• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Joe524

#6181


แอสตัน วิลล่า กลายเป็นทีมแรกที่หยุดความแรงของ เอฟเวอร์ตัน หลังเปิดบ้านจัดการเคี้ยว "ทอฟฟี" เละ 3-0 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา

พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แอสตัน วิลล่า 3-0 เอฟเวอร์ตัน

คู่สุดท้ายวันเสาร์ แอสตัน วิลล่า อันดับ 14 มี 4 แต้ม เปิดรังเจอ เอฟเวอร์ตัน อันดับ 5 มี 10 แต้ม เกมนี้ วิลล่า ใช้คู่หน้าคือ ออลลี วัตกินส์ กับ แดนนี อิงส์ ส่วน "ทอฟฟี" วาง 3 ประสาน ซาโลมอน รอนดอน, เดอมาราย เกรย์ และ อันโดรส ทาวน์เซนด์ ลงไปยิง

เริ่มเกม นาที 3 เอฟเวอร์ตัน เกือบนำเร็ว เบน ก็อดฟรี จ่ายยัดให้ ซาโลมอน รอนดอน สอดขึ้นมาจิ้มเสาแรกแต่ออกหลัง ขณะที่ นาที 15 ทีมเยือนได้เตะมุม อันโดรส ทาวน์เซนด์ โยนโด่งจากขวาให้ ไมเคิล คีน โหม่งจ่อๆ แต่หลุดเสานิดเดียว

นาที 27 วิลล่า ตอบโต้ แมตต์ ทาร์เก็ตต์ แย่ง.ลากขึ้นหน้าแล้วโดนสกัดแต่.ยังเด้งหา จอห์น แม็คกิน ยิงแต่หลุดกรอบ ต่อมา นาที 44 ทอฟฟี สวนหมัด เดอมาราย เกรย์ จ่ายเข้าทาง อันโดรส ทาวน์เซนด์ ลองยิงซ้ายไกลแต่ติดเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ จบครึ่งแรกยัง 0-0

ครึ่งหลัง เจ้าบ้านเล่นดีกว่าจน นาที 65 ขึ้นนำสำเร็จ ดักกลาส ลุยซ์ ดีดขึ้นหน้าให้ แม็ทธิว แคช วิ่งตัดเข้าไปตะบันซ้ายตุง 1-0 และได้ดีใจกันต่อ นาที 69 ลีออน ไบญี เปิดเตะมุมฝั่งขวาแล้ว ลูคัส ดีน โหม่งเช็ดเข้าประตูตัวเองให้ วิลล่า นำห่าง 2-0

นาที 74 วิลล่า เริงร่าไม่หยุด แดนนี อิงส์ โยนข้ามฟากให้ ลีออน ไบญี กระชากหลุดเดี่ยวแล้วซัลโวเต็มตีน 3-0 ส่วนเวลาที่เหลือ เอฟเวอร์ตัน บุกมาทวงประตูไม่ได้แล้ว จบเกม ทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ ลิ้มรสความพ่ายแพ้นัดแรก ส่วน วิลล่า เก็บเพิ่มเป็น 7 แต้ม ขึ้นมาอยู่อันดับ 10

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แอสตัน วิลล่า - เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ, อเซล ทวนเซเบ้, ไทโรน มิงส์, เอซรี คอนซ่า, แมตต์ ทาร์เก็ตต์, แม็ทธิว แคช, ดักกลาส ลุยซ์, จอห์น แม็คกิน, จาค็อบ แรมซีย์, ออลลี วัตกินส์, แดนนี อิงส์
เอฟเวอร์ตัน - แอสเมียร์ เบโกวิช, เบน ก็อดฟรี, ไมเคิล คีน, เยอร์รี มิน่า, อับดุลลาย ดูคูเร่, อัลลัน, ลูคัส ดีน, อเล็กซ์ อิโวบี, ซาโลมอน รอนดอน, เดอมาราย เกรย์, อันโดรส ทาวน์เซนด์
#6183


น้อยคนนักจะรู้ว่าเบื้องหลังสังเวียนนักสู้ของ "กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี" แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต ที่กำลังจะลงศึกป้องแชมป์ใน ONE: REVOLUTION 24 ก.ย. นี้ ยังมีอีกหนึ่งฝันอันสูงสุดของชีวิตลูกผู้ชาย นั่นคือการรับใช้ชาติในฐานะทหารประจำหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "หน่วยซีล"

นอกเหนือจากการทำหน้าที่นักกีฬาใน ONE แล้ว กัปปิตัน ยังมีตำแหน่งเป็นอาสาสมัครทหารพรานประจำกรมทหารพรานที่ 26 ค่ายปักธงชัย กองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา มาตั้งแต่ปี 2559 โดยรับหน้าที่เป็นนักกีฬาตัวแทนต้นสังกัดลงแข่งขันในกีฬาภายในกองทัพบกที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

จุดเริ่มต้นของชีวิตชายชาติทหารของ กัปปิตัน เริ่มต้นเมื่อขาอายุครบ 21 ปี ซึ่งเขาถูกเกณฑ์ทหารรับใช้ชาติตามหน้าที่ของชายไทยทั่วไป ในตอนนั้น ครูฝึกรู้ว่า กัปปิตัน เป็นนักมวยฝีมือดีจึงสนับสนุนให้ลงแข่งขันชกมวยไทยสมัครเล่นและมวยสากลสมัครเล่น โดยเขาสามารถคว้ารางวัลมากมาย เช่น เหรียญทองมวยสากลสมัครเล่น รุ่น 69 กก. 2 ปีซ้อน (2560 – 2561) และเหรียญทองมวยไทยสมัครเล่น รุ่น 71 กก.ในปี 2562

ในฐานะที่มีประสบการณ์การฝึกทหารเกณฑ์มาแล้วและมีโอกาสได้เห็นการฝึกและการทำงานของทหารเหล่าอื่น กัปปิตัน รู้สึกชื่นชมหน่วยซีลของกองทัพเรือเป็นพิเศษ เพราะเป็นหน่วยที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้นและหนักที่สุดในบรรดาหน่วยรบพิเศษของทุกเหล่าทัพ โดยทหารหน่วยนี้ได้ชื่อว่ามีขีดความสามารถเหนือทหารทั่วไป

กัปปิตัน จึงอยากมีโอกาสได้สัมผัสความท้าทายแบบนั้นบ้าง โดยเขาเผยว่า 'ตอนผมเป็นทหารเกณฑ์ ผมว่าก็ฝึกหนักแล้ว แต่เป็นที่รู้กันว่าหน่วยซีลฝึกหนักและโหดกว่ามาก จึงไม่ค่อยมีใครอยากไปฝึก ผมก็เลยอยากรู้และอยากลองบ้างว่าจะหนักสักแค่ไหน'

'ที่สำคัญ ทหารหน่วยซีล ถือว่ามีเกียรติสูงสุดเพราะคนที่จะผ่านการฝึกได้ต้องเก่งรอบด้านและแข็งแกร่งจริง ๆ เท่านั้น ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากได้ลองฝึกและถ้าเป็นทหารหน่วยซีลจริง ๆ ก็คงจะดีมากครับ'
#6184


แม้จะเคยมีช่วงเวลาที่สู้กันอย่างดุเดือดทั้งในและนอกสนามจนแฟนเทนนิสรู้ว่าไม่ถูกกัน แต่ เซเรน่า วิลเลียมส์ ยอดนักหวดหญิงจอมแกร่งชาวอเมริกัน ก็เปรยอยากให้ มาเรีย ชาราโปว่า อดีตคู่ปรับจากรัสเซีย กลับมาเล่นเทนนิสอีกครั้งหลังมีโอกาสได้ถ่ายรูปร่วมกัน

งานแฟชั่นใหญ่ เม็ท กาล่า 2021 ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา มีเรื่องฮือฮาเกิดขึ้นเมื่อ เซเรน่า ถ่ายรูปร่วมกับ ชาราโปว่า ด้วยสีหน้าและอิริยาบถอย่างเป็นกันเอง โดยมี วีนัส วิลเลียมส์ พี่สาว ร่วมเฟรมด้วยกันเป็น 3 คน

แฟนเทนนิสรู้กันดีว่า เซเรน่า และ ชาราโปว่า ต่างเป็นคู่ปรับทั้งในและนอกสนาม โดยสมัยที่เล่นอาชีพทั้งสองเคยสาดวิวาทะใส่กันผ่านสื่อบ่อยครั้ง และ ชาราโปว่า ก็ประกาศชัดว่า 'เราไม่ใช่เพื่อนกัน' แต่วันเวลาผ่านไป ทั้งสองก็ลบลืมความขัดแย้ง ถ่ายรูปด้วยกัน ชนิดว่า เซเรน่า ยังเปรยอยากเห็นแชมป์ แกรนด์ สแลม 5 สมัย กลับมาเล่นเทนนิสอาชีพอีกรอบ

เรื่องนี้ วีนัส พี่สาวยอดนักหวด เป็นคนเปิดเผยว่า 'อย่างแรกเลย ฉันกับเซเรน่า เพิ่งพูดถึงเธอ (ชาราโปว่า) เมื่อวันก่อน เราต่างหวังว่าอยากให้เธอยังเล่นเทนนิสอยู่ และเมื่อเราพบเธอ เราก็ต่างบอกเธอโดยหวังว่าจะได้เห็นเธอกลับมาลงแข่งอีกครั้ง'

'แม้ที่ผ่านมา นักเทนนิสจะต่อสู้กันอย่างหนักในสนามมาหลายปี แต่เราก็รักและเคารพซึ่งกันและกันเสมอ เจอกันเมื่อไหร่ก็สวมกอด หัวเราะ พูดคุยกัน รวมถึงถ่ายรูปกันด้วย' วีนัส ระบุ
#6185


ครั้งแรกกับการเปิดโลกธรณีวิทยาเพื่อการท่องเที่ยวบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ "กรมทรัพยากรธรณี" เตรียมจัดงาน "มหกรรมเที่ยวทิพย์อุทยานธรณีโลกสตูล ปีปกติใหม่ 2564" จัดเต็ม 6 เส้นทางท่องเที่ยวเสมือนจริง (Virtual Trails) กับอุทยานธรณีโลกสตูล อุทยานธรณีหนึ่งเดียวของไทยที่ได้รับการยอมรับจาก UNESCO และชวนย้อนอดีตท่องโลกบรรพกาล ผ่านนิทรรศการเสมือนจริง (Virtual Exhibition) กับอุทยานธรณีทั่วประเทศ
นายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า อุทยานธรณีโลกสตูล (Satun UNESCO Global Geopark) เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคนและเป็นความภาคภูมิใจของวงการธรณีวิทยาไทย เพราะเป็นอุทยานธรณีระดับโลกแห่งเดียวของประเทศไทยในปัจจุบัน ที่ได้รับการรับรองจากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (The United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization: UNESCO) จากจำนวนอุทยานธรณีระดับโลก ทั้งสิ้น 147 แห่งทั่วโลก โดยประชาชนจังหวัดสตูลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับจังหวัดสตูล โดยมี กรมทรัพยากรธรณีร่วมสนับสนุนข้อมูลและผลงานวิจัยทางวิชาการ ในการพัฒนาอุทยานธรณีสตูลเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งแรกของประเทศไทย และยังคงผลักดันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์

ปราสาทหินพันยอด 
ปราสาทหินพันยอด

อย่างไรก็ตาม ในปีปกติใหม่ที่มีการระบาดของโรคโคโรน่าไวรัส (COVID-19) ส่งผลให้รูปแบบการท่องเที่ยวของประชาชนทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่จริงได้ ทำให้การท่องเที่ยวเสมือนจริง (Virtual Tour) เข้ามามีส่วนสำคัญในการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวมากขึ้น กรมทรัพยากรธรณี ได้ตระหนักถึงเป้าหมายในการพัฒนาการท่องเที่ยว พร้อมกับการอนุรักษ์แหล่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วม และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวทางธรณีวิทยาตามแหล่งธรณีวิทยาและพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาของกรมทรัพยากรธรณีให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป

ฟอสซิล อ่าวโต๊ะบ๊ะ
ฟอสซิล อ่าวโต๊ะบ๊ะ

และเพื่อให้เป้าหมายของการบูรณาการการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสัมฤทธิ์ผล ทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ จึงได้ริเริ่มจัดมหกรรมเปิดโลกธรณีวิทยาเพื่อการท่องเที่ยว : กิจกรรมเที่ยวทิพย์อุทยานธรณีโลกสตูล ปีปกติใหม่ 2564 (Virtual Satun Geopark Tourism in the New Normal Year 2021 Festival) ในระหว่างวันที่ 23-24 กันยายนนี้ หวังให้ผู้เข้าชมได้รับความผ่อนคลายจากการสัมผัสธรรมชาติผ่านการท่องเที่ยวเสมือนจริง (Virtual Trails) 6 เส้นทางในอุทยานธรณีโลกสตูล ได้แก่ เส้นทางเชื่อมทะเลอันดามันสู่ทะเลโบราณ เส้นทางตื่นตาท่องป่าหินปูน เส้นทางบุกถ้ำ-ทะลุป่าหลุมยุบโบราณ เส้นทางท่องดงฟอสซิลเขาน้อย เส้นทางถ้ำเลสเตโกดอน และเส้นทางข้ามกาลเวลา รวมทั้งได้รับความรู้ความเข้าใจในวิวัฒนาการของโลกจากหลักฐานทางธรณีวิทยาและนิเวศวิทยา การเรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ผ่านผลิตภัณฑ์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่หลอมรวมเรื่องราวของอุทยานธรณีไว้ด้วยกัน ในนิทรรศการเสมือนจริง (Virtual Exhibition) จากอุทยานธรณีทั่วประเทศ

หัวใจมรกต อ่าวโต๊ะบ๊ะ
หัวใจมรกต อ่าวโต๊ะบ๊ะ

นอกจากนี้ ภายในงาน ยังมีการเสวนาออนไลน์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนจากอุทยานธรณีต่างๆ ในประเทศไทย และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ เพื่อนำเสนอทิศทางและบทบาทของงานด้านอุทยานธรณีระดับโลกกับการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และการขับเคลื่อนอุทยานธรณีโลกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก พร้อมการนำเสนอการพัฒนาและกลไกการขับเคลื่อนอุทยานธรณีของประเทศไทย ตลอดจนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของแต่ละอุทยานธรณีเพื่อพัฒนา และต่อยอดงานด้านอุทยานธรณีของประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป รวมทั้ง มีกิจกรรมนันทนาการ สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่อุทยานธรณีทั่วประเทศ อาทิ การประกวดปาฐกถาในหัวข้อ "ฉันรักอุทยานธรณี" ของนักเรียน – นักศึกษา การนำเสนอผลิตภัณฑ์จากอุทยานธรณีต่างๆ(Geo Product) รวมถึงกิจกรรมถามตอบชิงรางวัลสำหรับผู้เข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

มหกรรมเปิดโลกธรณีวิทยาเพื่อการท่องเที่ยว อุทยานธรณีโลกสตูล จากทะเล 500 ล้านปี สู่ขุนคีรียิ่งใหญ่ : มหกรรมเที่ยวทิพย์อุทยานธรณีโลกสตูล ปีปกติใหม่ 2564 พร้อมเปิดให้ผู้สนใจ ลงทะเบียนออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ https://forms.gle/CxC2KjZqHbggB7Lp9
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfln1AMjU0ChY0BYKZZ4pj4--AIeohKtpfwDYP_kgyYocPa4g/viewform
#6187
www รถบ้านมือสองเจ้าของขายเอง com เว็บซื้อขายรถมือสอง

http://xn--22canbbc0hzdoc3f9abdd8ee3f5ii5p.com/
#6188


จากการวิเคราะห์ของที่ปรึกษาด้านแรงงานระดับโลก สถาบันแมนเพาเวอร์กรุ๊ป ที่มองภาพตลาดแรงงานในพื้นที่ EEC ว่ายังมีความต้องการแรงงานขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ลักษณะและคุณสมบัติของแรงงานจะแตกต่างไปจากเดิม

หากมองลงลึก ๆ ในรายละเอียดของการลงทุนในพื้นที่ EEC ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา จะพบว่าการขยายตัวการลงทุนจะกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล รวมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค และจากวิกฤติโควิดและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ส่งผลต่อการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ เดินหน้าเร่งปรับองค์กรให้มีความยืดหยุ่น และโดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการผลิต รวมทั้งการจัดการองค์กรภายในเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ภาพรวม ทำให้ธุรกิจต้องการแรงงานที่มีคุณสมบัติที่ต่างไปจากเดิม  

ธุรกิจหลายแห่งพยายามเร่งพัฒนาทักษะแรงงานเดิมให้ Upskill-Reskill sin ปรับความชำนาญ (Re-skill) ให้รองรับเทคโนโลยีใหม่และรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม นับว่าเป็นปรับอย่างรุนแรงในโครงสร้างด้านอุปสงค์ของแรงงานมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

สำหรับด้านสมรรถนะภาพของแรงงานในอนาคตในอุตสาหกรรมเป้าหมายใน EEC ก็เหมือนกับสมรรถนะแรงงานที่เป็นคุณสมบัติในฝันของของผู้ประกอบการในทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรมต้องการในสภาพแวดล้อมทุกด้านถูกกฎหมายเชื่อถือได้ ไม่ว่าเทคโนโลยี สังคม ธุรกิจ และผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั้นก็คงเหมือน ๆ กัน และตามที่ UN และหน่วยงานระดับโลกต่าง ๆ เคยสรุปไว้ ซึ่งคล้าย ๆ กัน คือ มีวินัย (Discipline) ความมุ่งมั่น (Persistence) ยืดหยุ่น (Flexibility) เรียนรู้ตนเอง (Self-learning) การทำงานร่วมกับคนอื่น (Teamwork) การสื่อสาร (Communication) และการปรับตัว (Agile) รวมถึงทัศนคติส่วนตัวต่อการทำงานทั้งหมด ก็จะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดของแรงงานในอนาคตสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย

ผมเห็นโครงการต่าง ๆ ของคณะกรรมการนโยบาย EEC ที่ร่วมมือกับสถานการศึกษา สถาบันวิชาชีพ ผู้ประกอบการและหน่วยงานต่าง ๆ ที่ดูเหมือนจะครบถ้วนและสมบูรณ์พอควรแต่ที่เป็นห่วงก็คือการพัฒนาสมรรถนะของแรงงานที่จะสอนกันเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนวิชาชีพ ทักษะงานทั่วไปไม่ได้ ผมเห็นความพยายามของหน่วยงานภาคการศึกษาพยายามออกแบบการอบรม การเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาเพื่อสร้างสมรรถนะเหล่านี้ ซึ่งผมว่าก็ได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น คุณสมบัติเหล่านี้ต้องเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในใจ ในสมอง ในทัศนคติ จนกลายเป็นสันดาน และแรงงานในฝันในอนาคตก็ต้องมีสันดานที่ดีเหล่านี้ในตัว สิ่งเหล่านี้ต้องถูกฝึกฝน บ่มอบรม พร่ำสอนทุกวินาทีจาก ครอบครัว เพื่อน ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขา รวมถึงกฎหมาย ระเบียบ

เราเคยแปลกใจมั้ยครับว่าทำไมเวลาเราไปอยู่ต่างประเทศ เวลาข้ามถนนเราถึงข้ามทางม้าลายหรือที่ให้ข้าม แต่พออยู่ในเมืองไทย เรากลับข้ามได้ตามใจชอบหากคิดว่าตำรวจไม่เห็น หรือพวกเราที่อยู่เมืองนอก เวลาประท้วงหรือมีม๊อบ ก็ไปขออนุญาตหน่วยงานที่ดูแลแล้วทำตามที่เขากำหนด เช่น ยืนในที่ที่เขากำหนดหรือเดินทางที่ระบุ ประเภทตะลอนหรือไปที่ไหนตามใจชอบไม่มีให้เห็น และในการทำงานก็เหมือนกัน การมาสาย เลิกงานก่อน ข้ามาคนเดียว ความรู้เต็มแก้ว หรือกูรู้คนเดียว มีให้เห็นน้อยมากเมื่อเราทำงานในบางแห่ง แต่เรื่องเหล่านี้กลับกลายเป็นหลังมือในบางแห่ง

คำถามเหล่านี้หากมองผ่านการพัฒนาบุคลากรในเมืองแห่งอนาคต EEC ก็นับว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก ซึ่งมากกว่าการพัฒนาทักษะทางเทคนิค (Skills) เพราะหลายเรื่อง หลายอย่างต้องขุดลงไปลึกเกินกว่า "นิสัย" ของคนนั้น ๆ และไม่ได้สอนกันง่าย ๆ และใช้เวลาสั้น ๆ รวมถึงความเข้มแข็งของกฎ ระเบียบ กติกา และแรงจูงใจ

ดังนั้นความสำเร็จของ EEC ในการชักจูงการลงทุนนั้นจำต้องมีการวางแผนการพัฒนา "แรงงานแห่งอนาคต" ให้ครบทั้งในเรื่อง Multi-skill รวมไปถึงการสร้างสมรรถนะสำหรับแรงงานสำหรับศตวรรษที่ 21 ให้ได้ มิเช่นนั้น เราก็ยังมีคำถามเกี่ยวกับการขาดแคลนแรงงานอยู่ร่ำไป แต่คราวนี้ไม่ใช่การขาดแคลนจำนวนแรงงานและวิชาชีพเฉพาะเท่านั้น แต่ขาดแคลนแรงงานคุณภาพและสมรรถนะในมิติของการแข่งขันในอนาคต
#6189


นับจากวันลงนามสัญญา 19 มิ.ย.2563 เป็นระยะเวลากว่า 1 ปี สำหรับโปรเจคร่วมลงทุน "โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก" ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จํากัด หรือ UTA

ในช่วงที่ผ่านมา UTA ได้ดำเนินงานตามแผนอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะเวลา 1 ปี หลังลงนามสัญญานั้นได้จัดทำแผนแม่บท (มาสเตอร์แพลน) การพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และล่าสุดในเดือน มิ.ย.2564 ได้ยื่นมาสเตอร์แพลนให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) พร้อมลงสำรวจพื้นที่รอเริ่มงานก่อสร้าง

วีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA เปิดเผยว่า สนามบินอู่ตะเภาขณะนี้การออกแบบคืบหน้าไปไกลพอสมควร นับจากเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ได้ยื่นมาสเตอร์แพลนให้ กพท. ซึ่งในปัจจุบันก็ไม่ได้รอแบบโดยไม่ทำอะไร และได้มีการลงพื้นที่เพื่อวัดระดับเตรียมพร้อมแล้ว เมื่อการออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ รวมทั้งยืนยันว่าพร้อมดำเนินการก่อสร้างทันที

ส่วนการพัฒนา "โครงการแอร์พอร์ตซิตี้" เป้าหมายจะไม่ได้เป็นแค่เมืองอุตสาหกรรม แต่จะเป็นไลฟ์สไตล์ซิตี้ ตอบโจทย์การใช้งานครบถ้วน โรงแรม ร้านอาหาร ศูนย์การค้า สิ่งอำนวยความสะดวก และสมาร์ทซิตี้ อีกทั้งจะเป็น "เมืองแห่งการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด" (Cashless) เป็นเมืองดิจิทัล ซึ่งจะทยอยพัฒนาบนพื้นที่ 1 พันไร่ ด้วยงบประมาณการลงทุนหลายแสนล้านบาท

อย่างไรก็ดี UTA ประเมินว่า การลงทุนในระยะ 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นแผนลงทุนเฟสแรก สนามบินอู่ตะเภาต้องรองรับผู้โดยสาร 15 ล้านคนตามเป้าหมาย คาดว่าใช้งบประมาณราว 5 หมื่นล้านบาท และหากรวมการพัฒนาแอร์พอร์ตซีตี้ควบคู่กันไปด้วยนั้น คาดว่าในเฟสแรกต้องใช้งบประมาณเกิน 1 แสนล้านบาท และเป้าหมายการลงทุนต่อเนื่องเพื่อรองรับผู้โดยสาร 60 ล้านคน ด้วยงบประมาณราว 2 แสนล้านบาท ตลอดระยะสัมปทาน 50 ปี

"เราประเมินว่าเมืองการบินคาดสร้างจีดีพี 2.6 แสนล้านต่อปี ในปีที่ 10 ดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่าย 1.3 แสนล้านต่อปี และยังกระจายการท่องเที่ยวไปสู่ภูมิภาค กระจายนักท่องเที่ยวทำให้เจริญอย่างทั่วถึง และสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาไม่ได้ดึงนักลงทุนและต่างชาติ เรายังมีเป้าหมายตอบโจทย์คนไทยทุกคน ที่เราจะสร้างสถานที่ท่องเที่ยว และสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อทำให้คนไทยมองว่าได้ประสบการณ์ท่องเที่ยวได้ในประเทศ ลดเงินไหลออกอีกปีละ 6,000 ล้านบาท รวมสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 4.5 แสนล้านบาทต่อปี"

อีกทั้งเมืองการบินจะเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางทั้งคนและสินค้า ซึ่งจะทำให้นิคมอุตสาหกรรมทั้งหลายขยายการเติบโตไปได้ โดยเชื่อว่าแรงสนับสนุนจากการขนส่งที่ไร้รอยต่อนี้ รวมทั้งจะผลักดันให้จีดีพีไทยเติบโต 20% ช่วยประเทศ 3.7 ล้านล้านบาท และยังไม่รวมการสร้างงานอีกหลายแสนคน

ไลฟ์สไตล์ แอร์พอร์ต ต้นแบบพัฒนา "อู่ตะเภา"

ส่วนอุปสรรค คือ โจทย์ในการดึงดูดการขนส่งและการท่องเที่ยว ซึ่งจะดำเนินการอย่างไรให้สายการบินเลือกสนามบินอู่ตะเภาเป็นจุดบิน เพื่อดึงเอาสินค้าและนักท่องเที่ยวมาด้วย โดยขณะนี้ UTA กำลังมองถึงการผลักดันเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มนักลงทุน ในด้านอุตสาหกรรม โดยจะพัฒนาที่นี่ให้เป็นสนามบินและแอร์พอร์ตซิตี้ 24 ชั่วโมง เป็นเมืองที่ใช้ชีวิตได้ 24 ชั่วโมงอย่างปลอดภัยเป็นเมืองไลฟ์สไตล์ ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มโลจิสติกส์และกลุ่มท่องเที่ยว

"เรามีคอนเซ็ปต์สร้างสนามบินที่แทรกความเป็นไทย มีความอาร์ตอยู่ในตัว จะเป็นสตรีทอาร์ต และมีความสนุกเป็นกันเอง มีสีสัน ทำให้มาแต่ละครั้งไม่เหมือนเดิม ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น เป็นประสบการณ์ที่สดและหลากหลาย พร้อมทั้งกระจายไปพื้นที่อื่น ทำให้ทริปของนักท่องเที่ยวยาวขึ้น เชื่อมโยงไปภูมิภาคและพื้นที่ท่องเที่ยวอื่น เป็นอีกโจทย์ที่เราต้องทำการบ้าน"

คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 เป็นผลต่อการลงพื้นที่ไปบ้าง แต่โครงการโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินงานไปตามแผน

ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย สกพอ.ตั้งเป้าว่า ในช่วงปลายปี 2564 สกพอ.จะเริ่มทำโรดโชว์ท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก รวมทั้งจะเปิดหน้าดินให้โครงการโครงสร้างพื้นฐานเริ่มงานก่อสร้าง โดยสัญญาว่าภายในปี 2564 จะเริ่มเห็นการเปิดหน้าดินเป็นเรื่องราวทั้งท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก รวมไปถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา)

"สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ถือเป็นหัวใจของอีอีซี ซึ่งขณะนี้ทราบว่าเอกชนอยู่ระหว่างทำแผนพัฒนา และมีการวางรูปแบบดีไซด์คอนเซ็ปต์สนามบินนี้อย่างน่าสนใจ เพราะทางทีมกำลังเสนอคอนเซ็ปต์ให้ที่นี่เป็นสนามบิน Entertainment and Art เพื่อโตเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค"

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ สกพอ.ประมาณการณ์ว่าในช่วงแต่ละปีหลังจากนี้ อีอีซีจะดึงเม็ดเงินลงทุนได้ 3-4 แสนล้านบาทต่อปี เพื่อผลักดันผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ให้ขยายตัว 5 ดังนั้นอีอีซีในระยะข้างหน้าต้องเพิ่มการลงทุนมากกว่า 1.7 ล้านล้านบาท โดยแผนที่ สกพอ.จะทำ ส่วนหนึ่งมาจากการขับเคลื่อนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และจะมีการสร้างเมืองใหม่ เพื่อทำให้เม็ดเงินลงทุนที่ตอนนี้มีจากโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนจากบีโอไอ 8 แสนล้าน จะเพิ่มเข้ามาอีกปีละ 2 แสนล้าน

สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มีมูลค่าการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนประมาณ 200,000 ล้านบาท มีกำหนดเปิดบริการในปี 2568
 
#6190
อย่าเพิ่งยิงแอด ถ้ายังไม่เรียน คอร์สออนไลน์ 98 บาท
#6191


กรุงไทย-กสิกร เสนอขายหุ้นกู้ "CPFTH"ชูดอกเบี้ยสูงสุด 3.7% ให้นักลงทุนรายใหญ่ ครั้งแรกในไทยทำรายการผ่านช่องทางออนไลน์ถูกกฎหมายเชื่อถือได้หรือทางโทรศัพท์บันทึกเสียง 100%เริ่ม 20-22 ก.ย.นี้ ไม่มีการจองผ่านสาขา

บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CPFTH บริษัทย่อยของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF  เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ จำนวน 3 รุ่น มูลค่ารวมไม่เกิน 15,000 ล้านบาท ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 6 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.50% ต่อปี อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.18% ต่อปี และอายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.70% ต่อปี

 ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A+ จาก ทริสเรทติ้ง โดยมีธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย คาดว่าจะเสนอขายภายในวันที่ 20 - 22 กันยายน 2564 นี้ ทั้งนี้เป็นการเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนรายใหญ่ ครั้งแรกในประเทศไทยที่ทำรายการผ่านช่องทางออนไลน์หรือทางโทรศัพท์บันทึกเสียง 100% ไม่มีการจองซื้อผ่านสาขา

CPFTH เป็นหนึ่งในผู้นำในเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารในประเทศไทย มีความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค ด้วยกระบวนการผลิตที่ทันสมัยได้มาตรฐานระดับสากล พร้อมไปกับการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมรอบด้านและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพดำรงไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่ดี


CPFTH ผนึก"กรุงไทย-กสิกร"ขายหุ้นกู้ออนไลน์ให้ผู้ลงทุนรายใหญ่1.5หมื่นล.
CPFTH ผนึก"กรุงไทย-กสิกร"ขายหุ้นกู้ออนไลน์ให้ผู้ลงทุนรายใหญ่1.5หมื่นล.

นายไพศาล จิระกิจเจริญ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน  CPF เปิดเผยว่า ธุรกิจของ CPFTH มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทให้ความสำคัญด้านประสิทธิภาพการผลิต การตลาด และกระบวนการทำงาน รวมทั้งการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยบริษัทมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิตัลเข้ามาเป็นเครื่องมือในการทำงาน

 

เช่น AI หรือปัญญาประดิษฐ์ บิ๊กดาต้า ตลอดจนระบบอัตโนมัติ มาใช้ในการยกระดับและเชื่อมโยงกระบวนการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งช่วยทั้งประสิทธิภาพธุรกิจและสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าพร้อมไปกับการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 บริษัทจึงได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทย  ในการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ผ่านระบบออนไลน์เพื่อความปลอดภัยของผู้สนใจการลงทุน

CPFTH ผนึก"กรุงไทย-กสิกร"ขายหุ้นกู้ออนไลน์ให้ผู้ลงทุนรายใหญ่1.5หมื่นล.
CPFTH ผนึก"กรุงไทย-กสิกร"ขายหุ้นกู้ออนไลน์ให้ผู้ลงทุนรายใหญ่1.5หมื่นล.

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของธนาคารกรุงไทย จึงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทฯ ให้นำระบบจองซื้อหลักทรัพย์ออนไลน์ "Money Connect by Krungthai" มารองรับการเสนอขายหุ้นกู้ CPFTH สำหรับนักลงทุนรายใหญ่เป็นครั้งแรกของธนาคาร โดยผู้ลงทุนรายใหญ่สามารถจองซื้อและชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ 100% โดยไม่มีการจองซื้อผ่านสาขาเพื่อลดการเดินทางและความเสี่ยงจากการระบาดของไวรัส COVID-19 โดยลูกค้าธนาคารสามารถจองซื้อหุ้นกู้ผ่านระบบจองซื้อหลักทรัพย์ออนไลน์ Money Connect by Krungthai บนแอปพลิเคชัน Krungthai Next หรือเว็ปไซต์ https://moneyconnect.krungthai.com/ ที่มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย  จองซื้อได้ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ธนาคารคาดว่าหุ้นกู้ CPFTH จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างล้นหลาม ด้วยความแข็งแกร่งขององค์กร และศักยภาพการเติบโตของธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ทำให้ได้รับผลกระทบน้อยจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

CPFTH ผนึก"กรุงไทย-กสิกร"ขายหุ้นกู้ออนไลน์ให้ผู้ลงทุนรายใหญ่1.5หมื่นล.
CPFTH ผนึก"กรุงไทย-กสิกร"ขายหุ้นกู้ออนไลน์ให้ผู้ลงทุนรายใหญ่1.5หมื่นล.

นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าธนาคารกสิกรไทยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของช่องทางออนไลน์  สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ CPFTH ในครั้งนี้ เป็นการเปิดขายผ่านระบบออนไลน์และโทรศัพท์บันทึกเสียง 100%  โดยลูกค้าที่สนใจสามารถจองซื้อหุ้นกู้ CPFTH ได้ที่ เว็ปไซต์ www.kasikornbank.com/kmyinvest และชำระเงินผ่าน K PLUS ได้ตลอด 24  ชั่วโมง ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทยมั่นใจว่า หุ้นกู้ CPFTH จะเป็นหุ้นกู้ที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนรายใหญ่และผู้ลงทุนสถาบันเหมือนเช่นที่ผ่านมา และปี 2564 ธนาคารกสิกรไทยขึ้นเป็นผู้นำด้านการจองซื้อหลักทรัพย์ผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยสถิตินักลงทุนบุคคลที่จองซื้อหลักทรัพย์ผ่านเว็ปไซต์ K-My Invest มากกว่า 80%

สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นกู้ของ CPFTH สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อธนาคารกรุงไทย  โทร. 02-111-1111 ธนาคารกสิกรไทย โทร. 02-888-8888 กด 819
#6192
ขายที่ดินริมหาดส่วนตัว ติดทะเลหาดสะพลี [ปะทิว] ชุมพร แบ่งขาย 6ลบ.โทร 083-7124115
#6193


ธุรกิจขายตรง จะโตต่อในโลกอนาคต ต้องปรับตัวรอบด้าน ทั้งผสาน "ดิจิทัล" เสริมแกร่ง Personal Touch หัวใจเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ขณะครึ่งปี 64 ตลาด 70,000 ล้าน หดตัว 5% เหตุกำลังซื้อลูกค้าหดตัว
โรคโควิด-19 ระบาดเกือบ 2 ปี สร้างความเสียหายให้ธุรกิจมหาศาล และต้องปรับตัวเพื่อพ้นวิกฤติ แต่อีกหนึ่งตัวแปรที่ยังไม่หายไปคือ "ดิจิทัล ดิสรัปชั่น" เพราะไม่เพียงโรคระบาดทำให้ "ดิจิทัล"ทรงพลังมากขึ้น ยังเร่งให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ธุรกิจต้องทรานส์ฟอร์ม นำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้เคลื่อนธุรกิจ

"ธุรกิจขายตรง" ได้รับผกกระทบจาก 2 ตัวแปรข้างต้น เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ทำให้ภาพรวมตลาดหดตัว ต้องปรับตัวรับบริบทโลก การตลาดที่เปลี่ยนไป โดย กิจธวัช ฤทธีราวี ​นายกสมาคมการขายตรงไทย ฉายภาพรวมธุรกิจขายตรงในประเทศไทยปี 2563 หดตัวราว 1% ทว่า ครึ่งปีแรก 2564 ตลาดติดลบหนักขึ้นที่ 5% จากมูลค่าประมาณ 70,000 ล้านบาท

สาเหตุที่ฉุดตลาดให้ดิ่งลง เนื่องจากโรคระบาดส่งผลต่อ "กำลังซื้อของผู้บริโภค" ให้ลดน้อยถอยลง และการเลือกซื้อสินค้าและบริการในช่วงวิกฤติต้องโฟกัส "สินค้าจำเป็น" ลำดับแรก

ท่ามกลางธุรกิจขายตรงไทยหดตัว แต่ตลาดระดับโลก กลับเติบโตสวนทางที่ 5.8% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.79 แสนล้านดอลลาร์ มีนักธุรกิจอิสระทั่วโลกกว่า 125 ล้านราย เติบโต 4.3% ปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อตลาด เพราะประเทศสำคัญ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐฯ ปรับตัวได้เร็วในการผลักดันยอดขาย "สินค้าเพื่อสุขภาพ" เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคที่ตระหนักเรื่องสุขภาพมากขึ้น หลังเผชิญโควิด-19 นั่นเอง กลับกันสินค้าในหมวดความงามหรือบิวตี้ แผ่วลงตามสถานการณ์

โจทย์ใหญ่ "ขายตรง" อยู่รอด  ดึงพลัง "ดิจิทัล" เสริมธุรกิจ

"ย้อนไป 10 ปี ธุรกิจขายตรงมีการเติบโตสูงมากเฉลี่ย 7% แต่ตอนนี้ตลาดเข้าสู่ภาวะอิ่มตัวไปบ้าง ถือเป็นปกติของวัฏจักรที่อาจมีติดลบบ้าง"

ขณะที่จำนวนนักธุรกิจ ยังคงเข้าออกหมุนเวียนกันไป ปัจจุบันทั้งประเทศมีประมาณ 11 ล้านราย บางบริษัทมีนักธุรกิจใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น 5-10% แต่ที่น่าสนใจคือจำนวนคนที่ออกจากธุรกิจ มีอัตราขยายตัวเท่ากัน สะท้อนถึงภาวะ "ทรงตัว"

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลก ธุรกิจขายตรงในอนาคตต้องเผชิญความท้าทายอีกมาก หากต้องการเติบโต โดย กิจธวัช วิเคราะห์ว่า การปรับตัวต้องให้ความสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1.การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้องไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย ซื้อง่าย "ราคา" จับต้องได้ และสินค้าสุขภาพมาแรง 2.การสร้างแบรนด์ ทำการตลาดต่างๆ หมดยุคทุ่มงบประมาณ 30 หรือ 50 ล้านบาท ซื้อสื่อโฆษณาทางทีวี เพราะ "ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่" ไม่ดูทีวีแล้ว แบรนด์ยังต้องสร้างตัวตนที่แท้จริงถูกกฎหมายเชื่อถือได้ จริงใจในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และ 3.แพลตฟอร์ม สิ่งที่ผู้ประกอบการ นักธุรกิจขายตรงต้องอยู่ให้ได้คือการนำเอกลักษณ์ด้าน Personal touch หรือเจอผู้บริโภคแบบตัวต่อตัวในการขายสินค้า ผสานกับ "ดิจิทัล" เพิ่มศักยภาพการทำตลาด ขายสินค้า

"Personal touch เป็นหัวใจของธุรกิจขายตรง ต้องผสานกับดิจิทัล ไม่เช่นนั้นการขายสินค้าจะไม่แตกต่างกับอีคอมเมิร์ซทั่วไป เราต้องดูแลทั้งเส้นทางการซื้อของผู้บริโภค(Journey) ตั้งแต่สั่ง จนถึงส่งสินค้าปลายทาง(Last mile)"

เมื่อการเปลี่ยนแปลงตลาด เทรนด์ใหม่ๆเกิดขึ้นตลอด ธุรกิจขายตรงต้องอัพเดทสถานการณ์ ซึ่งปี 2564 โอกาสดีที่ งานประชุมสมาพันธ์การขายตรงโลก ครั้งที่ 16 จะจัดขึ้นในประเทศไทยระหว่าง 6-7 ตุลาคมนี้ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จึงต้องปรับรูปแบบการจัดงานภายใต้สถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด โดย สุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานจัดงานประชุมสมาพันธ์การขายตรงโลก ครั้งที่ 16 กล่าวว่า เดิมงานขายตรงโลก จะจัดขึ้นปี 2563 แต่ต้องเลื่อนมาเพราะพิษโควิด

โจทย์ใหญ่ "ขายตรง" อยู่รอด  ดึงพลัง "ดิจิทัล" เสริมธุรกิจ

สำหรับการจัดงานประชุมสมาพันธ์การขายตรงโลกที่ไทยภายใต้แนวคิด Tomorrow is Now ยังเป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนจากออฟไลน์เป็น "ออนไลน์" และเปิดโอกาสให้นักธุรกิจอิสระเข้าร่วมงานได้ จากปกติต้องจัดสรรงบประมาณก้อนโต เพื่อส่งตัวแทนเพียงไม่กี่คนเดินทางไปยังประเทศต่างๆ จึงคาดการณ์ปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมงาน 2,000-3,000 ราย จาก 60 ประเทศทั่วโลก

ส่วนไฮไลท์ของงานปีนี้ มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายวงการ ทั้งขายตรง เทคโนโลยี มาแสดงวิสัยทัศน์ ฉายแนวโน้มธุรกิจ เทรนด์ต่างๆ รวมถึงโอกาสและความท้าทายในอนาคต เช่น มาร์ค เบนิออฟ (Mr. Marc Benioff) ซีอีโอจาก Salesforce ที่เป็นบริษัทซอฟท์แวร์ระดับโลก เฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย ผู้บริหารจากดีเอชแอล(DHL) และ มุกพิม อนันตชัย ผู้บริหารจากยูทูป(YouTube) แพลตฟอร์มดิจิทัลยักษ์ใหญ่ เป็นต้น

"เน้นเนื้อหาการปรับตัว เพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจขายตรงให้เติบโตต่อในยุคใหม่ท่ามกลางกระแสดิจิทัล และแนวคิด Tomorrow is Now เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็วจนไม่มีวันพรุ่งนี้"
#6194


Maxime Bernier หัวหน้าพรรค "People's Party" ที่เติบโตอย่างรวดเร็วของแคนาดา ได้ยืนยันว่าเขาสนับสนุน Bitcoin และ cryptocurrency space เพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติในประเทศ ซึ่งเขาเรียก Bitcoin ว่าเป็นวิธีที่ "ใหม่และสร้างสรรค์" ในการต่อต้านธนาคารกลาง

Bernier เปิดเผยความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับซื้อหวยออนไลน์ Bitcoin ในทวีตเมื่อต้นสัปดาห์นี้ หลังจากที่หลายคนถามเขาว่าเขาสนับสนุนสินทรัพย์และเหรียญทางเลือกอื่นๆ หรือไม่ "แน่นอน ฉันทำได้" เขาตอบ

"ฉันเกลียดที่ธนาคารกลางทำลายเงินและเศรษฐกิจของเรา ฉันเป็นแฟนตัวยงของทองคำและเงินแบบเก่า แต่คริปโตเป็นอีกวิธีใหม่และเป็นนวัตกรรมในการปฏิวัติกับสิ่งนี้ที่ควรได้รับการสนับสนุน"

อย่างไรก็ตามสิ่งนี้สอดคล้องกับความคิดเห็นอื่นๆ จาก Bernier การประณามระบบการเงินในปัจจุบันและอัตราเงินเฟ้อของปริมาณเงินโดยเมื่อวานนี้เขาวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด จากการใช้ "คีนีเซียน แอพพารัทชิก" ในทางที่ผิดที่ธนาคารแห่งประเทศแคนาดา โดยพิมพ์เงินเพื่อเป็นทุนใน "การขาดดุลมหาศาล" ของเขา

ขณะเดียวกันอีกทางหนึ่ง เครือข่าย Bitcoin มีอุปทานคงที่อยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ ดังนั้นจึงมักได้รับการขนานนามว่าเป็นวิธีแก้ปัญหานโยบายการเงินที่เฟ้อโดยสมาชิกของชุมชน

ขณะที่ในทวีตของ Bernier ได้รับการตอบรับมากมายควบคู่ไปกับการสนับสนุนจากผู้ที่ชื่นชอบ Bitcoin แม้ว่าบางคนสนับสนุนให้เขาก้าวไปอีกขั้นโดย Stephan Livera กรรมการผู้จัดการของ SwanBitcoin ตอบโต้ Bernier โดยโต้แย้งว่า Bitcoin เหนือกว่าทองคำและเป็น "โอกาสเดียว" ที่แคนาดามี

ทั้งนี้ "พรรคประชาชน" ของเบอร์เนียร์ ที่มีนโยบาย "ประชานิยม อนุรักษ์นิยมแบบคลาสสิก และเสรีนิยม" ด้วย "ความมุ่งมั่นแน่วแน่ในการลดขนาดอำนาจของรัฐบาล" ตามที่มีการรายงานบนเว็บไซต์ แม้ว่าขณะนี้พวกเขาจะไม่มีที่นั่งในรัฐสภา แต่จากผลสำรวจคาดการณ์ว่าพวกเขาอาจจะสามารถชนะคะแนนเสียงได้ถึง 6.1% ในการเลือกตั้งระดับรัฐบาลกลางซึ่งจะมีขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์