• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Joe524

#2921


นายพงษกรณ์ คอวนิช หัวหน้าแผนกงานการตลาดด้านผลิตภัณฑ์และลูกค้าโพสต์เพด เอไอเอส กล่าวว่า "วันนี้วิถีชีวิตของประชากรทั่วโลก ทั้งการทำงาน หรือ การเรียน ได้ย้ายตัวมาอยู่บน Online Platform อย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น ในฐานะ Digital Life Service Provider นอกเหนือจากการพัฒนาเครือข่ายทั้งไร้สาย และ เน็ตบ้าน เพื่อให้ครอบคลุม และพร้อมรองรับการใช้งานแล้ว การผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก เพื่ออำนวยความสะดวก และ สนับสนุนวิถีดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลผ่าน cloud ก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งด้วยเช่นกัน"

โดยเราพบว่า หนึ่งในข้อจำกัดสำคัญระหว่างช่วง Lock Down ที่ต่างต้องทำงานจากที่บ้าน – Work From Home และเรียนอยู่ที่บ้าน – Learn From Home คือ พื้นที่ในการเก็บข้อมูล หรือ ไฟล์รูปแบบต่างๆบนอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ไม่เพียงพอ จนอาจเกิดอุปสรรคได้



ดังนั้นแทนที่จะต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่ หรือ เพิ่ม memory card ให้ยุ่งยาก การนำข้อมูลดังกล่าวไปจัดเก็บบนบริการ Cloud ที่มีความเชื่อได้ในระบบรักษาความปลอดภัย และง่ายในการเข้าถึง จึงเป็นทางเลือกที่เข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างดี นี่คือที่มาของความร่วมมือระหว่าง AIS 5G และ Google One เพื่อสนับสนุน และลดความกังวลจากข้อจำกัดดังกล่าว ด้วยการเปิดให้ลูกค้ารายเดือน AIS 5G เท่านั้นสามารถใช้บริการแบบสมาชิกของ Google One ได้ง่ายๆไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มถึง 100 GB นานถึง 6 เดือน" หลังจากนั้นยังสามารถใช้บริการได้ต่อเนื่องในราคาเดือนละ 70 บาท สำหรับ 100 GB หรือสามารถดูรายละเอียดของแพ็กเกจ Google One อื่นๆได้ที่ https://www.ais.th/googleone/

Google One คือ บริการแอพพลิเคชั่นที่ให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลแบบสมาชิก สามารถเชื่อมโยง ใช้ได้ทั้งใน Google Drive, Gmail และ Google Photos โดยสามารถเก็บรูป ,วีดีโอ และไฟล์ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยในระบบคลาวด์และสามารถเข้าถึงได้จากอุปกรณ์ใดก็ได้ พร้อมทั้งยังสามารถแบ่งพื้นที่เก็บข้อมูลให้บุคคลอื่นได้สูงสุด 5 สมาชิก (รวมเจ้าของบัญชีเป็น 6 สมาชิก)


นายมาแฮร์ ซาฮิน ผู้อำนวยการ ฝ่ายพันธมิตรแพลตฟอร์มและระบบนิเวศ, Google ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "ที่ Google เราต้องการที่จะมีส่วนสนับสนุนการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนจากเทคโนโลยีของ Google โดยเราขอขอบคุณ AIS 5G ที่เดินหน้านำนวัตกรรมจาก Google One ที่เป็นบริการจัดเก็บข้อมูลบน Cloud มาสร้างสรรค์บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า จะช่วยให้ลูกค้าเอไอเอสปราศจากความกังวลอย่างแน่นอน โดยเฉพาะท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากในปัจจุบัน"

สำหรับลูกค้ารายเดือน AIS 5G ที่มีบัญชี Gmail บนแอนดรอยด์ หรือ ไอโอเอส สามารถสมัครรับสิทธิ์ได้ง่ายๆ เพียงกด *642# โทรออก รอรับ SMS แจ้งยืนยันการรับสิทธิ์ และขั้นตอนการสร้างบัญชีการใช้งาน Google One ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2565 โดยสามารถใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายนาน 6 เดือน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/googleone/
#2922


นางสาวศศิธร ริ้วทอง ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์การตลาดลำไย ปี 2564 ว่า จากสถานการณ์ลำไยทั่วประเทศในปีนี้ มีปริมาณเพิ่มขึ้นจำนวน 1.4 ล้านตัน หรือ 17 %จากปีก่อน โดยปีนี้ผลผลิตลำไยของจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24 เป็นจำนวนกว่า 420,000 ตัน โดยเป็นผลผลิตในฤดู 260,900 ตัน ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเนื้อที่ให้ผลรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นเอื้ออำนวยต่อการออกดอกและติดผลมากกว่าปีกลาย ประกอบกับมีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2563 ถึงกุมภาพันธ์ 2564 ทำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอในช่วงออกดอกและช่วงติดผลอ่อน ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตเพิ่มขึ้น

ด้านการส่งออกลำไย แบ่งเป็นการส่งออกทั้งสดและอบแห้ง ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2564 พบว่า การส่งออกลำไยแบบสด มีการส่งออกไปยังประเทศจีน เวียดนาม ฮ่องกง อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แล้ว 198,079 ตัน และการส่งออกลำไยแบบอบแห้ง มีการส่งไปยังประเทศจีน เวียดนาม ฮ่องกง สิงค์โปร์ และเกาหลี ไปแล้ว 14,069 ตัน โดยขณะนี้ราคายังอยู่ในราคาที่ทรงตัว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาทางประเทศจีนได้ตรวจพบการปนเปื้อนเพลี้ยแป้งในลำไยส่งออก จึงขอระงับการส่งออกลำไยจากล้งที่ตรวจพบปัญหาด้านคุณภาพ โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ทำการเจรจากับประเทศจีน และอนุญาตให้ส่งออกได้แล้วทั่วประเทศ 50 ล้ง จังหวัดเชียงใหม่ 27 ล้ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 10 ล้ง ซึ่งจะต้องเพิ่มความเข้มงวด มาตรการคัดกรองคุณภาพของลำไยก่อนส่งออกไปจำหน่าย โดยจะมีการสุ่มตรวจทั้งในขั้นตอนการเก็บ การอบ และก่อนการส่งออก ไม่ให้มีเพลี้ยแป้งปะปน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประเทศจีนกลับมาเช่นเดิม



สำหรับแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกร สำนักงานพาณิชย์ได้มีมาตรการรองรับผลผลิตลำไยในฤดู ทั้งโครงการสนับสนุนจุดรวบรวมและคัดคุณภาพลำไยเพื่อกระจายออกนอกแหล่งผลิตจังหวัดเชียงใหม่ โดยรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งรัฐสนับสนุนค่าบริหารจัดการในการกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิตไม่เกิน 3 บาท/กก. เริ่มดำเนินการรับซื้อตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2564 ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการผ่านการอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการแล้ว 15 ราย, ด้านการเชื่อมโยงตลาด โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ได้จัดกิจกรรม Online Business Matching สินค้าลำไยและลำไยแปรรูป และกิจกรรมเจรจาการค้าผ่านช่องทาง Online ระหว่างผู้นำเข้าอินโดนีเซียกับผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน

นอกจากนี้ได้จัดประชาสัมพันธ์เชิญชวนบริโภคลำไย ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อรณรงค์การบริโภคลำไย และช่วยซื้อลำไยจากเกษตรกรโดยตรง ,การเชื่อมโยง กระจายผลผลิตลำไยไปยังจังหวัดปลายทาง โดยการสนับสนุนกล่องบรรจุผลไม้ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและลดภาระค่าใช้จ่ายบรรจุภัณฑ์, การป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยให้ขึ้นทะเบียนแรงงานรับจ้างเก็บลำไย ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ พร้อมทั้งเข้ารับการอบรมการเก็บลำไยให้ปลอดภัยจากโควิด และการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ชี้แจงสร้างการรับรู้ให้แก่เกษตรกรเพื่อสร้างความมั่นใจต่อผลผลิตลำไยของเชียงใหม่
#2923


บอร์ดรฟท.เคาะเพิ่มงบก่อสร้างรถไฟสายสีแดง ค่า VO และภาษีกว่า 4,500 ล้านบาท หลังร่อนหนังสือถามอัยการ ไจก้ามั่นใจสั่งเพิ่มงานปฎิบัติไปตามสัญญา เตรียมชงคมนาคมและครม.เห็นชอบ และ ไฟเขียวให้รฟฟท.นำเงินล่วงหน้าไปเคลียร์ภาษีย้อนหลัง ปี54-55

นายจิรุฒม์ วิศาลจิตร ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม บอร์ด รฟท.เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2564 ได้พิจารณาอนุมัติ ทบทวนปรับกรอบวงเงินลงทุน กรณีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากงานปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม (Variation order - VO) พร้อมทั้งอนุมัติจัดหาแหล่งเงินรองรับสำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วง บางซื่อ-ตลิ่งชัน ทั้งนี้ บอร์ดได้มีข้อสังเกตุในบางเรื่อง โดยให้รฟท.ทำรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมทั้งยืนยันความถูกต้องให้ครบถ้วนก่อน เสนอไปที่กระทรวงคมนาคม และเพื่อนำเสนอคณะรัฐมตรี(ครม.) พิจารณาต่อไป

"เรื่องนี้บอร์ดไม่ได้อยู่หน้างาน ดังนั้นบางเรื่องต้องมีการยืนยันจากผู้บริหารโครงการ ว่าเรื่องการสั่งงาน VO ได้ดำเนินการตามกฎระเบียบและข้อกฎหมายครบถ้วนแล้วอย่างไรบาง "นายจิรุฒม์กล่าว 

รายงานข่าวจากรฟท.เปิดเผยถึงว่า โครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง มีค่างาน VO จำนวน 10,345 ล้านบาท เป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มประมาณ 3,000 ล้านบาท  และเป็นงานก่อสร้างเพิ่มเติมจากที่ออกแบบ ประมาณ 6,220 ล้านบาท โดยในการพิจารณาตัวเลขล่าสุด ได้ปรับในส่วนของสัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าเครื่องกลและขบวนรถ และค่าที่ปรึกษา ออกเนื่องจากสามารถดำเนินการอยู่ในวงเงินของสัญญา ทำให้มีค่างานเพิ่ม VO และค่าภาษี ที่ประมาณ 4,500 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ของผู้รับเหมาที่เกิดจากการขยายสัญญา 1 สัญญา 2 วงเงินกว่า 800 ล้านบาท 

ส่วนประเด็น อำนาจสั่งการและอนุมัติในการเพิ่มงานของวิศวกรผู้มีอำนาจ หรือ The Enginee นั้น จากที่รฟท.ได้มีหนังสือสอบถาม อัยการสูงสุด ในแง่ของสัญญา ซึ่งอัยการตอบว่า ให้รฟท.ปฎิบัติตามสัญญา และความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง ซึ่งรฟท.ได้สอบถามไปยังบริษัท ผู้รับจ้างทั้ง 3 สัญญา ซึ่งมีความเข้าใจตรงกันถึงความจำเป็นในการทำงานตตามสัญญา 

นอกจากนี้ ยังได้สอบถามองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือไจก้า ในฐานะผู้ให้เงินกู้แล้ว และยังได้จ้างที่ปรึกษากฎหมาย คือ บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด เป็น third party วิเคราะห์สัญญา เพื่อให้ความมั่นใจในความถูกต้องอีกด้วย

@ เห็นชอบให้รฟทท.นำเงินล่วงหน้าไปเคลียร์ภาษีย้อนหลัง

นายจิรุฒม์ กล่าวว่า นอกจากนี้ บอร์ดรฟท.ยังได้อนุมัติแก้ไขสัญญาจ้างบริหารการเดินรถไฟฟ้า ระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง(แอร์พอร์ตเรลลิงก์) เลขที่ บฟ.007/2563 ลงวันที่ 15 ต.ค.2563 โดยงดการหักเงินค่าจ้างประจำงวด จากบริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท.จำกัด (รฟฟท.) ทั้งนี้ เพื่อให้ รฟฟท.นำไปชำระค่าภาษี 

รายงานข่าวแจ้งว่า รฟฟท. ของดการจ่ายเงินล่วงหน้ารายเดือน 25% งวดเดือนมิ.ย.-ก.ย. 2564 เป็นเวลา 4 เดือน เพื่อนำไปชำระค่าภาษี ซึ่งเงินล่วงหน้านี้ เป็นเงินที่รฟท.จะหักจากค่าจ้างรายเดือน ที่จ่ายให้รฟทท.ในการบริหารเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ 

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก กรมสรรพากร ได้มีหนังสือถึง กรรมการผู้จัดการ รฟฟท. เมื่อเดือนมิ.ย. 2564 เรื่องไม่อนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากร ตามที่ รฟฟท.ได้มีคำร้องไปยังกรมสรรพากร ขอทุเลาการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับเดือนตุลาคม 2554 ถึงเดือนมิถุนายน 2555 รวมเป็นเงินจำนวน24,337,780 บาท ไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งรฟทท.ไม่ได้จัดให้มีหลักประกันการชำระภาษีอากรดังกล่าว ซึ่งกรมสรรพากรพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุอันควรผ่อนผัน ทำให้รฟฟท.จำเป็นต้องจัดหาเงินไปชำระภาษีดังกล่าว

@ ทำข้อตกลงกับบริษัทลูกทรัพย์สิน ในการทำสัญญาเช่าช่วงที่ดิน

นอกจากนี้บอร์ดรฟท.ยังเห็นชอบ ข้อตกลงหลักหรือMaster Agreemen ระหว่างรฟท. และบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ รฟท. โดยเป็นข้อตกลง คล้ายกับสัญญาระหว่างกัน แต่เนื่องจากรัฐวิสาหกิจด้วยกัน จึงต้องทำเป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทแม่กับ บริษัทลูก โดยจะเป็นข้อตกลงหลักในการให้บริษัทลูกฯ เข้ามาบริหารทรัพย์สินของ รฟท. ขอบเขต หน้าที่ในการดำเนินการ ในที่ดิน ทรัพย์สินของรฟท. กรณีมีการเช่าช่วง การจ้างบุคคลที่ 3 อะไรที่บริษัทลูกทำได้ อะไรที่ต้องเสนอ รฟท. พิจารณา ซึ่งหลักในการจัดซื้อจัดจ้าง จะต้องเป็นไปตามระเบียบ และพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ
#2924


"ไปรษณีย์ไทย- เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ -แฟลช เอ็กซ์เพรส" ร่วมมือเขย่าวงการขนส่ง ปั้น "ฟิ้วซ์ โพสต์" (FUZE POST) ธุรกิจขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน (Cold Chain Express) น้องใหม่ พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ Cold Chain Logistics ประเทศไทย พร้อมให้บริการ 1 กันยายน 2564 โดย ระยะแรกเน้นให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 6 เส้นทางภูมิภาค

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ผนึกกำลังดึงศักยภาพ 3 แบรนด์ ร่วมปั้น "ฟิ้วซ์ โพสต์" (FUZE POST) ธุรกิจขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน (Cold Chain Express) น้องใหม่ พร้อมก้าวสู่ การเป็นผู้นำในธุรกิจ Cold Chain Logistics ประเทศไทย พร้อมให้บริการ 1 กันยายน 2564 โดยในระยะแรก จะเน้นให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 6 เส้นทางภูมิภาค คือ หนองคาย เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ตราด และบางละมุงเป็นหลักก่อน สำหรับลูกค้ารูปแบบ B2B B2C และ C2C ที่เป็นกลุ่มลูกค้าเดิมของ ไปรษณีย์ไทย และ JWD สำหรับลูกค้าใหม่จะเน้นการให้บริการแบบ Direct Pick-up เป็นหลัก โดยเรียกใช้บริการผ่าน www.fuzepost.co.th และมีแผนจะเปิดให้บริการจุดรับฝาก (Drop off) ขยายเส้นทางขนส่งระหว่างภูมิภาคในเดือนมกราคม 2564

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยจาก อุปสงค์ของผู้บริโภค รวมถึงความต้องการในการขนส่งสินค้าทางการเกษตร ธุรกิจแฟรนไชส์อาหารสด ยาและเวชภัณฑ์ ฯลฯ ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ มูลค่าธุรกิจขนส่งควบคุมอุณหภูมิในประเทศไทย มีมูลค่าตลาดในปี 2564 ประมาณ 34,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 8% หรือคิดเป็นสัดส่วน 5% ของตลาดโลจิสติกส์ทั้งหมด และคาดการณ์ว่าการเติบโตของธุรกิจขนส่งรูปแบบนี้จะมีการเติบโตถึง 8-10% ในปี 2565

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการร่วมทุนพัฒนาธุรกิจขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิภายใต้แบรนด์ "ฟิ้วซ์ โพสต์" นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่ผู้นำ ด้านการขนส่ง โลจิสติกส์ 3 หน่วยงาน มาร่วมเป็นพันธมิตรพร้อมนำศักยภาพของแต่ละหน่วยงานมาร่วมพัฒนาการให้บริการขนส่งควบคุมอุณหภูมิที่ดีที่สุดด้วยแนวคิด "ธุรกิจการขนส่งและกระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน หรือ Cold Chain Express"

"ฟิ้วซ์ โพสต์ เกิดขึ้นจากการดึงจุดแข็งของทั้ง ไปรษณีย์ไทย JWD และ Flash Express มาขับเคลื่อนการให้บริการที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น โดยไปรษณีย์ไทยมีศักยภาพในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งแบบ Door to Door ที่มีเครือข่ายที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ มายาวนาน โดยเฉพาะบุรุษไปรษณีย์กว่า 20,000 คน ที่รู้จักทุกพื้นที่ใกล้ชิดกับชุมชน เมื่อผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งควบคุมอุณหภูมิของ JWD และเทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการที่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดีของ Flash Express จะทำให้ "ฟิ้วซ์ โพสต์" สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิที่แข็งแกร่งในธุรกิจ Cold Chain Express ได้"

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า JWD เป็นผู้นำตลาดและดำเนินธุรกิจด้าน Cold Chain Logistics & Supply Chain มากว่า 25 ปี มีองค์ความรู้และความชำนาญครบทั้งในด้าน คลังจัดเก็บและบริหารจัดการสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ศูนย์กระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิ การขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ รวมไปถึงการบริหารจัดการซัพพลายเชนของธุรกิจอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการผลิตหรือแปรรูปอาหาร ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญทางด้านระบบควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า เทคโนโลยีในการบริหารจัดการอุณหภูมิตลอดทั้งซัพพลายเชน ตลอดจนเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยที่ผ่านมาทาง JWD ได้ให้บริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิให้กับกลุ่มลูกค้า B2B มากว่า 15 ปี และได้เปิดบริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน หรือ Cold Chain Express ให้กลุ่มลูกค้า B2C และ C2C มาเป็นระยะเวลา 2 ปี ภายใต้ชื่อ JWD Express ดังนั้น การผนึกกำลังร่วมกับไปรษณีย์ไทย และ Flash Express ในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวที่สำคัญที่สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในธุรกิจ Cold Chain Express และเป็นการขับเคลื่อนการเติบโตธุรกิจทางด้าน e-Commerce ตามแผนธุรกิจ 5 ปีที่ได้วางไว้ JWD เชื่อมั่นว่าการเอาจุดแข็งของพันธมิตรแต่ละฝ่าย มารวมกันในครั้งนี้ ภายใต้ชื่อ "ฟิ้วซ์ โพสต์" จะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการส่งมอบบริการที่มีคุณภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายในอนาคต

นายคมสันต์ ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ผู้ให้บริการขนส่งสัญชาติไทยและ e-Commerce แบบครบวงจร ขนส่งเอกชนไทยรายแรกที่ก้าวสู่ยูนิคอร์นระดับสากล เปิดเผยว่า จากการเติบโตของตลาดขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ หรือ Cold Chain Logistics ในประเทศไทย Flash Express เล็งเห็นถึงโอกาสในการเข้ามาทำตลาดในกลุ่มธุรกิจ Cold Chain จึงจับมือร่วมทุนกับผู้นำในตลาดอีก 2 บริษัท ในการรุกตลาด Cold Chain Logistics โดยตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย และในอาเซียนต่อไป

"เราต้องการนำเอาศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เรามี เข้ามาขับเคลื่อนในธุรกิจ Cold Chain เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยการต่อยอดธุรกิจไปสู่บริการในด้านอื่นๆ ที่สามารถตอบโจทย์ แก่ผู้บริโภคยุค New normal และ Next normal ที่เปลี่ยนพฤติกรรมจากออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์มากขึ้น พร้อมกันนี้ทีมงาน IT ของ Flash Express กว่า 100 คน ยังได้เตรียมวางระบบขนส่งในรูปแบบ Cold Chain Management System ทั้งในส่วนของ Fast optimization and tech adaption (การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาปรับปรุงระบบให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน และแก้ไขปัญหาอย่างท่วงทัน ท่วงที), Cloud computing (การคำนวณด้วยเทคโนโลยี), System infrastructure ตลอดจนการวางระบบเชื่อมการทำงานเข้ากับระบบปฏิบัติการ (Application Programming Interface: API),ระบบจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management System: OMS) อย่างไรก็ดี การร่วมทุนในโปรเจ็กต์ใหญ่ครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำว่าเราคือธุรกิจที่ทำบริการ e-Commerce ได้อย่างครบวงจร" นายคมสันต์กล่าว

ทั้งนี้ ฟิ้วซ์ โพสต์ เป็นการขนส่งและกระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน ที่เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจจาก "คู่แข่งขันมาเป็นคู่ค้า" เพื่อพัฒนาระบบการจัดการขนส่งให้แข็งแกร่ง มีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และร่วมกันยกระดับภาคธุรกิจและเศรษฐกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยปรากฏการณ์ในครั้งนี้ ผู้ใช้บริการจะได้สัมผัสถึงความเชี่ยวชาญด้านการเข้าถึงลูกค้าทุกพื้นที่ของไปรษณีย์ไทย ที่พร้อมส่งมอบความสดใหม่ให้ถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ จุดแข็งในด้านการเป็นผู้นำตลาดของ JWD ที่เข้าถึงและตอบสนองทุกความต้องการกลุ่มลูกค้า รวมทั้งเทคโนโลยีสุดล้ำด้านอีคอมเมิร์ซของ Flash Express ที่จะพลิกโฉมภาคการค้าวิถีใหม่ให้ก้าวกระโดดในทุกโซลูชัน
#2925


มวยปล้ำ WWE เตรียมเปิดให้ชาวอเมริกันเชียร์ติดขอบสนามอีกครั้ง! กับศึก SmackDown และ RAW พร้อมชมการคืนสนามของ จอห์น ซีน่า ในรอบ 17 เดือน ชาวไทยดูสด ๆ ได้ทาง 3BB GIGATV

ภายหลังจากสถานการณ์โควิดในอเมริกาเริ่มคลี่คลาย สมาคมมวยปล้ำ WWE ได้ปรับให้มีการเปิดเข้าชมของแฟนมวยปล้ำอีกครั้ง ประเดิมเปิดเวทีกับสองรายการสุดฮิตที่คอมวยปล้ำชื่นชอบ รายการ Smackdown และ RAW กับบรรยากาศแฟนมวยปล้ำลุ้นเต็มขอบสนามจริง ภายหลังที่ต้องชมผ่าน WWE Network มาเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง หลังสถานการณ์โควิดในอเมริกาดีขึ้น และเมื่อเปิดให้มีการจองบัตรที่นั่ง ปรากฏว่าบัตรเต็มในเวลาอันสั้น!!!

วินซ์ แม็กแมน (Vince McMahon) ประธานบริหารและ CEO สมาคม WWE เผยว่า "กว่าหนึ่งปีครึ่ง ที่ WWE ขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดของโชว์ไป นั่นคือแฟนๆ ของเรา แม้ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหน ทั้งไม่เคยหยุดออกอากาศ ยืดหยัดสร้างสรรค์ผลิตรายการออกมาเสมอ ลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่ซึ่งนำพาแฟนๆ เกือบล้านคนเข้ามาอยู่ในโชว์ของเราผ่านจอวิดีโอบอร์ด แต่มันก็ไม่เหมือนที่เคยเป็น ท่วงทำนองของเราขาดหายไปประสบการณ์ที่เราสัมผัสร่วมกัน อารมณ์ความรู้สึก ปฏิกิริยาของผู้ชมที่ทำให้ทุกการกระแทกและรอยฟกช้ำที่เกิดขึ้นนั้นคุ้มค่า มันขาดหายไป พรุ่งนี้ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไป"

ทาง WWE ยังเอาใจแฟนมวยปล้ำ ด้วยการปรากฏตัวของ จอห์น ซีน่า (John Cena) ตำนานนักมวยปล้ำชื่อดัง อดีตแชมป์โลก 16 สมัย ซึ่งปัจจุบันผันตัวเป็นนักแสดงชื่อดังในฮอลลีวูด (เรื่อง Fast9) นี่คือการกลับมาคืนจอ WWE ครั้งแรกของซีน่า นับตั้งแต่ Firefly Fun House ใน WrestleMania 36 ซึ่งเป็นการอัดเทปในสถานที่ปิดไร้ผู้ชม แต่ครั้งนี้คือการกลับมาท่ามกลางผู้ชมในสนามครั้งแรกของเขา ในรอบ 17 เดือน นับตั้งแต่รายการ SmackDown กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ก่อน COVID-19 pandemic และนี่คือ เวที WWE ที่เปิดรับผู้ชมกลับมาคืนสนามเต็มความจุอีกครั้ง

ซึ่งในเดือนกันยายนนี้ แฟนมวยปล้ำชาวไทย สามารถรับชมความสนุกเร้าใจกับความสนุกทุกคู่ เลือดสาดทุกแมตช์ เกรี้ยวกราดทุกช็อต ชั้นเชิงขั้นเทพแบบโหด-เลว-ดี ไม่มีสิ้นสุด ชมกันแบบเต็มอิ่มได้ลุ้นเหมือนได้นั่งเชียร์ที่ขอบสนามด้วยตัวเอง ทุกเช้าวันอังคาร จะได้ชมรายการ RAW เวลา 07.00 - 10.00 น. และ ทุกเช้าวันเสาร์ ชมรายการ SMACKDOWN เวลา 07.00 - 09.00 น. ที่ช่อง 3BB SPROTS ONE หมายเลข 401 ผ่านบริการ 3BB GIGATV สอบถามเพิ่มเติม โทร 1530
#2926


เพราะความห่วงใย และกำลังใจนั้นสำคัญ ท่ามกลางวิกฤติสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงระบาดหนักธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบหนักมากที่สุด เพื่อร่วมยืนหยัดและสู้ไปด้วยกัน ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ โดยผู้บริหาร อรธิรา ภาคสุวรรณ ผู้อำนวยการใหญ่ ออกมาตรการเร่งด่วน เพื่อหวังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนับสนุนธุรกิจให้ดีขึ้นในเร็ววัน

"หน้าที่ของทางศูนย์การค้าฯ คือช่วยเหลือผู้ประกอบการ จัดมาตรการเยียวยาทั้งทางธุรกิจและจิตใจ เราช่วยเหลือเรื่องการงดเว้นค่าเช่า ให้กับร้านอาหารในช่วงที่ยังไม่สามารถนั่งทานอาหารในร้านได้ รวมถึงช่วยในการหาช่องทางการขายใหม่ๆ โดยมีการจัดบริการพิเศษ Restaurant Concierge Service "โทรสั่งครั้งเดียว อร่อยได้หลายร้าน" ให้ลูกค้าเลือกสั่งอาหารจากหลายร้านในรอบเดียว พร้อมบริการส่งอาหารให้กับลูกค้าที่รถ และถึงบ้านผ่านบริการนี้ เสริมด้วยบริการตั้งจุด Pick up & Delivery รวมถึงการดูแลสุขลักษณะอนามัย Rider Care ที่ให้ลูกค้ามั่นใจว่าสั่งอาหารที่เราสะอาด ปลอดภัยแน่นอน"





เสียงจากเซเลบริตี้คนดังในฐานะเจ้าของร้านผู้ประกอบการร้านอาหาร เผยมุมมองวิกฤตครั้งนี้ที่เราพร้อมจะสู้ไปด้วยกัน เริ่มจาก หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของร้านอาหาร ซาว่า ออลเดย์ ไดนิ่ง (SAVA All Day Dining) "ธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ได้รับผลกระทบทั้งหมด ความโชคดีของเราคือทีมบริหารศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม ดิ เอ็มควอเทียร์ ดูแลผู้เช่าดีมาก ช่วยเหลือทุกอย่าง มันไม่เหมือนบิสซิเนสพาร์ทเนอร์ แต่เหมือนเพื่อน เหมือนครอบครัว ยินดีรับฟังปัญหาและคอยให้ความช่วยเหลือ รู้สึกประทับใจมาก มันเป็นกำลังใจให้เราต้องสู้ แม้ช่วงนี้ทุกคนลำบากมาก ก็อยากจะฝากให้เราคิดบวกและสร้างสรรค์ อยู่ด้วยกันแบบรักและสามัคคีเพื่อให้ผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน"





ก้อง-กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร้านอาหารญี่ปุ่น มูเกนได เพนท์เฮ้าส์ (Mugendai Penthouse) "ข้อจำกัดของร้านอาหารญี่ปุ่นความที่เป็นเมนูพรีเมี่ยมทำให้การทำเดลิเวอรี่นั้นลำบาก ความอร่อยหายไป 70% จึงทำให้เราต้องปิดร้านไปตามระเบียบของรัฐ จำเป็นต้องให้พนักงานกลับบ้านแต่เรายังดูแลเหมือนเดิม ก็เหมือนกับที่ทางศูนย์การค้าฯ ดูแลเรามาดีกว่า 7 ปีแล้ว ปรับกลยุทธ์ด้วยกันอย่างทันท่วงทีช่วยเหลือให้เราขายต่อไปได้บ้าง ผมแฮปปี้มากที่ทางศูนย์ฯ ช่วยเหลือร้านอาหารทุกร้าน ขอบคุณมากๆ ขอให้ทุกคนสู้ๆ ไปด้วยกันครับ"





แสง-แสงณรงค์ มนตรีวัต CEO ผู้ก่อตั้งร้านลูกไก่ทอง "เมื่อไม่ได้นั่งทานอาหารในร้าน ลูกค้ากลุ่มแฟมิลี่ก็หายไป แต่เราก็ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ต่างๆ ชูเมนูที่สั่งกลับบ้านแล้วยังอร่อยเพื่อให้ได้ยอดขายกลับมา สิ่งที่เราได้นอกเหนือจากเราปรับตัวเองคือการยื่นมือเข้ามาช่วยของศูนย์การค้าฯ เหมือนเราอยู่บ้านเดียวกันเป็นครอบครัวเดียวกัน เมื่อเดือดร้อนเราก็ต้องช่วยเหลือกันขอบคุณทุกฝ่ายที่คอยซัพพอร์ตร้านของเราอย่างดีเสมอ ขอบคุณมากๆ ครับ"





ตู๋-เลิศรินิญฒ์ สิปปภาค เจ้าของร้าน คาเฟ่ชิลลี่ (Café Chilli) และ เสือใต้ (South Tiger) "แม้สถานการณ์ทุกอย่างจะย่ำแย่ลูกค้าหดหาย รายได้ลดลง เราก็พร้อมจะปรับตัวเอง ลุยทำการตลาดทุกช่องทาง ผลกระทบครั้งนี้เราดีใจที่ได้รับความช่วยเหลือจากทางศูนย์การค้าฯ ยื่นมือเข้ามาช่วยเราตั้งแต่วันแรกที่มีมาตราการต่างๆของทางภาครัฐ แล้วเราเองก็พร้อมให้ร่วมมืออย่างเต็มที่และจะสู้เคียงข้างไปด้วยกัน"





นอกจากความช่วยเหลือต่างๆ แล้ว ยังมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับร้านอาหารต่างๆ โดยลูกค้า Restaurant Concierge Service เมื่อสั่งอาหารครบ 800 บาท รับฟรีส่วนลดค่าส่งสูงสุด 100 บาท พร้อมมอบกำนัลรับประทานอาหารสูงสุด 500 บาท เมื่อซื้ออาหารที่ร้านอาหารชั้นนำในศูนย์การค้าฯ และพิเศษสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตกรุงศรีอยุธยา คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืน 13% โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line : @emdistrict และ Facebook : Emporium Emquartier
#2927


วันนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อ ผู้ที่ได้รับทุนได้ที่ www.มิสทินสู้โควิด.com ประกาศครั้งที่ 2 จำนวน 3,000 ทุน เวลาเที่ยง

คลิกที่นี่ 

"มิสทินสู้โควิด" สามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ในวันที่ 23 ส.ค. 64

วิธีตรวจสอบสิทธิ์

1. คลิกที่นี่ หรือเข้าเว็บไซต์ มิสทินสู้โควิด.com
2. คลิกปุ่ม ตรวจสอบสิทธิ์
3. กรอกเลขที่บัตรประชาชน
4. คลิกปุ่ม ตรวจสอบสิทธิ์
5. แสดงผล


ทั้งนี้ เครื่องสำอางมิสทิน และมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ ตั้งงบ 10,000,000 บาท (สิบล้านบาท) สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเวลานี้

ทุน "มิสทินสู้โควิด" รวมมูลค่า 10,000,000 บาท มอบให้ครอบครัวละ 1 ทุน ทั้งหมด 5,000 ทุน (ขอสงวนสิทธิ์สำหรับที่อยู่และนามสกุลเดียวกัน) โดยแต่ละทุนประกอบด้วย เงินสด 1,000 บาท และ กล่องสินค้ามิสทินเพื่อดำรงชีพ มูลค่า 1,000 บาท

กรณีผู้ที่ตรวจสอบสิทธิ์และผ่านการพิจารณา ระบบจะแจ้งว่า "ชื่อ -นามสกุล"ได้รับเงินทุนมิสทินสู้โควิดมูลค่า 2,000 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

1. หลังจากประกาศผู้ได้รับพิจารณามอบทุนมิสทินสู้โควิดแล้ว ทางเครื่องสำอางมิสทิน และมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ จะส่ง SMS ไปที่เบอร์ที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อเป็นการยืนยันผลการพิจารณา

2. การมอบเงินทุน เครื่องสำอางมิสทิน และมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ จะรับเงินทุน 1,000 บาท เข้าสู่บัญชีธนาคารตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ การโอนเงินจะดำเนินการในวันที่ 31 สิงหาคม 2564

3. การส่งกล่องยังชีพและเงื่อนไขการรับกล่องยังชีพ ซึ่งเครื่องสำอางมิสทินและมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ จะดำเนินการจัดส่งกล่องยังชีพให้ตามที่อยู่ที่ได้ลงทะเบียนไว้ โดยจะทำการจัดส่งตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2564 ถึง 30 กันยายน 2564 ผู้รับกล่องยังชีพจะต้องเป็นผู้ลงทะเบียน หรือ คนในครอบครัว หรืออาศัยอยู่ เลขที่บ้านที่ทำการลงทะเบียนไว้เท่านั้น หากผู้รับกล่องยังชีพ ไม่ใช่บุคคลที่ลงทะเบียนไว้ จะต้องยื่นสำเนาบัตรประชาชน พร้อมเซ็นกำกับเพื่อรับกล่องยังชีพ หากไม่มีสำเนา ทางเครื่องสำอางมิสทินและมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ ขอไม่นำส่งกล่องยังชีพ เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิ์ ของผู้ที่ได้รับสิทธิ์มอบทุน

4. กรณีที่ได้รับสิทธิ์แต่ไม่ได้รับการโอนเงิน หลังจากวันที่ 31 สิงหาคม โปรดติดต่อ 02-118-5111 ได้ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.30 น.



อ้างอิง - www.มิสทินสู้โควิด.com , มิสทิน
#2928


อากิระ นิชิโนะ อดีตกุนซือทีมชาติไทย ทำจดหมายเปิดผนึก แสดงความขอบคุณ และเผยความรู้สึกถึงทุกๆสิ่งที่เคยผ่านช่วงเวลาการทำงานกับ "ช้างศึก"

ก่อนหน้านี้ สมาคมกีฬาฟุต.แห่งประเทศไทยฯ ประกาศยกเลิกสัญญากับ อากิระ นิชิโนะ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังพาทีมทำผลงานล้มเหลวในฟุต.โลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย

ล่าสุดยอดเทรนเนอร์จากแดนอาทิตย์อุทัยเขียนจดหมายเปิดผนึกบอกเล่าถึงความรู้สึกต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ทำงานกับ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย

เรียน ครอบครัวฟุต.ไทยทุกท่าน
สวัสดีครับ

หลังจากจบการแข่งรอบคัดเลือกที่ดูไบ เดิมที ผมจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เลย แต่เนื่องจากมีธุระ จึงขอเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นชั่วคราวก่อน ซึ่งตอนนี้ หลังจากกักตัว ASQ ผมกลับมาพักอยู่ในกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว

ก่อนอื่น หลังจากที่ผมไปรายงานสรุปผลการทำงานให้กับ FA แล้ว ผมจะต้องแถลงข่าว และรายงานสรุปผลการทำงานให้กับแฟน. และผู้สนับสนุนทุกท่านทราบ แต่เนื่องจากสถานการณ์ โควิด-19 จึงยังไม่สามารถทำได้ ต้องขอโทษด้วยครับ

ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่การเข้าแคมป์ฝึกซ้อม รวมไปถึงการแข่งขันฟุต.โลก รอบคัดเลือก ที่ดูไบ ในครั้งนี้ ไม่สามารถทำตามความคาดหวังของแฟน.ชาวไทยทุกคนได้

แต่ผู้ที่รู้สึกแย่ และหนักหน่วงมากที่สุด คือนักฟุต.ทุกคน หลังจากที่ได้พักเป็นเวลา 1 เดือน การเข้าแคมป์เก็บตัวฝึกซ้อมราบรื่น และทุกคนอยู่ในสภาพดี แต่เนื่องจากมีผู้ติดโควิด-19 ทำให้มีความจำเป็นต้องกักตัว 2 สัปดาห์ จึงไม่สามารถฝึกซ้อมเพื่อคัดเลือกนักเตะได้ และต้องพานักเตะทั้ง 42 คนไปยูเออีด้วยกัน

ซึ่งการที่ไม่สามารถตัดสินคัดเลือกนักเตะได้นั้น ทาง FA ก็เข้าใจดี และผมขอขอบคุณที่ช่วยพาทุกคนไป ในขณะเดียวกัน ก็ต้องทำให้เจ้าหน้าที่สมาคม และสต๊าฟฟ์โค้ช ต้องพลอยรับภาระหนัก และลำบากไปด้วย ผมจึงขอกล่าวคำขอบคุณพวกเขามา ณ ที่นี้ด้วยครับ

สำหรับตัวผมเองก็รู้สึกถึงความยากของการดูแลจัดการแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเช่นกัน

นักเตะทุกคนสู้อย่างแข็งขัน และเด็ดเดี่ยวภายใต้สภาพที่ไม่พร้อมเท่าที่ควร

น่าเสียดายที่มีทั้งนักเตะในประเทศ และนักเตะที่สร้างผลงานอยู่ในญี่ปุ่นถอนตัวไป แต่ผมเชื่อว่า หากทีมชาติไทย สร้างความแข็งแกร่งโดยขับเคลื่อนไปพร้อมกับไทยลีก ทีมชาติไทย จะสามารถยกระดับสเตตัส และกลายเป็นทีมชาติที่แข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน

สำหรับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ผมต้องขอขอบคุณอย่างสูง สำหรับความร่วมมือของ FA, ทีมสโมสร, สปอนเซอร์ และขอขอบคุณแรงเชียร์อันล้นหลามจากแฟน. และผู้สนับสนุนที่ต่อสู้มาด้วยกันในฐานะผู้เล่นหมายเลข 12

ผมขอให้สถานการณ์โควิด-19 จบลงโดยเร็วที่สุด และขอให้ฟุต.ลีกในประเทศได้กลับมาเริ่มการแข่งขัน ก่อนจะถึงวันนั้น เรามาสู้ไปด้วยกันนะครับ
#2929


วันนี้ (22 ส.ค.) สืบเนื่อง รัฐบาลเตรียมจัดสร้างพิพิธภัณฑ์องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่า เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเฉลิมพระเกียรติฯ ตั้งอยู่ในเนื้อที่ 79 ไร่ 2 งาน 60.9 ตารางวา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ ที่กองทัพบกได้รับพระราชทานที่ดินจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยรัฐบาลตั้งใจจัดสร้างขึ้นเพื่อจัดแสดงสมบัติของชาติ แสดงองค์ความรู้เรื่องไม้มีค่าของประเทศไทย ให้ประชาชนเกิดความรัก หวงแหนในทรัพยากรป่าไม้ เกิดจิตสำนึกร่วมกันในการพิทักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ของชาติ อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ในการจัดแสดงงานศิลปะ ด้านประติมากรรม จิตรกรรม งานฝีมือต่างๆ ของช่างไทย

รวมทั้งใช้เป็นอาคารรับรองแขกของรัฐบาลเพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์ทางศิลปะของประเทศไทยด้วยไม้มีค่าดังกล่าว จะเป็นไม้ของกลางที่คดีสิ้นสุดแล้ว ซึ่งตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินแล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ หลักๆ จะนำไม้ของกลางมาจาก 3 หน่วยงานหลัก คือ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้จัดประชุมคณะกรรมการฝ่ายโครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งมีความคืบหน้าในการพิจารณาแบบการก่อสร้างที่มีการปรับปรุงจากกรมศิลปากร วงเงินงบประมาณใหม่สำหรับการก่อสร้างที่มีการปรับลดลง โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้กรมศิลปากร กรมยุทธโยธาทหารบก สำนักงบประมาณ สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินการก่อสร้างและรายละเอียดงบประมาณ เพื่อเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป เพื่อให้โครงการสามารถจัดทำคำของบประมาณได้ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และสามารถดำเนินการก่อสร้างได้แล้วเสร็จภายในปี 2570 

ด้าน นายชีวภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ เผยว่า ไม้มีค่าที่ใช้ในพิพิธภัณฑ์เป็นไม้มีค่า 6 ชนิด ได้แก่ ไม้พะยูง ไม้ชิงชัน ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้มะค่าโมง และไม้สัก ซึ่งเป็นไม้มีค่าที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองป่าเมืองไทยมาช้านาน มีความนิยมสูงจึงทำให้มีการลักลอบตัดไม้เหล่านี้ โดยเจ้าหน้าที่สามารถยึดไม้ของกลางเป็นจำนวนมาก เมื่อคดีสิ้นสุดไม้ของกลางจะตกเป็นของแผ่นดิน ภายใต้การกำกับของ ปลัด ทส. จึงได้มอบหมายให้กรมป่าไม้ ทำหน้าที่ประสาน ตรวจสอบข้อมูล และรวบรวมไม้ของกลางขนย้ายไปยังองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) เพื่อนำไปแปรรูปจัดเตรียมการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า โดยไม้ของกลางล็อตที่ใหญ่ที่สุด คือ คดีไม้สาละวิน เป็นไม้สักทั้งหมด อยู่ในจ.แม่ฮ่องสอน พื้นที่ติดกับประเทศเมียนมา มีการยึดจับกุมเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จนขณะนี้คดีถึงที่สุดแล้ว ทำให้มีไม้ของกลางตกเป็นของแผ่นดินกว่า 15,000 ท่อน มูลค่าหลายพันล้านบาท

ทาง ปลัด ทส. จึงมีความเห็นให้กรมป่าไม้นำไม้ของกลางที่ปัจจุบันถูกดูแลรักษาโดยกองพันทหารม้าที่ 22 ค่ายอดิศร จ.สระบุรี ซึ่งไม้ของกลางทั้งหมดถูกแช่น้ำไว้ในบ่อ ถือเป็นภูมิปัญญาอิงวิทยาศาสตร์ เพื่อป้องกันไม่ให้มอด แมลงต่างๆ มาทำลายได้ ซึ่งขณะนี้กรมป่าไม้ได้ทยอยนำไม้ของกลางเหล่านี้นำส่งโรงเลื่อยของ อ.อ.ป. วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ในการขนส่งจะมีรถนำขบวน ทีมเฉพาะกิจพยัคฆ์ไพรตามประกบ ติดจีพีเอสรถบรรทุก เนื่องจากมูลค่าไม้ของกลางมีมูลค่าสูง แค่ไม้ท่อนหนึ่งมีมูลค่าเป็นแสนบาท ดังนั้นขนส่งรอบหนึ่งมูลค่าก็เป็นล้านบาท จึงต้องมีทีมดูแลการขนส่งอย่างเข้มข้น ซึ่งคาดว่าก่อนปลายปี 2564 จะสามารถขนส่งไม้ของกลางแล้วเสร็จทั้งหมด

ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนพ.ค. 58 – เม.ย. 64 ทาง อ.อ.ป. ได้รับไม้ของกลางที่คดีถึงที่สุดแล้วจากกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมศุลกากร 237,898 ท่อน/แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 9,899.886 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) โดยสามารถแปรรูปได้ 2,018.096 ลบ.ม. แบ่งเป็นไม้พะยูง 864.037 ลบ.ม. ไม้สัก 701.812 ลบ.ม. ไม้แดง 81.725 ลบ.ม. ไม้ประดู่ 234.406 ลบ.ม. ไม้มะค่าโมง 62.601 ลบ.ม. และไม้ชิงชัน 73.515 ลบ.ม.

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะใช้ไม้มีค่าในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ประมาณ 25,000 คิวฟุต ขณะที่ไม้มีค้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมกันมีไม่ต่ำกว่า 120,000 คิวฟุต จึงน่าจะมีไม้มีค่าเพียงพอต่อการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แล้ว โดยจะนำส่ง อ.อ.ป. เพื่อแปรรูปไม้ตามที่กรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบไว้ โดยมีการเลือกไม้ที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ ส่วนไม้มีค่าของกลางที่เหลือจากการก่อสร้าง อาจมีการพิจารณาให้หน่วยงานราชการอื่นๆ นำไปใช้ได้ตามความจำเป็นและตามความเหมาะสมต่อไป

"พิพิธภัณฑ์องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่า เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเฉลิมพระเกียรติฯ จะมีโครงสร้างหลักเป็นปูนเสริมหลัก โดยใช้ไม้มีค่าตกแต่งภายใน เพดาน ทำเป็นศาลาเรือนไทย และอื่นๆ ตามที่กรมศิลปากรออกแบบ ซึ่งจะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทยที่สร้างโดยคนไทยเอง มีความยิ่งใหญ่อลังการ ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใช้ไม้มีค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก" นายชีวภาพ รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวย้ำ
#2930


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ติดตามผลการจัดโครงการ "เพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี" กรณีช่วยสร้างโอกาสทางการค้าให้สินค้าแมลงทอดอบกรอบภายใต้แบรนด์ "แมลงรวย" จาก จ.อุดรธานี ที่ได้ลงพื้นที่ไปแนะนำเรื่องการต่อยอดธุรกิจและการใช้ประโยชน์จาก FTA พบว่าล่าสุดประสบความสำเร็จในการจับคู่ทำธุรกิจทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศได้วางจำหน่ายสินค้าแมลงทอดอบกรอบในซูเปอร์มาร์เกตเอกภาพ สาขาสระบุรี และตลาดไทได้แล้ว และในเดือน ก.ย. 2564 มีกำหนดวางจำหน่ายแมลงทอดอบกรอบในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทั่วประเทศ และแมลงแช่แข็งในห้างแม็คโครปลายปีนี้

ส่วนตลาดต่างประเทศ แมลงรวยเตรียมขยายการส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐฯ เม็กซิโก จีน และอาเซียน ซึ่งแมลงรวยได้ติดต่อทำตลาดแล้ว มีผู้สนใจนำเข้าจำนวนมาก เนื่องจากเป็นสินค้าใหม่ที่ยังไม่มีคู่แข่งในตลาด และมีโอกาสเติบโตสูง เช่น ตลาดคุนหมิง ฮ่องกง และกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม ที่ผู้บริโภคมีความคุ้นเคยกับการบริโภคสินค้าแมลงอยู่แล้ว แต่บางตลาด เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ผู้บริโภคแมลงมีจำนวนจำกัด เนื่องจากไม่นิยมบริโภค แต่ก็มีโอกาส หากเพิ่มการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ทั้งนี้ ในการทำตลาดส่งออก กรมฯ ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จาก FTA เพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการค้าให้กับสินค้าไทย เพราะคู่ค้าที่มี FTA กับไทย 13 ฉบับกับ 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย เปรู และชิลี และอยู่ระหว่างรอการบังคับใช้ความตกลง RCEP ในปี 2565 ไม่มีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรนำเข้าจากสินค้าแมลงเพื่อบริโภคที่ส่งออกจากไทยแล้ว การใช้ FTA สร้างแต้มต่อก็จะทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้ดีขึ้น และลดต้นทุนได้มากขึ้น

นางอรมนกล่าวว่า สินค้าแมลงรวยสามารถขยายตลาดได้ทั้งในและต่างประเทศเนื่องจากเป็นสินค้าแมลงทอดอบกรอบเป็นรายเดียวในประเทศ เป็นสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานในเรื่องความปลอดภัยและกระบวนการผลิต โดยได้รับเครื่องหมาย อย. GMP, HACCP, CODEX และมาตรฐานวัตถุดิบฟาร์ม GAP และยังมีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีความสวยงาม สีสันสะดุดตา ทันสมัย สะดวกต่อการพกพา และรับประทานง่าย รวมทั้งนำเสนอสินค้าในรูปแบบแปลกใหม่และหลากหลาย มีแมลงทอดอบกรอบทั้งดักแด้ จิ้งหรีด และสะดิ้ง แมลงแช่แข็ง น้ำพริกแมลงละลายน้ำ และผงจิ้งหรีดเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในเบเกอรี คุกกี้ ในการเพิ่มโปรตีน เจาะตลาดกลุ่มผู้รักสุขภาพและเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคที่ต้องการเริ่มต้นกินแมลง โดยผงจิ้งหรีดมีโปรตีนสูงถึง 75% มีธาตุเหล็กมากกว่านม 3 เท่า และอุดมไปด้วยกากใย วิตามิน แร่ธาตุต่างๆ ทั้งเหล็ก สังกะสี แคลเซียม รวมทั้งกรดไขมันโอเมกา 3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย

นอกจากนี้ แมลงรวยยังอยู่ระหว่างการใช้นวัตกรรมในการพัฒนาเป็นสินค้าเวย์โปรตีนสกัดจากจิ้งหรีด เป็นอาหารเสริมที่มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักกีฬา
#2931


ฟุต.วีลีก ลีกสูงสุดของประเทศเวียดนาม มีคำสั่งจากฝ่ายจัดฯ ให้เลื่อนการแข่งขันในฤดูกาล 2021 ยกยอดไปแข่งขันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้หลายสโมสรเกิดวิกฤติด้านการเงินเป็นอย่างมาก

ล่าสุด สหพันธ์ฟุต.เวียดนาม หรือ "วีเอฟเอฟ" และฝ่ายจัดการแข่งขันฟุต.อาชีพเวียดนาม หรือ "วีพีเอฟ" มีการประชุมร่วมกับทุกสโมสร ซึ่งเสียงสโมสรสมาชิกส่วนใหญ่มีความเห็นว่าควรจะตัดจบการแข่งขันในฤดูกาล 2021 ไปเลย ซึ่งปัญหาหลักคือวิกฤติด้านการเงินที่หลายทีมไม่สามารถหามาหมุนเวียนเพื่อจ่ายเป็นค่าเหนื่อยของนักเตะได้

สำหรับทีมแชมป์, ทีมตกชั้น และโควต้าไปเล่นฟุต.สโมสรเอเชีย ทางสหพันธ์ฟุต.เวียดนาม และฝ่ายจัดการแข่งขันวีลีก จะประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้สถานการณ์ปัจจุบันในลีกสูงสุดเวียดนาม ฤดูกาล 2021 ผ่านพ้นไปแล้ว 12 เกมในครึ่งซีซั่นแรก และเป็น ฮองอันห์ยาลาย ของกุนซือ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่นำเป็นจ่าฝูงของตาราง จากผลงานชนะ 9 นัด เสมอ 2 นัด แพ้ 1 นัด มี 29 คะแนน ซึ่งพวกเขากำลังจะคัมแบ็คกลับมาคว้าแชมป์วีลีก อีกครั้งในรอบ 17 ปี และยังจะคว้าตั๋วไปเล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก อีกด้วย
#2932


นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ดูแลธุรกิจ SCG HOME Retail & Distribution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า "SCG HOME เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ประกอบการขนาดเล็กมีส่วนในการเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง และเป็นรากฐานที่ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต จึงมุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีอยู่เกือบหนึ่งแสนรายทั่วประเทศ ยังต้องการการเข้าถึงโอกาสและช่องทางในการพัฒนาศักยภาพ พร้อมทั้งต้องการเครื่องมือการตลาดแนวใหม่ เพื่อยกระดับการเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ"

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ SCG HOME ได้จับมือร่วมกับกองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน กรมส่งเสริมการเกษตร จัดอบรมสัมมนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ 'ติดอาวุธพัฒนาสินค้า บริการ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล' จุดประกายความคิดให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็ก และนำองค์ความรู้ไปพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเพิ่มช่องทางตลาดออนไลน์ และแนวทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ไปยังผู้บริโภคตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อที่ผู้ประกอบการรายย่อยจะสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพิ่มทางเลือกสินค้าให้มีความหลากหลายกับผู้บริโภค รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ขยายฐานของกลุ่มลูกค้าออกไปในวงกว้างมากขึ้น และผลักดันการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเสริมศักยภาพรูปแบบการจัดจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ที่จะเป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายสินค้าในอนาคต ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังสามารถพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารธุรกิจ และองค์ความรู้ในการพัฒนาสินค้าและปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น และนอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการรายย่อยด้วยกันเอง แบ่งปันองค์ความรู้ นำไปต่อยอดเป็นธุรกิจ และพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น

สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจประเภทใด ก็สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการพัฒนาศักยภาพของตนให้เข้มแข็งได้ ดังเช่น วิสาหกิจชุมชน ดังนี้

วิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมไทบุราณศิลป์ ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดบูชา พานตั้งโต๊ะ และพวงมาลัยคริสตัล นำโดย นางขนิษฐา อุทิศวรรณกุล กล่าวว่า "ถึงแม้ว่าทางกลุ่มฯ เพิ่งเข้าร่วมอบรมสัมมนาออนไลน์กับทาง SCG HOME เป็นครั้งแรก แต่ได้รับประโยชน์มาก สามารถนำองค์ความรู้กลับมาพัฒนาศักยภาพได้จริง เช่น การพัฒนาต่อยอดสินค้าใหม่ ๆ โดยนำเศษผ้าไหมที่เหลือทิ้งมาสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์ให้มากขึ้น เนื่องจากช่วงโควิด – 19 แพร่ระบาด ทำให้ไม่สามารถออกบูธจำหน่ายสินค้า และขายผ่านหน้าร้านตามปกติได้ เนื่องจากจำเป็นต้องปิดร้านที่สนามหลวง 2 ไปชั่วคราว และหาช่องทางการจำหน่ายช่องทางออนไลน์แทน อาทิ อี-มาร์เก็ตเพลส ช่องทางโซเชียล เน็ตเวิร์ค ต่าง ๆ"

วิสาหกิจชุมชนภูมิปัญญาไทยบ้านโพธิ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายไข่เค็มชาร์โคล น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างเครื่องประดับ และสบู่นมแพะ จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย นางปรียาพร เทียนหล่อ เปิดเผยว่า "ทางกลุ่มฯ มีความเชี่ยวชาญในการนำสมุนไพรไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน หลังจากได้เข้าร่วมอบรมกับทาง SCG HOME ช่วยให้มีกระบวนการคิดและบริหารธุรกิจอย่างเป็นระบบมากขึ้น เช่น ในสถานการณ์โควิด-19 การจะลงทุนทำอะไรเพิ่มต้องคิดและวิเคราะห์มากขึ้น ทั้งสามารถต่อยอดและพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เช่น การนำกากของผลมะกรูดที่เหลือจากการผลิตสบู่ มาต้มต่อและผลิตเป็นน้ำยาล้างจาน แทนที่จะทิ้งให้สูญเปล่า รวมทั้ง ยังได้รับเทคนิคในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อใหม่ ๆ อาทิ การสร้างเพจ การโพสต์รูปสินค้า และยังได้กลุ่มเพื่อนใหม่จากการเข้าร่วมอบรม มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กันและบอกต่อผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มค้าใหม่ ๆ"

วิสาหกิจชุมชนกลิ่นเอมนาโน กลุ่มผู้ผลิตเวชสำอางค์ ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากสารสกัดออร์แกนิคธรรมชาติ100% ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศไทยทั้งสิ้น ที่มีสมาชิกกลุ่มตั้งแต่เกษตรกรต้นน้ำ ไปจนถึงนักวิชาการ และโรงงานผลิต โดยนางสุวิภา เสริมบุญสร้าง มองว่า "การจัดสัมมนาออนไลน์ของทาง SCG HOME เป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์อย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 แพร่ระบาด ไม่สามารถไปออกบูธขายสินค้าได้เหมือนแต่ก่อน จนมามองเห็นโอกาสในการขยายตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล ได้ความรู้และทักษะในการขายของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้จากเดิมที่ลูกค้าห่างหายไป หลังจากเพิ่มช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ ลูกค้าที่เคยซื้อกลับมาซื้อซ้ำและยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่ม"

วิสาหกิจชุมชนกาแฟรัษฎาและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จากจังหวัดตรัง ผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่วแบบดั้งเดิม สบู่กาแฟ และชาดอกกาแฟ ซึ่ง นางกนกวรรณ คำเนตร ให้ความเห็นว่า "โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดเล็ก ของ SCG HOME เป็นโครงการที่เห็นความสำคัญของชุมชน และช่วยเหลือชุมชนโดยตรง ทั้งยังให้โอกาสกับกิจการขนาดเล็กของชุมชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ซึ่งถือว่าให้ประโยชน์อย่างมากแก่ผู้ประกอบการ เช่น ด้านการขยายช่องทางออนไลน์ ทำให้ตอนนี้ทางกลุ่มฯ สามารถขยายช่องทางออนไลน์ไปในหลายแพลตฟอร์ม ตอบรับกับในขณะนี้ไม่สามารถเปิดหน้าร้านจำหน่ายสินค้าไม่ได้ก็ต้องอาศัยช่องทางออนไลน์ และในอนาคตก็หวังว่าอยากให้มีสัดส่วนขายออนไลน์เพิ่มมากขึ้น"

นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า "SCG HOME รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก ให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมอบรมสัมมนาไปใช้ได้จริง และจะเดินหน้าโครงการที่เป็นประโยชน์แก่สังคมและชุมชนนี้ไปอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เพียงมีส่วนช่วยประคับประคองธุรกิจขนาดเล็กในช่วงที่ภาวะตลาดยังมีความผันผวนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่จะเป็นภูมิคุ้มกันและเสริมรากฐานช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจรายย่อยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย"
#2933
ปัตตานี pattani ชิ๊ปป๊อบ shippop flash best dhl ตะลุโบะ ส่ง พัสดุ




SHIPPOP สาขาตะลุโบะ จ.ปัตตานี
ร้านรับส่งพัสดุด่วน
ที่รวบรวมขนส่งชั้นนำ พร้อมให้บริการ

ไปรษณีย์ไทย
Flash Express
CJ Logistics
Ninja Van
SCG Express
 Best Express
 J&T Express

#Flashhome #แฟลช #แฟลชโฮม #shippop #ชิ๊ปป๊อบ
#BEST #ส่งของ #ส่งพัสดุ #BESTEXPRESSTHAILAND #BESTEXPRESS #BESTFSCENTER #แพ็กพัสดุ #เคล็ดลับแพ็กพัสดุ #แพ็กพัสดุมือโปร
#NinjaVanThailand #NinjaVan #นินจาแวนส่งเร็วทันใจทั่วประเทศ
#ส่งวันถัดไป #นินจาแวนเข้ารับพัสดุฟรี #นินจาแวน #นินจาแวนส่งทั่วไทย
#นินจาแวนรับพัสดุทั่วไทย

ส่งของไปต่างประเทศได้แล้ววันนี้

Namyong Worldwide Express
#ส่งพัสดุไปต่างประเทศ #ส่งพัสดุด่วนไปต่างประเทศ #ส่งของไปต่างประเทศ

ใช้บริการได้แล้วที่ร้านรับฝากส่งพัสดุ
ใกล้บ้านคุณได้เเล้ววันนี้

แผนที่ร้านครับ
https://g.page/shippop-pn?share

facebookร้าน
https://www.facebook.com/shippop.pn

เข้ามาใช้บริการได้ครับ
โทร 093-6515445
 
 
#2934


ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(18ส.ค.)ร่วงลง 382 จุด หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค. ที่บ่งชี้ว่า

เจ้าหน้าที่เฟดมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับกรอบเวลาในการลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 382.59 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 34,960.69 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 47.81 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 4,400.27 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 130.27 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 14,525.91 จุด

รายงานมินิทส์ของเฟดระบุถึงกรอบเวลาลดระดับโครงการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนซึ่งในรายงานจากที่ประชุมหนล่าสุดบ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดจะผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี่นี้ หากว่าเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวตามความคาดหมาย

ขณะเดียวกันรายงานฉบับนี้ก็เผยให้เห็นว่าบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วน แสดงความกังวลว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา อาจเตะถ่วงการกลับมาเปิดเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ และตลาดแรงงานคือสิ่งสำคัญที่สุดในความคิดของเฟด


ราคาหุ้นของบริษัทโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นคู่แข่งของบริษัทโฮม ดีโปท์ อิงค์ พุ่งขึ้นในวันนี้ หลังเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 แต่ราคาหุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง แม้บริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาด

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

ทั้งนี้ เฟดจะจัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่ารายงานของเฟดในวันนี้ และการประชุมประจำปีของเฟดในปลายเดือนนี้ จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอี

นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เฟดควรทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินคิวอีและเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.

ปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีอย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (เอ็มบีเอส) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ นายแคปแลนระบุว่า เขาต้องการให้การปรับลดคิวอีดำเนินไปโดยใช้เวลาราว 8 เดือน ซึ่งหากเฟดยิ่งเริ่มปรับลดคิวอีได้เร็วเท่าใด ก็จะยิ่งช่วยให้เฟดมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

คำกล่าวของนายแคปแลนสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ที่ได้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอี ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

"ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด" นายแคลริดากล่าว

"หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้" เขากล่าว

ด้านนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด กล่าวเช่นกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.
#2935


นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยภายในงานสัมมนา 50 ปี เครือเนชั่น Virtual Forum Thailand Next EP.1 : Innovation Beyond Business โอกาสนวัตกรรมเศรษฐกิจ ในหัวข้อ "Thailand New Outlook Innovation and Opportunity Post Covid" โดยระบุว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์โควิด 19 ตอนนี้วิกฤติมาก ในแง่ของภาคสาธารณสุข โรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ถือว่าทำงานเต็มศักยภาพแล้ว

อย่างไรก็ดี สถานการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเมืองไทย แต่เกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้านเราเหมือนกัน เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม อีกทั้งเดือนนี้เราจะเริ่มเห็นสถานการณ์ในอเมริกา ในยุโรป อังกฤษ ที่เจอการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลต้า พบว่าผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพรวมทั้งโลกในเดือน ส.ค.ที่เริ่มมานี้ สถานการณ์คนติดเชื้อ 2 ใน 3 ของตัวเลขพีคในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าสถานการณ์เรียกว่าค่อนข้างหนัก

"วันนี้คำถามที่ว่าเมื่อไหร่โควิดจะหมดไป เมื่อไหร่จะพีค หรือเมื่อไหร่จะหายไป โรคนี้จะหายไปไหม อาจเป็นคำถามที่เราต้องคิดใหม่ว่า หรือเป็นสิ่งที่เราต้องอยู่กับมัน เพราะแม้จะมีวัคซีน เราก็ต้องปรับตัวให้อยู่กับมัน เพราะวัคซีนป้องกันระบาดไม่ได้ 100% แต่ป้องกันการเจ็บตัวลงได้"



ทั้งนี้ ในแง่ของภาคธุรกิจ ที่ก่อนหน้านี้เรียกว่าต้องปรับตัวรับ นิวนอร์มอล (New Normal) ตอนนี้ส่วนตัวผมคิดว่าไม่แน่ใจแล้วกับการปรับตัวหลังโควิดคลี่คลาย แต่สิ่งที่เห็นคือการปรับตัวให้เป็น นาวนอร์มอล (Now Normal) เป็นสิ่งที่เราต้องอยู่กับมันให้ได้ในวันนี้ สิ่งนี้มีผลอย่างมากกับภาคธุรกิจ สังคม และสาธารณสุข เป็นสิ่งที่เราต้องปรับตัวทำทันที ทำไปเรื่อยๆ และต้องอยู่กับมันให้ได้


สำหรับการปรับตัวสู่นาวนอร์มอลของเอสซีจี เมื่อเจอการแพร่ระบาดของเดลต้า ได้ปรับแผนจากการทำไข่แดง มาเป็นการทำ มาตรการการควบคุมโรคลักษณะ หรือบับเบิ้ลแอนด์ซีล (Bubble and Seal) และทำให้เป็นการปรับตัวรับกับนาวนอร์มอล โดยการเอาเทคโนโลยีมาใช้กับสิ่งเหล่านี้ให้เป็นการปรับตัวที่อยู่กับเอสซีจีตลอดไป


ตลาดแร่โลหะ ณ ตลาดลอนดอน (19 ส.ค. 64)
'วันสารทจีน 2564' วันประตูนรกเปิด แนะวิธีทำบุญและบอกสิ่งห้ามทำ โดย อาจารย์ 'คฑา ชินบัญชร'
'หญิงตั้งครรภ์'ติดโควิด19โอกาสเข้าไอซียูสูงกว่า 2-3เท่า
ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ที่เคยคิดว่าเมื่อโควิด 19 คลี่คลายแล้วจะกลับไปเป็นแบบเดิม อย่างภาคการท่องเที่ยว ขณะนี้อาจต้องเริ่มคิดแล้วว่าจะเป็นแบบเดิมอย่างไร หรือจะปรับเป็นนาวนอร์มอลเพื่ออยู่กับสิ่งนี้ เพราะทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ กับทุกธุรกิจที่รู้จักปรับตัว และผู้ที่อยู่รอดค คือผู้ที่ปรับตัว นวัตกรรมจะเป็นนาวนอร์มอลในยุคต่อไปนี้ และความเร็วจากการใช้นวัตกรรม เพื่อการปรับตัวให้เป็นไปตามคความต้องการของลูกค้า จะเป็นนาวนอร์มอลที่ทำให้เราอยู่กับโควิด 19  

นายรุ่งโรจน์ ยังกล่าวด้วยว่า เอสซีจีมองว่านาวนอร์มอล คือ 4 กลุ่มธุรกิจที่หากเปลี่ยนแปลงด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลจะเกิดโอกาสอย่างชัดเจน ได้แก่

1.เรื่องของอีคอมเมิร์ซ การเอาดิจิทัล ไปใช้ในการให้บริการ การทำระบบอัตโนมัติ คือการพัฒนาโมเดลในการทำธุรกิจ

2.เรื่องของการใช้ชีวิต นาวนอร์มอลเรื่องของบ้าน ปัจจุบันไม่ใช่เพียงการอยู่บ้าน แต่หมายถึงการอยู่บ้านยังไงให้สบาย เพราะตอนนี้พฤติกรรมผู้บริโภคต้องทำงานที่บ้านด้วย

3.เรื่องของธุรกิจกลุ่มเฮลแคร์ หรือสุขภาพ

4.เรื่องของการเกษตร เอาเทคโนโลยีมาใช้ จะทำให้ประเทศของเราเปลี่ยนแปลงเป็น Food Chain สมัยใหม่
#2936


ประเทศในเอเชียพยายามพึ่งพาวัคซีนพาสปอร์ตมากขึ้น ด้วยความหวังว่าสิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นการเดินทางเพื่อทำธุรกิจของทั่วโลกให้กลับมาคึกคักเหมือนช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19ได้

แต่ปัญหาคือการระบาดอย่างรวดเร็วของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาอาจจะบั่นทอนความพยายามในเรื่องนี้ เนื่องจากวัคซีนพาสปอร์ตไม่ได้มีมาตรฐานแบบเดียวกัน ,อัตราการฉีดวัคซีนที่แตกต่างกัน และขีดความสามารถด้านสุขภาพสาธารณะในเอเชียที่ยังมีความเหลื่อมล้ำกันอยู่ จึงทำให้วัคซีนพลาสปอร์ตกลายเป็นอุปสรรคมากกว่าจะเป็นตัวช่วยให้เกิดการเดินทางข้ามพรมแดนสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความท้าทายในการเปิดพรมแดนและการยกเว้นไม่กักตัวบรรดานักเดินทางที่มีวัคซีนพาสปอร์ต ในรูปแบบเดียวกับที่ยุโรปกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้

เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา สิงคโปร์อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ถือวีซ่าทำงานและได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ครบแล้ว รวมถึงผู้ติดตาม สามารถเข้าประเทศได้ เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศคลี่คลายลง เพราะจนถึงวันที่ 5 ส.ค.ประชาชนสิงคโปร์ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วในสัดส่วน 67% และได้รับการฉีดวัคซีนถึง 70% ในวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา

สิงคโปร์กำหนดให้ชาวต่างชาติที่ขออนุญาตเข้ามาทำงานในประเทศต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว 2 สัปดาห์ โดยใช้วัคซีนของไฟเซอร์ โมเดอร์นา หรือวัคซีนที่อยู่ในบัญชีการใช้ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ)


ส่วนผู้ติดตามต้องปฏิบัติตามหลักการอยู่ในที่พักอาศัย หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษตามกฎหมาย และในระยะต่อไป สิงคโปร์จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบแล้วจากประเทศที่มีอัตราการระบาดในระดับที่ยอมรับได้ สามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์ได้เช่นกัน โดยจะประกาศรายชื่อกลุ่มประเทศดังกล่าวในวันที่ 20 ส.ค.นี้


ด้านเวียดนาม ได้ปรับลดระยะเวลาการกักตัวสำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศจาก 2 สัปดาห์ เหลือเพียง 7 วัน

ในปีที่ผ่านมาเวียดนามประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19ได้เป็นส่วนใหญ่ จากการตรวจหาเชื้อแบบมุ่งเป้าและการกักกันโรคแบบรวมศูนย์ แต่นับตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. เวียดนามก็พบผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นผลจากสายพันธุ์เดลตา

ทางการเวียดนามจึงตัดสินใจปิดพรมแดนทั้งหมด ยกเว้นพลเมืองเวียดนามที่เดินทางกลับประเทศ ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ นักลงทุน หรือนักการทูต ซึ่งทุกคนต้องถูกกักตัว 14 วัน ในสถานที่ที่ได้รับการจัดการจากส่วนกลาง

ขณะที่"แฮร์รี โร้ก" โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ฟิลิปปินส์ปรับลดระยะเวลาในการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังโรคโควิด-19 จาก 14 วัน ลงเหลือ 7 วัน สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสในประเทศฟิลิปปินส์

"ผู้เดินทางที่เข้ามายังฟิลิปปินส์ทุกคนไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT PCR หรือการเก็บสารคัดหลั่งในโพรงจมูกเมื่อเดินทางมาถึงอีกต่อไป ส่วนวิธี RT PCR จะใช้ก็ต่อเมื่อผู้ที่เดินทางเข้ามาแสดงอาการโควิด-19 ในช่วงกักตัว 7 วัน" โร้ก กล่าว

ส่วนในเกาหลีใต้ นักเดินทางเพื่อทำธุรกิจชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถยื่นเอกสารเพื่อขอรับการยกเว้นถูกกักตัวได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.โดยมีเงื่อนไขต่างๆมากมาย ขณะที่นักวิชาการและผู้ที่ต้องการเดินทางเยือนเกาหลีใต้ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม ที่ครอบคลุมถึงผู้ต้องการเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวก็มีสิทธิที่จะยื่นขอรับการยกเว้นจากการถูกกักตัวได้เช่นกัน

รัฐบาลโซลไม่เพียงแต่อนุญาตให้ผู้รับวัคซีนครบโดสแล้วเดินทางเข้ามาในเกาหลีใต้ได้เท่านั้น แต่ผู้ที่รับการฉีกวัคซีนซิโนฟาร์มและซิโนแวคของจีนก็สามารถยื่นเอกสารขอรับการยกเว้นไม่ต้องถูกกักตัวได้ โดยนับจนถึงวันเสาร์(14ส.ค.) อัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19แบบครบโดสในเกาหลีใต้อยู่ที่ 19% ของประชากรทั้งหมด

"เกาหลีใต้เป็นประเทศแรกที่ยกเว้นผู้รับการฉีดวัคซีนของจีนไม่ต้องถูกกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ" ลี ดอง กู นักวิจัยจากสถาบันอาเซียนเพื่อการศึกษานโยบายกล่าว

"โจเซฟ เอ็ม.เชียร์"ศาสตราจารย์จากศูนย์วิจัยการท่องเที่ยวมหาวิทยาลัยวากายามาของญี่ปุ่นมีความเห็นว่า สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการเริ่มต้นเดินทางในเอเชียอีกครั้งคืออัตราการฉีดวัคซีนในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นและการลดลงของยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่

"ดูเหมือนว่าตอนนี้รัฐบาลหลายประเทศในเอเชียกำลังวุ่นวายอยู่กับการรับมือกับโควิดสายพันธุ์เดลตาที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งแก้ปัญหาอัตราการฉีดวัคซีนที่ยังต่ำอยู่ แต่การรับมือกับการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาและการฉีดวัคซีนอย่างเป็นเอกภาพของเอเชียเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะยังมีความแตกต่างกันอยู่มากในภูมิภาคนี้ ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อ อัตราการฉีดวัคซีน และโรงพยาบาลที่จะรองรับคนไข้" เชียร์ กล่าว

การจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในเอเชียแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับยุโรปที่มีแนวทางการทำงานส่วนใหญ่ที่เป็นเอกภาพ โดยเมื่อวันที่1 ก.ค.สหภาพยุโรป (อียู)เริ่มต้นใช้เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิดแบบดิจิทัล หรือ พาสปอร์ตวัคซีนโควิดแบบดิจิทัล

เอกสารยืนยันการรับวัคซีนโควิดแบบดิจิทัลของอียู ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยสำหรับการเดินทางภายในกลุ่มสหภาพยุโรป เพื่อให้พลเมืองในสหภาพยุโรปที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถใช้เอกสารนี้ในการเดินทางผ่านพรมแดนประเทศในสหภาพยุโรปได้ โดยไม่ต้องมีการกักตัวหรือต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อเพิ่ม
#2937


นายเสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ผู้อำนวยการ ฝ่ายค้าตราสารการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงกลาง หรือ Mid Cycle หลังผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว สะท้อนจากภาพรวมเศรษฐกิจของหลายประเทศที่กลับมาฟื้นตัว จากการบริโภคภาคเอกชนและภาคบริการที่ปรับตัวดีขึ้น หลังมีการกระจายฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บางประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด

โดยเฉพาะสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหรัฐอเมริกาที่สามารถฟื้นตัวได้ก่อนประเทศอื่น ๆ เห็นชัดจากตัวเลขจีดีพี ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ขยายตัว 7.9% และ 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตามลำดับ ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาคาดการณ์ว่า ตัวเลขจีดีพี ในปี 2564 ของจีนและสหรัฐฯ อาจเติบโตประมาณ 7% และ 8.4% ตามลำดับ หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาอยู่ในระดับปกติ จากอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้น จากมุมมองดังกล่าว รายงาน BLS Top Funds แนะนำผู้ลงทุนให้น้ำหนักการลงทุนใน "กองทุนหุ้นจีน" และ "กองทุนหุ้นสหรัฐ" เน้นกองทุนรวมคุณภาพดีที่ลงทุนในบริษัทที่มีรายได้และกำไรแน่นอนเป็นหลัก และกระจายการลงทุนในหุ้นบริษัทชั้นนำที่มีอัตราการเติบโตสูง ประกอบด้วย

1. กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) ที่มีการบริหารจัดการพอร์ตแบบยืดหยุ่น โดยสัดส่วน 80% ลงทุนหุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในทุกตลาด เช่น A-Share และ H-Share เป็นต้น ซึ่งผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา สามารถบริหารจัดการได้ดีอยู่ในอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม จากการบริหารพอร์ตแบบเชิงรุก (Active)
"ตลาดหุ้นจีนที่มีการปรับฐานในช่วงที่ผ่านมา บวกกับแนวโน้มเศรษฐกิจระยะยาวที่อาจเติบโตต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสดีในการทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีน โดยเฉพาะกอง B-CHINE-EQ เพราะกองนี้มีนโยบายกระจายการลงทุนไปในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ได้โฟกัสเพียงกลุ่มเทคโนโลยีจีนอย่างเดียว ฉะนั้นกองทุนนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลจีนเข้ามาควบคุมวงการเทคโนโลยีมากนัก ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีให้ลงทุนในรูปแบบลดหย่อนภาษีอย่าง กองทุน B-CHINAARFM ซึ่งเป็นกอง RMF เน้นลงทุนหุ้นจีน A-Share และ กอง B-CHINESSF ที่ลงทุนในหุ้นจีนทั่วโลก" นายเสริมศักดิ์ กล่าว

2.กองทุนรวมเปิดบัวหลวงโกล.อินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) และ กองทุนเปิดบัวหลวงโกล.อินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INNOTECHRMF) เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯอย่าง"กลุ่ม FAANG" ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย Facebook (FB), Amazon (AMZN), Apple (AAPL), Netflix (NFLX) และ Alpha. (GOOG) โดยบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำเหล่านี้มีพื้นฐานแข็งแกร่งเติบโตล้อไปกับเมกะเทรนด์ของโลก แม้ความคาดหวังการเติบโตไม่สูงเท่ากับบริษัทเทคฯขนาดเล็ก แต่การที่เป็นบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ย่อมมีความได้เปรียบด้านการแข่งขัน รวมถึงมีความแน่นอนของรายได้และกำไรที่มากกว่า และในยุคนี้เทคโนโลยีถือเป็นสิ่งจำเป็นมาก ที่สำคัญในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองกองทุนสร้างผลตอบแทนได้แล้วประมาณ 47% ในขณะความผันผวนต่ำ เมื่อเทียบกับกองเทคฯ อื่นๆ
ในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะดี ในการเริ่มต้นวางแผนภาษีประหยัดภาษี ด้วยการทยอยสะสมกองทุนคุณภาพที่มี ผลการดำเนินงานดี โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกออมกองทุนรวม เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 รูปแบบ คือ 1.กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) เหมาะกับคนอายุน้อยและต้องการออมเงินระยะยาว ไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี ไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน ซื้อปีไหนลดหย่อนปีนั้น แต่ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ ซึ่งสามารถนำไปลดภาษีเงินได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ต้องไม่เกิน 2 แสนบาท เมื่อรวมกับการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ ต้อง ไม่เกิน 5 แสนบาท 2. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เหมาะกับผู้ที่ต้องการออมเงินระยะยาวไว้ใช้จ่ายยามเกษียณอายุ ไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน แต่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี เว้นได้ไม่เกิน 1ปี ผู้ลงทุนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีสูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และเมื่อรวมกับการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 5 แสนบาท

"ผู้ที่มีอายุยังไม่ถึง 45 ปี แนะนำให้ลงทุนกองทุน SSF ให้เต็มที่ก่อน จากนั้นค่อยลงทุนเพิ่มในส่วนของกองทุน RMF เพราะไม่ต้องรอจนถึงอายุ 55 ปี ส่วนผู้ที่อายุเกินกว่า 45 ปี ให้ลงทุนกองทุน RMF ให้เต็มที่ เนื่องจากไม่ต้องถือถึง 10 ปี โดยเมื่ออายุ 55 ปี และมีการลงทุนต่อเนื่องจนครบเงื่อนไข ก็จะสามารถขายได้ทุกกองที่ลงทุนมา" นายเสริมศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถติดตาม BLS Top Funds รายงานอัปเดตสถานการณ์การลงทุนทั่วโลกแบบ Weekly พร้อมคำแนะนำ "กองทุนตัวท็อป" คุณภาพดี ผลงานเด่น และการจัดพอร์ตกลยุทธ์เชิงเทคนิค (Tactical Funds Portfolio) จากทีมงานมืออาชีพมากประสบการณ์ ที่มาแนะนำให้กับลูกค้าเป็นประจำทุกสัปดาห์ได้ที่เว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง เลือกเมนู "Mutual Funds" เลือกข้อมูลกองทุน และเลือกหัวข้อ "BLS Top Funds" ส่วนบุคคลทั่วไปที่สนใจรับรายงาน BLS Top Funds เพียงเปิดบัญชีกองทุนรวมออนไลน์ที่มีความสะดวก ง่าย ปลอดภัย ซื้อขายกองทุนได้ครบจบที่เดียว 17 บลจ. ได้ที่ www.bualuang.co.th สอบถามเพิ่มเติม 0-2618-1111
#2938


เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 16 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านแผงขายลอตเตอรี่ซื้อ หวย ออนไลน์ บ้านสามกอง ซึ่งตั้งอยู่ถนนเยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังทราบว่า ร้านนี้มีลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 และได้พบกับเจ้าของแผงขายลอตเตอรี่ จากนั้นได้นำเอกสารการจดเลขลอตเตอรี่ทุกใบซึ่งมีรางวัลที่ 1 อยู่ในนั้น 1 ใบจริง


เจ้าของร้านเปิดเผยว่า มีคนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จริง โดยถูกจำนวน 1 ใบ ได้เงินรางวัล 6 ล้านบาท และตนได้ขึ้นป้ายแจ้งว่า ร้านของตนมีคนถูกรางวัลที่ 1 พร้อมทั้งได้นำป้ายติดไว้ที่หน้าร้าน ซึ่งร้านของตนจะมีคนถูกลอตเตอรี่บ่อย เป็นรางวัลที่ 2 รางวัลที่ 3 รางวัลที่ 4 และรางวัลที่ 5 บ่อยมาก โดยเฉพาะรางวัลที่ 5 ถูกเกือบทุกงวด แต่สำหรับรางวัลที่ 1 เป็นรางวัลใหญ่ ตนเปิดร้านขายลอตเตอรี่มา 30 ปี เพิ่งเป็นครั้งแรกที่มีลูกค้าถูกรางวัลใหญ่ ที่ซื้อเพียงใบเดียวได้ถึง 6 ล้านบาท พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้ารู้ตัวคนถูกรางวัลที่ 1 กลับมาเลี้ยงน้ำลุงซักแก้ว

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีผู้ถูกรางวัลที่ 1 มาลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐานหรือไม่ แต่ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ายังไม่มีใครมาลงบันทึกประจำวันว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เลย
#2939


ไอสต็อค (iStock) เอาใจคนไทย เปิดให้สามารถค้นหาด้วยวลีภาษาไทยเช่น 'ชาไทย', 'ดอกบัว' และ 'กรุงเทพมหานคร' ได้แล้ว หลังจากที่รายการคำศัพท์ของ iStock ได้รับการแปลให้เป็นภาษาท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ

แกรนท์ ฟาร์ฮอลล์ (Grant Farhall) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ iStock กล่าวว่าทุกภาษาล้วนมีบางคำหรือวลีที่ยากต่อการแปลเป็นภาษาอังกฤษอยู่เสมอ เช่นเดียวกับภาษาไทย บริษัทจึงพิจารณาความหมายโดยนัยที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของวลียอดนิยมต่าง ๆ ในประเทศไทยอย่างถี่ถ้วน และได้บรรจุวลีเหล่านี้ไว้ในรายการคำศัพท์ของ iStock การเล่าเรื่องด้วยภาพนั้นถือเป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารแบบดิจิทัลและการสื่อสารผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ในประเทศไทย สิ่งนี้ก่อให้เกิดการใช้งานรูปถ่ายและวิดีโอลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ธุรกิจไทยสามารถสร้างแรงดึงดูดในช่องทางโซเชียลมีเดียยอดนิยมต่าง ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ยิ่งกว่าเดิม

"ประเทศไทยเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดสำหรับ iStock เรามุ่งมั่นที่จะเจาะตลาดในประเทศไทยให้ลึกยิ่งกว่าเดิม เพื่อทำให้ธุรกิจไทยสื่อสารกับลูกค้าของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยราคาที่จับต้องได้มากกว่าเดิม ซึ่งขั้นตอนต่อไปของเราก็คือการนำเสนอประสบการณ์ที่ปรับให้เข้ากับท้องถิ่นยิ่งกว่าเดิมผ่านการสนับสนุนและการวิเคราะห์ด้านภาษา"

iStock นิยามตัวเองเป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสารทางภาพในราคาที่จับต้องได้ สำหรับเหล่านักสร้างสรรค์, ผู้ประกอบการ, นักศึกษา และธุรกิจขนาดย่อมต่าง ๆ นั้นได้ประกาศเปิดตัวเว็บไซต์ iStock ภาษาไทยในวันนี้ การนำเสนอบริการใหม่นี้สืบเนื่องมาจากการใช้รูปถ่ายและวิดีโอของธุรกิจไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มขึ้นของเหล่าบริษัทการสื่อสารทางภาพในเอเชีย

"iStock ได้รับฟังเสียงของลูกค้าและตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบภาษาท้องถิ่นของบริษัท เพื่อทำให้ลูกค้าในประเทศไทยสามารถค้นหาภาพถ่ายสต็อก, คลิปวิดีโอ และองค์ประกอบด้านการออกแบบต่าง ๆ ได้ด้วยการใช้คำหรือวลีภาษาไทย ธุรกิจไทยจะได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิมขณะทำการค้นหาภาพและวิดีโอระดับมืออาชีพจาก iStock ด้วยการให้บริการเครื่องมือค้นหาที่ใช้งานได้ด้วยภาษาไทยอย่างแท้จริง" แถลงการณ์ระบุ

นอกจากความสามารถด้านภาษาแล้ว บริษัทระบุว่าฟังก์ชันการค้นหายังได้รับการปรับปรุงเพื่อให้รายงานผลลัพธ์ได้ตามรูปแบบการใช้งานของประเทศ การปรับปรุงเหล่านี้ทำให้ลูกค้า iStock นับหลายพันรายในประเทศไทยสามารถค้นหาองค์ประกอบงานสร้างสรรค์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับงานต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าที่เคยเป็นมาจากรูปถ่าย, วิดีโอ และภาพประกอบพรีเมี่ยมนับล้าน

ปัจจุบัน iStock นำเสนอภาพถ่ายสต็อก, วิดีโอ และภาพประกอบกว่า 135 ล้านรายการจากกลุ่มคนต่าง ๆ และให้บริการด้วยการคิดค่าบริการที่เรียบง่ายและจับต้องได้ iStock ที่อาศัยความเชี่ยวชาญด้านภาพของ Getty Images นั้นได้ช่วยให้เหล่านักสร้างสรรค์กับธุรกิจทั้งขนาดเล็กและใหญ่รายต่าง ๆ สามารถสร้างการสื่อสารที่งดงามได้ตามงบประมาณของตนเอง

เมื่อนับรวมการเปิดตัวครั้งนี้ iStock ได้รองรับ 18 ภาษานอกเหนือจากภาษาอังกฤษในขณะนี้ ซึ่งภาษาต่าง ๆ ที่รองรับนั้นได้แก่: เช็ก, ฝรั่งเศส, อิตาเลียน, เยอรมัน, สเปน, โปรตุเกส (โปรตุเกส), โปรตุเกส (บราซิล), โปแลนด์, รัสเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ดัตช์, สวีเดน, ตุรกี, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และจีนตัวเต็ม (ฮ่องกง).
#2940
 
 
 
ข้าวอินทรีย์ (Organic Rice)ข้าวกล้องออร์แกนิค เป็นข้าวที่ได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโต สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่างการเก็บรักษาผลผลิต หากมีความจำเป็นแนะนำให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผลข้าวออแกนิคคือที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นขายข้าวอินทรีย์, กลุ่มข้าวอินทรีย์(Organic Rice) เป็นข้าวที่ได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมและสารกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่างการเก็บรักษาผลผลิต หากมีความจำเป็นแนะนำให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผลข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
 
       ประเภทของข้าวอินทรีย์
   1. ข้าวอินทรีย์รับรองมาตรฐาน Certified Organic เป็นระบบการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีป้องกันศัตรูพืช มีการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากหน่วยงานอิสระ โดยมีทั้งภาครัฐ เอกชนและหน่วยงานจากต่างประเทศ มีตราสัญลักษณ์ติดที่ผลิตภัณฑ์ และจะต้องมีการตรวจเพื่อต่ออายุใบรับรองทุกปี
 
   2. ข้าวอินทรีย์ระยะปรับเปลี่ยน In-conversion เป็นข้าวที่อยู่ในช่วงระยะเวลาที่เริ่มทำเกษตรอินทรีย์ในปีแรกก่อนจะได้รับการรับรองผลผลิตว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ โดยระยะปรับเปลี่ยนเป็นการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและความอุดมสมบูรณ์ของดิน
 
   3. ข้าวอินทรีย์แบบยังไม่รับรอง Non Certified เป็นการปลูกข้าวอินทรีย์แบบพึ่งตนเอง ส่วนใหญ่เป็นการทำเกษตรแบบพื้นบ้านหรือปลูกในระบบผสมผสานหรือในไร่หมุนเวียน ไม่มีการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานใดๆ เกษตรกรกลุ่มนี้อาจเป็นกลุ่มที่ทำการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือนและนำผลผลิตส่วนเกินมาจำหน่ายผ่านระบบตลาดท้องถิ่น ทั้งนี้อาจมีการรับรองกันเองในระบบกลุ่มหรือชุมชน ข้าวปลอดสารสุรินทร์ข้าวกล้องออร์แกนิค คือ ข้าวที่ได้จากการผลิตภายใต้ระบบการผลิตข้าวอินทรีย์ซึ่งมีการจัดการการผลิตข้าวที่เกื้อกูลต่อระบบนิเวศรวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุดิบสังเคราะห์และมีการจัดการกับผลิตภัณฑ์โดยเน้นการแปรรูปด้วยความระมัดระวังเพื่อรักษาสภาพการเป็นข้าวอินทรีย์และคุณภาพที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ 
ขั้นตอนการผลิตข้าวอินทรีย์  ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ส่งทั่วไทย ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
ข้าวอินทรีย์วิถีพื้นบ้าน
เป็นระบบการผลิต ข้าวอินทรีย์กรมการข้าวส่งทั่วไทย ที่ไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด เช่น ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตสารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรคแมลงและสัตว์ศัตรูข้าวตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ การผลิตข้าวอินทรีย์นอกจากจะทำให้ผลผลิตข้าวมีคุณภาพ ปลอดภัยจากสารพิษแล้วยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน
ข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล
การผลิตข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล มีกระบวนการผลิตการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตภัณฑ์อินทรีย์ และห้ามใช้สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุ์หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุ์ในกระบวนการผลิตและแปรรูปข้าวอินทรีย์ ซึ่งผู้ผลิตและผู้ประกอบการต้องผฏิบัติตามเพื่อให้ได้รับการรับรอง มีขั้นตอนการปฏิบัติเป็นลำดับขั้น ดังนี้
1.เกษตรกรจะต้องมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการผลิตข้าวอินทรีย์ (  ข้าวอินทรีย์ไทยมีราคาแพง )
2.เกษตรกรจัดทำบันทึกขั้นตอนการใช้ปัจจัยการผลิต โดยแสดงแหล่งที่มาและปริมาณการใช้
3.สมัครขอรับรองต่อกรมการข้าว เกษตรกรต้องแสดงข้อมูลต่อไปนี้
- ประวัติการใช้พื้นที่
- ประวัติการใช้สารเคมี และผลการวิเคราะห์สารพิษตกค้างในดินและน้ำ (ถ้ามี)
- แผนที่และแผนผังแปลงนาที่ขอการรับรองและพื้นที่ข้างเคียง
- แผนการผลิตในทุกขั้นตอน
- บันทึกขั้นตอนการใช้ปัจจัยการผลิต
- บันทึกกิจกรรมในแปลงนา และข้อมูลอื่นๆ

นาข้าวอินทรีย์  ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์    กลุ่มข้าวอินทรีย์สุรินทร์ 277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook :https://www.facebook.com/Hor.Organic
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิก
3.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิค #ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ จ.สุรินทร์
5.ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์
6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์
7. ข้าวไรซ์เบอร์รี่

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์
#ข้าวออแกนิคสุรินทร์
#ข้าวออแกนิกสุรินทร์
#ข้าวอินทรีย์สุรินทร์
#ข้าวคุณภาพสุรินทร์