• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - luktan1479

#2861


หากย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน เหล่าบรรดาดาราฮอลลีวูดระดับตัวท็อปของวงการมักจะมั่นใจกับรายได้ของตนเองเมื่อภาพยนตร์ที่พวกเขาแสดงติดอันดับบนบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่มาวันนี้เมื่อหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป การวัดความสำเร็จของนักแสดงในปัจจุบันกลับอยู่ที่ยอดวิวใน Netflix หรือข่าวประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ดูหนังทาง HBO Max

การปฏิวัติทางดิจิทัลอาจเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างไปแบบพลิกฝ่ามือ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้กระทบค่าตัวของนักแสดงคนโปรดของคุณเลย เพราะบรรดานักแสดงตัวท็อปยังคงได้รับค่าตอบแทนเป็นตัวเลขงามๆ แถมบางทียังทำรายได้มากกว่าตอนที่ต้องละมือจากจอเงินมาสู่การสตรีมมิ่งทางจอแก้วเสียอีก

ค่าตัวต่อเรื่องราวๆ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เคยเป็นราคามาตรฐานสำหรับนักแสดงระดับตัวท็อปในปี 1996 สมัยที่ "จิม แคร์รีย์" เคยทำให้ฮอลลีวูดต้องตะลึงด้วยรายได้ดังกล่าวจากภาพยนตร์ตลกแนวดาร์กคอมเมดี้เรื่อง The Cable Guy ซึ่งค่าตัวของเขายังกลายเป็นพาดหัวข่าวดังเพื่อใช้เป็นข่าวโปรโมทภาพยนตร์ตอนที่ออกฉายด้วย

ค่าตัวดังกล่าวกลายเป็นมาตรฐานให้กับนักแสดงจากเรื่องอื่นๆ ที่ตามมาหลังจากนั้นทั้ง "แซนดรา บูลล็อก" จาก The Lost City of D ของค่าย Paramount, "แบรด พิตต์" จากเรื่อง Bullet Train ของค่าย Sony และ "คริส เฮมสเวิร์ธ" จากเรื่อง Thor : Love and Thunder ของ Disney

นอกจากนั้นมาตราส่วนของค่าธรรมเนียมก็ยังแตกต่างกันออกไปอย่าง คริส ไพน์ จะได้รับเกือบ 11.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการทำภาพยนตร์ภาคต่อซึ่งเป็นความหวังของ Paramount เรื่อง Dungeons and Dragons รวมไปถึง โรเบิร์ต แพตตินสัน ที่โกยเพิ่มไปอีก 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการกลับมารับบทใน The Batman

หากย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อน เช็คค่าตัวนักแสดงในวันจ่ายเงินนับเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการบอกถึงอันดับในวงการบันเทิง แต่ตอนนี้กลายเป็นเรื่องเล็กๆ เมื่อมีรายใหญ่อย่าง Netflix หรือ Amazon รวมถึง สตรีมเมอร์รายอื่นๆมาเสนอเงินให้ในจำนวนมหาศาล

ตัวอย่างเช่น "แดเนียล เคร็ก" ที่พุ่งสู่จุดสูงสุดด้วยข้อเสนอเป็นเงินถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการแสดงภาคต่อ 2 เรื่องใน Knives Out ผลงานที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษของ ไรอัน จอห์นสัน โดยค่าตัวมหาศาลของแดเนียล เครก มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าทาง Netflix ได้จ่ายเงินเป็นค่าชดเชยให้กับนักแสดง ที่ตามปกติมักจะได้ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์หลังภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ งานนี้นักแสดงที่กำลังโบกมือลาบท เจมส์ บอนด์ จึงได้รับไปเต็มๆ กับรายได้ที่เป็นตัวเลขถึง 9 หลัก



สมการตัวเลขใหม่นี้ได้กำหนดเพดานค่าตัวนักแสดงให้ถีบขึ้นไปอีกสูงลิ่ว อย่างเช่น ดเวย์น จอห์นสัน หรือ เดอะร็อก ที่ค่าตัวพุ่งไปที่ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการแสดงในภาพยนตร์คริสต์มาสผจญภัย Red One ของ Amazon Studios ที่คนตั้งตารอชม ซึ่งค่าตัวอาจเพิ่มไปได้ถึง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ ( ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับค่าตัวของ แดเนียล เครก ที่ได้รับในการแสดง Knives Out 2 ตอน )

ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ กับค่าตัว 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ กับค่าตัว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเรื่อง Don't Look Up , จูเลีย โรเบิร์ต 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเรื่อง Leave the World Behind ทาง Netflix และ ไรอัน กอสลิง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเรื่อง The Gray Man ทาง Netflix

อย่างไรก็ตามข้อตกลงแบบใหม่นี้นับว่าสร้างความปวดหัวให้กับสตูดิโออย่าง Warner Bros. เป็นอย่างมาก เพราะได้ตัดสินใจที่จะปล่อยภาพยนตร์ทั้งหมดในปี 2021 ทาง HBO Max และในโรงภาพยนตร์ไปพร้อมๆกัน ซึ่งทำให้นักแสดงออกมาปฏิวัติเรียกร้องเรื่องค่าตอบแทนที่ควรจะได้อีกมากมาย

"เดนเซล วอชิงตัน" และ "วิล สมิธ" ได้ค่าตัวกันไปคนละ 40 ล้านเหรียญจากเรื่อง The Little Things และ King Richard ของ Warner Bros. ซึ่งค่าตัวที่ให้ไปได้พิจารณาจากรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศที่ลดลงเพราะมีการเปิดสตรีมมิ่งรอบปฐมทัศน์ด้วย

"คีอานู รีฟส์" มีสิทธิ์ได้รับเงินเพิ่มจากเปอร์เซ็นต์หลังหนังฉาย โดยเขยิบจาก 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นเป็น 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากภาพยนตร์ Matrix4 นอกจากนั้น Amazon Studios ยังฝากเงิน 15 ล้านดอลลาร์ไว้ในบัญชีของ ไมเคิล บี. จอร์แดน หลัง Without Remorse ทำรายได้เล็กน้อยให้ Paramount

ส่วนนักแสดงที่เอ็นจอยที่สุดก็ต้องยกให้ "ทอม ครูส" เพราะเขาเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ยังชอบวิถีแบบเดิมๆ ที่ต้องได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยก่อนจะได้เป็นเปอร์เซ็นต์หลังจากหนังประสบความสำเร็จ

หมายความว่า "ทอม ครูซ" จะได้เงินส่วนแบ่งแน่ๆโดยคิดเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่วันแรกที่หนังเข้าฉายไม่รอให้ค่ายหนังทำรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศ สิ่งนี้เองที่ทำให้เขาได้รับโบนัสหลายสิบล้านดอลลาร์มาตลอดสำหรับภาพยนตร์ที่เขาแสดงหลังจากที่หนังทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศมาแล้วไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง

โดยปีนี้เขาได้รับเงินเต็มๆไปแล้วจากค่าตัวในหนังเรื่อง Top Gun Maverick ถึง 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตัวเลขจะทยานสูงขึ้นหากภาพยนตร์ประสบความสำเร็จตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉายและได้รับความนิยมจากคนดูจนยอดทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศ (ที่มา : From Daniel Craig to Dwayne Johnson, Inside the Biggest Movie Stars' Salaries)
#2862


"ประเทศอิตาลี" เมืองท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆ คน นอกจากความเป็นเลิศทางสถาปัตยกรรมแล้ว อาหารอิตาเลียนก็สร้างชื่อไปทั่วโลก เพราะเป็นอาหารชั้นเลิศที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ "เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ ออนไลน์" ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมกับ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ITA) จึงขอพาทุกท่านเปิดประตูไปสัมผัสกับวัฒนธรรมการกินแบบฉบับชาวอิตาเลียโนขนานแท้ กับ "4 เมนูเอ็กซ์คลูซีฟ" ที่รังสรรค์โดยเชฟจาก "เซ็นทรัล อีทเทอรี" (Central Eatery) พร้อมช้อปสินค้าอิตาลีเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ดัง ลดสูงสุด 20% ในเทศกาลอาหารอิตาเลียน (Italian Fair) ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม - 7 กันยายน 2564 ที่เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ทุกสาขา และ www.tops.co.th ช้อปสินค้านำเข้าจากประเทศอิตาลีกว่า 100 แบรนด์ดัง กับสินค้ามากกว่า 870 รายการ และสินค้านำเข้าใหม่ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสินค้าอิตาลีเอ็กซ์คลูซีฟ ลดสูงสุด 20% เช่น

แกลลอพขนมเค้กผสมสตรอเบอร์รี่เคลือบด้วยไอซิ่งอาเซลนัท 100 กรัม (Galup La Merenda Fragoline 100g.) พิเศษเพียง 119 บาท สแน็คแบรนด์โปรดที่ต้องมีไว้ติดบ้าน รสชาติอบอวลไปด้วยสตรอว์เบอร์รี่ ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาปลายฤดูใบไม้ผลิ ต้นฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี
โดโมริดาร์กช็อกโกแลตไส้ส้ม 40 กรัม (DOMORI CANDIED ORANGE CUBES COVERED WITH DARK CHOCOLATE 40G) ดาร์กช็อกโกแลตสอดไส้ส้มพิเศษ 85 บาท ช็อกโกแลตสูตรดั้งเดิมที่ใช้ทำจากช็อกโกแลตแท้ 100% ความเข้มข้น และความหอมเฉพาะตัวของโกโก้ตัดกับรสเปรี้ยวหวานของส้มได้อย่างลงตัว



คารันดินีออร์แกนิคน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 500มล. (Carandini Organic Apple Cider Vinegar with Mother๗) พิเศษ 175 บาท ด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ สดชื่น หมักจากแอปเปิลออร์แกนิกคุณภาพสูงที่คัดสรรมาอย่างดีอุดมไปด้วยโปรตีน เอนไซม์ที่ดีต่อสุขภาพ
พาร์ม่าแฮมหมูสไลซ์ แพค 70 กรัม พิเศษ 99 บาท (Bonta Italiane Prosciutto) พาร์ม่าแฮมคุณภาพดี รสชาติเข้มข้น สามารถนำไปทำเมนูได้อย่างหลากหลาย

มูราจเลียน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นขวดเซรามิค 250มล. พิเศษ 990 บาท (Muraglia Rainbow Intense Fruity Extra Virgin Olive Oil Ceramic Jar) น้ำมันมะกอกจากเมือง Apulia แบรนด์ดังที่ผสานศิลปะให้อยู่ร่วมกับอาหารได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยขวดเซรามิกแฮนด์เมด ปั้นใบต่อใบ ทุกขวดจึงมีชิ้นเดียวในโลก ทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา
มูราจเลียน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นรมควันไม้ขวดเซรามิค 250มล. พิเศษ 715 บาท น้ำมันมะกอกที่รมด้วยควันจากไม้พื้นเมือง ให้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ จนสามารถเนรมิตให้ทุกจานอาหารโดดเด่นไม่เหมือนใคร แม้แต่ผัดผักธรรมดาก็ชวนให้คิดว่าเป็นเชฟมืออาชีพได้



เฟอร์รารินีพาร์มิเจียโนริเนียเอโนชีส (Ferrarini Parmigiano Reggiano) พิเศษ 140 บาท/100 กรัม ชีสพาร์มิจิอาโน่ เรคจิอาโน่ เป็น Hard Cheese ที่ทำมาจากนมวัวสดแท้จาก Frisona และ Jersey ซึ่งเป็นฟาร์มดั้งเดิมของ Ferrarini ในประเทศอิตาลี ผ่านการบ่มเป็นเวลา 16-18 เดือน เพื่อให้ได้รสชาติที่มีความมีเอกลักษณ์พิเศษไม่เหมือนใคร เป็นราชาแห่งชีสมีกลิ่นหอมอร่อยรสชาติเป็นเอกลักษณ์

ดิมาร์ติโนดอลเช่กาบาน่าลิงกวิเนพาสต้าเส้นกลม 500 กรัม ราคาพิเศษ 109 บาท (Di Martino Dolce and Gabbana Pasta Linguine) พาสต้าต้นตำหรับจากอิตาลี ทำจากวัตถุดิบชั้นเลิศที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่แป้งสาลีคุณภาพสูง แหล่งน้ำจากภูเขา Lattari และเคล็ดลับพิเศษเฉพาะตัว จนออกมาเป็นเส้นพาสต้าที่มีกลิ่นและเนื้อสัมผัสที่ครองใจคนทั้งโลก

นอกจากสินค้าส่งตรงจากประเทศอิตาลีแล้ว ต้องไม่พลาดสัมผัสอรรถรสแห่งความอร่อยกับ 4 เมนูพิเศษแบบฉบับอิตาลีขนานแท้ รังสรรเมนูโดยเชฟประจำ "เซ็นทรัล อีทเทอรี" (Central Eatery) ที่ปรุงด้วยวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี ปรุงอย่างพิถีพิถัน จนได้รสชาติที่ถูกปากทั้งคนไทยและต่างชาติ ใครที่อยากลิ้มลองเมนูเหล่านี้ สามารถแวะไปได้ที่เซ็นทรัล อีทเทอรี แอท เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ หรือสั่งความอร่อยส่งตรงถึงที่บ้านเพียงสั่งผ่าน Grab Food เลือก Central Eatery



ประเดิมเมนูแรกกันด้วย Porchetta Set (พอร์เคตต้า เซ็ต) เซตหมูกรอบสไตล์อิตาเลียนเสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบและผักย่าง หมูสามชั้นคุณภาพดีอบพร้อมเครื่องเทศอิตาเลียนจนหนังกรอบ แต่เนื้อข้างในยังนุ่ม ชุ่มฉ่ำ รสชาติเข้มข้นทุกคำ ตัดกับความหวานของผักย่าง และมันบดเนื้อเนียนได้อย่างลงตัว พิเศษ! ราคาพิเศษ เพียง 225 บาทเท่านั้น
ต่อกันด้วยเมนูที่ 2 Chicken Florentine (ชิคเก้น ฟลอเรนทีน) หรือ อกไก่ไส้ผักโขมซอสครีมเห็ด เมนูเลื่องชื่อแห่งเมืองฟลอเรนซ์ ต้นกำเนิดของศิลปะยุคเรเนอซองต์ เชฟคัดสรรอกไก่เนื้อแน่นนำมายัดไส้ด้วยผักโขม ราดด้วยซอสครีมเห็ด และพาเมซานชีส ก่อนนำไปอบอีกครั้ง ได้รสชาติเข้ากันอย่างยอดเยี่ยมจับคู่กับเครื่องดื่มสุดโปรด เพียงเท่านี้ก็ได้ดินเนอร์มื้อหรูโดยไม่ต้องออกไปทานที่ร้านแล้ว เมนูนี้ราคาโปรโมชั่นเพียง 120 บาท สำหรับขนาด 300 กรัม

สำหรับเมนูที่ 3 คือ Grilled Salmon & Tagliatelle Puttanesca (กริลด์ แซลม่อน แอนด์ ทาญเลียเตลเล พุตตาเนสก้า) หรือ แซลมอนนอร์เวย์ย่างเสิร์ฟพร้อมพาสต้าพุตตาเนสก้า ในเมื่ออิตาลีคือเมืองหลวงของพาสต้า เชฟจึงเลือกเอาพาสต้าดั้งเดิมของแคว้นเอมิเลีย-โรมัญญาอย่าง "Tagliatelle" ​​(ทาญเลียเตลเล) ที่มีลักษณะเป็นเส้นแบนยาว นำมาผัดกับโอลีฟ แองโชวี่ และเคเปอร์ในสไตล์ดั้งเดิม ออกมาเป็นพุตตาเนสก้ารสชาติยอดเยี่ยม เสิร์ฟคู่กับแซลมอนนอร์เวย์ย่างด้วยความสุกที่พอดิบพอดี ทั้งหมดนี้ในราคาโปรโมชั่นเพียง 175 บาทเท่านั้น



และเมนูปิดท้าย Chicken Fettuccine Alfredo (ชิคเก้น เฟตตูชินี่ อัลเฟรโด) หรือ เฟตตูชินี่ครีมซอสอัลเฟรโดไก่และถั่วลันเตา เมนูฮาร์ทเมดที่รสชาติอบอุ่นแบบโฮมเมดเหมือนเชฟไปทำให้ถึงบ้าน เชฟนำเนื้อไก่ไปย่างจนหอม แล้วนำมาผัดกับเส้นเฟตตูชินี่และซอสอัลเฟรโด จนความเข้มข้นของครีมและชีสเคลือบเส้น ทานคู่กับถั่วลันเตา เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมสำหรับคนรักอาหารอิตาเลียน จานนี้ราคาโปรโมชั่นเพียง 175 บาท

ช้อปสารพันอาหารแสนอร่อยส่งตรงจากอิตาลีมาให้ทุกท่านเลือกช้อป และดื่มด่ำกับรสชาติสไตล์ อิตาเลียโนที่เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ทุกสาขา หรือ www.tops.co.th ได้แล้ววันนี้ - 7 ก.ย. 64 แล้วพบกัน..กราเซีย
#2863


ข้อมูลศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ระบุว่า ผู้ป่วยโควิดในกรุงเทพฯ ที่อยู่ในกลุ่มสีเขียวที่มีอาการน้อย หรือไม่มีอาการ ซึ่งให้สามารถแยกกักตัวเองที่บ้าน (Home isolation) มีจำนวนกว่า 1 แสนคน แสดงให้เห็นว่า จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เกินกว่าจำนวนเตียงในโรงพยาบาลที่มีอยู่จำกัด แม้แต่โรงพยาบาลสนาม จึงจำเป็นต้องให้การรักษาที่บ้าน หรือ ศูนย์พักคอย (Community Isolation) มากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งต้องกักตัวอยู่ในคอนโด หรือหมู่บ้านที่ตนเองอาศัยอยู่

"จตุพร วิไลแก้ว" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ที่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ป่วยกลุ่มอาการสีเขียวบางส่วนมีความจำเป็นต้องเข้าระบบรักษาแบบแยกกักตัวภายในที่อยู่อาศัยของตนเอง บริษัทจึงได้ร่วมกับบริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด ในเครือออริจิ้น ยกระดับการดูแลคุณภาพชีวิตของลูกบ้าน ผ่านโครงการ Origin Health Buddy "เราคือเพื่อนคุณ" เพื่ออำนวยความสะดวกในการรักษาและเฝ้าระวังอาการให้แก่ผู้ติดเชื้อโควิดตามมาตรฐานอย่างปลอดภัย

"เราตระหนักถึงความกังวลใจของลูกบ้านทุกคน จึงวางมาตรการป้องกันสูงสุด ควบคู่กับการเฝ้าติดตามสถานการณ์และประกาศจากภาครัฐอย่างใกล้ชิด ตลอดจนตั้งทีม Origin Health Buddy ที่จะเป็นเสมือนผู้ช่วยคนสำคัญสำหรับลูกบ้านระหว่างโฮม ไอโซเลชั่น ให้ได้รับความปลอดภัยและสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง"

สำหรับ Origin Health Buddy จะเป็นโครงการอำนวยความสะดวกและเป็นสื่อกลางในการประสานความช่วยเหลือแก่ผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ทุกคนภายในโครงการที่อยู่อาศัยเครือออริจิ้น ที่จำเป็นต้องเข้าระบบการรักษาแบบโฮม ไอโซเลชั่น โดยทีมนิติบุคคลและเจ้าหน้าที่จะให้ความช่วยเหลือจัดเตรียมกล่องยังชีพและอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ ยาสามัญประจำบ้าน ที่วัดอุณหภูมิ และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว พร้อมคู่มือแนะนำในการปฏิบัติตัว และเบอร์โทรติดต่อฉุกเฉิน ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการจัดส่งอาหารให้กับผู้ป่วยและลูกบ้าน และสอบถามติดตามอาการผ่านทางโทรศัพท์ทุกวัน

นอกจากนี้ บริษัทได้จัดตั้งทีมฉุกเฉิน พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชม. ตลอดระยะเวลาการรักษา 14 วัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วย และช่วยประสานไปยังทีมแพทย์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาเตียง กรณีที่ผู้ป่วยเข้าสู่อาการระดับสีเหลืองถึงสีแดงในระหว่าง โฮม ไอโซเลชั่น ให้เข้าถึงการรักษาโดยเร็วที่สุด


ทั้งนี้ ลูกบ้านเครือออริจิ้น ที่เข้าระบบรักษาแบบแยกกักตัวที่บ้าน โฮม ไอโซเลชั่นและมีความประสงค์รับอุปกรณ์และบริการอำนวยความสะดวก สามารถลงทะเบียนผ่านฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชัน Primo Plus ทั้งใน App Store และ Play Store ได้ตั้งแต่วันนี้ทั้งระบบ iOS และ Android โดยภายในฟีเจอร์ดังกล่าว จะมีหลากหลายฟังก์ชันย่อยให้ผู้รับบริการสามารถใช้ได้ประกอบการทำโฮม ไอโซเลชั่น

ด้านบริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SMART) ธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ ในเครือเอพี ไทยแลนด์ ระบุว่า ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ในครอบครัวที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง บริษัทได้จัดตั้งทีมพิเศษ 'Smart Home Isolation' ที่พนักงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว เพื่อดูแลคุณภาพชีวิตลูกบ้านในคอมมูนิตี้เครือเอพีกว่า 270 โครงการ รวมกว่า 70,000 ครัวเรือน

ด้วยการให้คำแนะนำลูกบ้านที่ต้องกักตัวและรักษาตัวเองที่บ้านพร้อมจัดทำ "ถุงห่วงใยจากใจสมาร์ท" มอบเสริมให้กับลูกบ้านที่ดูแลตนเองในรูปแบบ โฮม ไอโซเลชั่น รวมถึงการอัพเดทสถานการณ์และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ผ่านทางแอปพลิเคชัน SMART WORLD ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างสมาร์ทและลูกบ้าน ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการพบปะกับเจ้าหน้าที่นิติบุคคล ในขณะที่ธุรกรรมเรื่องบ้านและการอยู่อาศัยยังคงสามารถดำเนินได้ตามปกติ และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตินี้


"สมศรี เตชะไกรศรี" กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด ในเครือแอล.พี.เอ็น กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อรวมในประเทศเฉลี่ย 2 หมื่นคน/วัน และสถานการณ์จำนวนเตียง อุปกรณ์การแพทย์ รถพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย LPP ในฐานะผู้บริหารนิติบุคคลอาคารชุดได้จัดตั้งโครงการ "Livable Community Isolation" รองรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่ทวีจำนวนยิ่งขึ้น โดยให้ความดูแลและช่วยเหลือลูกบ้านในโครงการที่ LPP ดูแลกว่า 1.2 แสนครัวเรือน ใน 200 โครงการ ทั้งโครงการที่พัฒนาโดยบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) และโครงการภายนอก หรือ Non-LPN ให้ก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปพร้อมกัน

ทั้งนี้ การจัดเตรียมโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ในรูปแบบการแยกกักตัวรักษาที่บ้านสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการรุนแรงหรือเป็นผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียวนี้ LPP ได้รับการสนับสนุนด้านข้อมูลความรู้และหลักปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยแบบโฮม ไอโซเลชั่น จาก พญ.นาฏ ฟองสมุทร ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ สภากาชาดไทย และกรรมการแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยการจัดสัมมนาออนไลน์ให้คณะกรรมการทุกนิติฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่และบุคลากรของ LPP เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในแนวทางดำเนินการของ "Livable Community Isolation" และเพื่อให้บุคลากรในทุกชุมชนมีความพร้อมสูงสุด

สำหรับมาตรการดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วยที่ LPP จัดเตรียมให้ลูกบ้านผู้พักอาศัยภายในโครงการในรูปแบบการแยกกักตัวภายในห้องพักอาศัยนั้น จะมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยสถานพยาบาลต่างๆ ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าระบบการรักษาของรัฐตามโครงการ "โฮม ไอโซเลชั่น" และจะติดตามดูแลรวมถึงให้การสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ จนกว่าผู้ป่วยจะได้รับความปลอดภัย อุ่นใจ และพบว่าผลตรวจเป็นลบ (Negative)

โดยมีเจ้าหน้าที่ของแต่ละนิติฯ คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากหรือไม่แสดงอาการ (ผู้ป่วยสีเขียว) ภายใต้หลักการสำคัญ คือ การอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำไทม์ไลน์ของผู้ป่วยย้อนหลัง 7-14 วันเพื่อแจ้งเจ้าของร่วมหรือผู้พักอาศัยทุกท่านให้สังเกตอาการของตนเอง จัดส่งอาหาร ยา รวมทั้งสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ ยังรวมถึงการจัดเตรียมแม่บ้านคอยจัดเก็บขยะเศษอาหาร ขยะติดเชื้อตามเวลาที่กำหนดทุกวันด้วยมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง พร้อมช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหากผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือ

"เรายังอำนวยความสะดวกหากผู้ป่วยต้องไปพบแพทย์หรือหากผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงของโรคจากผู้ป่วยสีเขียวเป็นสีเหลือง ฝ่ายจัดการจะประสานงานกับโรงพยาบาลเจ้าของไข้เพื่อให้เข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งผู้ป่วยและผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก" สมศรีกล่าว
#2864


เพชรบุรี - ครูดนตรีไทยเมืองเพชร แต่งแฟนซีสอนออนไลน์ แก้ปัญหานักเรียนเบื่อเรียนออนไลน์ พบว่า นักเรียนพร้อมใจมานั่งเรียนครบทุกคน มีความสนใจในคาบวิชาได้อย่างดี นักเรียนได้ผ่อนคลาย สนุกสนานไปกับการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์

ที่โรงเรียนเทศบาล 1 บ้านชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ครูนัฐพล ม่วงทอง ครูดนตรีไทยโรงเรียนเทศบาล 1 บ้านชะอำ พร้อมด้วยครูเอกลักษณ์ ขาวผ่อง ครูโรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตาพด ในสังกัดเทศบาลเมืองชะอำ ได้ร่วมกันสอนวิชาดนตรี ในหัวข้อ หลักการฟังดนตรีของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 1 บ้านชะอำ เพื่อให้นักเรียนสนใจและไม่เบื่อการสอนแบบออนไลน์ เนื่องจากจากสถานการณ์โควิด-19 จึงมีคำสั่งให้ปิดโรงเรียน แล้วเปลี่ยนแบบการเรียนการสอนเป็นออนไลน์ พบว่านักเรียนไม่ค่อยสนใจเข้าระบบเรียน ไม่ค่อยใส่ใจการเรียนเท่าที่ควร ครูจึงคิดหาวิธีดึงดูดนักเรียนให้เข้าเรียนออนไลน์คลายเครียด พร้อมทำกิจกรรมร่วมกัน

โดยครูได้แต่งชุดแฟนซีลูกทุ่ง แต่งเป็นนักร้อง สายัญ สัญญา เสกโลโซ ญาญ่า ออกมาร้องเพลงให้นักเรียนฟังผ่านระบบออนไลน์ มีท่าทางประกอบเพื่อดึงความสนใจของนักเรียน ให้หันมาอยู่กับวิชาที่เรียน พบว่านักเรียนพร้อมใจมานั่งเรียนครบทุกคน มีความสนใจในคาบวิชาได้อย่างดี เข้าใจเนื้อหาในวิชาได้ง่ายขึ้น และนักเรียนได้ผ่อนคลาย สนุกสนานไปกับการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์

ครูนัฐพล ม่วงทอง ครูดนตรีไทยโรงเรียนเทศบาล 1 บ้านชะอำ กล่าวว่า การสอนรูปแบบออนไลน์เน้นความสนุกสนาน เข้าใจง่าย ดึงดูดให้นักเรียนที่หายจากระบบได้สนใจเข้าเรียนในระบบ ทางโรงเรียนเข้าใจว่านักเรียนที่หายจากระบบไป ที่ไม่อยากมาเรียนออนไลน์ ซึ่งผู้ปกครองบางคนพร้อมให้นักเรียนเรียนออนไลน์แต่นักเรียนไม่พร้อม บางคนผู้ปกครองไม่พร้อมก็สามารถแจ้งครูประจำชั้นมาได้ว่าบ้านไม่มีอินเทอร์เน็ต หรือติดปัญหาตรงไหน ทางโรงเรียนจะได้ทราบแต่จะแจกใบงานให้กลับไปทำที่บ้าน

สำหรับการเรียนการสอนในระบบออนไลน์แบบนี้ เพื่อให้นักเรียนได้สนุกสนาน ให้นักเรียนเข้ามาสู่ระบบการเช็กชื่อ ให้คะแนนได้ง่ายขึ้น ทางโรงเรียนอยากให้นักเรียนได้สนุกสนานไม่เครียดในการเรียนจนเกินไป จึงฝากถึงนักเรียนที่ผ่านมาโรงเรียนได้ปิดการเรียนการสอนทำให้ครู และนักเรียนไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน จึงอยากให้นักเรียนเข้ามามาเจอกัน พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดกันได้ในระบบการเรียนการสอนออนไลน์
 
#2865


วันนี้ (26 ส.ค. 64) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 18,501 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศและมาจากต่างประเทศ 18,362 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 139 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 1,120,872 ราย 

มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 229 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564 มียอดผู้เสียชีวิตสะสมสูงถึง 10,220 ราย ขณะที่ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 10,314 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 186,934 ราย กลุ่มคนไข้อาการหนัก 5,174 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจอีก 1,090 ราย ผู้ป่วยหายป่วยกลับบ้านวันนี้ 20,606 ราย สะสมตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 มี 896,195 ราย มีผลบวก ATK อีก 2,339 ราย 

10 อันดับ ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 

อัตราป่วยไทย 16,012 ต่อล้านประชากร
สำหรับสถานการณ์ในทวีปเอเชีย พบว่าประเทศที่มีผู้ป่วยต่อเนื่อง ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน ญี่ปุ่น บังคลาเทศ และไทย โดยอัตราป่วยของไทย 16,012 ต่อล้านประชากร ขณะที่อัตราตาย 147 ต่อล้านประชากร




เด็ก 12 ขวบ เสียชีวิต 1 ราย 
สำหรับรายละเอียดผู้เสียชีวิต 229 ราย เป็นเพศชาย 127 ราย หญิง 102 ราย ค่ากลางอายุ 65 ปี (12 - 97 ปี) ค่ากลางเวลาทราบผลติดเชื้อจนเสียชีวิต 10 วัน นานสุด 93 วัน โดยยังคงเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 151 ราย คิดเป็น 66% มีโรคเรื้อรัง 57 ราย คิดเป็น 25% รวม 2 กลุ่มคิดเป็น 91% โดยมีเด็ก 12 ปี เสียชีวิต 1 ราย จ.ชลบุรี มีโรคประจำตัว ได้แก่ มะเร็งต่อมไพเนียล


แนวทาง ดูแลเมื่อ "เด็กติดโควิด-19" 
แนวทางการดูแลเมื่อพบว่าลูกน้อยติดเชื้อโควิด19 โดย สถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ กรมอนามัย เผยแพร่ในเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19  มีดังนี้

1. กรณีต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล


1.1 กรณีเด็กและผู้ปกครองเป็นผู้ติดเชื้อ ให้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลร่วมกันกับผู้ปกครอง โดยเน้นให้จัดอยู่เป็นกลุ่มครอบครัว ไม่ควรแยกเด็กเล็กออกจากผู้ปกครอง


1.2 กรณีเด็กเป็นผู้ติดเชื้อแต่ผู้ปกครองไม่เป็นผู้ติดเชื้อ ให้เด็กเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลโดยมีผู้ดูแลที่ไม่มีโรคประจำตัว และอายุไม่เกิน 60 ปีเข้าดูแลเด็กด้วย หากเป็นโรงพยาบาลสนาม ควรขอจัดพื้นที่ให้เด็กและผู้ปกครองเป็นการเฉพาะ โดยแยกจากผู้ติดเชื้ออื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะสัมผัสเชื้อโรคได้

2. กรณีเฝ้าสังเกตอาการที่บ้าน (Home Isolation)


อุปกรณ์เพื่อใช้ติดตามอาการ และบรรเทาอาการเด็กที่บ้าน

ปรอทวัดไข้
ที่วัดออกซิเจนปลายนิ้ว
อุปกรณ์ที่สามารถถ่ายภาพ หรือ คลิปวิดีโออาการของเด็กได้
ยาสามัญประจำบ้านเพื่อบรรเทาอาการ ได้แก่ ยาลดไข้ (พาราเซตามอล) ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก เกลือแร่
สังเกตอาการโดยรวมของเด็กอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยระดับอาการของเด็กแบ่งเป็น 2 แบบ

อาการในระดับที่สามารถเฝ้าสังเกตอาการที่บ้านต่อไปได้ คือ มีไข้ต่ำ มีน้ำมูก มีอาการไอเล็กน้อย ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ถ่ายเหลว ยังคงกินอาหาร หรือนมได้ปกติ ไม่ซึม
อาการในระดับที่ผู้ปกครองควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำเด็กส่งโรงพยาบาล คือ ไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส หายใจหอบเร็วกว่าปกติ ใช้แรงในการหายใจมาก อกบุ๋ม ปีกจมูกบานตอนหายใจ ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 95% ซึมลง งอแง ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร
เบอร์ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำเด็กส่งโรงพยาบาล

- ติดต่อที่เบอร์สายด่วน โทร 1668 / 1669 หรือ 1330

- ติดต่อสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ทาง Line ด้วยการเพิ่มเพื่อน COVID QSNICH ที่ Line id : @080hcijL

- ลงทะเบียนข้อมูลให้ครบถ้วน หลังจากนั้นให้รอเจ้าหน้าที่ของสถาบันติดต่อกลับภายใน 24 ชม. หรือโทรสอบถามที่เบอร์ 1415
#2866


นายเฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปี 2564  เป็นเพิ่มขึ้น 80-100% จากเดิมคาดโต 10-15% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีรายได้รวม 6,715.58 ล้านบาท เนื่องจาก รายได้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เติบโตสูงกว่า 50% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และจากโควิด-19 ที่ระบาดหนัก ทำให้มีผู้ติดเชื้อเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลของบริษัทเพิ่มขึ้น  ล่าสุด จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโควิด-19 กับโรงพยาบาลในเครือ BCH รวมถึงโรงพยาบาลสนามและหอผู้ป่วยเฉพาะกิจที่บริษัทร่วมกับภาครัฐและโรงแรมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14,207 เตียง จากเดือนที่ผ่านมา 9,801 เตียง 

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปัจจัยหนุนจากปริมาณการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวมาอยู่ที่ 7-8 แสนเคสในไตรมาส 3 ปี 2564 ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น และการรับตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้แก่ลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ส่งผลให้ไตรมาส 3 ปี 2564 เป็นไตรมาสที่รายได้เติบโตโดดเด่นมากที่สุด และดีต่อเนื่องไปยังไตรมาส 4 ปี 2564 ทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก

ขณะที่การฉีดวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา สำหรับล็อตแรกจำนวน 5 ล้านโดส บริษัทได้รับจัดสรร 1.06 หมื่นโดส ซึ่งจะทยอยนำเข้า 40% ในไตรมาส 4 ปี 2564 และอีก 60% ที่เหลือจะนำเข้าในไตรมาส 1 ปี 2565 คาดว่าจะเริ่มฉีดและรับรู้รายได้ทันทีภายในสิ้นปี 2564 ส่วนล็อตที่สองจำนวน 5 ล้านโดส บริษัทได้สิทธิรับจัดสรร 1-1.2 ล้านโดส ซึ่งจะเปิดจองในไตรมาส 4 ปี 2564 และให้บริการฉีดในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ส่วนล็อตที่สามจำนวน 5 ล้านโดส คาดว่าจะเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ซึ่งบริษัทจะแจ้งความคืบหน้าสิทธิจัดจำหน่ายต่อไป

เมื่อสอบถามถึงการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ ภายหลังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) อนุมัติการใช้อย่างเต็มรูปแบบ นายเฉลิม กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้สั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ล็อตใหญ่จำนวน 30 ล้านโดส เพื่อนำเข้ามาใช้ในกรณีฉุกเฉิน ส่วนการนำเข้าเพื่อใช้ในกรณีปกติปัจจุบันอำนาจอยู่ที่ไฟเซอร์ ประเทศไทย อ้างอิงจากที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดให้ไฟเซอร์ ประเทศไทย สามารถนำข้อมูลมายื่นขึ้นทะเบียนได้เพิ่มเติม

ทั้งนี้ ส่งผลให้โรงพยาบาลเอกชนไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อโดยตรงจากไฟเซอร์ในต่างประเทศเพื่อนำเข้ามาจำหน่าย และสามารถสั่งซื้อจากไฟเซอร์ ประเทศไทย ได้โดยตรง อย่างไรก็ดี จากการสอบถาม อย.เพิ่มเติม คาดว่าการดำเนินการจริงจะกินระยะเวลาประมาณ 1 ปี และในมุมมองส่วนตัวคาดว่าไฟเซอร์ ประเทศไทย จะยังไม่พิจารณาดำเนินการในเร็วๆ นี้ เนื่องจากประเทศไทยมีข้อจำกัดทางด้านกฎหมายที่แตกต่างจากในสหรัฐ โดยไม่มีกฎหมายรองรับความเสี่ยงที่ชัดเจนในกรณีที่เกิดผลแทรกซ้อนภายหลังการฉีดวัคซีน
#2867


เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน ประกาศว่าหลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ควบคุมได้แล้ว เป้าหมายต่อไปของสหรัฐอเมริกาคือจะทำทุกวิถีทางที่จะอวสานโรคมะเร็งให้ได้

เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวอยู่บ้าง เพราะลูกชายของเขา บิว ไบเดน (Beau Biden) ก็เสียชีวิตลงไปด้วยโรคมะเร็งร้ายตั้งแต่อายุเพียงแค่ 46 ปี

ไบเดนตั้ง ดร. อีริค แลนเดอร์ (Eric Lander) ศาสตราจารย์ทางด้านพันธุศาสตร์และคณิตศาสตร์ จากเอ็มไอที หนึ่งในผู้บุกเบิกโครงการจีโนมมนุษย์ ขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาหลักทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเพื่อผลักดันนโยบายวิจัยให้ตอบโจทย์นี้ให้ได้

แม้ว่าสหรัฐจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบนิเวศน์ที่สนับสนุนการผลักดันงานวิจัยออกไปสู่ธุรกิจนวัตกรรมออกมาได้อย่างน่าประทับใจจนหลายคนมองว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนแห่งโอกาส ​แต่ทว่าในมุมมองของนักบริหาร การผลักดันงานวิจัยจากห้องทดลองสู่การใช้งานจริงนั้นยังเกิดขึ้นน้อยกว่าที่คาดหวังไปมาก ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากการให้ทุนแบบระมัดระวังเกินไป จนนวัตกรรมแบบไอเดียพลิกโลกนั้นแทบจะไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้นมา

ไบเดนให้ความสนใจเป็นพิเศษกับแนวคิดในเรื่องการให้ทุนของสำนักงานโครงการวิจัยขั้นสูงด้านกลาโหม (Defense Advance Research Projects Agency, DARPA) หรือที่หลายๆ คนเรียกกันติดปากว่าดาร์พา

ดาร์พาตั้งขึ้นเมื่อปี 1958 หลังจากที่สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 (sputnik1) ขึ้นไปสู่วงโคจรของโลกได้เป็นผลสำเร็จ โดยมีจุดมุ่งหมายคือเพื่อให้มั่นใจได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะยังคงฐานะเป็นผู้นำโลกทางด้านเทคโนโลยีอยู่


เพราะระบบการให้ทุนที่ไม่เหมือนใครของดาร์พาที่เน้นโครงการเสี่ยงสูง กำไงาม​ (high risk high rewards) จึงทำให้โครงการประหลาดๆ ที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมแบบสุดโต่งที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางเทคโนโลยีไปอย่ามหาศาล ตั้งแต่อินเตอร์เน็ต จีพีเอส โดรน ไปจนถึงวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ

โดยปกติแล้วกลไกการให้ทุนของแหล่งทุนทั่วๆ ไปคือจะจัดตั้งทีมผู้ทรงคุณวุฒิมานั่งอ่านแบบเสนอโครงการ ถามคำถาม ให้ความเห็นว่าจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนแล้วจบ อย่างมากก็อาจจะมีกลับมาอ่านอีกรอบเพื่อประเมินความก้าวหน้ารายปีแค่นั้น แต่ดาร์พาจะมีกลไกที่ต่างออกไป โดยทางดาร์พาเองจะไปยืมเอาตัวผู้เชี่ยวชาญศักยภาพสูงนับร้อยคนมาจากมหาวิทยาลัยหรือภาคอุตสาหกรรมมาเป็นผู้จัดการโครงการส่วนใหญ่ก็ระยะเวลาสามถึงห้าปี ผู้จัดการโครงการแต่ละคนจะต้องเกาะติดเรียกว่าเเทบจะเป็นหนึ่งในทีมวิจัยเลยก็ว่าได้ ทั้งต้องช่วยประสานงาน ขจัดอุปสรรคที่อาจจะมาขัดขวางการทำงาน ​กำหนดเดดไลน์และเข้าไปติดตามความก้าวหน้าของงานอยู่ตลอดเพื่อประเมินความก้าวหน้าและความเสี่ยงว่ามีโอกาสสำเร็จมากเพียงไร และควรจะให้การสนับสนุนต่อไปหรือไม่ โดยมีไกด์ไลน์ในการประเมินที่ชัดเจนที่เขียนขึ้นมาโดยอดีตผู้อำนวยการดาร์พา จอร์จ เฮลเมเออร์ เรียกว่า "ชุดคำถามของเฮลเมเออร์​ (Heilmeier Catechism)"

เนื่องจากทุนของดาร์พาส่วนใหญ่เป็นแบบเสี่ยงสูง ประเด็นสำคัญคือผู้จัดการโครงการจะต้องมีช่องให้ล้มเหลว เพราะเมื่อไรที่ทุกคนกลัวว่าโครงการจะไปไม่รอด โครงการแบบเสี่ยงสูงแต่ให้ผลพลิกโลกจะไม่มีโอกาสได้เกิด โครงการที่บางทีดูล้ำจนหลายๆ คนอาจจะมองว่าเป็นไปได้ยาก จนแหล่งทุนทั่วไปไม่กล้าให้เงิน ก็ยังอาจจะมีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากดาร์พาได้

จินตนาการ คือ มีผู้บริหารโครงการที่รู้จริงและเข้าใจมาช่วยตรวจสอบและผลักดันโครงการให้เป็นไปตามที่จะเป็น โอกาสที่จะดึงเอางานวิจัยขึ้นหิ้งให้ลงมาสู่ห้างก็อาจจะเป็นไปได้ และถ้ามีผู้จัดการโครงการที่เก่งและมีวิสัยทัศน์สูงๆ รู้ว่าเทคโนโลยีนี้จะตอบโจทย์เอกชนยังไงและใครจะเป็นพาร์ทเนอร์ในเชิงธุรกิจ งานวิจัยจะไม่จบแค่องค์ความรู้พื้นฐาน แต่จะถูกผลักดันให้กลายมาเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน หรือแม้แต่ออกมาสู้กับวิกฤตต่างๆ ได้

ไบเดนมีแผนจะตั้งอาร์พา-เอช (ARPA-H) เพื่องานวิจัยด้านสุขภาพ ภายใต้ร่มของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ (National Institute of Health, NIH) เพราะมีพันธกิจตรงกันคือ "เพื่อค้นหาองค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติและพฤติกรรมของระบบชีวิตและการประยุกต์ใช้องค์ความรู้นั้นเพื่อส่งเสริมสุขภาพ เพิ่มอายุขัย และลดการเจ็บป่วยและพิการ" โดยในปี 2022 นี้จะมีแผนการจะสนับสนุนงบประมาณจำนวน 6.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ เกือบๆ สองแสนสองหมื่นล้านบาทเพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์แบบล้ำยุค อย่างวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอต้านมะเร็ง อุปกรณ์สวมใส่(wearable) เพื่อติดตามอาการโรคเบาหวานและอัลไซเมอร์แบบเรียลไทม์ ระบบพัฒนาวัคซีนภายใน 100 วัน และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งก็คงต้องลุ้นต่อไปว่าจะแนวคิดการบริหารจัดการโครงการวิจัยแบบนี้จะไปได้ไกลถึงฝั่งฝันอย่างทีดาร์พาเคยทำไว้ได้หรือเปล่า

"การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในช่วงสิบปีข้างหน้าจะเห็นได้ชัดเจนกว่าที่เคยพบเจอมาในช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมารวมกันเสียอีก เห็นได้จากความไวในการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และอีกหลายๆ เทคโนโลยี" ไบเดน กล่าว "ผมไม่เห็นการลงทุนอะไรที่จะคุ้มค่ามากไปกว่านี้ และผมก็นึกไม่ออกว่าจะมีอะไรที่ทุกฝ่ายจะเห็นชอบร่วมกันได้แบบนี้อีก และมันอยู่ในขอบข่ายที่เราจะทำได้"

นอกจากอาร์พา-เอช เพื่อสุขภาพแล้ว สหรัฐยังมีโครงการอาร์พา-อี (ARPA-E) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน และอาร์พา-ซี (ARPA-C) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มต้นได้อย่างสวยงามและดูมีอนาคตไกล แต่จะไปได้ไกลแค่ไหน แล้วจะมีอุปสรรคอะไร อย่างไรบ้าง คงต้องติดตามดูต่อไป

ในเวลานี้ หลายประเทศได้ริเริ่มองค์กรให้ทุนเพื่อสร้างระบบนิเวศน์งานวิจัยใหม่แนวๆ เสี่ยงสูง กำไรงามแบบเดียวกับดาร์พากันบ้างเเล้ว เช่นสำนักงานวิจัยและประดิษฐ์ขั้นสูง (Advanced Research and Invention Agency) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าเอเรีย (ARIA) ในสหราชอาณาจักร โครงการมูนช๊อต (moonshot) ของญี่ปุ่น และโครงการ SPRIN-D ของเยอรมนี

นี่อาจจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจในการผลักดันเทคโนโลยีดีปเทคให้ไปได้ไกลกว่าที่เคยทำมา การสร้างระบบนิเวศน์วิจัยและวิชาการที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการผลักดันงานวิจัยนวัตกรรมให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีใหม่อุตสาหกรรม
#2868


เชียงราย - ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา อปท.ร่วมหนุน "ศิลปินขัวศิลปะ" เดินหน้าปรับโฉมเมืองเชียงราย รังสรรค์ wall art แกลเลอรี โชว์ศิลปะร่วมสมัยปั้นแลนด์มาร์กใหม่ รับเมืองแห่งศิลปะ-รอยูเนสโกประเมิน/ดันชื่อขึ้นชั้นสากล

ขณะนี้..กำแพงรอบอาคารเฉลิมพระเกียรติ 90 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ ศูนย์การเรียนรู้ เทศบาลนครเชียงราย กว้าง 2.50 เมตร ยาวประมาณ 58 เมตร ได้ถูกพลิกโฉมกลายเป็นแกลเลอรีแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย "wall art เชียงรายเมืองศิลปะ" ที่งดงาม ดึงดูดความสนใจและความประทับใจจากผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา ชนิดที่ต้องย้อนกลับมาดูซ้ำกันถ้วนหน้า

โดยเฉพาะกำแพงตั้งอยู่ติดกับถนนกลางเวียงก่อนถึงสะพานขัวพญามังรายที่มีผลงานทางศิลปะภาพวาดบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองเชียงราย ฯลฯ อยู่ตามข้างถนน ทำให้บริเวณดังกล่าวดูงดงาม รวมทั้งเริ่มมีผู้คนสนใจเข้าไปเดินเที่ยวชมอย่างต่อเนื่อง

อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ กล่าวว่า wall art นี้ศิลปินได้ร่วมกันวาดด้วยสีอะคริลิกตั้งแต่วันที่ 22-24 สิงหาคม เป็นเวลา 3 วันเต็ม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมชื่อ "ย่านสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัยในพื้นที่เชียงราย" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานวัฒนธรรม จ.เชียงราย โดยการประสานงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง รวมทั้งทางเทศบาลนครเชียงรายได้อนุญาตหน่วยงานที่ดูแลสถานที่ด้วย

ผลงานนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการที่เชียงรายได้รับการยกให้เป็นเมืองศิลปะของประเทศไทยและเตรียมรองรับการเป็นเจ้าภาพจัดงานศิลปะระดับโลก "ไทยแลนด์อาร์ตเบียนนาเล่ เชียงราย" ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าด้วย โดยเป็นภาพเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อน้อมรำลึกถึงสมเด็จย่า และภาพสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรมและประเพณีต่างๆ ของเชียงราย



อาจารย์สุวิทย์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมเมืองให้มีความพร้อมรับตัวแทนขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ที่จะเข้าไปดู จ.เชียงรายช่วงเดือน พ.ย. 2564 เพื่อประเมินการเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์อีกด้วย ซึ่งหากได้รับการคัดเลือกก็จะทำให้เชียงรายได้รับการยกระดับสู่สากลขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ ตัวแทนยูเนสโกจะสุ่มเดินทางไปดูในพื้นที่หลายจุดโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้บรรดาศิลปินชาวเชียงรายได้พยายามร่วมกับหน่วยงานต่างๆ สร้างสรรค์ผลงานไปทั่วเมืองเชียงรายเพื่อให้สมกับการเป็นเมืองที่สร้างสรรค์ของยูเนสโก โดยก่อนหน้านี้ศิลปินชาวเชียงรายเคยวาดภาพ wall art ที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่ 1 และ 29 สิงหาฯ นี้ศิลปินจะไปวาดภาพ wall art บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.เชียงของ รวมทั้งในอนาคตยังมีแนวทางจะร่วมกับเทศบาลนครเชียงรายวาดภาพในลักษณะเดียวกันบนถนนสิงหไคลด้วย

นายพิสันต์ สกุล จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรม จ.เชียงราย กล่าวว่าที่ผ่านมาเชียงราย ได้ปูพื้นฐานในการสร้างสรรค์ให้เป็นเมืองศิลปะมาได้กว่า 3 ปีแล้ว เพราะเราเป็นจังหวัดที่มีศิลปินจำนวนมากและหลากหลายสาขา กรณีของ wall art ถือเป็นส่วนหนึ่งของศิลปะที่งดงาม



และหลังจากเสร็จกิจกรรมในเขตเทศบาลนครเชียงรายในครั้งนี้ก็จะไปสร้างสรรค์ wall art กันต่อที่ถนนเลียบแม่น้ำโขงตรงระเบียงริมโขง อ.เชียงของ ความยาวประมาณ 30 เมตร นอกจากนี้ยังแสวงหากิจกรรมทางศิลปะในจุดต่างๆ ต่อไป โดยเฉพาะในเขตนครเชียงรายที่มีย่านเมืองเก่าหลายแห่ง ส่วนหนึ่งก็เพื่อรองรับการเข้าไปประเมินของตัวแทนองค์กรยูเนสโกดังกล่าว

ด้านนายธเนศ โกมลธง รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า นายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ร่วมกับศิลปินในการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะในเมืองเชียงรายมาอย่างต่อเนื่อง และได้สร้างสรรค์ผลงานมาแล้วหลายสถานที่ ในอนาคตคาดว่าสถานที่ต่อไปที่จะดำเนินการคือสวนตุงและโคมนครเชียงราย ถนนธนาลัย ซึ่งอยู่กลางตัวเมืองเชียงรายด้วย
#2869
ทำไมข้าวเกษตรอินทรีย์ ( ข้าวปลอดสารพิษสุรินทร์) ถึงแพงกว่าข้าวธรรมดา     รูปภาพสำหรับข้าวอินทรีย์   นโยบายส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์  ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างก็ให้ความสนใจกับการดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น  อย่างยิ่งกับการเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัยซึ่งมีมากมายหลากหลายในปัจจุบัน  รวมถึงผลผลิตจากระบบเกษตรอินทรีย์ที่เป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคทั้งหลายให้ความไว้วางใจ  แต่ก็ยังมีคำถาม ข้อสงสัย ติดอันดับยอดนิยมจากผูบริโภคว่า  "ทำไมข้าวเกษตรอินทรีย์ถึงราคาแพงกว่า ทั่วไป ทั้งที่ข้าวในนาผลิตตามธรรมชาติ ไม่ต้องมีต้นทุนปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง"    การผลิตข้าวอินทรีย์  ข้อมูลจากเวปไซด์ขององค์กรการอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าวถึงข้อเท็จจริงบางประการข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษที่เป็นเหตุผลของราคาผลผลิตและสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สูงกว่าเอาไว้  ดังนี้- ฟาร์มเกษตรอินทรีย์มีขนาดเล็ก ใช้แรงงานต่อหน่วยในการผลิตมากกว่าฟาร์มทั่วไป (สาเหตุหนึ่งที่ต้นทุนการผลิตสูง)
- ค่าใช้จ่ายในขบวนการหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตเกษตรอินทรีย์ ปลูกข้าวออแกนิค  สูงกว่าเพราะในการขนส่ง หรือแปรรูปจะต้องแยกออกจากผลผลิตทั่วไปอย่างชัดเจน
- ปริมาณของข้าวเกษตรอินทรีย์ค่อนข้างน้อย ทำให้ค่าใช้จ่ายในการกระจายสินค้าต่อหน่วยของ ข้าวปลอดสารพิษ ออกสู่ตลาดนั้นสูงกว่าผลผลิตทั่วไป
- ข้าวเกษตรอินทรีย์ทำให้เกษตรกรได้รายได้ที่เป็นธรรมและพอเพียง
- ข้าวเกษตรอินทรีย์ข้าวอินทรีย์กรมการข้าว  มีการจัดการมาตรฐาน คุ้มครองสัตว์เลี้ยงในฟาร์มได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
- และสุกท้ายที่สำคัญที่สุด ข้าวเกษตรอินทรีย์มีจำนวนจำกัดเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้บริโภค
เพื่อความมั่นใจถึงความเป็นข้าวออร์แกนิคที่แท้จริงของเรา  




ข้าวฮอร์ (HOR) ขายข้าวอินทรีย์, กลุ่มข้าวอินทรีย์ ได้รับมาตรฐาน 
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้"  จากกรมการข้าว  จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   ในประเภทของ 
2.1  ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)  
2.2  ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)  
2.3  ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวเกษตรอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวorganicส่งทั่วไทย   ข้าวออร์แกนิคแฟร์เทรด
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : xn--22c6bf3bcuv6dva2b1ntb.com/
Facebook :   hor-boutique.lnwshop.com/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ ข้าวออแกนิคคือ   กลุ่มข้าวอินทรีย์ส่งทั่วไทย
1.   ข้าวหอมมะลิเกษตรอินทรีย์ 
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์ 
3. ข้าวปะกาอำปึลออแกนิคคือ
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์
6.  ข้าวมะลินิลออแกนิคสำหรับทารก
7. ข้าวไรซ์เบอรี่   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค  #ข้าวออแกนิก #ข้าวอินทรีย์ 
#ข้าววสุขภาพ  #ข้าวเกษตรอินทรีย์
#2870


นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากในไตรมาส 3/2564 ได้จ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 1 มีกำลังการผลิตขนาด 20 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะรับรู้รายได้ทันทีตั้งแต่ในไตรมาส 3/2564 ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือรวม 177 เมกะวัตต์

สำหรับโครงการพลังงานลมในเวียดนาม ขนาด 48 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถ COD ได้ภายในไตรมาส 4/2564 ตามแผนที่วางไว้ รวมถึงบริษัทฯ จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลังผลิต 9.9 เมกะวัตต์ หลังจากได้ทำรายการซื้อหุ้นของบริษัทยูนิ พาวเวอร์ เทค จำกัด (UPT) จากกลุ่มผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ทำให้มั่นใจว่าในปี 2564 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศทะลุ 200 เมกะวัตต์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

"แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงรักษาการเติบโตได้เป็นอย่างดี แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ทุกอย่างยังเดินหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งบริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตที่สูงขึ้น ดังนั้น จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน"

ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทฯเตรียมขยายการลงทุน Solar Rooftop ในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าภายในปี 2564 จะ COD ได้ประมาณ 16 เมกะวัตต์ รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 2 ในญี่ปุ่นขนาด 17 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการ คาดว่าจะ COD ได้ปี 2566 โดยบริษัทตั้งเป้าหมายไว้จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มไปถึงระดับ 400 เมกะวัตต์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า
#2871


กลายเป็นเรื่องราวโด่งดังไปถึงเว็บไซต์ต่างประเทศ เมื่อ โรดริโก้ ซิลวา หรือ ดิเกา ปราการหลังของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกมาเปิดเผยผ่านสื่อนอกว่าคลิปการเปิดตัวเสื้อชุดที่ 3 ของต้นสังกัดต้องใช้เวลา 8 ชั่วโมง แถมมีการยื่นข้อเสนอหากไม่เต้นก็ต้องถ่ายรูปกับ งู หรือ กิ้งก่า

โดยคลิปการเปิดตัวชุดแข่งสีส้ม หรือชุดที่ 3 ของ 'ปราสาทสายฟ้า' ที่มีการนำผู้เล่นต่างชาติของสโมสร 4 ราย มาเต้นโปรโมตชุดแข่งดังกล่าว เรียกเสียงฮาให้กับแฟนคลับ

ล่าสุด ดิเกา กองหลังชาวบราซิล เผยกับสื่อมวลชนในบ้านเกิดถึงเบื้องหลังคลิปดังกล่าวว่า "คุณกรุณา ชิดชอบ เป็นคนที่เล่นแอป TikTok อยู่แล้วในประเทศไทย เธอเห็นวิดีโอเต้นและร้องเพลง เลยนำมาเป็นไอเดียเปิดตัวเสื้อแข่งตัวที่ 3 ของทีม ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย (หัวเราะ) แต่ผมสนุกมากๆ มันเป็นวันผ่อนคลาย เราหัวเราะกันเยอะมากๆ เราใช้เวลานานถึง 8 ชั่วโมงในการถ่ายทำ"

"สิ่งที่ตลกที่สุดคือข้อเสนอของคุณกรุณา เธอมีทางเลือกให้ผมสองทาง ให้เราถ่ายรูปกับงู, กิ้งก่า และสัตว์เลื้อยคลาน พร้อมกับเสื้อใหม่ หรือให้เราเต้น ซึ่งเราไม่ได้คิดถึงทั้งสองอย่างเลย (หัวเราะ)"
#2872


บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) รับรางวัล เวิลด์ แบรนดิ้ง อวอร์ด (World Branding Awards) ในฐานะแบรนด์แห่งปี (Brand of the Year : National Tier 2020-2021) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 สำหรับ แบรนด์ พีทีที สเตชั่น (PTT Station) และแบรนด์ คาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) โดยทั้ง 2 แบรนด์ถือเป็นแบรนด์ไทยเพียงแบรนด์เดียวที่ได้รับรางวัลในหมวดธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน (Petrol/Gas Category) และหมวดธุรกิจกาแฟ (Retailer-Coffee Category) ตามลำดับ ถือเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของ โออาร์ ในการมุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดความสำเร็จของโมเดลธุรกิจในประเทศเพื่อก้าวสู่สากลจนเป็นที่ยอมรับในเวทีชั้นนำระดับโลก และแสดงถึงศักยภาพและความพร้อมของ โออาร์ ในการนำพาแบรนด์ไทยไปเติบโตในต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และความภาคภูมิใจให้กับคนไทย และเป็นไปตามกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของ โออาร์ ที่มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน ตอบโจทย์คนเดินทางในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตที่ครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ทั้งนี้ รางวัล เวิลด์ แบรนดิ้ง อวอร์ด (World Branding Awards) เป็นรางวัลที่มอบให้กับแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลก โดยมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ เวิลด์ แบรนดิ้ง ฟอรั่ม (World Branding Forum) เป็นผู้ตัดสิน ด้วยหลักเกณฑ์ 3 ด้าน ได้แก่ การประเมินคุณค่าของแบรนด์ (Brand Valuation) การได้รับการยอมรับจากสาธารณชนผ่านระบบออนไลน์ และผลการวิจัยผู้บริโภคในตลาดนั้น ๆ

ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจน้ำมันของ โออาร์ ครองส่วนแบ่งตลาดรวมน้ำมันเป็นอันดับ 1 ในประเทศมายาวนานกว่า 27 ปี โดยมีธุรกิจที่โดดเด่น ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ซึ่งมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันครอบคลุมทั่วประเทศรวมกว่า 2,024 แห่ง และในประเทศลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และเมียนมา รวมกว่า 343 แห่ง อีกทั้งยังมีธุรกิจร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างดี โดยมีจำนวนสาขาในประเทศรวมกว่า 3,432 สาขา และในประเทศลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมา สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ญี่ปุ่น โอมาน และเวียดนาม รวมกว่า 297 สาขา
#2873


นายปวิณ วรพฤกษ์ CEO บริษัท ติงส์ ออน เน็ต จำกัด ผู้เชี่ยวชาญและผู้นำด้านไอโอทีโซลูชันครบวงจร เปิดเผยว่า จากข้อมูลของ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ในปี 2562 ระบุว่า การขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) จากตัวเลขประมาณการของประเทศไทย มีมูลค่าราว 2.6 หมื่นล้านบาท หรือมีสัดส่วนประมาณ 5% ของตลาดโลจิสติกส์ทั้งหมด

"ความต้องการใช้บริการ Cold Chain Logistics มีแนวโน้มเติบโต 8% CAGR (Compound Average Growth Rate) ในปี 2562 - 2565"

ปัจจุบัน Cold Chain Logistics เข้ามามีบทบาทสำคัญในภาคการขนส่ง โดยทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์อัจฉริยะ เพื่อควบคุมอุณหภูมิห้องเย็น หรือตู้แช่สินค้า ทั้งแบบแช่เย็นและแช่แข็งของรถขนส่งให้เหมาะสมกับอาหารและวัตถุดิบแต่ละประเภท ล็อกอุณหภูมิเพื่อให้ความเย็นคงที่ในจุดที่เหมาะสมตลอดกระบวนการ ตั้งแต่สายการผลิต การขนส่ง และการวางจำหน่าย ไปถึงมือผู้รับปลายทางในอุตสาหกรรมค้าปลีก หรือธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจนถึงมือผู้บริโภค

ขณะที่ประเทศไทยมีการวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2560-2564) ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) เพื่อยกระดับการบริหารจัดการโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานของภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมให้ได้มาตรฐาน รวมถึงพัฒนาระบบโซ่ความเย็น (Cold Chain System) เพื่อลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งกระบวนการ ช่วยลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่การผลิต และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

ติงส์ ออน เน็ต จึงพยายามโปรโมทไอโอทีโซลูชันตรวจจับอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งสามารถตรวจวัดอุณหภูมิได้ในช่วงตั้งแต่ -40 องศา ถึง 125 องศา ตรวจวัดความชื้นได้ตั้งแต่ระดับ 0-100% มีประสิทธิภาพและความแม่นยำเพื่อตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้น บอกค่าได้อย่างละเอียดในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน สามารถแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติได้ทันท่วงที มีระบบจัดเก็บข้อมูลต่างๆ อย่างปลอดภัย ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับพัฒนาการให้บริการขนส่งต่อไปได้
"การทำงานของ Cold Chain Logistics นอกจากจะช่วยให้รถขนส่งสามารถล็อกอุณหภูมิในห้องเย็นให้คงที่และเหมาะสมกับประเภทของสินค้าจากต้นทางถึงปลายทาง ยังช่วยแก้ปัญหา Food Waste อันเกิดจากกระบวนการขนส่งที่ผิดพลาด ขาดการควบคุมอุณหภูมิที่ดีพอ อันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้วัตถุดิบหรืออาหารเกิดการเน่าเสียหรือเสื่อมคุณภาพก่อนถึงมือผู้รับ" ติงส์ ออน เน็ต อธิบาย



ในกรณีขนส่งข้ามประเทศ โซลูชันควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอัจฉริยะนี้จะทำงานบนโครงข่ายซิกฟอกส์ (Sigfox) เทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบ LPWAN ที่มีเครือข่ายครอบคลุม 72 ประเทศทั่วโลก ผู้ประกอบการสามารถตรวจวัดค่าอุณหภูมิและความชื้นจากที่ใดก็ได้ เมื่อใดก็ได้ ตามต้องการผ่านการแสดงผลบนมือถือ แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ ขณะที่ตัวเซ็นเซอร์อัจฉริยะมีขนาดกะทัดรัด สะดวกต่อการใช้งาน ไร้สาย ติดตั้งง่าย ไม่ต้องเดินระบบสายไฟ และถูกออกแบบให้ใช้พลังงานต่ำ แบตเตอรี่สามารถชาร์จซ้ำได้ อายุการใช้งานนานหลายปี จึงช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการได้

จุดนี้ ติงส์ ออน เน็ตย้ำว่าไอโอทีโซลูชันตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้นของบริษัทได้รับการรับรองให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร โรงพยาบาล เวชภัณฑ์ และธุรกิจได้หลากหลาย ทั้งในโรงเรือน พื้นที่เกษตร ฟาร์มปศุสัตว์ บนตู้ขนส่งสินค้า คลังสินค้า ชั้นวางสินค้าในห้างสรรพสินค้า การเก็บรักษาเวชภัณฑ์ หรือแม้แต่ในห้องเย็นของร้านอาหาร การควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้คงระดับความเย็นเพื่อรักษาความสด (Fresh) สำหรับอาหาร และผลิตภัณฑ์แช่เย็น (Cool) หรือแช่แข็ง (Freeze)

นอกจากไอโอทีโซลูชันสำหรับตรวจจับอุณหภูมิและความชื้นแล้ว ติงส์ ออน เน็ต ยังมีเทคโนโลยีครบวงจรสำหรับติดตามรถขนส่ง IoT Solution Asset Tracking โซลูชันติดตามทรัพย์สินที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ ด้วยอุปกรณ์ติดตามแบบไร้สาย ติดตั้งและบำรุงรักษาง่าย ประหยัดพลังงาน แบตเตอรี่อายุใช้งานยาวนานโดยไม่ต้องชาร์จ สามารถระบุพิกัดและตำแหน่งของรถห้องเย็น ตู้คอนเทนเนอร์ รวมทั้งอุปกรณ์ส่วนควบในการขนส่ง เช่น พาเลท พัสดุ หรือรถเข็น ได้อย่างแม่นยำ และมีความเสถียร ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคลังสินค้าและยานพาหนะห้องเย็น ไร้ปัญหาการโดนกวนสัญญาณด้วยจุดเด่นของอุปกรณ์ติดตามอัจฉริยะที่สามารถส่งสัญญาณได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ Sigfox Connectivity, GPS, Wi-Fi และ Bluetooth

ขณะเดียวกัน จุดเด่นของ Massive IoT ยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT จำนวนมากได้พร้อมๆ กัน จึงช่วยให้ระบบทำงานอย่างมีเสถียรภาพ รวดเร็ว แม่นยำ สามารถติดตามและรายงานข้อมูลการทำงานแบบรอบด้าน รวมถึงความผิดปกติต่างๆ ของยานพาหนะขนส่งจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้ เช่น เมื่อรถขนส่งวิ่งออกนอกขอบเขตพื้นที่ที่กำหนด ระบบจะแจ้งเตือนไปยัง application ที่ถูกกำหนด ผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลที่ได้มาประเมินวิเคราะห์และสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับห่วงโซ่ของธุรกิจ

โซลูชันไอโอทีจึงเป็นเทคโนโลยีเหนือชั้นที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพธุรกิจขนส่งอาหาร ทั้งแบบสด แปรรูป แช่เย็นและแช่แข็ง ช่วยให้ผู้บริการขนส่งสามารถบริหารจัดการซัพพลายเชนแบบครบวงจร.
#2874


วันนี้ (24 ส.ค. 2564) นายวิลาศ เฉลยสัตย์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEAร่วมแสดงความยินดีในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 61 ปี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พร้อมสนับสนุนเงินสำหรับการผลิตเครื่องจ่ายออกซิเจน High Flow พร้อมระบบมอนิเตอร์ทางไกล จำนวน 40 เครื่อง ในโครงการ "ให้เพื่อต่อลมหายใจ" ของ สจล. เป็นจำนวน 2.2 ล้านบาท โดยมี นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สจล. เป็นผู้รับมอบ ณ อาคารกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สจล.

รองผู้ว่าการ MEA เปิดเผยว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีภารกิจที่สำคัญในการขับเคลื่อนพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร พร้อมสนับสนุนทุกภาคส่วนรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และจากสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่นี้ ทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมากที่มีภาวะติดเชื้อลงปอด เกิดการหายใจที่ไม่สะดวกหรือเหนื่อยหอบง่าย MEA จึงเร่งสนับสนุนงบประมาณ 2.2 ล้านบาท แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สำหรับผลิตเครื่องจ่ายออกซิเจน High Flow จำนวน 40 เครื่อง เพื่อนำไปมอบให้โรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาลที่ขาดแคลนให้มีอุปกรณ์ในการรักษาผู้ป่วย COVID-19 อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ สจล. ถือเป็นหน่วยงานแรกของไทยที่สามารถพัฒนาเครื่องจ่ายออกซิเจน High Flow เพื่อช่วยพยุงการหายใจของผู้ป่วย โดยแพทย์จะกำหนดอัตราไหลเวียนอากาศ ความเข้มข้นของออกซิเจนที่ต้องการ ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ก่อนปล่อยผ่านทางจมูกได้อย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ พร้อมด้วย ระบบมอนิเตอร์ทางไกลเพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและติดตามอาการผู้ป่วยทางไกล โดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับต่างประเทศ แต่ราคาเพียงเครื่องละ 55,000 บาท ซึ่งถูกกว่าเครื่องนำเข้า 3-4 เท่า

ที่ผ่านมา MEA ได้ให้การสนับสนุนทุกภาคส่วนในทุกมิติ เช่น การออกแบบติดตั้งจัดการระบบไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการใช้ไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในโรงพยาบาลสนามหลายพื้นที่ ทั้งในด้านระบบแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ ระบบปั๊มน้ำและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ และแผนรองรับการจ่ายไฟฟ้าในอนาคตอีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้ให้ความช่วยเหลือแก่ทุกภาคส่วน โดยสนับสนุนงบประมาณการบริหารจัดการพลังไฟฟ้าให้กับ รพ.บุษราคัม ส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งของจำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่างๆ ส่งมอบอาหารกล่องจำนวน 10,000 กล่อง ในโครงการ Food For Fighters รวมถึงการเร่งลงพื้นที่ส่งมอบถุงยังชีพและหน้ากากอนามัยจำนวนกว่า 300,000 ชิ้น ให้แก่ชุมชนในพื้นที่บริการ พร้อมจัดให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและให้บริการแก้ไขไฟฟ้าขัดข้องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ทุกภาคส่วนร่วมสู้วิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

#พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร
Energy for city life, Energize smart living
#2875


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 24 ส.ค. 2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval) โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,366.26 จุด เพิ่มขึ้น 30.55 จุด หรือ +0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,486.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.70 จุด หรือ +0.15% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,019.80 จุด เพิ่มขึ้น 77.15 จุด หรือ +0.52%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้นล็อตใหญ่ก่อนการประชุมธนาคารกลางทั่วโลกประจำปีซึ่งจัดขึ้นโดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิ่งของสหรัฐในวันพรุ่งนี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 471.79 จุด ลดลง 0.09 จุด หรือ -0.02%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,664.31 จุด ลดลง 18.79 จุด หรือ -0.28% แต่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,905.85 จุด เพิ่มขึ้น 53.06 จุด หรือ +0.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,125.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.76 จุด หรือ +0.24%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มเวชภัณฑ์ แต่ความวิตกเกี่ยวกับการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางต่างๆ นั้นทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,125.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.76 จุด หรือ +0.24%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval) นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังพุ่งขึ้นหลังมีรายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทพีเม็กซ์ในเม็กซิโกประสบเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งส่งผลให้การผลิตน้ำมันของบริษัทดังกล่าวปรับตัวลดลง

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 67.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.30 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 71.05 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของเฟด

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.2 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ 1,808.5 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 23.8 เซนต์ หรือ 1.01% ปิดที่ 23.894 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่ 1,010.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 57.40 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 2,442.50 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval)

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% แตะที่ 92.8941 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.68 เยน ขณะเดียวกันดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2594 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2645 ดอลลาร์แคนาดา แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9126 ฟรังก์ จากระดับ 0.9124 ฟรังก์

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1754 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1748 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3730 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3729 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7256 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7216 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 35,366.26 จุด เพิ่มขึ้น 30.55 จุด, +0.09%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,486.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.70 จุด, +0.15%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 15,019.80 จุด เพิ่มขึ้น 77.15 จุด, +0.52%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,125.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.76 จุด, +0.24%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,664.31 จุด ลดลง 18.79 จุด, -0.28%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,905.85 จุด เพิ่มขึ้น 53.06 จุด, +0.33%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 55,958.98 จุด เพิ่มขึ้น 403.19 จุด, +0.73%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,089.50 จุด ลดลง 20.33 จุด, -0.33%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,553.37 จุด เพิ่มขึ้น 30.94 จุด, +2.03%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,678.82 จุด เพิ่มขึ้น 87.15 จุด, +1.32%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,107.62 จุด เพิ่มขึ้น 20.06 จุด, +0.65%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 25,727.92 จุด เพิ่มขึ้น 618.33 จุด, +2.46%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,514.47 จุด เพิ่มขึ้น 37.34 จุด, +1.07%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 16,818.73 จุด เพิ่มขึ้น 76.89 จุด, +0.46%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,138.30 จุด เพิ่มขึ้น 48.09 จุด, +1.56%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,732.10 จุด เพิ่มขึ้น 237.86 จุด, +0.87%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,503.00 จุด เพิ่มขึ้น 13.10 จุด, +0.17%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,773.70 จุด เพิ่มขึ้น 12.60 จุด, +0.16%
#2876


มหกรรมกีฬา 'พาราลิมปิก โตเกียว 2020' จะเปิดฉากการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ค่ำวันที่ 24 สิงหาคม นี้ โดย สมเด็จพระจักรพรรดิ นารุฮิโตะ เสด็จเป็นประธานพิธีเปิด ณ โอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค 'โควิด-19' มีผู้ชมเข้าสนามได้ 75 คน

ขณะที่พิธีเปิดเมื่อวันที่ 24 ส.ค.64 พิธีเปิดการแข่งขันนั้น สมเด็จพระจักรพรรดิ นารุฮิโตะ ได้เสด็จเป็นประธานพิธี พร้อมด้วย โธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี)  และ แอนดรูว พาร์สัน ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกสากล (ไอพีซี)  ซึ่งกำหนดการเริ่มจากสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ได้ประกาศถ้อยคำแถลงการแข่งขัน 'พาราลิมปิก โตเกียว 2020' โดยทางญี่ปุ่น และไอพีซี นำเสนอรูปแบบพิธีเปิดแสดงถึง 'การก้าวไปข้างหน้าด้วยกันด้วยปีกของเรา' เป็นการสร้างจิตสำนึกในความกล้าหาญของนักกีฬาพาราลิมปิกที่พยายามจะกางปีกไม่ว่าลมจะพัดไปทางไหน

ต่อด้วยการแสดงของทางเจ้าภาพที่เน้นสื่อความหมายถึงการจับมือกันของมวลหมู่ชาติสมาชิกพาราลิมปิกเกมส์ การให้เกียรติ และความกล้าหาญของนักกีฬา ความสามัคคีกันโดยใช้ดนตรีเป็นสื่อถึงเสียงของความปรองดอง สมานฉันท์ ภายใต้คอนเซปต์ 'หลากทำนองสอดประสาน'

จากนั้นเข้าสู่ขบวนพาเหรดของทัพนักกีฬาจาก 183 ประเทศเข้าสู่สนาม โดยทัพนักกีฬาไทย เดินเข้าสู่สนามเป็นลำดับที่ 91 มี พล.ต.โอสถ ภาวิไล หัวหน้าคณะนักกีฬาพาราลิมปิกไทย นำขบวน และมี 'กร' พงศกร แปยอ นักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งเจ้าของ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน พาราลิมปิกเกมส์ 2016 วัย 25 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น และ 'นก' สุบิน ทิพย์มะณี นักกีฬาบอคเซียเจ้าของเหรียญทองประเภททีมบีซี 1-2 พาราลิมปิกเกมส์ 2016 ร่วมกันถือธงไตรรงค์นำคณะนักกีฬาไทยเข้าสู่สนามเพื่อแสดงออกถึงความเท่าเทียมกันทางเพศ

ช่วงสุดท้ายนักกีฬาทุกชาติร่วมกันประกาศสัตยาบันร่วมกันให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ความสามัคคีกัน รักใคร่ปรองดอง ก่อนที่จะมีพิธีจุดไฟในกระถางคบเพลิงซึ่งเจ้าภาพเน้นเรียบง่าย และปิดท้ายที่การจุดพลุไฟเฉลิมฉลองเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
#2877


สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อตลาดโรงแรมระดับลักชัวรีในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า ภาพรวมอุปทาน ณ สิ้นครึ่งแรกปี 2564 ยังคงอยู่ที่ประมาณ 12,943 ห้องพัก ไม่พบว่ามีโรงแรมระดับลักชัวรีเปิดบริการใหม่ในช่วงที่ผ่านมา มีเพียงแค่โรงแรมระดับอัปสเกลและมิดสเกลเปิดบริการใหม่จำนวน 2 โรงแรม รวมทั้งสิ้น 371 ห้องพัก คือ โรงแรมมายเทรียณ์ พระราม 9 กรุงเทพฯ-เอ ชาเทรียม คอลเลคชั่น เปิดบริการในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 230 ห้องพัก และโรงแรม เดอะ ควอเตอร์ สีลม บาย ยูเอชจี พัฒนาโดย เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 141 ห้องพัก และมีอีกหนึ่งโรงแรมคือ โอ๊ควู๊ด โฮเทล แอนด์ เรสซิเด้นท์ แบงค็อก เป็นการรีโนเวตมาจากโรงแรมแอสเทรา สาทร และเปิดบริการใหม่ จำนวนห้องพัก 142 ห้องพัก

'เราพบว่ามีโรงแรมระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดบริการในช่วงครึ่งหลังปี 64 อีกประมาณ 4 แห่ง ประมาณ 726 ห้องพัก และในปีถัดไปอีกประมาณ 600 ห้องพัก และพบว่ามีโรงแรมระดับลักชัวรีในพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณ 2 โครงการ 423 ห้องพัก ยังคงเลื่อนการเปิดตัวออกไปจากในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา และอาจมีการปรับแผนและทบทวนการเปิดตัวใหม่อีกครั้งหากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกและในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง' นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย จำกัด กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลดำเนินการจัดหาวัคซีน และขับเคลื่อนแผนการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากขึ้น และสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 4 ในประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว สามารถผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ให้ธุรกิจต่างๆ กลับมาดำเนินกิจการได้ตามปกติในระยะเวลาที่รวดเร็ว อาจส่งผลให้ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการบางรายที่ปิดกิจการชั่วคราวในช่วงก่อนหน้าอาจสามารถกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้งตามแผนของผู้ประกอบการที่วางไว้

นอกจากนี้ รัฐบาลควรให้การสนับสนุนค่าจ้างแรงงานคนละครึ่งร่วมกับผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรม (โค-เปย์) ฝั่งละ 7,500 บาทต่อเดือน (หรือประมาณ 3,375 ล้านบาท) สำหรับค่าจ้างแรงงานไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน จากพนักงานโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องที่มีทั้งหมดราว 4.5 แสนคน พิจารณาลดจำนวนวันที่นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถเดินทางออกจากการกักตัวได้จาก 14 วันเหลือ 7 วัน และที่สำคัญที่สุด ควรเร่งการฉีดวัคซีนในพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศซึ่งถือว่าเป็นรายได้หลักของประเทศให้กลับมาฟื้นตัวในระยะเวลที่รวดเร็ว

สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวลดลงอย่างมาก ซึ่งจากเดิมคาดการณ์ในปี 64 ไว้ประมาณ 10 ล้านคน แต่ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์สฯ มองว่า คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้อาจเหลือเพียงแค่ประมาณ 100,000 คนเท่านั้น ซึ่งจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทาเข้ามาในประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา เหลือเพียงแค่ 40,447 คน ปรับตัวลดลงร้อยละ 99.40 เทียบประมาณ 6,691,574 คน ในช่วงเดียวกันปี 63 ซึ่งในแต่ละเดือนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน คือประมาณ 5,741-8,529 คนต่อเดือน ส่วนใหญ่มาจากยุโรป ร้อยละ 42.30 ประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออก ร้อยละ 29.88 ประเทศในกลุ่มอเมริการ้อยละ 16.3 และจากประเทศจีนมีเพียงร้อยละ7.39

โรงแรมแบกค่าใช้จ่ายไม่ไหว ปิดกิจการถาวร-ขายทิ้ง

สำหรับอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ ในครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 18.00 ปรับตัวลดลงร้อยละ 10.00 โดยพบว่าอัตราเข้าพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยในเดือนมกราคม อยู่ที่ร้อยละ 10.64 และปรับตัวดีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ตามแนวโน้มของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ18.74 และเดือนมีนาคมที่ร้อยละ 23.21 และเริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้งเมื่อเกิดการระบาดระลอกใหม่ในเดือนเมษายน ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 16.22 ในเดือนเมษายน และยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคมที่ร้อยละ 6.97 และเดือนมิถุนายนที่ร้อยละ 7.89

'คาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ และโรงงแรมทุกระดับในประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังของปีจะยังคงใกล้เคียงกับในช่วงครึ่งแรกของปีหรือปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหญ่ประจำวันมากกว่า 10,000 คน และตัวเลขผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คนต่อวัน เป็นผลให้รัฐบาลขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 2 เดือน ทุกเขตพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2564 ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวล้วนส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมเป็นอย่างมาก'

ขณะที่ราคาเฉลี่ยห้องพักรายวัน (ADR) ของโรงแรมระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ ในครึ่งปีแรก ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมมาอยู่ที่ประมาณ 3,264 บาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 15.00 จากในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลกระทบจากการมอบส่วนลดให้แก่ลูกค้าภายในประเทศ เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมบางรายปรับลดราคาห้องพัก-อาหารลงกว่าร้อยละ 50 อย่างไรก็ตาม จากมาตรการควบคุมโรคของรัฐบาลที่ยังมีความยืดหยุ่น ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมหลายรายจึงหันมาปรับตัวด้วยการบริการด้านอาหารให้ลูกค้าแบบเดลิเวอรี เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้อีกช่องทางในภาวะที่อัตราการเข้าพักตกต่ำ

กว่า 234 โรงแรมเข้าร่วมฮอสพิเทล เพิ่มยอดอัตราเข้าพัก

แนวโน้มจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้อัตราการจองโรงแรมลดลงและอีกกว่าร้อยละ 50 มีการยกเลิกห้องพัก เนื่องจากมองว่าการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมาอาจไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ขณะที่การกระจายวัคซีนยังคงล่าช้า ซึ่งกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยมีตัวเลขผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียงร้อยละ 16.16 ต่อสัดส่วนประชากรทั้งประเทศเท่านั้น

'อัตราการเข้าพักและราคาเฉลี่ยรายวันคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี 2564 มีเพียงโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นฮอสพิเทลเท่านั้นที่มีอัตราการเข้าพักที่ทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 30.00 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเข้าพักที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโรงแรมอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นฮอสพิเทลรวมกว่า 234 แห่ง ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมจำนวนมากเลือกที่จะปิดกิจการชั่วคราวเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่มีความหวังว่าจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้'
#2878


กรมควบคุมโรค แนะธนาคารทั่วประเทศ ยึดหลักปฏิบัติ 6 ประการเพื่อป้องกันโควิด-19 ทั้งพนักงานและกลุ่มลูกค้าที่มีหลากหลาย เช่น ผู้สูงอายุ ชาวต่างชาติ และมีแหล่งที่อาจสะสมเชื้อโรค เช่น ธนบัตร เหรียญ ควรมีฉากใสกั้นที่เคาน์เตอร์บริการ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการสัมผัสเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระยะประชิด ระบุหากธนาคารสามารถเพิ่มระบบให้ลูกค้าจองคิวเบิก-ถอนล่วงหน้าจะเป็นการดีมาก เพื่อช่วยลดความแออัดในสถานที่

วันนี้ (24 ส.ค.) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ธนาคารเป็นสถานที่ที่มีความจำเป็นในการทำธุรกรรมทางการเงินของประชาชน แม้ว่าขณะนี้ส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์หรืออี-แบงค์กิง (E-banking) แล้วก็ตาม แต่ยังมีลูกค้าบางส่วนเดินทางเข้าไปรับบริการที่สำนักงานสาขา ซึ่งกลุ่มลูกค้ามีหลากหลาย เช่น ผู้สูงอายุ คนวัยทำงาน ชาวต่างชาติ รวมทั้งฝ่ายของผู้ปฏิบัติงาน เช่น พนักงานธนาคาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและยังมีแหล่งที่อาจสะสมเชื้อไวรัสโควิด 19 เช่น ธนบัตร เหรียญต่างๆ อาจเป็นตัวกลางทั้งการรับเชื้อและการแพร่เชื้อโควิด 19 ในขณะเดียวกันได้ จากการเก็บข้อมูลของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน พบว่าสาเหตุการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ส่วนหนึ่งมาจากการสัมผัส โดยเฉพาะการใช้สิ่งของร่วมกัน

"ธนาคาร จัดเป็นสถานที่ประเภทพื้นที่ปิดและมีเครื่องปรับอากาศ การสร้างความปลอดภัยทั้งลูกค้าและพนักงานของธนาคารทุกแห่งทั้งที่อยู่ในพื้นที่ระบาดควบคุมเข้มงวดสูงสุด 29 จังหวัด และจังหวัดอื่นๆ หากสามารถเพิ่มระบบการลงทะเบียนเพื่อให้ลูกค้า จองคิวบริการเบิก-ถอนล่วงหน้า จะเป็นการดีมาก เนื่องจากสามารถจัดบริการลูกค้าในแต่ละช่วงเวลาอย่างเหมาะสม มีเวลาเหลื่อมกัน จะลดช่วงเวลาการสัมผัสระหว่างที่นั่งรอคิวร่วมกันได้มาก" นายแพทย์โอภาสกล่าว

อย่างไรก็ตาม มาตรการความปลอดภัยจากโรคโควิด 19 ของธนาคารทุกแห่ง ยังคงต้องเข้มงวดสูงสุดเช่นกัน โดยกรมควบคุมโรค มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติ 6 ประการดังต่อไปนี้

1. ธนาคารควรจัดให้มีการคัดกรองอุณหภูมิเบื้องต้นของทั้งพนักงานและลูกค้า

2. ทำความสะอาดวัสดุ อุปกรณ์ พื้นที่ที่มีการสัมผัสร่วมอย่างสม่ำเสมอ เช่น เคาน์เตอร์ ที่นั่ง ที่กดบัตรคิว

3. กำหนดบริเวณสำหรับให้ลูกค้ากดบัตรคิวและรอคิว จำกัดจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการในสำนักงานแต่ละครั้ง เพื่อไม่ให้แออัดจนเกินไป

4. จัดแถวที่รอคอยเพื่อไม่ให้ลูกค้ายืนหรือนั่งชิดกันเกินไป โดยเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-2 เมตร และควรมีฉากใสกั้นระหว่างลูกค้าและพนักงานธนาคารที่เคาน์เตอร์บริการทุกจุด เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการสัมผัสละอองฝอยน้ำลายที่มาจากการพูด หรือจากการหายใจทั้ง 2 ฝ่าย ในระดับประชิดคือไม่เกิน 2 เมตร

5. เจ้าหน้าที่ธนาคารทุกคน ทั้งพนักงานธนาคาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ต้องสวมหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ 70% ก่อนและหลังให้บริการลูกค้า ธนาคารมีระบบการรายงานติดตามสุขภาพของพนักงานทุกวัน หากพบว่ามีพนักงานธนาคารยืนยันติดเชื้อหรือมีข้อมูลบ่งชี้ว่าสถานที่ธนาคารเป็นจุดแพร่เชื้อ ขอให้ผู้จัดการธนาคาร ดำเนินการตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคภายใน 24 ชั่วโมง ภายใต้การกำกับดูแลของพนักงานควบคุมโรคติดต่อ

6. ในส่วนประชาชนที่เข้าไปใช้บริการ ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างสูงสุด คือ สวมหน้ากากอนามัย 100% และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สเปรย์แอลกอฮอล์ 70% ก่อนและหลังใช้บริการ การเว้นระยะห่างกับผู้อื่นระหว่างนั่งรอคิวอย่างน้อย 1-2 เมตร

ทั้งนี้ ในสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิดขณะนี้ แนะนำให้ประชาชนเตรียมปากกาของตนเองไปให้พร้อมในการทำธุรกรรมการเงิน เพื่อลดการสัมผัสกับปากกาส่วนกลางที่ใช้ร่วมกับคนอื่น พร้อมทั้งขอความร่วมมืองดสัมผัสอุปกรณ์ต่างๆ ภายในธนาคาร เพื่อลดการปนเปื้อนและการแพ่รกระจายเชื้อโรค เนื่องจากขณะนี้พบว่าผู้ติดเชื้อโควิด 19 บางรายไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่แพร่เชื้อสู่คนรอบข้างที่ใกล้ชิดได้ตลอดเวลา นายแพทย์โอภาสกล่าว
#2879


บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ร่วมกับคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ขอเชิญชวนเยาวชนหัวใจสีเขียวที่กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ไม่จำกัดแผนการเรียน) ทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (Power Green Camp) ครั้งที่ 16 ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ ภายใต้หัวข้อ "ECO Living & Learning – เปลี่ยนปรับสู่กรีนไลฟ์สไตล์ ตอบรับ New Normal" เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้แนวทางการใช้ชีวิตประจำวันอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในหัวข้อการเรียนรู้ที่หลากหลาย และสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนใช้เวลากับการทำกิจกรรมภายในบ้านมากขึ้น ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผสมผสานทั้งภาคทฤษฎี และการลงมือปฏิบัติจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งอุปกรณ์ชุดทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ค่ายฯ จัดส่งให้ถึงบ้าน เสริมสร้างพลังแห่งการเรียนรู้แบบไร้ขีดจำกัด

ภายใต้แนวคิดของค่ายฯ "วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม – เรียนรู้สู่การปฏิบัติ" เยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 40 คน จะได้เข้าร่วมโปรแกรมการเรียนรู้แบบออนไลน์ที่จัดขึ้นในช่วงวันหยุดและช่วงสุดสัปดาห์ระหว่างวันที่ 16 ตุลาคม ถึง 21 พฤศจิกายนนี้ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การปูพื้นฐานนักวิทย์กับกิจกรรม Transformative Learning ฝึกฝนด้าน Soft Skill เช่น ความคิดสร้างสรรค์ และการแก้ไขปัญหา พร้อมกับทำความรู้จักเพื่อนใหม่ในค่ายฯ ก่อนร่วมกันเข้าสู่เส้นทางการเรียนรู้ สำหรับกิจกรรมไฮไลท์ คือ การได้ลงมือทดลองปฏิบัติภายใต้ 3 หัวข้อ 1) การสำรวจคุณสมบัติของดินในบ้าน 2) การประดิษฐ์ถังดักไขมัน 3) การเปลี่ยนเศษอาหารเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งแต่ละคนจะได้รับชุดการทดลองที่ได้มาตรฐานสามารถนำไปใช้งานได้จริงในครัวเรือนมูลค่ารวมคนละ 10,000 บาท ซึ่งค่ายฯ จัดเตรียมให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้เยาวชนยังได้ร่วมฝึกฝนทักษะการนำเสนอให้ชนะใจผู้ฟังที่สามารถนำไปปรับใช้กับการประกวดโครงงานกลุ่มวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกิจกรรมปิดท้ายของค่ายฯ ที่เยาวชนจะได้จับกลุ่มกันนำความรู้ที่ได้รับทั้งหมดมาต่อยอดสร้างแนวคิดหรือไอเดียในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล พร้อมชิงทุนการศึกษารวมกว่า 100,000 บาท

เยาวชนที่สนใจเข้าร่วมค่ายฯ สามารถเข้าไปที่ www.powergreencamp.com เพื่อกรอกใบสมัครในรูปแบบออนไลน์ที่ต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน พร้อมแนบลิงก์คลิปวิดีโอที่อัปโหลดบน YouTube (เผยแพร่แบบสาธารณะ) ที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการแนะนำตัวเอง ความสนใจหรือประสบการณ์การทำกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม และการนำเสนอแนวคิดและความเข้าใจเรื่อง "ECO Living" ภายในความยาวไม่เกิน 5 นาที โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2564 และประกาศผลการคัดเลือกในวันที่ 4 ตุลาคม 2564 โอกาสดีๆ แบบนี้ไม่มีบ่อยๆ รีบสมัครกันเข้ามาเลย !

อ่านรายละเอียดการสมัครและหลักเกณฑ์การพิจารณาเพิ่มเติม พร้อมติดตามข่าวสารและข้อมูลต่างๆ ของค่าย "เพาเวอร์กรีน" รุ่นที่ 16 ได้ที่ เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/powergreencamp เว็บไซต์: www.powergreencamp.com

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คุณสุภาวดี จำปาลา โทรศัพท์ : 061-629-5919 อีเมล : powergreencamp@hotmail.com

เกี่ยวกับค่าย "เพาเวอร์กรีน"
โครงการค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม "เพาเวอร์กรีน" (Power Green Camp) ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2549 โดยความร่วมมือระหว่างบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้แนวคิดที่ว่า "วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม - เรียนรู้สู่การปฏิบัติ" ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้แก่เยาวชน รวมทั้งส่งเสริมให้นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ สร้างแกนนำและเครือข่ายเยาวชนด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต

เกี่ยวกับบ้านปู
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ดำเนิน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานใน 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
#2880


เอพี/เอเจนซีส์ – สาธุคุณนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชื่อดังสหรัฐฯ เจสซี แจ็คสัน และภรรยา แจ็คเกอร์ลีน เมื่อวานนี้(22 ส.ค) ยังคงอยู่ในการดูแลของคณะแพทย์ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ หลังเข้ารับการรักษาโรคโควิด-19 พบมีการตอบสนองการรักษาด้วยดี

เอพีรายงานวันนี้(23 ส.ค)ว่า ทั้งสาธุคุณ เจสซี แจ็คสัน (Jesse Jackson )และภรรยา แจ็คเกอร์ลีน (Jacqueline ) ที่แต่งงานมานานเกือบ 60 ปีถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล นอร์ทเวสเทิร์น เมโมเรียล( Northwestern Memorial Hospital) 1 วันก่อนหน้า โดยคณะแพทย์เฝ้าสังเกตอาการคนทั้งคู่ด้วยความเฝ้าระวังเนื่องมาจากปัญหาการสูงวัยของทั้งสอง โจนาธาน แจ็คสัน หนึ่งในบุตรทั้ง 5 คนของสาธุคุณกล่าวผ่านแถลงการณ์

สาธุคุณแจ็คสันอยู่ในวัย 79 ปี ส่วนภรรยาอายุ 77 ปี

"ทั้งสองได้รับการพักผ่อนอย่างดีและมีการตอบสนองที่ดีต่อการรักษา" บุตรชายแจ็คสันแถลง และเสริมว่า "ครอบครัวของผมรู้สึกซาบซึ้งต่อความห่วงใยทั้งหมดและการสวดภาวนาที่ให้กับคนทั้งคู่ และพวกเราจะยังคงสวดภาวนาต่อครอบครัวของเราต่อไปเช่นกัน"

เจสซี แจ็คสัน เป็นผู้นำด้านสิทธิมนุษยชนชื่อดังจากเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ นั้นได้รับวัคซีนโควิด-19แล้วโดยเขาได้รับมาตั้งแต่มกราคมต้นปีผ่านหน้ากล้องทีวีเพื่อเชิญชวนให้ประชาชนอเมริกันเข้าร่วมการฉีดวัคซีนโควิด-19โดยเร็วที่สุด แต่ทว่าสถานะการฉีดวัคซีนของแจ็คเกอร์ลีนนั้นไม่เป็นที่แน่ชัดในเวลานี้ สมาชิกครอบครัวต่างกล่าวว่ามารดาของพวกเขามีปัญหาด้านสุขภาพด้วยโรคที่ไม่เปิดเผยและทำให้เกิดความวิตกเมื่อไม่กี่วันมานี้

"ผมขอให้พวกคุณยังคงสวดภาวนาต่อไปเพื่อการฟื้นตัวโดยสมบูรณ์ของบิดามารดาของพวกเรา และพวกเราจะยังคงแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้พวกคุณต่อไปเป็นระยะๆ" โจนาธาน แจ็คสันกล่าว

เอพีรายงานว่า สาธุคุณสีผิวนักต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมล้มป่วยด้วยโรคพาร์กินสัน และเขาได้เข้ารับการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีเมื่อต้นปี

ฟอร์บส์รายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้องค์กรสมาพันธ์ผลักดันเพื่อสายรุ้ง( Rainbow Push Coalition) ที่สาธุคุณก่อตั้งขึ้นในปี 1996 ได้ออกแถลงการณ์ด่วนในวันเสาร์(21)มีใจความว่า ทั้งสาธุคุณแจ็คสันและภรรยาขณะนี้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลังจากมีผลการตรวจโควิด-19 เป็นบวก และร้องขอให้บุคคลที่เคยเข้าใกล้และสัมผัสคนทั้งคู่ในช่วงระหว่าง 5 – 6 วันล่าสุดให้ทำตามข้อปฎิบัติของศูนย์การควบคุมและการป้องกันโรคสหรัฐฯ CDC