• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Joe524

#6166


นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) วันที่ 21-22 กันยายนนี้ หาก Fed ส่งสัญญาณลดการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) รวมถึงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยแรงในปี 2567 ต่อเนื่องจากที่เคยส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2566 อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนได้ 

ดังนั้น เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน ในช่วงนี้ธนาคารทิสโก้ได้แนะนำให้ลูกค้ามั่งคั่งสูง ทยอยซื้อหวยออนไลน์เพิ่มน้ำหนัก และกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีจากการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรกว่า 70% อีกทั้งนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายกว่าสหรัฐฯ รวมทั้งราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ และสหภาพยุโรปยังอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง  


"เมื่อ Fed ส่งสัญญาณเดินหน้านโยบายการเงินที่เข้มข้น ย่อมส่งผลให้เงินลงทุนจะไหลเข้าไปหาตลาดหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น ซึ่งธนาคารทิสโก้มองว่าตลาดหุ้นยุโรปน่าจะได้รับอานิสงส์นี้ เพราะเศรษฐกิจยุโรปเริ่มทยอยฟื้นตัวจากการคลาย Lockdown ในหลายประเทศ และประชากรกว่า 70% หรือประมาณ 250 ล้านคนได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว รวมถึงนโยบายการเงินยังคงผ่อนคลายกว่าในสหรัฐฯ โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์ PEPP 1.85 ล้านล้านยูโร ซึ่งจะครบกำหนดเดือน มีนาคม 2565 อีกทั้งยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำไปจนถึงต้นปี 2566" นายณัฐกฤติกล่าว 

นอกจากนี้ หากประเมินมูลค่าระหว่างตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ พบว่า Forward P/E ของยุโรป (Stoxx600) อยู่ที่ระดับ 16 เท่า ต่ำกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500) ที่อยู่ระดับ 22 เท่า ทำให้ค่าส่วนต่างระหว่าง Forward P/E ของยุโรปและสหรัฐฯ ต่างกันถึง 35% ซึ่งเป็นระดับที่มากที่สุดในรอบ 10 ปี อีกทั้ง บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรปก็มีมีโอกาสเติบโตดี สะท้อนจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น Stoxx600 ที่ประกาศออกมาในไตรมาส 2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงกว่า 240% เมื่อเทียบกับปีก่อน 


ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มหุ้นที่มีความโดดเด่นในตลาดหุ้นยุโรป และธนาคารแนะนำให้ทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนได้แก่ หุ้นในกลุ่ม "New Economy" เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสังคมดิจิทัล เนื่องจากในปี 2563 ที่ผ่านมา สหภาพยุโรปได้ผ่านร่างงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ (EU Recovery Fund) วงเงิน 1.82 ล้านล้านยูโร ซึ่งเป็นวงเงินที่สูงที่สุดที่เคยทำข้อตกลงร่วมกัน เพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติสมาชิกจากผลกระทบวิกฤต COVID-19 โดยในวงเงินจำนวนนี้มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ เน้นใช้เงินไปกับการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ (Green Deal) กว่า 30% และอีก 20% ใช้สำหรับเปลี่ยนแปลงยุโรปเข้าสู่สังคมดิจิทัล (Digital EU) ที่จะเปลี่ยนให้ยุโรปเติบโตไปกับ New Economy และผลักดันให้เกิดการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) 

นายณัฐกฤติกล่าวอีกว่า ปัจจุบันยุโรปนับว่าเป็นกลุ่มประเทศที่รวมธุรกิจด้าน Green Energy ยักษ์ใหญ่มากที่สุดในโลก โดย 10 บริษัทด้าน Green Energy ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้นยุโรปมากถึง 8 บริษัท เช่น ผู้นำด้านพลังงานลมและแสงอาทิตย์อย่างบริษัท Orsted และ Vestas Wind จากประเทศเดนมาร์ค อีกทั้งสภาพยุโรปยังมีนโยบายเปลี่ยนรถบนถนนให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 30 ล้านคันภายในปี 2573 โดยบริษัทมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในยุโรปอย่างบริษัท Volkswagen (VW) คาดการณ์ว่ายอดขายรถ Battery Electric Vehicle (BEV) ของ  Volkswagen ทั่วโลกจะสูงกว่า TESLA ภายในปี 2565 นอกจากนี้ภายในปี 2568 สภาพยุโรปตั้งเป้าจะเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว  

 ในส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลในยุโรปก็มีโอกาสเติบโตได้อย่างโดดเด่น ตามการเข้าสู่สังคมดิจิทัลของยุโรป โดยในช่วงที่ผ่านมามี Platform และ E-commerce เกิดขึ้นใหม่หลายบริษัท เช่น บริษัท HelloFresh ของประเทศเยอรมนี ที่ให้บริการจัดส่ง Meal Kits ชุดอาหารพร้อมปรุงที่มีวัตถุดิบต่างๆ มาให้ลูกค้าปรุงเองที่บ้าน โดยมีฐานลูกค้าครอบคลุม 14 ประเทศทั่วโลก ได้จัดส่งชุด Meal Kits มากกว่า 600 ล้านชุด ซึ่งในปี 2563 สร้างรายได้สูงกว่า 3,749 ล้านยูโร เติบโตกว่า 107% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และบริษัทคาดว่าในปี 2564 รายได้จะเติบโตประมาณ 35-45% 
#6167


มหาสารคาม - ผอ.สารคามพิทยาคมเผยสถานการณ์ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 นักเรียนต้องออกจากระบบการศึกษามากถึง 20% เมื่อเรียนออนไลน์ เนื่องจากครอบครัวมีกำลังทรัพย์ไม่พอที่จะสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการเรียน แนะใช้บริการเว็บไซต์ Thailand Learning เป็นตัวช่วยพื่อให้เรียนรู้ได้เท่าทัน ทั้งยังเป็นการศึกษาตลอดชีวิต

นายนิพนธ์ ยศดา ผู้อำนวยการโรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม ได้เปิดเผยว่า "ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ได้ส่งผลกระทบต่อเด็กนักเรียนในภาคอีสานหรือเด็กทั่วประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องการจัดการเรียนการสอน ซึ่งได้เปลี่ยนจากเรียนออนไซต์ คือนั่งเรียนในห้องเรียน มาเป็นรูปแบบเรียนออนไลน์ เด็กนักเรียนไม่ต้องเดินทางไปโรงเรียน ในฐานะตนเป็นผู้บริหารของโรงเรียนพบว่ามี 3 ประเด็นหลักที่น่าสนใจ คือ

1) กรณีนักเรียนกับผู้ปกครอง พบว่ามีเด็กจำนวนประมาณ 20% ที่จะต้องออกจากระบบไป เพราะมีปัญหาไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ไวไฟ (Wi-Fi) รวมถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือสมาร์ทโฟนต่างๆ เมื่อได้สอบถามผู้ปกครองหลายรายก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีรายได้ ทำให้ไม่มีเงินไปเติมค่าเน็ตให้ลูกหลานได้บ่อยๆ บางครอบครัวก็มีมือถือสมาร์ทโฟนใช้เพียงเครื่องเดียว ขณะที่มีลูกอยู่ในวัยเรียนมากกว่า 1 คน จึงเป็นเรื่องลำบาก

ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทางโรงเรียนได้พยายามหาทางแก้ไขโดยการจัดซื้อให้นักเรียน แต่ก็ติดขัดในเรื่องกฎระเบียบของทางกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงการอนุญาตให้นักเรียนเข้ามาใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในโรงเรียน แต่ก็มีปัญหาในเรื่องความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงทำให้เด็กนักเรียนมีปัญหาดังกล่าว ต้องออกไปจากระบบโดยปริยายอย่างน่าเสียดาย

2) ครูและอาจารย์ผู้ฝึกสอนขาดความรู้และทักษะการสอนผ่านอุปกรณ์ออนไลน์ จึงทำให้เป็นเรื่องยากเพราะไม่คุ้นเคย สุดท้ายจึงทำได้แค่สั่งให้เด็กทำการบ้านมาส่ง โดยไม่มีการอธิบายอย่างละเอียดและลึกซึ้ง และ 3) หน่วยงานต้นสังกัด หรือทางกระทรวงฯ คิดไม่ทันในเรื่องการบริหารจัดการ โดยเฉพาะในเรื่องกฎระเบียบการจัดซื้อพัสดุที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อจะได้สามารถนำเงินมาซื้ออุปกรณ์ให้นักเรียนได้ใช้อย่างทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม นายนิพนธ์กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นข้างต้น ปัจจุบันทางโรงเรียนฯ ได้มีการส่งเสริมช่องทางการเรียนรู้ใหม่ คือแนะนำให้นักเรียนเข้าไปใช้บริการที่เว็บไซต์ www.thailandlearning.org ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรวบรวมแหล่งเรียนรู้ออนไลน์จากทั่วโลก ที่ทางมูลนิธิเอเชียประจำประเทศไทย ร่วมกับสถานทูตออสเตรเลียได้จัดทำและพัฒนาขึ้น สามารถใช้บริการได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

"ที่ผ่านมาพบว่านักเรียนมีการตอบรับเป็นอย่างดี ทางคุณครูก็พอใจเพราะมีการแบ่งระดับ และสามารถนำมาใช้ประกอบในกิจกรรมการเรียนการสอนได้ โดยสิ่งที่อยากให้มีเพิ่มเติมก็คือเนื้อหาใน 5 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สังคม, ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพราะเป็นวิชาหลักที่เด็กไทยต้องใช้สอบเข้าสู่ในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป" นายนิพนธ์กล่าว

น.ส.เบญญาภา ยะเคหัง หรือน้องหญิง อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.4/16 โรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ชอบเข้าไปดู www.thailandlearning.org ในหมวดเว็บไซต์ทัศนศึกษาเป็นอย่างมาก ล่าสุดก็ได้เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums) ประเทศอิตาลี เพราะเป็นสถานที่ซึ่งยังไม่เคยไป สามารถเข้าไปเลือกดูได้ตามใจชอบ เหมือนเดินอยู่ในสถานที่จริง และมีข้อมูลให้ศึกษาครบถ้วน ส่วนใหญ่จะใช้เวลาช่วงเช้าประมาณ 1.30 ชั่วโมง ตอนเย็นใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง เพราะช่วงนี้ติดสถานการณ์โควิดจึงไม่สามารถไปไหนได้

"เนื้อหาจัดทำได้อย่างน่าสนใจมาก ถ้าได้เข้าไปดูแล้วไม่มีคำว่าน่าเบื่อ ตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้ อยากเชิญชวนให้เพื่อนๆ เข้ามาใช้บริการ เพราะเป็นการเปิดโลกทัศน์ ได้ท่องเที่ยว และยังสามารถนำมาปรับใช้กับการเรียนที่โรงเรียนได้อีกด้วยค่ะ"

ทางด้าน นายศุภกฤษฎิ์ ทะสูง หรือน้องทิว อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนสารคามพิทยาคมเช่นกัน กล่าวว่า ตนชอบวิชาวิทยาศาสตร์กับเลขคณิตมากเป็นพิเศษ ดังนั้นส่วนใหญ่จะเข้าไปดูที่เว็บไซต์เกี่ยวกับการทดลองวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เพื่อดูผลงานเก่าๆ ที่เคยมีผู้ทำไว้ จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูลหรือตัวอย่างสำหรับตัวเองในอนาคต โดยจะใช้เวลาเข้าไปดู www.thailandlearning.org วันละครึ่งชั่วโมง ช่วงตอนเย็นหลังทำการบ้าน นอกจากนี้ก็ยังมีเข้าไปดูในเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ต่อ และเล่นเกมฝึกสมองบ้างเล็กน้อย

"ในอนาคตผมมีความฝันอยากเป็นหมอ เพราะว่าการที่ได้ดูแลผู้ป่วยก็เหมือนกับการที่ผมได้ทำสิ่งดีๆ ให้คนอื่นโดยที่ไม่หวังผลตอบแทนครับ"

สำหรับผู้สนใจที่ต้องการความต่อเนื่องด้านการศึกษา, ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ นอกห้องเรียน และที่สำคัญคือ เป็นตัวช่วยในการศึกษาได้ตลอดชีวิต สามารถคลิกไปใช้บริการที่ www.thailandlearning.org ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
#6169


จีนกำลังบุกตะลุยแคมเปญสร้าง "คลื่นลูกใหม่ทางวัฒนธรรม" ซึ่งภาคบันเทิงตกเป็นเป้าใหญ่ในการกวาดล้างพฤติกรรมที่เลวร้ายเสื่อมศีลธรรมไปถึงขั้นผิดกฎหมาย ปีนี้เซเลบในแวดวงบันเทิงดาราดัง-ไอดอลถูกแบล็คลิสต์จากสารพัดเหตุอื้อฉาวเป็นข่าวฮือฮาแบบรัวๆโดยบทลงโทษในการลงดาบแรกก็คือขับออกจากวงการและตลาดภาคบันเทิงของแผ่นดิน ลบล้างชื่อและผลงานบนหน้าสื่อของประเทศ อาทิ กรณีดาราสาวคนดังเจิ้งส่วงที่ถูกเปิดโปงอื้อฉาว 'อุ้มบุญ' ตามด้วยการถูกสอบกรณีหนีภาษีและเพิ่งถูกสั่งปรับไปร่วม 300 ล้านหยวนในวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา กรณีดาราหนุ่มยอดฮิตจางเจ๋อฮั่น โดนแบล็คลิสต์ไปเมื่อกลางเดือนส.ค.จากเหตุ 'ลบหลู่จีน' (辱华) หลังจากที่โดนขุดภาพเก่าเมื่อสามปีที่แล้วตอนไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิในญี่ปุ่น กรณีอื้อฉาวคริส อู๋ หรืออู๋ อี้ฝาน ก็กำลังโดนสอบสวนข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวหลายคน....เป็นต้น

อนึ่ง ศาลยาสุคุนิ เป็นศาลเจ้าลัทธิชินโตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ลัทธิทหาร อีกทั้งเป็นที่สถิติดวงวิญญาณทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในสงครามรวมทั้งกลุ่มนายทหารที่ถูกศาลโลกตัดสินว่าเป็นอาชญากรสงคราม

หลังจากที่จีนลงดาบคว่ำบาตร เจ้า เวยเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2021  ผลงานการแสดงภาพยนตร์และซีรีส์ของเจ้า เวย ถูกลบออกจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรายใหญ่ของจีน เหี้ยน รวมทั้งซัรีส์สุดคลาสสิก อย่าง "องค์หญิงกำมะลอ" ที่เจ้าสวมบทเป็น "เสี่ยวเยี่ยนจื่อ" 
หลังจากที่จีนลงดาบคว่ำบาตร เจ้า เวยเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2021 ผลงานการแสดงภาพยนตร์และซีรีส์ของเจ้า เวย ถูกลบออกจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรายใหญ่ของจีน เหี้ยน รวมทั้งซัรีส์สุดคลาสสิก อย่าง "องค์หญิงกำมะลอ" ที่เจ้าสวมบทเป็น "เสี่ยวเยี่ยนจื่อ"

ในคืนวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา จีนเริ่มลงดาบ ซุปตาร์เศรษฐีนี 'เจ้า เวย' (赵薇) ชื่อ 'เจ้า เวย' ถูกลบออกจากผลงานภาพยนตร์ทั้งเครดิตผู้กำกับการแสดงหรือผู้อำนวยการสร้างฯ กลุ่มบริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจีนรายหลักๆ อย่างเช่น เทนเซนท์ (Tencent Video) อ้ายฉีอี้ (iQiyi) และโหยวคู่ (Youku) ต่างลบล้างซีรีส์ทีวีและภาพยนตร์ที่มีเจ้า เวย ร่วมแสดงฯกันในทันควัน รวมทั้งผลงานการแสดงคลาสสิคยอดฮิตตลอดกาล เรื่อง "องค์หญิงกำมะลอ" (还珠格格/ My Fair Princess)

กลุ่มสื่อโลกระบุว่าจีนคว่ำบาตรดาราสาวใหญ่ เจ้า เวย วัย 45 ปี ที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจใหญ่และเศรษฐีนีพันล้าน โดยไม่แจ้งพฤติกรรมความผิดที่ชัดเจน สาเหตุในการคว่ำบาตร เจ้า เวย ที่พูดถึงกันมากคือ เหตุ "ลบหลู่จีน" ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้วโดยเจ้า เวยสวมชุดเดรสที่มีแบบลวดลายเป็น 'ธงอาทิตย์อุทัย' ของกองทัพญี่ปุ่นถ่ายแบบลงนิตยสาร และเหตุสำคัญที่ทำให้จีนต้องการลงดาบเจ้า เวยนั้นยังอาจเกี่ยวพันไปถึง "แจ็ค หม่า" เจ้าของยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ช อาลีบาบา กรุ๊ป

ในสัปดาห์นี้ กลุ่มสื่อจีนอ้างอิงข้อมูลที่รวบรวมจากวงใน ระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้ซุ่มกรุยทางที่จะจัดการกับเจ้า เวย มานานแล้ว โดยการจัดการแบบยิ่งเงียบเท่าไหร่ก็หมายถึงว่าเบื้องหลังจะต้องเรื่องใหญ่หลวง หลังจากที่ทางการลงดาบขับเจ้า เวย ออกจากโลกออนไลน์จีน เพื่อนๆในวงการแม้แต่เพื่อนสนิทซี้ปึกอย่างหวงเสี่ยวหมิงก็ลบโพสต์ที่มีเนื้อหาพูดคุยและภาพถ่ายร่วมกับเจ้า เวย ออกในทันที ยิ่งทำให้ชาวเน็ตรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ชาวเน็ตจีนขุดคุ้ยเจาะลึกข้อมูลวงในและรวบรวม "ห้ากระทงความผิดใหญ่" ของเจ้า เวย โดยชี้ว่าแต่ละกระทงความผิดที่ว่านี้นักหนาพอที่จะผลัก เจ้า เวย ตกต่ำดั่งสำนวนจีนที่ว่า "หนูข้ามถนน" (过街老鼠) หมายถึง หนูสกปรกโสโครกบนถนนที่ใครมาพบเห็นเข้าก็ร้องยี้ด้วยความรังเกียจ ไล่ตีให้ตายหรือไม่ก็กระโดดหนี

เจ้า เวย สวมชุดเดรสลาย "ธงพระอาทิตย์อุทัย" ถ่ายแบบลงนิตยสารแฟชชั่นเมื่อปี 2001 สร้างกระแสโกรธในจีน ถึงขึ้นมีชายคนหนึ่งปาอุจจาระใส่ (ภาพ ซ้าย)
เจ้า เวย สวมชุดเดรสลาย "ธงพระอาทิตย์อุทัย" ถ่ายแบบลงนิตยสารแฟชชั่นเมื่อปี 2001 สร้างกระแสโกรธในจีน ถึงขึ้นมีชายคนหนึ่งปาอุจจาระใส่ (ภาพ ซ้าย)

มาดูข้อสันนิษฐานเหตุคว่ำบาตรเจ้า เวย จาก "ห้ากระทงความผิดใหญ่" สื่อกระแสหลักของจีนได้นำมาเผยแพร่

"กระทงความผิดที่หนึ่ง" คือ "ลบหลู่จีน" โดยเหตุ "ลบหลู่จีน" ของเจ้า เวยนี้เกิดช่วงหลังจากที่ เจ้า เวย ในวัยยี่สิบปีต้นๆ เพิ่งแจ้งเกิดเป็นดาราดังจากบทบาท "เสี่ยวเยี่ยนจื่อ" (小燕子) ในซีรีส์ "องค์หญิงกำมะลอ" เมื่อปี 2001 เจ้า เวย ได้รับเชิญจากนิตยสารแฟชั่นจีนไปถ่ายแบบชุดแฟชั่นขึ้นปกนิตยสารในแมนฮัตตัน สหรัฐฯ โดยหนึ่งในชุดที่เธอสวมถ่ายแบบในครั้งนั้นคือชุดเดรสพิมพ์ลาย "ธงอาทิตย์อุทัย" เมื่อภาพเจ้า เวย สวมชุด "ธงอาทิตย์อุทัย" ของกองทัพญี่ปุ่น เผยแพร่สู่สาธารณะก็จุดกระแสโกรธเกรี้ยวดั่งระเบิดลูกใหญ่ซัดลงมา ถึงขั้นว่าลูกหลานเหยื่อชาวจีนผู้เสียชีวิตในสงครามญี่ปุ่นปาอุจจาระใส่เจ้าเวยขณะสวมชุดเดรสสีขาวไปงานฉลองที่จัดโดยสถานีโทรทัศน์หูหนันในคืนวันที่ 28 ธ.ค.2001

เจ้า เวย แถลงขอโทษกรณีสวมชุดเดรสลาย "ธงพระอาทิตย์อุทัย" ถ่ายแบบลงนิตยสารแฟชชั่นเมื่อปี 2001
เจ้า เวย แถลงขอโทษกรณีสวมชุดเดรสลาย "ธงพระอาทิตย์อุทัย" ถ่ายแบบลงนิตยสารแฟชชั่นเมื่อปี 2001

"นางไม่เห็นมาตุภูมิอยู่ในสายตาเลย ลืมการเสียสละของบรรพบุรุษหมดสิ้น" กลุ่มคนจีนวิจารณ์กรณีเจ้า เวย สวม "ชุดธงอาทิตย์อุทัย" ที่กองทัพญี่ปุ่นมักชูธงเคลื่อนทัพทำสงครามรุกรานเพื่อนบ้าน

อนึ่ง ในประเทศจีนการเผยแพร่หรือแสดงหรือมีพฤติกรรมส่งเสริมสิ่งหรือสัญลักษณ์ที่จีนเรียกว่า "จิตวิญญาณญี่ปุ่น" (精日) นับเป็นเรื่องรุนแรงที่อภัยกันไม่ได้ "จิตวิญญาณญี่ปุ่น" เป็นศัพท์บัญญัติทางการเมืองและสังคมของจีนที่มีความหมายเหยียดหยามต่ำช้ามาก เพราะถือเป็นการยกย่องลัทธิทหารญี่ปุ่นที่ก่อสงครามรุกรานเพื่อนบ้านอย่างโหดเหี้ยมดังเช่นสงครามนานกิงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นำความเกลียดชัง และ "ลบหลู่จีน



"กระทงความผิดที่สอง" เจ้า เวย (ถูกกล่าวหา)สั่งให้คนขับรถของเธอไปทำร้ายร่างกายโจวเสวี่ย ขณะที่โจวกำลังตั้งครรภ์

โจวเสวี่ยคือใคร...นางคือบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นที่ไปเชิญเจ้า เวย มาถ่ายแบบแฟชั่นและสวมชุดเดรส "ธงอาทิตย์อุทัย" ต่อกรณีฯนี้โจวเสวี่ยได้ออกมาขอโทษและลาออกจากบริษัทนิตยสาร

จากรายงานข่าวสื่อจีนในช่วงปีที่เกิดเหตุฯปี 2004 เผยเรื่องข้อกล่าวหา "เจ้าเวยสั่งคนขับรถไปทำร้ายโจวเสวี่ย" ขณะที่เกิดเหตุเจ้าและโจวอยู่ในงานสังสรรค์ที่บาร์แห่งหนึ่งย่านซันหลี่ถุนใจกลางกรุงปักกิ่งและเกิดเหตุทะเลาะกัน ต่อมา โจวได้ฟ้องเจ้า เวย ในข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกาย ในที่สุดศาลได้ตัดสินคนขับรถเป็นผู้กระทำผิด แต่ชาวจีนหลายคนเชื่อว่า"เจ้า เวย อยู่เบื้องหลัง" เรื่องทำร้ายร่างกายนางโจว

เจ้า เวย (คนกลาง) ถ่ายภาพร่วมกับนักแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องที่สองที่เธอกำกับการแสดงคือ เรื่อง 'No Other Love' ซึ่งถูกจีนแบน เนื่องจากนักแสดงนำชาวไต้หวัน คือ ไต้ลี่เหริ่น (คนซ้าย)  
เจ้า เวย (คนกลาง) ถ่ายภาพร่วมกับนักแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องที่สองที่เธอกำกับการแสดงคือ เรื่อง 'No Other Love' ซึ่งถูกจีนแบน เนื่องจากนักแสดงนำชาวไต้หวัน คือ ไต้ลี่เหริ่น (คนซ้าย)

"กระทงความผิดที่สาม" ท้าทายล้ำเส้นสำคัญของประชาชาติจีนในกรณีถ่ายทำภาพยนตร์โดยเลือกนักแสดงนำที่เป็น "กลุ่มลบหลู่จีน" ชาวเน็ตจีนระบุว่า หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง 'So Young' 《致青春》 ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เจ้า เวย เป็นผู้กำกับการแสดง ประสบความสำเร็จทำรายได้ทุบสถิติ ในปี 2014 เจ้า เวย ก็ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องที่สองคือ 'No Other Love' 《没有别的爱》โดยนักแสดงชาวไต้หวันที่เธอเลือกมา คือไต้ลี่เหริ่น หรือ ไลออน ไต้ (戴立忍/ Leon Dai) ซึ่งถูกระบุว่าเป็น "กลุ่มเคลื่อนไหวอิสรภาพไต้หวัน" ด้วยแรงกดดันดังกล่าวในที่สุด เจ้า เวย ต้องเปลี่ยนตัวนักแสดงนำชาย

ส่วนนักแสดงนำหญิง คือ คิโกะ มิซูฮาระ (Kiko Mizuhara) หลังจากที่เธอถูกเสนอชื่อเป็นนักแสดงในภาพยนตร์แนวรักตลกเรื่องนี้ ชาวจีนได้ออกโจมตีว่าคิโกะดาราดังเลือดอเมริกัน-ญี่ปุ่นมีพฤติกรรม "ลบหลู่จีน"จากการโพสต์ข้อความหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีการปล่อยรูปภาพหญิงสาวที่ถูกชี้ว่าคือคิโกะไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิและถ่ายรูปหน้า 'ธงอาทิตย์อุทัย' ต่อกรณีฯนี้ คิโกะ มิซูฮาระ ได้ออกมา "ขอโทษ" สำหรับการกระทำที่อาจเป็นการ "ลบหลู่จีน" แต่เธอปฏิเสธเรื่องภาพทั้งรูปผู้หญิงที่ศาลยาสุคุนิและรูปผู้หญิงถ่ายภาพกับธงอาทิตย์อุทัยที่ถูกปล่อยในโซเชียลจีนนั้นไม่ใช่เธอ

ภาพ จางเจ๋อฮั่นที่ศาลเจ้ายาสุคุนิ ในปี 2018 ถูกปล่อยระบาดท่วมโลกโซเชียงจีนรับวันครบรอบ 76 ปี ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม โดยศาลฯแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ลัทธิทหารญี่ปุ่นที่ก่อสงครามรุกรานต่างชาติอย่างหฤโหด (ภาพจาก เวยปั๋ว)
ภาพ จางเจ๋อฮั่นที่ศาลเจ้ายาสุคุนิ ในปี 2018 ถูกปล่อยระบาดท่วมโลกโซเชียงจีนรับวันครบรอบ 76 ปี ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม โดยศาลฯแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ลัทธิทหารญี่ปุ่นที่ก่อสงครามรุกรานต่างชาติอย่างหฤโหด (ภาพจาก เวยปั๋ว)

 "กระทงความผิดที่สี่" เจ้า เวย รับจางเจ๋อฮั่นเข้าทำงานในบริษัทของตน โดยก่อนที่จางเจ๋อฮั่นจะเข้าทำงานในบริษัทของเจ้า เวย ก็มีพฤติกรรมส่งเสริม"จิตวิญญาณญี่ปุ่น" แล้ว

จางเจ๋อฮั่นเพิ่งถูกคว่ำบาตรจากเหตุ "ลบหลู่จีน" โดยในช่วงก่อนวันครบรอบ 76 ปีที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม(15 ส.ค.) มีการระดมปล่อยภาพถ่ายของจางเมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นภาพจางเข้าร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่จัดขึ้นที่ "ศาลเจ้าโนกิ" (Nogi Shrine) และภาพจางถ่ายภาพกับศาลเจ้ายาสุคุนิ (Yasukuni Shrine) ซึ่งศาลเจ้าทั้งสองแห่งนี้เป็นที่เก็บป้ายวิญญาณของทหารญี่ปุ่นซึ่งมีกลุ่มนายทหารใหญ่ที่นำทัพรุกรานจีนรวมอยู่ด้วย

เจ้า เวย (คนที่สองจากขวา) และสามีคือหวงโหย่วหลง มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจในเครืออาลีบาบา ว่ากันว่า เจ้า เวยทำกำไรมหาศาลด้วยใบบุญใหญ่ของ แจ็ค หม่า  (คนขวาสุด)
เจ้า เวย (คนที่สองจากขวา) และสามีคือหวงโหย่วหลง มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจในเครืออาลีบาบา ว่ากันว่า เจ้า เวยทำกำไรมหาศาลด้วยใบบุญใหญ่ของ แจ็ค หม่า (คนขวาสุด)

"กระทงความผิดที่ห้า" เรื่องธุรกิจ การสร้างความมั่งคั่ง และอื้อฉาวในตลาดหุ้น ซึ่งสื่อจีนชี้ว่าจะเป็น "กระทงความผิด" ที่หนักหนาที่สุดของซุปตาร์เศรษฐีนี โดยข้อสงสัยในกระทงความผิดนี้อาจเกี่ยวพันไปถึงเครือธุรกิจของอาลีบาบา

หลังจากที่เจ้า เวย และสามีนักธุรกิจสิงคโปร์คือ หวงโหย่วหลง(黄有龙)โดดลงมาทำธุรกิจก็เกิดเรื่องอื้อฉาวละเมิดกฎระเบียบเพื่อกอบโกยกำไรจากหุ้นของประชาชน ทั้งทำลายระเบียบในตลาดหุ้น

หลังจากที่เจ้า เวย กลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เบื้องหลังความสำเร็จของเธอนั้น ไม่เพียงแค่มีสามีสนับสนุน ยังมีแจ็ค หม่า เป็นดั่งต้นไม้ใหญ่แผ่ร่มเงาให้อาศัย (เก็บเกี่ยวผลประโยชน์) ในปี 2014 แจ็ค หม่าเชิญ เจ้า เวย มาร่วมลงทุนบริษัท Alibaba Pictures และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่สอง ทำกำไรนับสิบล้านเหรียญสหรัฐในสองปี

ปี 2016 เจ้า และสามี ถูกจัดอันดับโดยสำนักจัดความมั่งคั่งหูรุ่น Hurun Global Rich List เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมั่งคั่งที่สุด ด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ในมือประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

เจ้า เวย และสามีนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ หวงโหย่วหลง ทั้งสองติดอันดับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมั่งคั่งที่สุดรายหนึ่งจากจากจัดอันดับของสำนักจัดอันดับหูรุ่นในปี 2016 ด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ในมือประมาณ 1,000 ล้นเหรียญสหรัฐ 
เจ้า เวย และสามีนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ หวงโหย่วหลง ทั้งสองติดอันดับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมั่งคั่งที่สุดรายหนึ่งจากจากจัดอันดับของสำนักจัดอันดับหูรุ่นในปี 2016 ด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ในมือประมาณ 1,000 ล้นเหรียญสหรัฐ

สื่อจีนชี้ เจ้า เวย ฟันกำไรก้อนมหึมาจากวิธีการฉ้อแลหลอกลวง จนกระทั่งในปี 2017 เจ้าเวยและสามี ถูกห้ามเทรดในตลาดหุ้นจีนนานห้าปีทั้งปรับ 300,000 หยวน เนื่องจากทำผิดกฎหลอกลวงนักลงทุนในการเทคโอเวอร์บริษัท กลุ่มนักลงทุน 67 ราย ยื่นฟ้องร้องทางกฎหมายเรียกค่าชดเชยประมาณ 50 ล้านหยวน (ข้อมูลจากสื่อจีน Global Times ของค่ายพรรคคอมมิวนิสต์จีน) และนี่คือการลั่นกลองเตือนเจ้า เวย ของทางการมาครั้งหนึ่งแล้ว

นอกจากนี้ ชาวเน็ตจีนยังชี้กันว่า แจ็ค หม่าก็อาจจะรอดจากการลงดาบได้ยากสืบเนื่องจากความร่วมมือกับเจ้าเวยหลายครั้งหลายครา โดยหลังจากที่เกิดเหตุคว่ำบาตรเจ้าเวย ที่ตกเป็นข่าวฮือฮาในวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ชื่อของ 'หม่า อวิ๋น' (马云) (ชื่อจีนของแจ็ค หม่า) และอาลีบาบา ก็กลายเป็นคำสืบค้นสุดฮ็อตคำหนึ่ง ทำให้หลายคนคาดเดากันไปว่าทางการอาจจะจัดการกับแจ็ค หม่า อีกยก

แหล่งข่าวกลุ่มหนึ่งชี้ว่าผู้นำจีนที่เพิ่งถูกลงดาบฟันตกม้าไปคือ โจวเจียงหย่งเลขาธิการพรรคฯประจำเมืองหังโจว และแจ็ค หม่า ได้ช่วยปกป้องเจ้า เวย จนมีคนพูดกันไปว่า "หากจอมลบหลู่จีนตัวแม่ไม่มีเหล่าบิ๊กในหังโจวคอยหนุนหลังอยู่ละก็ ถูกลงดาบไปนานแล้ววววว"
#6170


นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ชี้ วัคซีนทุกชนิดไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดได้ ทำได้เพียงแต่ลดความรุนแรงของโรค แม้ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้สูงแล้ว ก็ยังพบการระบาดของโรคได้

วันนี้ (5 ก.ย.) เฟซบุ๊ก "Yong Poovorawan" หรือ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ระบุข้อมูล "โควิด-19 ภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ยงภู่วรวรรณ 4 กันยายน 2564 เมื่อเกิดโรคติดต่อ เราจะได้ยินคำว่าภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อลดการระบาดของโรคและยุติการระบาด ภูมิคุ้มกันหมู่ จะได้ผลในการป้องกันการระบาด ภูมิคุ้มกันนั้นจะต้องป้องกันการติดโรคได้ และเมื่อมีภูมิคุ้มกันในกลุ่มประชากรมากจำนวนหนึ่ง ก็จะช่วยป้องกันคนที่ไม่มีภูมิไปด้วย เช่น โรคหัด โปลิโอ ประชากรส่วนใหญ่ใด้วัคซีนในการป้องกันโรค โรคก็จะเบาบาง และในที่สุดก็จะยุติการระบาด

เมื่อมาดู covid-19 จุดมุ่งหมายการให้วัคซีนในระยะแรก ต้องการให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ แต่ในปัจจุบันเห็นได้ชัดแล้วว่า วัคซีนทุกชนิดไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนจากประเทศตะวันตก หรือตะวันออก เพียงแต่ลดความรุนแรงของโรค ลดอัตราการตาย และยังพบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วกับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน เมื่อติดเชื้อปริมาณไวรัสที่อยู่ในตัว สามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ ดังนั้นวัคซีนที่ใช้ในขณะนี้จึงไม่สามารถที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ เพราะถึงแม้มีภูมิคุ้มกัน ก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ เนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลงตลอดเวลา และขณะเดียวกัน ระยะฟักตัวของโรค covid-19 สั้นมาก จึงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ลดความรุนแรงของโรคได้

เมื่อไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในแต่ละคน ก็ไม่สามารถจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ในการลดการติดเชื้อในประชากรหมู่มากได้ จะเห็นได้ว่าทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอิสราเอล ที่มีการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมากก็ยังพบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน แต่ความรุนแรงเมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดในระลอกก่อนมีวัคซีนลดลง อัตราตายและอัตราการป่วยนอนโรงพยาบาลลดลง ดังนั้น การฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ใน covid-19 จึงไม่สามารถนำมาใช้ได้ในขณะนี้ ทั้งที่แต่เดิมคิดว่าถ้าประชากรส่วนใหญ่ได้วัคซีนถึง 70% แล้วโรคจะทุเลาลง แต่ความเป็นจริง ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้สูงแล้ว ก็ยังพบการระบาดของโรค

ทางออกของ covid-19 ทุกคนจะต้องได้รับวัคซีน หรือเคยติดเชื้อ และให้มีภูมิพื้นฐานอยู่ และเมื่อติดเชื้อ อาการของโรคก็จะน้อยลง หรือไม่มีอาการ แล้วจะกระตุ้นภูมิต้านทานให้สูงขึ้น และการติดเชื้อครั้งต่อๆไปอาการจะน้อยลงไปเรื่อยๆจนไม่มีอาการ การติดเชื้อครั้งแรกเมื่อยังไม่มีภูมิต้านทานเลย อาการจะรุนแรงได้ และเมื่อมีภูมิต้านทานเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะจากวัคซีนหรือการติดเชื้อครั้งแรก การติดเชื้อครั้งต่อไปอาการก็จะน้อยลงและในที่สุดก็จะเป็นแบบไม่มีอาการ และโรคนี่ก็จะอยู่กับเรา โดยที่ติดเชื้อแล้วอาการไม่รุนแรง หรืออัตราการเสียชีวิตน้อยมาก อย่างเช่น โรคทางเดินหายใจทั่วไปเป้าหมายการฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ใน covid-19 ภูมิคุ้มกันไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ป้องกันความรุนแรงของโรคได้ ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ตั้งเป้าไว้จึงไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้ ทุกคนจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาจากการฉีดวัคซีน หรือติดโรค แล้วเมื่อเป็นซ้ำก็จะไม่มีอาการหรืออาการน้อยลง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ปริมาณการฉีดวัคซีนที่คาดไว้แต่เดิมในการลดการระบาดของโรค เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่จึงไม่สามารถนำมาใช้ได้ หรือกล่าวว่าต่อไปนี้ทุกคนจะต้องสร้างภูมิขึ้นมาเพื่อลดความรุนแรงของโรคที่จะเกิดในกรณีที่เป็นซ้ำ และในอนาคตเด็กเล็กที่เกิดมา ยังไม่มีภูมิก็จะมีการติดโรคโดยธรรมชาติ ซึ่งโรคนี้ไม่รุนแรงสำหรับเด็ก และก็จะเกิดภูมิคุ้มกันขึ้นมาหลังจากการติดเชื้อในวัยเด็ก แบบโรคทางเดินหายใจทั่วไปที่เราพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่เคยติดเชื้อในวัยเด็กและมีภูมิอยู่แล้วโรคนี้จะอยู่กับเราตลอดไป จำนวนวัคซีนที่จะใช้ จึงต้องใช้สำหรับประชากรทุกคนในประเทศไทยทุกคน ในการสร้างภูมิคุ้มกันพื้นฐาน เพื่อลดความรุนแรงของโรคในกรณีที่มีการติดเชื้อ หรือให้เป็นแบบไม่มีอาการ ในครั้งต่อไป"
#6171


สระแก้ว - อุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.นี้ หลังปิดชั่วคราวนานกว่าเดือนจากสถานการณ์โควิด-19 ชูจุดขายความสมบูรณ์ทางธรรมชาติในแบบฉบับผืนป่ามรดกโลก พร้อมเทศกาลดูผีเสื้อปางสีดา แต่ยังจำกัดนักท่องเที่ยวที่ 700 คนต่อวัน 

นายบุญเชิด เจริญสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติปางสีดา เผยว่า หลังจากที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว ได้มีประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ส่งผลให้สภาพผืนป่าต้นน้ำห้วยโสมง ภายในแอ่งหุบเขารูปเรือ บริเวณจุดชมวิวทะเลหมอก กม.25 ห่างจากจุดกางเต็นท์ห้วยน้ำเย็น ประมาณ 5.5 กม. ซึ่งได้รับการประกาศเป็นผืนป่ามรดกโลก ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.2548 ได้กลับคืนความสมบูรณ์ของป่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่อีกครั้ง

ขณะที่สภาพความเป็นอยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกว่า 80 ชนิด และสัตว์ปีกมากกว่า 250 ชนิด รวมถึงผีเสื้อไม่น้อยกว่า 400 ชนิด บริเวณที่หุบเขาขนาดใหญ่กลุ่มน้ำตกแควมะค่า ต้นกำเนิดของห้วยโสมง และลำสะโตน ซึ่งเป็นต้นน้ำที่สำคัญของลุ่มน้ำบางปะกง กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ตามไปด้วย



ที่สำคัญบริเวณเทือกเขาว่าน ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขต จ.สระแก้ว และนครราชสีมา รวมทั้งแบ่งเขตดูแลของอุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว กับอุทยานแห่งชาติทับลาน จ.นครราชสีมา ยังได้เผยให้เห็นสัตว์ป่าและไก่ฟ้าพญาลอ ในหลายจุด

และในวันนี้เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มทรงตัว และมีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น อุทยานแห่งชาติปางสีดา จึงพร้อมแล้วที่จะเปิดให้บริการแหล่งท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.นี้เป็นต้นไป เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลดูผีเสื้อปางสีดา ที่จะมีขึ้นในกลางเดือนนี้อีกด้วย

"แต่การเปิดให้มีกิจกรรมการท่องเที่ยวในครั้งนี้ จะเปิดแบบไปกลับเท่านั้น และยังไม่เปิดให้บริการพักค้างแรมบริเวณบ้านพักออนไลน์ และลานกางเต็นท์ และจะยังคงงดกิจกรรมทางน้ำทุกประเภท เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน"



หัวหน้าอุทยานแห่งชาติปางสีดา ยังกล่าวอีกว่า ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.นี้ อุทยานฯ จำเป็นต้องขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามมาตรการ ข้อกำหนด และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เช่น นักท่องเที่ยว หรือผู้ที่เดินทางมาจากเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ต้องปฏิบัติตามคำสั่งและประกาศของ ศบค.อย่างเคร่งครัดทุกกรณี

โดยนักท่องเที่ยวต้องดำเนินการตามมาตรการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติวิถีใหม่แบบ New Normal โดยกำหนดให้นักท่องเที่ยวต้องผ่านจุดคัดกรองก่อนการเข้าออก พื้นที่ พร้อมทั้งลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเข้าอุทยานฯ ผ่านแอปพลิเคชัน ควบคู่กับการลงทะเบียนเข้าออกผ่านแอปไทยชนะ

อีกทั้งมาตรการกำหนดให้ควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวได้ไม่ให้เกินขีดความสามารถในการรองรับได้ (Carrying Capacity) ประมาณจำนวน 700 คนต่อวัน หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-3742-5141
#6173
ข้าวออร์แกนิก จังหวัดสุรินทร์ปลอดสารพิษ แท้ 100%
ข้าวออร์แกนิกปลอดสารแท้ 100% ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์   ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" / ข้าวมะลินิลอินทรีย์ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก ข้าวปะกาอำปึลปลอดสารพิษเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ปลูกข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก   ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์   แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิก
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22c6daqhyo0am1a6t.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์สุรินทร์
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิปลอดสารพิษ
3.  ข้าวปะกาอำปึลปลอดสารพิษ
4.  ข้าวกล้องอินทรีย์ผสมหลายสายพันธุ์ จ.สุรินทร์
5.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์สุรินทร์7.  กลุ่มข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#6174


กาญจนบุรี - อุทยานฯ เขาแหลม ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ เร่งตรวจสอบพื้นที่หลังมีชาวบ้านบุกรุกทำไร่มันกว่า 100 ไร่

นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ เข้าตรวจสอบหลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านบ้านเกริงกระเวีย ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ว่า มีการบุกรุกและลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ช่วงรอยต่อระหว่างอำเภอสังขละบุรี และอำเภอทองผาภูมิ พร้อมบุกรุกเข้ามาทำไร่มันสำปะหลังบนเนื้อที่กว่า 100 ไร่

โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้โดรนบินสำรวจโดยพบพื้นที่เป้าหมายที่มีการบุกรุก เป็นพื้นที่ภูเขาสูง ซึ่งจากภาพถ่ายพบการตัดโค่นต้นไม้เป็นไม้ไผ่ และไม้ขนาดเล็กบนเขา และพบการถางป่าเป็นบริเวณกว้าง จำนวน 3 จุด บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ซึ่งชาวบ้านให้ข้อมูลว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีการแผ้วถางป่าในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพบอีกจุดเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งซึ่งกำลังก่อสร้างที่พัก พบไม้แปรรูปจำนวนหนึ่งอยู่ในพื้นที่ก่อสร้าง และส่วนหนึ่งซ่อนอยู่ใต้ถุนบ้านพักโดยใช้ผ้าใบปิดคลุมอำพรางไว้

ทั้งนี้ พื้นที่บุกรุกอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาพระฤๅษี และป่าเขาบ่อแร่ แปลงที่ 1 ซึ่งจะได้ประสานผู้รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
#6176


โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมพื้นที่เพิ่มลงทุนหลังจากที่บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด หรือเดิมชื่อ บริษัทรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน จำกัด (กลุ่มซีพี) ได้ลงพื้นที่เตรียมการก่อสร้างแล้ว

การส่งมอบพื้นที่ในระยะแรก ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระยะทาง 170 กิโลเมตร จะดำเนินการได้ในเดือน ต.ค.2564 รวมทั้งจะถ่ายโอนแอร์พอร์ตเรลลิงก์ช่วงพญาไท-สุวรรณภูมิ ได้ในเดือน ต.ค.2564 และจะส่งมอบพื้นที่ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง และช่วงพญาไท-บางซื่อ ได้ในเดือน ต.ค.2566

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2564 ได้พิจารณา แก้ปัญหาซ้อนทับโครงการรถไฟความเร็วเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) และโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ในช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ซึ่งใช้โครงสร้างโยธาร่วมกัน แต่เวลาการก่อสร้างและมาตรฐานเทคนิคไม่สอดคล้องกัน

ทั้งนี้ การพิจารณาแก้ปัญหาการซ้อนทับของโครงการในเรื่องดังกล่าว เกิดขึ้นจากงานโยธาในช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ที่ตามแผนจะต้องมีการก่อสร้างทางรถไฟ 4 แทร็ค รองรับการให้บริการของรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน จำนวน 2 แทร็ค และรถไฟไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน 2 แทร็ค โดยจากผลการศึกษาพบว่าควรก่อสร้างในครั้งเดียว เพื่อลดผลกระทบและประหยัดเวลา


ดังนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) หน่วยงานเจ้าของโครงการ จึงกำหนดในสัญญาร่วมทุนโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบินเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากในการหารือร่างสัญญาในขณะนั้นพบว่าโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบิน เอกชนคู่สัญญามีความพร้อมที่จะดำเนินโครงการอยู่แล้ว

แต่อย่างไรก็ดี เมื่อมีการลงสำรวจพื้นที่ และทำสัญญาส่งมอบพื้นที่นั้น กลับพบว่าพื้นที่ช่วงพญาไท-ดอนเมือง ของโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน ยังไม่สามารถส่งมอบให้เอกชนคู่สัญญานำไปพัฒนาโครงการได้ เพราะยังติดปัญหารื้อย้ายสาธารณูปโภค โดยเฉพาะท่อน้ำมันในช่วงพญาไท ทำให้ข้อกำหนดของการส่งมอบพื้นที่ของโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบิน จึงกำหนดให้มีการส่งมอบพื้นที่ช่วงพญาไท-ดอนเมือง แล้วเสร็จภายใน 4 ปี หลังจากลงนามสัญญา

"ตอนแรกการรถไฟฯ มอบหมายให้ทางเอกชนของไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน เป็นผู้ก่อสร้างแทร็คช่วงทับซ้อนกับรถไฟไทย-จีน เพราะเอกชนมีความพร้อม แต่พอทำจริงไม่สามารถส่งมอบพื้นที่พญาไท-ดอนเมืองได้ เอกชนจึงยังมีเวลาที่จะไปสร้างช่วงอื่นก่อน ส่วนช่วงพญาไท-ดอนเมือง ตามกรอบต้องส่งมอบแล้วเสร็จใน 4 ปี เอกชนจึงยังมีเวลาอีก 4 ปีค่อยมาก่อสร้างช่วงนี้ ซึ่งก็รวมช่วงทับซ้อนของไทยจีนด้วย ทำให้เป็นปัญหา"

รายงานข่าว ระบุด้วยว่า จากปัญหาของการรื้อย้ายสาธารณูปโภคช่วงพญาไทที่ต้องใช้เวลานั้น เป็นผลกระทบต่อโครงการไฮสปีดเทรนไทย-จีน ที่เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง และเหลือช่วงของการพัฒนาเพียงพื้นที่ทับซ้อนช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ทำให้ต้องการมีหารือร่วมกับเอกชนคู่สัญญาไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบินขของกลุ่มซีพี เพื่อปรับแก้สัญญาให้กลุ่มซีพีดำเนินการก่อสร้างช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ในพื้นที่ทับซ้อนนี้ก่อน โดยกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน ก.ค. 2569

ทั้งนี้ จากการปรับแก้สัญญาดังกล่าว มีข้อกำหนดให้ทางกลุ่มซีพีดำเนินการลงทุนก่อสร้างทางรถไฟ ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง โดยให้จัดสรรวงเงินลงทุนไปล่วงหน้า และระหว่างการก่อสร้างนั้น สกพอ.จะดำเนินการทยอยจ่ายเงินลงทุน ซึ่งจะเป็นการนำวงเงินลงทุนจากโครงการไฮสปีดเทรน 3 สนามบินที่สัญญาก่อนหน้านี้กำหนดว่า สกพอ.จะอุดหนุนเงินลงทุนก่อสร้างช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ภายใน 4 ปีหลังลงนามสัญญา และเงินก่อสร้างอีกส่วนจะเป็นเงินลงทุนของโครงการรถไฟไทยจีน เพื่อนำมาจ่ายชดเชยให้กลุ่มซีพี

"ทางออกตอนนี้เพื่อเร่งก่อสร้างช่วงบางซื่อ-ดอนเมืองให้ทันต่อการใช้งานของไฮสปีดเทรนไทยจีน ทางกลุ่มซีพียอมที่จะจัดหางบประมาณมาก่อสร้างให้ก่อน และระหว่างนั้น สกพอ.จะทยอยเบิกจ่ายงบประมาณมาชดเชยให้ ซึ่งเป็นเงินก้อนส่วนของงานก่อสร้างช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ตามกรอบกำหนด แต่เป็นการเบิกจ่ายมาลงทุนก่อน และค่าก่อสร้างอีกส่วน ก็จะมาจากสัญญารถไฟไทยจีน"

สำหรับความคืบหน้าของการส่งมอบพื้นที่และการรื้อย้ายสาธารณูปโภค โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ปัจจุบันได้ ร.ฟ.ท.ได้ส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนคู่สัญญามีความคืบหน้า 86% รวม 5,521 ไร่ และพร้อมส่งมอบส่วนแรก ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ทั้งหมดภายในเดือน ก.ย.2564 คู่ขนานไปกับการยกระดับแอร์พอร์ต เรลลิงก์ โฉมใหม่ ที่ผู้โดยสารจะได้รับบริการ ที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยจะโอนสิทธิ์ในการบริหารแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ภายในเดือน ต.ค.นี้

ด้านกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้างานสำคัญที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ประกอบด้วย 

1.การเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ร.ฟ.ท.ได้ทำสัญญาซื้อขายแล้ว 634 สัญญา มูลค่า 3,599 ล้านบาท จากจำนวน 737 สัญญา มูลค่า 4,121 ล้านบาท 

2.การโยกย้ายผู้บุกรุก ที่กีดขวางการก่อสร้างช่วงสุวรรณภูมิถึงอู่ตะเภา ได้ดำเนินการโยกย้ายแล้วเสร็จ 100%

3.งานรื้อย้ายสาธารณูปโภค โดยหน่วยงานเจ้าของสาธารณูปโภคได้ดำเนินการรื้อย้ายสาธารณูโภคช่วงสุวรรณภูมิถึงอู่ตะเภาแล้วเสร็จ 257 จุด และอยู่ระหว่างการรื้อย้าย 396 จุด ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินงาน เพื่อให้แล้วเสร็จทันตามเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้ คือ ภายในเดือน ก.ย. 2564
#6177


Christine Lagarde ประธาน ECB ลั่น "Stablecoins แกล้งทำเป็นเหรียญ แต่ในความเป็นจริง มันเกี่ยวข้องกับสกุลเงินจริงทั้งหมด เช่น บางคนบอกว่าสามารถใช้สำหรับการทำธุรกรรมได้ แต่มูลค่าจะสอดคล้องกับเงินดอลลาร์อย่างแน่นอน"

จากการรายงานของ cointelegraph ระบุถึงถ้อยแถลงของนาง Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป ว่า cryptocurrencies ทั้งหมดซึ่งเธอรวม Stablecoins และสินทรัพย์เก็งกำไร 'ไม่ใช่สกุลเงินเลย'

โดยในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 1 กันยายนกับ Klaus Schwab ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของ World Economic Forum ซึ่ง Lagarde กล่าวว่า cryptocurrencies "แสดงตัวเป็นสกุลเงิน" แต่เธอยังคงถือว่ามัน 'เป็นสินทรัพย์ที่จะถูกควบคุมและดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์" ภายใต้คำจำกัดความนี้ ประธาน ECB อ้างว่าสกุลเงินดิจิทัลที่ตรึงด้วยคำสั่งก็ถือเป็นสินทรัพย์เช่นกัน

"สิ่งนี้ต้องได้รับการตรวจสอบ ดูแล ควบคุม เพื่อให้ผู้บริโภคและผู้ใช้อุปกรณ์เหล่านั้นสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดการบิดเบือนความจริงในที่สุด ฉันคิดว่าประวัติล่าสุดแสดงให้เห็นว่าสกุลเงินสำรองเหล่านั้นไม่พร้อมใช้งานตลอดเวลาและมีสภาพคล่องตามที่ควรจะเป็น"

อย่างไรก็ดี Lagarde อาจหมายถึง Tether ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าราคาตลาด ซึ่งล่าสุดบริษัทเพิ่งตกลงที่จะชดใช้ค่าเสียหาย 18.5 ล้านดอลลาร์ และยื่นรายงานเงินสำรองของตนเป็นระยะ จนถึงปี 2023 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงกับสำนักงานอัยการสูงสุดแห่งนิวยอร์ก ซึ่งกล่าวหาว่าผู้ออกเหรียญ Stablecoin ได้บิดเบือนระดับโทเค็น USDT ของตนให้ได้รับการสนับสนุนโดยหลักประกันคำสั่ง

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความคิดเห็นที่ชัดเจนเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ Lagarde ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ECB ตั้งใจที่จะตอบสนองต่อลูกค้าของตน โดยก่อนหน้านี้เธอเคยวิพากษ์วิจารณ์ Stablecoins และ cryptocurrencies แต่ไม่ได้ตัดทอนความเป็นไปได้ที่ ECB จะแนะนำสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง ขณะที่ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สภาปกครองของ ECB กล่าวว่าจะเริ่มขั้นตอนการสอบสวนโครงการยูโรดิจิทัลซึ่งกินเวลานาน 2 ปี

"หากลูกค้าต้องการใช้สกุลเงินดิจิทัลมากกว่าที่จะมีธนบัตรและเงินสด ก็ควรจะใช้ได้" Lagarde กล่าว "เราควรตอบสนองต่อความต้องการนั้นและมีโซลูชั่นที่อิงจากยุโรป มีความปลอดภัย พร้อมใช้งาน และมีเงื่อนไขที่เป็นมิตรซึ่งสามารถใช้เป็นวิธีการชำระเงินได้"

"Stablecoins แกล้งทำเป็นเหรียญ แต่ในความเป็นจริง มันเกี่ยวข้องกับสกุลเงินจริงทั้งหมด ตัวอย่างเช่น บางคนบอกว่าสามารถใช้สำหรับการทำธุรกรรมได้ แต่มูลค่าจะสอดคล้องกับเงินดอลลาร์อย่างแน่นอน" Lagarde กล่าว

ทั้งนี้เธอกล่าวเสริมว่าโครงการที่อยู่เบื้องหลังการออกเหรียญ stablecoin ควรจะต้องคืนทรัพย์สินของพวกเขาด้วยคำสั่งที่มีหน่วยงานกำกับ
#6178


วันนี้ (4 ก.ย.) นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan โดยระบุว่า เมื่อเกิดโรคติดต่อ เราจะได้ยินคำว่าภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อลดการระบาดของโรคและยุติการระบาด

ภูมิคุ้มกันหมู่ จะได้ผลในการป้องกันการระบาด ภูมิคุ้มกันนั้นจะต้องป้องกันการติดโรคได้ และเมื่อมีภูมิคุ้มกันในกลุ่มประชากรมากจำนวนหนึ่ง ก็จะช่วยป้องกันคนที่ไม่มีภูมิไปด้วย เช่น โรคหัด โปลิโอ ประชากรส่วนใหญ่ใด้วัคซีนในการป้องกันโรค โรคก็จะเบาบาง และในที่สุดก็จะยุติการระบาด

เมื่อมาดู covid-19 จุดมุ่งหมายการให้วัคซีนในระยะแรก ต้องการให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่

แต่ในปัจจุบันเห็นได้ชัดแล้วว่า วัคซีนทุกชนิดไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนจากประเทศตะวันตกหรือตะวันออก เพียงแต่ลดความรุนแรงของโรค ลดอัตราการตาย และยังพบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว กับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน เมื่อติดเชื้อปริมาณไวรัสที่อยู่ในตัว สามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้

ดังนั้นวัคซีนที่ใช้ในขณะนี้ จึงไม่สามารถที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ เพราะถึงแม้มีภูมิคุ้มกัน ก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ เนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลงตลอดเวลา และขณะเดียวกันระยะฟักตัวของโรค covid 19 สั้นมาก จึงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ลดความรุนแรงของโรคได้

เมื่อไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในแต่ละคน ก็ไม่สามารถจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ในการลดการติดเชื้อในประชากรหมู่มากได้ จะเห็นได้ว่าทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอิสราเอล ที่มีการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก ก็ยังพบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน แต่ความรุนแรงเมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดในระลอก ก่อนมีวัคซีนลดลง อัตราตายและอัตราการป่วยนอนโรงพยาบาลลดลง

ดังนั้น การฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ใน covid 19 จึงไม่สามารถนำมาใช้ได้ในขณะนี้ ทั้งที่แต่เดิมคิดว่าถ้าประชากรส่วนใหญ่ได้วัคซีนถึง 70% แล้วโรคจะทุเลาลง แต่ความเป็นจริง ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้สูงแล้ว ก็ยังพบการระบาดของโรค

ทางออกของ covid 19 ทุกคนจะต้องได้รับวัคซีน หรือเคยติดเชื้อ และให้มีภูมิพื้นฐานอยู่ และเมื่อติดเชื้อ อาการของโรคก็จะน้อยลง หรือไม่มีอาการ แล้วจะกระตุ้นภูมิต้านทานให้สูงขึ้น และการติดเชื้อครั้งต่อๆไปอาการจะน้อยลงไปเรื่อยๆจนไม่มีอาการ

การติดเชื้อครั้งแรกเมื่อยังไม่มีภูมิต้านทานเลย อาการจะรุนแรงได้ และเมื่อมีภูมิต้านทานเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะจากวัคซีนหรือการติดเชื้อครั้งแรก การติดเชื้อครั้งต่อไปอาการก็จะน้อยลงและในที่สุดก็จะเป็นแบบไม่มีอาการ และโรคนี่ก็จะอยู่กับเรา โดยที่ติดเชื้อแล้วอาการไม่รุนแรง หรืออัตราการเสียชีวิตน้อยมาก อย่างเช่นโรคทางเดินหายใจทั่วไป

เป้าหมายการฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ใน covid 19 ภูมิคุ้มกันไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ป้องกันความรุนแรงของโรคได้ ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ตั้งเป้าไว้จึงไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้ ทุกคนจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาจากการฉีดวัคซีน หรือติดโรค แล้วเมื่อเป็นซ้ำก็จะไม่มีอาการหรืออาการน้อยลง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ปริมาณการฉีดวัคซีนที่คาดไว้แต่เดิมในการลดการระบาดของโรค เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่จึงไม่สามารถนำมาใช้ได้ หรือกล่าวว่าต่อไปนี้ทุกคนจะต้องสร้างภูมิขึ้นมาเพื่อลดความรุนแรงของโรคที่จะเกิดในกรณีที่เป็นซ้ำ และในอนาคตเด็กเล็กที่เกิดมา ยังไม่มีภูมิก็จะมีการติดโรคโดยธรรมชาติ ซึ่งโรคนี้ไม่รุนแรงสำหรับเด็ก และก็จะเกิดภูมิคุ้มกันขึ้นมาหลังจากการติดเชื้อในวัยเด็ก แบบโรคทางเดินหายใจทั่วไปที่เราพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่เคยติดเชื้อในวัยเด็กและมีภูมิอยู่แล้ว

โรคนี้จะอยู่กับเราตลอดไป จำนวนวัคซีนที่จะใช้จึงต้องใช้สำหรับประชากรทุกคนในประเทศไทยทุกคน ในการสร้างภูมิคุ้มกันพื้นฐาน เพื่อลดความรุนแรงของโรคในกรณีที่มีการติดเชื้อ หรือให้เป็นแบบไม่มีอาการ ในครั้งต่อไป
#6180


อมร อมรกุล ผู้จัดการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เดอะมอลล์ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา ดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์ และพารากอน ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ เปิดบริการภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการของ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) อย่างเคร่งครัด โดยจะต้องลงทะเบียนสถานประกอบการ เพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยของกรมอนามัยตามหลักเกณฑ์ THAI STOP COVIDPLUS (TSC+) อีกทั้งยกระดับมาตรการความปลอดภัยเชิงรุกขั้นสูงสุด ตามกรอบแนวทาง 7 มาตรการของสมาคมค้าปลีกไทย และคณะกรรมการกลุ่มการค้าปลีกและบริการ หอการค้าไทย เพื่อความปลอดภัยสำหรับลูกค้า

โดยเปิดให้บริการศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าตามปกติ รวมทั้งเปิดให้บริการร้านอาหาร โดยให้นั่งทานได้ 50% (งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน) ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมเปิดให้บริการไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อคน ต้องมีการนัดหมายก่อนเข้าใช้บริการ ร้านนวด เปิดเฉพาะนวดเท้า คลินิกเสริมความงามต้องมีการนัดหมายก่อนเข้าใช้บริการ โดยเปิดให้บริการตามปกติ 1 ก.ย. เป็นต้นไป และเปิดให้บริการได้ถึงเวลา 20.00 น.

เดอะมอลล์ กรุ๊ป ตั้งเป้าเป็นศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าปลอดโรคติดเชื้อโควิด-19!!

ด้วยการเพิ่มความมั่นใจในมาตรการปลอดโควิด-19 ของพนักงาน โดยกำหนดให้พนักงานทุกคนทั้งส่วนห้างสรรพสินค้า ผู้แทนขาย พนักงานร้านค้า และพนักงานเอาท์ซอสต์ กว่า 10,000 คนที่จะกลับเข้าปฏิบัติงานในวันแรกต้องผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยANTIGEN TEST KIT (ATK)  หรือมีผลตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ไม่เกิน 7 วัน นับจากวันที่เข้าพื้นที่ นอกจากนี้พนักงานทุกคนต้องได้การฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย 

พนักงานทุกคนจะอยู่ภายใต้มาตรการการเฝ้าระวังและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด โดยจะมีการคัดกรองด้วยประเมินสุขภาพตามแนวหลักการ THAI SAFE THAI และสุ่มตรวจด้วยการตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ ควบคู่กับการปฏิบัติงานภายใต้มาตรการ UNIVERSAL PREVENTION เพื่อความปลอดภัยของตนเองและลูกค้าสูงสุด

สำหรับมาตรการสาธารณสุขเชิงรุกในพื้นที่ครบทุกมิติ ก่อนเปิดให้บริการทุกศูนย์การค้าในเครือได้ทำ "บิ๊กคลีนนิ่ง" อบฆ่าเชื้อระบบปรับอากาศส่วนกลางด้วยรังสี UV ติดตั้ง GUARD SHIELD ที่เคาน์เตอร์ต่าง ๆ ติดตั้ง TABLE SHIELD บนโต๊ะอาหาร มีบริการตู้อบฆ่าเชื้อ UV-C STERILIZING สำหรับอบฆ่าเชื้อสินค้าให้ลูกค้า พร้อมสร้างความมั่นใจในการใช้บริการด้วยการสร้างสังคมไร้สัมผัสทุกรูปแบบ 

ทั้งนี้ กรอบแนวทางของสมาคมผู้ค้าปลีกไทยและคณะกรรมการกลุ่มการค้าปลีกและบริการ หอการค้าไทย ประกอบด้วย ผู้เข้ามาใช้บริการปฏิบัติตาม D-M-H-T-T (DISTANCING- MASK WEARING- HAND WASHING- TEMPERATURE-TESTING) พร้อมคัดกรองตัวเองผ่าน THAI SAFE THAI (TST) และแสดงให้ผู้รับบริการก่อนเข้าสถานประกอบการ

ควบคุมจำนวนพนักงานและลูกค้า 1 คน ต่อ 5 ตร.ม. ในสถานประกอบการ (กรมอนามัยใช้หลักเกณฑ์ 1ต่อ4 ตร.ม.) กำหนดให้มีการจองการเข้ารับบริการผ่านแอพพลิเคชั่น หรือ โทรศัพท์ หรือรับบัตรคิวล่วงหน้าในทุกธุรกิจของการบริการ เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดบริเวณจุดสัมผัสสูงอย่างน้อยทุก 1 ชั่วโมง 

พร้อมกันนี้ เพื่อฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเดอะมอลล์ยังผนึกพันธมิตรธุรกิจ ซัพพลายเออร์ แบรนด์ และ ผู้ประกอบการร้านค้า จัดบิ๊กแคมเปญ "SHOPPING MUST GO ON #จะช้อปต้องได้ช้อป" ลดสูงสุด80%ช้อปทุกชั้น ทั้งห้างฯ รับคืนรวมสูงสุด 3,000บาท รวมช่องทางออนไลน์ MONLINE.COM และ GOURMETMARKETTHAILAND.COM, M CHAT & SHOPและCALL TO ORDERหรือเลือกรับสิทธิ์ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" รับ E-Voucher ภาครัฐสูงสุด 7,000 บาท ถึง 28 ก.ย.


ทางด้าน ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาต์เล็ต กล่าวว่า ได้ประกาศใช้มาตรการยกระดับเข้มข้นสูงสุด "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+"  พร้อมเปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด  ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล, ชลบุรี, ระยอง, นครราชสีมา และหาดใหญ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"เซ็นทรัลพัฒนา สร้างมาตรฐานใหม่ New Normal พร้อมยกระดับมาตรการ ปรับปรุงตามสถานการณ์ เพื่อให้ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ปลอดภัย หรือ COVID-FREE สำหรับประชาชน เป็นต้นแบบมาตรการยกระดับเข้มข้นสูงสุด การเปิดศูนย์การค้าภายใต้นโยบายที่ภาครัฐควบคุมดูแลจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศให้เดินหน้า ซึ่งเราหวังว่าสถานการณ์ในประเทศจะค่อยๆ คลี่คลาย พร้อมฟื้นตัวช่วงปลายปี"

โดยมาตรการ "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+" เน้นย้ำเป็นพิเศษในการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล รวมไปถึงให้พนักงานให้บริการมีการฉีดวัคซีน ตรวจคัดกรองวันแรก 100% และต่อเนื่องทุกสัปดาห์ กักตัวอย่างเป็นระบบ เว้นระยะห่าง สะอาดปลอดภัยตลอดเวลาทุกวัน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้เช่าร้านค้า และพนักงานภายในศูนย์การค้า ที่พร้อมให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเต็มที่ รวมถึงการประเมินร้านค้าผ่าน Thai Stop Covid Plus พนักงานประเมินตนเองผ่าน Thai Safe Thai ทุกวัน ตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้มาใช้บริการ

ขณะที่ ศูนย์การค้าเมกาบางนาและผู้เช่ากว่า 600 ร้านค้า พร้อมใจกันขานรับมาตรการคลายล็อกของภาครัฐ ด้วยการส่งมอบโปรโมชั่น และสิทธิพิเศษสุดคุ้ม เพื่อต้อนรับการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ภายใต้การดำเนินงานตามมาตรการด้านสุขอนามัยที่เข้มข้นทุกพื้นที่ เน้นย้ำการดำเนินการด้านความสะอาดตามที่กรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุขแนะนำไว้ และส่งมอบบริการที่สะดวก สบายใจและปลอดภัยให้กับลูกค้า

พลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวว่า  ร้านค้าเกือบ 100% ที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของภาครัฐ สามารถเปิดให้บริการได้พร้อมกลับมาเปิดให้บริการ ยกเว้นร้านค้าบางกลุ่มที่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้จากการผ่อนคลายมาตรการในครั้งนี้ ได้แก่ ฟิตเนส สปา โรงภาพยนตร์ และสถาบันกวดวิชา รวมไปถึงเครื่องเล่น สนามเด็กเล่น ร้านเกมส์

ร้านค้าที่กลับมาเปิดให้บริการในทุกกลุ่ม จะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กรมควบคุมโรคแนะนำไว้อย่างเคร่งครัด โดยยึดหลัก Covid-Free Setting Protocol ที่ครอบคลุมทุกส่วน ทั้งพนักงานร้านค้า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน การดูแลความสะอาดในพื้นที่ส่วนกลางของศูนย์ฯ และมาตรการสำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ พร้อมแคมเปญการตลาด Welcome Back-We've missed You ให้สิทธิประโยชน์จากการชอปปิงกับลูกค้าที่คิดถึงเมกาบางนา ได้กลับมาชอปกันอย่างคุ้มค่า และได้รับประสบการณ์ที่ดีและปลอดภัยกลับไปด้วย

สิ่งสำคัญที่สุดในการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง คือการเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ คือ Customer Touchpoints ที่ถือเป็นจุดสำคัญซึ่งจะทำให้ลูกค้าของเมกาบางนาเกิดความมั่นใจและสบายใจ เมื่อเลือกมาชอปปิงที่นี่

"การผ่อนคลายมาตรการในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เช่าและร้านค้าต่าง ๆ ของศูนย์ฯ กลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง เมกาบางนาจึงดำเนินการทุกอย่างเพื่อเตรียมความพร้อมทุกส่วนเพื่อเป็นอีกแรงขับเคลื่อนให้ทุกคนผ่านวิกฤติการณ์นี้ไปได้อย่างดีที่สุด" 

ทางด้าน รวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด และ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า แม้จะมีความท้าทายหลายอย่างเกิดขึ้น แต่เซ็นทรัลและโรบินสันพร้อมปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว นำเสนอ สินค้า บริการ ช่องทางการขาย และโปรโมชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับทุกความต้องการของลูกค้าตามสถานการณ์ต่างๆ รอบด้านที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 

โค้งสุดท้ายปีนี้ พร้อมจัดโปรโมชั่นที่จะสร้างสีสันให้กับตลาดค้าปลีกในช่วงแคมเปญใหญ่ "ดับเบิ้ลดิจิท" เริ่มที่ "Central/Robinson 9.9 Mega Festival" โดยนำจุดแข็งของห้างที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ มีสินค้า และบริการที่หลากหลายครบครัน ผสานเข้ากับช่องทางการชอปปิงทุกแพลตฟอร์ม ทั้งออนไลน์ และบริการพิเศษของห้างตอบโจทย์อินไซต์ของนักช้อปทุกกลุ่มที่มีความถนัดต่างกัน! บางคนชอบแชท ชอบโทร หรือชอบมาสัมผัสสินค้าที่ห้าง 

โดย "Central/Robinson 9.9 Mega Festival" ห้างเซ็นทรัล และโรบินสัน ได้ฉีกวิธีการสื่อสารใหม่ นำคอนเซปต์ Shoppertainment มาเป็นกลยุทธ์หลัก โดยใช้ความสนุกสนานจากภาพยนตร์โฆษณา นำไปสู่การสร้างความจดจำในแคมเปญ ภายใต้ธีม#จังหวะนี้ต้องช้อป และสร้างให้เกิดกระแสในกลุ่มนักช้อป รวมถึง วงการดิจิทัล มาร์เกตติ้ง คิกออฟโปรโมชั่น เดือน ก.ย. ต้อนรับวันที่ 9 เดือน 9 ที่มาในคอนเซ็ปต์ "ทำเพลงไม่โอ แต่โปรน่าช้อป" พร้อมภาพยนตร์โฆษณาตัวแรกกับความสนุกของการร้องเพลงประจำแคมเปญที่ไม่ซ้ำแบบใคร ที่จะเป็นคลิปไวรัลบนโลกออนไลน์ พร้อมโปรโมทผ่านสื่อทุกรูปแบบ รวมถึง KOL, Influencer ที่จะมีชาเลนจ์สนุกๆ ในแอพ TikTok 

"เราจุดกระแสก่อนเซลใหญ่ด้วยกิจกรรม "9.9 MEGA Live Show" โดยได้ดาราหน้าใสที่มาแรงสุดๆ อย่างเก้า-นพเก้า ที่มีผลงานจากเรื่อง นับสิบจะจูบ มาร่วมเอ็นเตอร์เทนมอบความสนุกในทุกการช้อป สร้างการรับรู้ของโปรโมชั่นในวงกว้างผ่านไลฟ์สดทางเฟซบุ๊ก Central/Robinson Department Store พร้อมดันแฮชแท็ก#CENTRAL99xKao ติดเทรนด์ออนไลน์ วันที่8 ก.ย. เวลา 18.00 น."