• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Joe524

#6182
ข้าวออแกนิกสำหรับมารดาตั้งครรภ์
รูปภาพสำหรับข้าวอินทรีย์  ทำไมต้องเป็นข้าวอินทรีย์  คนทำนาข้าวอินทรีย์  การผลิตข้าวออร์แกนิค

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค (ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์)
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ  ข้าวปลอดสารเคมีสุรินทร์ " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1. ข้าวมะลินิลออแกนิก, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิก, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.  ข้าวหอมมะลิออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6. ข้าวปะกาอำปึลเกษตรอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7.  ข้าวผกาอำปึลออแกนิก, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์สุรินทร์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิปลอดสารพิษ
3.  ข้าวปะกาอำปึลออแกนิคสำหรับทารก   ข้าวผกาอำปึลปลอดสารพิษ(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ออร์แกนิคจังหวัดสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง 6.  กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์
7. ข้าวไรซ์เบอรี่  ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 

 

 

 

 
 
#6183


วันนี้ (28 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม มีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มีการประเมินผลของมาตรการล็อกดาวน์

โดยกระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอผู้ติดเชื้อที่เริ่มมีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ผลจากการล็อกดาวน์ได้ 25% ทำให้คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่า เราสามารถปรับมาตรการควบคุมโรค เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงช่วงก่อนหน้านี้

รวมถึงลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม ในการอนุญาตให้จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเปิดกิจการหรือดำเนินกิจกรรมบางอย่าง หรือการเดินทางข้ามจังหวัด ภายใต้การดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ด้วยเงื่อนไขที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยง

ในปัจจุบัน ทั่วโลกต่างยอมรับว่า เชื้อโควิดนี้มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย จนกลายเป็นโรคประจำถิ่น เป้าหมายที่อยู่บนพื้นฐานความจริง จึงไม่ใช่การกำจัดโรคนี้ให้หมดไป แต่ต้องแลกกับความเสียหายทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แต่เป็นการอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้อย่างปลอดภัยและสมดุล

ซึ่ง ศบค. ได้เห็นชอบกับแผนการที่เรียกว่า "Smart Control and Living with COVID-19" หรือ การควบคุมโรคแนวใหม่ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยจากโควิด-19 โดยมีมาตรการ 10 ข้อดังนี้

1. การยกระดับมาตรการ DMHT (อยู่ห่าง-ใส่แมสก์-ล้างมือ-วัดอุณหภูมิ) เป็นมาตรการ Universal Prevention (การป้องกันแบบครอบจักรวาล) นั่นคือการระมัดระวังตัวเองอย่างสูงสุด โดยคิดเสมือนว่าทุกคนที่พบปะนั้นมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น ซึ่งรายละเอียดในมาตรการนี้นั้น ผมได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว

2. การจัดหาวัคซีนและฉีดให้ได้มากและเร็วที่สุด โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยง โดยรัฐบาล ได้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้วัคซีนมามากและเร็วที่สุด และถึงวันนี้เรามั่นใจว่า ภายในสิ้นปีนี้ รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนที่ฉีดให้ประชาชนได้อย่างน้อย 120 ล้านโดส ซึ่งขยายเพิ่มจากเป้าหมายเดิม 100 ล้านโดส ซึ่งเมื่อรวมกับวัคซีนทางเลือกของเอกชน เราจะมีวัคซีนรวมอย่างน้อย 130 ล้านโดส ทำให้เราจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศไทยได้กว่า 65 ล้านคน

3. การจัดหาชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง (ATK – Antigen Test Kit) ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายและราคาถูก ซึ่งทาง สปสช. ได้สั่งซื้อหาและจะแจกจ่ายให้ประชาชนจำนวน 8.5 ล้านโดส โดยเร็วที่สุด และจะจัดหามาเพิ่มอีกในอนาคต และรัฐบาลได้ดำเนินการให้มีชุดตรวจราคาถูกที่ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึงได้อย่างสะดวกและราคาถูกยิ่งขึ้น

4. การจัดทำมาตรการ Bubble & Seal กับโรงงาน สถานประกอบการ และแคมป์ก่อสร้าง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นให้อยู่ในวงจำกัดที่สุด และดูแลจัดการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง การแยกกัก และการรักษาผู้ป่วย ที่จะทำให้เราไม่ต้องปิดทั้งโรงงาน และสามารถดำเนินการผลิตในบางส่วนของโรงงานหรือการก่อสร้างไปได้โดยไม่สะดุด

5. การจัดการสภาพแวดล้อมและการคัดกรองการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ในสถานที่เสี่ยง คือตลาด และชุมชนแออัด ที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดและเกิดคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก โดยจะต้องมีการจัดสภาพแวดล้อมตามมาตรการอย่างเข้มงวด และมีการตรวจคัดกรองเป็นประจำเพื่อหยุดการระบาดตั้งแต่ต้น

6. การจัดสภาพแวดล้อมของกิจการที่มีความเสี่ยงเป็นแบบปราศจากโควิด (COVID-Free Setting) เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินกิจการได้ ซึ่งมี 3 องค์ประกอบสำคัญคือ 1. COVID-Free Environment (สภาพแวดล้อมปราศจากโควิด) เช่นระบบระบายอากาศ การจัดสถานที่ให้ไม่แออัด 2. COVID-Free Personnel (พนักงานปราศจากโควิด) เช่นการฉีดวัคซีนและตรวจ ATK 3. COVID-Free Customer (ลูกค้าปราศจากโควิด) เช่นการแสดงผลฉีดวัคซีนหรือการตรวจ ATK

7. การจัดสภาพการทำงานและการเดินทางที่ปลอดภัย ไม่แออัด รวมถึงการคัดกรองโรคด้วยชุดตรวจ ATK สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดการระบาดในสถานที่ทำงาน และติดเชื้อต่อไปยังครอบครัวที่บ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูง และเด็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

8. การจัดกิจกรรม สถานที่ และบริการสาธารณะต่างๆ ภายใต้มาตรการ 3C คือ การไม่จัดให้เกิดพื้นที่เสี่ยง 3 ประการ คือ "แออัด-ใกล้ชิด-ปิดอับ" (Crowded Places Close-Contact Setting, Confined & Enclosed Spaces) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดได้สูง

9. การจัดการบริการควบคุมโรคเชิงรุก เข้าถึงกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบางในพื้นที่และชุมชนระบาด ด้วยหน่วยเคลื่อนที่ CCRT (Comprehensive COVID-19 Response Team) ทั้งการตรวจคัดกรอง การนำผู้ป่วยออกมารักษา การฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกับผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ด้วยตนเอง

10. ตรวจคัดกรองเชิงรุกให้รวดเร็ว รู้ผลให้เร็ว แยกกักผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงเร็ว และรักษาผู้ป่วยได้เร็ว ด้วยชุดตรวจ ATK และระบบแยกกักที่บ้านและที่ชุมชน Home Isolation & Community Isolation สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง ที่ช่วยบรรเทาภาระของการครองเตียง และการต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้มีอาการหนักหรือปานกลาง สามารถเข้ารับการรักษาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีโอกาสรักษาหายดีมากยิ่งขึ้น

นโยบาย "Smart Control and Living with COVID-19" ทั้ง 10 ข้อนี้ ได้มีการดำเนินการมาแล้วในหลายข้อ และได้ผลดีที่เป็นปัจจัยสำคัญในการลดยอดผู้ติดเชื้อได้ ส่วนบางข้อนั้นจะมีการยกระดับและดำเนินการไปพร้อมกับการปรับมาตรการที่จะเริ่มในวันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นหนทางที่ช่วยให้ประเทศไทยจะก้าวไปสู่อนาคตร่วมกันอย่างปลอดภัยและมั่นคง สามารถฟื้นเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของเราได้ ผมจึงขอให้พวกเราทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทุกคน ได้นำหลักการและแนวคิด Smart Control and Living with COVID-19 นี้ไปปรับใช้กับองค์กรของท่าน ชุมชนของท่าน ครอบครัวของท่าน และตัวท่านเอง เพื่อให้เราก้าวผ่านวิกฤตสู่อนาคตของประเทศไทยร่วมกันครับ
#6184
 



การมีสุขภาพผิวหน้าที่ดี--นอกจากต้องให้ความสำคัญกับการล้างหน้าให้สะอาดหมดจด การเลือกใช้ครีม มอยส์เจอไรเซอร์หรือเซรั่มให้เหมาะกับสภาพผิวแล้วนั้น การใช้ "โทนเนอร์" เพื่อมอบความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิวอ่อนล้าให้ได้รับการฟื้นฟู ก็ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ต้องให้ความสำคัญ 

ขอแนะนำ Calendula Toner โทนเนอร์จากดอกคาเลนดูล่า วัตถุดิบจากธรรมชาติที่โด่งดังเรื่องประสิทธิภาพการกักเก็บความชุ่มชื้นใต้ชั้นผิว

  • Calendula Herbal Extract Toner Alcohol Free โทนเนอร์สูตรอ่อนโยนที่ปราศจากแอลกอฮอล์ — —ไม่เพียงแต่ใช้กลีบดอกคาเลนดูล่าหรือดอกดาวเรืองพันธุ์ไม้พื้นเมืองในแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่เก็บเกี่ยวด้วยมืออย่างพิถีพิถันจากแหล่งเพาะปลูกตามธรรมชาติเป็นส่วนผสมหลักแล้วนั้น โทนเนอร์รุ่นขายดีนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องความอ่อนโยนต่อผิวเพราะปราศจากแอลกอฮอล์ ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ เป็นโทนเนอร์ที่เหมาะกับผู้ใช้ทุกสภาพผิวโดยเฉพาะในผู้มีผิวหน้ามัน หรือมีแนวโน้มเป็นสิวง่ายที่ต้องการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างลึกล้ำพร้อมการฟื้นฟูเติมความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ

  • มาพร้อมกับประสิทธิภาพจากสมุนไพรธรรมชาติ
    นอกเหนือจาก "กลีบดอกคาเลนดูล่า" ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระพร้อมคุณสมบัติปลอบประโลมให้ความสบายต่อผิว Kiehl's Toner ขวดนี้ยังมีการหยิบใช้ส่วนผสมที่เป็นสมุนไพรธรรมชาติจากตำราแพทย์ดั้งเดิมอีกหลายชนิด อาทิ "อัลลันโทอิน" หรือสารสกัดจากต้นคอมเฟรย์ที่พบได้ในทวีปยุโรป มีคุณสมบัติพิเศษช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญของการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอให้สมบูรณ์ และยังมีการใช้ "รากโกโบ" จากต้นโกโบสมุนไพรมีชื่อเรื่องการเติมความชุ่มชื้นสำหรับผิวแห้ง

    ในทางการแพทย์มีการนำสมุนไพรเหล่านี้มาใช้เพื่อการลดอักเสบในแผล และเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวแห้งมาเป็นระยะเวลายาวนาน เมื่อ Kiehl's ได้คัดสรรสมุนไพรเหล่านี้นำมาเป็นส่วนผสมสำคัญสำหรับโทนเนอร์ Kiehl's ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้จึงเป็นนวัตกรรมด้านเวชสำอางที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมเพื่อการปลอบประโลมผิว ปกป้องจากอาการแพ้ ลดการระคายเคือง พร้อมเติมความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ในเวลาเดียวกัน 
เพียงหยดโทนเนอร์ ลงบนแผ่นสำลี เช็ดให้ทั่วบริเวณใบหน้าเป็นประจำทุกเช้า และก่อนนอน หรือก่อนแต่งหน้า โดยหลีกเลี่ยงส่วนที่ผิวบอบบางเช่นบริเวณรอบดวงตา โทนเนอร์จะช่วยชำระสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขนให้ออกไป พร้อมมอบความชุ่มชื้นฟื้นฟูบำรุงผิวของคุณให้แข็งแรง ทั้งนี้ เนื้อผลิตภัณฑ์สามารถซึมซับสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทำให้หน้ามัน มีกลิ่นหอมซิทรัสอ่อนๆ ช่วยให้รู้สึกสดชื่นแล้วผ่อนคลาย 

 
 
#6186


มีการพยากรณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่าจะโตประมาณ 1.3% ของจีดีพี ซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นการเติบโตจากจีดีพีที่ติดลบในปีที่แล้ว ในขณะที่มีแสงสว่างวับแวมจากตัวเลขการส่งออกที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 6 เดือนก็ประมาณ 16% นั่นก็เป็นการเพิ่มขึ้นจากการติดลบในปีที่แล้ว และส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าเกษตร ส่วนด้านอุตสาหกรรมเรากำลังมีปัญหาเรื่องกำลังการผลิต เพราะแรงงานจำนวนมากต่างติดโควิด ทำให้การจะผลิตเพิ่มเพื่อตอบสนองตลาดโลกที่เริ่มฟื้นตัวมีอุปสรรค

อย่างไรก็ตามอย่าพึ่งตกใจกับการพยากรณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยที่เต็มที่จะได้ 1.3% ของจีดีพี บางสำนักคาดว่าอาจติดลบถึง -0.5% ด้วยซ้ำ เพราะตัวเลขที่ปรากฏนี้มันเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระบบหรือเป็นทางการ

แต่เศรษฐกิจใต้ดินนั้นเมื่อเปรียบเทียบจากงานวิจัยต่างๆที่ได้ศึกษา เศรษฐกิจเงา เศรษฐกิจใต้ดิน หรือเศรษฐกิจนอกระบบนั้นอาจจะมีขนาดการเติบโต 2-3 เท่า ของเศรษฐกิจในระบบ

ก่อนที่จะติดตามต่อไปถึงสาเหตุและแนวโน้ม ของเศรษฐกิจเงาผู้เขียนขอกลับมาทำความเข้าใจกับคำจำกัดความของเศรษฐกิจแบบนี้เสียก่อน

เศรษฐกิจเงาหรือ SHADOW ECONOMY หรือระบบเศรษฐกิจใต้ดิน หมายถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบ หรือรับรู้เป็นทางการจากรัฐ จึงไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลของประเทศ โดยส่วนใหญ่ของธุรกิจเงาจะเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าประเวณี รวมไปถึงธุรกิจที่ถูกกฎหมาย แต่ไม่ได้อยู่ในระบบการเสียภาษี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการค้าขายเล็กๆน้อยๆ หรือการทำธุรกิจหลอกลวงต้มตุ๋น อย่างแชร์ลูกโซ่ เป็นต้น

มีงานวิจัยอยู่หลายชิ้นที่ทำการศึกษาถึงเศรษฐกิจเงาในประเทศไทย ทั้งนักวิจัยไทย และต่างประเทศ และลงตีพิมพ์ในวารสารต่างๆ เช่น Friedrich Schmeder และ Andreas Burhn ใน The Global Economy : The Shadow Economy in Thailand หรืองานวิจัยของ Anotai Buddhari และ Pornsawan Rugpenthum ชื่อ A .ter Understanding of Thailand's Informal Sector ใน FAQ ฉบับที่ 156 July 9,2019 ยังมีผลงานใน Quora.com โดย Pas Sean ในหัวข้อ What is the Size of Thailand's Shadow Economy? นอกจากนี้ยังมีอีกงานที่น่าสนใจ คือ เขียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการท่องเที่ยวกับเศรษฐกิจเงา ชื่อหัวข้อ Tourist Arrivals and Shadow Economy : Waveletbased Evidence From Thailand : โดย Sinha,Avik et al,ใน Tourrism Analysis, Vol 26,No.2-3 , 2021

ที่ผู้เขียนอ้างอิงงานวิจัย 2-3 งานนี้เพื่อให้ทราบว่าเรื่องเศรษฐกิจเงาของประเทศไทยเป็นที่สนใจของนักวิจัยในหลายประเทศ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีสัดส่วนเศรษฐกิจเงาสูงในระดับต้นๆของโลก ดังปรากฏในหลายๆงานวิจัย ในที่นี้จะขอแบ่งประเภทเป็นกลุ่มประเทศ ตามรายงานของ Global Economy ดังนี้

1.กลุ่มประเทศพัฒนา มีสัดส่วนเศรษฐกิจเงาประมาณ 17% ของจีดีพี

2.กลุ่มประเทศปานกลาง ประมาณ 35%-40% ของจีดีพี แต่มีข้อน่าสังเกตคือประเทศไทยที่ถือว่าเป็นประเทศรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง มีสัดส่วนของเศรษฐกิจเงา อยู่ระหว่าง 40%-50% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงานวิจัยที่บางส่วนไม่นับการค้ายาเสพติดบางส่วนนับด้วย

3.กลุ่มประเทศยากจนมีสัดส่วนเศรษฐกิจเงาเกินกว่า 40% ของจีดีพีขึ้นไป

ส่วนเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจประเภทนี้ โดยเฉพาะขนาดใหญ่ คือ ธุรกิจการฟอกเงิน ซึ่งได้แก่การโอนเงินระหว่างประเทศด้วยวิธีการต่างๆ เช่น โพยก๊วน หรือ Off Shore Banking อย่างลาบวนของมาเลเซีย เวอร์จินไอร์แลนด์ หรือ บาฮามาส์ หรือตลาดหุ้นและสุดท้ายคือ Crypto Currency เช่น Bitcoin เป็นต้น

ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ตัวผู้บังคับใช้กฎหมาย หรือการบังคับใช้กฎหมายที่หละหลวมละเลย หรือคอร์รัปชัน ทั้งนี้ยังนับรวมถึงตัวกฎหมายเอง ซึ่งเป็นดาบสองคม ถ้าเข้มงวดเกินไป หรือลงโทษรุนแรงมาก อาจกลายเป็นเครื่องมือให้เจ้าพนักงานใช้ในการรีดไถเงินจากผู้ต้องหาได้เป็นจำนวนเงินที่มากขึ้น แต่หากหละหลวมมีช่องว่างก็อาจทำให้ผู้ต้องหาหลีกเลี่ยงเล็ดลอดไปได้ แม้แต่เรื่องภาษีอากร หรือหนี้นอกระบบที่ขูดรีดอย่างทารุณ

ดังนั้นที่ผู้เขียนกล่าวว่าการประเมินว่าแม้เศรษฐกิจไทยจะโตเพียง 1.3% ของจีดีพีในปี 64 นี้ แต่เศรษฐกิจเงาอาจโตมากกว่า 2-3 เท่าของเศรษฐกิจในระบบ ซึ่งแน่นอนมันไม่ใช่ข่าวดี แต่ก็ทำให้เกิดช่องทางในการหากินนอกระบบมากขึ้น เพราะธุรกิจในระบบมันหดตัวรุนแรง จนตกงานหางานใหม่ยาก ธุรกิจ SME ปิดตัว จึงต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเข้าไปสู่เศรษฐกิจเงา

ประกอบกับมีการปล่อยตัวนักโทษเป็นจำนวนหลายหมื่นคนทั้งที่ครบกำหนด ทั้งการผ่อนผัน หรือการอภัยโทษเพื่อลดความแออัดในคุก อันเป็นทางที่คิดว่าจะลดปัญหาการแพร่กระจายโควิด แต่ตรงกันข้ามอาจจะเป็นการกระจายการแพร่เชื้อก็ได้

ในขณะเดียวกันผู้ต้องโทษเหล่านี้ แม้ในยามปกติก็หางานยากอยู่แล้ว ครั้นมาเจอปัญหาโควิดแพร่ระบาดก็ยิ่งหางานสุจริตยากขึ้น จึงมีแนวโน้มเข้าสู่กิจกรรมเศรษฐกิจนอกระบบมากขึ้น และเป็นการซ้ำเติมปัญหา อันจะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติในอนาคตอันใกล้

สำหรับแนวทางการแก้ไขก็ได้เคยมีการนำเสนอกันมาหลายครั้ง และหลายวิธีแต่ก็มักไม่มีการตอบสนอง ส่วนหนึ่งอาจจะมีการล็อบบี้จากผู้ทำธุรกิจสีเทา-สีดำ ที่มีเงินมหาศาล และอาจมีอำนาจทางการเมืองอีกด้วย อีกส่วนหนึ่งก็อาจมีการขัดขวางหน่วงเหนี่ยวโดยเจ้าหน้าที่ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบนั่นเอง เพราะพวกเขาจะเสียผลประโยชน์จำนวนมาก นั่นคือพวกที่ใส่เครื่องแบบนั่นแหละ

ตัวอย่างประการแรกที่มีการนำเสนอให้มีการนำธุรกิจใต้ดินให้ขึ้นมาอยู่บนดิน และถูกกฎหมาย อย่างบ่อนการ. หวยใต้ดิน ซึ่งรัฐบาลอาจทำเป็นหวยออนไลน์ หรือ Lotto แบบสหรัฐฯ หรือ แหล่งค้าประเวณี เป็นต้น

การใช้ระบบ Negative Tax System คือ ให้ทุกคนเข้ามาอยู่ในระบบภาษี หากมีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐในอัตราที่เหมาะสม ทั้งนี้จะทำให้ระบบภาษีของเราเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญในการบริหารประเทศอย่างเป็นระบบ

หรือถ้าจะเอาแนวศาสนาอย่างเข้มข้น เช่น การประกาศให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ก็ต้องมีมาตรการให้ชาวพุทธถือศีล 5 และยกเลิกกิจการอบายมุขทั้งหลาย ทั้งโรงเหล้า ลอตเตอรี่ หรือแหล่งค้ากาม

ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่จะถูกต่อต้านทั้งนั้น และอย่างรุนแรงเพราะเศรษฐกิจเงามันมีมูลค่ามหาศาล ซึ่งประเมินแล้วไม่ต่ำกว่า 5-6 ล้านๆบาททีเดียว

นี่แหละเข้าตำราภาษิตจีนที่ว่า "มีเงินก็ใช้ผีโม่แป้งได้"
#6187


บริษัท โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ โค (TEPCO) ผู้บริหารโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะของญี่ปุ่น แถลงแผนขุดอุโมงค์ใต้ทะเลเพื่อระบายน้ำปนเปื้อนรังสีกว่า 1 ล้านตันที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้ลงสู่มหาสมุทร

โครงการก่อสร้างอุโมงค์ใต้ทะเลความยาว 1 กิโลเมตรได้รับการเปิดเผยเมื่อวันพุธ (25 ส.ค.) หลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจเมื่อเดือน เม.ย. ว่าจำเป็นจะต้องทยอยปล่อยน้ำที่กักเก็บไว้ลงสู่ทะเล โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี

คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นยืนยันว่า แผนการปล่อยน้ำจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะมีความปลอดภัย เพราะจะต้องผ่านกระบวนการกรองเพื่อกำจัดสารกัมมันตรังสีอันตรายออกเกือบหมด จากนั้นจึงนำไปเจือจางอีก ก่อนจะปล่อยออกสู่ทะเล

อย่างไรก็ตาม ประกาศจากรัฐบาลญี่ปุ่นเมื่อเดือน เม.ย. ยังคงสร้างความวิตกกังวลต่อประเทศเพื่อนบ้าน และจุดกระแสคัดค้านอย่างรุนแรงจากชุมชนชาวประมงในท้องถิ่น

เทปโก ระบุว่า งานก่อสร้างอุโมงค์จะเริ่มในราวๆ เดือน มี.ค. ปี 2022 หลังจากที่บริษัททำการศึกษาความเป็นไปได้ และได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

อุโมงค์ดังกล่าวจะมีความกว้างประมาณ 2.5 เมตร ทอดยาวไปทางตะวันออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก และเชื่อมต่อกับแทงก์ที่โรงไฟฟ้าใช้เก็บกักน้ำซึ่งผ่านการบำบัดแล้ว

ปัจจุบันมีน้ำปนเปื้อนรังสีกว่า 1.27 ล้านตันถูกเก็บอยู่ในแทงก์ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ซึ่งมีทั้งน้ำที่ใช้หล่อเย็นแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ซึ่งเกิดการหลอมละลายหลังเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2011 รวมไปถึงน้ำฝนและน้ำใต้ดินที่ไหลซึมเข้ามาทุกๆ วัน

โรงไฟฟ้าแห่งนี้มีระบบปั๊มและกรองน้ำที่เรียกกันว่า Advanced Liquid Processing System (ALPS) ซึ่งสามารถบำบัดน้ำเสียได้วันละหลายตัน และกรองเอาสารกัมมันตรังสีส่วนใหญ่ออกไป

กระนั้นก็ตาม ชุมชนชาวประมงในท้องถิ่นยังเกรงว่าการปล่อยน้ำจากโรงไฟฟ้าจะทำลายความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของอาหารทะเลจากจังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะกอบกู้คืนมาได้

อะกิระ โอโนะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมการปิดโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ยืนยันเมื่อวันพุธ (25) ว่า การปล่อยน้ำผ่านอุโมงค์จะช่วยป้องกันไม่ให้มวลน้ำไหลกลับเข้าสู่ชายฝั่ง

ทั้งนี้ เทปโก ระบุว่ายินดีที่จะจ่ายค่าชดเชยการเสื่อมเสียชื่อเสียงที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการปล่อยน้ำลงสู่ทะเล และพร้อมให้เจ้าหน้าที่จากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) เข้าตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมา IAEA ก็ออกมาประกาศรับรองการตัดสินใจของรัฐบาลญี่ปุ่นแล้ว

นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะ แห่งญี่ปุ่น ระบุว่า การปล่อยน้ำออกจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะเป็น "ภารกิจที่หลีกเลี่ยงไม่ได้" ในกระบวนการปิดโรงไฟฟ้าซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลายาวนานหลายสิบปี

ที่มา: เอเอฟพี
#6188


รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยการนำเข้าและส่งออกรอบ 7 เดือนแรกของปีนี้ หรือนับตั้งแต่ม.ค.ถึงก.ค.ที่ผ่านมาว่า มียอดการนำเข้าสินค้ามูลค่ารวม 4.71 ล้านล้านบาท โดยมูลค่าการนำเข้าได้ทยอยเพิ่มขึ้นจากระดับ 6 แสนล้านบาทต่อเดือนในช่วงต้นปีมาอยู่ที่ประมาณ 7 แสนล้านบาทต่อเดือนในช่วงกลางปี

ทั้งนี้ ในเดือนม.ค.มีมูลค่าการนำเข้าที่ 6.01 แสนล้านบาท , ก.พ.อยู่ที่ 6.1 แสนล้านบาท,มี.ค.7.08 แสนล้านบาท , เม.ย.6.60 แสนล้านบาท,พ.ค.6.99 แสนล้านบาท,พ.ค. 6.99 แสนล้านบาท,มิ.ย.7.18 แสนล้านบาท และ ก.ค. 7.12 แสนล้านบาท


สำหรับมูลค่าการส่งออกรอบ 7 เดือนนั้น มีมูลค่ารวม 4.72 ล้านล้านบาท โดยเดือนม.ค.อยู่ที่ 5.87 แสนล้านบาท ,ก.พ. 6.0 แสนล้านบาท,มี.ค. 7.18 แสนล้านบาท , เม.ย.6.54 แสนล้านบาท,พ.ค.7.14 แสนล้านบาท,มิ.ย.7.37 แสนล้านบาทและก.ค. 7.08 แสนล้านบาท


แหล่งข่าวกล่าวว่า​ การนำเข้าของไทยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้าทุน (อาทิ เครื่องจักรกล เครื่องจักรไฟฟ้า) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งนำมาใช้เป็นปัจจัยการผลิตสินค้าเพื่อบริโภคในประเทศและเพื่อส่งออก โดยในเดือน ก.ค. สินค้ากลุ่มใหญ่ที่สุด คือ สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (สัดส่วน 42% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด) ขยายตัว 51.5% รองมา คือ สินค้าทุน (สัดส่วน 25% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด) ขยายตัว 35.4% การนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของไทยเริ่มฟื้นตัวจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจในอนาคต
#6190


ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เสนอโซลูชันช่วยคนไทยจัดการหนี้ได้อย่างเหมาะสม ภายใต้แนวคิด "รอบรู้เรื่องกู้ยืม" โดยใช้สินทรัพย์ที่มีให้เกิดประโยชน์ ทั้งบ้าน รถ ใบแจ้งหนี้ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น นำไปเสริมสภาพคล่อง ลดภาระดอกเบี้ย และปลดหนี้ได้เร็วขึ้น ด้วยการรวบหนี้ที่มีอยู่เป็นก้อนเดียว   ลดภาระการผ่อนชำระ ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านแลกเงินทีทีบี  สินเชื่อรถแลกเงิน ทีทีบีไดรฟ์ (ttb  DRIVE) และสินเชื่อบุคคลทีทีบี แคชทูแคร์ (ttb cash2care) ช่วยให้ชีวิตสามารถเดินต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์วิกฤติ 

จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของโควิด-19 สะท้อนให้เห็นความเปราะบางทางด้านการเงินของคนไทยได้อย่างชัดเจน เมื่อรายได้ลดลง แต่ยังมีภาระผ่อนหนี้สินจากหลาย ๆ แห่ง ทำให้ขาดสภาพคล่องในการใช้จ่ายเพื่อดำรงชีวิต  ทีเอ็มบีธนชาต ตระหนักถึงปัญหาภาระหนี้ของคนไทย จึงได้พัฒนาโชลูชันการจัดการหนี้สินที่ตอบโจทย์ ภายใต้พื้นฐานการเงินด้าน "รอบรู้เรื่องกู้ยืม" ที่ช่วยจัดการหนี้อย่างเหมาะสม โดยใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่นำมาเป็นหลักประกันในการรวบหนี้ (Debt Consolidation) ช่วยลดภาระผ่อนต่อเดือนและเสริมสภาพคล่องให้แก่ลูกค้า

นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb)  กล่าวว่า ทีเอ็มบีธนชาต เข้าใจความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต โดยมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คนส่วนใหญ่อาจมีปัญหาขาดสภาพคล่องที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หรือหมุนเวียนธุรกิจ และต้องการสินเชื่อจากธนาคารเป็นอีกแหล่งเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง ดังนั้น ทีทีบี จึงต้องการสนับสนุนให้ลูกค้ามีความรอบรู้ทางด้านการเงิน โดยเฉพาะการจัดการเรื่องกู้ยืม เพื่อให้เข้าใจและเลือกใช้สินเชื่อได้อย่างเหมาะสม โดยหากมีภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงจากหลาย ๆ แห่ง ธนาคารแนะนำให้ลูกค้าเลือกใช้โซลูชันการรวบหนี้ (ttb debt consolidation) มารวมเป็นก้อนเดียวไว้กับทีทีบี ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบที่จะเข้ามารองรับความต้องการของแต่ละคน คิดดอกเบี้ยถูกลง ลดภาระผ่อนชำระต่อเดือนให้น้อยลง จึงมีเงินเหลือสำหรับใช้จ่ายในเรื่องจำเป็น และจัดการสภาพคล่องได้ดีขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าจะช่วยส่งเสริมให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้ในอนาคต

นายป้อมเพชร รสานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านสินเชื่อรถยนต์ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำในตลาดสินเชื่อรถยนต์ ttb DRIVE มีลูกค้าให้ความไว้วางใจเป็นจำนวนมาก เมื่อสถานการณ์ปัจจุบันทำให้ลูกค้าจำเป็นต้องใช้เงินก้อนเพื่อมาเสริมสภาพคล่อง เราก็ได้พัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงจุด เพื่อช่วยแก้ปัญหา ช่วยเคลียร์ ช่วยรวบหนี้ให้ในเมื่อลูกค้ามีรถยนต์อยู่ ซึ่งรถถือเป็นสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน ทำให้ดอกเบี้ยไม่สูง ค่างวดลดลง และได้วงเงินที่สูงขึ้น พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแลให้คำปรึกษา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของวงการสินเชื่อรถยนต์ที่ใช้รถยนต์เป็นหลักประกันในการรวบหนี้ได้ โดยสมัครได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ แล้วจะมีเจ้าหน้าที่มาให้บริการถึงที่ สะดวก ปลอดภัย และมั่นใจได้ เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากการไปสาขาธนาคารในช่วงนี้ ช่วยให้ลูกค้าก้าวผ่านวิกฤตในยามที่รายได้ลดลงแต่รายจ่ายยังเท่าเดิม เป็นทางออกให้ลูกค้าสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ 

ทั้งนี้ หลังจากทีเอ็มบีและธนชาตรวมกิจการเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ธนาคารได้เดินหน้ายกระดับการบริการและส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้อย่างครอบคลุม เพื่อช่วยในการจัดการและชำระหนี้ที่อยู่ในระบบของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน รถ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด โดยธนาคารจะช่วยตัดวงจรหนี้ซ้ำซ้อนและภาระผ่อนชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง ทำให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระค่างวดต่อเดือนลดลง และยังเหลือวงเงินใช้จ่ายหลังเคลียร์หนี้ที่รวบหมดแล้ว นำไปเสริมสภาพคล่องในชีวิตประจำวัน หรือหมุนเวียนต่อยอดธุรกิจได้ ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะกับความต้องการของลูกค้าที่มีความแตกต่าง ได้แก่ 

สินเชื่อบ้านแลกเงิน ทีทีบี  สำหรับลูกค้าที่มีบ้านและต้องการวงเงินสูง  5 แสน ถึง 10 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องส่วนตัวหรือธุรกิจ เพียงมีบ้านที่ปลอดภาระแล้ว หรือกรณีผ่อนอยู่ก็สามารถรีไฟแนนซ์มาอยู่กับทีทีบี และขอวงเงินเพิ่มเติมได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% ใน 3 เดือนแรก และดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 5.15% ต่อปี (เมื่อสมัครพร้อมประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ) ผ่อนเบาเพราะกู้ได้ยาวสูงสุดถึง 30 ปี พร้อมช่วยลูกค้าลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยสิทธิประโยชน์ ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยและค่าประเมินราคาหลักทรัพย์    

สินเชื่อรถแลกเงิน ttb DRIVE สำหรับผู้ที่มีรถ ไม่ว่าจะปลอดภาระแล้ว หรือยังผ่อนอยู่(รีไฟแนนซ์) ต้องการวงเงินปานกลาง ประมาณ 2 แสนบาทขึ้นไป เพื่อนำไปจัดการกับรายจ่ายหลายทาง ทั้งค่าบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ค่าผ่อนรถ โดยให้วงเงินสูงสุด 100% ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.18% ต่อปี บริการเดลิเวอรี่ไปทำสินเชื่อให้ถึงที่ รู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไว ทันใจเมื่อเอกสารครบ ทำให้ลูกค้าสามารถเคลียร์หนี้เดิมได้ ลดภาระดอกเบี้ย และผ่อนต่อเดือนน้อยลง เคลียร์หนี้แล้วอาจมีเงินเหลือ สำหรับเสริมสภาพคล่องให้กับตัวเองหรือธุรกิจต่อไป
#6191


นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กรมการข้าวอยู่ระหว่างดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพและปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขึ้น วงเงิน 1,601 ล้านบาท  เพื่อยกระดับการผลิตเมล็ดพันธุ์จากเดิม กรมการข้าวสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ได้ 86,000 – 96,000 ตัน ให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 34,000 ตัน รวมได้เป้าหมายการผลิตใหม่เป็น 120,000 ตัน

 แผนการดำเนินงานโครงการดังกล่าว จะประกอบด้วย 1. ชุดเครื่องชั่งบรรจุ พร้อมระบบจัดเรียงแบบอัตโนมัติ ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานเพิ่มศักยภาพ จำนวน 20 ศูนย์ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา ลำปาง ลพบุรี พัทลุง เชียงใหม่ พะเยา กำแพงเพชร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อุดรธานี กาฬสินธุ์ แพร่ นครสวรรค์ สุรินทร์ ขอนแก่น สกลนคร ชลบุรี ราชบุรี สุโขทัย และสุราษฎร์ธานี

ปรับปรุงระบบไฟฟ้าควบคุมเครื่องจักร พร้อมอุปกรณ์ ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานเพิ่มศักยภาพ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา ลำปาง พัทลุง เชียงใหม่ พะเยา กำแพงเพชร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อุดรธานี กาฬสินธุ์ แพร่ นครสวรรค์ สุรินทร์ ขอนแก่น สกลนคร ราชบุรี สุโขทัย และสุราษฎร์ธานี

ปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์เพื่อการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์โรงงาน OECE จำนวน 5 ชุด ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวกำแพงเพชร ร้อยเอ็ด แพร่ นครสวรรค์ และราชบุรี 4.จ้างก่อสร้างอาคารปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานใหม่ จำนวน 4 แห่ง ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิษณุโลก นครราชสีมา ชัยนาท และสุโขทัยจัดซื้อและติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์เพื่อการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานใหม่ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิษณุโลก นครราชสีมา ชัยนาท และสุโขทัย

โครงการเพิ่มศักยภาพและปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว จะเข้ามามีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมล็ดพันธุ์ ผ่านเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ ที่จะทำให้กรมการข้าวบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้


รวมทั้งช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19  ให้สามารถประกอบอาชีพเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ต่อไป โดยปัจจุบันไทยมีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งประเทศเป็นจำนวนถึง 1,373,000 ตัน โดยแบ่งเป็น เมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรเก็บไว้ใช้เองปีละ 686,400 ตัน และเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรต้องการใช้ ซื้อนอกเหนือจากที่เก็บไว้ใช้เองปีละ 686,600 ตัน

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่าเพื่อแก้ปัญหาเมล็ดพันธุ์ข้าวไม่เพียงพอ กรมการข้าวได้หารือ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ศูนย์ข้าวชุมชน ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ อาทิ สมาคมรวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย เพื่อหาแนวทางการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดข้าว โดยแบ่งข้าวออกเป็น 5 ประเภท คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย ข้าวเจ้าพื้นนุ่ม ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และข้าวเหนียว

สำหรับแผนการปลูกข้าวของกรมการข้าวบนพื้นที่เพาะปลูกกว่า 60 ล้านไร่นั้น ตามหลักแล้วจะต้องใช้เมล็ดพันธุ์ 15 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ รวมมีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ 900,000 ตันโดยประมาณ  แบ่งเป็น ข้าวหอมมะลิมีจำนวน 27 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 405,000 ตัน   ข้าวหอมไทยจำนวน 2.3 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 34,500 ตัน ข้าวเจ้าพื้นนุ่มจำนวน 2 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 30,000 ตันข้าวเจ้าพื้นแข็งจำนวน 17 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 255,000 ตันและข้าวเหนียวจำนวน 17 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 255,000 ตัน
#6192
ราคา 3.9 ล้านครับ
ติดต่อ อ๊อฟ 097.965.4635

ขายบ้านเดี่ยว หลังมุม หมู่บ้านบางกอกการ์เด้นท์ ถ.กาญจนาภิเษก บางกรวย นนทบุรี


บ้านเลขที่ 9/89 ซ.วัดส้มเกลี้ยง ซ.ย่อย6 ถ.กาญจนาภิเษก ตำบลศาลากลาง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ที่ดิน 60 ตารางวา

พื้นที่บ้าน 145 ตร.ม. 

บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 3 นอน 3 น้ำ 1 ครัวสวยๆ

จอดรถ 2 คัน 

แถมเฟอร์นิเจอร์ให้ทั้งหมด

แอร์ 3 หลัง TV 65" และ 45" ชุดเครื่องครัวครบชุด ตู้เย็น side by side เครื่องซักผ้าฝาหน้า และอีกมากมายในบ้าน 
สามารถเข้าอยู่ได้เลย

ราคา 3.9 ล้านครับ
ติอต่อ อ๊อฟ 0979654635

--------------------------------------------------------------

The price is 3.9 million.
Contact of 097.965.4635

House for sale, behind the corner of Bangkok Garden Village. Kanchanaphisek Road, Bang Kruai, Nonthaburi

House No. 9/89 Soi Wat Som Kliang, Soi 6 Sub-district, Kanchanaphisek Road, Sala Klang Subdistrict, Bang Kruai District, Nonthaburi Province 11130

Land 60 square wa

House area 145 sq m.

2 storey detached house, 3 bedrooms, 3 bathrooms, 1 beautiful kitchen

Parking for 2 cars

Get all the furniture

3 air conditioners, TV 65" and 45", full kitchen set, side by side refrigerator, front loading washing machine. and many more in the house
can go in

The price is 3.9 million.
Contact of 0979654635

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=54&t=7846610


















#6193


ดรูว์ บรีส์ ควอเตอร์แบ็ก นิว ออร์ลีนส์ เซ็นต์ส รีไทร์อย่างเป็นทางการ ปลายทางต่อไปของเขา แน่นอนว่าย่อมเป็น "โปร ฟุต. ฮอลล์ ออฟ เฟม" ที่แคนตัน รัฐโอไฮโอ อดีตและความทรงจำเก่าๆ ไม่ได้ช่วยให้แฟรนไชส์ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ยามถึงเวลา ชอน เพย์ตัน เฮดโค้ช ต้องตัดสินใจว่า ใครจะยืนอยู่หลังแนววางลูก ก่อนเปิดฤดูกาลปกติ 2021-22 วันที่ 12 กันยายน

อีกไม่ช้า การแข่งขันสัปดาห์ 1 พบ กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส จะถึงกำหนดคิกออฟ ดังที่เรียนไว้แล้วว่า เพย์ตัน จะต้องตัดสินเลือกควอเตอร์แบ็กตัวจริง ระหว่าง เจมีส วินสตัน ซึ่งย้ายจาก แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส มาเรียนรู้งานกับ บรีส์ ตลอดซีซันที่แล้ว กับ เทย์ซัม ฮิลล์

พิจารณาผลงานช่วงพรีซีซันของ วินสตัน เกมเอาชนะ แจ็คสันวิลล์ จากัวร์ 23-21 เห็นได้ชัดว่า นี่คือสิ่งที่ควอเตอร์แบ็ก ซึ่งกำลังแย่งชิงตัวจริงต้องพิสูจน์ และมีฝีมือเพียงพอทดแทน บรีส์ จอมทัพผู้รับใช้แฟรนไชส์มายาวนาน 15 ปี (2006-2021) หลังขว้างคอมพลีต 9 จาก 10 ครั้ง ระยะ 123 หลา 2 ทัชดาวน์ เซ็นต์ส ทำสกอร์ 2 จาก 3 ไดรฟ์การบุก ซึ่งเขาถูกส่งลงสนาม

นอกเหนือจากสถิติบน Box Score วินสตัน ทำ 2 ทัชดาวน์ จากการขว้างแนวลึก สกอร์แรก 43 หลา กับ สกอร์ที่สอง 27 หลา ซึ่งเป็นจุดที่กองเชียร์ "นักบุญ" ไม่ได้เห็นบ่อยนัก เนื่องจากพลังแขนของ บรีส์ ถดถอยตามสังขาร ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา จบเกม นัมเบอร์วันดราฟต์ปี 2015 กล่าว "คอมพลีต คือ สิ่งสำคัญสุด แต่คุณไม่สามารถปล่อยโอกาสหลุดลอย เมื่อถึงจังหวะเหมาะสม (มาร์เกวซ) คัลลาเวย์ สร้าง 2 บิ๊กเพลย์ เมื่อโอกาสมาถึง"

ย้อนอดีต วินสตัน วัย 27 ปี สมัยเป็นขุนพล แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส ซีซันสุดท้าย (2019) มีทั้งสถิติที่ดีและน่าผิดหวัง ขว้าง 33 ทัชดาวน์ เสีย 30 อินเทอร์เซ็ปต์ เป็นเหตุให้ถูก แทมปา เบย์ ปล่อยทิ้ง แล้วดึง ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็กสิงห์เฒ่า มาขับเคลื่อนทีมบุก กระทั่งคว้าแชมป์ ซูเปอร์โบว์ล จากนั้น เซ็นต์ส เป็นทีมที่รับเซ้ง จ่ายค่าจ้าง 1.1 ล้านเหรียญ (ประมาณ 36 ล้านบาท) เพื่อนั่งเฉยๆ แล้วเรียนรู้จาก บรีส์

หาก วินสตัน รักษาความสม่ำเสมอ และความแม่นยำ เขาอาจแสดงให้เห็นถึงฟอร์มระดับรางวัล "ไฮส์แมน โทรฟี" สมัยเล่นให้มหาวิทยาลัย ฟลอริดา สเตท หากล้มเหลว ก็ยังจัดว่าเป็นความเสี่ยงราคาถูก ตามค่าจ้าง 12 ล้านเหรียญ (ราว 390 ล้านบาท) เฉพาะฤดูกาล 2021

ถึงแม้ความจริงว่า ผลงานพรีซีซันกับ จากัวร์ ซึ่งมีสถิติ ชนะ 1 แพ้ 15 ฤดูกาลที่แล้ว ไม่สามารถบ่งชี้อะไรได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้มิอาจปฏิเสธได้ว่า วินสตัน ก้าวหน้ากว่าสมัยอยู่ บัคคาเนียร์ส กรณีไม่มีสาเหตุอื่นๆ มันน่าจะถึงบทสรุปของประเด็นถกเถียงว่า ใครคือคนที่ เพย์ตัน ควรมอบตำแหน่งตัวจริง เมื่อเข้าสู่เรกูลาร์ ซีซัน

สัปดาห์แรกของการอุ่นเครื่อง วินสตัน ขว้างคอมพลีต 7 จาก 12 ครั้ง ระยะ 96 หลา 1 ทัชดาวน์ เสีย 1 อินเทอร์เซ็ปต์ พบ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ เปิดโอกาสแก่คู่แข่งอย่าง ฮิลล์ ผู้เล่นสารพัดประโยชน์ ซึ่ง เพย์ตัน มักเรียกใช้งาน ในเพลย์ที่คาดไม่ถึง สมัย บรีส์ เป็นตัวจริงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำแดงฝีมือในฐานะควอเตอร์แบ็กบ้าง

อย่างไรก็ตาม ฮิลล์ กลับโชว์ฟอร์มไม่ออก เกมพรีซีซันสัปดาห์ที่ 2 พบ จากัวร์ส ขว้างคอมพลีต 11 จาก 20 ครั้ง ระยะ 138 หลา 1 ทัชดาวน์ ถูกทำโทษข้อหาเจตนาขว้างทิ้ง และเกมบุกดูติดๆ ขัดๆ แม้ว่าจะสร้างเพลย์สวยๆ ช่วงควอเตอร์ 3 ยืนปักหลักขว้างทัชดาวน์เจาะด้านซ้ายอย่างแม่นยำ แต่ไม่น่าจะไม่มีใครตั้งข้อสงสัยว่า ใครโดดเด่นกว่ากัน

ปัจจุบัน วินสตัน คือ ตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า ด้วยการทำหน้าที่ควอเตอร์แบ็กอย่างเป็นธรรมชาติ และเทิร์นโอเวอร์ที่เกิดขึ้น สมัยอยู่ บัคคาเนียร์ส แลกมาด้วยระยะมากกว่า 5,000 หลา และทัชดาวน์ ผิดกับ ฮิลล์ ที่เปรียบเสมือนอาวุธลับของทีมบุก ในการขว้าง, วิง หรือรับ.

สำหรับผลการอุ่นเครื่องกับ จากัวร์ส อาจเกิดคำถามขึ้นว่า วินสตัน คือ จอมทัพคนใหม่ หรือ แค่เจอคู่แข่งด้อยกว่า จะถูกตัดสินด้วยสถิติของ เซ็นต์ส ตลอดฤดูกาลปกติ 2021 ซึ่งจะเริ่มขึ้นวันที่ 12 กันยายน แต่ถ้าจะฟันธงว่า ใครจะเป็นตัวจริงเกมเปิดซีซัน ตอนนี้ก็ต้องเลือก วินสตัน
#6194


กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุเมื่อเช้าวันนี้ (26 ส.ค.) ว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนหลายแห่งรายงานว่าพบสิ่งแปลกปลอมในขวดวัคซีนโมเดอร์นา จึงสั่งระงับใช้วัคซีนในล็อตที่พบปัญหาและอีก 2 ล็อตที่อยู่ติดกันเพื่อความปลอดภัยสูงสุด แต่วัคซีนในล็อตอื่น ๆ จะยังใช้ได้ตามปกติ โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

วัคซีนโมเดอร์นาที่ผลิตโดยบริษัทสหรัฐได้รับการร้องเรียนหลายกรณีว่าพบสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กในขวดวัคซีนที่จัดส่งให้ญี่ปุ่น ทางบริษัทระบุว่า คาดว่าสิ่งแปลกปลอมที่พบอาจเป็นปัญหาจากการผลิตในโรงงานที่สเปน แต่ยังไม่พบว่ามีปัญหาเรื่องความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของวัคซีน

โฆษกของโมเดอร์นากล่าวกับสื่อญี่ปุ่นว่า จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและจะทำงานอย่างโปร่งใสและรวดเร็วร่วมกับบริษัททาเกดะ ฟาร์มาซูติคอล ซึ่งเป็นผู้กระจายวัคซีนโมเดอร์นาในญี่ปุ่น รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น เพื่อแก้ปัญหาความกังวลต่าง ๆ เกี่ยวกับวัคซีน



"โมเดอร์นา" ได้รับอนุมัติใช้แบบฉุกเฉินในญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่จำนวนการใช้งานยังน้อยกว่าวัคซีน "ไฟเซอร์" อย่างมาก โมเดอร์นาใช้ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนของกองกำลังป้องกันตนเองและศูนย์ฉีดวัคซีนขนาดใหญ่ในพื้นที่สถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนการฉีดวัคซีนที่ดำเนินการโดยทางการท้องถิ่นต่างๆ ใช้ไฟเซอร์เกือบทั้งหมด

ข้อมูลจนถึงวันที่ 24 ส.ค. ในประเทศญี่ปุ่นฉีดวัคซีนโมเดอร์นาแล้ว 6,992,910 โดส ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ฉีดไปแล้ว 50,913,514 โดส

กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุว่า จะปรับการกระจายวัคซีนเพื่อให้ไม่ได้รับผลกระทบ ในช่วงเดือนที่ผ่านมาญี่ปุ่นทำสถิติฉีดวัคซีนได้มากกว่าวันละ 2 ล้านเข็ม มีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว 42.6% ของประชากรทั้งประเทศ.
#6195
เครื่องชงกาแฟสด ย้อนไปเมื่อประมาณ 5-10 ปีที่แล้ว เรารู้ดีว่าอุปกรณ์ชนิดนี้มีมูลค่าไม่น้อยกว่ารถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน เรียกได้ว่ามีมูลค่าหลายหมื่นบาท การที่จะนำมาใช้งานที่บ้านของเราเอง คงไม่ใช่เรื่องที่เป็นเรื่องปกติสักเท่าไหร่ แต่ถ้าที่บ้านของเรามีคนอยู่กันหลายคนและเรียกได้ว่าเราอยู่ในระดับที่เป็นเศรษฐี การหา เครื่องชงกาแฟสด ไว้ที่บ้านก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้สำหรับทุกคน เพราะแต่ละคนนั้นดื่มกาแฟรวมกันแล้ว 5 คน วันหนึ่งจะต้องจ่ายไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท การเตรียมเครื่องแบบนี้ไว้ที่บ้านก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่าการออกไปรับประทานกาแฟข้างนอก

เครื่องชงกาแฟ ปัจจุบันได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสำหรับการใช้งานทุกบ้านเป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่ดื่มกาแฟเพียงวันละ 1 แก้วหรือคุณจะเป็นผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 3 แก้ว คุณก็สามารถที่จะชงกาแฟรับประทานเองที่บ้านได้ตลอดเวลา ปัจจุบันเครื่องชงกาแฟนั้น ย่อขนาดให้เล็กลงมาสามารถชงกาแฟได้หลากหลายรูปแบบ โดยเราจะเรียกกันว่าเครื่องชงกาแฟแคปซูล เราสามารถที่จะใช้เครื่องกาแฟเครื่องนี้ ทำเป็นกาแฟแต่ละชนิดที่เราชื่นชอบกันได้ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟแบบเอสเพรสโซ่ คาปูชิโน่ หรือจะเป็นกาแฟในรูปแบบสุดเข้มอย่างอเมริกาโน่ ก็สามารถที่จะใช้เครื่องชงกาแฟสดนี้ทำให้กับเราได้ตลอดเวลาได้เช่นกัน

มันจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมปัจจุบันนี้ แต่ละบ้านต้องมี เครื่องชงกาแฟสด ติดบ้านกันไว้ทุกคน เพราะว่าเราเริ่มติดการดื่มกาแฟมาตลอด 5 ปีถึง 10 ปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้มีร้านกาแฟเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้เรานั้นเป็นผู้ที่ดื่มกาแฟแบบไม่รู้ตัวและติดการรับประทานกาแฟสด เรียกว่าวันไหนที่เราไม่ได้ดื่มกาแฟสดก็คงจะรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นสักเท่าไหร่ ตอนนี้หมดปัญหาการสั่งกาแฟแบบไม่ถูกปาก รสชาติกาแฟที่ผิดเพี้ยนไปแต่ละวันได้แล้ว เรามีเครื่องชงกาแฟสดมาประจำที่บ้านของเราเองเป็นที่เรียบร้อย โดยเฉพาะตามหน่วยงานเล็ก ๆ ตามออฟฟิศก็ควรจะหาเครื่องชงกาแฟแบบนี้ไว้สัก 1-2 เครื่อง ไว้ต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาและไว้ใช้งานกันในออฟฟิศ ถือว่าคุ้มค่ากับอุปกรณ์ชิ้นเล็กชิ้นนี้เป็นอย่างมาก หาซื้อ เครื่องชงกาแฟสด ติดบ้านกันไว้ได้แล้ว ตอนนี้ราคาเครื่องไม่แพงอย่างที่คิด คุ้มค่าการใช้งานแน่นอน