• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - dsmol19

#2961


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกกังวลว่ารัฐบาลจีนจะยังคงเดินหน้าเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้นโยบายควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ รวมถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,442.94 จุด ลดลง 5.05 จุด หรือ -0.15%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,612.90 จุด ลดลง 28.93 จุด หรือ -0.10% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,161.83 จุด ลดลง 32.99 จุด หรือ -0.13%

นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ หลังปรับตัวลง เนื่องจากมีรายงานว่าธุรกิจเกมออนไลน์อาจกลายเป็นเป้าหมายต่อไปที่รัฐบาลจีนจะเข้ามากำหนดกฎระเบียบใหม่ในด้านการลงทุน

ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเมื่อวานนี้ เมืองอู่ฮั่น ในมณฑลหูเป่ยของจีนได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่บางส่วนของเมือง หลังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเพิ่มอีก 3 ราย โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมืองอู่ฮั่นระบุว่า จะดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ประชาชนทุกคน โดยใช้วิธีการทดสอบกรดนิวคลิอิก

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาคซึ่งจะเปิดเผยวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน ก.ค. ของจีนจากไฉซิน และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือน ก.ค.ของเกาหลีใต้
#2962


นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ ได้รับรายงานจากผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ที่ได้รายงานผลการดำเนินกิจกรรมโปรโมตร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ตามที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ขับเคลื่อนนโยบาย "อาหารไทย อาหารโลก" โดยทูตพาณิชย์ได้มีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการบริโภคอาหารไทยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

น.ส.ภรภัทร พันธ์งอก อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการพาณิชย์) สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงจาการ์ตา กล่าวว่า สำนักงานฯ ได้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร Thai SELECT และสินค้าเครื่องปรุงรสจากไทย โดยการจัดสาธิตการปรุงอาหารไทยในงาน Thailand's Paradise 2021 และประชาสัมพันธ์ต่อเนื่องผ่าน Tiktok, Facebook และ Instagram ในช่วงที่อินโดนีเซียมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมฉุกเฉิน (PPKM) ซึ่งร้านอาหารสามารถจำหน่ายสำหรับนำกลับไปรับประทานที่บ้านเท่านั้น ซึ่งส่งผลให้ร้านอาหารไทยได้รับความนิยมจาก Gofood Application สั่งอาหารของ Gojek อย่างสูง และเครื่องปรุงอาหารไทยยังได้รับความนิยมจากการปรุงอาหารที่บ้าน ส่วนการสาธิตการทำอาหารไทยด้วยวัตถุดิบไทยผ่านอินฟลูเอนเซอร์มีผู้เข้าชมทุกช่องทางกว่า 30 ล้านครั้งต่อเดือน

น.ส.รชกร ศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโคเปนเฮเกน กล่าวว่า ได้จัดกิจกรรมกระตุ้นการขายให้แก่ร้านอาหาร Thai SELECT ในเดนมาร์ก ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยจัดทำคลิปวิดีโอการสาธิตทำอาหารไทยจากร้านที่ได้รับ Thai SELECT และนำไปลงใน Social media ต่างๆ รวมทั้ง website ของ Scandinavia Standard ซึ่งเป็น Blogger ที่มีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามจำนวนมาก ซึ่งได้ช่วยกระตุ้นยอดการจำหน่ายให้แก่อาหารไทยเพิ่มขึ้น

น.ส.สายทอง สร้อยเพชร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี กล่าวว่า สำนักงานฯ ได้จัดกิจกรรมโปรโมตร้านอาหารที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้รับเกียรติจาก นางสาวสวียา สันติพิทักษ์ กงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา มอบประกาศนียบัตรตราสัญลักษณ์ Thai SELECT Signature แก่ร้านอาหาร Baan Thai ของโรงแรม Oberoi Grand Kolkata ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยดั้งเดิมและมีเชฟไทย จึงมีรสชาติอาหารไทยแท้ เป็นที่นิยมของกลุ่มลูกค้าระดับบน ชาวต่างชาติ และแขกของโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวแห่งนี้

ทั้งนี้ ร้าน Baan Thai เป็นร้านติดตรา Thai SELECT แห่งแรกของรัฐเบงกอลตะวันตก และเป็นร้านล่าสุดลำดับที่ 15 ในอินเดีย ซึ่งในช่วงการจัดกิจกรรม สำนักงานฯ ได้เชิญประธานหอการค้าแห่งรัฐเบงกอลตะวันตก สถานกงสุลใหญ่ และสื่อมวลชนร่วมรับประทาน และมอบกระเช้าผลไม้ไทยเพื่อประชาสัมพันธ์ตรา Thai SELECT อาหารไทย และผลไม้ไทยให้ผู้บริโภคในพื้นที่รับรู้ในวงกว้างด้วย
#2963


เมื่อเร็วๆนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ องค์กรที่มุ่งมั่นและสนับสนุนการสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลงโลกสู่ความยั่งยืนได้ส่ง 20 ตัวแทนเยาวชนและคนรุ่นใหม่จากกลุ่มธุรกิจในเครือฯ เข้าร่วมการประชุมระดับนานาชาติ One Young World Summit 2021 ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่างวันที่ 22-25 กรกฎาคม 2564 ณ Olympic Hall  เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี

โดยปีนี้จากสถานการณ์โควิด-19 ได้ปรับรูปแบบเป็นการจัดประชุมเสมือนจริงผ่านทางออนไลน์ (Virtual Summit) และถ่ายทอดสดจากกรุงมิวนิคเพื่อออนไลน์ไปยังผู้เข้าร่วมทั่วโลก ซึ่งบรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยความคึกคัก มีตัวแทนเยาวชนและผู้นำคนรุ่นใหม่กว่า 1,700 คน จาก 170 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมเพื่อแสวงหาความร่วมมือและแนวทางแก้ปัญหาสำคัญต่าง ๆ ของโลกเพื่อนำไปสู่โลกที่ยั่งยืนในทุกมิติ

เครือซีพีตระหนักถึงการส่งเสริมและสร้างบทบาทผู้นำเยาวชนคนรุ่นใหม่ของไทยที่จะขึ้นมาเป็น "The Change Maker" หรือผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลง ให้แก่สังคมและประเทศชาติ เพื่อเป็นพลังสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้โลกที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต โดยในงานมี นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีประเทศเยอรมนี ให้เกียรติกล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน นายดีเทอร์ เรเทอร์ นายกเทศมนตรีเมืองมิวนิค พร้อมด้วย นางเคท โรเบิร์ตสัน และ นายเดวิด โจนส์ สองผู้ก่อตั้ง One Young World Summit ร่วมกล่าวเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้ 


นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า การจัดประชุม One Young World Summit ได้รวมเหล่าผู้นำคนรุ่นใหม่และเยาวชนที่มีศักยภาพจากประเทศต่างๆทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่ออภิปรายแลกเปลี่ยนมุมมองสำคัญในแต่ละหัวข้อสำคัญของโลกที่ครอบคลุมในทุกมิติตั้งแต่การปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อม การศึกษา เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การขจัดความยากจน เป็นต้น

สำหรับปีนี้ถือเป็นโอกาสอันล้ำค่าของเมืองมิวนิคที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่จะทำให้มองประเด็นปัญหาของโลกที่เกิดขึ้นผ่านสายตาของคนรุ่นใหม่ และเป็นรากฐานสำคัญในการหารือแนวทางแก้ปัญหาโลกได้อย่างตรงจุด และนำไปสู่การเตรียมความพร้อมที่จะรับมือต่อปัญหาที่เป็นวิกฤตเร่งด่วน

ทั้งยังเป็นเวทีที่ได้รวมคนรุ่นใหม่อย่างพร้อมเพรียงเพื่อให้เราตระหนักว่า เราจะสามารถเอาชนะปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกไปด้วยกันได้ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ทั่วโลกตกอยู่ในภาวะวิกฤตเสียขวัญมาเป็นเวลากว่า 1 ปีครึ่ง งานประชุมนี้จึงถือเป็นทั้งโอกาสและความคืบหน้าที่ดีขึ้นของโลกใบนี้ที่แม้การจัดประชุมอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากจากวิกฤตโควิด-19 แต่เชื่อมั่นว่าจะจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราทุกคน

สำหรับการประชุม One Young World 2021 ได้วางประเด็นหารือแนวทางแก้ปัญหาวิกฤตสำคัญของโลกไว้ด้วยกัน 6 ประเด็น คือ 

1.การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Crisis)

2.การศึกษา (Education) 

3.สิทธิและเสรีภาพ (Rights & Freedom)

4.การแก้ปัญหาความขัดแย้ง (Conflict Resolution)

5.การพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต (Future Economies) 

6.บทเรียนจากโรคระบาด (Lessons from The Pandemic)

พร้อมกันนี้ยังได้เชิญตัวแทนผู้นำ ผู้มีชื่อเสียงระดับโลกมาร่วมปาฐกถาพิเศษเพื่อจุดประกายการเป็นผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่ตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่ด้วย อาทิ ศาสตราจารย์ มูฮัมหมัด ยูนุส นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ผู้ริเริ่มแนวคิดธุรกิจเพื่อสังคม นายโรแลนด์ บุช ประธานคณะกรรมการบริหารของบริษัท ซีเมนส์ เอจี เยอรมนี นายโธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี (IOC) เซอร์บ๊อบ เกลดอฟ  ศิลปินและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชื่อดังในประเด็นการต่อต้านความยากจนในแอฟริกา ศาสตราจารย์ โชชาน่า ซูบอฟ (Professor Shoshana Zuboff) นักวิชาการชื่อดังด้านสิทธิและเสรีภาพ และนางแองเจล่า หวัง (Angela Hwang) สมาชิกของทีมผู้บริหารของไฟเซอร์และประธานกลุ่มของกลุ่มบริษัท ชีวเภสัชภัณฑ์ของไฟเซอร์ เป็นต้น


นายดีเทอร์ เรเทอร์ นายกเทศมนตรีมิวนิค กล่าวเปิดงานว่า หัวใจสำคัญของการประชุมผู้นำรุ่นใหม่ระดับโลกครั้งนี้  คือ 'Pacmaso' หรือ การลงมือทำ การร่วมแรงร่วมใจเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงและสร้างความสำเร็จไปด้วยกัน โดยการรวมตัวกันของตัวแทนผู้นำรุ่นใหม่จากทั่วโลกครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะได้ผนึกกำลัง ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองต่อประเด็นสำคัญทางสังคมถึง 6 ประเด็นที่ต้องใช้พลังคนรุ่นใหม่มาร่วมแก้ปัญหาเร่งด่วนนี้

นางเคท โรเบิร์ตสัน และ นายเดวิด โจนส์ สองผู้ก่อตั้งเวทีการประชุมผู้นำรุ่นใหม่ ได้กล่าวต้อนรับเหล่าตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่และพูดถึงบทบาทของเวทีนี้ว่าจะช่วยส่งเสริมสนับสนุนและสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลกที่จะก้าวออกไปเป็นผู้ร่วมเปลี่ยนแปลงโลก และมุ่งหวังว่าจะได้จุดประกายให้เกิดหนทางแก้ปัญหาใหม่ ๆ  ผ่านกิจกรรมและโครงการที่ผู้นำเยาวชนของแต่ละประเทศจะร่วมกันขับเคลื่อนต่อไปเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ร่วมผนึกมุมมองที่แตกต่างทางความคิดเพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในโลกใบนี้ เพราะเชื่อมั่นว่าความหลากหลาย คือ จุดแข็งของโลกยุคใหม่


ด้านตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่จากเครือซีพี ได้แสดงทัศนะต่อประเด็นท้าทายสำคัญของโลก

น.ส.จารุพร สุขเกษตร ตัวแทนจากกลุ่มเจียไต๋  ธุรกิจในเครือซีพี ซึ่งสนใจประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ  กล่าวว่า สังคมหันมาสนใจปัญหานี้มากขึ้น แต่ยังไม่ได้มีการแก้ไขอย่างทั่วถึง ในฐานะที่ทำงานอยู่ในแวดวงเกษตรโดยตรง ทำให้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างชัดเจนทั้งจากปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรและผลผลิต ต่อเนื่องไปจนถึงความมั่นคงทางอาหาร

ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสร้างความตระหนักรู้และเร่งแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วให้มีประสิทธิภาพ เช่น การนำแนวคิดเกษตรแม่นยำเข้ามาช่วยพัฒนาขั้นตอนการผลิต รวมไปถึงการพัฒนาสายพันธุ์พืชที่ทนต่อความเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ สภาพอากาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก จึงอยากเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงที่จะสร้างความตระหนักรู้โดยเชื่อว่าจะต้องเริ่มต้นจากตัวเราในการลงมือทำแก้ไขปัญหาและจุดประกายให้คนอื่นร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้

นายชยพัทธ์ ปทุมนากุล จากกลุ่มทรู ในเครือซีพี กล่าวถึงประเด็นด้านการศึกษาว่า การศึกษาเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสังคม เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทุกคนควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพ สิ่งที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ทุกคนจะสามารถเข้าถึงการศึกษาคือการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาระบบการศึกษาให้เข้าถึงทุกพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล โดยจะต้องมีการเสริมทักษะ upskills และ reskills ทางด้านดิจิทัลให้กับเยาวชนเพื่อลดช่องว่างในการเข้าถึงการศึกษาในยุค 4.0

สำหรับการประชุม One Young World Summit 2021 ในปีนี้ได้สรุปปิดการประชุมด้วยการตอกย้ำความสำคัญในเรื่อง "ความหลากหลายทางความคิด" ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันสังคมให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต โดยต้องสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้ได้แสดงบทบาทความเป็นผู้นำ ตลอดจนพัฒนาทักษะองค์ความรู้ใหม่ๆขึ้นมารวมถึงการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดสิ่งเหล่านี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในอนาคตได้ สำหรับการประชุม One Young World Summit ในปี 2022 จะจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น
#2964


เผยรัฐประกาศเพิ่มล็อกดาวน์ 29 จังหวัดมีความจำเป็น ประมาณการความเสียหายอสังหาฯ ไตรมาส 3 กว่า 40,000 ล้านบาท พฤกษาฯ คาดลูกค้าเยี่ยมโครงการหาย 20% มั่นใจดิจิทัลมาร์เกตติ้ง-แคมเปญกระตุ้นลูกค้าตัดสินใจช่วยรักษารายได้ตามเป้า ชี้ปลดล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้าง หนุนรายได้ หลัง 7 คอนโดรอโอนปี 64 กลับมาก่อสร้างตามกำหนด ด้าน "ฟินิกซ์" ชี้ล็อกดาวน์เพิ่มไม่กระทบอสังหาฯ มากกว่าในปัจจุบัน แค่ตอกย้ำความเลวร้ายสถานการณ์โควิด-19

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า การล็อกดาวน์เพิ่มเป็น 29 จังหวัด เป็นสถานการณ์ที่จำเป็น แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยคาดว่าผลกระทบจากการประกาศล็อกดาวน์เพิ่มอีก 1 เดือน จะส่งผลต่อจีดีพีของไตรมาสที่ 3 ให้หดตัวค่อนข้างมาก ขณะที่ตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในครั้งนี้คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท ส่วนผลกระทบต่อพฤกษาฯ นั้น คาดว่าจะมีผลต่อยอดการเข้าเยี่ยมชมโครงการลดลงกว่า 20%

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาพฤกษาฯ มีการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้ผลกระทบดังกล่าวไม่มีผลต่อยอดขายในไตรมาสนี้มากนัก ส่วนผลกระทบที่ค่อนข้างหนักในช่วงนี้ คือ การชะลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ซึ่งเป็นผลกระทบด้านจิตวิทยาที่มีต่อความเชื่อมั่น ทำให้มีการเลื่อนการตัดสินใจออกไปในระยะนี้ แต่อย่างไรก็ตาม พฤกษาฯ ได้มีการจัดแคมเปญกระตุ้นการตัดสินใจลูกค้าด้วยแคมเปญใหม่ๆ ซึ่งทำให้ลูกค้าที่มีความพร้อมตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น เพราะการซื้อในช่วงนี้จะได้บ้านในราคาที่ดี และช่วยพฤกษาฯ สามารถรักษาเป้ายอดขายได้

ส่วนกรณีการปลดล็อกดาวน์การปิดแคมป์คนงานก่อสร้างนั้นจะส่งผลดีต่อภาคการก่อสร้างของผู้ประกอบการโดยรวม ขณะที่พฤกษาฯ จะได้อานิสงส์จากการปลดล็อกดาวน์ ทำให้งานก่อสร้างกลับมาเดินหน้าตามกำหนด ซึ่งจะช่วยให้มีกระแสเงินสดจากการทยอยโอนห้องชุดจาก 7 โครงการ ซึ่งครอบคลุมทุกแบรนด์ ทุกเซกเมนต์ในตลาดคอนโดที่กำลังจะก่อสร้างเสร็จและทยอยส่งมอบในปี 64 นี้ โดยจะทำให้มีรายได้จากการโอนใน 7 โครงการดังกล่าว 5,000-6,000 ล้านบาท หรือกว่า 50% ของโครงการทั้งหมด

ขณะเดียวกัน ในกลุ่มสินค้าแนวราบซึ่งพฤกษาฯ มียอดขายล่วงหน้าไปแล้วกว่า 2,000 ล้านบาทนั้น จะสามารถกลับมาเร่งงานก่อสร้างเพื่อให้สามารถส่งมอบบ้านให้ลูกค้าได้ทันตามกำหนด ซึ่งจะช่วยให้พฤกษาฯ มีรายได้จากการโอนในกลุ่มสินค้าเข้ามาเพิ่มในไตรมาสนี้อีกส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การเร่งงานก่อสร้างนั้น พฤกษาฯ จะต้องดำเนินภายใต้การมาตรการ "บับเบิล แอนด์ ซีล" (bubble and seal) ซึ่งเป็นการควบคุมแรงงานก่อสร้าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดการติดเชื้อ โดยแรงงานต้องควบคุมการเดินทางระหว่างที่ทำงานกับที่พักอาศัยตามข้อกำหนดที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กำหนดไว้

"เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในแคมป์คนงาน พฤกษาฯ ได้เตรียมวัคซีนไว้ฉีดให้แรงงานก่อสร้างกว่า 10,000 คน นอกจากนี้ ยังวางมาตรการควบคุมดูแลแรงงานก่อสร้างเพื่อให้สอดรับกับมาตรการภาครัฐด้วย"

ด้าน นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า การประกาศเพิ่มพื้นที่ล็อกดาวน์เพิ่มเป็น 29จังหวัดนั้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพราะตลาดในขณะนี้ค่อนข้างแย่อยู่แล้ว แต่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทำให้เกิดการชะลอตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้นเพราะเป็นการตอกย้ำว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้เลวร้ายจริงๆ และยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ อย่างหนักไม่ใช่เพียงแค่การวิตกมากเกินไปเหมือนกับช่วงปีก่อนหน้า

"กลุ่มคนที่กำลังจะซื้อที่อยู่อาศัยอาจจะชะลอซื้อไปไม่รีบร้อนซื้อที่อยู่อาศัยในขณะนี้ แต่กลุ่มที่ผ่านขั้นตอนขอสินเชื่อและได้รับการอนุมัติแล้วน่าจะไม่มีการยกเลิกการตัดสินใจซื้อ"

ส่วนการปลดล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้างนั้นน่าจะส่งผลดีต่อโครงการที่มีแผนจะโอนในปีนี้ ซึ่งหลังการปลดล็อกดาวน์คาดว่าจะทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเร่งระดมแรงงานตามไซต์งานต่างๆ เร่งงานก่อสร้างโครงการที่จะส่งมอบหรือโอนในปีนี้เพื่อให้งานก่อสร้างแล้วเสร็จตามกำหนดซึ่งจะทำให้ได้รับค่างวดงานก่อสร้างเข้ามาใช้เป็นกระแสเงินสดในการดำเนินธุรกิจได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมาทำให้แรงงานก่อสร้างในระบบหายไปค่อนข้างมาก ดังนั้น แม้จะปลดล็อกดาวน์แล้ว สถานการณ์ขาดแคลนแรงงานในตลาดก็จะยังไม่ดีขึ้น

https:// m.mgronline.com/stockmarket/detail/9640000075602
#2965


หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของเกาหลีใต้ โดยคณะกรรมการบริการทางการเงิน หรือ FSC ได้ออกประกาศสั่งปิดเว็บกระดานเทรดสกุลเงินคริปโตในประเทศจำนวน 11 แห่ง เนื่องจากตรวจสอบพบว่าไม่เป็นไปตามกฎหมาย

จากการรายงานของ The Korea Herald ระบุถึงแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมคริปโตว่าการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลในพื้นที่เกาหลีกำลังจะถูกปิดตัวลง เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของประเทศได้ตรวจพบกิจกรรมที่ผิดกฎหมายของพวกเขาเมื่อเร็วๆ นี้ และจะมีการบังคับใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้

ตามแหล่งข่าวระบว่ากระดานเทรดจำนวน 11 แห่ง ที่ใช้บัญชีร่วมที่ฉ้อโกงจะต้องปิดตัวลงเนื่องจากคณะกรรมการบริการทางการเงินวางแผนที่จะหยุดการทำธุรกรรมและแจ้งกิจกรรมที่ผิดกฎหมายให้กับอัยการและตำรวจ อย่างไรก็ดีชื่อของกระดานเทรดเหล้านั้น ยังไม่ถูกเปิดเผย อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นความยากลำบากสำหรับกระดานเทรดเหล่านั้นที่จะได้รับการอนุมัติให้กลับมาดำเนินงานโดย FSC ได้ แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมกล่าว

ทั้งนี้ผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าการแลกเปลี่ยน crypto จะปิดตัวลงในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากการแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่ ยกเว้นบริษัท crypto ยักษ์ใหญ่อย่าง Upbit, Bithumb, Coinone และ Korbit

ซึ่งประเด็นมาจากกฏระเบียบข้อกำหนดในการเปิดบัญชีชื่อจริงสำหรับลูกค้า ซึ่งเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับ การดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ บริษัทแลกเปลี่ยนขนาดกลางหลายแห่งได้ประกาศแผนการที่จะปิดบริการหรือธุรกิจของตน เนื่องจากนักเทรดไม่ยินยอมที่จะเปิดเผยชื่อจริง

ขณะที่ Darlbit ได้ประกาศเลิกกิจการเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมาแล้ว หลังจากแจ้งลูกค้าเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่าจะหยุดให้บริการฝากและถอนเงิน

ขณะที่ CPDAX ได้กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่าจะปิดบริการในวันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่ง "ไม่ใช่มาตรการชั่วคราว แต่เป็นมาตรการถาวรในการปิดธุรกิจ สำหรับผู้ที่มี cryptocurrencies ในบัญชีจะต้องถอนออกก่อน 15:00 น. เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม" บริษัทกล่าว

ในส่วนของ Bitsonic ได้ประกาศผ่านช่องทางการส่งข้อความอย่างเป็นทางการของ Telegram เมื่อวันศุกร์ว่าจะหยุดให้บริการชั่วคราว โดยเตรียมที่จะมีการเจรจาเพื่อเสนอราคาในการต่ออายุระบบบริการ

"เมื่อเราต่ออายุเสร็จแล้ว เราคาดว่าจะบรรลุระบบการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล" บริษัทกล่าว

ในส่วนของ ISMS อยู่ในช่วงของการเตรียมขั้นตอนในการจัดการข้อมูลของลูกค้าโดยจำกัดการละเมิดความปลอดภัยในเชิงรุก เป็นข้อกำหนดเบื้องต้นอื่นที่จำเป็นสำหรับการแลกเปลี่ยนเพื่อดำเนินการในเกาหลี แต่คำถามยังคงอยู่ไม่ว่าจะเป็นมาตรการปิดชั่วคราวหรือไม่

ทั้งนี้กระดานเทรดที่ถูกขึ้นบัญชีดำทั้ง 11 กระดานเทรดนั้นจะต้องได้รับการอนุมัติจาก FSC ภายในวันที่ 24 กันยายนสำหรับการดำเนินธุรกิจ แต่บริษัทกล่าวว่าจะได้รับ ISMS หลังจากหยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคมถึง 30 พฤศจิกายนเท่านั้น เนื่องจากไทม์ไลน์ไม่เพิ่มขึ้นและต้องใช้เวลามากในการบรรลุข้อตกลงด้านการจัดการ ISMS ขณะที่ในส่วนของ Bitsonic จะปิดตัวลงโดยพฤตินัย ตามข้อมูลภายในตลาด

ในขณะเดียวกัน โช เมียงฮี สมาชิกสภาคองเกรสของ People Power Party กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขยายระยะเวลาการรายงานกระดานเทรดในประเทศเกาหลีที่เปิดทำการจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานด้านการเงินกล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าการบังคับใช้จะเป็นไปตามแผนเดิมที่จะเสร็จสิ้นกระบวนการภายในวันที่ 24 กันยายนนี้ หลังจากที่ให้ระยะเวลาผ่อนผันไปแล้ว 6 เดือนตั้งแต่เดือนมีนาคม

https:// m.mgronline.com/stockmarket/detail/9640000075282
#2966


คืบหน้ามาตรการ "เยียวยาประกันสังคม" รอบใหม่ สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ทั้ง ผู้ประกันตนมาตรา 33, 39 และ 40 ที่จะทยอยได้รับเงินเยียวยา โดยแต่ละกลุ่มได้เงินไม่เท่ากัน และไม่พร้อมกัน

โดยกลุ่มแรกที่จะได้รับเงินก่อนเพื่อน คือ "ผู้ประกันตน มาตรา 33" ที่อยู่ใน 9 กลุ่มอาชีพ ใน 10 จังหวัดล็อกดาวน์ ล่าสุด สมาคมธนาคารไทย แจ้งเมื่อ 30 ก.ค.64 ว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จะทำการโอนให้ผู้ประกันตนตาม ม.33  ที่ได้รับเยียวยาจากรัฐบาลคนละ 2,500 บาท ในวันที่ 4-6 สิงหาคม 2564 เฉพาะ 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร  นนทบุรี  ปทุมธานี  นครปฐม  สมุทรสาคร  สมุทรปราการ นราธิวาส  ปัตตานี  ยะลา  สงขลา

โดยจะโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้วันละ 1 ล้านบัญชี  จากผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยามีจำนวน 2.87 ล้านคน ส่วนนายจ้างจะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล ตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุดลูกจ้างไม่เกิน 200 คน

ส่วนผู้ประกันตน มาตรา 33 ใน 3 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ที่ประกาศล็อกดาวน์เพิ่มเติม คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา ได้รับเงินเยียวยาในวันที่ 15 สิงหาคม 2564

สำหรับนายจ้างบุคคลธรรมดา จะโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเช่นกัน และนายจ้างสถานะนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคลนายจ้าง ทุกๆ วันศุกร์ จนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2564


ทั้งนี้ นายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 ที่จะได้รับเงินช่วยเหลือนี้ ต้องเป็นผู้ได้สิทธิตามคุณสมบัติ และเงื่อนไข โดย สปส.จะเปิดให้ตรวจสอบสิทธิบนเว็บไซต์ของ สปส. โดยผู้ประกันตนที่มีบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนจะได้รับการโอนเงินเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ  ไม่จำเป็นต้องติดต่อธนาคารเพื่อเปิดบัญชีใหม่ หรือลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยบัตรประชาชนใหม่

"ผู้ประกันตน" ที่ได้สิทธิและมีบัญชีธนาคาร

แต่ยังไม่ได้ "ผูกพร้อมเพย์กับหมายเลขบัตรประชาชน" หรือ เดิมผูกด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือ ให้ไปดำเนินการผูกบัญชีหรือเปลี่ยนพร้อมเพย์จากโทรศัพท์มือถือมาเป็นผูกกับหมายเลขบัตรประชาชนด้วยตนเอง ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารที่มีบัญชีอยู่ เช่น  Mobile  Application, Internet Banking และเครื่อง ATM  ตามช่องทางที่แต่ละธนาคารให้บริการ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาธนาคาร เพื่อความสะดวกและลดความเสี่ยงจากการระบาดของโควิด-19    


ผู้ประกันตนที่ได้รับสิทธิ และยังไม่เคยมีบัญชีเงินฝาก 

สามารถใช้บริการเปิดบัญชีผ่านช่องทางออนไลน์ จากนั้นค่อยลงทะเบียนผูกพร้อมเพย์ด้วยหมายเลขบัตรประชาชน ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อขอรับสิทธิตามมาตรการเยียวยาดังกล่าว หากมีข้อสงสัยเรื่องการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขบัตรประชาชน หรือช่องทาง ที่สามารถทำได้ สามารถศึกษาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ หรือ ติดต่อสอบถามผ่านคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารที่ใช้บริการอยู่ 

ทั้งนี้ ผู้ประกันตน ม.33 สามารถตรวจสอบสิทธิโครงการเยียวยาได้ที่ https://www.sso.go.th หรือโทรศัพท์สายด่วนประกันสังคม 1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

อนึ่ง หากผู้ประกันตนมีความจำเป็นต้องไปทำธุรกรรมที่สาขาของธนาคาร ทางสมาคมธนาคารไทย ขอความร่วมมือผู้ติดต่อใช้บริการ ณ สาขาธนาคาร ในการปฏิบัติตนตามมาตรฐานดูแลความปลอดภัยที่ธนาคารแต่ละแห่งได้กำหนดไว้ เพื่อร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : สำนักงานประกันสังคม
#2967


รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า โครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายใน จ.ภูเก็ต แบบไม่กักตัวช่วง 1 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1-31 ก.ค.ที่ผ่านมา จำนวนสะสมรวม 14,055 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 14,022 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อ 32 คน แบ่งเป็นการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ครั้งที่ 1 จำนวน 15 คน ครั้งที่ 2 จำนวน 7 คน และครั้งที่ 3 จำนวน 3 คน ผู้สัมผัสและเสี่ยงสูงตรวจพบอีก 7 คน ส่วนรอผลตรวจมีจำนวน 1 คน

และเมื่อดูเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยววานนี้ (31 ก.ค.) เดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จำนวน 773 คน จาก 7 เที่ยวบิน ได้แก่ การบินไทย 3 เที่ยวบิน, กาตาร์แอร์เวย์ส 1 เที่ยวบิน, เอมิเรตส์ 1 เที่ยวบิน และสิงคโปร์แอร์ไลน์ 2 เที่ยวบิน โดยไม่พบผู้ติดเชื้อ 772 คน รอผลตรวจ 1 คน ขณะที่สถิติผู้ติดเชื้อใหม่รายวันของ จ.ภูเก็ต วานนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 41 คน แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 39 คน และต่างประเทศอีก 2 คน

สำหรับยอดการจองโรงแรมในภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ ล่าสุดพบว่าในช่วงไตรมาส 3 ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.นี้ มีจำนวน 309,719 คืน แบ่งเป็นเดือน ก.ค. 190,843 คืน เดือน ส.ค. 109,694 คืน และเดือน ก.ย. 9,182 คืน ส่วนช่วงไฮซีซั่นเดือน ต.ค.2564-ก.พ.2565 มีจำนวน 6,857 คืน ทำให้ยอดจองโรงแรมตั้งแต่เดือน ก.ค.2564-ก.พ.2565 มีจำนวนรวม 318,901 คืน

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952243
#2968


แซนเดอร์ ชอฟเฟเล โปรจาก สหรัฐอเมริกา คว้าเหรียญทอง การแข่งขันกอล์ฟประเภทบุคคล โอลิมปิก 2020 เฉือน รอรีย์ ซับบาตินี จาก สโลวาเกีย แค่สโตรกเดียว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม

ก้านเหล็กมือ 5 ของโลก หวด 4 อันเดอร์พาร์ 67 รวม 18 อันเดอร์พาร์ 266 ขณะที่ ซับบาตินี สร้างเซอร์ไพรส์ หวด 10 อันเดอร์พาร์ 61 รวม 17 อันเดอร์พาร์ 267 จบอันดับ 2 ที่สนาม คาสุมิกาเซกิ คันทรี คลับ พาร์ 71

ชอฟเฟเล ผู้นำรอบที่แล้ว กวาด 4 เบอร์ดี ตลอด 8 หลุมแรก ทว่าพลาดโอกาสทิ้งห่าง ช่วง 9 หลุมหลัง เสียโบกี ที่หลุม 14 พาร์ 5 สกอร์รวมเท่ากับ ซับบาตินี ที่นั่งรออยู่ในคลับเฮาส์

อย่างไรก็ตาม ชอฟเฟเล วัย 27 ปี เก็บเบอร์ดีอันล้ำค่า ด้วยลูกพัตต์ระยะ 6 ฟุต ที่หลุม 17 พาร์ 4 และพัตต์เซฟพาร์ ระยะ 4 ฟุต หลุม 18 ท่ามกลางความกดดันมหาศาล

ขณะที่ 7 ผู้เล่น กำลังเพลย์ออฟ ชิงเหรียญทองแดง ได้แก่ พอล เคซีย์ (สหราชอาณาจักร), ฮิเดกิ มัตสึยามา (ญี่ปุ่น), รอรีย์ แม็คอิลรอย (ไอร์แลนด์), คอลลิน โมริคาว่า (สหรัฐอเมริกา), เซบาสเตียน มูญอซ (โคลอมเบีย), ซี.ที. แพน (ไต้หวัน) และ มิโต เปไรรา (ชิลี)

ปรากฏว่า ฮิเดกิ มัตสึยาม่า กับ พอล เคซีย์ เสียโบกี เพลย์ออฟหลุมแรก (18 พาร์ 4) ต่อมา แม็คอิลรอย, เปไรรา และ มูญอซ ทำได้เพียงพาร์ เพลย์ออฟหลุม 3 (11 พาร์ 4) เหลือ โมริคาวา กับ ซี.ที. แพน สู้กันต่อหลุมพิเศษที่ 4

กลับมาที่หลุม 18 พาร์ 4 โมริคาว่า แอพโพรชจากบังเกอร์ ตกนอกกรีน และพัตต์พาร์ระยะไกลพลาด ขณะที่ ซี.ที. แพน พัตต์พาร์ ระยะ 8 ฟุต คว้าเหรียญทองแดง

ส่วน "โปรแจ๊ส" อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ ความหวังสูงสุดของไทย เก็บเพิ่ม 3 อันเดอร์พาร์ 68 รวม 9 อันเดอร์พาร์ 275 รั้งอันดับ 27 ร่วม และ กัญจน์ เจริญกุล มือ 281 ของโลก อยู่อันดับ 45 ร่วม สกอร์ 4 วัน 4 อันเดอร์พาร์ 280
#2969



นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีที่มีข่าวระบุถึงวัคซีนโควิด-19 ในสต็อกคงเหลือของสหรัฐที่ไทย อาจเจรจาขอเพิ่มจากสหรัฐได้ ว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และทำเนียบขาว ซึ่งได้รับแจ้งว่า วัคซีนส่วนเกินที่อยู่ในสต็อกของรัฐต่างๆ ยังไม่มีนโยบาย "ส่งวัคซีนเพื่อบริจาค หรือขาย" ต่อกับประเทศอื่นๆ 

"สถานทูตไม่ได้ละความพยายาม โดยกำลังประสานกับบุคคลต่างๆ เพื่อย้ำสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย และขอรับการสนับสนุนการส่งมอบวัคซีนที่หน่วยราชการไทยได้สั่งซื้อจากบริษัทต่างๆ โดยเร็ว" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุ 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ อยู่ในระหว่างการติดต่อทำเนียบขาว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และประสานงานกับมิตรประเทศที่สถานทูตใกล้ชิด และมีความเห็นในทางเดียวกัน ตลอดจนประธานสมาคม ชุมชนไทยที่คอยสนับสนุนสถานทูต เพื่อช่วยผลักดันการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ที่สหรัฐไม่ได้ใช้ต่อไป
#2970



นิสสัน เปิดตัว อัลเมร่า สปอร์ตเทค ตกแต่งพิเศษด้วยฝีมืของ ออเทค เจแปน (Autech Japan) บริษัทในเครือ นิสสัน มอเตอร์ ที่ฝากผลงานตกแต่งกันรถหลายๆ รุ่น

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมตลาดอีโค คาร์ เปิดตัว อัลเมร่า สปอร์ตเทค ที่ตกแต่งพิเศษเติมความสปอร์ต พรีเมียม แบบญี่ปุ่นทั้งภายในและภายนอก ด้วยผลงานของ ออเทค เจแปน  (Autech Japan, Inc) สำหรับลูกค้าที่ชอบความเรียบหรู ซึ่งนิสสัน อัลเมร่า สปอร์ตเทค จะใช้วัสดุตกแต่งที่

ออเทค เจแปน เป็นบริษัทในเครือ นิสสัน มอเตอร์ ญี่ปุ่น ซึ่งมีชื่อเสียงด้านงานออกแบบสไตล์สปอร์ตพรีเมียม และทำงานร่วมกับฐานการผลิตนิสสันในประเทศต่างๆ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละตลาด ทำให้ได้รถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น

โดยการตกแต่งพิเศษให้กับ อัลเมร่า สปอร์ตเทค ประกอบด้วย

กันชนหน้าและกันชนหลังใหม่ตกแต่งด้วยสีเงิน
กระจังหน้าแบบโครเมียมดำเงา
สปอยเลอร์หลังใหม่
ตราสัญลักษณ์ สปอร์ตเทค ที่ฝาท้าย
กระจกมองข้างสีเงินพร้อมไฟเลี้ยว
ล้ออัลลอยสีดำปัดเงาขนาด 15 นิ้ว ลายใหม่ 

อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย กล่าว นิสสันทำงานอย่างเต็มที่เพื่อศึกษาความต้องการของลูกค้า ด้วยรถยนต์ที่มีอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ วัสดุที่มีคุณภาพ ที่เหมาะกับการใช้งานทุกวัน

สำหรับนิสสัน อัลเมร่า สปอร์ตเทค  ราคาเริ่มต้นที่ 629,000 บาท

และนอกจาก อัลเมร่า สปอร์เทค ใหม่แล้ว ออเทคยังนำเสนอผลงานการออกแบบ และตกแต่ง รถยนต์รุ่นพิเศษต่าง ๆ ของนิสสัน ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งเพื่อเพิ่มอารมณ์สปอร์ต หรือการดัดแปลงเพื่อการใช้งานเฉพาะในรูปแบบต่างๆ ต่างๆ เช่น รถที่ผู้ใช้ วีลแชร์สามารถเข้าออกได้ง่าย เป็นต้น

โดยตัวอย่างผลงานเด่นๆ จาก ออเทค  ในญี่ปุ่น ได้แก่  

นิสสัน ลีฟ ออเทค

นิสสัน เซเรน่า ออเทค 

นิสสัน มาร์ช โบเลโร่

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/951728
#2971


https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/952144
วัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดสูดดม หรือฉีดพ่นทางจมูก แบบใช้อะดิโนไวรัส เป็นตัวนำพาที่ผลิตในจีน แสดงผลปลอดภัย ในการทดลองทางคลินิก ระยะที่ 1

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบใช้อะดิโนไวรัส ไทป์ 5 เป็นตัวนำพา หรือแอดไฟว์ เอ็นโควี (Ad5-nCoV) ร่วมพัฒนาโดยสถาบันการแพทย์ทหาร โรงพยาบาลจงหนานแห่งมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น และสถาบันอื่นๆ ของจีน

การทดลองในสัตว์ก่อนหน้านี้ชี้ว่า วัคซีนแอดไฟว์ เอ็นโควี โดสเดียว สามารถป้องกันการแบ่งตัวของเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่กลายพันธุ์ในทางเดินหายใจส่วนบน โดยภูมิคุ้มกันเยื่อเมือกมีส่วนช่วยกระตุ้นเยื่อเมือกและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งสามารถป้องกันเชื้อไวรัสฯ บุกโจมตีผิวเยื่อเมือกได้

รายงานที่เผยแพร่ในวารสาร The Lancet Infectious Diseases ทางออนไลน์เมื่อเดือนกันยายน 2563  ระบุว่า มีอาสาสมัคร 130 คน เข้าร่วมการทดลองโดยสุ่มแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม เพื่อรับวัคซีนด้วยวิธีฉีดเข้ากล้ามเนื้อ วิธีสูดดม หรือทั้งสองวิธี

กลุ่มผู้เข้าร่วมทดลองด้วยวิธีสูดดม จำนวน 2 กลุ่ม ได้รับวัคซีนแอดไฟว์ เอ็นโควี ในปริมาณสูงหรือต่ำในวันแรก ตามด้วยวัคซีนโดสกระตุ้นชนิดเดิมในวันที่ 28 ของการทดลอง ขณะกลุ่มที่รับวัคซีนแบบผสมได้รับวัคซีนชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อในวันแรก ตามด้วยวัคซีนโดสกระตุ้นชนิดสูดดมในวันที่ 28 ของการทดลอง ส่วนกลุ่มที่รับวัคซีนชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้ออย่างเดียวได้รับวัคซีนแอดไฟว์ เอ็นโควี จำนวน 1 หรือ 2 โดสในวันแรก


ผลการทดลองพบว่าวัคซีนชนิดสูดดมนั้นมีความทนทานดี ใช้ปริมาณเพียง 1 ใน 5 ของวัคซีนชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองที่แข็งแกร่ง ด้านวัคซีนโดสกระตุ้นชนิดสูดดมในวันที่ 28 ของการทดลอง หลังรับวัคซีนชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อเป็นโดสแรก สามารถกระตุ้นการตอบสนองของแอนติบอดีได้อย่างแข็งแกร่ง

โฮ่วลี่หัว นักวิจัยจากสถาบันฯ กล่าวว่าแอดไฟว์ เอ็นโควี เป็นวัคซีนแบบไม่ต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อ จึงไม่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงใดๆ อาทิ ปวดแขนและบวม ซึ่งอาจช่วยให้ประชาชนเต็มใจเข้ารับวัคซีนกันมากขึ้น

ขณะเดียวกันปริมาณยาที่ใช้ในวัคซีนชนิดสูดดมอยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งเทียบเท่ากับว่าช่วยเพิ่มการผลิตวัคซีนโควิด-19 และแก้ปัญหาขยะทางการแพทย์ อาทิ เข็มฉีดวัคซีน

ปัจจุบันวัคซีนแอดไฟว์ เอ็นโควี กำลังอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก ระยะที่ 2

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952144
#2972


CYANIDE กลับมาทวงบัลลังก์ แร็พเปอร์สาวเดือดจัด ชวน SUNNYBONE และ KHUN OC แร็พทะลุปรอทในเพลง MAI CHOP

คงต้องบอกเลยว่าหลายคนรู้จัก CYANIDE จากบทบาทแร็พเปอร์สาวที่มาพร้อมกับสไตล์การแร็พที่ดุดัน ล่าสุดสาว ไนซ์ หรือไซยาไนด์ ขอกลับมาทวงบัลลังก์ในเพลง MAI CHOP feat. SUNNYBONE & KHUN OC

โดยเพลงนี้ได้ Underground Rapper ที่กำลังมาแรงอย่าง "SUNNYBONE" จากลุ่ม UDT BOY$ และแร๊พเปอร์หนุ่มจากแอตแลนตาที่สายแร็พและฮิปฮอปไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี "KHUN OC" มาร่วมสร้างความความเดือดดาลให้กับเพลงนี้ โปรดิวซ์โดย SPATCHIES โปรดิวเซอร์รุ่นใหม่ ที่เคยฝากผลงานเพลงดังให้กับ YOUNG OHM และ MILLI มาแล้ว การันตีได้เลยว่างานนี้เข้มข้นลงตัวแน่นอน


"การกลับมาครั้งนี้ เราค่อนข้างหายจากการแร็พแบบ Underground ไปนาน อยากได้ฟิลสมัยก่อนที่ทำกันเองชิลชิล เลยได้ออกมาเป็นเพลงนี้ค่ะ บอกตรงๆ เลยว่าเพลงนี้ ไม่คาดหวังอะไรเลยค่ะ แค่อยากปล่อยเพลงในการเป็นตัวของตัวเองและได้ทำงานร่วมกับศิลปินที่ตัวเองชอบ จริงๆ ตอนแรกกะว่าทำเดี่ยว แต่เราอยากได้คนมาแจมเพื่อเพิ่มสีสันให้กับเพลง ก็เลยเป็น "SUNNYBONE" กับ "KHUN OC" ค่ะ อย่าง "SUNNYBONE" เพราะชอบการแร็พและติดตามพี่เค้ามานานแล้วที่สำคัญบ้านเกิดบ้านเดียวกันด้วย ส่วน "KHUN OC" เป็นเพื่อนที่มหา'ลัยเลยอยากเอามาแจมเพิ่มสีสันให้กับเพลงค่ะ"
#2973



นายธีระธัช รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วิลล่า ฟอเรสต์ กล่าวว่า ได้เปิดตัวเฟสแรก คือ "โรงเรียน ที่ซึ่งสะท้อนถึงการเรียนรู้รอบด้านควบคู่คุณธรรม" เพราะการศึกษามีความสำคัญ เป็นรากฐานของชีวิต จึงได้ร่วมกับ Wells International School, Chonburi Campus สานพลังเสริมสร้างจินตนาการการเรียนรู้วิถีใหม่ เพื่อพัฒนาเยาวชนให้มีความรู้คู่คุณธรรม



ทั้งนี้มีข้อเป้าหมายร่วมกันที่จะเพื่อบ่มเพาะกล้าพันธุ์ให้เติบใหญ่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้เป็นโรงเรียนวิถีใหม่ มีศูนย์การเรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติ ที่เด็กๆ จะได้มาเรียนรู้ มีที่นาให้เด็กๆ เอาเท้าสัมผัสดินสัมผัสหญ้า และมีแปลงผักให้ทดลองปลูกผักเก็บผัก และทำกิจกรรมร่วมกันที่จะสร้างสรรค์จินตนาการให้เด็กๆ เก่งและดี มีความสุข และมีความอ่อนน้อม โดยนำเอาวัฒนธรรม Globalization มาผสมผสานกับ Localizaion เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลง



ดร.เรย์ เดอ ลา เพนญ่า ครูใหญ่ โรงเรียนนานาชาติ เวลส์, แคมปัสอ่อนนุช กล่าวว่า คุณพ่อเคยมาทำงานในเมืองไทย ตั้งแต่ปี 1960 ทำทางด้านโครงการในพระราชดำริฯ ร.9 ทำให้ได้รับรู้และซึมซับในเรื่องราว 'เศรษฐกิจพอเพียง' มีความประทับใจมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เลยตัดสินใจมาอยู่เมืองไทย และประกอบอาชีพ 'ครู' ด้วยความเชื่อว่า "Changing the World, One student at a time"

"โรงเรียนนานาชาติ เวลส์ อยู่ในกรุงเทพฯ อ่อนนุช ทองหล่อ และบางนา มีประสบการณ์มา 20 ปีแล้วในการจัดการเรียนการสอนที่ทำให้นักเรียนที่จบทุกๆ ปีสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยดังๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และอื่นๆ อีกมากมาย จึงมีความตั้งใจจะขยายสาขาอีก แล้วมาเจอที่ชลบุรี โครงการวิลล่า ฟอเรสต์ รู้สึกหลงใหลไปกับธรรมชาติต้นไม้หลากพันธุ์ และที่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งและศูนย์รวมที่นำเอาหลักคิดวิถีพอเพียงมาใช้"



ดังนั้นจึงอยากจะสร้างโรงเรียนแห่งนี้ในพื้นที่ 24 ไร่ ให้เป็นแคมปัสที่สามารถจะพัฒนาได้อย่างยั่งยืนสามารถที่จะเรียนรู้ได้ตั้งแต่ในห้องเรียนไปจนถึงนอกห้องเรียน โดยจะสร้างพื้นการเรียนการสอนให้มีคุณภาพเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน ซึ่งไม่ใช่เก่งแค่วิชาการ แต่สามารถพัฒนาต่อยอดสู่ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เพราะบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติต้นไม้ จะทำให้โล่ง หายใจสะดวก ทำให้สนุกในการเรียนรู้ เกิดการเรียนรู้ที่ดี เกิดจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และนี่คือหัวใจแห่งการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบ



ด้วยบรรยากาศที่สร้างกระบวนการเรียนรู้ได้ดีนั้น สามารถรองรับนักเรียนมัธยมที่จะทำ Diploma หรือ ประกาศนียบัตร ได้ตามความสนใจ สำหรับเด็กประถมจะทำให้เด็กๆ เกิดกระบวนการเรียนรู้ได้ดีขึ้น เพราะมีพื้นที่ได้ทำกิจกรรม มีแปลงผักปลูกต้นไม้ หรือจะนำสิ่งแวดล้อมธรรมชาติมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำงานศิลปะได้ด้วย

"สิ่งสำคัญที่สุดในแคมปัสแห่งนี้ สามารถรองรับกลุ่มคนที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ได้อย่างดี เด็กตื่นมาไปเรียนได้เลย ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องจราจร รถติด เหมือนกรุงเทพฯ ทั้งคนในครอบครัวก็จะอยู่ด้วยกันมากขึ้น พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ-แม่-ลูก เด็กๆ ไม่ต้องรอพ่อแม่นาน แล้วก็ได้ไม่นอนดึก ทำให้เกิดความสุข สุขภาพดี การเรียนรู้ยิ่งดี"

โครงการต้นแบบชีวิตวิถีใหม่แห่งนี้ ยังมีแนวคิดแห่ง 'บ-ว-ร' ในส่วนของ 'บ-บ้าน' ที่ให้มากว่าคำว่าบ้าน และ 'ว-วัด' ที่มาของการพัฒนาจิตใจของทุกชาติและศาสนา ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจ และมีให้ติดตามกันในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.085 399 4030
#2974



"เคอรี่ โลจิสติคส์" วางยุทธศาสต์ในไทย รุกหนักธุรกิจการบริหารคลังสินค้า เจาะกลุ่มลูกค้าทุกอุตสาหกรรม ชูจุดแข็งให้บริการครบวงจร ทั้งคลังสินค้า ขนส่ง บริการเพิ่มมูลค่าสินค้า และวางแผนการตลาดon-line เพิ่มประสิทธิภาพ-ลดต้นทุน ตั้งเป้า 3 ปี ขึ้นแท่นผู้นำให้บริการกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต S-Curve มั่นใจเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลก

นายพงศ์ศิริ ศิริธร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเป็นหนึ่งในกลุ่ม Kerry Logistics Network Limited หรือ KLN ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ปัจจุบันจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ฮ่องกง โดย KLN เป็นบริษัทแม่และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเคอรี่ โลจิสติคส์ ฯ ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยเป็นกลุ่มแรกและเป็นหัวหอกสำคัญ ที่ให้บริการด้านบริหารคลังสินค้าแบบครบวงจร ก่อนจะขยายไปสู่กลุ่มธุรกิจด้านโลจิสติกส์อื่นๆ ทั่วประเทศ

ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่ให้บริการคลังสินค้ารวมกันมากกว่า 1 แสนตารางเมตร ครอบคลุม 3 พื้นที่สำคัญใน กรุงเทพฯ ชลบุรี และระยอง โดยมีสัดส่วนรายได้จากการบริการ 3 ส่วนสำคัญอันได้แก่ การบริหารคลังสินค้า, การขนส่งทุกรูปแบบ, และบริการอื่นๆเช่น การบริหารการบรรจุหีบห่อ, การจัดการด้านการตลาดออนไลน์ เป็นต้น จากประสบการณ์ ความชำนาญ ของทีมงานคนไทย 100% ที่เข้าใจถึงความต้องการลูกค้า สามารถยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการได้ตามความต้องการของตลาดในเมืองไทย ภายใต้ระบบการทำงานที่เป็นมาตรฐานสากลทั้ง ISO9001, ISO45001, ISO14001, GMP, Halal etc. ส่งผลให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า offline และ online ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ

โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทประกอบด้วย 1.สินค้าภาคอุตสาหกรรม 2.สินค้าสุขภาพและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่กำลังมาแรงในยุคนี้ 3.สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม 4.สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ เช่น เครื่องสำอางค์ และสินค้าแบนด์เนม เป็นต้น 5.สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 6.สินค้าอุปโภคบริโภค และ 7. สินค้าอุตสาหกรรมยานยนต์

"บริษัทตั้งเป้า 3 ปี ขึ้นแท่นผู้นำให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรในการบริหารคลังสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต S-Curve ขยายสัดส่วนรายได้จากการบริหารคลังสินค้าให้มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดและด้านการขนส่งทุกรูปแบบเท่าตัวภายในปี 2022" นายพงศ์ศิริ กล่าว

นายพงศ์ศิริ กล่าวต่อว่า บริษัทได้วางจุดยืนอย่างชัดเจนในเรื่อง "Global Network and Local Specialist" คือ เรามีความชำนาญในการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรในประเทศไทย และด้วยเครือข่ายที่มีครอบคลุมทั่วโลก จะช่วยสนับสนุนและสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการของไทยในการเชื่อมโยงธุรกิจสู่เวทีระดับภูมิภาคเอเชีย หรือแม้แต่ระดับโลกได้

การเปลี่ยนไปของตลาดกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่จาก Disruption ในทุกทิศทุกทาง โดยเฉพาะจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิด New Normal ของการดำเนินธุรกิจของลูกค้าที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บริษัทจึงได้พัฒนานวัตกรรมและสรรหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาบริหารจัดการด้านคลังสินค้า, สต๊อกสินค้า และการขนส่ง ที่จะทำให้การบริการด้านโลจิสติกส์เป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเปลี่ยนไปในอนาคต

"การที่ลูกค้ามีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ช่วยบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ในยุค Disruption เคอรี่ โลจิสติคส์ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดที่อยู่เคียงข้างลูกค้า ในการทำธุรกิจแบบยั่งยืน" นายพงศ์ศิริ กล่าว
#2975



LPN เดินหน้าเปิดตัว 5 โครงการใหม่ มูลค่า 6,900 ล้านบาทในครึ่งหลังของปี 2564พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ "Villa 168 @ Westgate" เจาะตลาด Gen Y และ Young Affluent เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จต้องการที่อยู่อาศัยที่มีความเป็นส่วนตัว(Privacy) มั่นใจปีนี้รายได้รวมได้ตามเป้าหมาย 7,000 ล้านบาท

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งหลังของปี 2564 ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ในไตรมาสสองที่ผ่านมาและยังคงต่อเนื่องในไตรมาสสามของปีนี้ ประกอบกับมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง 30 วันในเดือนกรกฎาคม 2564 และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดล่าสุดตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้บริษัทมีการปรับแผนการเปิดตัวโครงการในปี 2564 จากเดิมที่วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 8-9 โครงการ มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท ในปี 2564 ปรับเป็นเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 9,600 ล้านบาท



ทั้งนี้ได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 1 โครงการคือ โครงการ "บ้าน 365 แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง" ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท และจะเปิดอีก 5 โครงการ มูลค่า 6,900 ล้านบาท ในครึ่งหลังของปี 2564 เป็นโครงการบ้านพักอาศัย 3 โครงการ มูลค่า 1,400 ล้านบาท และอาคารชุดพักอาศัย 2 โครงการ มูลค่ารวม 5,500 ล้านบาท โดยยังคงตั้งเป้ารับรู้รายได้รวมปี 2564 ไว้ที่ 7,000 ล้านบาทตามแผนเดิมที่วางไว้



ขณะเดียวกันเพื่อทำให้ยอดโอนเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 บริษัทได้มีการเพิ่มกลยุทธ์การขายโดยการนำเทคโนโลยีการเข้าเยี่ยมชมโครงการในแบบ 3-D Virtual Interactive ให้ลูกค้าสามารถเข้าชมโครงการของบริษัทได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นผ่าน 3-D Digital Platform โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่โครงการและเป็นส่วนหนึ่งในการลดการแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นอีกก้าวของการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขายอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น



สำหรับการลดจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่จาก 8-9 โครงการ เป็น 6 โครงการในปี 2564 นั้นไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายยอดขายรวมที่ตั้งไว้ที่ 10,000 ล้านบาทในปี 2564 ขณะที่ยอดขายในครึ่งแรกของปี 2564 ทำได้ 4,170 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 41.70% ของเป้าหมายยอดขายที่วางไว้ ในขณะที่เรามีสินค้าคงเหลือพร้อมขาย(Inventory) ทั้งอาคารชุดพักอาศัยและบ้านพักอาศัย มูลค่ารวม 9,500 ล้านบาท และบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อีกมูลค่า 2,700 ล้านบาท

นายโอภาสกล่าวอีกว่า ปัจจุบัน LPN อยู่ระหว่างการปรับปรุง Business Model เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้รวมแตะระดับ 20,000 ล้านบาท ในปี 2567 ซึ่งในปี 2564 เป็นปีแรกที่มีการปรับโครงสร้างและกลยุทธ์องค์กร ซึ่งจะค่อยๆเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้บริษัทเดินหน้าในการสร้างการเติบโตกลับมา แม้ว่าในปัจจุบันจะมีปัจจัยกดดันต่อภาพรวมของธุรกิจเข้ามาอยู่ แต่เชื่อมั่นว่า หากปัจจัยที่กดดันได้ผ่านพ้นและคลี่คลายลงไป บริษัทมีความพร้อมที่จะเดินหน้ารุกธุรกิจอย่างเต็มที่เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้



โดยในการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 นายโอภาส กล่าวว่า บริษัทมีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่สำหรับบ้านพักอาศัย ภายใต้แบรนด์ "Villa 168 @ Westgate" เป็นบ้านพักอาศัยที่ถูกออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัว (Privacy) มีเพียง 20 หลัง บนทำเลศักยภาพย่านบางใหญ่ ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ มูลค่าโครงการ 226 ล้านบาท และเปิดตัวบ้านพักอาศัยอีก 2 โครงการภายใต้แบรนด์ "ลุมพินี ทาวน์เพลส" ที่ ลาดพร้าว 101-โพธิ์แก้ว มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท และ "ลุมพินี ทาวน์วิลล์" ที่ สายไหม 18-สะพานใหม่ มูลค่าโครงการ 562 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเปิดตัวโครงการอาคารชุดพักอาศัย 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ "ลุมพินี วิลล์ จรัญฯ-ไฟฉาย" มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และโครงการ "ลุมพินี มิกซ์ นราธิวาส-รัชดา" มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท โดยจะทะยอยเปิดตัวโครงการเมื่อสถานการณ์ล็อกดาวน์คลี่คลาย

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายได้เร็ว บริษัทอาจจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นโครงการอาคารชุดภายใต้แนวคิดใหม่ที่ตอบโจทย์สำหรับคน Gen Y และ Young Affluent ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีความเป็นส่วนตัว (Privacy) สะดวกสบาย ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีในรูปแบบของ "Smart Residence" ที่เราอาจจะเปิดตัวได้ปลายปีนี้หรือต้นปี 2565



นายโอภาส กล่าวอีกว่า ตลาดอสังหาฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2563 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าแนวโน้มของตลาดอสังหาฯ จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 โดยประมาณการณ์ว่า ตลาดอสังหาฯ จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่เติบโตประมาณ 5-10% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯ เร่งเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อมาชดเชยกับสินค้าคงเหลือที่ลดลง เพื่อให้สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องในปี 2565-2567



ขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำและการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการส่งออก เป็นปัจจัยบวกที่กระตุ้นเศรษฐกิจและยอดขายอสังหาฯ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ยังคงเป็นเรื่องของภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นแตะระดับ 90% ทำให้สถาบันการเงินระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Mortgage Loan) มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงในระดับ 40-50% ประกอบกับความไม่มั่นใจในรายได้ในอนาคตของกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มที่ทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อ ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว บริษัทได้มีแนวทางในการช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยบริษัทได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินทำหน้าที่ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) ให้กับลูกค้าในการจัดทำฐานะทางการเงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ บริษัทยังมีแคมเปญ "Staff Get Member" เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งหลังของปี รวมถึงเตรียมออกกลยุทธทางการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น
#2976



"ชัยวุฒิ" มอบหมาย บ.ไปรษณีย์ไทย ใช้จุดแข็งในศักยภาพด้านการขนส่ง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจรายย่อยและสินค้าเกษตรฝ่าวิกฤติโควิด-19 ควบคู่สนับสนุนระบบสาธารณสุข รับอาสาขนส่งฟรีอุปกรณ์การแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ และให้ความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์พักคอยสำหรับดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ใช้ศักยภาพด้านการขนส่งและเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในช่วงการระบาดโควิด-19 ช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบการ เกษตรกร พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนระบบสาธารณสุข ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นอีกครั้ง

โดยในส่วนของการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จะครอบคลุมทั้ง การออกโปรโมชันเพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งให้กับผู้ประกอบการ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลผลิตให้กับเกษตรกรผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เว็บไซต์ Thailandpostmart.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมสินค้าเกษตรและวิสาหกิจชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าร่วมขายสินค้ากว่า 6,500 ราย มีสินค้ามากกว่า 17,000 รายการจากทั่วทุกภูมิภาค

ทั้งนี้ ปณท ได้ปรับลดอัตราค่าบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ในพิกัดน้ำหนักตั้งแต่เกิน 2,000 กรัมขึ้นไป และให้การสนับสนุนการส่งผลผลิตของเกษตรกรในราคากล่องเหมาจ่าย ด้วยบริการ EMS พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางการขายให้กับผู้ประกอบการและเกษตรกร เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยยังสามารถเดินหน้าต่อได้ในภาวะวิกฤติ

นอกจากนี้ ยังมีบริการ Pick up Service รับฝากพัสดุถึงบ้าน อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ผู้ใช้บริการไม่ต้องออกจากบ้าน ลดความเสี่ยงการสัมผัสเชื้อโควิด-19 โดยสามารถใช้บริการดังกล่าวได้ทางไลน์ออฟฟิเชียล @ThailandPost



"ผมยังได้มอบหมายให้ ปณท สนองนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาลด้วยการสนับสนุนระบบสาธารณสุขในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 ได้แก่ การช่วยขนส่งอุปกรณ์การแพทย์ไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการส่ง การส่งยาและเวชภัณฑ์จากโรงพยาบาล ไปให้ผู้ป่วยทั่วไป และผู้ป่วยโควิด -19 สีเขียวในโครงการ Home Isolation-Community Isolation ให้ความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์พักคอยสำหรับดูแลผู้ป่วยโควิด-19 สีเขียว เพื่อรอการนำส่งต่อไปรักษาที่สถานพยาบาลต่อไป" นายชัยวุฒิ กล่าว



ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนระบบสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด -19 โดยมีโครงการ "ส่งความห่วงใย ส่งให้ สู้ภัย COVID-19" ซึ่งได้รวบรวมอุปกรณ์การแพทย์จากคนไทย จัดส่งฟรีให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศแล้วกว่า 2.2 แสนกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าการจัดส่งกว่า 8 ล้านบาท ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรขนส่งเตียงกระดาษไปให้โรงพยาบาลสนามต่างๆ ทั่วประเทศฟรีกว่า 2,300 เตียง จัดทำโครงการ "ไปรษณีย์ reBOX" โดยร่วมกับ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) นำกล่อง/ซองกระดาษที่รวบรวมจากคนไทยน้ำหนักกว่า 23,500 กิโลกรัม มาแปรรูปเป็นเตียงกระดาษ อีกทั้งร่วมกับองค์การเภสัชกรรม เตรียมพร้อมเปลี่ยนกล่อง/ซองเป็นหน้ากากอนามัย บรรจุใน กล่องBOXบุญ ที่จะส่งมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น
#2977



เอสซีจี เซรามิกส์ ขึ้นแท่นบริษัทยั่งยืนที่น่าลงทุน ผลประกอบการไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก 64 แข่งขันได้กำไรต่อเนื่อง โชว์นวัตกรรมกระเบื้องฟอกอากาศ พร้อมดันแบรนด์ SUSUNN ลุยธุรกิจพลังงานทางเลือกเต็มตัว

นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยงบการเงินรวมก่อนสอบทาน ของ COTTO ในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ว่า บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 16 จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสำหรับงวด 177 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 328 โดยในไตรมาสนี้บริษัทยังคงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้ดีอย่างต่อเนื่องจึงทำให้ผลประกอบการใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ โดยผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการขาย 5,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทสามารถทำกำไรสำหรับงวดได้ 364 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 119 ใกล้เคียงที่คาดการณ์ไว้



"แม้ว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวสูงขึ้นมากแต่ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรายังสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตให้เป็นไปตามแผนงานได้ สำหรับยอดขายไตรมาสนี้และในครึ่งปีแรกจะเห็นได้ว่าสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนมากแม้ว่าการระบาดของ COVID-19 จะมีความรุนแรงมากกว่าปีที่แล้ว แต่เนื่องจากในปีนี้ช่องทางจัดจำหน่ายที่สำคัญ โดยเฉพาะโมเดิร์นเทรดและร้านผู้แทนจำหน่ายขนาดใหญ่ ยังสามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติจึงทำให้ยอดขายในตลาดระดับกลาง-ล่างยังเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงทั้งลาวและกัมพูชา ตลอดจนสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเมียนมาร์ ส่งผลให้ยอดขายในส่วนของตลาดต่างประเทศลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน"

นายนำพล กล่าวต่อว่า ภาวะตลาดในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ คาดว่าผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าและมีความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในภาพรวมยังไม่ฟื้น เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมากจากปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งจากความยืดเยื้อของการระบาด และการกลายพันธุ์ของไวรัสที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการใช้จ่ายในประเทศ แผนการเปิดประเทศ การปิดกิจการ และการเลิกจ้างแรงงาน ล่าสุด การแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ที่กระจายตัวไปยังแคมป์ก่อสร้างมีผลกระทบเพิ่มเติมทำให้เกิดภาวะการขาดแคลนแรงงานด้วย ส่วนแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะมีการชะลอโครงการใหม่และหันมาเร่งการโอนในปัจจุบันให้เร็วขึ้น ซึ่งภาครัฐอาจจะช่วยกระตุ้นได้ด้วยมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจ มาตรการฟื้นฟูการสร้างรายได้ให้ประชาชน และเร่งฉีดวัคซีนป้องกันให้ครอบคลุมจำนวนมากที่สุด



อย่างไรก็ตามแม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะชะลอตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าแต่สำหรับตลาดสร้างซ่อมตกแต่งต่อเติมเห็นว่ามีแนวโน้มที่ยังไปต่อได้โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผู้คนต่างก็มีประสบการณ์ที่ต้องเก็บตัวอยู่ในที่พักอาศัยเป็นระยะเวลานาน กระตุ้นให้เกิดความต้องการที่จะปรับปรุงและเตรียมความพร้อมของที่อยู่อาศัยเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงเร่งออกสินค้านวัตกรรมในกลุ่ม Health and Clean อย่างต่อเนื่อง โดยมั่นใจว่าหลังจากสถานการณ์ฯ คลี่คลายลง จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญและใส่ใจในเรื่องสุขภาพ

"COTTO ยังคงเป็นผู้นำเทรนด์เรื่องสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ภายในบ้านและที่พักอาศัย จากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือฝุ่น PM2.5 มีปริมาณสูงเกินค่ามาตรฐานทุกปีส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศ และเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ล่าสุด ได้ออกสินค้า "กระเบื้องฟอกอากาศ" หรือ AIR ION (แอร์ ไอออน) ที่มีคุณสมบัติช่วยลดฝุ่นละอองขนาดเล็กซึ่งเป็นภัยร้ายใกล้ตัวมากกว่าที่คาดคิด โดยเมื่อติดตั้งกระเบื้อง AIR ION 40% ของพื้นที่ บนพื้นหรือผนังของห้องจะสามารถดักจับฝุ่น PM2.5 ได้ถึง 89% โดยคุณสมบัติฟอกอากาศนี้เกิดจากชั้นเคลือบของกระเบื้องที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุธรรมชาติที่มีคุณสมบัติปล่อยไอออนลบออกมากว่า 3,000 ไอออนต่อลูกบาศก์เซนติเมตร เพื่อเข้าจับฝุ่นละอองที่ลอยตัวฟุ้งอยู่ในอากาศให้ตกสู่พื้นจนเหลือเพียงอากาศที่สะอาดตลอดทั้งวัน โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่ม"



ทั้งนี้ในส่วนของแบรนด์ "SUSUNN" ที่ดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดจำหน่ายและติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนซึ่งเป็นพลังงานสะอาดหลากหลายประเภท ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มเปิดตัวแบรนด์ SUSUNN อย่างจริงจัง โดยลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในส่วนของโครงการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารสำนักงาน บริษัทโอสถสภา จำกัด (มหาชน) เรื่องเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงาน หรือ Energy Saving ทั้งในด้าน Solar Business ด้าน Energy Audit และ โครงการซื้อขายไฟฟ้าและคาร์บอนเครดิต ผ่านคนกลาง บน SUSUNN Platform ล่าสุด ยังได้ร่วมลงนามในสัญญาความร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกของ เอสซีจี เซรามิกส์ ด้วย

"แบรนด์ SUSUNN ถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมของผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทนอย่างแท้จริงโดยที่ผ่านมาบริษัทได้รับรางวัลการันตีทั้งจากในและต่างประเทศทั้ง Thailand Energy Award และ ASEAN Energy Award หลายปีซ้อน โดยเราได้เริ่มดำเนินธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบมาประมาณ 2 ปีแล้ว และมีลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มวัสดุวาล์วและข้อต่ออุตสาหกรรม เช่น บริษัท เอ็ม.เจ.บางกอกวาล์วและฟิตติ้ง จำกัด, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) กลุ่มผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติก เช่น บริษัท มัลติแบกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือแม้กระทั่งกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น นิคมอุตสาหกรรมสงขลา ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ)"

โดยตลอด 2 ปีที่ผ่านมามีรายได้จากสินค้าและบริการรวมแล้วประมาณ 227 ล้านบาท ถึงแม้จะยังไม่สูงมากแต่ก็ถือว่าสอดคล้องกับเทรนด์การเติบโตของตลาดธุรกิจพลังงานสะอาดในประเทศที่มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาทและคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากนี้ไปในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า จากการวางแผนขยายกลุ่มเป้าหมายจากเดิมและบริการเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เช่น การนำเสนอนวัตกรรมด้านพลังงานแสงอาทิตย์ อาทิ แผงโซล่าร์เซลล์ แบบ BIPV (Building Integrated Photovoltaics) ที่ใช้แทนวัสดุก่อสร้าง เช่น หลังคาหรือผนัง โรงจอดรถพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Carport with EV Charger รวมถึงนำเสนอระบบการจัดการพลังงาน เช่น ระบบตรวจรับรองการจัดการพลังงาน ระบบตรวจวัดวิเคราะห์การใช้พลังงาน ตลอดจนจัดทำโครงการอนุรักษ์พลังงานให้กับสถานประกอบการของลูกค้าด้วยมาตรฐานระดับสากล และจัดทำโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายด้านพลังงานของภาครัฐในอนาคต เช่น โครงการซื้อขายไฟฟ้าและคาร์บอนเครดิตผ่านคนกลาง เป็นต้น

นอกจากนี้ ในปีนี้ยังมีเรื่องที่น่ายินดีที่ บริษัทเอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ได้รับคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ให้อยู่ในทำเนียบ "บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน" หรือ ESG Emerging List ในฐานะบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) และเป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนแบบยั่งยืนที่ทนทานต่อวิกฤตการณ์โควิด โดย COTTO เป็น 1 ใน 24 หลักทรัพย์ที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าอยู่ในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2564 และติดกลุ่มหลักทรัพย์ยั่งยืนที่น่าลงทุน หรือ ESG100 ประจำปีด้วย

โดยล่าสุดจากการประเมินภาพรวมผลการดําเนินงานของ บริษัทฯ โดย สถาบันไทยพัฒน์ พบว่า บริษัทฯ ได้มีการเปิดเผยข้อมูลผลการดําเนินงานทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ผลการดำเนินงานด้านสังคมและผลการดำเนินงานด้านธรรมาภิบาล โดยมีภาพรวมผลการประเมินอยู่ในระดับ GOLD ซึ่งเป็นระดับสูงสุดด้วย
#2978



โค้งสุดท้ายโปรเจกต์ความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่าง LOVEiS Entertainment และ JOOX ในชื่อ "LOVEiSJOOXSpotlight" เปิดออดิชันเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในดนตรี ได้มีโอกาสร่วมงานกับทีมทำเพลงค่าย LOVEiS Entertainment และสังกัดค่ายย่อย อาทิ PROM+, marr, LIT ENTERTAINMENT, HOLYFOX, LABo ที่ล้วนแต่มีศิลปินดัง เช่น นนท์-ธนนท์, กัน-นภัทร, MEAN, เฟิร์ส-อนุวัตน์ โดยไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดอายุ

โค้งสุดท้ายโปรเจกต์ความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่าง LOVEiS Entertainment และ JOOX ในชื่อ "LOVEiSJOOXSpotlight" เปิดออดิชันเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในดนตรี ได้มีโอกาสร่วมงานกับทีมทำเพลงค่าย LOVEiS Entertainment และสังกัดค่ายย่อย อาทิ PROM+, marr, LIT ENTERTAINMENT, HOLYFOX, LABo ที่ล้วนแต่มีศิลปินดัง เช่น นนท์-ธนนท์, กัน-นภัทร, MEAN, เฟิร์ส-อนุวัตน์ โดยไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดอายุ

ผู้ที่สนใจสามารถกรอกใบสมัครเข้าร่วมออดิชันได้ทางออนไลน์ อัปโหลดคลิปวิดีโอแสดงความสามารถความยาวไม่เกิน 5 นาที ไม่ว่าจะร้อง เต้น มาเดี่ยว มาแบบวงได้ทั้งหมดที่ JOOX BUZZ พร้อมใส่ #loveisjoox spotlight เปิดรับสมัคร ถึง 7 ส.ค.64 ชิงเงินรางวัล ชนะเลิศ 100,000 บาท

"จี๊บ-เทพอาจ กวินอนันต์" ซีอีโอเลิฟอิส เผยว่า "ในปีนี้เรากำลังมองหาและค้นหา พร้อมให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาแสดงฝีมือจากทั่วประเทศ ทั้ง 6 ค่ายส่งโปรดิวเซอร์ มือฉมังคนดนตรีตัวจริง มาคัดเองทั้ง Danai Dano, Oui Buddha Bless, Build (Lemon Soup), Palm Pawee, Pat Vorapat, Dome Jaruwat โฟกัสที่ความสามารถสูงสุด ตามด้วยบุคลิกภาพที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ คัดรอบแรกเหลือ 100 คลิป ออดิชันออนไลน์กับคณะกรรมการในรอบที่ 2



นอกจากนี้ยังเปิดโหวตอีกทางให้เพื่อนๆ พี่น้อง ครอบครัวได้โหวตสนับสนุนคนที่เรารักและผลักดันให้เค้าไปสู่ฝันเป็นศิลปิน ยอดหัวใจของ 100 คลิปผลงานที่ผ่านเข้ารอบแรก 1 หัวใจ เรามอบ 1 บาท นำไปช่วยเหลือวิกฤติโควิด-19 ต่อไป ติดตามได้ที่ Facebook/ IG/ Twitter : LOVEiS, JOOX Thailand, Application: JOOX.
#2979



ในบทความที่แล้วได้เขียนถึงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา หลักสูตรนี้มีลักษณะเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ โดยได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของอิสระในการบริหารจัดการ

ในบทความที่แล้วได้เขียนถึงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา หลักสูตรนี้มีลักษณะเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ โดยได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของอิสระในการบริหารจัดการที่จะเอื้อให้การนำหลักสูตรฐานสมรรถนะไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เลยอยากเขียนต่อในเรื่องนี้ โดยเน้นประเด็นการนำหลักสูตรไปใช้ที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) หรือ อีอีซี และหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่สามารถทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผสานเป้าหมายของ อีอีซี กับหลักสูตรแกนกลาง

เมื่อกล่าวถึงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน คนทั่วไปมักจะนึกถึงตัวหลักสูตรหรือเอกสารหลักสูตรว่ากล่าวถึงอะไรบ้าง กำหนดอะไรไว้บ้าง กล่าวง่าย ๆ คือมีสมรรถนะอะไรบ้าง สอนอะไร เน้นอะไร แต่หากจะมองในลำดับถัดไป การปฏิบัติการนำหลักสูตรไปใช้ในพื้นที่เป็นเรื่องสำคัญ และขั้นตอนนี้เองที่ต้องคำนึงถึงบริบทเฉพาะของแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะเป้าหมายการพัฒนาคนในพื้นที่ และควรตอบสนองความต้องการของพื้นที่ด้วย

ดังนั้นในการพัฒนาเชิงพื้นที่ กลไกสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามคือ การมองตัวเองเป็น เห็นตัวเองชัด เป็นการรู้ว่าเป้าหมายของการพัฒนาคนคืออะไร และในพื้นที่มีอะไรอยู่ เพื่อให้การใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะผสานกรอบสมรรถนะที่กำหนดในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานและเป้าหมายการพัฒนาคนตามอุตสาหกรรมป้าหมายใน อีอีซี

หลักสูตรฐานสมรรถนะให้ความสำคัญกับการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียน ยึดสมรรถนะเป็นเป้าหมายของการจัดการศึกษา เพราะฉะนั้นต้องรู้ว่าสมรรถนะอะไรที่เป็นผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียน สมรรถนะจะมีความหมายเมื่อรู้ว่าผู้เรียนจะเรียนไปเพื่อทำอะไร

การกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายใน อีอีซี เป็นธงที่ชัดมากในการพัฒนากำลังคน ทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีทิศทาง แสดงให้เห็นถึงความต้องการของพื้นที่ว่าต้องการกำลังคนไปทำอะไร การเขียนไว้ในแผนการดำเนินงานอย่างชัดเจนถือว่าเป็นเป้าหมายการศึกษาสำคัญของพื้นที่ที่ถือว่าเป็นข้อดีของการวางแผนการจัดการศึกษาในพื้นที่ โดยเฉพาะการรองรับการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะ

ที่ต้องทำสืบเนื่องจากจุดนี้คือ การกำหนดหรือระบุสมรรถนะของกำลังคนที่สอดคล้องกับงานต่าง ๆ ให้ชัดเจน ต้องระบุให้ได้ว่างานต่าง ๆ ต้องการกำลังคนที่มีสมรรถนะอะไร เพื่อให้เป้าหมายการพัฒนาคนมีความละเอียดและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น การระบุสมรรถนะของกำลังคนสามารถแยกตามอุตสาหกรรมเป้าหมายแต่ละประเภทได้ เช่น สมรรถนะของกำลังคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมดิจิทัล สมรรถนะของกำลังคนในอุตสาหกรรมการพัฒนาบุคลากรและการศึกษา ซึ่งกำลังคนเหล่านี้อาจจำแนกแยกย่อยตามประเภทหรือชนิดของาน จะทำให้ได้สมรรถนะที่ละเอียดมากขึ้น

ประเด็นคือเป้าหมายในการพัฒนาคนในพื้นที่มักไม่ได้ระบุไว้อย่างเฉพาะเจาะจงว่าระดับการศึกษาใดต้องพัฒนาให้เกิดสมรรถนะอะไรบ้างอย่างแน่ชัด การนำเป้าหมายการพัฒนาคนมาแตกเป็นสมรรถนะและแยกการพัฒนาสมรรถนะตามระดับการศึกษา จึงเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการโดยทั่วไป และเป็นที่ต้องการของ อีอีซี เพื่อให้การศึกษาแต่ละระดับพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายได้ตามที่พึงจะเป็น 

สำหรับการนำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานสู่การปฏิบัติการในพื้นที่ ต้องช่วยให้ผู้เรียนบรรลุสมรรถนะในระดับที่การศึกษาขั้นพื้นฐานพัฒนาและเตรียมผู้เรียนให้ต่อยอดในการศึกษาที่สูงขึ้นและการเข้าสู่โลกของการทำงานในอนาคต

การบูรณาการกันระหว่างกรอบหลักสูตรแกนกลางกับความต้องการของพื้นที่เป็นงานที่ท้าทาย การเชื่อมโยงสมรรถนะของกำลังคนตามอุตสาหกรรมเป้าหมายกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่ที่เป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะต้องการการทำงานที่ประณีต และอาศัยความร่วมมือของหลายฝ่ายในพื้นที่ อีอีซี ช่วยกันมองช่วยกันคิดอย่างเป็นระบบ หากทำได้อย่างดี การนำหลักสูตรไปใช้จึงจะสามารถตอบสนองเป้าหมายชาติและตอบโจทย์ในพื้นที่ไปพร้อมกันได้อย่างมีคุณภาพ
#2980
บ้านถั่วลิสง The Peanut House  เรื่องถั่ว... พวกเราถนัด
สืบสานตำนานความอร่อยแล้วก็ส่งต่อภูมิปัญญาในการผลิตถั่วลิสงจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก

 โรงงานถั่วลิสง "ซินกวงน่าน" เป็นโรงงานทำถั่วลิสงเพียงแห่งเดียวในจังหวัดน่าน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2521 จนกระทั่งปัจจุบันได้พัฒนาตนเองสู่โรงงานแปรรูปถั่วลิสงครบวงจร ตั้งแต่คัดเลือกเมล็ดพันธ์ลงแปลงปลูกโดยเครือข่ายเกษตรกรของพวกเรา เก็บเกี่ยวรวมทั้งส่งถั่วลิสงไปสู่ขั้นตอนการแปรรูปที่สะอาดปลอดภัยได้มาตรฐาน จนมาเป็นผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงในรูปแบบต่างๆที่พร้อมส่งต่อซินกวงน่านถึงมือคุณ


ประวัติความเป็นมาของพวกเราและแกลลอรี่ถั่วลิสง Our History & Peanut Gallery
ชมประวัติความเป็นมาของโรงงานถั่วลิสงดั้งเดิมเพียงแห่งเดียวของจังหวัดน่าน แผนภาพขั้นตอนการผลิตวัตถุดิบและก็ขั้นตอนแปรรูปสินค้าถั่วลิสง นอกเหนือจากนั้นเชิญทำความรู้จักกับ "ต้นถั่วลิสง" จำลองขนาด 2.5 เมตรที่ออกแบบรวมทั้งทำขึ้นเพื่อให้ได้มองเห็นลำต้น ดอก ใบ และเมล็ดถั่วลิสงคล้ายจริงที่สุดที่นี่ที่เดียวในประเทศไทย และคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากถั่วลิสง - ธัญพืชที่ให้โปรตีนแทนเนื้อสัตว์และไขมันที่ร่างกายต้องการแต่ว่าไม่สามารถสร้างเองได้





 ผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงและก็ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปจังหวัดน่าน Peanuts and many moreภายในร้านบ้านถั่วลิสง นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถั่วลิสงแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปของจังหวัดน่านที่มีคุณภาพจำนวนมากหลายหลากให้ได้เลือกซื้อเป็นของฝากจากจังหวัดน่านสำหรับคนที่รักและคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมัลเบอรี่ ลูกเดือย กาแฟ ข้าว ถั่ว งา รวมทั้งธัญพืชในลักษณะต่างๆ ตลอดจนสมุนไพรที่ถูกเอามาแปรรูปเป็นเครื่องสำอางรวมทั้งยาด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านผสมผสานกับนวัตกรรมยุคใหม่ 





 กาแฟน่านและเบเกอรี่จากถั่วลิสง Nan Coffee and Peanut Bakery
กาแฟที่เสิร์ฟในร้านบ้านถั่วลิสงเป็นกาแฟอาราบิก้าผสมโรบัสต้าในสัดส่วนที่พอดี หอมอร่อย คั่วเข้ม โดยเลือกใช้เม็ดกาแฟเดอม้ง ซึ่งปลูกรวมทั้งผลิตโดยชุมชนบ้านมณีพฤกษ์ ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จ.น่าน ซึ่งเป็นกาแฟที่ผ่านการคัดสรรสายพันธ์ที่ดีที่เหมาะกับการปลูกในความสูงจากระดับน้ำทะเล 1400-1600 เมตร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้พี่น้องชาวบ้านมณีพฤกษ์มีรายได้ยั่งยืน มีอาชีพที่มั่นคง แล้วก็ช่วยรักษาแล้วก็ฟื้นฟูป่าน่านให้อุดมสมบูรณ์ต่อไป  นอกเหนือจากนี้ยังมี "พีนัทซอฟท์เค้ก" รวมทั้ง "พีนัทเบคชีสเค้ก" เบเกอรี่โฮมเมดที่มีส่วนผสมของเนยถั่วลิสงแล้วก็นมถั่วลิสงที่แสนอร่อย หวานน้อย ครีมเบานุ่ม ไม่เลี่ยน  และหอมกลิ่นเนยถั่วลิสง ซึ่งหาทานได้ที่บ้านถั่วลิสงเท่านั้น
 

นมถั่วลิสง Peanut Milk
ไฮไลต์ที่คุณไม่ควรพลาดบ้านถั่วลิสงชวนชิม "น้ำนมถั่วลิสง" Peanut Milk ที่ทำมาจากถั่วลิสง 100% ไม่มีครีมเทียม และก็หัวนมผง และไม่ใส่สารแต่งสีแต่งกลิ่น เป็นน้ำนมจากถั่วลิสงตามธรรมชาติ ต้มสดทุกรุ่งเช้า หอม อร่อย ทานง่าย มีเสริฟทั้งเมนูร้อน เย็น ปั่น ให้ทุกท่านได้ทดลองตรงนี้ที่เดียวในน่าน นมถั่วลิสงให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ เหมาะสำหรับทั้งเด็กและก็ผู้ใหญ่ ผู้รักสุขภาพ คนที่แพ้นมจากสัตว์  


บ้านถั่วลิสงเปิดรับกรุ๊ปเยี่ยมชมดูงานกรรมวิธีแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับกลุ่มแม่บ้าน วิสาหกิจชุมชน นักศึกษา นักเรียน หรือกรุ๊ปท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์เพื่อเปิดประสบการณ์เกี่ยวกับการแปรรูปถั่วลิสง (รับเป็นคณะ 20 คนขึ้นไป รวมทั้งติดต่อล่วงหน้าเท่านั้น)