• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - dsmol19

#2921


ทวิตเตอร์ คือ สิ่งที่เกิดขึ้น #WhatsHappening และสิ่งที่ผู้คนกำลังพูดถึง ในช่วงของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทวิตเตอร์ได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญของข่าวสารและข้อมูลล่าสุดที่มาจากแหล่งข่าวน่าเชื่อถือ ในช่วงเวลานี้ที่ #StayAtHome และ #WorkFromHome กลายเป็นเรื่องปกติของใครหลายๆ คน ทำให้

ไลฟ์สไตล์และรูปแบบของการบริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับหวยออนไลน์การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ของผู้บริโภคในช่วงของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทวิตเตอร์จึงได้วิจัยบทสนทนาที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคบนทวิตเตอร์ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2020 - 31 พฤษภาคม 2021 พบว่าในช่วงการแพร่ระบาด

ของโควิด-19 มีบทสนทนาเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่ได้ถูกพูดถึง 5 อันดับแรก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป, เครื่องดื่ม, ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม, ผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว และผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน

ผลการวิจัยพบว่า ในประเทศไทยมี 3 เทรนด์ที่สำคัญเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่

1.การเติบโตอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซ

ช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 อีคอมเมิร์ซเป็นเพียงเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง แต่ปัจจุบันนี้อีคอมเมิร์ซและการ
ส่งของออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย ตลาดนัดขายของแบบเดิมถูกดิสรัปต์ และ
ทวิตเตอร์ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้บริโภคจะเข้ามาค้นหาข้อมูลและสั่งซื้อสินค้าในปัจจุบัน

2. การล็อกดาวน์บางส่วนไม่ได้เป็นแค่แรงขับเคลื่อนเดียวที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในประเทศไทย

ถึงแม้ว่าการล็อกดาวน์บางส่วนและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคจะมีความเกี่ยวพันกันอยู่บ้าง
แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป จากการวิจัยของทวิตเตอร์พบว่าแม้จะอยู่ในช่วงที่มีการผ่อนปรนมาตรการการลงเพื่อให้ห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารเปิดให้ผู้คนเข้ามาใช้บริการได้ แต่บทสนทนาบนทวิตเตอร์ยังคงพูดถึงเรื่องของการ
ซื้อของที่สะดวกสบาย ซึ่งอีคอมเมิร์ซคือตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเทรนด์ของผู้บริโภคไทยที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องในอนาคต

3. แม้ว่าโปรไฟล์กลุ่มเป้าหมายของสินค้าอุปโภคบริโภคแต่ละกลุ่มจะมีความแตกต่างกัน แต่ก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่ในบางเรื่อง

ผู้หญิงจะมีอิทธิพลในบทสนทนายอดนิยม 5 อันดับแรกทั้งหมดที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป, เครื่องดื่ม, ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม, ผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว และผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เท่ากันทั้งหมดในทุกบทสนทนา แต่จากการวิจัยพบว่าผู้หญิงจะทวีตข้อความเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคมากกว่าผู้ชาย อีกทั้งยังพบว่านอกเหนือไปจากบทสนทนาที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค 5 อันดับแรก กลุ่มเป้าหมายก็ยังมีความคล้ายคลึงกันใน

บทสนทนาหัวข้ออื่นๆ อย่างเช่นโปรไฟล์ของกลุ่มเป้าหมายในเรื่องของ "ความสนใจอื่นๆ" โดย 2 อันดับแรกที่เหมือนกัน ได้แก่ ดนตรีและศิลปะ

ชานดาน ดีฟ หัวหน้าแผนก Emerging Business ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทวิตเตอร์ เปิดเผยว่า "ไม่แปลกใจเลยที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวิถีการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนในปัจจุบัน รวมไปถึงผู้คนบนทวิตเตอร์ในประเทศไทย เราเห็นว่าเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคได้กลายมาเป็น บทสนทนาที่สำคัญ และคนไทยอยากจะเป็นคนแรกที่ได้ซื้อ ลองใช้ และแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าใหม่ชนิดนั้นอย่างไร แบรนด์เองก็รู้สึกตื่นเต้นที่กลุ่มเป้าหมายขยับใกล้เข้ามามากยิ่งขึ้นและเลือกใช้ทวิตเตอร์ในการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพนับล้านคนบนทวิตเตอร์"

บทสนทนาเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค 5 อันดับยอดนิยมบนทวิตเตอร์ประเทศไทย ได้แก่

1. ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป (Packaged Food)

บทสนทนาที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปบนทวิตเตอร์ประเทศไทยเกิดขึ้นทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และยังเป็นอันดับหนึ่งจากทั้ง 5 อันดับในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งมีการเติบโตขึ้นถึง 22% นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของ ปี 2020 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2021 ซึ่งมีแรงประสานร่วมกันที่ชัดเจนระหว่างการเติบโตของบทสนทนาบนทวิตเตอร์และการล็อกดาวน์บางส่วน

เนื่องจากคนไทยที่ใช้งานทวิตเตอร์ชอบพูดคุยกันในเรื่องของอาหารตั้งแต่สินค้า ผลิตภัณฑ์อาหาร ร้านอาหาร ไปจนถึงตัวเลือกในการช้อปปิ้งอาหารผ่านออนไลน์ อีกทั้ง นวัตกรรมสินค้ารสชาติใหม่ๆ ขนมรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น และการเปิดตัวสินค้าบนทวิตเตอร์ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเนื่องจากคนไทยบนทวิตเตอร์ต้องการเป็นคนแรกที่ได้ซื้อและได้ลอง

ในขณะที่ บทสนทนาเกี่ยวกับการทำอาหารและการทำขนมเป็นหัวข้อยอดนิยมมาตั้งแต่ก่อนจะเกิดโควิด-19 แล้ว แต่ในไตรมาสแรกของปี 2021 บทสนทนาบนทวิตเตอร์ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับความสะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะความนิยมเกี่ยวกับขนมขบเคี้ยว ของกินเล่น ความชื่นชอบในการซื้อผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปจากร้านสะดวกซื้อและร้านค้าปลีกที่เป็นอีคอมเมิร์ซ

เครดิตทวีตจาก: https:// twitter.com/NanJeera/status/1370003555654934528

2. เครื่องดื่ม (Beverages)

ช่วงโควิด-19 มีบทสนทนาเกี่ยวกับเครื่องดื่มบนทวิตเตอร์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบทสนทนาเกี่ยวกับเครื่องดื่มมักมีความเชื่อมโยงกับอาหารและได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมาก จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ และการดึงเหล่าเซเลบริตี้ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ อาทิ เป๊ก ผลิตโชค (@peckpalit) วงแบล็กพิงก์ (@BLACKPINK) และดาราไทยจากซีรีส์ F4 ซึ่งช่วยขับเคลื่อนบทสนทนาและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับกลุ่มผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

เครดิตทวีต: https:// twitter.com/winnieboy_2102/status/1409496936739004416

เทรนด์ของบทสนทนาเกี่ยวกับเครื่องดื่มในไตรมาสแรกของปี 2021 จะเป็นพวกเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะเครื่องดื่มที่ช่วยในเรื่องของความงามและผิวพรรณ และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน

3. ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (Hair Care)

บทสนทนาที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศที่มีจำนวนมากที่สุดในช่วงที่มีการแพร่ระบาด คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมโดยมีวัฒนธรรมป็อบเป็นตัวหลักในการจุดกระแสของบทสนทนาหัวข้อนี้ ไม่ว่าจะเป็นสีผมหรือสไตล์ทรงผมล่าสุดของศิลปินดารา K-pop และไอดอลไทยที่ทำให้แฟนๆ เข้ามาพูดคุยและตอบรับกับกระแสอย่างต่อเนื่อง

บนทวิตเตอร์ บทสทนาที่กำลังมาแรงนี้มีวิวัฒนาการตั้งแต่การขายสินค้าและการรีวิวสินค้าในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 มาจนถึงการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะในไตรมาสแรกของปี 2021 เนื่องจากคนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มากขึ้นและมีการแชร์เคล็ดลับรวมถึงการแนะนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ

เครดิตทวีตจาก: https:// twitter.com/eri_pmpm/status/1365135239983423489


เนื่องจากความอยากที่เป็นผู้นำเทรนด์ล่าสุด คนไทยบนทวิตเตอร์จึงเป็นคนกลุ่มแรกที่อยากซื้อและทดลองใช้สินค้าหรือสไตล์ใหม่ๆ ล่าสุด นอกจากนี้ยังกระตือรือร้นที่จะแชร์คำแนะนำต่อให้กับคนอื่นๆ ทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นตลาดในการขายสินค้าและเป็นแหล่งข้อมูลใหม่ล่าสุดของเทรนด์ในการดูแลเส้นผมอีกด้วย

เครดิตทวีตจาก: https:// twitter.com/Hamkdy_/status/1421072145329709066

4. ผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว (Personal and Skin Care)

บทสนทนาที่เกี่ยวกับความงามบนทวิตเตอร์ประเทศไทยยังคงได้รับความนิยมและแทบไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าบทสนทนาหัวข้อนี้ได้รับความนิยมมากสุดในกลุ่มผู้หญิง 62% แต่การทวีตข้อความที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิวก็ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชายมากถึง 38%

กลุ่มเป้าหมายชาวไทยบนทวิตเตอร์เปิดใจรับกับผลิตภัณฑ์ความงาม ทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นสถานที่สำหรับแบรนด์ต่างๆ ในการเปิดตัวสินค้าดูแลและบำรุงผิวตัวใหม่ล่าสุด และด้วยความอยากลองใช้สินค้าตัวใหม่ล่าสุด คนไทยบน ทวิตเตอร์จึงรีบไปซื้อสินค้ามาลองใช้เพื่อแชร์ประสบการณ์ในการใช้งาน

นอกจากนี้คนส่วนใหญ่ยังชอบแนะนำและ ขายต่อ ทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมสำหรับผลิตภัณฑ์ความงามและแบรนด์ต่างๆ เพราะว่าคนไทยยังคงมองหาสินค้าที่จะมาใช้ในกิจวัตรการดูแลความงามของตัวเองอย่างต่อเนื่องในช่วงโควิด

ซึ่งบทสนทนาในหัวข้อนี้ก็ไม่ได้ขับเคลื่อนเฉพาะแค่เรื่องความปรารถนาที่จะดูดีเพียงอย่างเดียว แต่เรื่องของสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งบทสนทนาที่สำคัญเนื่องจากผู้คนหันมาใช้ทวิตเตอร์ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพผิว ตั้งแต่เรื่องสิว ไปจนถึงเรื่องของการมีผิวกระจ่างใสและขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องผิวพรรณ

เครดิตทวีตจาก: https:// twitter.com/FKYz_/status/1420332191708454912

5. ผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน (Home Care)

การแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงแรกผู้คนต่างมุ่งความสนใจไปในเรื่องการฆ่าเชื้อโรคในบ้านทำให้บทสนทนาที่เกี่ยวกับการดูแลบ้านเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ติดอยู่ใน 5 อันดับบทสนทนาที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค แม้ว่าบทสนทนาใน
หัวข้อนี้จะลดน้อยลงไปในระดับหนึ่ง แต่การดูแลบ้านยังคงเป็นหัวข้อบทสนทนาที่มีความสำคัญอยู่บนทวิตเตอร์ประเทศไทย

ชาวทวิตภพมักทวีตเกี่ยวกับการดูแลรักษาและการป้องกันบ้านที่อยู่ของพวกเขา และจากการสนทนาเกี่ยวกับการดูแลรักษาที่อยู่อาศัย มาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2021 เทรนด์การสนทนาได้เปลี่ยนมาเป็นเรื่องของความงามและสุนทรียศาสตร์แทนเนื่องจากคนส่วนใหญ่หันมาโชว์บ้านหรือห้องของตัวเองที่ดูสะอาดสะอ้านสบายตาและการตกแต่งที่ดูดีมีสไตล์ทำให้บทสนทนาในหัวข้อนี้ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องบนทวิตเตอร์ประเทศไทย

เครดิตทวีตจาก: https:// twitter.com/JorOrYor/status/1416250284364369920

คลิกที่นี่ครบจบ เช็คสิทธิ 'ประกันสังคม' www.sso.go.th ม.33 ม.39 ม.40
ยึดทรัพย์​กว่า 100 ล้าน ปธ.สโมสรฟุต.ดังเมืองเหนือ น้องใหม่ไทยลีก 2 คดีค้ายาเสพติด
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยิ่งหนัก! พบติดเชื้อเพิ่ม 23,418 ราย เสียชีวิต 184 ราย ไม่รวม ATK อีก 1,523 ราย
การเปลี่ยนแปลงเทรนด์ของผู้บริโภคสร้างโอกาสใหม่ให้กับแบรนด์

การวิจัยของทวิตเตอร์แสดงให้เห็นว่าเทรนด์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ความ
ชื่นชอบที่เกิดจากความพึงพอใจในทันทีผ่านการซื้อของออนไลน์และการช้อปปิ้งที่ร้านสะดวกซื้อทำให้เทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงต่อไปเรื่อยๆ

และหากมองจากมุมมองของแบรนด์ ทวิตเตอร์ ถือเป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งที่แบรนด์สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ โดยผู้ใช้งาน 71% ให้คะแนนในการโต้ตอบกับแบรนด์ว่า "ดี / ดีเยี่ยม" (มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ) นอกจากนี้ทวิตเตอร์ยังเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับแบรนด์ต่างๆ ในการเปิดตัวสินค้าอุปโภคบริโภคใหม่ๆ

โดยผู้ใช้งาน 77% ให้คะแนนในเรื่องของการที่ทวิตเตอร์แสดงให้เห็นถึงเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกอยู่ในขณะนั้นว่า "ดีมาก / ดีที่สุด" (มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ) ดังนั้นแบรนด์ที่ชาญฉลาดจะใช้ประโยชน์จากทวิตเตอร์ในการทำความเข้าใจเทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต ขณะเดียวกันยังเป็นการเชื่อมต่อกับกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพผ่านการใช้เครื่องมือโฆษณาสร้างสรรค์ของทวิตเตอร์และใช้พลังของการสนทนาบนทวิตเตอร์ได้อีกด้วย
#2922


Work From Home เป็นเหตุ "มนุษย์ออฟฟิศ" ต้องจัดบ้านจัดมุมทำงานเอื้อต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ต้องไม่ลืมว่าแม้จะ Work From Home แต่อาการ Office Syndrome นั้นตามติดไปทุกที่ จึงต้องเลือกหาอุปกรณ์สำนักงานอำนวยความสะดวก ป้องกันอาการบาดเจ็บจากการใช้งานของกล้ามเนื้อ หรือลดการปวดสะสมปวดเรื้อรัง กลายเป็นปัจจัยหนุนให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องโตสวนกระแสโควิด-19  

Work From Home จะเวิร์กหรือไม่เวิร์กนั้น การปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้มีสุขภาวะที่ดีภายใต้เกณฑ์ของ WELL Building Standard หรือมาตรฐานการออกแบบอาคารที่คำนึงถึงสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยเป็นสิ่งที่ต้องคำนึง

แนวทางการปรับปรุงที่พักอาศัยให้เหมาะกับการทำงานที่บ้าน ตามเกณฑ์ของ WELL ต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมเป็นหลัก แต่ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมากมาย เน้นเรื่องการออกแบบทิศทางของแสงและลมเป็นหลัก

ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom : LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) จำแนกแนวทางการปรับปรุงตามเกณฑ์ของ WELL เช่น

1. การเลือกมุมทำงานในพื้นที่ที่แสงธรรมชาติสามารถส่องเข้าถึงได้ เพื่อลดการใช้แสงจากหลอดไฟ ถ้าในที่พักอาศัยมีแสงธรรมชาติไม่เพียงพอจำเป็นต้องใช้แสงไฟจากดองโคม ควรเลือกหลอดไฟที่มีความคล้ายคลึงกับแสงอาทิตย์ เพื่อให้เกิดความสบายตาในการทำงาน และมีคุณภาพของสีที่ตรงกับความเป็นจริง และต้องทำการจัดตำแหน่งโคมไฟให้เหมาะสม ไม่ทำให้เกิดเงาและแสงสะท้อนบนหน้าจอเนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการปวดตา และส่งผลเสียต่อดวงตาในระยะยาวได้ คุณภาพแสงที่ดีจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพการนอนหลับให้ดีขึ้นได้อีกด้วย

2. พื้นที่ทำงานควรมีอากาศที่ถ่ายเทได้อย่างสะดวก มีคุณภาพอากาศที่ดี ในห้องหรือในพื้นที่ทำงานภายในที่อยู่อาศัย ควรมีอากาศถ่ายเทไม่ควรเป็นพื้นที่ปิดที่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา เนื่องจากการทำงานในพื้นที่ที่อากาศไม่ถ่ายเทหรือต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา อาจจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคทางเดินหายใจได้

3. เลือกใช้อุปกรณ์สำนักงานที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ (Ergonomic Design) การทำงานที่บ้านควรเลือกใช้โต๊ะและเก้าอี้ทำงานที่เป็นไปตามหลักสรีระศาสตร์ เพื่อลดความเสี่ยงของการเป็น Office Syndrome จากการนั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมง ในขณะเดียวกันควรปรับตำแหน่งอุปกรณ์สำนักงานให้สอดคล้องกับกระบวนการทำงาน อาทิ ตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอคอมพิวเตอร์ควรสามารถปรับระดับได้ตามความต้องการของผู้ใช้งานให้ขอบบนของหน้าจอควรอยู่ระดับสายตาพอดีหรือต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อย

หรือทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หากใช้ Labtop ควรต่อจอมอนิเตอร์แยก และจัดให้มีชุดคีย์บอร์ด, เม้าส์ต่างหาก จะได้ไม่ต้องก้มลง หรือเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อใช้ Trackpad ที่ติดมากับตัวเครื่อง, ความสูงของโต๊ะทำงาน โต๊ะทำงานควรจะปรับระดับได้ตามสรีระของผู้ใช้งาน ทั้งการนั่ง หรือการยืนทำงาน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ทำงานขยับร่างกายมากขึ้น ไม่ต้องนั่งอยู่ในท่าเดียวกันเป็นเวลานาน, เก้าอี้ทำงาน เก้าอี้ที่ใช้ทำงานควรมีที่พิงหลัง ที่วางแขน สามารถปรับระดับความสูงได้ตามความเหมาะสม โดยให้ที่วางแขนอยู่ในระนาบเดียวกับขอบโต๊ะ เพื่อให้สามารถรองรับแขนและข้อมือได้ โดยไม่รู้สึกเมื่อยช่วงไหล่

 หัวใจสำคัญของการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้มีสุขภาวะที่ดีภายใต้เกณฑ์ของ WELL Building Standard คือ ชีวิตการทำงานที่ดีต้องมี Work Life Balance เมื่อปรับปรุงพื้นที่ได้เหมาะสมจะเป็นประโยชน์ในการทำงาน พักผ่อน ให้การอยู่อาศัยมีสุขภาวะที่ดีท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดในปัจจุบัน 

โดยเฉพาะ Ergonomic Gadgets ไอเทมเพื่อสุขภาพตามหลักหลักการยศาสตร์ เพราะเป็นการลงทุนกับสุขภาพในระยะยาว เนื่องจากชาวออฟฟิศส่วนใหญ่นั่งทำงานกันเป็นเวลานาน เกิดพฤติกรรมซ้ำๆ เช่น นั่งหลังค่อม ห่อไหล่ คอยื่น จ้องคอมนานๆ ด้วยสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ มีอาการ Office Syndrome ปวดเรื้อรังจนส่งผลให้คุณภาพชีวิตตกต่ำ

Ergonomic Gadgets กลายเป็นอุปกรณ์ที่คนทำงานให้ความสนใจ เช่น โต๊ะยืนทำงาน โต๊ะปรับระดับ ที่ออกแบบเพื่อสุขภาพเนื่องจากการนั่งทำงานอาจเป็นสาเหตุหลักๆ อย่าง Office Syndrome โต๊ะปรับระดับสามารถเปลี่ยนอิริยาบถการทำงานจากนั่งมายืนทำงาน ป้องกันอาการบาดเจ็บจากการใช้งานของกล้ามเนื้อใช้ท่าเดิมๆ ซ้ำๆ เป็นเวลานาน หรือเก้าอี้ที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ ตามหลักสรีระศาสตร์ของมนุษย์ รองรับการนั่งระยะเวลานานเพื่อลดการบาดเจ็บของร่างกาย เป็นต้น

ในภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องพลิกวิกฤตโควิดเป็นโอกาส มาตรการทำงานที่บ้าน หรือ Work for Home ทำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการตกแต่งบ้านให้ถูกใจมากยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่  บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,048.5 ล้านบาท เติบโต 10.6% และมีกำไรสุทธิ 101.0 ล้านบาท เติบโต 596.7% ขณะที่ผลประกอบการรอบ 6 เดือน ปี 2564 รายได้รวม 4,195.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% และกำไรสุทธิ 246.4 ล้านบาท เติบโต 85.7% โดยผลการดำเนินงานฟื้นตัวโดดเด่นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF)  ผู้ผลิตและจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา เผยว่าวิกฤตโควิด-19 เป็นโอกาสให้กับผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ เนื่องจากประชาชนจะใช้เวลาอยู่กับบ้านและที่อยู่อาศัยมากขึ้น เกิดความคิดที่ต้องการจะปรับปรุงการตกแต่งบ้านให้มีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายและน่าอยู่มากขึ้น จากแนวโน้มการทำงานจากที่บ้าน หรือ Work from home เป็นโอกาสให้ผลิตภัณฑ์ ประเภท โต๊ะทำงาน โต๊ะประชุม ชั้นวางของ รวมถึงชั้นวางเอกสาร จะมีโอกาสจำหน่ายได้มากขึ้น

นอกจากนี้ วิจัยกรุงศรีเผยแนวโน้มธุรกิจอุตสาหกรรม ปี 2564 - 2566 : อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า แม้ปีที่ผ่านมาเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ แต่อานิสงส์จากกระแสการทำงานที่บ้าน (Work from home) และการเรียนที่บ้าน (Learn from home) ส่งผลให้คนหันมาติดแอร์และเปลี่ยนแอร์ใหม่กันมากขึ้น จะส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าโตขึ้น เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมาตลาดแอร์ในบ้านในประเทศไทยติดลบ 10% ปี 2562 มูลค่าตลาด 23,242 ล้านบาท ปี 2563 มูลค่าตลาดลดลงไปอยู่ที่ 20,900 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แอลจี อีเลคทรอนิกส์ (ประเทศไทย) คาดการณ์ว่าปี 2564 ตลาดแอร์ภายในบ้านจะกลับมาด้วยปัจจัยที่กล่าวมา จะหนุนมูลค่าตลาดให้โตขึ้น 23,990 ล้านบาท เติบโต 10%

 ในวิกฤตโควิด-19 ยังมีอีกหลากธุรกิจที่โตสวนกระแส งานนี้ Work From Home เป็นเหตุ สังเกตุได้. 
#2923
สำนักพรเทวะ ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ รับทำเทียนสะเดาะเคราะห์ สืบชะตา รับโชค แก้ชง เสริมดวงเสริมบารมีต่างๆ เรียกคู่ เรียกจิต ให้บูชาน้ำมันว่านสาวหลง น้ำมันว่านดอกทอง อื่น ๆ รับวิเคราะห์ชื่อ(ฟรี) รับตั้งชื่อ จำหน่ายเพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต ให้บูชาคัมภีร์พระเวทย์ 

สนใจติดต่อ
อ.ทองเอก พรเทวะ
โทร 0846623662
Line : teerapat999 

Shopee
https://shopee.co.th/teerapat992018?categoryId=100636&itemId=5537373349 
#2924


ต้องการผลักดัน "พืชสมุนไพร" ของไทยเป็นอุตสาหกรรมระดับโลก ! "จุลภาส (ทอม) เครือโสภณ" ผู้ก่อตั้งบริษัท (Founder) บริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิลเฮลท์ จำกัดหรือ GTH  กับโอกาสธุรกิจกำลังเข้ามาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 

ส่งผลให้พืชสมุนไพร่ไทยเริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในตลาดโลก...

ประกอบกับเมืองไทยกระทรวงสาธารณสุขประกาศ "ปลดล็อก"ให้ใช้ประโยชน์บางส่วนของพืชเศรษฐกิจ "กัญชง" ในเชิงการค้า

สอดรับแผนการให้ บริษัท เอ็นอาร์อินสแตนท์โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRFผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส อาหารสำเร็จรูป รวมทั้งธุรกิจอาหารโปรตีนจากพืช หรือ Plant-Based Food ของ "แดน ปฐมวาณิชย์" เข้ามาถือหุ้นสัดส่วน 49%และมีโอกาสซื้อหุ้นเพิ่มได้ถึง 51% แต่ยังไม่ใช่ระยะใกล้นี้ เพื่อร่วมกันขยายตลาดผลิตภัณฑ์จากพืชเศรษฐกิจไทยสู่ตลาดโลก หลัง NRF เข้ามาถือหุ้นทีมผู้บริหารเดิมของ GTH ยังทำงานต่อไปตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ด้วยการลงทุนในธุรกิจกัญชง ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และธุรกิจแฟรนไชส์Hemp House

โดย GTH ทำธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยการนำเข้าเมล็ดกัญชงสายพันธ์ที่มีคุณภาพ พัฒนาการปลูกและสกัดกัญชง ตลอดจนการพัฒนาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ผสมรสชาติกัญชงภายใต้แบรนด์ของ GTH เช่น Kinchakan, TOM, และช่อผกา

อีกทั้งบริษัทยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ กับแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ อาทิ Dentiste Smooth E , เซียงเพียวอิ๊ว เพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจกัญชงในประเทศไทย

ดังนั้น เป้าหมายในปี 2564 จึงต้องการขยายธุรกิจสู่ตลาด "ต่างประเทศ"โดยคาดว่าปลายปีนี้สัดส่วนรายได้ต่างประเทศอยู่ที่ 60% จาก 30% หรือเพิ่มขึ้น "เท่าตัว"โดยปี 2563 สัดส่วนรายได้ในประเทศ 70% ต่างประเทศ 30%และเป้าหมายรายได้ปีนี้อยู่ที่ 100 ล้านบาท !!

"ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเรากำลังเน้นตลาดขยายต่างประเทศ ตั้งเป้าปลายปีสัดส่วนรายได้จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากปีก่อนที่สัดส่วนรายได้อยู่ในประเทศเป็นหลักเนื่องจากตลาดต่างประเทศเวลาส่งออกที่จะเป็นวอลุ่มที่ใหญ่มากโดยวอลุ่มที่ใหญ่จะเป็นสารสกัดจากกัญชง สารสกัดใบกระท่อม"

นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดตัว"ธุรกิจแฟรนไชส์"ร้านจำหน่ายสินค้าส่วนผสมกัญชง ภายใต้แบรนด์"Hemp House"ภายหลังจากที่ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศให้นำกัญชงใช้ในเชิงพาณิชย์ได้และ และองค์การอาหารและยา (อย.) ยังเปิดให้เอกชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตปลูกกัญชงในพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อธุรกิจได้ รวมถึงใช้กัญชงในส่วนผสมของเครื่องดื่ม,อาหาร, อาหารเสริม และเครื่องสำอาง

ล่าสุดเมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา NRF และ GTH ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นปลูกกัญชงกว่า 400 ไร่ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อผลิตกัญชงสายพันธุ์ไทยให้มีคุณภาพสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลักดันให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ

โดยสกัดกัญชงเป็นแคนนาบิไดออล (cannabidiol) หรือ CBD เทอร์พีน (Terpenes) และน้ำมันกัญชง (Hemp Oil) ซึ่งเป็นสารไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท สามารถใช้รักษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้ โดยหลังจากสกัดกัญชงแล้วบริษัทตั้งเป้านำมาผลิตเป็น ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศมากกว่า 36 ประเทศทั่วโลก ทั้งโซนยุโรป สหรัฐฯ ภายในเดือนธ.ค.2564

สำหรับ "จุดเด่น"ที่ทำให้ NRF และ GTH แตกต่างจากคู่แข่งทางธุรกิจรายอื่นคือ บริษัทมีพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีที่มีโรงสกัดขนาดใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งในวงการด้านการปลูกและสกัดกัญชง หรือ สาร CBD และ Terpenesได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมผลักดันกัญชงและผลิตภัณฑ์จากกัญชงให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในเร็วๆ นี้ บริษัทยังได้วางแผนนำสมุนไพรไทยชนิดอื่นๆ เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชายขาว และกระท่อม มาให้เกษตรกรปลูกเพิ่มเติมโดยช่วยควบคุมคุณภาพของการปลูกกัญชงและการทำเกษตรพันธสัญญา และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมจัดจำหน่ายไปทั่วโลก

สอดคล้องกับประกาศแล้ว พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 ปลดพืชกระท่อมจากยาเสพติดให้โทษส่งผลให้บริษัทศึกษาส่งออกผลิตภัณฑ์สารสกัดจากใบกระท่อมไปในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ มูลค่าราว 60,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากใบกระท่อมวางจำหน่ายในเดือนธ.ค.นี้ เบื้องต้นจะเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลัง
#2925


เมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 ติดตามความคืบหน้า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ประกาศผ่าน เฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แจ้งว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2564

ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนซิโนฟาร์ม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 12-16 สิงหาคม 2564 ผ่านทาง LINE Official รพ.จุฬาภรณ์ >> https://bit.ly/MomForm

ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะส่งข้อความ SMS ถึงคุณแม่ที่ลงทะเบียนเข้ามาทุกท่านให้เข้ามาดำเนินการทำแบบคัดกรองและใบยินยอม และนัดหมายการเข้ารับวัคซีนต่อไป

คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องมีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป
เข้ารับบริการที่ศูนย์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) อาคาร 9 (ทีโอทีเดิม) ถนนแจ้งวัฒนะ เท่านั้น
ในวันฉีดวัคซีนกรุณานำเอกสารการฝากครรภ์ และบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อแสดงเป็นหลักฐานในการเข้ารับบริการฉีดวัคซีน
#2926


ประจวบคีรีขันธ์ - จ.ประจวบฯ ประชุมขับเคลื่อนแผนเปิดเมืองหัวหินรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เน้นต้องพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ บริหารความเสี่ยงได้ และประชาชนต้องได้รับวัคซีนครอบคลุมตามเป้าหมาย ส่วนผู้ประกอบการท่องเที่ยวชี้การเปิดต้องดูความพร้อม ศึกษาให้ดี ยกตัวอย่างภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อย่ามุ่งหวังตัวเลขรายได้มากกว่าความปลอดภัย

วันนี้ (11 ส.ค.) ที่ห้องประชุมสิงขร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานเตรียมความพร้อมนำร่องด้านการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านระบบโปรแกรมซูม เพื่อเตรียมความพร้อมแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วในจังหวัดนำร่องโดยไม่ต้องกักตัวตามเป้าหมายการเปิดประเทศภายใน 120 วันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและเป็นต้นแบบให้พื้นที่อื่นภายใต้มาตรการป้องกันที่เคร่งครัดและอยู่ในเงื่อนไขที่ยอมรับความเสี่ยงต่อการระบาดได้



โดน น.ส.แสงจันทร์ แก้วประทุมรัสมี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้นำเสนอผลการดำเนินงานภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ของ จ.ภูเก็ต ที่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นจังหวัดแรก ขณะที่พื้นที่หัวหิน-ชะอำ อยู่ในระยะที่ 3 ของเป้าหมายการเปิดการท่องเที่ยวในเดือน ต.ค.64 โดยขณะนี้มีการกำหนดแผนรองรับการเปิดเมือง 5 แผน ได้แก่ แผนการกระจายวัคซีนและบริหารด้านสุขอนามัยแผนพัฒนาเมืองหัวหิน-ชะอำ แผนการตลาดและการสื่อสาร แผนเผชิญเหตุและแผนบริหารความเสี่ยง และแผนการสร้างความเข้าใจให้คนในพื้นที่และนอกพื้นที่ยอมรับการเปิดเมือง

ด้าน นายอิศรา สถาปนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ได้นำเสนอแผนการตลาดและแผนการสื่อสารเพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว โดยระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาจะต้องมีใบรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทาง ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วันก่อนการเดินทางแต่ไม่เกิน 1 ปี ต้องผ่านการตรวจหาเชื้อที่สนามบิน เดินทางด้วยยานพาหนะที่ได้มาตรฐาน SHA และ SHA+ เข้าพักในโรงแรมที่พักที่ได้มาตรฐาน SHA และ SHA+ โดยรอผลตรวจในห้องพัก พำนักในเขตเทศบาลเมืองหัวหินอย่างน้อย 14 คืน และตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ตามระยะเวลาที่พำนักในวันที่ 6-7 และ 12-13 ก่อนออกเดินทางนอกเขตจังหวัดได้



ด้านนายกรด โรจนเสถียร ประธานภาคเอกชน โครงการหัวหิน รีชาร์จ กล่าวว่า ขณะนี้มีบุคลากรธุรกิจท่องเที่ยวและบริการในเขตเทศบาลเมืองหัวหินได้รับวัคซีนครอบคลุมแล้วเกือบร้อยละ 90 โดยภาคเอกชนผู้ประกอบการได้ร่วมสนับสนุนการจัดซื้อวัคซีนมาฉีดให้บุคลากรด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนประชาชนในเขตเทศบาลเมืองหัวหินได้รับวัคซีนแล้วกว่าร้อยละ 30 ของจำนวนประชากรเป้าหมาย 90,564 คน คาดการณ์ว่าหากเทศบาลเมืองหัวหินสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวได้ภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงธันวาคม 2564 จะมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเดินทางเข้ามาถึง 100,000 คน สร้างรายได้แก่พื้นที่กว่า 1,200 ล้านบาท และมีการจ้างงานในภาคธุรกิจบริการอีกกว่า 89,000 คน โดยโครงการหัวหิน รีชาร์จ เป็นความร่วมมือของภาครัฐ โรงพยาบาลและสาธารณสุข สมาคม และภาคเอกชนในธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการ ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อร่วมมือในการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการขอความเห็นชอบจากภาครัฐให้จัดสรรวัคซีนอย่างเร่งด่วน

ด้าน นายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องมีแผนการรองรับที่ชัดเจนและมีความพร้อมจริงๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยประชาชนในเขตเทศบาลเมืองหัวหินจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และบุคลากรการท่องเที่ยวต้องได้รับวัคซีนครบ 100 เปอร์เซ็นต์จึงจะสามารถเปิดการท่องเที่ยวได้ รวมทั้งจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.เพชรบุรี ด้วยเนื่องจากหัวหิน-ชะอำ มีเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกัน โดยหลังจากนี้ได้มอบหมายให้มีการตั้งคณะทำงานย่อยเพื่อขับเคลื่อนแผนการทำงานแต่ละด้าน มีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม และจะมีการประชุมติดตามความพร้อมอย่างต่อเนื่อง



อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ขนาดเล็ก ร้านนวด ผู้ประกอบการขนส่ง อีกหลายสาขาที่เกี่ยวข้องธรุกิจท่องเที่ยวของหัวหิน เปิดเผยว่า ขอให้ภาครัฐ หน่วยงานเกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ท่องเที่ยวรายใหญ่อย่าด่วนตัดสินว่าเจาจะเปิดเมืองท่องเที่ยวหัวหิน ในเดือนตุลาคม จะสร้างรายได้ดังที่ดังที่ตั้งไว้ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามา ต้องดูด้วยว่าสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีตัวเลข 100 กว่ารายทุกวันนี้ ผู้เสียชีวิตสะสม 24 ราย ณ วันนี้ คลัสเตอร์การระบาดยังมีต่อเนื่องทั้งหัวหิน และอีกหลายอำเภอ

นอกจากนั้น ปัจจุบันนี้โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร ร้านค้าหลายแห่งต้องปิดกิจการมานานหลานเดือน บางแห่งปิดตั้งแต่ปีที่ผ่านมาปัจจุบันยังเปิดไม่ได้เพราะแม้แต่คนไทยก็ไม่มา ตราบใดการติดเชื้อยังมีอยู่ทุกวัน ประชาชนบางกลุ่มที่ใช้แรงงานหาเช้ากินค่ำ ยังคงเดือดร้อนกันอยู่ วันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐ ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ควรหาข้อมูลให้รอบด้าน เปิดแล้วใครได้ประโยชน์ ควรดูจากภูเก็ต ทำอย่างไรประโยชน์ที่จะได้รับควรตกอยู่กับทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อยากฝากให้ไตร่ตรองให้รอบคอบ เอาให้โควิด-19 หมดลงและประชาชนปลอดภัยน่าจะดีกว่า ตอนนี้เหลืออีก 4 เดือนก็จะเข้า 2 ปีที่ได้รับผลกระทบ
#2927

  • ไฟตกหมึกใต้น้ำ แบบใช้หย่อนลงในน้ำ
  • โคมไฟใต้น้ำรุ่นนี้จะมีหลอดไฟLEDทั้งหมด 180LED มีกำลังวัตต์ประมาณ18w ให้แสงสีเขียว ใช้งานง่ายโดยนำสายไฟมาต่อขั้วบวกและลบเข้าแบตเตอรี่แล้วจุ่มไฟลงในน้ำ เพียงเท่านี้ก็เปิดล่อหมึกได้แล้ว แสงสีเขียวจะสว่างส่องในทิศทางรอบตัวโคม ซึ่งจะกระจายแสงได้ดี อีกทั้งแสงสีเขียวของโคมนั้นสามารถทะลุทะลวงชั้นผิดน้ำทะเลได้ดีอีกด้วย
  • การหย่อนโคมไฟลงใต้น้ำควรคำนึงถึงแรงกดอากาศด้วย ยิ่งหย่อนลงลึกเท่าไหร่แรงกดอากาศจะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น (แนะนำควรใช้งานไม่เกินความลึกที่2เมตร)
  • คุณสมบัติไฟตกหมึกใต้น้ำ 15W 12V แสงสีเขียว
  • -หลอด LED สีเขียว ความสว่าง 900 Lumens
  • -ใช้แรงดันไฟ 12 v 18 Watts.
  • -ประกอบด้วยหลอด LED ทั้งหมด 180 หลอด
  • -ใช้สำหรับล่อปลา ล่อหมึก
  • -การใช้งานหย่อนลงใต้น้ำล่อปลา ปลาหมึกใต้น้ำ ใต้ท้องเรือ
  • สายยาว 5 เมตร
สั่งซื้อ https://bit.ly/2VBceGl

 
#2928


วันนี้ (11 ส.ค. 64) นายปริญญา นากปุณบุตร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี สสจ.กำแพงเพชร ทุจริตงบโควิด-19 ว่า หลังจากพบความผิดปกติทางการเงิน มีการโอนเงินเข้าบัญชีส่วนของเจ้าหน้าที่จำนวนกว่า 12.7 ล้านบาทนั้น สสจ.ได้มีการตรวจสอบถึงรายละเอียดเพื่อให้ถูกต้องที่สุด เนื่องจากมีเอกสารค่อนข้างมาก

กระทั่งเมื่อวานนี้ (10 ส.ค.) พบว่าเงินที่สูญหาย หรือที่ถูกยักยอกไปจริงเป็นจำนวน 8.6 ล้านบาท เป็นงบประมาณค่าเสี่ยงภัยโควิดสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน 3.7 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออยู่ในหมวดค่าใช้จ่ายอื่นๆ

นายปริญญากล่าวว่า ยอดเงินจำนวนกว่า 12.7 ล้านบาทนั้น เป็นยอดเงินที่เข้าบัญชีผู้ถูกกล่าวหาเช่นกัน แต่จากการที่ตรวจสอบหน่วยงานย่อยปลายทางในรายละเอียดทราบว่าผู้ถูกกล่าวหาได้มีการโอนเงินไปยังหน่วยงานที่ทวงถามจำนวนหนึ่ง จึงทำให้เหลือยอดเงินที่หายจริงจำนวน 8.6 ล้าน

ด้านการติดตามนั้น ขณะนี้จังหวัดฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดูรายละเอียดการทุจริต และคณะกรรมการตรวจสอบความผิดทางละเมิด เพื่อดูความผิดของผู้ที่เกี่ยวข้องทางวินัย

สำหรับเงินเบี้ยเลี้ยงตอบแทนของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในช่วงเมษายน-มิถุนายนนั้น ทางสาธารณสุขฯ มีเงินค่าเสี่ยงภัย ที่จะบริหารจัดการแก้ปัญหาเบื้องต้นที่สามารถนำมาใช้ได้จำนวน 15 ล้าน บาท ขณะที่ค่าเสี่ยงภัยช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน ครม.ก็ได้อนุมัติแล้ว คาดว่าจะได้รับการจัดสรรเป็นเงินประมาณ 15 ล้านบาท เพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด่านหน้า

"การโอนเงินที่ผ่านมา สำนักงานสาธารณสุขใช้ระบบทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่ขณะนี้ได้ทำข้อตกลงกับทางธนาคารขอระงับชั่วคราว โดยใช้ระบบมือและจ่ายเช็คแทนเพื่อเป็นการแก้ปัญหา จนกว่าจะพบข้อเท็จจริงในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น"
#2930


จากคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างของศาลปกครองกลาง กรณีโครงการ "แอชตัน อโศก" ของ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กลายเป็นประเด็นร้อนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะส่งผลกระทบกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ "ลูกบ้าน" จำนวน 578 ครอบครัว

ทันทีที่มีคำพิพากษาศาลออกมา วันศุกร์ที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา "ชานนท์ เรืองกฤตยา "ซีอีโอ อนันดา อัดคลิปวีดีโอ ชี้แจงลูกบ้าน หวังลดกระแสและความกังวลใจที่เกิดขึ้น จากนั้นวันจันทร์ที่ 2 ส.ค. บริษัทได้ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการถึง "แนวทางการแก้ปัญหา" พร้อมยืนยันจะอยู่เคียงข้างลูกบ้าน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แม้โครงการขายเกือบหมด มียอดโอนแล้ว 87% คิดเป็นมูลค่า 5,639 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 6,481 ล้านบาท โดยมี 578 ครอบครัว 666 ยูนิตที่ย้ายเข้าอยู่แล้ว ในจำนวนนี้ 438 ครอบครัว เป็นลูกค้าคนไทย และ 140 ครอบครัวเป็นชาวต่างชาติ

โดยผู้บริหาร อนันดาฯ ระบุว่า จะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาคดีเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน และคาดว่ากระบวนการทางศาลจะใช้เวลา 3-5 ปี

จากนั้นเมื่อวันศุกร์ที่ 6 ส.ค. ตัวแทนท่านเจ้าของร่วมและผู้พักอาศัย แอชตัน อโศก ได้ส่งจดหมายถึงสื่อมวลชนเพื่อเข้ารับฟังผลกระทบที่ลูกบ้านได้รับจากคำสั่งศาลปกครองกลาง ในวันอังคารที่ 10 ส.ค.นี้ ผ่านช่องทางการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจ "ลูกบ้านแอชตันอโศกที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลปกครองกลาง" ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป โดยระบุด้วยว่า "ถึงแม้กระบวนการทางกฎหมายจะยังไม่สิ้นสุด แต่บัดนี้ทางลูกบ้านได้รับผลกระทบต่างๆ แล้ว"

นับเป็นการเปิดใจครั้งแรกของกลุ่มตัวแทนลูกบ้าน แอชตัน อโศก ที่กำลังเผชิญชะตากรรมและผลกระทบครั้งใหญ่

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (9 ส.ค.) อนันดาฯ ได้ส่งจดหมายผ่านสื่อมวลชน แจ้งความคืบหน้าการดำเนินงาน ว่า อนันดาฯ ในนามผู้บริหารโครงการ แอชตัน อโศกได้มีการประชุมหารือกับเจ้าของร่วมในการสร้างความเข้าใจและร่วมกันหาแนวทางในการแก้ปัญหาจากเหตุการณ์ดังกล่าว

โดยในขั้นแรก เจ้าของร่วมได้ "จัดตั้งทีมกฎหมายและคณะทำงาน" ขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อทำงานกับบริษัทฯ ในการร่วมกันหาแนวทางในการเรียกคืนความยุติธรรม ให้กับโครงการแอชตัน อโศก

พร้อมระบุว่าบริษัทรับทราบถึงความเดือดร้อนของเจ้าของร่วมในด้านสินเชื่อ ซึ่งมีจำนวน 348 ครอบครัวที่ใช้สินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก 9 สถาบันการเงิน มีมูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท บริษัทฯ จึงได้มีการหารือกับธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อดังกล่าว เพื่อเร่งออกมาตรการช่วยเหลือเจ้าของร่วมทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยมี 9 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรี ธนาคารยูโอบี ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน โดยมาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้าที่จะทำการ Retention จะมีการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

พร้อมย้ำว่า บริษัทในฐานะผู้บริหารโครงการ แอชตัน อโศก จะดำเนินการตามกฎหมายร่วมกันกับเจ้าของร่วมอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์แก่ลูกค้าและเจ้าของร่วมและจะแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ให้ทราบอย่างใกล้ชิดต่อไป และเจ้าของร่วมสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เจ้าหน้าที่โครงการ

อย่างไรก็ดี หนึ่งในลูกบ้านโครงการ "แอชตัน อโศก" กล่าวว่า ระหว่างที่รอกระบวนการทางศาล ลูกบ้านยังไม่ได้ข้อสรุปกันว่าต้องทำอย่างไร ให้รอไปอย่างนี้หรือ? เพราะยังต้องมีเรื่องของไฟแนนซ์ด้วย เพราะหากซื้อตอนนี้ธนาคารคงไม่ปล่อยสินเชื่อ (ปล่อยกู้) ให้ หรือแม้กระทั่งจะรีไฟแนนซ์ก็น่าจะไม่ได้แล้ว นอกจากนี้ ห้องที่ซื้อมาจะขายในราคาที่ซื้อมายังไม่ได้เลย ไม่มีคนกล้าซื้อ สิ่งเหล่านี้คือผลกระทบที่ลูกบ้านแอชตัน อโศกได้รับจากคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างของศาลปกครองกลาง

"จุดประสงค์ที่ลูกบ้านต้องออกมาชี้แจงผ่านสื่อเพื่อต้องการบอกเล่าถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกบ้านในโครงการแอชตัน อโศก มันคืออะไร และเราเป็นผู้ที่เดือนร้อนตัวจริง เพื่อให้ทุกคนได้รับทราบว่า มีปัญหาจริงๆ ไม่ใช่เป็นข่าวแค่ช่วงเวลาหนึ่งเงียบหายไป สุดท้ายลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดจะไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือเยียวยา"

โดยวันนี้ (10 ส.ค.) จะมีตัวแทนลูกบ้าน 3-4 คนออกมาพูดคุยกับสื่อ ในช่องทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/saveourhomeashtonasoke/ เพื่อฉายภาพผลกระทบที่ได้รับในทิศทางเดียวกัน แทนที่จะต่างคนต่างพูด ส่วนของการอัพเดทข้อมูลของอนันดาฯ กับทางลูกบ้าน ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับทางลูกบ้านในหลายๆ เรื่อง

"ตอนนี้ลูกบ้านจ่ายเงินไปแล้ว คิดดูแล้วกันว่าอยู่ดีๆ คอนโดที่ซื้อจะถูกทุบหรือไม่ก็ยังไม่รู้ เพราะว่าผิดกฎหมาย แบบนี้จะรู้สึกเชื่อมั่นได้อย่างไร บางคนที่ผ่อนอยู่ไม่อยากอยู่ แล้วก็ขายไม่ได้ เพราะไม่มีใครกล้าคนซื้อโครงการที่มีปัญหา ทางเข้าออก หากกรณีที่วันหนึ่งไม่สามารถเข้าใช้พื้นที่ได้จากคำสั่งศาล ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร"
#2931
ข้าวกล้องออร์แกนิค  ข้าวกล้องออแกนิคส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ข้าวมะลินิลออร์แกนิค คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




ข้าวหอมมะลิออแกนิคข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์สุรินทร์ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิคเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิคคือ เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูกข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคคือ
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22cs9b8acu9b9a7a3hub5cc1c.life/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์สุรินทร์
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
3.  กลุ่มข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ข้าวกล้องอินทรีย์ผสมหลายสายพันธุ์จังหวัดสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์7.  ข้าวสุไรซ์เบอร์รี่ขภาพ


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
#2932


นักกีฬาจากประเทศไทยได้สร้างผลงานที่น่าประทับใจในโอลิมปิกปีนี้ โดยมีการใช้แฮชแท็ก #โอลิมปิกเกมส์ และก่อให้เกิดการพูดคุยกว่า 3.8 ล้านครั้งบน Instagram และ Facebook

สำหรับประเทศไทยมีนักกีฬาหญิงคว้าเหรียญทอง และเหรียญทองแดงกลับมาได้ และสิ่งที่น่าสนใจคือการที่นักกีฬาหญิงได้รับความสนใจในโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก

โดยตั้งแต่เริ่มการแข่งขันปีนี้นักกีฬาที่มีผู้ติดตาม (Followers) มากที่สุด 3 อันดับแรกเป็นนักกีฬาหญิง นำโดย รัชนก อินทนนท์ (ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นประมาณ 1.8 แสนราย) ตามด้วย 'เทนนิส' พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นประมาณ 1.78 แสนราย) และ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย (ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นประมาณ 74,000 ราย)

รัชนก อินทนนท์ ได้รับ Engagements หรือการมีส่วนร่วมบน Instagram มากกว่า 5 แสนครั้ง ซึ่งมากที่สุดในหมู่ตัวแทนนักกีฬาไทย

ขณะที่ โพสต์บน Facebook โดย เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จัดเป็นโพสต์จากนักกีฬาไทยที่ได้รับ Engagements มากที่สุด (กว่า 223,000 ครั้ง)


สำหรับตัวเลขทั่วโลก พบว่าเหล่านักกีฬามี Followers เพิ่มขึ้นกว่า 75 ล้านราย ส่งผลให้มี Interactions หรือปฏิสัมพันธ์กับแฟนๆ ทั่วโลกกว่า 410 ล้านรายการบน Instagram ตลอดการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการสร้าง Stories มากกว่า 300,000 Stories ซึ่งคงไม่มีใครโดดเด่นเกินกว่า ราอิสซ่า เลอัล (Rayssa Leal) นักกีฬาสัญชาติบราซิล

เมื่อเทียบกับนักกีฬาทุกคนในโอลิมปิกปีนี้ ราอิสซ่า เลอัล มี Followers เพิ่มขึ้นมากที่สุด (5.8 ล้าน) และสร้าง Interactions สูงสุด (18.44 ล้าน) บน Instagram นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของโพสต์ที่เกี่ยวกับโอลิมปิกบน Instagram ที่มียอด Likes สูงสุด (มากกว่า 4 ล้าน Likes) และ Instagram video ที่มียอดวิวสูงสุดระหว่างการแข่งขันอีกด้วย (มากกว่า 11 ล้านวิว)

โพสต์จาก ไท่ ซือ หยิง (Tai Tzu Ying) นักแบดบินตันหญิงจากไต้หวันที่ขอบคุณแรงสนับสนุนจากเหล่าแฟนๆ ของเธอหลังจากจบการแข่งขัน จัดเป็นโพสต์จากนักกีฬาบน Facebook ที่สร้าง Interactions สูงสุดตลอดการแข่งขัน (กว่า 1.3 ล้าน Interactions)

เปิดสถิติที่น่าสนใจจากมหกรรมกีฬาครั้งนี้ 

กีฬาที่ถูกพูดถึงบน Facebook มากที่สุด (ทั่วโลก)

1. กีฬาลู่และลาน

2. ยิมนาสติก

3. เรือพาย

4. มวยสากล

5. ว่ายน้ำ

นักกีฬาที่ได้รับการกล่าวถึง (Mentioned) มากที่สุดบน Facebook (ทั่วโลก)

1. ซิโมน ไบลส์ (Simone Biles)

2. นีราจ โชปรา (Neeraj Chopa)

3. ไฮดีลีน ดิแอซ (Hidilyn Diaz)

4. ซูนิ ลี (Suni Lee)

5. ทอม เดลีย์ (Tom Daley)

ประเทศที่ 'ส่งเสียงเชียร์ได้ดังที่สุด' บน Facebook

(จัดอันดับจากจำนวนผู้ใช้งานที่พูดถึงโอลิมปิกบน Facebook)

1. อินเดีย

2. สหรัฐอเมริกา

3. บราซิล

4. ฟิลิปปินส์

5. เม็กซิโก

อิโมจิที่ถูกใช้มากที่สุดบน Facebook (ทั่วโลก)

1. หัวใจ ❤️

2. ปรบมือ

นักกีฬาที่ได้รับการกล่าวถึง (Mentioned) มากที่สุดบน Instagram (ทั่วโลก)

1. นีราจ โชปรา (Neeraj Chopa)

2. ซิโมน ไบลส์ (Simone Biles)

3. ราอิสซ่า เลอัล (Rayssa Leal)

4. เกรย์เซีย โปลี (Greysia Polii)

5. อาปรียานี ราฮายู (Apriyani Rahayu)

Reels ที่เกี่ยวกับโอลิมปิกที่มียอดวิวสูงสุดในช่วงการแข่งขัน 3 อันดับแรก (ทั่วโลก)

1. เลอทีเซีย บูโฟนี่ (Leticia Bufoni) จากบราซิลแข่งสเก็ตบอร์ด

2. เจสสิก้า ฟ๊อกซ์ (Jessica Fox) จากออสเตรเลียยินดีกับเหรียญทอง

3. เจสสิก้า ฟ๊อกซ์ (Jessica Fox) จากออสเตรเลียกล่าวขอบคุณผู้จัดงานและเหล่าอาสาสมัคร
#2933


แบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2)สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุ นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน)หรือ SA ซื้อหุ้น บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ W เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2564 จำนวน 6,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 0.7371% ที่ราคาหุ้นละ 3.5 บาท

จากเดิมถือจำนวน 36,800,000 หุ้น หรือคิดเป็น 4.5213% ทำให้ภายหลังการซื้อหุ้นดังกล่าวถือเพิ่มเป็น 42,800,000 หุ้น หรือ 5.2585%

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

ทั้งนี้W ประกอบธุรกิจหลัก2 ธุรกิจ คือ


1. ธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ร้านพิซซ่าภายใต้ชื่อทางการค้า DOMINO'S PIZZA ในประเทศไทย,ร้านอาหารภายใต้ชื่อ Crepes Crepes Crepes & Co. ,Le Boeuf Boeuf,ร้านชาบูบุฟเฟต์แบรนด์ KAGONOYA,ร้านยากินิคุบุฟเฟต์สไตล์ญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ YUMA ,จัดจำหน่ายขนมมาการอง (Macaron)ภายใต้ชื่อทางการค้า "ดาราเทวี" ร้านขนมอบ "Bake Cheese Tart" ,Croquant ChouZakuและ RAPL

 2. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์สารกึ่งตัวนา (Discrete Semiconductor)ประเภท เวเฟอร์ (Wafer ) และไดโอด (Diodes) โดยเป็นผู้ผลิตที่ครบวงจรตั้งแต่วัตถุดิบต้นน้าคือ แผ่นซิลิคอนเวเฟอร์ (Silicon Wafer) เพื่อนามาใช้ในการประกอบเป็น Diodes(Man.cturer with Wafer Fabrication) และยังให้บริการในส่วนของการออกแบบและผลิตอุปกรณ์สารกึ่งตัวนา ประเภทไดโอดที่มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะอย่างตามความต้องการพิเศษของลูกค้า

อนึ่ง Wได้ดำเนินการขายเงินลงทุนทั้งหมดในธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ โดยดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ทำให้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทฯ มิได้มีการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ดีเนื่องจากในงบการเงินสิ้นสุดปี 2563 จะยังปรากฎรายได้จากธุรกิจนี้อยู่ ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2363 - 30 กันยายน 2563

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรกของ SA ณ16 เม.ย. 2564                                                                              

1.นาย ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ จำนวน 507,712,000หุ้น หรือ45.68%

2.นาย อุทร ภูษิตกาญจนา    จำนวน 142,291,400 หุ้น หรือ12.80%

3.นาย ธัญญะ วงศ์พรเพ็ญภาพ    จำนวน  124,500,000หุ้น หรือ 11.20%

4.นาย กมล โอภาสกิตติ จำนวน 118,686,500 หุ้น หรือ10.68%

5.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 45,097,037 หุ้น หรือ4.06%

6.นาง อลิสา ศศิพงศ์ปรีชา  จำนวน 20,000,000 หุ้น หรือ1.80%

7.นาย อารักษ์ ศศิพงศ์ปรีชา 15,013,900 หุ้น หรือ 1.35%

8.นาย สมศักดิ์ ติรกานันท์  จำนวน 12,769,800 หุ้น หรือ 1.15%

9.นาย สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล โดยบลจ.แอสเซทพลัส จำกัด จำนวน  7,606,000 หุ้น หรือ0.68%

10.นาย ชาย มโนภาส  จำนวน 7,280,000 หุ้น หรือ0.65%
#2934


ศึกฟุต. พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาลใหม่ 2021-22 ได้ฤกษ์เปิดฉากวันที่ 13 ถึง 15 กลางเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งแน่นอนมีไฮไลต์ให้จับตาดูเพียบ แต่วันนี้เราจะขอเริ่มต้นที่บรรดาดาวรุ่งของแต่ละทีมที่มีลุ้นต่อแถวกันขึ้นมาแจ้งเกิด ส่วนจะมีใครบ้างนั้นไปดูกันเลย

โฟลาริน บาโลกัน (อาร์เซนอล) - ที่ผ่านมา สาวก "เดอะ กันเนอร์ส" ต่างโหยหากองหน้าดาวรุ่งที่จะขึ้นชั้นมาเป็นความหวังหรืออาจจะถึงระดับตำนานต่อจาก เธียร์รี อองรี แต่ทั้ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี กับ เอ็ดดี้ เอ็นเคเตียห์ ต่างก็ยังไม่ใช่ ล่าสุด มาถึงคิวของ บาโลกัน ฤดูกาลที่แล้วลงเล่น 6 นัด ยิง 2 ประตู โดยเป็นศึก ยูโรปา ลีก ถึง 5 นัด ที่สำคัญ เมื่อเดือนเมษายนปี 2021 เพิ่งได้สัญญาระยะยาวส่งสัญญาณว่ามีลุ้นดันขึ้นชุดใหญ่แบบเต็มตัวในปีที่จะมาถึงนี้ สำหรับพื้นเพครอบครัวเป็นไนจีเรีย แต่แข้งวัย 20 ปี เกิดที่ นิวยอร์ก ซิตี แต่มาเติบโตที่ลอนดอน

มอยเซส ไซเซโด (ไบรจ์ตัน) -รายงานระบุว่า ไบรจ์ตัน เอาชนะทีมดังมากมายคว้ากองกลางวัย 19 ปี มาร่วมทัพเมื่อหน้าหนาวที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์ แน่นอนนักเตะมาจากเอกวาดอร์ ต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับ พรีเมียร์ ลีก รวมถึงอากาศอาหารการกินและวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่อังกฤษ ส่วนตอนนี้ก็ต้องปล่อยของระดับยู 23 ไปก่อนเพื่อให้ฟอร์มเข้าตา

เลียม ดีแล็ป (แมนฯซิตี) - ถ้าไม่นับ แฮร์รี่ เคน ดาวเด่นของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่กำลังล่าตัว เท่ากับว่า แมนฯซิตี เหลือกองหน้าคนเดียว คือ กาเบรียล เฮซุส หลังปล่อย เซร์คิโอ อกูเอโร เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา เท่ากับว่า เป็นโอกาสของดาวรุ่งอย่าง ดีแล็ป วัย 18 ปี กระนั้นก็ตาม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ "เรือใบสีฟ้า" ชอบดันแนวรุกอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง ไปยืนหน้า ขณะที่ ดีแล็ป นั้นเป็นลูกชายของ รอรีย์ ดีแล็ป อดีตจอมทุ่มไกลของ สโต๊ก ซิตี โดย เป๊ป ไปคว้ามาจาก ดาร์บี เคาน์ตี ปีที่แล้วกดประตูให้ทีมชุดใหญ่ได้แล้วในศึก คาราบาว คัพ รอบ 3

อาหมัด ดิยัลโล (แมนฯยูไนเต็ด) - โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ แมนฯยู ใช้เวลา 2 ปี ในการล่าตัว จาดอน ซานโช ซึ่งแน่นอนว่ากระทบกับตำแหน่งและโอกาสของ ดิยัลโล ปีกวัย 19 ปี ที่ได้ตัวมาจาก อตาลันต้า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์ เจ้าหนูรายนี้จากประเทศโกตดิวัวร์ ถือว่าเป็นคนที่ใครมากมายอยากเห็นฟอร์มชัดๆ เต็ม 2 ตา เพราะมีทั้งทักษะ เทคนิค และความเร็ว ถือเป็นฝันร้ายของกองหลัง พรีเมียร์ ลีก ก็ว่าได้ ซึ่งตอนนี้ต้องอดทนรอโอกาส เพราะปีหน้านี้ "ผีแดง" ต้องเล่นถึง 4 ถ้วย อาจจะได้ลงตัวจริงมากขึ้นในไม่ช้า

โคดี้ ดราเมห์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด) - ปีที่แล้วได้รับคำชมไม่น้อยสำหรับ ลีดส์ ภายใต้บังเหียนของ มาร์เซโล บิเอลซ่า เพราะดันนักเตะรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีแจ้งเกิดขึ้นมาหลายคน ล่าสุด ปีหน้าอาจจะเป็นรายของ ดราเมห์ วัย 19 ปี ถือเป็นตัวเลือกในตำแหน่งแบ็กขวาที่น่าสนใจหน่วยก้านก็ใช้ได้ เหลือแต่เก็บประสบการณ์ขัดกระดูกให้แข็งระดับ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ (ลิเวอร์พูล) - ขวัญใจของสาวก "เดอะ ค็อป" เพราะถือว่ากรีดเลือดออกมาเป็น ลิเวอร์พูล ก็ว่าได้ ย้ายจาก ฟูแล่ม ตอนอายุ 16 ปี 30 วัน ตอนนี้อายุ 18 ปี แล้วถือว่าเหมาะที่จะใช้งาน ล่าสุด กรกฎาคมที่ผ่านมา เพิ่งต่อสัญญาระยะยาวออกไป ปีที่แล้วยืมตัวอยู่กับ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 42 นัด ยิง 7 ประตูกับ 11 แอสซิสต์ เดิมทีเล่นเป็นปีก แต่ว่า เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ "หงส์แดง" ประทับใจฟอร์มตอนเป็นมิดฟิลด์ ถือเป็นเรื่องดีที่มีดาวรุ่งไว้สำรองเพิ่มความหลากหลายเผื่อ โม ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรเบอร์โต ฟีร์มิโน เล่นไม่ออก

บิลลี กิลมัวร์ (เชลซี) -ปีที่แล้วอยู่ในทีมชุดแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แต่ฤดูกาลหน้านี้ เชลซี ปล่อยให้กับ นอริช ซิตี ยืมตัวใช้งาน โดยกองกลางวัย 20 ปี เพิ่งช่วย สกอตแลนด์ ลุยศึก ยูโร 2020 เรียกได้ว่าถือเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชั้นดี เพราะหากอยู่กับทีมตอนนี้ยากแย่งตำแหน่งจาก จอร์กินโญ่, เอ็นโกโล ก็องเต้ และ มาเตโอ โควาซิช

มาร์ค เกฮี (คริสตัล พาเลซ) - เซนเตอร์ฮาล์ฟวัย 21 ปี อยู่ไปก็ไม่มีตำแหน่งให้ลง เชลซี เลยตัดใจขายให้ พาเลซ ด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์ ถือว่าเป็นอีกคนที่หน่วยก้านดูสูงถึง 182 เซนติเมตร ฤดูกาลหน้านี้น่าจะได้รับโอกาสมากขึ้นจากกุนซือใหม่ของ พาเลซ ก็คือ ปาทริค วิเอร่า ส่วนปีที่แล้วยืมตัวอยู่กับ สวอนซี ซิตี ถือว่าเล่นได้น่าประทับใจไม่น้อยทีเดียว

โอลิเวอร์ สคิปป์ (ท็อตแนม ฮอตสเปอร์) - กลับสู่ สเปอร์ส ในฤดูกาลนี้ หลังจากปีที่แล้วช่วย นอริช ซิตี แบบยืมตัวใช้งานพร้อมได้เหรียญแชมป์ลีก แชมเปียนชิป เป็นที่ระลึกจากผลงานลงเล่น 45 นัด เรียกได้ว่ารับประสบการณ์มาแบบเต็มๆ โดยกองกลางวัย 20 ปี จะกลับมาลุ้นตำแหน่งกับ "ไก่เดือยทอง" ที่เปลี่ยนกุนซือเป็น นูโน เอสปิริโต ซานโตส ที่พร้อมจะให้โอกาสดาวรุ่งทุกคนเหมือนว่าทุกคนได้กลับมารีเซตเริ่มต้นกันใหม่หมด โดยที่ผ่านมา สคิปป์ เคยลงเล่น พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ให้กับ สเปอร์ส รวม 15 นัดฤดูกาล 2018-19 กับ 2019-20
#2936

โรงพยาบาลสังกัด กทม.เร่งฉีดวัคซีน "ไฟเซอร์" บูสเตอร์เข็ม 3 บุคลากรการแพทย์-ด่านหน้าสู้ "โควิด-19"
วันที่ 9 ส.ค. ที่โรงพยาบาลกลาง สังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร(กทม.) ซึ่งได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(กทม.) ในชุดแรกจากข้อมูลที่รายงานวันแถลงข่าวออนไลน์สรุปการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ วันที่ 6 ส.ค. "กทม.ได้ 'ไฟเซอร์' แล้ว 7.6 พันโดส ย้ำฉีดบูสต์เข็ม 3 เฉพาะบุคลากรด่านหน้าเท่านั้น"

โดยในวันนี้ ได้มีการฉีดวัคซีนไฟเตอร์เข็ม 3 ซึ่งเป็นเข็มบูสต์เตอร์ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้วโดยบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าได้เข้ารับวัคซีน จำนวน 700 คน โดยจะดำเนินการฉีดวัคซีนให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วัน

สำหรับ "ขั้นตอน" การใช้วัคซีนไฟเซอร์นั้น ได้ถูกขนส่งในตู้ความเย็นติดลบ 70 องศาเซลเซียส เมื่อมาถึงโรงพยาบาลกลาง จะถูกเก็บที่ตู้ทำความเย็นติดลบ 20 องศาเซลเซียส จากนั้นเจ้าหน้าที่เภสัชกรรม จะนำขวดวัคซีนใส่กล่องควบคุมอุณภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส และนำมายังจุดฉีด หลังจากนั้นจะนำวัคซีนออกมาตั้งในอุณหภูมิห้อง 15-30 นาที เพื่อให้ตัวยาในขวดวัคซีนมีอุณหภูมิใกล้เคียงกับอุณหภูมิห้อง


โดยก่อนการฉีดต้องทำการเจือจางกับน้ำกลือในปริมาณ 1.8 มิลลิลิตร และทำการคว่ำหงาย 10 รอบ จากนั้นทำการแบ่งบรรจุ เข็มละ 0.3 มิลลิลิตร จำนวน 6 เข็ม ต่อ 1 ขวด เนื่องจากวัคซีนเป็นชนิดเข้มข้น และต้องฉีดภายใน 6 ชั่วโมง โดยใช้เข็มชนิด Lowdead space syringe โลเดสเปสไซลิงค์ เพื่อให้ได้ส่วนผสมยาที่ใช้ครบถ้วน
#2937


"โอลิมปิก" เป็นมากกว่ากีฬาของมวลมนุษยชาติ แต่เป็นเวทีประกาศศักดา ความยิ่งใหญ่การเป็น "มหาอำนาจ" ทั้งความสามารถของทัพนักกีฬาแต่ละชาติ เศรษฐกิจท้องถิ่น การตลาดที่แบรนด์ทุ่มทุนเป็นสปอนเซอร์ ซึ่งโควิดโค่นเสียหาย กลายเป็นบทเรียนให้ทุกชาติเรียนรู้

สำหรับโอลิมปิกฤดูร้อนซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ 'โตเกียว โอลิมปิก 2020'   จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 ก.ค. 2564 – 8 ส.ค. 2564 ถือเป็นมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติที่ทุกคนทั้งโลกต่างรอคอย ทว่า ท่ามกลางการสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ทุกอย่าง "ผิดแผน" ไปหมด โดยเฉพาะการ "เลื่อน" จัดการแข่งขันเป็นเวลา 1 ปี 

ทั้งนี้ ก่อนการจัดแข่งขันกีฬาใหญ่ทำให้ "เจ้าภาพ" ญี่ปุ่นทุ่มงบลงทุนมหาศาลหลัก "หลายแสนล้านบาท" แต่โรคระบาดกลับไม่สามารถทำให้การ "ถอนทุนคืน" ทำได้ เพราะทุกสนามที่ลงทุนก่อสร้างไปแล้ว ไม่ได้อนุญาตให้มีผู้เข้าชม นั่นหมายถึงทุกที่นั่งกลายเป็น "ศูนย์" ไม่มีโอกาสขายบัตรให้ผู้ชม แม้ปกติการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพมักจะประสบปัญหา "ขาดทุน" แต่บทเรียนของโตเกียว โอลิมปิก 2020 น่าจะสาหัสสากรรจ์ สร้างการจดจำให้รัฐบาล และดินแดนซามูไรไปอีกแสนนาน 

มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ไม่ได้มีแค่เรื่องของ "กีฬา" เท่านั้น แต่ทุกการแข่งขันที่คว้าเหรียญทอง ยังสะท้อนการเป็น "มหาอำนาจ" ด้านกีฬา มีความเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตทาง "เศรษฐกิจ" ของประเทศทั้งช่วงการแข่งขัน และหลังจากแข่งขันเสร็จสิ้น จะมีนักท่องเที่ยว นักลงทุนกลับไปยังจุดหมายปลายทาง(Destination)แดนอาทิตย์อุทัยมากน้อยแค่ไหน 

ขณะที่ใดๆในโลกเกี่ยวข้องกับการตลาด(Marketing) มีผลทาง "ธุรกิจ" ของแบรนด์สินค้าและบริการต่างๆ แต่ "โตเกียว โอลิมปิก 2020" ถือเป็นเหตุการณ์พิเศษ การทำตลาดจึงค่อนข้าง "กร่อย" จากหลายปัจจัย เกิดปรากฏการณ์ใดขึ้นในรายการกีฬาใหญ่สุดของโลกบ้าง กรุงเทพธุรกิจ ชวนสรุปเหตุการณ์ 


Cr. Facebook : Tokyo 2020

++Sponsorship Marketing กระเทือน

ปกติการจัดแข่งขันรายการกีฬาใหญ่ระดับโลก แบรนด์สินค้าและบริการต่างๆจะออกตัวเป็นผู้สนับสนุนหลักหรือ Sponsorship Marketing ทุ่มเงินมหาศาล เพื่อให้ตราสินค้าหรือแบรนด์ถูกฝังอยู่ในหลายๆจุด ทุกสนามที่มีการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ซึ่งเจ้าภาพจะมีการถ่ายทอดไปสู่สายตาผู้ชมทั่วโลกหลาย "พันล้านคน" 

โตเกียว โอลิมปิก 2020 แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากกว่า 60 บริษัท เทเงินเพื่อเป็นผู้สนับสนุนรวมกันเกือบ 1 แสนล้านบาท แต่เมื่อเจอกระแสการต่อต้านจากชาวญี่ปุ่น ไม่ต้องการให้มีการจัดการแข่งขัน เพราะโรคระบาดยังคงเกิดขึ้น แต่เมื่อการคัดค้านไม่เห็นผล ญี่ปุ่นต้องเดินหน้าจัดกิจกรรม แต่เพื่อลดแรงเสียดทานจากกระแสสังคม แบรนด์จึงไม่ปรากฏในสนามแข่งขัน ทำให้หมดโอกาสสร้างการรับรู้แบรนด์แก่สายตาผู้บริโภคผ่านการถ่ายทอดสด ซึ่งหากคิดเป็นมูลค่าสื่อ หรือ Media ที่จะได้กลับเรียกว่าสูงอย่างมาก 

นับเป็นครั้งแรกที่ไม่ปรากฏป้ายโฆษณาของแบรนด์ดังในสนาม มีเพียงป้ายของสัญลักษณ์โตเกียว 2020 เท่านั้น งานนี้จึงอดเห็นผลงานการสร้างสรรค์โฆษณาที่มักมีไอเดีย ข้อความที่เต็มไปด้วยกำลังใจ แรงบันดาลใจให้กับนักกีฬา กองเชียร์และผู้คนต่างๆ การเล่าเรื่องตัวแทนของนักกีฬาบางชาติ บางประเภทที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการมาถึงจุดสูงสุดครั้งหนึ่งในชีวิตกับการลงสนามแข่งขันระดับโลก  

++ Pictogram จารึก

"โตเกียว โอลิมปิก 2020"   

พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ถือเป็นอีกไฮไลท์ที่ทุกคนตั้งตาชม รอลุ้นว่าเจ้าภาพจะนำเสนอการแสดงพิเศษอะไรมาเรียกเสียงฮือฮาบ้าง และขึ้นชื่อว่าเป็น "ญี่ปุ่น" ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้รูปแบบการนำเสนอที่เรียบง่าย แต่การนำ Pictogram หรือแผนภูมิรูปภาพที่แสดงการแข่งขันชนิดกีฬาต่างๆ มาถ่ายทอดให้ทุกสายตาได้ชม กลับสร้างความประทับใจอย่างมาก กลายเป็นโชว์ที่ขโมยซีนและได้ใจเจ้าภาพไปแบบเต็มๆ 

Pictogram ไม่เพียงแค่จารึก "โตเกียว โอลิมปิก 2020" ให้อยู่ในใจของคนทั้งโลก แต่ในแง่การการตลาด ยังได้เห็นแบรนด์สินค้า องค์กรใหญ่ นำไปต่อยอด เพื่อสร้างสีสัน กลายเป็น Real time Marketing และ Ambush Marketing กันอย่างคึกคักไม่น้อย

สำหรับประเทศไทย เสือปืนไวอย่าง "ท็อปส์" ไม่เคยพลาดหรือยอมตกกระแสใดๆ นำสินค้าแบรนด์ต่างๆ มาปรับเปลี่ยนโลโก้เป็น Pictogram มาดึงดูด เพิ่มยอดไลก์ ยอดแชร์ เพิ่มการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย


ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ก็ไม่น้อยหน้า เพราะหยิบ Pictogram มาเล่นกับบริการ "1112 เดลิเวอรี่" ขานรับนโยบายรัฐหยุดเชื้อเพื่อชาติ อยู่บ้านต้องสั่งอาหารรับประทาน อิ่มแล้วนอน จะกินก็แค่กดซ้ำ 1112  นั่นเอง 

นอกจากแบรนด์ไทย องค์กรระดับโลกอย่าง "องค์การอนามัยโลก"(WHO) ขอแจมด้วยคน เมื่อไวรัสมฤตยูโควิด-19 ยังระบาดหนักทั่วทุกมุมโลก การกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักการดูแลสุขอนามัยจึงจำเป็น และล้างมือธรรมดาโลกไม่จำ!! ขอนำเสนอผ่าน Pictogram และประเภทกีฬาโอลิมปิก เช่น ฟันดาบสัญลักษณ์การย้ำใส่หน้ากาก รักษาระยะห่างผ่านกีฬาระบำใต้น้ำ สัญลักษณ์การรักษาระยะห่าง เป็นต้น 

++ ดราม่า 'แกรนด์สปอร์ต' ลามแบรนด์

เมื่อแบรนด์ไทยทุ่มเงินเป็นผู้สนับสนุน "ชุดกีฬา" ให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยใส่ไปแข่งชิงแชมป์โอลิมปิก กีฬาที่เป็นความหวังอย่าง "แบดมินตัน" หญิงเดี่ยวจาก "น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์" ที่คว้าซักเหรียญมาให้คนไทยดีใจ กลับเป็นประเด็นอย่างมาก เมื่อแมทช์การแข่งขันหนึ่ง น้องเมย์ ที่สวมเสื้อแกรนด์สปอร์ต และต้องถกแขนเสื้อขึ้นตลอดเวลาระหว่างการแข่งขัน ทำให้คนไทยแสดงความคิดเห็นในวงกว้าง ทั้งประเด็นการออกแบบที่ "เชย" ฟิตติ้งเสื้อผ้าที่ไม่เอื้อให้นักกีฬาเคลื่อนไหวคล่องตัว ที่ส่งผลต่อสมรรถนะ ศักยภาพของนักกีฬา ฯ 

ในชั่วข้ามคืนทำให้ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ต้องยกหูหาผู้บริหารแกรนด์สปอร์ต เพื่อขอให้นักกีฬาเปลี่ยนเสื้อที่สวมใส่ ภายใต้ข้อแม้ห้ามเห็นโลโก้ของอีกแบรนด์ แต่ผู้ชม คอกีฬาก็ดูออกอยู่ดีว่าคือเสื้อของ "โยเน็กซ์"

สิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนมองว่าเป็น "สปิริต" ของทั้ง 2 แบรนด์ แต่ในเชิงธุรกิจ นี่คือการสูญเสียโอกาสสร้างแบรนด์ เสียมูลค่าสื่อที่แกรนด์สปอร์ตควรจะได้ออกอากาศ(Airtime)ให้ทุกสายตาทั่วโลกได้เห็น แบรนด์สัญชาติไทยบนหน้าอกเสื้อนักกีฬาเบอร์ต้นๆของโลก 

อย่างไรก็ตาม ทุกเสียงสะท้อนที่เกิดขึ้น แกรนด์สปอร์ต ใจกว้างรับฟัง "ความต้องการ" ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย รับโจทย์ไปทำวิจัยตลาดต่อทันทีผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ แต่กรณีศึกษาที่เกิดขึ้น ไม่เพียงเป็น "การบ้าน" ให้ผู้บริหาร ทีมงานการตลาดต้องกลับไปคิดใหม่ เพื่อพัฒนาสินค้า และสร้างแบรนด์ไทยให้กระหึ่มในแคทวอล์กกีฬาโลก เพราะโตเกียว โอลิมปิก 2020 เสื้อผ้าชุดนักกีฬา ไม่ใช่แค่ตอบด้านคุณประโยชน์หรือ Functional ให้นักกีฬาที่สวมใส่ และต้องสร้างคุณค่าเชิงอารมณ์ความรู้สึกหรือ Emotional ให้นักกีฬาใส่แล้วมั่นใจ สวย รวมถึงคนดูเห็นแล้วชื่นชอบ สวย กระตุ้นการ "ซื้อ" ตามมาด้วย เพราะการตลาดสร้างแบรนด์ให้ชอบ ไม่เกิดการซื้อ ย่อมไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน(ROI)


++ AIS Play กับภารกิจพิชิตตลาด OTT

เป็นปีที่ 2 ของ "เอไอเอส" ในฐานะผู้ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งครั้งนี้จับมือพันธมิตรหลักมากมาย โดยเฉพาะ "แพลนบี" นำลิขสิทธิ์รายการกีฬาใหญ่มาให้คนไทยได้รับชม

เอไอเอส ถ่ายทอดแมทช์การแข่งขันกีฬามากมาย ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือโอทีทีอย่าง "เอไอเอส เพลย์" แน่นอนว่าใครที่กลัวพลาดโอกาสชมกีฬาโปรด ต้องรีบหาซื้อซิมการ์ดมาใช้ทันที 

ทว่า ปัญหาหนึ่งที่พบในการถ่ายทอดสด คือรายการกีฬาที่แข่งขันไม่ตรงกับโปรแกรมที่วางไว้ เพราะประสบปัญหาจากต้นทางเจ้าของสิทธิ์ที่มีการปรับเปลี่ยน ดึงสัญญาณการออกอากาศ เรียกว่าตั้งแต่เริ่มการแข่งขันกระทั่งวันจบ โปรแกรมการแข่งขันและการถ่ายทอด ยังมีไม่ตรงกันบ้าง  รวมถึงสัญญาณภาพที่ไม่ลื่นไหล มีกระตุกเป็นบางครั้ง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นการบ้านให้ "เอไอเอส" ต้องปรับใช้เพื่อรองรับแผนธุรกิจในอนาคต 

สำหรับ "กีฬา" ถือเป็น Content Is King อย่างแท้จริง เพราะการรับชมแบบ "สด"  ได้อรรถรสลุ้น เชียร์ทีมโปรดว่าผลสุดท้าย ใครจะคว้าเหรียญรางวัลไปครอง 

'ไทยร่วมใจ' เปิดจอง 'ลงทะเบียนฉีดวัคซีน' เข็มแรกผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป รับสูงสุด 400 ร้อยคนต่อวัน
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังหนัก! พบติดเชื้อเพิ่ม 19,983 ราย เสียชีวิต 138 ราย ไม่รวม ATK อีก 2,577 ราย
ถอนงานวิจัย 'ฟ้าทะลายโจร' ลดปอดอักเสบ เหตุหลักฐาน 'ไม่เพียงพอ'
++ "เทนนิส" ฮีโร่เหรียญทอง

แบรนด์ชิงเกาะกระแส 

"น้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ" ที่คว้าเหรียญทองแรกจากกีฬาเทควันโดให้ทีมชาติไทยในการแข่งขันโตเกียว โอลิมปิก 2020 สร้างความดีใจและคืนความสุขให้คนไทยอย่างมาก 

ความร้อนแรงข้อง "น้องเทนนิส" ยังทำให้แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเป็นเสือปืนไวไม่พลาด มีส่วนร่วมยินดี และแน่นอน ย่อมส่งผลเชิงบวกต่อตราสินค้าแน่นอน หนึ่งในภาพที่เห็นตอนน้อง "เทนนิส" ขึ้นรับเหรียญทอง คือการสวมใส่รองเท้าลำลองคู่โปรดแบรนด์ "คร็อคส์"(Crocs) ขึ้นโพเดียม ท่ามกลางนักกีฬาชาติอื่นสวมใส่รองเท้ากีฬาหรือผ้าใบ 


ดังนั้น ทันทีที่กลับมาถึงไทย จึงมีตัวแทนในไทยทำรองเท้ารุ่นพิเศษไปมอบให้ถึงจังหวัดภูเก็ต โดยเฟซบุ๊กของ Thawatchai Khotpot โพสต์ข้อความว่า "สืบเนื่องจากเหรียญทอง Tokyo Olympic 2020 ของน้องเทนนิส จะมีใครสังเกตหรือเปล่าไม่ทราบ น้องชอบใส่รองเท้า Crocs ทางตัวแทนในไทยเลยทำรุ่นพิเศษไปมอบให้ถึงภูเก็ต ชอบใจจริงๆ" 

ส่วนอีกแบรนด์ที่เร็วไม่แพ้ใครยกให้ "เอไอเอส" ที่งานนี้คว้าตัว "น้องเทนนิส" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับไอเอเอส เพลย์ เพื่อสร้างการรับรู้แพลตฟอร์มต่อไป เรียกว่าจะตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เพราะจะได้ Impact พลังของฮีโร่โอลมิปิก จะช่วยสร้างผลต่อแบรนด์เชิงบวก 

++ 'ญี่ปุ่น' ย้ำเจ้าแห่งคอนเทนท์ "เอเชีย"

แม้ "โตเกียว โอลิมปิก 2020" จะเป็นหายะทางการเงิน การลงทุน สร้างบาดแผลซ้ำสถานการณ์เศรษฐกิจให้กับประเทศญี่ปุ่น แต่ท่ามกลางวิกฤติมักมี "โอกาส" ซ่อนตัวและแทรกโผล่ขึ้นมาเสมอ 

โลกยุคนี้การแข่งขันเป็น "มหาอำนาจ" มีได้หลากหลายรูปแบบ หากอำนาจทางการเมือง การทหาร เป็น "ตำรวจโลก" เช่น สหรัฐ ยุโรป ไม่ได้ ก็ต้องหาทางเป็นมหาอำนาจด้าน "เศรษฐกิจ" การค้าขาย ซึ่งแน่นอนว่าที่มาแรงหนีไม่พ้น "จีน" จนประเทศยักษ์ใหญ่ต้องมีนโยบายออกมาโดนเตะตัดขาในหลายด้าน 

แต่อีกอำนาจที่สร้างชื่อชั้นให้ประเทศเล็กมีพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจบ้าง หนีไม่พ้น Soft Power ตัวอย่างชาติเอเชียที่สร้างผลงานโดดเด่นหนีไม้พ้น "เกาหลีใต้" ที่ใช้กระแสวัฒนธรรม K-Pop เขย่าโลก!!

ทว่า ญี่ปุ่น เจ้าภาพ โอลิมปิก 2020 ได้จุดพลัง Soft Power ขึ้นอีกครั้ง ตั้งแต่พิธีเปิด มีการนำเพลงจากวิดีโอเกมแนว RPG ของค่ายต่างๆมาเปิดต้อนรับทัพนักกีฬาแต่ละชาติที่เดินเข้าสนาม เช่น Dragon Quest - Overture: Roto's Theme, Final Fantasy - Victory Fanfare, Monster Hunter - Proof of a Hero, Tales of Graces - Pomp and Majesty เป็นต้น 

ไม่หมดแค่นั้น เพราะในการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ยังมีเพลงจากการ์ตูนอนิเมะและมังงะชื่อดังที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาในสนามด้วย เช่น วอลเลย์.ชายญี่ปุ่นลงสนาม มีเสียงเพลงจาก Haikyuu!! พร้อมกันนี้ เพลงดังของไทย ยังได้เปิดเพลงเพลง "บัวลอย" ของคาราบาว กระหึ่มในสนามระหว่างแมทช์การแข่งขันของวอลเล่ย์.หญิง "เกาหลีใต้ VS ตุรกี" 

"ญี่ปุ่น" เป็นประเทศที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด การแข่งขันกีฬาปีนี้ ไม่เพียงเจ้าภาพที่ขออวด Soft power แต่บรรดานักกีฬา ก็ขอมีเอี่ยวกับกระแส วัฒนธรรมของเจ้าภาพ โดยเฉพาะการ์ตูน อย่างล่าสุด การแข่งขันยิมนาสติกลีลาหญิงทีมชาติ "อุซเบกิสถาน" จัดเต็มทั้งชุดและเพลงจาก "เซเลอร์มูน" จนเป็นไวรัลในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกช่วงท้ายๆของการแข่งขันด้วย 


อย่างไรก็ตาม "ญี่ปุ่น" ถือเป็นมหาอำนาจด้านคอนเทนท์ของเอเชียมาอย่างยาวนาน การ์ตูนหลากหลายประเภทถูกถ่ายทอดผ่านหนังสือวางขายทั่วโลก และยังผลิตเป็นหนัง อนิเมชั่น ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ โรงภาพยนตร์ หลายเรื่องอยู่ในความทรงจำของผู้คน เมื่อเพลง ชุด ท่าทางของนักกีฬาที่แสดงออกในโอลิมปิก จึงกระตุกต่อมวัยเยาว์ ดึงความสนใจจนเป็นไวรัลนั่นเอง 

ส่วนกระแสที่เกิดขึ้น จะเพียงพอต่อการฟื้นไข้เศรษฐกิจ กอบกู้ความเสียหายของการ "ขาดทุน" จากการจัดโอลิมปิก 2020 หรือไม่ คงต้องรอให้โควิด-19 คลี่คลาย จะได้รู้ว่าสิ่งที่ทุ่มลงไปจะ "คุ้มค่า" มากน้อยเพียงใด
#2938


นักวิจัยต่างชาติผลิตวัคซีน "ไฟเซอร์" "โมเดอร์น" ประเภท mRNA ให้คนทั้งโลกใช้ และนักวิจัยไทยก็พยายามพัฒนาวัคซีนโควิดเช่นกัน คาดว่ากลางปีหน้า (2565)วัคซีน ChulaCov19 ประเภทmRNA และวัคซีนใบยา (จะสามารถนำมาใช้ในมนุษย์ได้เป็นแห่งแรกในเอเชีย) รวมถึง วัคซีนเชื้อตาย ของมหาวิทยาลัยมหิดล และวัคซีนของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)   

ทั้งหมด ถ้าผ่านขั้นทดลอง จนแน่ใจว่า มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสร้างภูมิคุ้มกันโควิดสายพันธุ์ใหม่ได้ ก็จะทยอยออกมา

ล่าสุด ทีมงานนักวิจัยคนไทยผู้พัฒนาวัคซีนโควิดทุกทีมกำลังทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ เพื่อประชาชนไทย เพราะตั้งแต่โควิดระบาดระลอก 3 ทุกคนต่างเศร้าเสียใจที่คนไทยติดเชื้อไวรัสโควิด แล้วจากไปเหมือนใบไม้ร่วง 

แม้วัคซีนสัญชาติไทยจะออกมาช้า แต่ได้ใช้แน่นอน อาจใช้เป็นวัคซีนป้องกันโควิดเข็ม 3,4,5... เพราะการฉีดวัคซีนหนึ่งเข็มสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้นาน 6-12 เดือน  ยกเว้นมีการคิดค้นใหม่ เพื่อให้วัคซีนสร้างภูมิคุ้มได้ยาวนานกว่านั้น

ถ้าอย่างนั้นมาดูสิ วัคซีนจากนักวิจัยไทยไปถึงไหนแล้ว



(ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับวัคซีนที่ทดลองในอาสาสมัครมนุษย์ -ภาพจากเฟซบุ๊ก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ )

1.วัคซีน ChulaCov19 

(เดือนสิงหาคม 64 ทดลองในมนุษย์)


-ประเภท mRNA 

ผลิตจากชิ้นส่วนขนาดจิ๋วสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา (โดยไม่มีการใช้ตัวเชื้อแต่อย่างใด) ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับชิ้นส่วนของสารพันธุกรรมขนาดจิ๋วนี้เข้าไป จะทำการสร้างเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนปุ่มหนามของไวรัสขึ้น (spike protein) 

และกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันไว้เตรียมต่อสู้กับไวรัสเมื่อไปสัมผัสเชื้อ เมื่อวัคซีนชนิด mRNA ทำหน้าที่ให้ร่างกายสร้างโปรตีนเรียบร้อยแล้ว ภายในไม่กี่วัน mRNA นี้จะถูกสลายไปโดยไม่มีการสะสมในร่างกายแต่อย่างใด


-ผู้พัฒนาวัคซีน

ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ ผู้คิดค้นเทคโนโลยีนี้ของโลกคือ Prof. Drew Weissman


-การทดลองที่ผ่านมา

หลังจากทดลองในลิงและหนู พบว่า สามารถยับยั้งไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือดและสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับสูง จึงนำมาสู่การผลิตการทดสอบทางคลินิกระยะที่ 1ให้กับอาสาสมัครเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2564 โดยแบ่งออกเป็นสองกลุ่มอายุ จำนวน 72 คน 

กลุ่มแรก เป็นอาสาสมัครผู้ที่มีอายุ 18-55 ปี ทดสอบจำนวน 36 คน

กลุ่มที่สอง เป็นอาสาสมัครผู้ที่มีอายุ 65-75 ปี ทดสอบจำนวน 36 คน

ในจำนวนสองกลุ่มข้างต้นจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อยที่ฉีดวัคซีน 10 ไมโครกรัม, 25 ไมโครกรัม และ 50 ไมโครกรัม เพื่อดูว่า วัคซีน ChulaCov19 มีประสิทธิภาพสูงสุดที่ปริมาณเท่าไร เพราะปัจจุบันโมเดอร์นาใช้วัคซีนปริมาณ 100 ไมโครกรัม ส่วนไฟเซอร์ใช้ 30 ไมโครกรัม 

ถ้าการทดลองได้รู้ขนาดที่ปลอดภัยและกระตุ้นภูมิได้สูง จะเข้าสู่การทดสอบระยะที่ 2 จำนวน 150-300 คน คาดว่าเริ่มต้นฉีดเดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นไป


-จุดเด่น ChulaCov19

จากการทดสอบ มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งคือ ความทนต่ออุณหภูมิของวัคซีน พบว่าวัคซีน ChulaCov19 อยู่ในอุณหภูมิตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) ได้นาน 3 เดือน และเก็บในอุณหภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) ได้นาน 2 สัปดาห์ ทำให้การจัดเก็บรักษาง่ายกว่าวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ยี่ห้ออื่น 


-ความคืบหน้าวัคซีน

กำลังจะทดสอบในอาสาสมัครคนไทยเฟส 1 เพิ่มเติมในกลุ่มผู้สูงอายุ  คาดว่าจะรู้ผลว่าสร้างภูมิคุ้มกันปลายเดือนตุลาคม 2564 และคาดอีกว่าจะเป็นวัคซีนที่ผลิตสำหรับการฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันเป็นเข็มที่ 3 สำหรับคนไทยโดยมีเป้าหมายว่าจะผลิตออกมา พร้อมขึ้นทะเบียนอย.ได้ในเดือนเมษายน 2565

(ที่มาข้อมูล : เฟซบุ๊คคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ) 

ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวไว้ในเฟซบุ๊คดังกล่าวว่า หากองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) สามารถกำหนดหลักเกณฑ์ได้ว่า "วัคซีนที่มีประสิทธิภาพต้องกระตุ้นภูมิเท่าไร" ก็จะช่วยลดขั้นตอนได้ สมมติว่าเกณฑ์วัคซีนโควิด-19 ที่ดีต้องสร้างภูมิคุ้มกันมากกว่า 80 IU (International Unit)

"ถ้าวัคซีน ChulaCov19 สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าค่านี้แสดงว่ามีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ก็สามารถยกเว้นการทำทดสอบทางคลินิกระยะที่สามได้ วัคซีนนี้อาจได้รับอนุมัติให้ผลิตเพื่อใช้ในคนจำนวนมากได้ภายในก่อนกลางปีหน้า"


(วัคซีน ChulaCov19 ประเภท mRNA อยู่ในขั้นตอนทดลองในมนุษย์ เดือนสิงหาคม 64)




2. วัคซีนจากใบยา

(เดือนสิงหาคม 64 ทดลองในอาสาสมัคร)


-ประเภทโปรตีนจากใบยา

เทคโนโลยีการผลิตโมเลกุลโปรตีนจากพืช คือใส่ยีนเข้าไปในพืช แล้วใช้กระบวนการผลิตของพืช ผลิตโปรตีนที่เราต้องการ โปรตีนที่ได้จึงมีความบริสุทธิ์ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เป็นเทคโนโลยีที่มีมากว่า 15 ปี เคยใช้รักษาโรคอีโบล่า


-ผู้พัฒนาวัคซีน

รศ.ดร.วรัญญู พูลเจริญ คนต้นคิดวัคซีนจากใบยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี และผศ.ภญ.ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ ประธานกรรมการบริหาร ทั้งสองทำงานแบบสตาร์ทอัพ ในนามบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ในความดูแลของ CU Enterprise

โดยการวิจัยพัฒนาวัคซีนชนิด Protein Subunit ดำเนินการโดยบริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จํากัด ,คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล


(ในห้องทดลองบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด) 

-การทดลอง 

-วัคซีนใบยาได้ผ่านการทดสอบในหนูและลิง ด้วยการฉีด 2 เข็มห่างกัน 3 สัปดาห์ ผลการทดสอบปรากฏว่าลิงมีความปลอดภัย และไม่เกิดผลข้างเคียงใด ๆ

ผลเลือดในลิงที่ใช้ทดลองมีค่าเอนไซม์ตับปกติ อีกทั้งจำนวนเม็ดเดือดแดงและเม็ดเลือดขาวอยู่ในเกณฑ์ปกติ นอกจากนี้เมื่อนำเปปไทด์ไปกระตุ้นเซลล์ของลิงพบว่า มีการกระตุ้น T Cell ได้ดี ซึ่งนับว่าการทดลองดังกล่าวประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ

-โดยกระบวนการผลิตวัคซีนที่ใช้พืช สามารถผลิตเป็นจำนวนครั้งละมาก ๆ ได้ และสามารถยกระดับจากการผลิตวัคซีนในห้องทดลอง มาเป็นการผลิตวัคซีนระดับอุตสาหกรรมได้ทันที

การผลิตวัคซีนจากใบยาสูบนี้สามารถผลิตได้ประมาณ 10,000 โดสต่อเดือนในห้องทดลองขนาดเล็กเท่านั้น จึงนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคระบาดในอนาคต


-จุดเด่นวัคซีนใบยา

การผลิตจากพืช เมื่อเกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ในอนาคต ทีมวิจัยสามารถนำรหัสพันธุกรรมของสายพันธุ์นั้นๆ มาผลิตเป็นวัคซีนใช้ได้ทันที เหมาะกับการผลิตวัคซีนที่เชื้อไวรัสมีสายพันธุ์ใหม่ๆ ออกมาตลอด ไม่ต้องเสียเวลานำเข้าวัคซีนเฉพาะบางสายพันธุ์จากต่างประเทศ

วัคซีนมีส่วนประกอบที่เป็นโปรตีน จึงค่อนมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง ในส่วนของประสิทธิภาพจะต้องมีการทดลองในมนุษย์กันต่อไปจึงสามารถวัดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น


-ความคืบหน้า

สิงหาคม-กันยายน 2564  ทดลองอาสาสมัครกลุ่มแรกจำนวน 50 คน อายุ 18 - 60 ปี โดยอาสาสมัครต้องมีสุขภาพแข็งแรงและไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน การทดสอบวัคซีน จะเริ่มในเดือนกันยายน

อาสาสมัครจะได้รับการฉีดวัคซีนจำนวนสองเข็ม เว้นระยะเวลาห่างกัน 3 สัปดาห์ เมื่อทดสอบกับอาสาสมัครกลุ่มแรกเสร็จเราก็จะทดสอบวัคซีนกับอาสาสมัครกลุ่มอายุ 60–75 ปี ต่อไป คาดว่าวัคซีนใบยาจะพร้อมฉีดให้คนไทยช่วงกลางปี 2565

รศ.ดร.วรัญญู พูลเจริญ คนต้นคิดวัคซีนจากใบยา ให้ข้อมูลกับ"กรุงเทพธุรกิจ"ไว้ว่า เทคโนโลยีการผลิตโมเลกุลโปรตีนจากพืช คือใส่ยีนเข้าไปในพืช แล้วใช้กระบวนการผลิตของพืช ผลิตโปรตีนที่เราต้องการ โปรตีนที่ได้จึงมีความบริสุทธิ์ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้

"พืชที่เราปลูก ไม่ได้ใส่สารพันธุกรรม เป็นพืชธรรมชาติ จนกว่าจะโตเหมาะสม เราก็ฉีดอะโกรแบททีเรียม(การถ่ายโอนดีเอ็นเอ )เข้าไป หลังจากนั้น 4-5 วัน เราก็ตัดพืชมาสกัดโปรตีนที่ต้องการนำไปทดสอบ ต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกว่า วันไหนพืชจะผลิตโปรตีนได้มากที่สุด"

หากถามว่า ทำไมต้องเป็นวัคซีนจากใบยา อาจารย์วรัญญู ให้ข้อมูลว่า

"มีโรคมากมายในโลกนี้ ที่ยังไม่มีวัคซีนป้องก้น ไม่ว่าเทคโนโลยีแบบไหนจะดีแค่ไหน ก็ต้องศึกษา เทคโนโลยีจากโมเลกุลโปรตีนพืชสามารถทำออกมาได้เร็ว ต่อให้ไม่ได้ผล เราก็รู้เร็ว เปลี่ยนได้เร็วการทำวัคซีนโควิดเราใช้ฐานความรู้ไวรัสซาร์สและเมอร์สมาพัฒนา นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกก็ทำแบบนี้"

3. วัคซีนมหาวิทยาลัยมหิดล 

(เดือนสิงหาคม 64 ทดลองในอาสาสมัคร)

-ชนิดเชื้อตาย HXP-GPOVac 

พัฒนาโดย คณะเวชศาสตร์เขตร้อน  มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับองค์การเภสัชกรรม สถาบัน PATH และ The University of Texas at Austin


นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เคยให้ข้อมูลความคืบหน้าไว้ในกรุงเทพธุรกิจว่า

"รายงานผลการทดสอบอย่างเป็นทางการ จะเลือกวัคซีน 2 สูตรที่ดีที่สุดจากการทดลองไป 5 สูตร เพื่อนำมมาทำการทดลองระยะที่ 2 ในอาสาสมัคร 250 คนในเดือนสิงหาคมนี้ และเลือก 1 สูตรที่ดีที่สุดเพื่อทดลองในระยะที่ 3 "

ส่วนการทดลองระยะที่ 3 ในภาคสนามกับอาสาสมัคร 1,000 - 10,000 คน โดยวัคซีนที่ผ่านการวิจัยในมนุษย์ทั้ง 3 ระยะแล้วจะถูกนำไปขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา เพื่อเริ่มการผลิตต่อไป


ขอวัคซีนให้คนไทยทุกคน อย่างเท่าเทียม เสมอภาพ 

...................

4.วัคซีนสวทช. 

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)พัฒนาวัคซีนโควิดออกมา 2 ชนิด

1. Adenovirus ที่มีการแสดงออกของโปรตีนสไปค์ ออกแบบโดยการพ่นเข้าจมูกผ่านละอองฝอย รูปแบบนี้น่าจะเป็นวัคซีนที่ใกล้เคียงกับหลายๆ ที่ ที่กำลังทดสอบในเฟส1-2 ของทีม 

นักวิจัย สวทช. ผ่านการทดสอบในหนูทดลองที่ฉีดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว พบว่า หนูทดลอง นอกจากไม่มีอาการป่วย ยังมีน้ำหนักขึ้นสูงกว่ากลุ่มที่ฉีดเข้ากล้ามอย่างเห็นได้ชัด ผลการทดสอบความปลอดภัยไม่มีปัญหา

การผลิตในระดับ GMP ร่วมมือกับ KinGen BioTech เรากำลังจะทดสอบวัคซีนนี้ในอาสาสมัครมนุษย์ในรูปแบบที่สร้างจากไวรัสสายพันธุ์เดลต้าในเร็วๆนี้(เดือนสิงหาคม 64) ผลงานวิจัยกำลังเร่งรวบรวมผลส่งเข้าตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ

2. Influenza virus ที่มีการแสดงออกของโปรตีน RBD ของสไปค์ ตัวนี้กำลังต่อคิวทดสอบประสิทธิภาพการคุ้มโรคโควิด-19

และผลการวิจัยเรื่องระดับภูมิคุ้มกันในหนูทดลองได้ตีพิมพ์ไปแล้ว วัคซีนตัวนี้ร่วมมือกับทีมองค์การเภสัชกรรม และมีแผนจะออกมาทดสอบเป็นตัวต่อมา

"ในเรื่องของการกลายพันธุ์ที่หลายคนเป็นห่วง ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง หนึ่ง.คนที่ได้รับวัคซีนต้องฉีด 2 เข็ม ไม่ใช่ฉีดเข็มแรกแล้วไม่ฉีดต่อ เพราะภูมิคุ้มกันจากเข็มแรก จะเข้าไปจับไวรัสแบบอ่อนๆ หลวมๆ ทำให้ไวรัสเปลี่ยนตัวเองได้และการกลายพันธุ์เกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ถ้าไม่มีการฉีดเข็มที่สอง

(ที่มาข้อมูล : เพจ Anan Jongkaewwattana)

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เคยให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจว่า  

"เราต้องการวัคซีนที่แข็งแรงจับไวรัสได้ ทำลายให้ตายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ให้เวลามันปรับตัวเปลี่ยนแปลงตัวเอง"
#2939
89,400,000 บาทค่ะ
T.065.965.7691 (เบญ)
ID:bp2036 
เจ้าของขายเอง

ขายที่ดินย่านธุรกิจ ใกล้กองสลาก ด้านหน้าติดถนนสนามบินน้ำ อ.เมือง จ.นนทบุรี


ที่ตั้งที่ดินนะคะ ถนน นนทบุรี ท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี 40160

T.0659657691 (เบญ)
ID:bp2036 
เจ้าของขายเอง

เนื้อที่ 1-3-45 ไร่ 
หน้ากว้างมาก  ก.46 ม. x ย. 61 ม. 
เหมาะทำอาคารพาณิชย์, หอพัก, บ้านพักอาศัย, เปิดร้านอาหาร, Cafe, 
super maket และอื่นๆ
ด้านหน้าติดถนนสนามบินน้ำ
ห่างจากกองสลากไม่ถึง 800 ม. 
ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู (สถานีสนามบินน้ำ)
จะเดินทางไป ศูนย์ราชการนนท์หรือกระทรวงพาณิชย์ ก็ใกล้ไม่ถึง 15.น
ออกได้หลายเส้น ไม่ว่าจะเป็น ถ.ติวานนท์, ถ.งามวงศ์วาน,ถ.แจ้งวัฒนะ,
ถ.รัตนาธิเบศร์, ถ.ราชพฤกษ์,ถ.ชัยพฤกษ์ก็สะดวก

ตร.วาละ 120,000 บ.
(สามารถแบ่งขายแยกแปลงได้)

T.065-965-7691
ID:bp2036
เจ้าของขายเอง 
งดรับนานหน้านะจ๊ะ


#ขายที่ดิน #ขายที่ดินนนทบุรี #ขายที่ติดถนนหลวง
#ขายที่ #ขายที่ดินแปลงใหญ่ #ขายที่ทำเลดี #ที่ดินใกล้รถไฟฟ้า 
#ที่ดินติดรถไฟฟ้า

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=85&t=7834069












#2940


สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดวันพฤหัสบดี(5ส.ค.) ปรับตัวขึ้น 94 เซนต์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางแต่ราคาน้ำมันยังคงถูกจำกัดจากการที่สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ ปิดที่ 69.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ เครื่องบินรบของอิสราเอลได้ยิงถล่มฐานยิงจรวดทางใต้ของเลบานอนในวันนี้ เพื่อตอบโต้ต่อการโจมตีของกองกำลังติดอาวุธก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ สหรัฐได้กล่าวหาว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของอิสราเอลเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ซึ่งส่งผลให้ลูกเรือ 2 รายเสียชีวิต

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล

ขณะเดียวกัน นักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการชะลอตัวของภาคการผลิตของสหรัฐและจีน จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน