• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - kaidee20

#2901


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุนวันที่ 26ส.ค.2564  พบว่า สถาบันในประเทศ (กองทุน) จับมือขายสุทธิออกมา 653.18 ล้านบาท พร้อมกับนักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ  343.54  ล้านบาท  ส่วนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 20.41 ล้านบาท   และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิมากสุด 976.31 ล้านบาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวทรงตัว คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียแกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ โดยวอลุ่มเทรดบ้านเราแผ่วลงช่วงรอการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมืองแจ็คสันโฮล ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม
          
นอกจากนี้ ดัชนีขึ้นมาแถว 1,600 ทำให้ตลาดฯมี Upside จำกัด และสัปดาห์หน้าก็จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล  ส่วนการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะคลายล็อกดาวน์ก็คงออกมาไม่แตกต่างจากที่ตลาดคาดไว้ คือ การเปิดห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร
          
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และการชุมนุมใหญ่ทางการเมืองในวันอาทิตย์นี้ ส่วนนอกประเทศติดตามดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.ค.ของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นตัวที่เฟดจะนำมาใช้ในการดูนโยบายการเงินด้วย

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดฯน่าจะแกว่งไซด์เวย์ในช่วงรอการประชุมเฟด พร้อมให้แนวรับ 1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,610 จุด
#2902


สายการบินไทยเวียตเจ็ทเดินหน้า ปักหมุดขยายเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศ เชื่อมภูมิภาคเอเชีย กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ สิงคโปร์ และ ไทเป พร้อมเที่ยวบินตรงเชื่อมระหว่างภูเก็ต และ สิงคโปร์ เริ่ม 20 ต.ค.64

เส้นทางบินใหม่จากกรุงเทพฯ (BKK) สู่ ไทเป (TPE) และสิงคโปร์ (SIN) จะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2564 และ 21 ตุลาคม 2564 ตามลำดับ ขณะที่เส้นทางบินตรงระหว่างภูเก็ต สู่ สิงคโปร์ จะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป สายการบินฯ ยังได้ให้บริการเที่ยวบินเชื่อมต่อจากกรุงเทพฯ ไปยังภูเก็ต สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางจากไทเปมายังกรุงเทพฯ มอบตัวเลือกการเดินทางเชื่อมต่อ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ในช่วงแรกของการให้บริการ เส้นทางบินจากกรุงเทพฯ สู่ ไทเป และสิงคโปร์ จะเริ่มให้บริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน โดยเส้นทาง กรุงเทพฯ - ไทเป จะให้บริการทุกวันพุธ ศุกร์ และอาทิตย์ และเส้นทาง กรุงเทพฯ – สิงคโปร์ จะให้บริการทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และอาทิตย์ ขณะที่เส้นทางบินตรงระหว่างภูเก็ต สู่ สิงคโปร์ จะเริ่มให้บริการสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน ทุกวันพฤหัสบดี และอาทิตย์ โดยสายการบินฯ จะปรับเพิ่มความถี่เที่ยวบินของทั้งสามเส้นทางบินอย่างต่อเนื่องในภายหลัง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารและตอบรับกับความต้องการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้น

ในฐานะ "สายการบินโลว์คอสต์ที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งปี 2020" จากนิตยสาร โกล. บิสซิเนส เอาท์ลุค กรุงลอนดอน สายการบินไทยเวียตเจ็ทยังคงมุ่งมั่นขยายเครือข่ายเส้นทางบินอย่างต่อเนื่อง ทั้งเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ เร็ว ๆ นี้ สายการบินฯ ได้ขยายเส้นทางบินใหม่และกลับมาให้บริการเส้นทางบินข้ามภูมิภาคภายในประเทศ ได้แก่ เส้นทางบินจาก ภูเก็ต สู่ เชียงใหม่ เชียงราย และ อุดรธานี รวมทั้งเส้นทางบินระหว่าง หาดใหญ่ และ เชียงราย มอบตัวเลือกการเดินทางที่คุ้มค่าและสะดวกสบายและแก่ผู้โดยสาร ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบตารางเที่ยวบินและสำรองบัตรโดยสารในเส้นทางบินภายในประเทศและระหว่างประเทศของไทยเวียตเจ็ทได้ที่ www.vietjetair.com

ปัจจุบัน สายการบินฯ ยังคงให้บริการเที่ยวบินขนส่งสินค้าทางอากาศและเที่ยวบินกึ่งพาณิชย์ระหว่างประเทศตามปกติ สายการบินไทยเวียตเจ็ทมุ่งมั่นในการให้บริการด้วยความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้โดยสาร พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ด้วยช่องทางการติดต่อที่สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นในช่วงการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19
#2903


วันนี้ (25 ส.ค.) นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายพันธุ์เดลตา (Delta) ประชาชนทุกคนจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังและป้องกันอย่างเข้มงวด เนื่องจากเชื้อชนิดนี้ติดต่อกันง่าย และมีความรุนแรงกว่าชนิดอื่น ที่น่าห่วงคือกลุ่มของผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งขณะนี้ทั่วประเทศมีจำนวนกว่า 3 ล้านคน นับเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญหากติดเชื้อโควิด-19 จะเกิดอาการป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตได้ เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนทั่วไป และยิ่งเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานที่คุมระดับน้ำตาลไม่ได้ ซึ่งมีประมาณ 2.1 ล้านคน หรือ ร้อยละ 70 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด จะมีโอกาสติดเชื้อง่ายขึ้นไปอีก

"มีผลการศึกษาพบว่า ระดับน้ำตาลที่สูงจะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง และเชื้อไวรัสโควิดจะเจริญเติบโตได้ดี และเพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงขอให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานทุกคน เคร่งครัดปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ รับประทานยาให้ครบอย่างสม่ำเสมอ อย่าขาดยาอย่างเด็ดขาด ดูแลสุขภาพแข็งแรง ไม่เครียด และให้รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ฟรี ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านโดยเร็ว และไปรับการฉีดให้ครบ 2 เข็มตามนัดของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งวัคซีนจะลดความรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิตได้" นายแพทย์ปรีชา กล่าว

ทางด้าน นายแพทย์กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการวิเคราะห์ในกลุ่มที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ซึ่งมีจำนวนสะสม 7,126 ราย พบว่า โรคเบาหวาน เป็นสาเหตุแทรกซ้อนอยูในอันดับต้นๆ จากข้อมูลการศึกษาวิจัยในผู้ป่วยเบาหวานที่ติดเชื้อโควิด 19 พบว่า ฤทธิ์ของไวรัส จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวนและควบคุมได้ยาก และเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงกว่าคนที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวานถึง 2 เท่าตัว และยังมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า 3 เท่าตัว เมื่อผู้ป่วยเบาหวานได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หลังฉีดอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นชั่วคราวได้ ไม่ต้องตกใจ หรือเป็นกังวล เนื่องจากเป็นกลไกการทำงานของภูมิต้านทานโรคโดยทั่วไป

ประการสำคัญ การปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด-19 สำหรับผู้ป่วยเบาหวานนับว่ามีความสำคัญและมีความจำเป็นในการใช้ชีวิตอยู่กับสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้อย่างปลอดภัย จึงขอให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานทุกคน ดูแลป้องกันตนเอง ดังนี้ 1. สวมหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ 2. หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านหรือเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล 3. รับประทานยารักษาเบาหวานภายใต้การดูแลของแพทย์ 4. หากมีอาการไข้สูง ไอ จาม หรือหายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์ และ 5. หมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
#2904


นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วานนี้(24 ส.ค.) ว่า ที่ประชุม ได้เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ฯตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เสนอ

โดยในส่วนแรกเป็นการอนุมัติโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 2 รวม 12 จังหวัด 2,186 โครงการ กรอบวงเงินรวม 3.58 พันล้านบาท โดยใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ.2564 ในการจัดสรรให้ 

ซึ่งโครงการนี้มุ่งเน้นในเรื่องของการจ้างงานและการพัฒนาพื้นที่โดยตรง แบ่งเป็น 4 กลุ่มลักษณะได้แก่ 1.กลุ่มโครงการพัฒนาสินค้า ท่องเที่ยว บริการ และการค้า 2.กลุ่มโครงการยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร 3.กลุ่มโครงการส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และ 4.กลุ่มโครงการที่เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชุมชน

สำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขยายระยะเวลาดำเนิน "โครงการกำลังใจ" จากเดิมที่สิ้นสุดระยะเวลาการเบิกจ่ายภายในเดือนส.ค. 2564 เป็นเดือนธ.ค. 2564 เนื่องจากขณะนี้มีผู้ที่อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารและรอการตราจสอบข้อมูลการเดินทางภายใต้โครงการฯ จึงจำเป็นต้องขยายระยะเวลา

"โครงการเราเที่ยวด้วยกัน" และ "โครงการทัวร์เที่ยวไทย" ที่ประชุม ครม.มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พิจารณาความเหมาะสมของช่วงระยะเวลาที่จะเริ่มดำเนินการ พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดให้เหมาะสม 

หากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถเริ่มต้นดำเนินโครงการทั้ง 2 โครงการได้ภายในเดือนต.ต. สามารถพิจารณาเสนอขอยุติโครงการฯ และคืนกรอบวงเงินกู้เหลือจ่ายต่อไป

นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการยกระดับหน่วยบริการกรมอนามัยรองรับการระบาดของโรคโควิด19 จากเดิมที่ระยะเวลาการดำเนินโครงการกำหนดไว้ระหว่างเดือนมิ.ย. - ก.ย. 2564 ขยายไปจนถึงเดือนธ.ค. 2564 ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยบริการอนามัยหรือศูนย์อนามัยมีศักยภาพรองรับผู้ป่วยโควิด19 ในพื้นที่ทั่วประเทศได้
#2905


บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 มียอดขายรวม 43,176 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงาน 2,829 ล้านบาท และกำไรสุทธิรวม 1,657 ล้านบาท โดยพบว่ายอดขายและกำไรจากการดำเนินงานเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 172 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 179 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงานรอบไตรมาส 2 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 พบ บจ. ที่รายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 115 บริษัท คิดเป็น 67% ของบริษัทที่นำส่งผลการดำเนินงานทั้งหมด

ผลประกอบการ บจ. mai ไตรมาส 2 ปี 2564 เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564 มียอดขายรวม 43,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% ต้นทุนรวม 33,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 22.9% มาอยู่ที่ 22.6% กำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) 2,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% โดย บจ. สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี ทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 6.6% เท่ากับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 1,657 ล้านบาท ลดลง 24.5% และมีอัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 5.1% เป็น 3.8% อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการงวด 6 เดือน ปี 2564 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน พบว่ามียอดขายรวม 85,299 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 5,266 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,851 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9.8%, 62.3% และ 3,882% ตามลำดับ

"ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 สถานการณ์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ภาครัฐเริ่มใช้มาตรการเข้มงวดในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 และได้ผ่อนคลายลงในเวลาถัดมา ทำให้ผลประกอบการช่วงดังกล่าวเป็นจุดต่ำสุด ประกอบกับในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บจ. สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ทำให้ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีกำไรสุทธิเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3 ลำดับแรก คือ สินค้าอุปโภคบริโภค จากกลุ่มธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องมือแพทย์ รองลงมาคือ ทรัพยากร และ สินค้าอุตสาหกรรม" นายประพันธ์กล่าว

ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 286,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากสิ้นปี 2563 และโครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 1.10 เท่า เท่ากับสิ้นปี 2563

ปัจจุบันมี บจ.ใน mai 179 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2564) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 507.29 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 374,160 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 5,068 ล้านบาทต่อวัน
#2906


พบการโฆษณาผลิตภัณฑ์ Efferin ทางสื่อออนไลน์ โดยระบุสรรพคุณ "กระตุ้นการเผาผลาญได้อย่างดีเยี่ยม...ส่งเสริมการกำจัดไขมันขั้นสุด...กระตุ้นเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาล... ช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเลือด ช่วยสลายและใช้งานไขมัน กำจัดไขมันส่วนเกินจากกระแสเลือด ทำให้เนื้อเยื่อไขมันลดลง... มีประสิทธิภาพในการต้านภาวะซึมเศร้า... ช่วยให้การทำงานของตับดีขึ้น" เป็นต้น โดยมีการสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์หญิงชื่อดังชาวไทยถูกไล่ออกจากประเทศชั้นนำ เนื่องจากปฏิเสธที่จะขายผลิตภัณฑ์เผาผลาญไขมันสูตรพิเศษให้แก่บริษัทยาในประเทศนั้น จึงได้กลับประเทศไทยและร่วมกับผู้ทรงอิทธิพลผลิตผลิตภัณฑ์เอฟเฟอร์รินขายเฉพาะในประเทศไทย

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เป็นข้อมูลลวง โดยผลิตภัณฑ์ Efferin ขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในชื่อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอฟเฟอร์ริน/Efferin Dietary Supplement Product เลขสารบบอาหาร 10-1-03958-5-0272 โฆษณาดังกล่าวแสดงข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นเท็จและแสดงคุณประโยชน์หรือสรรพคุณของอาหารที่ไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากในการยื่นขออนุญาตไม่มีการยื่นข้อมูลเพื่อประเมินประสิทธิผลตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใดอีกทั้งผลิตภัณฑ์อาหารไม่มีผลในการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค นอกจากนี้ ยังพบมีการแอบอ้างชื่อบุคลากรทางการแพทย์ในตำแหน่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพต่อมไร้ท่อเป็นผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวานและนักโภชนาการเป็นผู้รับรองผลิตภัณฑ์แต่แท้จริงแล้วนั้น ไม่มีตำแหน่งดังกล่าวตามที่กล่าวอ้าง และภาพหญิง-ชายที่อ้างว่าเป็นผู้คิดค้นและรับรองผลิตภัณฑ์นั้น เป็นภาพหญิง-ชายที่เผยแพร่ทั่วไปอยู่บนอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว

ข้อแนะนำ

ขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังอย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์ที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง หรือสร้างเรื่องราวดึงดูดความสนใจที่เป็นไปไม่ได้ หากมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวควรปรับพฤติกรรมการบริโภค ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ไม่ควรหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาโอ้อวดเกินจริงทางสื่อออนไลน์ เพราะอาจมีสารที่เป็นอันตราย มีผลข้างเคียงรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากผู้บริโภคพบเห็นเบาะแสการโฆษณา การผลิต/จำหน่ายผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งมาที่สายด่วน อย. 1556 หรือ Oryor Smart Application หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
#2907


วันที่ (24 ส.ค.) นายแพทย์สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม "ศูนย์พักคอยรุ่งตะวัน (Community Isolation)" ณ บริษัท รุ่งตะวัน เนอร์สซิ่งแคร์ จำกัด กรุงเทพมหานคร ว่า กรมอนามัยได้สนับสนุนภาคเอกชนในการจัดตั้ง "ศูนย์พักคอยรุ่งตะวัน" เป็น Community Isolation แนวตั้งในชุมชนเมือง ซึ่งมีการประสานความร่วมมือระหว่าง บริษัท รุ่งตะวัน เนอร์สซิ่งแคร์ จำกัด บริษัท Symphony communication PCL บริษัท Zim Integrated Shipping Service Limited และคลินิกเวชกรรมณัชชนกคลินิก เกิดเป็นโมเดล Community Isolation รูปแบบ Social Enterprise ที่ดำเนินการเพื่อสังคม ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย แยกออกจากครอบครัวเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคมีระบบการจัดการในเรื่องการสื่อสารที่ทันสมัยเพื่อประสิทธิภาพของการดูแลรักษา และเน้นความปลอดภัยและ คลายความกังวลต่อชุมชนรอบข้าง โดยจัดให้มีระบบการดูแลด้วยการใช้ นวัตกรรม ลดการสัมผัส มีห้องความดันลบ (Negative pressure) กรองอากาศโดยใช้ HEPA Filter ที่มีประสิทธิภาพ วางระบบการฝอกไตกรณีดูป่วยไตวายโดยผ่านระบบผู้เชี่ยวชาญ มีการสร้างความรอบรู้ให้กับผู้ป่วย ญาติ และชุมชน ตลอดจนมีการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลที่ได้มาตรฐาน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม

"ทั้งนี้ แนวทางปฏิบัติการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมที่สำคัญประกอบด้วย 3 ด้าน คือ 1) ด้านการจัดการขยะติดเชื้อ ผู้ปฏิบัติงานเก็บรวบรวมขยะติดเชื้อต้องสวมชุดป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสมจัดให้มีภาชนะบรรจุ (ถุงแดง) และภาชนะรองรับมูลฝอยติดเชื้อ (ถังแดง) อย่างเพียงพอ มีการเก็บรวบรวมและเคลื่อนย้ายขยะติดเชื้อตามเส้นทางและเวลาที่กำหนด จัดให้มีที่พักรวมขยะติดเชื้อที่แยกเฉพาะและสามารถป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ รวมถึงประสานให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาเก็บขนไปกำจัดอย่างถูกต้อง 2) ด้านการกำจัดน้ำเสีย ควรมีการจัดการน้ำเสียอย่างเหมาะสมก่อนปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก มีระบบการฆ่าเชื้อโรคที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลาที่ปล่อยน้ำเสีย และ 3) ด้านการจัดการส้วมและสิ่งปฏิกูล ให้ทำความสะอาดห้องน้ำ ห้องส้วม ด้วยน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป ทิ้งไว้อย่างน้อย10 นาที เน้นเช็ดถูบริเวณจุดเสี่ยง เช่น ที่รองนั่ง โถส้วม ฝาปิดโถส้วม ที่กดชักโครก ราวจับลูกบิด กลอนประตู ด้วยผ้าชุบน้ำยาฟอกขาวที่เตรียมไว้หรือแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 0.5 เปอร์เซ็นต์ และต้องสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง ผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดจมูก เพื่อป้องกันเชื้อโรคหรือสารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาด" รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
#2908


วันนี้ (24 ส.ค.) จากการที่สำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้ผุดโครงการสนับสนุนการเรียนออนไลน์ให้แก่นักเรียน นักศึกษาทุกระดับในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ไปจนถึงการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) โดยจัดโปรเน็ต 79 บาทเป็นระยะเวลา 2 รอบบิลตั้งแต่ 15 ส.ค.-15 ต.ค.2564 เพื่อส่งเสริมการศึกษาออนไลน์และลดภาระค่าใช้จ่ายให้ครัวเรือนในช่วงสถานการณ์โควิด โดยกระทรวงศึกษาจะเป็นผู้รวบรวมข้อมูลเลขหมายโทรศัพท์ หรือ อินเทอร์เนตบรอดแบนด์จากโรงเรียนต่างๆ ในสังกัดนำส่ง กสทช. ซึ่งคาดว่าจะมีเด็กนักเรียนเข้าร่วมโครงการกว่า 6 ล้านคน ใช้งบกว่า 1,200 ล้านบาทนั้น

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ล่าสุด สำนักงานกสทช.ได้สั่งชะลอการดำเนินโครงการดังกล่าวออกไป เนื่องจากตรวจสอบพบว่า รายชื่อนักเรียน นักศึกษาทุกระดับชั้นที่ส่งมายัง กสทช.มีหลายแห่งที่พบความผิดปกติ โดยพบว่า ทั้งโรงเรียนมีการลงทะเบียนใช้ซิมบรอดแบนด์จากค่ายมือถือรายหนึ่งเพียงรายเดียวทั้งโรงเรียน ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้

เพราะตามปกตินักเรียน หรือผู้ปกครองที่ต้องซื้อให้ลูกหลานจะซื้อซิมกระจายไปยังค่ายมือถือต่างๆ ตามโปรโมชั่นที่แต่ละค่ายให้ไป จึงเป็นไปไม่ได้ที่โรงเรียนใดจะเหมาซิมมาแจกจ่ายให้กับนักเรียนในสังกัดแบบ 100% จึงเชื่อว่า น่าจะมีการตุกติกหรือทุจริตเกิดขึ้น กสทช.ขอให้ทางกระทรวงศึกษาตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับสิทธิ์ อีกครั้ง เนื่องจากเกรงว่าจะถูกครหาว่าเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนบางราย เพราะแพ็คเกจสนับสนุนและช่วยเหลือนักเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการครั้งนี้ เป็นโครงการ ที่กระจายไปยังผู้ประกอบการโทรคมนาคมทุกรายตามสัดส่วน market Share ในตลาด โดยไม่ได้เจาะจงหรือจำกัด ให้ใช้ซิมของค่ายใดค่ายหนึ่ง จึงทำให้ยอดนักเรียนนักศึกษาที่ได้รับสิทธิ์ ในโครงการนี้ เฟสแรก ณ วันที่ 18 สิงหาคม มีเพียง 3 % เท่านั้นจากจำนวนรายชื่อที่กระทรวงศึกษาส่งมากว่า 3 ล้านรายชื่อ ส่งผลทำให้นักเรียนไม่ได้รับผลประโยชน์ตามไทม์ไลน์ที่วางไว้

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของ กสทช.พบว่า มีบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมรายหนึ่งที่อยู่ในเครือกลุ่มทุนยักษ์ที่รับรู้กันดีว่ากำลังรุกกินรวบทุกธุรกิจในไทยได้อาศัยช่วงที่กสทช.กำลังเตรียมการส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดลงพื้นที่ เพื่อทำการแจกซิมอินเทอร์เน็ตฟรีให้แก่โรงเรียนต่างๆ โดยอ้างว่า เป็นโครงการความร่วมกับ กสทช.และต้องใช้ซิมดังกล่าวเท่านั้น จึงจะลงทะเบียน access โดยได้รับการอุดหนุนค่าใช้จ่ายเน็ตจากโครงการดังกล่าวได้ ทำให้ผู้บริหารโรงเรียนหลายแห่งหลวเชื่อส่งรายชื่อนักเรียนไปให้มือถือค่ายนี้แก้ไขศิมที่ใช้ เพื่อปรับเปลี่ยนมาใช้ซิมมอถือหรือซิมเน็ตบรอดแบนด์ของตนแทน เพื่อหวังจะกินรวบโครงการนี้ที่ครดว่าจะมีนักเรียนนักศึกษาได้รับอานิสงทั้งหมดร่วม 6 ล้านราย

"เป็นไปได้อย่างไร ที่ทั้งโรงเรียนจะใช้ซิมอินเทอร์เน็ตจาก Operator ค่ายใด ค่ายหนึ่งกันทั้งโรงเรียน ทำให้เห็นว่าแม้แต่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจที่ผู้คนตลอดจนนักเรียนนักศึกษากำลัง เดือดร้อนขายมือถือค่ายนี้ก็ยังสบช่องหากินบนความทุกข์ร้อนของประชาชนได้ ล่าสุดกสทช.มีการเรียกประชุม Operator ทุกราย พร้อมแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นให้รับทราบ และแจ้งเตือนให้ Operator บางรายที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หยุดการกระทำที่จะส่งกระทบกับแผนการดำเนินงานของมาตรการสนับสนุนอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์สำหรับการเรียนออนไลน์แล้ว"

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเผยว่า แม้กสทช.จะสั่งชะลอการดำเนินโครงการออกไป จนทำให้เกิดช่องว่างขึ้น Operator รายนี้ก็ยังฉกฉวยประโนชน์โดยงัดเอาโปรโมชั่นที่ตัวเองทำร่วมกับ กสทช. ออกมาขายเพิ่มเติม จนสร้างความสับสนในตลาด เพราะผู้บริหารของโรงเรียนหล่ยแห่งกลัวจะโดนหางเลขหากมีการตรวจสอบย้อนหลังโครงการนี้ และพบว่ามัการสอดมส้นำเอาซิมบรอดแบนด์ของค่ายมือถือบางรายเข้ามาสวมสิทธิ์ให้กับเด็กนักเรียนในโครงการ
#2909


วันนี้ (24 ส.ค.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ผ่านระบบทางไกล หรือ Video Conference ณ ห้องปฎิบัติการนายกรัฐมนตรี ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมครม. จะมีวาระรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปริมาณเตียงคงเหลือ ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มอัตราการติดเขื้อที่ลดลง การจัดการวัคซีน รวมไปถึงต้องจับตานายกรัฐมนตรีจะแก้ไขปัญหา ในการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ โดยเฉพาะชุดตรวจเชื้อโควิด 19 Antigen Rapid Test Kit หรือ ATK ที่มีการสั่งการให้องค์การเภสัช หรือ อภ.จัดซื้อผ่านงบของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ สปสช.จำนวน 8.5 ล้านชิ้น หลังเกิดปัญหาร้องเรียนการจัดซื้อเครื่อง ATK ไม่ได้มาตรฐาน หรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก

ขณะที่กระทรวงการคลัง จะเสนอพิจารณาคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้อยละ 7 หลัง มติ ครม.วันที่ 25 สิงหาคม 2563 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2564 ซึ่งใกล้จะครบกำหนดวันสิ้นสุดแล้ว โดยจะขยายออกไปอีก 1 ปี

ขณะที่ครม.เตรียมพิจารณาอนุมัติงบการอุดหนุนค่าอุปกรณ์การเรียนของนักเรียนสายอาชีพ อาชีวศึกษา รวมไปถึงเสนอการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงเตรียมพิจารณาขอแก้ไขสัญญากู้จากองค์การการค้าความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น สำหรับโครงการ พัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม สนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถ ภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เสนอชื่อ นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ขึ้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แทน พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2564 นี้
#2910


ลิเวอร์พูล ปฏิเสธที่จะปล่อยตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไปรับใช้ทีมชาติอียิปต์ ในศึกฟุต.โลก 2022 รอบคัดเลือก จากการเปิดเผยของสหพันธ์ฟุต.อียิปต์

ทั้งนี้เป็นเพราะ หงส์แดง ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงไม่ต้องการให้ ซาลาห์ ต้องกักตัว หลังเสร็จสิ้นภารกิจ และเดินทางกลับมาถึงประเทศอังกฤษ

"สหพันธ์ฟุต.อียิปต์ ได้รับจดหมายจาก ลิเวอร์พูล ที่ขอโทษสำหรับความไม่พร้อมของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในการเข้าร่วมกับทีม ในการเก็บตัวครั้งต่อไป รวมถึงการเจอกับ อังโกล่า และ กาบอง ระหว่างการแข่งขันฟุต.โลก รอบคัดเลือก โซนแอฟริกา"

"จดหมายจากสโมสรฟุต.อังกฤษ อ้างถึงมาตรการป้องกันเบื้องต้นที่บังคับใช้ในอังกฤษ เพื่อรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ผู้ที่เดินทางกลับจากบางประเทศ ต้องทำการกักตัวเป็นเวลา 10 วัน เมื่อเดินทางถึงอังกฤษ"

"ในจดหมายฉบับนี้ สโมสรจากอังกฤษ ได้กล่าวแสดงความหวังว่าสหพันธ์ฟุต.อียิปต์ จะเข้าใจว่าพวกเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนี้ จากการที่นักเตะจะต้องโดนกักตัว และส่งผลกับสภาพร่างกายของเขา และความไม่แน่นอนในเงื่อนไขของรัฐบาลอังกฤษ เรื่องที่ควรพิจารณาคือ สโมสรลิเวอร์พูล มีจุดยืนเดียวกันนี้กับนักเตะต่างชาติอีกหลายคน" แถลงการณ์ จากสหพันธ์ฟุต.อียิปต์
#2911


ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุในเดือนก.ค. ตัวเลขการส่งออกไทยยังคงขยายตัวแข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 20.27%YoY ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี และสูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 19.7% โดยใน 7 เดือนแรกของปี 2564 ตัวเลขส่งออกไทยเติบโตที่ 16.2% ซึ่งเติบโตไปในทิศทางเดียวกับตลาดในภูมิภาคแต่ระดับของการเติบโตยังคงต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ ที่สามารถขยายตัวได้มากกว่า 20% ทั้งนี้ เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธยุทธปัจจัย การส่งออกใน 7 เดือนแรกของปีขยายตัวได้ที่ 21.47% ซึ่งสะท้อนภาคเศรษฐกิจจริงที่เติบโตอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ อัตราการฉีดวัคซีนที่รวดเร็วส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของคู่ค้าสำคัญของไทยหลายประเทศกลับสู่ภาวะปกติช่วยหนุนภาคการส่งออกของไทย โดยในเดือนก.ค. การส่งออกไปในประเทศคู่ค้าสำคัญเติบโตแข็งแกร่งในเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐฯ (+22.2%) ที่ขยายตัวได้ 14 เดือนต่อเนื่อง รวมถึงสหภาพยุโรป 28 (+20.4%) ขยายตัวได้ 5 เดือนติดต่อกัน ในฝั่งของเอเชียแม้ว่าสถานการณ์การระบาดจะยังมีแนวโน้มยืดเยื้อแต่การส่งออกไปจีนขยายตัวได้ถึง 41.0% ด้านญี่ปุ่นแม้จะเผชิญกับการประกาศภาวะฉุกเฉินภายในประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับสูง แต่การส่งออกไปญี่ปุ่นยังสามารถขยายตัวได้ 9 เดือนติดต่อกันโดยในเดือนก.ค.ขยายตัวที่ 23.3% เมื่อพิจารณารายสินค้าพบว่าสินค้าหลักที่หนุนภาคการส่งออกยังคงเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เช่น ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป อย่างไรก็ตาม คลัสเตอร์ติดเชื้อจากตลาดอาหารทะเลยังคงส่งผลกระทบการส่งออกต่ออาหารทะเลสด แช่เย็น แช่แข็งกระป๋องและแปรรูป แต่ภาครัฐได้เข้ามาแก้ไขปัญหาโดยดำเนินนโยบายในการสร้างความเชื่อมั่นสินค้าไทยปลอดโควิด เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้านและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของภาคการผลิตยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่องเช่นกัน ขณะที่กำลังซื้อของประเทศคู่ค้าได้กลับมาต่อเนื่องสะท้อนจากการขยายตัวของสินค้าสิ้นเปลืองที่มีราคาสูง เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ)

สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2564 ภาคการส่งออกที่เป็นปัจจัยหลักในขับเคลื่อนเศรษฐกิจเริ่มเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น ทั้งปัจจัยภายนอกประเทศที่เริ่มมีการเผชิญการระบาดของสายพันธุ์เดลต้าที่มีแนวโน้มรุนแรง ขณะที่ปัจจัยในประเทศเองภาคการผลิตเผชิญความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากการแพร่ระบาดในโรงงาน โดยหากการแพร่ระบาดยังคงไม่สามารถควบคุมได้ อาจส่งผลให้เกิดการปิดโรงงาน และมีผลต่อเนื่องไปยังห่วงโซ่การผลิต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมายังภาคการส่งออกของไทย จากข้อมูลล่าสุดการระบาดในคลัสเตอร์โรงงานมีการกระจุกตัวอยู่ใน 5 อุตสาหกรรมหลัก คือ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมโลหะ และอุตสาหกรรมพลาสติก อย่างไรก็ดี โครงการนำร่องการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox) น่าจะเข้ามาช่วยบรรเทาปัญหาดังกล่าวได้บ้าง อีกทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ และยุโรป ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า น่าจะยังส่งผลให้การส่งออกไทยในปีนี้มีแนวโน้มที่จะยังคงขยายตัวได้ในระดับสูง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงปรับประมาณการส่งออกของไทยในปีนี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 12.4% จาก 11.5%
#2912


แม้จะมีมาตรการ Home Isolation (HI) หรือ Community Isolation (CI)แนวทางในการแก้ปัญหาเตียงเต็มในโรงพยาบาล ให้ผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวแยกกันตัวที่บ้าน แยกกันตัวที่ชุมชน เนื่องด้วยไม่สามารถเข้าถึงยารักษาได้

ทั้งที่ทุกหน่วยงานทางการแพทย์ต่างยืนยันว่า หากผู้ป่วยโควิด-19 ได้รับ 'ยารักษา' เร็วที่สุดจะช่วยบรรเทาอาการไม่ให้จากผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว กลายเป็นผู้ป่วยอาการหนักกลุ่มสีเหลือง หรือสีแดง แต่ด้วยระบบการจัดส่งยา  โดยเฉพาะ 'ยาฟาวิพิราเวียร์' ยาหลักในการต้านโควิด-19 กว่าจะถึงมือผู้ป่วยโควิด บางทีก็สายไปเสียแล้ว

ใช้ไรเดอร์ จัดส่งยาถึงผู้ป่วยโควิด
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทาง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 6 สังกัด ที่ทางกรมการแพทย์จะจัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 ในกลุ่ม  HI และCI ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจ่ายยา เพื่อให้ถึงมือผู้ป่วยโดยเร็วที่สุด


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)  กล่าวว่า สปสช ไม่ได้มีบทบาทในการกระจายยา แต่หน่วยบริการทั้งหมดต่างหากที่ต้องเป็นผู้จ่ายยาให้ผู้ป่วย แต่เนื่องจากหน่วยบริการหลายแห่ง ระบบการเบิกจ่ายไปถึงกรมการแพทย์ไปถึง สธ อาจจะยังไม่คล่องตัว หรือยังมีระบบราชการอยู่ สปสช. จึงช่วยประสานให้มันเกิดความคล่องแคล่วขึ้น เมื่อคล่องขึ้น สปสช. ก็จะส่งถ่ายหรือกระจายตรงนี้ไปยังหน่วยบริการ

สปสช.ดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มสีเขียว HI ยังมีผู้ติดเชื้อส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างรอการลงทะเบียนกับหน่วยบริการ ทำให้ยังไม่ได้รับการดูแล หากมีการอาการขยับสู่กลุ่มอาการสีเหลืองและสีแดง และโทรมาที่สายด่วน สปสช. 1330 เมื่อเจ้าหน้าที่ประเมินอาการตามเกณฑ์และจะจัด ยาฟาวิพิราเวียร์ ให้กับผู้ติดเชื้อโดยเร็ว ซึ่งที่ผ่านมาใช้วิธีส่งยาให้ผู้ติดเชื้อหลายรูปแบบ อาทิ ส่งพัสดุไปรษณีย์ ส่งยาผ่านหน่วยงานต่าง ๆ หรือมีผู้มารับยาเพื่อส่งต่อให้กับผู้ติดเชื้อ เป็นต้น


"บางครั้งการจัดส่งอาจเกิดความล่าช้าและไม่สะดวกกับผู้ติดเชื้อที่รอรับยา ล่าสุด สปสช. จึงได้รับความร่วมมือจากธนาคารออมสินจัดส่งไรเดอร์ (Rider) มาร่วมบริการส่งยาให้กับผู้ติดเชื้อโควิด 19 ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ติดเชื้อได้รับยารักษาโดยสะดวกและรวดเร็วขึ้น ช่วยยับยั้งภาวะรุนแรงของโรคและการเสียชีวิตได้" นพ.จเด็จ กล่าว

สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย


สปสช.ซื้อ 'ยาฟาวิพิราเวียร์'เพิ่ม 27 ล้านเม็ด
นอกจากนั้น ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา สปสช. ได้ช่วยกระจายยาฟาวิพิราเวียร์ไปแล้วหลายแสนเม็ด และตอนนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 อีกจำนวนมากยังไม่ได้รับยา ซึ่งทางสธ. มีแผนจัดซื้อ ณ เดือน ก.ย. 2564 จำนวน 40 ล้านเม็ด ซึ่งคาดว่าอาจไม่เพียงพอกับปริมาณความต้องการใช้ยา

ในส่วนนี้ สปสช. จึงเสนอขอเตรียมงบประมาณเพื่อจัดซื้อไว้จำนวนไม่เกิน 27 ล้านเม็ด ในวงเงิน 891 ล้านบาท โดยจะเพิ่มรายการในแผนการจัดหา เพื่อให้เครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลราชวิถี จัดหาเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วนในปี 2564 และต่อเนื่องไปปี 2565


ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาปัญหาหลักของ 'ยารักษาโควิด-19' ตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องของการขาดแคลนเหมือนกับวัคซีน แต่เป็นเรื่องของการจัดส่งยาจากต้นทางไปถึงผู้ป่วยโควิด-19  มติบอร์ด สปสช. จึงได้มีแนวทางการให้ 'ร้านขายยา' เข้ามาเป็นจุดกระจายทั้งยา และชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ฟรี 8.5 ล้านชิ้นให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ ซึ่งทาง 'สภาเภสัชกรรม' ก็รับลูกเรื่องนี้ทันที

กระจาย 'ATK' ให้ร้านขายยาแจกจ่ายฟรี
ศ.ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม และกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า ร้านขายยาที่จะเป็นจุดกระจายชุดตรวจ ATK นั้นจะต้องเป็นร้านขายยาแผนปัจจุบัน (ขย1) ที่มีเภสัชกรประจำตลอดเวลาทำการ และต้องเปิดทำการอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวันรวมไปถึงต้องขึ้นทะเบียนกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ด้วย  

ร้านขายยาประเภท ขย 1 ทั่วประเทศมีอยู่ประมาณหลักหมื่นร้าน โดยขณะนี้มี ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 1,000 ร้าน และกำลังทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งก็จะพยายามประชาสัมพันธ์ให้ร้านขายยาเข้ามาร่วมโครงการ


รศ.ภญ.จิราพร กล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนที่จะได้รับชุดตรวจ ATK จะต้องเป็นประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น ครอบครัวมีผู้ติดเชื้อ หรือเดินทางไปในที่ที่มีผู้ติดเชื้อ รวมไปถึงผู้ที่มีอาการคล้าย โรคโควิด-19 เช่น ไอ มีไข้ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเป็นกลุ่มเสี่ยงเราไม่ได้อยากให้ออกมาเดินกับผู้อื่น เนื่องจากเมื่อเป็นกลุ่มเสี่ยงก็ควรจะต้องกักตัวเองอยู่ที่บ้าน ฉะนั้น สปสช. จึงมีระบบสำหรับกลุ่มเสี่ยงเพื่อขึ้นทะเบียนก่อน

เมื่อขึ้นทะเบียนเสร็จสิ้น สปสช. จะแจกจ่ายรายชื่อไปตามร้านยาใกล้บ้าน หรือตามความจำนงของผู้ที่ได้ลงทะเบียนไว้ โดยร้านขายยาจะติดต่อไปยังกลุ่มเสี่ยงเพื่อซักถามอาการ หรือข้อมูลเพื่อยืนยันว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงจริงผ่านทางโทรศัพท์ หรือไลน์แอพพลิเคชั่น จากนั้นจะดำเนินการส่ง ชุดตรวจ ATK ไปให้ที่บ้าน พร้อมคำแนะนำและอธิบายให้เข้าใจถึงวิธีการ ตรวจโควิด-19 ด้วยตนเอง


'ร้านขายยา' จ่ายยาให้ผู้ป่วยโควิด HI ได้
เช่นเดียวกับ การกระจายยา เพื่อให้เข้าถึงผู้ป่วยโดยเร็วที่สุด เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2564 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศสภาเภสัชกรรม ที่ 56/2564 เรื่อง แนวทางการให้บริการยาฟาวิพิราเวียร์ และยาจำเป็นแก่ผู้ป่วยที่มีผลตรวจเป็นบวกด้วยชุดตรวจสำหรับโควิด-19 ประเภท Antigen Test Kits แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen Self-Test Kits) หรือ ATK โดยกำหนดขั้นตอนเภสัชกรชุมชน ประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิดหรือผู้สงสัยติดเชื้อเพื่อคัดกรองเบื้องต้นว่าควรได้รับการตรวจ และเป็นผู้จ่าย ATK

รวมถึงประกาศรายการยาสำหรับ Home Isolation ประกอบด้วยรายการยาจำเป็นสำหรับการรักษาตนเองตามอาการ และ ยาต้านโควิด-19 ตามแนวทางที่กรมการแพทย์กำหนด ดังนี้


1.ยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม สำหรับลดไข้ แก้ปวด จำนวน 30 เม็ด รับประทาน ครั้งละ 1 เม็ด ทุก 4 – 6 ชั่วโมง เวลามีไข้

2.ยาเด็กซ์โทรเมทอร์แฟน สำหรับแก้ไอแห้ง จำนวน 30 เม็ด รับประทาน ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารเช้า กลางวัน และเย็น

3.ยาอะเซทิลซีสทีน สำหรับละลายเสมหะ จำนวน 20 เม็ดหรือ 20 ซอง ละลายยา 1 เม็ด หรือ 1 ซอง ในน้ำ 1 แก้ว รับประทาน วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า หรือ เย็น

4.ยาคลอเฟนนิรามีน 4 มิลลิกรัม สำหรับลดน้ำมูก จานวน 30 เม็ด รับประทาน ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า

5.ผงเกลือแร่ ORS สำหรับท้องเสีย จำนวน 5 ซอง ละลายผงเกลือแร่ 1 ซองในน้ำ 1 แก้ว จิบแทนน้ำ เมื่อท้องเสีย น้ำเกลือแร่ไม่ควรเก็บเกิน 24 ชั่วโมง

6.ยาฟ้าทะลายโจร สำหรับลดไข้ แก้เจ็บคอและต้านเชื้อโควิด-19 จำนวน 60 เม็ด รับประทาน ครั้งละ 3 – 4 เม็ด วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน (โดยให้มีปริมาณของ Andrographolide 180 มิลลิกรัมต่อวัน)

7.ยาฟาวิพิราเวียร์ 200 มิลลิกรัม สำหรับต้านเชื้อโควิด-19 จำนวน 50 – 64 เม็ด โดยวันแรก รับประทาน ครั้งละ 9 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น วันที่ 2 – 5 รับประทาน ครั้งละ 4 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น ส่วนกรณีน้ำหนักตัว มากกว่า 90 กิโลกรัม วันแรก รับประทาน ครั้งละ 12 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น วันที่ 2 – 5 รับประทาน ครั้งละ 5 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น

8.รายการยาอื่น ๆ ตามแนวทางการรักษาโรคโควิด-19 ของกรมการแพทย์

กรณีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงขึ้นถึงขั้นที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ เภสัชกรชุมชนจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปรักษายังสถานพยาบาลต่อไป

วิชาชีพเภสัชกรรม พร้อมให้บริการช่วยประเทศ
ทั้งนี้ ให้นายกสภาเภสัชกรรมเป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ กรณีมีปัญหาในการตีความหรือในกรณีที่มีปัญหาในการปฏิบัติตามประกาศนี้ ให้นายกสภาเภสัชกรรมเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ในกรณีที่นายกสภาเภสัชกรรมเห็นสมควรอาจเสนอให้คณะกรรมการสภาเภสัชกรรมเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด

"เราจะได้ใช้วิชาชีพเภสัชกรรมในการให้บริการ เพื่อช่วยประเทศในการแก้ปัญหาโรคระบาด เพราะเรามีความรู้เรื่องยาเราก็สามารถให้คำแนะนำการใช้ยา-ชุดตรวจที่ถูกต้อง เหมาะสม ทำให้ระบบเดินต่อไปได้ เพราะตรวจได้เร็วก็สามารถที่จะควบคุมการกระจายของโรคได้" รศ.ภญ.จิราพร กล่าว

 ทั้งนี้ ระหว่างรอชุดตรวจ ATK ที่ยังไม่มานั้น สปสช. พยายามที่จะประสานกับสภาเภสัชกรรม และ อย. เพื่อทำให้ระบบสามารถเดินได้ ในขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังเตรียมตัว-บริหารจัดการ ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อมีชุดตรวจมาถึงร้านขายยารวมถึงระบบต่างๆ ก็จะพร้อมและจะสามารถแยกคนที่ติดเชื้อออกจากคนที่ไม่ติดเชื้อ ทำให้การแพร่เชื้อลดลง

ศ.ภญ.จิราพร กล่าวต่อไปว่า ระหว่างรอชุดตรวจ ก็มีการเตรียมงานหลังบ้านให้เรียบร้อย เมื่อไรที่ชุดตรวจมา ก็จะสามารถบริหารจัดการได้ด้วยระบบที่โปร่งใส ฉะนั้น ก็จะมีระบบการขึ้นทะเบียน และระบบการป้อนข้อมูลก็จะทำให้ทราบว่าชุดตรวจใช้ไปเท่าไร มองว่าต้องทำทุกอย่างให้โปร่งใสและไม่มีข้อกังขากับประชาชน

ย้ำปชช.ดูแลป้องกันตนเอง ถึงภาครัฐจะช่วย
ศ.ภญ. จิราพร กล่าวด้วยว่าขณะนี้เท่าที่ทราบ มีร้านขายยาลงทะเบียนกับทางสปสช.ไปมากกว่า 1,500 แห่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี และอยากให้ร้านยาเข้าร่วมมากกว่านี้ เพราะนั่นหมายถึงการกระจายชุดตรวจ ATK และยาสู่ผู้ป่วยโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว  ซึ่งเมื่อทางร้านยาขึ้นทะเบียน และทางสปสช.ได้ชุดตรวจมากระจายให้ร้ายยาที่ขึ้นทะเบียนเรียบร้อยก็สามารถดำเนินการแจกจ่ายไปยังผู้ป่วยได้ทันที ซึ่งเภสัชกรมีองค์ความรู้ และสามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

"ร้านขายยาอยู่ใกล้บ้านประชาชน สามารถเข้าถึงง่าย และตอนนี้สปสช. พยายามใช้แอปพลิเคชั่น อย่างเป๋าตัง เพื่อให้ประชาชนได้รับแจกทางช่องทางดังกล่าว ซึ่งชุดตรวจ ATK 8.5 ล้านชุดนี้ จะเป็นการแจกฟรีให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 ดังนั้น ไม่ต้องกังวลหากไปร้านขายยาที่เข้าร่วมขึ้นทะเบียน จะเห็นป้ายติดให้บริการชัดเจน เช่น ป้ายคลินิกชุมชนอบอุ่น หรือป้ายจากสปสช."ศ.ภญ.จิราพร กล่าว


การที่สภาเภสัชกรรม ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงแนวทางการให้บริการยาฟาวิพิราเวียร์ และยาจำเป็นแก่ผู้ป่วยที่มีผลตรวจเป็นบวกด้วยชุดตรวจสำหรับโควิด-19 ประเภท ATK นั้น เพื่อเป็นการประกาศให้ประชาชนรับทราย และเกิดความมั่นใจว่าผู้ป่วยทุกคนจะได้รับชุดตรวจ ATK และเข้าถึงยาได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเป็นการป้องกันการแอบอ้าง หรือการนำชุดตรวจ ATKไปดำเนินการในแนวทางอื่นๆ ที่ไม่เหมาสมะ

"มาตรการให้ร้านขายยาเป็นจุดกระจายชุดตรวจ ATK และยาให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 เชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาการเข้าไม่ถึงยาของประชาชนได้ และจะลดอัตราการเจ็บป่วย ดังนั้น อยากฝากประชาชน ถึงภาครัฐจะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือ แต่ทุกคนป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย ไม่ใกล้ชิดกัน หมั่นล้างมือบ่อยๆ และฉีดวัคซีน ถ้าสงสัยว่ากลุ่มเสี่ยงก็พยายามกักตัว อย่าออกไปข้างนอก ขอให้ใช้บริการของรัฐ"ศ.ภญ.จิราพร กล่าว

ต้องได้รับ'ยาฟาวิพิราเวียร์' ภายใน 4 วัน
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่าข้อมูลการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในประเทศไทย จากกรมการแพทย์ และคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยต่างๆในกทม. รวมทั้งรพ.ในกทม. ได้รวบรวมข้อมูลเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมาจากคนไข้กว่า 400 คน พบว่า ผู้ติดเชื้อที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์เร็วภายใน 4 วันหลังเริ่มมีอาการ พบว่า ลดอาการรุนแรงได้ 28.8% ขณะที่ค่ามัธยฐานของระยะเวลาการเริ่มให้ยา จนถึงผู้ป่วยอาการดีขึ้น หากผู้ป่วยโรคปอดบวมรุนแรงใช้เวลา 17 วันดีขึ้น แต่หากปอดบวมไม่รุนแรงใช้เวลา 9 วัน ซึ่งกรณีนี้ทางรามาธิบดีศึกษา


สำหรับ ยาฟาวิพิราเวียร์ ขณะนี้ทางองค์การเภสัชกรรมมีการสั่งจองและเตรียมผลิตเอง 20-30 ล้านเม็ด ซึ่งจะเริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งมีการติดตามศึกษาผล โดยจะทำเป็นบิ๊กดาต้า ที่ดูว่าผลของฟาวิพิราเวียร์ในรอบระบาดเดลตา เป็นอย่างไร ?

เมื่อพิจารณาการสั่งจอง และเตรียมการผลิต 'ยาฟาวิพิราเวียร์' ของประเทศไทย คงหวังได้ว่าการขาดแคลน ยาฟาวิพิราเวียร์ คงไม่มีทางการเกิดขึ้น แต่การจะจัดส่งยาให้ถึงแก่ผู้ป่วยโควิด-19 คงต้องติดตามกันต่อไปว่ามาตรการใหม่ๆ ที่กำลังดำเนินการนี้ จะช่วยได้มากน้อยขนาดไหน และหน่วยงานหลักในการส่งยาอย่าง กรมการแพทย์ โรงพยาบาลต่างๆ ต้องปรับระบบอย่างไร? เพื่อให้ยา เวชภัณฑ์ ระบบการบริการสาธารณสุขช่วยชีวิตผู้ป่วย ลดการสูญเสียได้
#2913


นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า งานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้เช่าซื้อรถยนต์ออนไลน์เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีหนี้เช่าซื้อรถยนต์ทุกสถานะที่มีความยากลำบากในการจ่ายชำระหนี้ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังระบาดอย่างรุนแรงจะมีจนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2564 เท่านั้น จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีหนี้เช่าซื้อรถยนต์ สมัครลงทะเบียนเข้ามาในช่วง 10 วันสุดท้ายนี้โดยงานมหกรรมครั้งนี้รองรับหนี้เช่าซื้อรถยนต์ทุกสถานะซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม

(1) กลุ่มที่ยังผ่อนชำระปกติแต่เริ่มมีปัญหาการผ่อนชำระ ในช่วงนี้ท่านสามารถที่จะขอลดจำนวนค่างวดที่ต้องจ่ายลง หรือขอพักชำระหนี้ ซึ่งดอกเบี้ยในช่วงพักชำระหนี้จะคำนวณจากฐานของค่างวดในช่วงที่พักชำระหนี้ตามแนวทางของ สคบ. ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่มมีไม่มาก

(2) กลุ่มที่รถถูกยึดไปไม่นาน รถยังไม่ถูกขายทอดตลาด ถ้าเป็นรถที่ใช้ทำมาหากิน รวมทั้งกรณีที่ได้จ่ายค่างวดไปมากระดับหนึ่ง ท่านสามารถที่จะขอไกล่เกลี่ยเพื่อรับรถคืน โดยแนวการไกล่เกลี่ยส่วนนี้คือผู้ให้เช่าซื้อจะยอมให้รับรถที่ยึดมากลับไป โดยจะให้ผ่อนชำระหนี้ต่อจากที่หยุดไป และจะคิดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มจากค่างวดที่ค้างชำระเท่านั้น ซึ่งจะไม่มาก

(3) กลุ่มที่รถถูกขายทอดตลาดไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถตกลงกับเจ้าหนี้เกี่ยวกับจำนวนหนี้เช่าซื้อส่วนขาดที่เจ้าหนี้เรียกร้องให้ชำระเพิ่มเติม ก็สามารถใช้ช่องทางของงานมหกรรมครั้งนี้เจรจาไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ โดยยอดหนี้ที่ต้องชำระหนี้เพิ่มจะคำนวณโดยวิธีที่เป็นธรรม และสามารถผ่อนชำระหนี้ส่วนนี้ได้นาน 3 ปีโดยไม่มีดอกเบี้ย 

สคบ. สำนักงานศาลยุติธรรม และ ธปท. ได้จัดทำโปรแกรมการคำนวณสำหรับผู้ที่มีปัญหาติ่งหนี้ ที่สามารถเข้าไปเช็คเบื้องต้นได้ง่ายๆ ว่าท่านจะมีภาระหนี้เหลือสักเท่าไหร่ ที่เว็บไซต์ของ สคบ. (www.ocpb.go.th/debt/) เราเชื่อว่าความโปร่งใสที่มีมากขึ้นจะทำให้เจ้าหนี้และลูกหนี้สามารถหาข้อยุติได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น สมประโยชน์ทั้งลูกหนี้และผู้ให้บริการเช่าซื้อ

ADVERTISEMENT


แม้ท่านไม่ได้เป็นลูกค้าของผู้ให้เช่าซื้อทั้ง 12 แห่งที่ร่วมงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้เช่าซื้อรถยนต์ แต่ได้รับความเดือดร้อนประสบปัญหาจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด 19 ท่านสามารถยื่นขอความช่วยเหลือผ่านช่องทาง "ทางด่วนแก้หนี้" ของ ธปท. ที่ https://www.1213.or.th/App/DebtCase ธปท. จะเป็นคนกลางในการส่งคำขอไกล่เกลี่ยหนี้ของท่านไปที่เจ้าหนี้ เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป

ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของ ธปท. หรือ https://www.1213.or.th/App/DMed/V1 และหากมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการลงทะเบียนออนไลน์ ท่านสามารถโทรสอบถามได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร. 1213 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น. หรือ นอกเวลาทำการ ท่านสามารถส่งอีเมลมาที่ Debtfair@bot.or.th พร้อมแจ้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของท่านไว้ เจ้าหน้าที่ของ ธปท. จะติดต่อท่านกลับในลำดับต่อไป    
#2914
อ่างล้างหน้าของคริสตินา มีดีไซน์ที่หลากหลายที่ช่วยตอบโจทย์การใช้งานที่ไม่เหมือนกัน ใช้ใน Hotelระดับ 5 ดาว





มีทั้งอ่างล้างหน้าราคาไม่แพงไปจนกระทั่งระดับพรีเมี่ยม ด้วยรูปทรง วัสดุและสี ไปจนถึงพื้นผิวแล้วก็สไตล์ ซึ่งถูกออกแบบให้ครอบคลุม ความมากมายหลากหลายของสไตล์ภายในห้องอาบน้ำ สามารถปรับ Custom ได้ทุกพื้นที่ ติดตั้งรวมทั้งทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย





นอกเหนือจากการออกแบบที่เรียบหรู ดูแพงแล้ว อ่างล้างหน้าคริสตินายังมีหลากหลายวัสดุ ไม่ว่าจะเป็น อ่างล้างหน้าเซรามิค อ่างล้างหน้าหิน อ่างล้างหน้าอะคริลิค แล้วก็อ่างล้างหน้าคริสตัล (วัสดุพิเศษ) เป็นต้น ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ทั้งยังรองรับกับสรีระและก็พฤติกรรมของผู้ใช้งาน โดยใช้เทคโนโลยีการสร้างระดับสูง ทำให้เชื่อมั่นได้ในคุณภาพ
Call Center 02-693-4046


#2915


เป็นเหตุการณ์ที่ดุเดือดเลือดพล่านในเกม ลีก เอิง ฝรั่งเศส คู่ระหว่าง นีซ กับ โอลิมปิก มาร์กเซย เมื่อแฟน.เจ้าถิ่นปาขวดน้ำใส่ ดิมิทริ ปาเยต์ นักเตะของ มาร์กเซย ก่อนบานปลายกรูลงมาวิวาทกลางสนาม เมื่อคืนวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา

เรื่องราวเกิดขึ้นในนาที 75 เมื่อ นีซ เป็นฝ่ายขึ้นนำ 1-0 จังหวะที่ ปาเยต์ แข้งทีมคู่แข่ง เอา.ไปเตรียมเตะมุม แต่กลับโดนจรวดมิสไซล์ที่ทำจากขวดน้องที่แฟน.เจ้าถิ่นปาลงมาจนบาดเจ็บ ก่อนเจ้าตัวจะปาขวดน้ำกลับคืน

และกลายเป็นเรื่องบานปลายทันทีเมื่อแฟน. นีซ กลุ่มใหญ่หลังอัฒจันทร์ รุมปาขวดใส่อีกครั้ง ก่อนวิ่งกรูลงมาในสนามเพื่อทะเลาะวิวาท ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาแยกตัวนักเตะกับแฟน.ออกจากกัน โดยที่นักเตะสองทีมแยกย้ายกันเข้าอุโมงค์ไป

อย่างไรก็ตาม นักเตะของ มาร์กเซย ปฏิเสธกลับมาเล่นต่อเพราะรับความป่าเถื่อนของแฟน.เจ้าถิ่นไม่ได้ สุดท้ายเกมต้องยกเลิกไปโดยปริยาย ซึ่งจากนี้ ลีก เอิง จะทำการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น และ นีซ มีสิทธิถูกปรับแพ้ 0-3 ถ้าทุกฝ่ายลงความเห็นว่าผิดจริง โทษฐานที่คุมแฟน.ไม่ได้
#2916


โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ โรงแรมสุดหรูแห่งใหม่ใจกลางเมือง เชิญคุณมาเปิดประสบการณ์การพักผ่อนสุดหรู พร้อมอิ่มอร่อยไปกับหลากหลายเมนูสุดพิเศษ พบกับแพ็คเกจ Sindhorn Kempinski Dinecation โปรโมชั่นห้องพักสุดคุ้มในราคาสุทธิเพียง 8,888 บาท ต่อ 1 คืน สำหรับ 2 ท่าน ในห้อง Grand Deluxe ขนาดพื้นที่ 66 ตร.ม พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน บริการมินิบาร์และเครื่องดื่มฟรี รวมทั้งเมนูมื้อค่ำ 7-คอร์สสุดหรู รังสรรค์ความอร่อยโดย เชฟแฟรงค์ เตรเปรช เอ็กเซ็กคูทีพเชฟ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Executive Chef Frank Trepesch)



เริ่มต้นมื้อพิเศษด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย 4 เมนูได้แก่ Amuse Bouche พิเศษจากเชฟ เมนูกุ้งลายเสือ เมนูตับห่าน และเมนูหอยเชลล์ ตามด้วยเมนูจานหลักที่มีให้คุณเลือกลิ้มลองไม่ว่าจะเป็น ปลากะพงทอดเสิร์ฟพร้อมทาร์ตมันฝรั่งและซอสเบอร์บล็อง หรือจะเลือกเป็น สเต็กเนื้อเสิร์ฟพร้อมทาร์ตมันฝรั่งและซอสไวน์แดง ตามด้วยเมนูก่อนของหวานอย่าง Exotic Vacherin ไอศกรีมซอร์เบท์มะพร้าวผสมมะม่วงเสิร์ฟคู่กับแพสชั่นฟรุ๊ตและมาสคาโพน ปิดท้ายด้วย Textures of Chocolate ของหวานสุดพิเศษที่เชฟรวมช็อกโกแลตสูตรพิเศษหลากหลายรูปแบบเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมโฮมเมดรสซอล์ทคาราเมล



สำรองห้องพักได้ตั้งแต่ วันนี้ ถึง 15 กันยายน 2564 และสามารถเข้าพักได้ถึง 30 กันยายน 2564 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 095 9990 หรืออีเมล: reservation.sindhorn@kempinski.com หรือเข้าชมเว็ปไซต์ของโรงแรมได้ที่ https://www.kempinski.com/en/bangkok/sindhorn-hotel/
#2917


เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ แสดงความห่วงใยลูกค้าเจนเนอราลี่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เดินหน้าจัดทำคู่มืออินโฟกราฟฟิคการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) แนะแนวทางการดูแลตัวเองฉบับเข้าใจง่ายสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ขั้นสีเขียว พร้อมตอกย้ำความมั่นใจ ยืนหยัดอยู่ดูแลลูกค้าทุกช่วงเวลาของชีวิตลูกค้า ด้วยการขยายความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยรายวันสำหรับลูกค้าทุกกรมธรรม์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation (การดูแลตนเองที่บ้าน) และ Community Isolation (การดูแลตนเองในระบบชุมชน)*

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ประเทศไทย กล่าวว่า "จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ที่ทวีความรุ่นแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้ป่วยติดเชื้อใหม่เกินกว่า 20,000 คนต่อวัน ส่งผลให้ในปัจจุบันมียอดผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวสะสมสูงถึงกว่า 200,000 คน ทั้งผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากไปจนถึงผู้ป่วยอาการหนัก ทำให้จำนวนเตียงไม่เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วยวิกฤต ทางภาครัฐจึงได้นำเสนอนโยบายการแยกกักตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation มาปรับใช้สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 สีเขียว เพื่อเพิ่มจำนวนเตียงรักษาสำหรับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง แต่ต้องยอมรับว่ากลุ่มผู้ป่วยสีเขียวหลายคนยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลตัวเองเมื่อต้องทำการกักตัวที่บ้าน อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุ ทั้ง ขาดการรับรู้ข้อมูล หรือได้รับข้อมูลมากจนเกินไปจนสับสน รวมไปถึงการได้รับข้อมูลที่ผิด จึงทำให้เกิดความวิตกกังวลในการรับมือกับการดูแลตัวเอง



ด้วยความห่วงใยและเข้าใจถึงปัญหาดังกล่าว ทางเจนเนอราลี่ จึงได้จัดทำคู่มือฉบับเข้าใจง่าย "คู่มือ Home Isolation สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 (ผู้ป่วยสีเขียว)" เพื่อใช้เป็นแนวทางการดูแลรักษาตนเองที่บ้านอย่างถูกวิธี โดยเนื้อหาได้ผ่านการคัดกรองความถูกต้อง พร้อมนำมาจัดทำในรูปแบบ Infographic ที่เข้าใจง่าย เริ่มตั้งแต่ ข้อดีของการแยกกักตัวที่บ้าน ขั้นตอนการเข้าสู่ระบบขอกักตัวที่บ้าน รวมถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติ และเช็คลิสต์ของใช้ที่จำเป็นเมื่อต้องกักตัวที่บ้าน นอกจากนี้ยังแนะนำถึงอาการที่ควรรีบพบแพทย์หากพบเจอในระหว่างกักตัว ตลอดจนข้อควรปฏิบัติหลังหายป่วย โดยปัจจุบันทางเจนเนอราลี่ได้จัดทำเรียบร้อยพร้อมเผยแพร่ผ่านช่องทาง Facebook page : Generali Thailand สามารถเข้าไปดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ที่สามารถเปิดอ่านได้สะดวก

นายบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า "นอกจากนี้เจนเนอราลี่ยังได้ขยายความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยรายวันสำหรับลูกค้าทุกกรมธรรม์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์แต่ละประเภท* ที่ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation (การดูแลตนเองที่บ้าน) และ Community Isolation (การดูแลตนเองในระบบชุมชน) เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ลูกค้าว่าเจนเนอราลี่พร้อมยืนหยัดอยู่เคียงข้างลูกค้าทุกช่วงเวลาของชีวิตและพร้อมดูแลลูกค้าให้ผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตได้อย่างปลอดภัยและไร้ความกังวล โดยสามารถดูรายละเอียดผลประโยชน์และความคุ้มครองโควิด-19 ของเจนเนอราลี่เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://generali.co.th/services/covid-19-faq/ หรือ ติดต่อทางศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร 1394
#2918


ฟิลลิปประกันชีวิต อำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือกรมธรรม์ช่วงโควิด-19 ด้วยการกู้เงินตามกรมธรรม์ออนไลน์ (eLoan) ผ่าน Application 'PhillipLife TH' โดยไม่ต้องเดินทางมายังสาขา หรือสำนักงานของบริษัทฯ และได้รับเงินเร็วสุดภายในวันทำการถัดไป ขอกู้ได้สูงสุดถึง 1,000,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าเวนคืนตามกรมธรรม์ประกันชีวิต เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย โดยที่ยังคงความคุ้มครองชีวิตตามเงื่อนไขกรมธรรม์

การกู้เงินตามกรมธรรม์ผ่านช่องทางออนไลน์ (eLoan)นี้ จะช่วยให้ลูกค้าใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวล ได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น โดยไม่ต้องเดินทางไปกรอกเอกสารที่สาขา หรือสำนักงานของบริษัทฯ ก็สามารถที่จะขอกู้เงินตามกรมธรรม์ได้ทันทีตามแบบฉบับของวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามฉุกเฉินที่ต้องการตัวช่วยให้สามารถดำเนินชีวิตและขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้อย่างไม่ติดขัด eLOAN ถือเป็นเรื่องใหม่ ที่ในปัจจุบันยังมีคนเข้าถึงไม่มาก โดยไม่ทราบว่ากรมธรรม์ของตนสามารถกู้เงินออกมาใช้ได้ อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ สูงสุดไม่เกิน 8% ต่อปี บริการ eLOAN เป็นการกู้เงินตามกรมธรรม์ (Policy Loan) ดำเนินการผ่าน 'PhillipLife TH' Application บน Mobile Phone หรือ Tablet ทั้งในระบบ iOS และ Andrioid สามารถดำเนินการได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องมีเอกสาร หรือกระดาษใดๆ มาเกี่ยวข้อง (Paperless) และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันใดๆ และได้รับเงินกู้ฯ โอนเข้าบัญชีธนาคารของผู้เอาประกัน (ATS) อย่างรวดเร็วไม่เกิน 1-2 วันทำการ (ขึ้นกับเวลาที่ทำการกู้ฯ) และในทางกลับกัน ผู้เอาประกันจะสามารถชำระคืนเงินกู้ด้วยความสะดวกรวดเร็ว ด้วยการหักจากบัญชีธนาคารของผู้เอาประกัน (ATS) เช่นเดียวกัน นับได้ว่าบริการ eLoan นี้มีส่วนช่วยให้ผู้ถือกรมธรรม์ของบริษัทฯ ได้รับความสะดวก และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้
#2919


วันที่ 21 ส.ค.64 ฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผยว่า จากการประเมินสถานการณ์สินทรัพย์ของเกษตรกร หลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปี 2564 ส่งผลให้หนี้สินเกษตรกรเพิ่มขึ้นตามหนี้ครัวเรือนประเทศ และตัวแปรอื่นๆ โดยเฉพาะ จากนโยบายของภาครัฐ เช่น พักหนี้ และการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น ขณะที่หนี้สินเกษตรกรปี 2564 มีหนี้สินเฉลี่ยที่ 262,317 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 16.54%

มีรายงานว่า หนี้สินเงินกู้ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์ของการกู้ ดังนี้ คือ ค่าปัจจัยการผลิต วัสดุอุปกรณ์การเกษตรสัดส่วน 37.55% กลุ่มค่าแรงงาน ค่าซ่อม ซื้อ เครื่องจักรเกษตร ค่าเช่าสัดส่วน 17.05% ส่วนรายได้เฉลี่ยของเกษตรกรปี 2564 มีรายได้ 408,099 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 4.54% แบ่งเป็น รายได้เงินสดในภาคเกษตร 190,065 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 3.07% และรายได้เงินสดนอกการเกษตร ซึ่งรวมเงินช่วยเหลือของภาครัฐแล้วมีรายได้ 218,034 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น5.86%

สำหรับรายได้จากด้านพืชมากที่สุด 140,825 บาทต่อครัวเรือน รองลงมาคือ รายได้จากด้านปศุสัตว์ 44,990 บาทต่อครัวเรือน และรายได้เงินสดเกษตรอื่น ๆอาทิการแปรรูปผลผลิตเกษตรที่ผลิตได้(ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป)ผลผลิตพลอยได้ 4,790 บาทต่อครัวเรือน

นอกจากนี้ สศก. ประเมินรายได้เงินสดทางการเกษตรมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมีผลผลิตด้านการเกษตรหลายตัว ราคาอาจปรับตัวลดลง โดยสินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ กลุ่มไม้ผล ไม้ยืนต้น ยังเป็น สนค้าที่ราคาสูงขึ้นจากปีก่อน เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำ มัน ทุเรียน ลำไย และ สินค้าที่ราคาลดลงจากปีที่ผ่านมาต้องเฝ้าระวัง เช่น เงาะ มังคุด กลุ่มพืชอื่น ได้แก่ ยาสูบ แนวโน้มเพิ่มขึ้น บางพื้นที่ปลูกเป็นพืชหมุนเวียนหลังนา และ กลุ่มปศุสัตว์มีราคาเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เช่น สุกร โคเนื้อ ไข่ไก่ เป็นต้น
#2920


เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เฮดโค้ชชาวอาร์เจนไตน์ของทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ออกมายืนยันว่าเตรียมส่ง ลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์ตัวเก่ง ประเดิมสนามให้ทีมนัดแรกวันที่ 29 สิงหาคมนี้

ลิโอเนล เมสซี่ หมดสัญญากับ บาร์เซโลน่า ก่อนจะย้ายมาร่วมทัพ "เปแอสเช" เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เซ็นสัญญา 2 ปี พร้อมอ็อปชั่นขยายสัญญาอีก 1 ปี โดยมีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปก่อนหน้านี้

ล่าสุด เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือคนเก่งของยักษ์ใหญ่แห่งลีกเอิง ฝรั่งเศส ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าเขาพร้อมจะส่งยอดแข้งชาวอาร์เจนไตน์ ประเดิมสนามให้ทีมในสัปดาห์หน้า

"สัปดาห์หน้ามันยังอีกยาวนาน แต่ถ้าทุกอย่างไม่มีอะไรผิดพลาด เราหวังว่าเขาจะอยู่ในทีม และเริ่มต้นลงเล่นในเกมที่พบกับ แรงส์ (29 ส.ค.)" นายใหญ่ เปแอสเช เริ่มกล่าว

"ผมยังไม่ได้พูดคุยกับผู้เล่นเพื่อเลือกตัวลงสนาม แต่พวกเขารู้ดีว่าผมมีความเป็นมืออาชีพ ผมไม่ได้เห็นแก่ผู้เล่นที่เป็นอาร์เจนติน่าเหมือนผม"

"ผมให้ความสำคัญกับผู้เล่นทุกคน ซึ่งผู้เล่นจากทุกชาติล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะของเราทั้งสิ้น" โปเช็ตติโน่ ทิ้งท้าย

ทั้งนี้โปรแกรมนัดต่อไปของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จะต้องยกพลไปเยือน แรงส์ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคมนี้ เวลา 01.45 น. ตามเวลาประเทศไทย