ลูกกลัวหมอฟันเด็กควรจะทำยังไงดี?

[kaidee20]

ลูกกลัวหมอฟันเด็กควรจะทำไงดี?



เอายังไงดี เมื่อลูกน้อยกลัวคุณหมอฟันเด็ก - เด็กกับความกลัวเป็นเรื่องที่คู่กัน เด็กจะกลัวในเรื่องที่จำฝังใจ ได้แก่ การกลัวการเจ็บ กลัวคนที่ไม่รู้จัก ความหวาดกลัวสถานการณ์ใหม่ๆที่ยังไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งความหวาดกลัวจะเกิดขึ้นในตอนหนึ่งของชีวิตเพียงแค่นั้น โดย ความหวาดกลัวนั้นจะขึ้นอยู่กับตัวเด็กอีกครั้งว่าเด็กนั้นก่อนหน้าที่ผ่านมาพ่อแม่อาจจะมีเหตุที่ทำให้เด็กกลัว หมอฟันเด็กหรือกลัวการดูแลและรักษาทางด้านทันตกรรมเด็ก ตัวอย่างเช่น ประสบการณ์การดูแลรักษาทางทันตกรรมเด็ก ในสมัยก่อน โดยยิ่งไปกว่านั้นการนำเด็กเข้าการดูแลและรักษาฟันในช่วงเวลาที่เด็กเจ็บอยู่ฟัน แล้วก็อาจจะเป็นผลให้เด็กอีกทั้งเจ็บแล้วกลัวและก็ฝังลึกในใจเลยทำให้มีการเกิดความหวาดกลัว และอาจส่งผลให้เด็กกลัวแพทย์ที่สวมชุดสีขาว หรือกลัวการเข้าไปรักษาในโรงหมอหรือคลินิกทันตกรรมต่างๆรวมทั้งการฟังจากคำพูดจากเครือญาติ พี่น้อง สหาย แล้วก็เด็กบางครั้งก็อาจจะรับรู้ได้จากความประพฤติบางสิ่ง หรือจากสีหน้าที่มีความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่พ่อแม่แสดงออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว เป็นต้น

การเตรียมตัวลูก สำหรับเพื่อการมาเจอแพทย์ฟันหนแรก

ทันตกรรมเด็กกับการเตรียมการเด็กที่ดีนั้นมีผลอย่างมากต่อความประพฤติของเด็กแล้วก็ความสำเร็จสำหรับการรักษา โดยเหตุนั้นคุณพ่อและก็คุณแม่จำเป็นต้องหลบหลีกคำบอกเล่าที่น่าขนลุกหรือแสดงความไม่สาบายใจเกี่ยวกับหมอฟันเด็กที่ให้บริการทัตนกรรมเด็ก และไม่ควรจะใช้หมอฟันหรือแนวทางการทำฟันเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการขู่ลูก อย่างเช่น "ถ้าไม่ยอมแปรงฟันนะ จะจับไปให้หมอถอนฟันเลย" ซึ่งจะยิ่งทำให้ลูกฝั่งดวงใจและก็กลัวหมอฟันมากขึ้น ทั้งนี้คุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่บางทีอาจช่วยส่งเสริมทัศนคติในทางบวกต่อวิธีการทำฟันให้แก่ลูก ดังเช่น "คุณหมอจะช่วยให้หนูมีฟันงามแล้วก็แข็งแรง" นอกเหนือจากนี้เมื่อพบว่าลูกมีฟันผุก็ควรจะพาลูกมาทำฟันตั้งแต่ในตอนที่ยังไม่มีอาการปวด ถ้าเกิดรอคอยให้มีลักษณะอาการปวดก่อนเด็กจะยิ่งมีความรู้สึกกังวลสำหรับเพื่อการทำฟันเยอะขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อมาหาหมอฟันแล้ว แม้ลูกกลัวทันตแพทย์ ไม่ให้ความร่วมมือผู้ปกครองและหมอฟัน ควรทำเช่นไร

เด็กแต่ละคนที่มีความกลัวก็จะแสดงกริยาที่แตกต่างกันออกไป เด็กที่มีความหวาดกลัวและไม่ร่วมมือ จำเป็นมากที่หมอฟันจำเป็นที่จะต้องพินิจพิจารณาหาสาเหตุของความกลัวของเด็ก เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบสำหรับการพินิจพิเคราะห์เลือกใช้กระบวนการจัดแจงการกระทำ ซึ่งบิดามารดาจะมีส่วนช่วยอย่างมากสำหรับการให้ข้อมูลเบื้องต้นพวกนี้ ภายหลังจากนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของ หมอฟันที่จะเลือกใช้วิธีปรับพฤติกรรมต่างๆเพื่อเด็กให้ลดความกลัว ความไม่สบายใจ แล้วก็ยอมความร่วมมือสำหรับการทำฟันเด็ก โดยแนวทางที่ใช้สูงที่สุดก็คือ การปรับพฤติกรรมโดยวิธีทางจิตวิทยาไม่ว่าจะเป็นการเสวนา ปลอบโยน สรรเสริญ ส่งเสริมให้กำลังใจ การเอนเอียง ความสนใจ หรือการแยกผู้ดูแล ดังนี้ขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก ระดับของความร่วมมือ แล้วก็ปริมาณงานหรือ ความรีบเร่งของการรักษาด้วย อาทิเช่น ในเด็กเล็กต่ำลงมากยิ่งกว่า 3 ขวบ ที่ยังคุยติดต่อกันไม่เข้าใจ หรือเด็กที่ไม่ให้ ความร่วมมืออย่างมาก หมอฟันก็อาจจะควรต้องขอใช้ผ้าห่อตัวเด็ก (Papoose board) ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของเด็กเพื่อให้สามารถให้การรักษาได้ทางด้านทันตกรรมเด็กอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น หรือบางทีก็อาจจะนำเสนอช่องทางการรักษาทางทันตกรรมภายใต้การทานยาให้สงบหรือการดมกลิ่นยาสลบให้แก่ผู้ดูแลเป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้ลูกน้อยไม่กลัวทันตแพทย์เด็ก

สิ่งที่ยอดเยี่ยมของการมาใช้บริการทันตกรรมเด็ก ที่จะทำให้ลูกของคุณไม่กลัวทันตแพทย์เป็น การดูแลโพรงปากของลูกไม่ให้มีฟันผุ โดยควรพาลูกมาพบทันตแพทย์ตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้นหรือข้างในขวบปีแรก และตรวจฟันอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 6 เดือน เมื่อลูกไม่มีฟันผุ เวลาทำฟันเด็กก็ไม่เจ็บ เมื่อไม่เจ็บก็ชอบไม่กลัวทันตแพทย์ แต่เมื่อลูกมีฟันผุแล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ควรอดทนที่จะพาลูกมารับการรักษาตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ ถึงลูกจะร้องไห้ตั้งแต่อยู่ที่บ้านเมื่อทราบดีว่าจะพามาทำฟันก็ตาม เพื่อให้ลูกของคุณมีสุขภาพช่องปากที่ดี ซึ่งเมื่อมีสุขภาพช่องปากที่ก็ดีแล้วก็จะช่วยส่งเสริมให้เด็กมีความเจริญในด้านอื่นๆที่ดีตามไปด้วย