนักกีฬาที่ทำจากกระดาษแข็งรีไซเคิล และที่นอนจากเส้นใยโพลิทีลีนที่สามารถรีไซเคิลได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

Airweave บริษัทเครื่องนอนของญี่ปุ่นได้สร้างเตียงและที่นอนจำนวน 18,000 เตียง สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ โดย 8,000 เตียง จะถูกนำมาใช้ใหม่อย่างแน่นอนในพาราลิมปิกเกมส์ และหลังจบการแข่งขันแล้วก็จะนำไปบริจาคให้กับองค์กรระดับชาติต่อไป

โครงเตียงนั้นทำจากกระดาษแข็งรีไซเคิล ส่วนฟูกนอนทำจากเส้นใยโพลีเอทีลีนที่สปริงตัวได้ ออกแบบแยกกันเป็นสามชั้นแบบโมดูลาร์ โดยมีความแน่น 4 ระดับ สำหรับปรับแต่งความกระชับที่ช่วงไหล่ เอว และขา เพื่อให้ได้ท่านอนที่เหมาะกับสรีระ
ทั้งนี้นักกีฬาสามารถขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการจัดวางที่นอนในหมู่บ้านโอลิมปิก หรือส่งรูปถ่ายและระบุสัดส่วนของตนเองผ่านแอปพลิเคชันของ Airweave เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกที่นอนที่เหมาะสม
#2872


นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 หรือ 1H/2564 (ม.ค.-มิ.ย. 2564) อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 7,671 ล้านบาท เติบโตขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 (%YoY) ส่งผลให้รายได้รวมขณะนี้คิดเป็น 55% ของเป้ารายได้ทั้งปี 2564 ขณะเดียวกัน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,677 ล้านบาท เติบโตขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 (%YoY)

โดยเฉพาะผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2564 ที่มีส่วนสำคัญให้ภาพรวมครึ่งปีแรกยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,801 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิที่ 852 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา รวมถึงยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ได้ที่ 22.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม


"แม้จะมีมาตรการกึ่งล็อคดาวน์เกือบตลอดทั้งไตรมาส 2 ปี 2564 จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 แต่เรายังคงมียอดโอนกรรมสิทธิ์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากการวางรากฐานกระจายความเสี่ยงในอดีต ส่งผลให้ปัจจุบันเรามีโครงการทั้งบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมกระจายออกไปครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์และทุกทำเลศักยภาพ ขณะเดียวกัน เรายังพยายามเพิ่มช่องทางการตลาดใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงกลุ่มโครงการพร้อมอยู่ (Ready to Move) และโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขายของเราได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น การจัด Property Live ขายคอนโดแบรนด์ดิ ออริจิ้น ผ่าน Live สดแบบ Consumer Products"

ทั้งนี้ บ้านจัดสรรในเครือบริทาเนียเองก็ยังได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ยอดโอนกรรมสิทธิ์สามารถทุบสถิติ New High เดิม 835 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2564 มาสร้าง New High ใหม่ที่ 924 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2564

จากผลการดำเนินงานที่ยังรักษาระดับการเติบโตได้อย่างมั่นคงท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญจ่ายปันผลสำหรับกำไรสะสมและผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 64 ในอัตรา 0.12 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายเป็นเงินสดทั้งสิ้นไม่เกิน 294 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 25 สิงหาคม 2564 ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 9 กันยายน 2564

นายพีระพงศ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในไตรมาส 3 ปี 2564 ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับแรงกดดันจากจากมาตรการล็อคดาวน์ที่เข้มข้นขึ้น และการปิดแคมป์คนงานในช่วงเดือน ก.ค. เชื่อว่าผู้ประกอบการยังคงจับตาดู Action Plan จากภาครัฐเพิ่มเติมทั้งมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด การฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เนื่องจากทั้ง 3 เรื่องจะมีผลต่อการดำเนินงานของภาคเอกชน

อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังคงเดินหน้าปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ขณะที่ไตรมาส 3/2564 นั้น บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมก่อสร้างแล้วเสร็จใหม่เพิ่มเติม 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 7,030 ล้านบาท ได้ตามแผนงานเดิม ได้แก่ 1.พาร์ค ออริจิ้น พญาไท (PARK ORIGIN Phayathai) 2.นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง (Notting Hill Rayong) 3.บริกซ์ตัน เพ็ท แอนด์ เพลย์ สุขุมวิท 107 (Brixton Pet & Play Sukhumvit 107) และ 4. ดิ ออริจิ้น รัชดา ลาดพร้าว (The Origin Ratchada Ladprao) เนื่องจากทั้ง 4 โครงการมีการก่อสร้างที่ค่อนข้างเร็วกว่าแผนงานมาตั้งแต่ต้น ทำให้แม้มีการปิดแคมป์โครงการในกรุงเทพฯไป 1 เดือน ก็ยังจะทยอยส่งมอบและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายในกำหนดเดิม
#2873


เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - การศึกษาใหม่จากสถาบันเมโย คลินิกชื่อดังของสหรัฐฯ ล่าสุดค้นพบว่าวัคซีนโมเดอร์นามีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนไฟเซอร์ในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตา แต่ทั้งคู่ยังมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการป่วยหนัก ขณะที่ไทยผู้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 แบบสเปรย์พ่นจมูกเริ่มการทดสอบกับมนุษย์เป็นครั้งแรก

ไทม์สออฟอิสราเอลรายงานเมื่อวานนี้ (11 ส.ค.) ว่า วัคซีนโมเดอร์นาได้รับการพิจารณาว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามากในการป้องกันไวรัสเดลตาที่ร้ายกาจเมื่อเทียบกับคู่แข่งวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค อ้างอิงจากการศึกษาใหม่ที่เก็บหลักฐานจากหลายรัฐในสหรัฐฯ ของสถาบันเมโยคลินิก (Mayo Clinic)

งานวิจัยชิ้นนี้ได้ถูกนำขึ้น medRxiv ก่อนหน้าเพียร์รีวิว หรือการตรวจสอบในสัปดาห์นี้พบว่าขณะที่วัคซีน mRNA ทั้ง 2 ค่ายมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันเมื่อมกราคมต้นปีอยู่ที่ราว 90% ก่อนหน้าการแพร่ระบาดของไวรัสเดลตา แต่พบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนโมเดอร์นาและวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคลดลงภายในเดือนกรกฎาคม

สื่ออิสราเอลชี้ว่า อย่างไรก็ตามยังมีวัคซีนตัวหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอีกตัวเพราะขณะที่ประสิทธิภาพของโมเดอร์นาลดลงเหลืออยู่ที่ 76% กลับพบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคตกลงไปที่ 42% การวิจัยใช้อาสาสมัครจำนวนมากกว่า 50,000 คน

งานวิจัยของสถาบันเมโยคลินิกนั้นทำในหลายรัฐในสหรัฐฯ พบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์นั้นจะมีโอกาสมากเป็น 2 เท่าในการติดเชื้อถึงแม้จะได้รับวัคซีนแล้วเมื่อเทียบกับของผู้ที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นา

"ในรัฐฟลอริดาที่กำลังประสบกับการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสเดลตา ความเสี่ยงของการติดเชื้อในเดือนกรกฎาคมหลังจากได้รับวัคซีน mRNA-1273 (วัคซีนโมเดอร์นา) ครบโดสแล้วมีราว 60% ต่ำกว่าของกลุ่มที่ได้รับวัคซีนBNT162b2 (วัคซีนไฟเซอร์)" นักวิจัยผู้ทำการศึกษาชี้

อย่างไรก็ตาม พบว่าวัคซีนทั้งสองยังมีประสิทธิภาพสูง (มากกว่า 90%) ในการป้องกันการป่วยหนัก

นักวิจัยสถาบันเมโยคลินิกสรุปว่า "การศึกษาการสังเกตชิ้นนี้ของพวกเราได้แสดงให้เห็นว่าขณะที่วัคซีน mRNA ทั้งสองมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อและโรคร้ายแรง การประเมินเพิ่มขึ้นของระบบของความแตกต่างที่ซ่อนไว้ระหว่างประสิทธิภาพของวัคซีนทั้งสองเป็นต้นว่า การจัดแบ่งขนาดยา (dosing regimen) และส่วนประกอบวัคซีน นั้นเป็นปัจจัยสำคัญ

อิสราเอลขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ใช้วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคเป็นส่วนใหญ่ในการปกป้องประชาชนของตัวเอง แต่เทลอาวีฟใช้งบประมาณสั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์นาจำนวนหลายล้านโดสเช่นกัน
#2874


นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ PROSPECT เปิดเผยว่า นับจากจัดตั้งและนำทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา สามารถรักษาผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินงานล่าสุดในไตรมาส 2/2564 มีรายได้รวม 110.79 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 73.29 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 107.95 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 71.73 ล้านบาท เนื่องจากอัตราการเช่าของกองทรัสต์ฯ สูงขึ้น จากโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (BFTZ) ย่านบางนา-ตราด กม.23 ที่มีคุณภาพและความหลากหลาย โดยมีทั้งคลังสินค้าและโรงงานในพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Trade Zone) และพื้นที่ทั่วไป (General Zone) รวมถึงทำเลที่ตั้งที่ดีมีศักยภาพสูง

สำหรับสถานการณ์ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โครงการ BFTZ มีอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 98% เทียบกับไตรมาสแรกที่ผ่านมาอยู่ที่เกือบ 96% เนื่องจากได้เซ็นสัญญากับผู้เช่าใหม่ 10 ราย คิดเป็นพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 14,000 ตารางเมตร โดยมีทั้งผู้ประกอบการไทย จีน และสหรัฐอเมริกา ที่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่กำลังเติบโต ส่วนผู้เช่าเดิมมีอัตราการต่อสัญญามากกว่า 75% และได้ผู้เช่าใหม่มาแทนผู้เช่าเดิมทั้งหมด

ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายประโยชน์ตอบแทนและเงินเฉลี่ยคืนทุนจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 ในอัตรารวม 0.2870 บาท จะปิดสมุดทะเบียนเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ตอบแทนและเงินเฉลี่ยคืนทุนในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ และจ่ายเงินออกให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 8 กันยายน 2564

"ปัจจุบันโครงการ BFTZ มีพื้นที่ให้เช่าคงเหลือใน General Zone อีกประมาณ 4,000 ตารางเมตร ที่ผ่านมามีผู้ติดต่อแสดงความสนใจเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังทางโครงการจะสามารถรักษาอัตราการเช่าพื้นที่ให้อยู่ในระดับเดิมหรือใกล้เคียง ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง" นางสาวอรอนงค์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อทรัพย์สินเพิ่มเติมโดยไม่ต้องเพิ่มทุน ทั้งทรัพย์สินจากพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ที่เป็นบริษัทแม่ และทรัพย์สินของผู้พัฒนาโครงการรายอื่นๆ เนื่องจาก PROSPECT เป็นกองทรัสต์ที่จัดตั้งโดยบริษัทแม่ที่เป็นผู้เสนอขายทรัพย์สิน แต่มีนโยบายการลงทุนได้อย่างอิสระ ส่วนการเพิ่มทุนครั้งที่ 1 คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2565 รวมถึงทางบริษัทแม่อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ BFTZ 2 และ BFTZ 3 มีพื้นที่รวมประมาณ 120,000 ตารางเมตร ปัจจุบันมีการก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปีนี้และปี 2565ซึ่งหากมีการเสนอขายให้แก่กองทรัสต์ ทาง PROSPECT จะได้รับสิทธิ์พิจารณาก่อน

ผู้จัดการกองทรัสต์ PROSPECT กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 โครงการ BFTZ ได้วางแผนรับมือและให้ความช่วยเหลือผู้เช่า โดยการตรวจคัดกรองผู้ผ่านเข้า-ออกอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งประสานงานกับเทศบาลตำบลบางเสาธง และสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลในกรณีที่ได้รับการร้องขอจากผู้เช่า และประสานงานในการปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal ในกรณีที่มีผู้เช่าพบพนักงานติดเชื้อ

นอกจากนี้ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของกองทรัสต์ PROSPECT ได้ประสานงานกับศูนย์พักคอยรอการส่งต่อผู้ป่วยในพื้นที่ ภายใต้การดูแลของสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการและเทศบาลตำบลบางเสาธง และร่วมสนับสนุนงบช่วยเหลือ พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นคนกลางในการอำนวยความสะดวกจัดส่งผู้ป่วยระดับสีเขียว (ที่ไม่แสดงอาการ) ไปพักรักษาตัวยังศูนย์ฯ ดังกล่าว ระหว่างรอการส่งตัวไปที่โรงพยาบาล ตลอดจนประสานงานการจัดหาวัคซีนทางเลือกและการลงทะเบียนฉีดวัคซีนตามสิทธิ์ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ให้แก่พนักงานของผู้เช่า โดยปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนขอรับวัคซีนแล้วกว่า 50% ส่วนพนักงานของผู้เช่าที่ฉีดวัคซีนและได้รับแจ้งคิวฉีดวัคซีนแล้ว มีสัดส่วนรวมกันประมาณ 15%
#2875


"สถาบันการเงิน" ภายใต้กฎหมาย "คุ้มครองเงินฝาก" จะได้รับความคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายคุ้มครองเงินฝากลดลงมาอยู่ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อสถาบันการเงิน จากเดิมที่คุ้มครองในวงเงิน 5 ล้านบาท ตั้งแต่ 11 ส.ค. 64 เป็นต้นไป

มีการตั้งข้อสังเกตว่าการปรับลดการคุ้มครองเงินฝากหวยออนไลน์ในครั้งนี้ กำลังบ่งบอกว่าสถาบันการเงินกำลังสั่นคลอนหรือไม่ ทว่าตามหลักการและข้อมูลที่ปรากกฎในตอนนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

การลดการคุ้มครองเงินฝากเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง เมื่อเห็นควรว่าต้องมีการปรับลดการคุ้มครองเงินฝากลงตามสถานการณ์ทางการเงินของประเทศ ปัจจัยอื่นๆ ทำให้ก็มีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ ตามยุคสมัย

"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" พาไปดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการฝากเงิน ที่คนที่กำลังฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ทั้งหลายต่อรู้ หลังจากที่มีการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท ที่คนฝากเงินต้องรู้

 1. สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เกี่ยวข้องกับผู้ฝากเงินอย่างไร ? 

"สถาบันคุ้มครองเงินฝาก" จะมีบทบาท เมื่อสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยจะทำการจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้ฝากเงินตามวงเงินคุ้มครองไปก่อน โดยผู้ฝากไม่ต้องรอให้กระบวนการชำระบัญชีเสร็จสิ้น

หมายความว่า เมื่อธนาคารที่ฝากเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต ประชาชนจะได้รับวงเงินตามเกณฑ์คุ้มครอง คืนโดยเร็ว จากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก โดยปัจจุบันจะไ้ด้รับวงเงินคืนไม่เกิน 1 ล้านจาก สถาบันคุ้มครองเงินฝาก 

พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อธนาคารที่เราฝากเงินล้ม เนื่องจากเพิกถอนใบอนุญาต ประชาชนที่ฝากเงินจะได้รับเงินส่วนที่ฝากอยู่คืนครบทั้งหมด ตามวงเงินที่ "สถาบันคุ้มครองเงินฝาก" กำหนดนั่นเอง



 2. คุ้มครองเงินฝากสูงสุดเท่าไร ? 

ผู้ฝากเงินในสถาบันการเงินภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก จะได้รับความคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นวงเงินที่กำหนดตามกฎหมาย 

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่มีกฎหมายการคุ้มครองเงินฝากในประเทศไทย ก็มีการลดความคุ้มครองลงเรื่อยๆ จากเดิมก่อน 10 ส.ค. 2554 มีการคุ้มครองเงินฝากในบัญชีเงินฝากของผู้ฝากเงินที่เป็นเงินสกุลบาทแบบ "เต็มจำนวน" 

นับตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2554 เป็นต้นมาจนถึงวันที่ 10 ส.ค. 2555 ลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากลงมาเหลือไม่เกิน 50 ล้านบาท

ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2558 เป็นต้นมา ลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากลงเหลือไม่เกิน 25 ล้านบาท และปรับลดลงมาเรื่อยๆ ดังนี้ 

11 ส.ค. 58 - 10 ส.ค. 59 วงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือไม่เกิน 25 ล้านบาท

11 ส.ค. 59 - 10 ส.ค. 61 วงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือไม่เกิน 15 ล้านบาท

11 ส.ค. 61 - 10 ส.ค. 62 วงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือไม่เกิน 10 ล้านบาท

11 ส.ค. 62 - 10 ส.ค. 64  วงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือไม่เกิน 5 ล้านบาท

11 ส.ค. 64 เป็นต้นไป วงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือไม่เกิน 1 ล้านบาท


 3. การคุ้มครองเงินฝาก ครอบคลุมสถาบันการเงินใดบ้าง ? 

การคุ้มครองเงินฝากโดยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ครอบคลุม ธนาคารพาณิชย์ไทย 18 แห่ง สาขาธนาคารต่างประเทศ 12 แห่ง บริษัทเงินทุน 2 แห่ง และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ 3 แห่ง รวมทั้งสิ้น 35 แห่ง

ตรวจสอบรายชื่อสถาบันการเงินที่มีการคุ้มครองเงินฝาก คลิกที่นี่ 

 

 4. สถาบันการเงินที่ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก 

สถาบันการเงินที่ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก เนื่องจากมีรัฐบาลเป็นผู้คุ้มครองเงินฝากให้ หากสถาบันการเงินดังกล่าวเกิดปัญหาขึ้นรัฐบาลจะเป็นผู้ดูแลเอง ประกอบด้วย 4 ธนาคาร ได้แก่ 

- ธนาคารออมสิน

- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

- ธนาคารอาคารสงเคราะห์

- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

 5. การคุ้มครองเงินฝาก ไม่ได้คุ้มครองทุกประเภทบัญชี 



 6. ผู้ได้รับผลกระทบจากการลดความคุ้มครองเงินฝากจาก 5 ล้านเหลือ 1 ล้านบาท 


การคุ้มครองเงินฝาก ณ ทีนี้จะคุ้มครอง บัญชีเงินฝาก 5 ประเภท ได้แก่ 

1) เงินฝากกระแสรายวัน
2) เงินฝากออมทรัพย์
3) เงินฝากประจำ
4) บัตรเงินฝาก 
5) ใบรับฝากเงิน

ไม่คุ้มครองบัญชีเงินฝากบางประเภท และบัญชีอื่นๆ เช่น

- เงินฝากประเภทที่เป็นเงินตราต่างประเทศ
- เงินลงทุนในตราสารต่าง ๆ เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ หน่วยลงทุน (SSF, RMF)
- เงินฝากในสหกรณ์
- แคชเชียร์เช็ค ตั๋วแลกเงิน
- เงินอิเล็กทรอนิกส์ 
- ผลิตภัณฑ์ประกันประเภทออมทรัพย์ ที่ออกโดยบริษัทประกัน


 7. ผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการลดความคุ้มครองเงินฝากจาก 5 ล้านเหลือ 1 ล้านบาท 


 8. วิธีปฏิบัติเมื่อสถาบันการเงินที่มีเงินฝากอยู่ ถูกเพิกถอนใบอนุญาต 

เมื่อกระทรวงการคลังประกาศเพิกถอนใบอนุญาตสถาบันการเงิน ผู้ฝากเงินไม่ต้องดำเนินการใด ๆ และไม่จำเป็นต้องมายื่นคำขอรับเงินแต่อย่างใด โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะทำหน้าที่จ่ายคืนเงินให้กับผู้ฝากภายใน 30 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด 


 9. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ผูกไว้กับบัญชีกองทุนหรือประกัน ได้รับความคุ้มครองหรือไม่ ? 

บัญชีเงินฝากที่ผูกไว้กับบัญชีกองทุนหรือประกัน จะได้รับความคุ้มครองเฉพาะในส่วนของเงินฝากออมทรัพย์


 10. วิธีดูว่าสถาบันการเงินที่เราฝากเงินยังมีสุขภาพดีหรือไม่ 



ที่มา: dpa.or.th สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ธนาคารแห่งประเทศไทย
#2876


"ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง" สนามบินแห่งใหม่ ณ เมืองชิงเต่า มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน เปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้ว เชื่อมต่อการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ

สำนักข่าวซินหัว สื่อทางการของจีน เปิดเผยข้องมูลเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ว่า มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน เปิดใช้งานท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของซานตงอย่างเป็นทางการ

ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง มีสถานะ 4เอฟ (4F) ซึ่งสูงสุดในการจัดระดับสนามบินของจีน สามารถรองรับอากาศยานขนาดใหญ่ อาทิ แอร์บัส เอ380 เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง (ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว)
ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง (ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว)

ชิงเต่า แอร์พอร์ต กรุ๊ป ระบุว่าโครงการระยะแรกของท่าอากาศยานฯ ครอบคลุมพื้นที่ 16.25 ตารางกิโลเมตร มีมูลค่าการลงทุนเกือบ 3.6 หมื่นล้านหยวน (ราว 1.8 แสนล้านบาท)

โครงการระยะแรกดังกล่าวจะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารรายปีสูงถึง 35 ล้านคน ปริมาณสินค้า 5 แสนตัน และการขึ้นบิน-ลงจอดของอากาศยาน 3 แสนลำ ภายในปี 2025

นอกจากนั้นท่าอากาศยานฯ จะเชื่อมต่อชิงเต่ากับ 130 จุดหมายปลายทางในประเทศ ครอบคลุมเมืองและภูมิภาคสำคัญ รวมถึง 50 เมืองใหญ่ในต่างประเทศ ซึ่งมี 17 เมืองอยู่ในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง (ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว)
ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง (ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว)

บรรดาผู้โดยสารสามารถเดินทางเข้าออกท่าอากาศยานฯ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งหลักอย่างสะดวกสบายผ่านบริการรถไฟใต้ดินและรถไฟความเร็วสูง

นักธุรกิจชาวเกาหลีใต้คนหนึ่งในเมืองชิงเต่าของซานตง เผยว่าการเปิดท่าอากาศยานฯ ช่วยให้นักธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เดินทางพบปะลูกค้าทั่วโลกง่ายดายยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันท่าอากาศยานฯ ยังเอื้ออำนวยประโยชน์แก่การขยับขยายเครือข่ายโลจิสติกส์ นำไปสู่การตัดลดต้นทุนการขนส่งอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย

ปัจจุบันการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 เริ่มดำเนินงานแล้ว หากเสร็จสิ้นจะทำให้ท่าอากาศยานฯ รองรับผู้โดยสารปีละ 55 ล้านคน สินค้า 1 ล้านตัน และเครื่องบินขึ้นลง 452,000 ลำ

ทั้งนี้ เมืองชิงเต่าได้ปิดบริการท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า หลิวถิง หลังจากเปิดใช้งานท่าอากาศยานแห่งใหม่แล้ว
#2877


"บจ." เตรียมนำบริษัทลูกขายไอพีโอต่อเนื่อง ล่าสุด 7 บริษัทจ่อระดมทุนเบื้องต้นปี 64-65 "บล.เมย์แบงก์ฯ" ชี้ ช่วยลดภาระบริษัทแม่ เผย อยู่ระหว่างทำดีลสปินออฟธุรกิจสินเชื่อ คาดชัดเจนเร็วๆ นี้ "บล.บัวหลวง" ซุ่มทำดีล หลังส่ง OR เข้าเทรดต้นปีที่ผ่านมา

ในช่วงปี 2564-2565 มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกาศนำบริษัทลูกเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ (สปินออฟ) โดยยื่นแบบแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว 2 ราย ได้แก่ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ได้ส่งบมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) ยื่นไฟลิ่งขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 109.3 ล้านหุ้น และ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ยื่นไฟลิ่งเสนอขาย IPO ของบริษัท บริทาเนีย จำกัด (BRI) ไม่เกิน 252.65 ล้านหุ้น นอกจากนี้ ยังมีอีก บจ.อีก 5 แห่งที่เตรียมยื่นไฟลิ่งบริษัทลูก

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์​แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บล.เมย์แบงก์ฯ มีลูกค้า บจ.ที่อยู่ระหว่างเตรียมตัวสปินออฟบริษัทลูกจำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเร็วๆ นี้ เพราะระยะเวลาการทำดีลสั้นกว่าการเตรียมความพร้อมระดมทุน IPO เนื่องจากที่บริษัทลูกของ บจ.มีความพร้อมของข้อมูลอยู่แล้ว เช่น การจัดทำบัญชีที่ได้มาตรการเหมือนกับบริษัทแม่ เป็นต้น


โดยการนำบริษัทลูกไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยลดภาระทางการเงินของบริษัทแม่ โดยกระแสการสปินออฟไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงโควิด-19 เพราะมองว่าที่ผ่านมา บจ.ที่แยกลูกออกมาระดมทุนไม่ได้มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องในช่วงวิกฤติ ขณะที่ บจ.ที่มีการประกาศเตรียมสปินออฟในช่วงที่ผ่านมา เช่น ORI ที่เตรียมนำ BRI ออกมาระดมทุน เป็นหนึ่งในแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเป็นโฮลดิ้งส์อยู่แล้ว

ขณะที่ช่องทางการระดมทุน แม้บริษัทลูกของ บจ.ส่วนใหญ่จะสามารถกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน รวมถึงใช้เครื่องมือการออกหุ้นกู้เหมือนบริษัทแม่ได้ก็ตาม แต่ในส่วนของตลาดหุ้นกู้ที่มีต้นทุนต่ำกว่าเงินกู้ธนาคาร พบว่านักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ยังมีข้อจำกัดที่ต้องลงทุนหุ้นกู้ของ บจ.เท่านั้น นอกจากนี้ การแยกตัวออกมาระดมทุนด้วยตนเองช่วยลดความเสี่ยงที่บริษัทแม่จะต้องเพิ่มทุนเพื่อควบคุมอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ในกรณีที่ต้องการเงินทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจของบริษัทลูกอีกด้วย

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า การสปินออฟบริษัทลูกของ บจ.เพื่อให้นักลงทุนสามารถมองภาพธุรกิจได้ง่ายขึ้น และประเมินมูลค่าได้ง่ายขึ้น เช่น อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ในตลาดหุ้นซึ่งไม่เท่ากันในแต่ละอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เทรนด์การสปินออฟเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะบริษัทลูกของ บจ.เริ่มเติบโตและมีศักยภาพที่จะลงทุนได้ด้วยตนเองมากขึ้น

ปัจจุบัน บล.บัวหลวง อยู่ระหว่างจัดทำดีลในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน แต่คาดว่าจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าที่จะเห็นผล ภายหลังในช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมาได้นำ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ.ปตท. (PTT) เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปแล้ว และหากย้อนไปปี 2563 ได้นำ บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เข้ามาระดมทุนด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC)
#2878


เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เผยแพร่การขึ้นทะเบียนชุดตรวจสำหรับ COVID-19 ประเภท Rapid Test Antigen หรือ Antigen Test Kits 'ATK' แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen Test Self-Test Kits)

โดย 'ATK' ที่ได้รับการอนุญาตให้ผลิต/นำเข้า ณ วันที่ 12 สิงหาคม 2564 จำนวน 34 รายการ ทั้งจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐฯ สเปน และสวิตเซอร์แลนด์ โดยแสดงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน ระบุชื่อบริษัทผู้นำเข้า วันเดือนปีที่ได้รับอนุญาต เลขที่ใบรับรอง และคิวอาร์โค้ด พร้อมคลิปแนะนำขั้นตอนการใช้

หนึ่งในนั้นเป็นของ บริษัทออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นลำดับที่ 4 นำเข้าชุดตรวจ ATK ของบริษัท Beijing Lepu Medical Technology จากประเทศจีน เลขที่ใบรับรองประเมินเทคโนโลยี T6400123 ซึ่งเมื่อวันที่ 10 ส.ค.องค์การเภสัชกรรม

(จีพีโอ) ได้เปิดซองราคาตามที่ได้รับมอบหมายจากโรงพยาบาลราชวิถี ให้ดำเนินการจัดหา ชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen self-test Test Kits : ATK) จำนวน 8.5 ล้านชุด เป็นการเร่งด่วน ตามโครงการพิเศษของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำหรับให้ประชาชนใช้ตรวจคัดกรองเชิงรุก เพื่อค้นหาผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษารวดเร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรค


ปรากฏว่าบริษัทออสแลนด์ แคปปิตอล จำกัด เป็นผู้ที่เสนอราคาต่ำสุด โดยเสนอราคาต่ำกว่าวงเงินงบประมาณที่ สปสช.ตั้งไว้ ชุดละ 120 บาท เป็นเงิน 1,014 ล้านบาท ทำให้ประหยัดงบประมาณภาครัฐได้กว่า 400 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ราคาชุดตรวจ ATK เหลือประมาณชุดละ 70 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนและรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว ซึ่งอภ.จะเร่งส่งมอบให้สปสช.ก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม

สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

ย้ำการจัดหาชุดตรวจ 'ATK' โปร่งใส คุณภาพเหมาะสมราคา
ศิรินุช ชีวันพิศาลนุกูล รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ (10 สิงหาคม 2564) องค์การฯ ได้ให้บริษัทผู้จำหน่าย ATK จำนวน 19 บริษัท (จากที่เชิญไป 24 บริษัท) เข้าร่วมเสนอราคา คณะกรรมการพิจารณาในขั้นต้นแล้วพบว่ามีบริษัทที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกำหนด และสามารถส่งมอบได้ตามกำหนด 16 บริษัท จึงได้ทำการเปิดซองราคาและปรากฏว่าบริษัทออสแลนด์ แคปปิตอล จำกัด เป็นผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดดังกล่าว

ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า มีบริษัทจำนวนมากเข้าร่วมเสนอราคา และสามารถส่งมอบได้ตามเวลาที่กำหนดเกือบทุกบริษัท การดำเนินการเป็นไปด้วยความโปร่งใส มีการแข่งขันอย่างสมบูรณ์ ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาเหมาะสม และยังทำให้ทราบว่าราคาของ ATK ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ยังสามารถปรับลดลงได้อีกเพื่อบริการประชาชนในช่วงวิกฤติและยากลำบาก

​"การดำเนินการจัดหาชุดตรวจ ATK ครั้งนี้ องค์การฯดำเนินการภายใต้หลักการของความถูกต้อง โปร่งใส แต่ยังคงมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ความต้องการที่เร่งด่วน ประหยัดงบประมาณให้รัฐ และมีการประสานงานกับโรงพยาบาลราชวิถี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้ประชาชน และประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด" รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าว


ชุดตรวจ 'ATK' คือหัวใจควบคุมโรคโควิด
ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวของ "ประธานชมรมแพทย์ชนบท" ออกมาเรียกร้องให้ องค์การเภสัชกรรม จัดหา 'ATK' ที่มีคุณภาพมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ให้แก่ประชาชนเพื่อผลที่แม่นยำ สร้างความมั่นใจให้แก่บุคลากรทางการรักษา โดยตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2564 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ออกประกาศผ่านเว็บไซด์ FDA ให้ระงับใช้ชุดตรวจหาเชื้อโควิด -19 ทั้ง Antigen Rapid Test Kit (ATK) และ Antibody Rapid Test Kit ของ Lepu Medical Technology

ชมรมแพทย์ชนบท ขอยืนยันว่า ชุดตรวจATK คือหัวใจของการควบคุมโรคโควิด ATK ต้องมีคุณภาพสูง ต้องมีความแม่นยำ ความจำเพาะและมีความไวตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (ซึ่งสูงกว่ามาตรฐาน อย.ไทย) หากใช้ ATK ที่ไม่แม่นยำ ย่อมต้องมีการตรวจซ้ำด้วย RT-PCR อีก จะเสียโอกาสของผู้ป่วยในการรักษาเร็วอีกทั้งสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการตรวจRT-PCRเพิ่มเติมอีกด้วย


ชะลอทำสัญญาซื้อตรวจสอบคุณภาพ
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม ออกมาระบุ เนื่องจากบางหน่วยงานมีความห่วงใยและไม่มั่นใจในคุณภาพของชุดตรวจ ATK ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจในสินค้า จึงขอชะลอการดำเนินการในขั้นตอนการทำสัญญาออกไปก่อน โดยองค์การเภสัชกรรมและ อย. จะเร่งทำการตรวจสอบข้อมูลคุณภาพของผลิตภัณฑ์

โดยยืนยันการดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความโปร่งใส มีการแข่งขันอย่างสมบูรณ์ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาเหมาะสม ซึ่งความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป


"คุณภาพหรือราคา"ATKต้องมาก่อน
อย่างไรก็ตามวันนี้ (13 ส.ค) เวลา 11.00 น.นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา จะแถลงข่าวมาตรฐานการพิจารณาอนุญาตชุดตรวจ ATK พร้อมทั้ง คณะอนุกรรมการจัดทำแผนการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ ภายใต้บอร์ดสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะมีการประชุมด่วนเพื่อหารือข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวด้วย

เนื่องจากต้องการให้ ชุดตรวจ ATK ที่จะแจกให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงใช้ตรวจโควิดด้วยตนเองนั้นได้คุณภาพตามมาตรฐานสากล ซึ่งการแจกชุดตรวจ ATK ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเป็นแนวทางหนึ่งในการลดการระบาดของโรคโควิด-19 แยกผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล


ชี้ชุดตรวจควรได้มาตรฐาน WHO
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อรองราคา สปสช. กล่าวกับ"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์"ว่าชุดตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเองสำหรับประชาชนควรได้มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก เพื่อความแม่นยำในการตรวจและนำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงทีเพราะหากไม่แม่นยำ จะนำไปสู่การรักษาที่ผิดพลาด และอาจจะทำให้คนติดเชื้อกระจายมากขึ้นได้

และจากการที่ตรวจสอบมี บริษัทที่ผ่านการรับรองคือ ผลิตภัณฑ์ STANDARD Q ที่นำเข้าโดย บริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) ซึ่งได้เจรจาต่อรองราคาพร้อมค่าขนส่งแล้วอยู่ที่ 120 บาท ซึ่งคณะกรรมการฯได้เสนอไปที่สปสช.ว่า ให้จัดซื้อแบบเฉพาะเจาะจงในราคา 120 บาทจาก บริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) เพราะเชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและแม่นยำ ส่วนอีกบริษัทเสนอราคามา 160 บาท


สำหรับชุดตรวจสำหรับ COVID-19 ประเภท Rapid Test Antigen หรือ Antigen Test Kits แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen Test Self-Test Kits) ที่ได้รับการอนุญาตให้ผลิต/นำเข้าณ วันที่ 12 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านการรับรองอย.จากองค์การอนามัยโลก ได้แก่

อันดับ 1.ผลิตภัณฑ์ STANDARD Q COVID-19 Ag Home Test รหัสสินค้ำ Q-NCOV-03G ขนำดบรรจุ 1, 2, 25 ชุดทดสอบต่อกล่อง (Nasal Swab)ผู้นำเข้าบริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด โทร 02-538-0559 ผู้ผลิต

SD Biosensor Inc., Korea. ได้รับอนุญาต 15/7/2564 เลขที่ใบรับรอง ประเมิน เทคโนโลยี T 6400120

อันดับ6 .ผลิตภัณฑ์ Panbio COVID-19 Antigen Self-Test รหัสสินค้า 41FK71, 41FK81 และ 41FK91 ขนาดบรรจุ 1,4,10,20 ชุดทดสอบต่อกล่อง (Nasal Swab) ผู้นำเข้า บริษัท ดีซีเอช ออริก้า (ประเทศไทย) จำกัด  โทร.02-257-3500  ผู้ผลิต Abbott Diagnostics Korea Inc.,Korea  ได้รับอนุญาต 20/7/2564 เลขที่ใบรับรองประเมินเทคโนโลยี T 6400127

ส่วนที่เหลืออีก 32 บริษัทผ่านการรับของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ทั้งนี้ สำหรับรายชื่อของบริษัทที่ผ่านการรับรองของอย.ของไทยสามารถเช็คได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
#2879


รอยเตอร์ - รัฐบาลเวียดนามระบุว่าประเทศกำลังเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดจากจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นและการขาดแคลนวัคซีน ในขณะที่ประเทศได้เห็นจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เกือบทำนิวไฮอีกครั้งจากการระบาดครั้งที่รุนแรงและยาวนานที่สุด

กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 9,667 คน ส่วนใหญ่พบในนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางการระบาด และจังหวัดอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้เคียง คือ จ.บิ่งเซวือง และ จ.ด่งนาย ขณะที่ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายใหม่มีทั้งหมด 326 คน ในวันพฤหัสฯ (12) ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 4,813 คน

"สถานการณ์โรคตึงเครียดมาก และเรากำลังเผชิญกับการขาดแคลนวัคซีนทั่วประเทศ" รองนายกรัฐมนตรี หวู ดึ๊ก ดาม ที่เป็นหัวหน้าคณะทำงานด้านโควิด-19 ของประเทศ กล่าว

หวู ดึ๊ก ดาม กล่าวว่า เวียดนามมีข้อตกลงจัดหาวัคซีนหลายร้อยล้านโดสแต่การส่งมอบล่าช้า และในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้นำเวียดนามได้โทรศัพท์ติดต่อคู่เจรจาต่างชาติราว 20 ครั้ง ในความพยายามที่จะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม

เวียดนามเคยเป็นประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย แต่สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันสูงกว่าจำนวนที่บันทึกไว้ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา

ข้อมูลของทางการระบุว่า มีประชากรไม่ถึง 1.1 ล้านคน จากทั้งหมด 98 ล้านคนของประเทศ ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 เข็ม ซึ่งนับเป็นอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย และจนถึงตอนนี้เวียดนามได้รับวัคซีนแล้วประมาณ 18 ล้านโดส

ปัจจุบันประเทศมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมมากกว่า 246,500 คน โดยผู้ป่วยติดเชื้อส่วนใหญ่พบตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.เป็นต้นมา.
 
#2880


รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ร.ฟ.ท.ได้เปิดขายซองเอกสารเสนอราคาเพื่อให้เอกชนเขข้ามาเสนอราคาค่าเช่าที่ดิน เพื่อใช้ประโยชน์ตามศักยภาพของพื้นที่เป็นการชั่วคราว สำหรับที่ดินของ ร.ฟ.ท. 3 แปลง คือ บริเวณใต้ตอม่อทางยกระดับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ที่ระหว่างสถานีมักกะสัน – คลองตัน มี 2 แปลง และบริเวณย่านสถานีชุมทางตลิ่งชัน อีก 1 แปลง รวมพื้นที่กว่า 4.5 พันตารางเมตร

"การรถไฟฯ มีเป้าหมายที่จะหารายได้เชิงพาณิชย์จากการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟ นอกจากแผนการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์แล้ว ที่ดินที่มีศักยภาพตามสถานีรถไฟต่างๆ การรถไฟฯ ก็จะนำมาพิจารณาเปิดให้เอกชนร่วมเสนอราคาเช่า ซึ่งส่วนใหญ่จะให้เช่าระยะสั้น 3 ปี เป็นการเช่าชั่วคราวเพื่อรอให้บริษัทลูก บริษัทพัฒนาสินทรัพย์ของการรถไฟฯ เข้ามาบริหารภาพรวมทั้งหมด"


สำหรับการประกาศเชิญชวนเอกชนเสนอราคาเช่าที่ดินทั้ง 3 แปลงนี้ เบื้องต้นได้ขายซองครบแล้ว และจะทยอยเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอซองราคา ส่วนแรกเป็นที่ดินย่านสถานีชุมทางตลิ่งชัน เปิดให้เสนอราคาวันที่ 19 ส.ค.นี้ หลังจากนั้นจะเปิดให้เสนอราคาแปลงสถานีมักกะสัน - คลองตัน ในวันที่ 27 ส.ค.2564 และสถานีมักกะสัน - คลองตัน 2 แปลง ในวันที่ 31 ส.ค.2564

ทั้งนี้ที่ดินของ ร.ฟ.ท.ที่นำมาเปิดประกวดราคาครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 1.บริเวณใต้ตอม่อทางยกระดับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ที่ระหว่างสถานีมักกะสัน – คลองตัน พื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้น 1,047.48 ตารางเมตร 2.บริเวณใต้ตอม่อทางยกระดับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ที่ระหว่างสถานีมักกะสัน – คลองตัน 2 แปลง พื้นที่ให้เช้า 2 แปลง รวมทั้งสิ้น 2,829.30 ตารางเมตร และ 3.บริเวณย่านสถานีชุมทางตลิ่งชัน พื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้น 636.78 ตารางเมตร

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า หากการจัดตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด หรือ บริษัท รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกบริหารสินทรัพย์ของ ร.ฟ.ท.แล้วเสร็จ จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง ร.ฟ.ท.และบริษัทลูก เพื่อโอนงานหรือโอนทรัพย์สินที่ดินของ ร.ฟ.ท.ที่มีอยู่ราว 3.8 หมื่นไร่ มอบให้บริษัทลูกนำไปดูแล บริหารและพัฒนาต่อ โดยคาดว่าบริษัทลูกจะหารายได้ผลตอบแทนให้ ร.ฟ.ท.ภายในระยะเวลา 30 ปี กว่า 6.3 แสนล้านบาท

สำหรับแผนโอนสินทรัพย์ของ ร.ฟ.ท.ให้บริษัทลูกบริหารนั้น จะแบ่งระยะในการถ่ายโอนงาน เนื่องจากบริษัทลูกจัดตั้งใหม่หากโอนงานไปทั้งหมดอาจหนักเกินกว่าบุคลากรที่มีอยู่ เบื้องต้น ร.ฟ.ท.ทำแผนถ่ายโอนงาน กำหนดเป็น ระยะที่ 1 โอนงานส่วนที่เป็นสัญญาเช่าในปัจจุบัน จำนวนกว่า 1.5 หมื่นสัญญา ระยะที่ 2 โอนงานที่ดินเปล่ายังไม่มีสัญญาเช่า

โดยรายได้ของบริษัทลูก จะมาจาก 3 ส่วน คือ 1. รายได้จากค่ารับจ้างบริหารสัญญาเช่าเดิมจำนวน 1.5 หมื่นสัญญา โดยสินทรัพย์ทั้งหมดยังคงเป็นของ ร.ฟ.ท. 2. รายได้จากการให้เช่าช่วง ร่วมทุน หรือพัฒนาที่ดินเดิมที่หมดอายุสัญญา และ 3. รายได้จากการร่วมลงทุนกับเอกชน และการพัฒนาพื้นที่ดินเปล่าในอนาคต