• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Joe524

#6166


โนวัค ยอโควิช ยังสมราคาเต็งหนึ่งของรายการ แม้จะเสียเซตแรกไปก่อน แต่พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ มัตเตโอ แบร์เรตตินี นักหวดอิตาเลียน 3-1 เซต ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือก ยูเอส โอเพ่น ลุ้นคว้า 4 แกรนด์สแลมในรอบปฏิทิน

ศึกเทนนิสแกรนด์สแลม รายการสุดท้ายของปี 'ยูเอส โอเพ่น 2021' ณ สังเวียนยูเอสทีเอ บิลลี ยีน คิง เนชั่นแนล เทนนิส เซ็นเตอร์ เมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา วันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้าย

ประเภทชายเดี่ยว ที่อาเธอร์ แอช สเตเดียม โนวัค ยอโควิช นักหวดหมายเลขหนึ่งของโลกชาวเซิร์บ ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงแม้จะเสียเซตแรกไปก่อน แต่สามารถพลิกกลับมาเอาชนะ มัตเตโอ แบร์เรตตินี มือ 8 ของโลกชาวอิตาลียน 3-1 เซต 5-7, 6-2, 6-2, 6-3 ผ่านเข้ารอบ 4 คนสุดท้ายไปพบกับ อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ มือ 4 โลก จากเยอรมนี

ทั้งนี้ถือเป็นการผ่านเข้าไปเล่นในรอบตัดเชือกยูเอส โอเพ่น ครั้งที่ 12 ของเจ้าตัว และเป็นการเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศเทนนิสระดับแกรนด์สแลมเป็นครั้งที่ 42 ในอาชีพ กรุยทางสู่การลุ้นคว้า 4 แกรนด์สแลมในรอบปฏิทิน
#6167
นี้
นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) และประธานกรรมการบริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด (Kubix) เปิดเผยว่า บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด (Kubix Digital Asset Co., Ltd.) ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) แล้ว เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา โดยอยู่ระหว่างการรอ activate ใบอนุญาตจากสำนักงานก.ล.ต. และกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อให้บริการเสนอขายโทเคนดิจิทัลในตลาดแรกผ่านบล็อกเชน ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาการลงทุนและให้ความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยเต็มรูปแบบภายในสิ้นปีนี้

โดย Kubix มุ่งเสริมความเชื่อมั่นในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยการนำสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในโลกแห่งความจริงที่สามารถจับต้องได้มาแปลงสภาพเป็น Token สู่โลกดิจิทัล เพื่อสร้างรูปแบบการลงทุนที่แตกต่างและแปลกใหม่ ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และนักลงทุนมีโอกาสลงทุนรูปแบบใหม่ที่เปิดกว้างยิ่งกว่าเดิม สามารถช่วยให้การลงทุนกับไลฟ์สไตล์เป็นเรื่องใกล้กันมากขึ้น

สำหรับเป้าหมายของ Kubix คือการพลิกโฉมโลกการลงทุนในประเทศไทยให้คนไทยหันมาลงทุนมากกว่าที่ผ่านมา ด้วยความเชื่อที่ว่าผลผลิตของการลงทุนนั้นเป็นมากกว่าเรื่องผลตอบแทนทางตัวเลข แต่ยังรวมถึงโอกาสในการพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตที่เรื่องการลงทุนจะเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนไทย ให้ทุกคนสามารถลงทุนในสินทรัพย์แบบใหม่และสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน ผู้ที่สนใจจะระดมทุนหรือลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.kubix.co

"การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ช่วงปีที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงอย่างเห็นได้ชัด โดย KBTG มุ่งนำความรู้และประสบการณ์ด้านการลงทุนของธนาคารกสิกรไทยที่ได้รับรางวัล Best Investment Bank โดย FinanceAsia's Country Awards ในปีล่าสุด ผสานกับความแข็งแกร่งในเทคโนโลยีในโลกการเงิน (Financial Technology) ของ KBTG ที่เป็นทั้งผู้บุกเบิกพัฒนาระบบบล็อกเชน (Blockchain) ของโครงการ Thailand Blockchain Community Initiative และเป็นพันธมิตรกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในการพัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Platform) ของประเทศ มาช่วยผลักดัน Ecosystem นี้"
#6169


ชื่อของ "ซิงเกอร์" เข้ามาประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 อยู่เคียงคู่สังคมไทยมายาวนาน!! เป็นองค์กรข้ามศตวรรษ หากนับจากการขายสินค้าตัวแรก คือ จักรเย็บผ้า ถือเป็นจุดตั้งต้นอย่างจริงจังในปี 2432  บริษัท ซิงเกอร์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้แต่งตั้ง บริษัท เคียมฮั่วเฮง จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายจักรเย็บผ้าซิงเกอร์ในประเทศไทย ในรอบปี 2562 นี้ กิจการซิงเกอร์อายุครบ 130 ปี

เส้นทางซิงเกอร์หลังก่อกำเนิด ต่อมาในปี 2448 บริษัท ซิงเกอร์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ตั้งสาขาขึ้นในไทย ใช้ชื่อว่า บริษัท ซิงเกอร์ โซอิ้ง แมชีน จำกัด เพื่อจำหน่ายจักรเย็บผ้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับจักรเย็บผ้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ พร้อมๆ กับริเริ่ม "บริการซื้อหวยออนไลน์เช่าซื้อ" โดย "ผ่อนชำระเป็นงวด" มาใช้ครั้งแรกในปี 2468 บริการดังกล่าวนี้เอง ได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของ "ซิงเกอร์" ทั้งในไทย และประเทศต่างๆ ในเอเชียนับแต่นั้นมา

ในช่วงต้น หรือกว่า 50 ปีของธุรกิจซิงเกอร์จำหน่ายเฉพาะจักรเย็บผ้าและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับจักรเย็บผ้าเท่านั้น กระทั่งปี 2500 ขยับเข้าสู่การจำหน่าย "เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน" เริ่มจากตู้เย็น ก่อนปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2512  ได้จดทะเบียนก่อตั้ง "บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด" เป็นบริษัทจำกัดภายใต้กฎหมายไทย เพื่อเข้ารับช่วงธุรกิจของ "บริษัท ซิงเกอร์ โซอิ้ง แมชีน จำกัด" ซึ่งหยุดดำเนินกิจการในระยะเวลาต่อมา โดยมีทุนจดทะเบียนแรกเริ่ม 60 ล้านบาท 

ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 270 ล้านบาท เป็นทุนที่เรียกชำระเต็มมูลค่าหุ้นแล้ว 270 ล้านบาท และบริษัทได้รับอนุญาตให้เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2527 ในวันที่ 4 ม.ค.2537 ซิงเกอร์ แปรสภาพเป็น "บริษัทมหาชน" และนับเป็นเกียรติประวัติและเป็นสิริมงคลสูงสุดแก่บริษัทและพนักงานทุกคน เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตราตั้ง (พระครุฑพ่าห์) ให้ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 24 พ.ค.2547

 การยืนหยัดของซิงเกอร์ท่ามกลางวิกฤติการณ์และการเปลี่ยนแปลงทุกๆ มิติรอบด้านในหลายยุคหลายสมัยเป็นเพราะ "ซิงเกอร์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่เคยหยุดนิ่งนับจากก่อตั้งบริษัท!! ทำให้ดำรงกิจการมาได้เป็นร้อยปี"  เป็นประโยคเริ่มต้นของ กิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะแม่ทัพ กล่าวย้ำว่า 

การขับเคลื่อนธุรกิจจากนี้ ยังคงยึด "การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา" เรียกว่า ทรานส์ฟอร์มธุรกิจให้ก้าวทันยุคสมัย!! เป็นหัวใจหลักของซิงเกอร์ในการสร้างการเติบโตมั่นคงและยั่งยืนต่อเนื่องในรอบศตวรรษหน้า

"หากนับจากสินค้าซิงเกอร์เริ่มเข้าสู่ประเทศไทย ปีนี้เป็นปีที่ 168 เราเข้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4  แต่ละช่วงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในยุค 130 ปีที่แล้ว เริ่มเข้ามาทำกิจการเอง จากขายจักรเย็บผ้า ขยับมาขายเครื่องใช้ไฟฟ้า และผันตัวเองมาขายอุปกรณ์หยอดเหรียญ หรือสินค้าเพื่อเชิงพาณิชย์ นี่คือการเปลี่ยนแปลงของการขาย"

โดยระหว่างการขายสินค้าแต่ละรูปแบบ ซิงเกอร์เปลี่ยนแปลงจาก "เงินสด" ริเริ่มการขาย "เงินผ่อน" กระทั่งการเปลี่ยนใหญ่สุดช่วงปี 2558 มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ภายใต้ บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน)  ได้เพิ่มสินค้ากลุ่มอื่นเข้ามามากขึ้น รวมทั้งเปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน!! 

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นแต่ "แบรนด์ดิ้งซิงเกอร์" ยังคงอยู่!!  อย่างที่รับทราบกันว่า ซิงเกอร์กับคนไทยผูกพันกันมาช้านานด้วยรูปแบบการขาย เป็นการขายตรงให้บริการถึงบ้าน ภายใต้ระบบเช่าซื้อ และเงินผ่อน ขณะที่การเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้น เป็นการทำให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจทันสมัยขึ้น 

"ภาพลักษณ์องค์กร 100 ปี หากยืนอยู่บนรูปแบบธุรกิจเดิมๆ อาจเติบโตได้ยากลำบาก ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงาน ระบบนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ พร้อมกระจายธุรกิจไปสู่ประเภทอื่นเพื่อให้องค์กรมั่นคงมากขึ้น"

จากสินค้าตัวแรกจักรเย็บผ้า สู่สินค้าเงินผ่อน การขายทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องใช้ในครัวเรือน ขยับมาสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อย ยุคแห่งอนาคตคือการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำให้ธุรกิจมั่นคงแข็งแรง 

กิตติพงศ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงคือหัวใจสำคัญทำให้ธุรกิจซิงเกอร์ดำรงอยู่ได้มาจนทุกวันนี้ ซิงเกอร์ไม่เคยกลัวการเปลี่ยนแปลงว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ แต่ต้องเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา!!เป็นบริษัทไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่เคยยึดติดว่า ซิงเกอร์แกนจริงๆ คือ จักรเย็บผ้า

หากย้อนพิจารณาธุรกิจในรอบกว่า100 ปีที่ผ่านมา ซิงเกอร์เปลี่ยนแปลงตัวเองตลอดเวลา และการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องเป็นผู้นำตลาด!! ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ การขายสินค้าเงินผ่อน ซิงเกอร์เป็นรายแรกที่ทำ เมื่อ 94 ปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีเทคโนโลยี  ใช้ "คนไปเก็บเงินที่บ้าน"นี่คือการเปลี่ยนแปลง ณ วันนั้น และกระบวนนั้น ในวันนี้ถูกทำให้ทันสมัยด้วยการใส่เทคโนโลยีเข้าไป   

"บุคลากร" ยังเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของซิงเกอร์มาตลอด 100 กว่าปีเช่นกัน ด้วยจุดยืนธุรกิจขายตรงแบบเดินไป "น็อคดอร์เซล" ควบคู่บริการ เรานำคนกลุ่มนี้ขยายและต่อยอดธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง

"หากมองย้อนกลับไปเราโชคดี เมื่อ 3 ปีก่อน หลังเปลี่ยนผู้ถือหุ้น ได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง นำเทคโนโลยีเข้ามาในองค์กรพอสมควร และขยายไลน์ กระจายธุรกิจหลากหลายยิ่งขึ้น กระบวนการ หรือสเต็ปต่อไป เราสามารถเปลี่ยนช่องทางการขายสินค้าให้มีความหลากหลายในการตอบสนองลูกค้าได้มากขึ้น กลับมาที่คีย์ซัคเซสของซิงเกอร์คือเรื่องการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและคน ที่วันนี้เรามีความพร้อมมากๆ"

วิสัยทัศน์ของซิงเกอร์มุ่งเป็นผู้นำการขายพร้อมบริการด้านสินเชื่อและเช่าซื้อสำหรับผู้บริโภคในประเทศ โดยได้ปรับกลยุทธ์และโมเดลธุรกิจใหม่จากเดิมเน้นกลุ่มลูกค้าครัวเรือนเป็นหลัก ขยายฐานกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์ให้มากขึ้น ด้วยการขายสินค้าให้ลูกค้านำไปสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาลูกค้าครัวเรือนเพียงกลุ่มเดียว 

ในรอบ 3-5 ปีที่ผ่านมา ซิงเกอร์เปลี่ยนกระบวนการทำงาน นำระบบเทคโนโลยี  ไดเวอร์ซิไฟด์จากธุรกิจเช่าซื้ออย่างเดียว  เริ่มขยายเข้าสู่ "ไฟแนนเชียลเซอร์วิส" ประเภทอื่นเข้ามา พร้อมวางโครงสร้างธุรกิจ 3 ขาหลัก ภายใต้ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (SGC) ดำเนินธุรกิจเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน จักรเย็บผ้า สินค้าเชิงพาณิชย์และสินค้าอื่นๆ ธุรกิจสินเชื่อรถทำเงิน  ธุรกิจเช่าซื้อเครื่องจักร บริษัท เอสจี เซอร์วิสพลัส จำกัด (SGS) บริการหลังการขายถึงบ้าน และ บริษัท เอสจี โบรคเกอร์ จำกัด (SGB) ดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันชีวิต

"จากนี้จะเป็นการปรับหลอมองค์กรเข้าด้วยกันให้มีความเหมาะสมระหว่างธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่เตรียมพร้อมต่อยอดไปยังช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าและพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป  ไปสู่จุดที่เราต้องการได้"

โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่ "เจมาร์ท" ในการนำพาสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ นำมา "ซินเนอร์ยี" สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยเฉพาะความสะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่  

ซิงเกอร์ยังเร่งเตรียมความพร้อมบุคลากรในด้านเทคโนโลยีเพื่อรับมือ "ดิจิทัล ดิสรัปชัน" ที่ในเชิงผลกระทบและสร้างโอกาสจากการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกระบวนการดำเนินงาน การเข้าถึงลูกค้า

ในอนาคตโครงสร้างระบบการกระจายสินค้า การจัดส่งสินค้า รวมทั้งรูปแบบการอนุมัติสินเชื่อจะเปลี่ยนไป  การเตรียมความพร้อมของบุคลากรจะรับมือการเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคของ ซิงเกอร์ไซเบอร์

"ซิงเกอร์โชคดีที่เราอยู่ในกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ ฐานลูกค้าค่อนข้างกว้าง จึงไม่จำกัดอยู่เฉพาะคนที่มีการเปลี่ยนแปลงต่อกลุ่มเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนกลุ่มนี้จะโดนดิสรัปก่อนเพื่อน เรายังมีเวลาให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนได้"

วันนี้คนขายของซิงเกอร์เริ่มใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเข้าถึง เชื่อมโยงระหว่างคนขายและคู่ค้า ซึ่ง "เทคโนโลยี" ต้องปรับเปลี่ยนตลอดเวลาเช่นกัน เพราะมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ การใช้ช่องทางชำระเงิน ระบบการเก็บเงิน หรือโมบายแบงกิ้ง ใหม่ๆ เกิดขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งซิงเกอร์มีทีมงามอบรมสร้างหลักสูตรใหม่ๆ เดินสายพบพนักงานทั่วประเทศทุกเดือน

ในปี 2562  ซิงเกอร์มีการเพิ่มทุน ส่งผลให้บริษัทมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งพร้อมในการขยายธุรกิจ โดยนำเงินเพิ่มทุนที่ได้มามุ่งลงทุนธุรกิจ "ไฟแนนเชียลเซอร์วิส" โดยมีสินเชื่อทะเบียนรถ หรือ รถทำเงิน!! และสินเชื่อเช่าซื้อเพื่อธุรกิจรายย่อย ซึ่งอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตอย่างดีเป็นเรือธงที่จะขยายธุรกิจมากขึ้นนับจากนี้!! 

โดยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจะโฟกัสกลุ่มกิจการรถขนส่งอย่างรถบรรทุกสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรม ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำเพราะต้องใช้รถทำงานและมีความต้องการเงินทุนขยายกิจการ 

นอกจากนี้ จะมีสินค้าใหม่ที่มี "มาร์จิ้นดี" เข้ามาจำหน่ายเพิ่ม เช่น เครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์ รวมทั้งเสริมแกร่งการเข้าถึงฐานลูกค้าระดับ "ตำบล-หมู่บ้าน" ด้วยการขยายสาขาย่อยในโมเดลแฟรนไชส์ การผนึก "พันธมิตรสินค้า-บริการ" ในการขยายตลาด

++++++++++++++++

ซิงเกอร์ใต้เงา"เจมาร์ท"

"ทรานส์ฟอร์ม"ธุรกิจ130ปี

จักรเย็บผ้าซิงเกอร์ตัวแรกสนนราคาตัวละ 100 กว่าบาทในยุค 100 กว่าปีที่แล้ว จัดได้ว่าแพงอักโข!! เทียบที่ดินขณะนั้นตารางวา "หลักสตางค์" และจักรเย็บผ้าน่าจะเป็นเทคโนโลยีที่สมัยใหม่และนำสมัยที่สุดเวลานั้นทีเดียว หรือหากเทียบยุคสมัยนี้ถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยก็ว่าได้ 

จากจุดตั้งต้นการขายเมื่อปี 2432 จากนั้น ปี 2468 เริ่มให้มีการ "ผ่อนจ่ายสินค้า" เรียกว่าเปิดฉากธุรกิจเงินผ่อนเมื่อ 90 ปีที่แล้ว พร้อมๆ จากยุคแรกในการขายจักรเย็บผ้าของซิงเกอร์ สู่ยุคที่ 2 เริ่มนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาขาย ช่วงปี 2500 ประเทศไทยเริ่มมีการกระจายเสาไฟฟ้าออกนอกเมืองหลวง มุ่งสู่เมืองใหญ่ นั่นเป็นโอกาสของ "ซิงเกอร์" และชื่อของซิงเกอร์ที่ขยายวงกว้างออกไปเรียวก่า มีเสาไฟฟ้าที่ไหน มีซิงเกอร์ที่นั่น!! 

เป็นยุคแรกๆ ของเครื่องใช้ไฟฟ้า บ้านไหนมี "ทีวี" ถือว่าเรื่องใหญ่ในชุมชน เป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ใหญ่มาก "กิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์" 

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย เล่าว่า ตอนนั้นซิงเกอร์เติบโตแข็งแรงมาก ทีวีขาวดำ และตู้เย็นเป็นของใหม่สำหรับครัวเรือนไทย พร้อมๆ กับการไต่ระดับสถานะสินค้าหลักในบ้านที่ต้องมี จากนั้นจึงตามมาด้วยเครื่องซักผ้า ส่วนเครื่องปรับอากาศอยู่ในยุคหลังๆ 

จากสินค้าครัวเรือนซิงเกอร์ขยับสู่สินค้าเชิงพาณิชย์ในปี 2524 จากการมองเห็นโอกาสร้านขายของชำ หรือร้านค้าที่ต้องการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปประกอบธุรกิจ ทั้งตู้แช่ ตู้น้ำมันหยอดเหรียญ ตู้เติมเงิน กระทั่งการขยายไลน์โปรดักท์อีกระลอกใหญ่ในกลุ่มสินเชื่อ 

ในเชิงองค์กรจาก ปี 2432 ที่ซิงเกอร์แห่งสหรัฐอเมริกาเข้ามาแต่งตั้ง บริษัท เคียมฮั่งเฮง จำกัด เป็นผู้แทนจำหน่ายจักรเย็บผ้าซิงเกอร์ในไทย ตั้งสาขาขึ้นใช้ชื่อ บริษัท ซิงเกอร์ โซอิ้ง แมชีน จำกัด ในปี 2512 ได้จดทะเบียนก่อตั้ง บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด เพื่อเข้ารับช่วงธุรกิจของ บริษัท ซิงเกอร์ โซอิ้ง แมชีน จำกัด ซึ่งหยุดดำเนินกิจการ จากนั้นแปลงสภาพเป็น "บริษัทมหาชน" ในปี 2527 เรียกว่าเป็นบริษัทแรกๆ ที่เข้าเทรดในกระดานหุ้น ซึ่งเวลานั้นเคาะกระดานขาย!! 

เส้นทางอันยาวนานไม่แปลกที่ชาวไทยคุ้นชินว่า "ซิงเกอร์" เป็นบริษัทคนไทย หากแต่ความจริงแล้วซิงเกอร์เป็นบริษัทต่างชาติมาตลอด!!  เพิ่งเปลี่ยนแปลงส่วนผู้ถือหุ้นเมื่อกลางปี 2558 เมื่อ เจมาร์ท  ยักษ์ใหญ่ทางด้านธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ กล้องถ่ายรูป และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่มีช่องทางการจำหน่ายทั่วประเทศ ก้าวเข้ามาถือหุ้นใหญ่ 

วันนี้เรียกได้ว่าวันนี้ซิงเกอร์เป็นบริษัทคนไทย 100% !!

ซิงเกอร์ เป็น1ใน6พอร์ตธุรกิจของกลุ่มเจมาร์ท ภายใต้การกุมบังเหียนของ อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ เอกชัย สุขุมวิทยา บุตรชายผู้รับไม้ต่อในยุคที่ 2 นำทัพขับเคลื่อนเจมาร์ทขยายอาณาจักรกว้างไกล จากธุรกิจห้องแถวขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน และโทรศัพท์มือถือ ในอดีต วันนี้ไม่ได้ขายแค่โทรศัพท์มือถืออีกต่อไป!!  

สถานะกลุ่มเจมาร์ทในทศวรรษที่ 4 ก้าวสู่บริษัทโฮลดิ้งค้าปลีกและการเงิน ขยายเครือข่ายธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย  "Jaymart mobile" จำหน่ายโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทดีไวซ์ "JMT Network Service" ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการติดตามหนี้ "Jas Asset" บริหารพื้นที่เช่าในส่วนของธุรกิจมือถือและศูนย์การค้าแบบคอมมูนิตี้มอลล์ "J Fintech" ธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการสินเชื่อลิสซิ่งและสินเชื่อรายย่อย "SINGER" จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายสินค้า ซิงเกอร์ และอื่นๆ สุดท้าย "J Venture"  บริษัทที่ลงทุนในฟินเทคและสตาร์ทอัพเป็นหลัก

ธุรกิจอายุ 100 กว่าปีพิสูจน์ศักยภาพ!!  และสะท้อนแนวคิดหลัก  "การเปลี่ยนแปลง" ที่่ใช้เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจให้ก้าวไปสู่ข้างหน้าตลอดเวลานั้นถูกต้อง!! ซึ่ง "การเปลี่ยนแปลงตัวเอง"  ไม่ต่างจากการ "ทรานส์ฟอร์ม" ธุรกิจศัพท์ฮิตที่นิยมเรียกกันในยุคนี้นั่นเอง 

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงในตลาดรอบด้านทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน เทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซิงเกอร์มั่นใจในความได้เปรียบของ "แบรนด์ดิ้งซิงเกอร์" มีความแข็งแรงด้วยความผูกพันกับคนไทยมายาวนาน

"สภาพเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจอยู่แล้ว เป็นข้อจำกัดของกำลังซื้อ แต่กลยุทธ์ของซิงเกอร์เน้นสินค้าที่มีราคาหรือค่างวดการผ่อนต่ำ ผ่อนยาว เข้าถึงการอนุมัติง่าย เป็นจุดแข็งที่ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรลูกค้ายังสามารถจ่ายค่างวดได้ไม่สูงสำหรับคนที่ต้องการซื้อสินค้า"

ธุรกิจซิงเกอร์ยังกระจายความเสี่ยงรอบทิศเช่นกัน ด้วยการไดเวอร์วิไฟด์ธุรกิจหลากหลาย ยกตัวอย่าง ในสภาพเศรษฐกิจไม่ดี อาจควบคุมการขาย หรือปล่อยสินเชื่อชนิดหนึ่งแล้วมาต่อยอดสินค้าชนิดอื่นๆ เพื่อไปใช้ในการจับจ่ายใช้สอย จะเห็นว่ารูปแบบการทำธุรกิจที่ไม่ได้ล็อคอยู่ที่ขาใดขาหนึ่ง เป็นการสร้างการตลาด และ กระจายความเสี่ยงไปตามสภาพเศรษฐกิจแต่ละช่วง 

อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่น่ากังวลมากกว่าสำหรับซิงเกอร์ซึ่งเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับผู้คนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะคู่ค้า พนักงาน ทีมงาน จะทำอย่างไรให้ "คนขาย" ซึ่งเป็น "ด่านหน้า" ที่จะทำให้แบรนด์ซิงเกอร์ไปถึงลูกค้าเดินหน้าไปขายได้ไม่ว่าสภาพภูมิอากาศ เศรษฐกิจ หรือการเมืองเป็นอย่างไร?  เป็นเรื่องสำคัญต้องหล่อหลอมคนกลุ่มนี้เพื่อออกไปขายสินค้า ไปดูคุณภาพของลูกค้า ดังนั้น กระบวนการฝึกอบรม การใช้เทคโนโลยี จะช่วยให้พนักงาน หรือทีมขาย คัดกรองลูกค้า เข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นำมาซึ่งการเติบโตของรายได้ ยอดขาย และความมั่นคงของธุรกิจร่วมกัน 

ผู้นำทัพขับเคลื่อนซิงเกอร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากเห็นซิงเกอร์เติบโตไปเรื่อยๆ ยาวๆ เป็นบริษัทที่อยู่คู่สังคมไทยไปอีก 100 ปี ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นสภาวะแบบไหน  หรือพลิกโฉมเป็น ซิงเกอร์ ไซเบอร์ เต็มตัว!! ไม่ได้ขายของเหมือนวันนี้  แต่การเตรียมพร้อมทั้งด้าน คน เทคโนโลยี และตลาดที่เข้าถึง!!  จะทำให้ซิงเกอร์ปรับเปลี่ยนไปตามทุกสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ดำรงกิจการอยู่ได้อย่างยั่งยืน   

 --------------

ซิงเกอร์ใต้เงา"เจมาร์ท"

"ทรานส์ฟอร์ม"ธุรกิจ130ปี

จักรเย็บผ้าซิงเกอร์ตัวแรกสนนราคาตัวละ 100 กว่าบาทในยุค 100 กว่าปีที่แล้ว จัดได้ว่าแพงอักโข!! เทียบที่ดินขณะนั้นตารางวา "หลักสตางค์" และจักรเย็บผ้าน่าจะเป็นเทคโนโลยีที่สมัยใหม่และนำสมัยที่สุดเวลานั้นทีเดียว หรือหากเทียบยุคสมัยนี้ถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยก็ว่าได้ 

จากจุดตั้งต้นการขายเมื่อปี 2432 จากนั้น ปี 2468 เริ่มให้มีการ "ผ่อนจ่ายสินค้า" เรียกว่าเปิดฉากธุรกิจเงินผ่อนเมื่อ 90 ปีที่แล้ว พร้อมๆ จากยุคแรกในการขายจักรเย็บผ้าของซิงเกอร์ สู่ยุคที่ 2 เริ่มนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาขาย ช่วงปี 2500 ประเทศไทยเริ่มมีการกระจายเสาไฟฟ้าออกนอกเมืองหลวง มุ่งสู่เมืองใหญ่ นั่นเป็นโอกาสของ "ซิงเกอร์" และชื่อของซิงเกอร์ที่ขยายวงกว้างออกไปเรียวก่า มีเสาไฟฟ้าที่ไหน มีซิงเกอร์ที่นั่น!! 

เป็นยุคแรกๆ ของเครื่องใช้ไฟฟ้า บ้านไหนมี "ทีวี" ถือว่าเรื่องใหญ่ในชุมชน เป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ใหญ่มาก "กิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์" 

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย เล่าว่า ตอนนั้นซิงเกอร์เติบโตแข็งแรงมาก ทีวีขาวดำ และตู้เย็นเป็นของใหม่สำหรับครัวเรือนไทย พร้อมๆ กับการไต่ระดับสถานะสินค้าหลักในบ้านที่ต้องมี จากนั้นจึงตามมาด้วยเครื่องซักผ้า ส่วนเครื่องปรับอากาศอยู่ในยุคหลังๆ 

จากสินค้าครัวเรือนซิงเกอร์ขยับสู่สินค้าเชิงพาณิชย์ในปี 2524 จากการมองเห็นโอกาสร้านขายของชำ หรือร้านค้าที่ต้องการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปประกอบธุรกิจ ทั้งตู้แช่ ตู้น้ำมันหยอดเหรียญ ตู้เติมเงิน กระทั่งการขยายไลน์โปรดักท์อีกระลอกใหญ่ในกลุ่มสินเชื่อ 

ในเชิงองค์กรจาก ปี 2432 ที่ซิงเกอร์แห่งสหรัฐอเมริกาเข้ามาแต่งตั้ง บริษัท เคียมฮั่งเฮง จำกัด เป็นผู้แทนจำหน่ายจักรเย็บผ้าซิงเกอร์ในไทย ตั้งสาขาขึ้นใช้ชื่อ บริษัท ซิงเกอร์ โซอิ้ง แมชีน จำกัด ในปี 2512 ได้จดทะเบียนก่อตั้ง บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด เพื่อเข้ารับช่วงธุรกิจของ บริษัท ซิงเกอร์ โซอิ้ง แมชีน จำกัด ซึ่งหยุดดำเนินกิจการ จากนั้นแปลงสภาพเป็น "บริษัทมหาชน" ในปี 2527 เรียกว่าเป็นบริษัทแรกๆ ที่เข้าเทรดในกระดานหุ้น ซึ่งเวลานั้นเคาะกระดานขาย!! 

เส้นทางอันยาวนานไม่แปลกที่ชาวไทยคุ้นชินว่า "ซิงเกอร์" เป็นบริษัทคนไทย หากแต่ความจริงแล้วซิงเกอร์เป็นบริษัทต่างชาติมาตลอด!!  เพิ่งเปลี่ยนแปลงส่วนผู้ถือหุ้นเมื่อกลางปี 2558 เมื่อ เจมาร์ท  ยักษ์ใหญ่ทางด้านธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ กล้องถ่ายรูป และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่มีช่องทางการจำหน่ายทั่วประเทศ ก้าวเข้ามาถือหุ้นใหญ่ 

วันนี้เรียกได้ว่าวันนี้ซิงเกอร์เป็นบริษัทคนไทย 100% !!

ซิงเกอร์ เป็น1ใน6พอร์ตธุรกิจของกลุ่มเจมาร์ท ภายใต้การกุมบังเหียนของ อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ เอกชัย สุขุมวิทยา บุตรชายผู้รับไม้ต่อในยุคที่ 2 นำทัพขับเคลื่อนเจมาร์ทขยายอาณาจักรกว้างไกล จากธุรกิจห้องแถวขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน และโทรศัพท์มือถือ ในอดีต วันนี้ไม่ได้ขายแค่โทรศัพท์มือถืออีกต่อไป!!  

สถานะกลุ่มเจมาร์ทในทศวรรษที่ 4 ก้าวสู่บริษัทโฮลดิ้งค้าปลีกและการเงิน ขยายเครือข่ายธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย  "Jaymart mobile" จำหน่ายโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทดีไวซ์ "JMT Network Service" ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการติดตามหนี้ "Jas Asset" บริหารพื้นที่เช่าในส่วนของธุรกิจมือถือและศูนย์การค้าแบบคอมมูนิตี้มอลล์ "J Fintech" ธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการสินเชื่อลิสซิ่งและสินเชื่อรายย่อย "SINGER" จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายสินค้า ซิงเกอร์ และอื่นๆ สุดท้าย "J Venture"  บริษัทที่ลงทุนในฟินเทคและสตาร์ทอัพเป็นหลัก

ธุรกิจอายุ 100 กว่าปีพิสูจน์ศักยภาพ!!  และสะท้อนแนวคิดหลัก  "การเปลี่ยนแปลง" ที่่ใช้เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจให้ก้าวไปสู่ข้างหน้าตลอดเวลานั้นถูกต้อง!! ซึ่ง "การเปลี่ยนแปลงตัวเอง"  ไม่ต่างจากการ "ทรานส์ฟอร์ม" ธุรกิจศัพท์ฮิตที่นิยมเรียกกันในยุคนี้นั่นเอง 

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงในตลาดรอบด้านทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน เทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซิงเกอร์มั่นใจในความได้เปรียบของ "แบรนด์ดิ้งซิงเกอร์" มีความแข็งแรงด้วยความผูกพันกับคนไทยมายาวนาน

"สภาพเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจอยู่แล้ว เป็นข้อจำกัดของกำลังซื้อ แต่กลยุทธ์ของซิงเกอร์เน้นสินค้าที่มีราคาหรือค่างวดการผ่อนต่ำ ผ่อนยาว เข้าถึงการอนุมัติง่าย เป็นจุดแข็งที่ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรลูกค้ายังสามารถจ่ายค่างวดได้ไม่สูงสำหรับคนที่ต้องการซื้อสินค้า"

ธุรกิจซิงเกอร์ยังกระจายความเสี่ยงรอบทิศเช่นกัน ด้วยการไดเวอร์วิไฟด์ธุรกิจหลากหลาย ยกตัวอย่าง ในสภาพเศรษฐกิจไม่ดี อาจควบคุมการขาย หรือปล่อยสินเชื่อชนิดหนึ่งแล้วมาต่อยอดสินค้าชนิดอื่นๆ เพื่อไปใช้ในการจับจ่ายใช้สอย จะเห็นว่ารูปแบบการทำธุรกิจที่ไม่ได้ล็อคอยู่ที่ขาใดขาหนึ่ง เป็นการสร้างการตลาด และ กระจายความเสี่ยงไปตามสภาพเศรษฐกิจแต่ละช่วง 

อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่น่ากังวลมากกว่าสำหรับซิงเกอร์ซึ่งเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับผู้คนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะคู่ค้า พนักงาน ทีมงาน จะทำอย่างไรให้ "คนขาย" ซึ่งเป็น "ด่านหน้า" ที่จะทำให้แบรนด์ซิงเกอร์ไปถึงลูกค้าเดินหน้าไปขายได้ไม่ว่าสภาพภูมิอากาศ เศรษฐกิจ หรือการเมืองเป็นอย่างไร?  เป็นเรื่องสำคัญต้องหล่อหลอมคนกลุ่มนี้เพื่อออกไปขายสินค้า ไปดูคุณภาพของลูกค้า ดังนั้น กระบวนการฝึกอบรม การใช้เทคโนโลยี จะช่วยให้พนักงาน หรือทีมขาย คัดกรองลูกค้า เข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นำมาซึ่งการเติบโตของรายได้ ยอดขาย และความมั่นคงของธุรกิจร่วมกัน 

ผู้นำทัพขับเคลื่อนซิงเกอร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากเห็นซิงเกอร์เติบโตไปเรื่อยๆ ยาวๆ เป็นบริษัทที่อยู่คู่สังคมไทยไปอีก 100 ปี ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นสภาวะแบบไหน  หรือพลิกโฉมเป็น ซิงเกอร์ ไซเบอร์ เต็มตัว!! ไม่ได้ขายของเหมือนวันนี้  แต่การเตรียมพร้อมทั้งด้าน คน เทคโนโลยี และตลาดที่เข้าถึง!!  จะทำให้ซิงเกอร์ปรับเปลี่ยนไปตามทุกสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ดำรงกิจการอยู่ได้อย่างยั่งยืน   
#6171


เอมม่า ราดูคานู นักเทนนิสสาวดาวรุ่งวัย 18 ปี ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง ไล่ต้อน เซลบี โรเจอร์ส นักหวดเจ้าถิ่นไปแบบขาดลอย 2 เซตรวด ตบเท้าเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายในเทนนิสระดับแกรนด์สแลม ครั้งแรกในชีวิต

ศึกเทนนิสแกรนด์สแลม รายการสุดท้ายของปี 'ยูเอส โอเพ่น 2021' ณ สังเวียนยูเอสทีเอ บิลลี ยีน คิง เนชั่นแนล เทนนิส เซ็นเตอร์ เมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา วันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบ 16 คนสุดท้าย

ประเภทหญิงเดี่ยวคู่ที่น่าสนใจ เอมม่า ราดูคานู นักหวดสาวดาวรุ่ง วัย 18 ปี มือ 150 ของโลกจากสหราชอาณาจักร ยังสานต่อฟอร์มการเล่นอันร้อนแรง ไล่ต้อนเอาชนะ เซลบี โรเจอร์ส นักหวดสาวเจ้าถิ่น ไปแบบขาดลอย 2-0 เซต 6-2, 6-1 ใช้เวลาไปเพียง 1 ชั่วโมง ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบ 8 คนสุดท้ายไปพบกับ เบลินดา เบนซิช จากสวิตเซอร์แลนด์

ทั้งนี้ถือเป็นการผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายเทนนิสระดับแกรนด์สแลม ครั้งแรกในชีวิตของ ราดูคานู หลังจากก่อนหน้านี้เธอลงเล่นแกรนด์สแลมครั้งแรกในวิมเบิลดัน และไปจอดป้ายในรอบ 16 คนสุดท้าย โดยเธอลงเล่นมาแล้ว 4 แมตช์ในเมนดรอว์ของยูเอส โอเพ่น ยังไม่เสียเซตให้แก่ใคร

นอกจากนี้เธอยังกลายเป็นนักเทนนิสจากรอบควอลิฟายคนที่ 3 ที่สามารถผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ ต่อจาก บาร์บาร่า เกอร์เคน ในปี 1981 และไคย่า คาเนปี ในปี 2017

'เซลบี เป็นคู่ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม และฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เล่นต่อหน้าผู้ชมที่อาเธอร์ แอช ในวันนี้'

'ฉันต้องโฟกัสกับเกมต่อไป สิ่งที่เป็นปัจจัยภายนอกฉันทิ้งออกไปหมด และต้องมีสมาธิกับสิ่งที่สามารถควบคุมได้ให้ดีที่สุด'

'สำหรับการแข่งขันในรอบหน้า เบนซิช เป็นสุดยอดผู้เล่น แต่ตอนนี้ยังไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่ เพราะอยากจะไปพักผ่อนเสียก่อน และพรุ่งนี้ค่อยลุยซ้อมกันต่อ ต้องขอขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่เข้ามาให้กำลังใจในวันนี้' ราดูคานู กล่าว
#6172



เว็บไซต์ japantimes.co.jp รายงานว่า ประเทศและภูมิภาคต่างๆ 34 แห่งได้เริ่มรับรองวัคซีนพาสปอร์ตของญี่ปุ่นแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งรวมถึงแคนาดา, ฝรั่งเศสและสิงคโปร์ โดยจะยกเว้นข้อจำกัดในการเดินทางเข้าประเทศให้กับผู้เดินทางที่ถือวัคซีนพาสปอร์ตของญี่ปุ่น
อ่านข่าว : ภาคธุรกิจญี่ปุ่นเรียกร้องรัฐบาลยกเลิกมาตรการกักตัว
 


ด้านแคนาดาจะยกเว้นให้ผู้ที่ถือวัคซีนพาสปอร์ตของญี่ปุ่นไม่ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และไม่ต้องทำการกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ ขณะที่ฝรั่งเศสจะยกเว้นให้ผู้ถือวัคซีนพาสปอร์ตไม่ต้องยื่นผลตรวจเชื้อที่เป็นลบภายใน 72 ชม.ก่อนการเดินทาง และจะยอมรับวัคซีนพาสปอร์ตหลังจากที่ฉีดวัคซีนเข็มสองไปแล้ว 1 สัปดาห์ โดยจะต้องเป็นวัคซีนของไฟเซอร์, โมเดอร์นา หรือแอสตร้าเซนเนก้า


รายงานระบุว่า ประชาชนญี่ปุ่นสามารถยื่นขอวัคซีนพาสปอร์ตจากเขตเทศบาลของตนเอง ซึ่งจะเป็นใบรับรองที่ยืนยันว่า ผู้ถือนั้นได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ถือวัคซีนพาสปอร์ตยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการกักตัวเมื่อเดินทางกลับเข้าญี่ปุ่น โดยไม่มีข้อยกเว้นแต่อย่างใด

ประชาชนทุกคนไม่ว่าจะได้รับวัคซีนครบโดสแล้วในญี่ปุ่นหรือในต่างประเทศ ยังคงต้องทำการกักตัวแยกต่างหากเป็นเวลา 14 วัน และต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อเดินทางถึงญี่ปุ่น รวมทั้งยังถูกห้ามไม่ให้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และบริการรถแท็กซี่ด้วย
#6173


นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) วันที่ 21-22 กันยายนนี้ หาก Fed ส่งสัญญาณลดการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) รวมถึงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยแรงในปี 2567 ต่อเนื่องจากที่เคยส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2566 อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนได้ 

ดังนั้น เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน ในช่วงนี้ธนาคารทิสโก้ได้แนะนำให้ลูกค้ามั่งคั่งสูง ทยอยซื้อหวยออนไลน์เพิ่มน้ำหนัก และกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีจากการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรกว่า 70% อีกทั้งนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายกว่าสหรัฐฯ รวมทั้งราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ และสหภาพยุโรปยังอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง  


"เมื่อ Fed ส่งสัญญาณเดินหน้านโยบายการเงินที่เข้มข้น ย่อมส่งผลให้เงินลงทุนจะไหลเข้าไปหาตลาดหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น ซึ่งธนาคารทิสโก้มองว่าตลาดหุ้นยุโรปน่าจะได้รับอานิสงส์นี้ เพราะเศรษฐกิจยุโรปเริ่มทยอยฟื้นตัวจากการคลาย Lockdown ในหลายประเทศ และประชากรกว่า 70% หรือประมาณ 250 ล้านคนได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว รวมถึงนโยบายการเงินยังคงผ่อนคลายกว่าในสหรัฐฯ โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์ PEPP 1.85 ล้านล้านยูโร ซึ่งจะครบกำหนดเดือน มีนาคม 2565 อีกทั้งยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำไปจนถึงต้นปี 2566" นายณัฐกฤติกล่าว 

นอกจากนี้ หากประเมินมูลค่าระหว่างตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ พบว่า Forward P/E ของยุโรป (Stoxx600) อยู่ที่ระดับ 16 เท่า ต่ำกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500) ที่อยู่ระดับ 22 เท่า ทำให้ค่าส่วนต่างระหว่าง Forward P/E ของยุโรปและสหรัฐฯ ต่างกันถึง 35% ซึ่งเป็นระดับที่มากที่สุดในรอบ 10 ปี อีกทั้ง บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรปก็มีมีโอกาสเติบโตดี สะท้อนจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น Stoxx600 ที่ประกาศออกมาในไตรมาส 2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงกว่า 240% เมื่อเทียบกับปีก่อน 


ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มหุ้นที่มีความโดดเด่นในตลาดหุ้นยุโรป และธนาคารแนะนำให้ทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนได้แก่ หุ้นในกลุ่ม "New Economy" เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสังคมดิจิทัล เนื่องจากในปี 2563 ที่ผ่านมา สหภาพยุโรปได้ผ่านร่างงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ (EU Recovery Fund) วงเงิน 1.82 ล้านล้านยูโร ซึ่งเป็นวงเงินที่สูงที่สุดที่เคยทำข้อตกลงร่วมกัน เพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติสมาชิกจากผลกระทบวิกฤต COVID-19 โดยในวงเงินจำนวนนี้มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ เน้นใช้เงินไปกับการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ (Green Deal) กว่า 30% และอีก 20% ใช้สำหรับเปลี่ยนแปลงยุโรปเข้าสู่สังคมดิจิทัล (Digital EU) ที่จะเปลี่ยนให้ยุโรปเติบโตไปกับ New Economy และผลักดันให้เกิดการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) 

นายณัฐกฤติกล่าวอีกว่า ปัจจุบันยุโรปนับว่าเป็นกลุ่มประเทศที่รวมธุรกิจด้าน Green Energy ยักษ์ใหญ่มากที่สุดในโลก โดย 10 บริษัทด้าน Green Energy ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้นยุโรปมากถึง 8 บริษัท เช่น ผู้นำด้านพลังงานลมและแสงอาทิตย์อย่างบริษัท Orsted และ Vestas Wind จากประเทศเดนมาร์ค อีกทั้งสภาพยุโรปยังมีนโยบายเปลี่ยนรถบนถนนให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 30 ล้านคันภายในปี 2573 โดยบริษัทมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในยุโรปอย่างบริษัท Volkswagen (VW) คาดการณ์ว่ายอดขายรถ Battery Electric Vehicle (BEV) ของ  Volkswagen ทั่วโลกจะสูงกว่า TESLA ภายในปี 2565 นอกจากนี้ภายในปี 2568 สภาพยุโรปตั้งเป้าจะเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว  

 ในส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลในยุโรปก็มีโอกาสเติบโตได้อย่างโดดเด่น ตามการเข้าสู่สังคมดิจิทัลของยุโรป โดยในช่วงที่ผ่านมามี Platform และ E-commerce เกิดขึ้นใหม่หลายบริษัท เช่น บริษัท HelloFresh ของประเทศเยอรมนี ที่ให้บริการจัดส่ง Meal Kits ชุดอาหารพร้อมปรุงที่มีวัตถุดิบต่างๆ มาให้ลูกค้าปรุงเองที่บ้าน โดยมีฐานลูกค้าครอบคลุม 14 ประเทศทั่วโลก ได้จัดส่งชุด Meal Kits มากกว่า 600 ล้านชุด ซึ่งในปี 2563 สร้างรายได้สูงกว่า 3,749 ล้านยูโร เติบโตกว่า 107% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และบริษัทคาดว่าในปี 2564 รายได้จะเติบโตประมาณ 35-45% 
#6174


มหาสารคาม - ผอ.สารคามพิทยาคมเผยสถานการณ์ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 นักเรียนต้องออกจากระบบการศึกษามากถึง 20% เมื่อเรียนออนไลน์ เนื่องจากครอบครัวมีกำลังทรัพย์ไม่พอที่จะสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการเรียน แนะใช้บริการเว็บไซต์ Thailand Learning เป็นตัวช่วยพื่อให้เรียนรู้ได้เท่าทัน ทั้งยังเป็นการศึกษาตลอดชีวิต

นายนิพนธ์ ยศดา ผู้อำนวยการโรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม ได้เปิดเผยว่า "ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ได้ส่งผลกระทบต่อเด็กนักเรียนในภาคอีสานหรือเด็กทั่วประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องการจัดการเรียนการสอน ซึ่งได้เปลี่ยนจากเรียนออนไซต์ คือนั่งเรียนในห้องเรียน มาเป็นรูปแบบเรียนออนไลน์ เด็กนักเรียนไม่ต้องเดินทางไปโรงเรียน ในฐานะตนเป็นผู้บริหารของโรงเรียนพบว่ามี 3 ประเด็นหลักที่น่าสนใจ คือ

1) กรณีนักเรียนกับผู้ปกครอง พบว่ามีเด็กจำนวนประมาณ 20% ที่จะต้องออกจากระบบไป เพราะมีปัญหาไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ไวไฟ (Wi-Fi) รวมถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือสมาร์ทโฟนต่างๆ เมื่อได้สอบถามผู้ปกครองหลายรายก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีรายได้ ทำให้ไม่มีเงินไปเติมค่าเน็ตให้ลูกหลานได้บ่อยๆ บางครอบครัวก็มีมือถือสมาร์ทโฟนใช้เพียงเครื่องเดียว ขณะที่มีลูกอยู่ในวัยเรียนมากกว่า 1 คน จึงเป็นเรื่องลำบาก

ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทางโรงเรียนได้พยายามหาทางแก้ไขโดยการจัดซื้อให้นักเรียน แต่ก็ติดขัดในเรื่องกฎระเบียบของทางกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงการอนุญาตให้นักเรียนเข้ามาใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในโรงเรียน แต่ก็มีปัญหาในเรื่องความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงทำให้เด็กนักเรียนมีปัญหาดังกล่าว ต้องออกไปจากระบบโดยปริยายอย่างน่าเสียดาย

2) ครูและอาจารย์ผู้ฝึกสอนขาดความรู้และทักษะการสอนผ่านอุปกรณ์ออนไลน์ จึงทำให้เป็นเรื่องยากเพราะไม่คุ้นเคย สุดท้ายจึงทำได้แค่สั่งให้เด็กทำการบ้านมาส่ง โดยไม่มีการอธิบายอย่างละเอียดและลึกซึ้ง และ 3) หน่วยงานต้นสังกัด หรือทางกระทรวงฯ คิดไม่ทันในเรื่องการบริหารจัดการ โดยเฉพาะในเรื่องกฎระเบียบการจัดซื้อพัสดุที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อจะได้สามารถนำเงินมาซื้ออุปกรณ์ให้นักเรียนได้ใช้อย่างทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม นายนิพนธ์กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นข้างต้น ปัจจุบันทางโรงเรียนฯ ได้มีการส่งเสริมช่องทางการเรียนรู้ใหม่ คือแนะนำให้นักเรียนเข้าไปใช้บริการที่เว็บไซต์ www.thailandlearning.org ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรวบรวมแหล่งเรียนรู้ออนไลน์จากทั่วโลก ที่ทางมูลนิธิเอเชียประจำประเทศไทย ร่วมกับสถานทูตออสเตรเลียได้จัดทำและพัฒนาขึ้น สามารถใช้บริการได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

"ที่ผ่านมาพบว่านักเรียนมีการตอบรับเป็นอย่างดี ทางคุณครูก็พอใจเพราะมีการแบ่งระดับ และสามารถนำมาใช้ประกอบในกิจกรรมการเรียนการสอนได้ โดยสิ่งที่อยากให้มีเพิ่มเติมก็คือเนื้อหาใน 5 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สังคม, ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพราะเป็นวิชาหลักที่เด็กไทยต้องใช้สอบเข้าสู่ในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป" นายนิพนธ์กล่าว

น.ส.เบญญาภา ยะเคหัง หรือน้องหญิง อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.4/16 โรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ชอบเข้าไปดู www.thailandlearning.org ในหมวดเว็บไซต์ทัศนศึกษาเป็นอย่างมาก ล่าสุดก็ได้เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums) ประเทศอิตาลี เพราะเป็นสถานที่ซึ่งยังไม่เคยไป สามารถเข้าไปเลือกดูได้ตามใจชอบ เหมือนเดินอยู่ในสถานที่จริง และมีข้อมูลให้ศึกษาครบถ้วน ส่วนใหญ่จะใช้เวลาช่วงเช้าประมาณ 1.30 ชั่วโมง ตอนเย็นใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง เพราะช่วงนี้ติดสถานการณ์โควิดจึงไม่สามารถไปไหนได้

"เนื้อหาจัดทำได้อย่างน่าสนใจมาก ถ้าได้เข้าไปดูแล้วไม่มีคำว่าน่าเบื่อ ตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้ อยากเชิญชวนให้เพื่อนๆ เข้ามาใช้บริการ เพราะเป็นการเปิดโลกทัศน์ ได้ท่องเที่ยว และยังสามารถนำมาปรับใช้กับการเรียนที่โรงเรียนได้อีกด้วยค่ะ"

ทางด้าน นายศุภกฤษฎิ์ ทะสูง หรือน้องทิว อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนสารคามพิทยาคมเช่นกัน กล่าวว่า ตนชอบวิชาวิทยาศาสตร์กับเลขคณิตมากเป็นพิเศษ ดังนั้นส่วนใหญ่จะเข้าไปดูที่เว็บไซต์เกี่ยวกับการทดลองวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เพื่อดูผลงานเก่าๆ ที่เคยมีผู้ทำไว้ จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูลหรือตัวอย่างสำหรับตัวเองในอนาคต โดยจะใช้เวลาเข้าไปดู www.thailandlearning.org วันละครึ่งชั่วโมง ช่วงตอนเย็นหลังทำการบ้าน นอกจากนี้ก็ยังมีเข้าไปดูในเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ต่อ และเล่นเกมฝึกสมองบ้างเล็กน้อย

"ในอนาคตผมมีความฝันอยากเป็นหมอ เพราะว่าการที่ได้ดูแลผู้ป่วยก็เหมือนกับการที่ผมได้ทำสิ่งดีๆ ให้คนอื่นโดยที่ไม่หวังผลตอบแทนครับ"

สำหรับผู้สนใจที่ต้องการความต่อเนื่องด้านการศึกษา, ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ นอกห้องเรียน และที่สำคัญคือ เป็นตัวช่วยในการศึกษาได้ตลอดชีวิต สามารถคลิกไปใช้บริการที่ www.thailandlearning.org ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
#6176


จีนกำลังบุกตะลุยแคมเปญสร้าง "คลื่นลูกใหม่ทางวัฒนธรรม" ซึ่งภาคบันเทิงตกเป็นเป้าใหญ่ในการกวาดล้างพฤติกรรมที่เลวร้ายเสื่อมศีลธรรมไปถึงขั้นผิดกฎหมาย ปีนี้เซเลบในแวดวงบันเทิงดาราดัง-ไอดอลถูกแบล็คลิสต์จากสารพัดเหตุอื้อฉาวเป็นข่าวฮือฮาแบบรัวๆโดยบทลงโทษในการลงดาบแรกก็คือขับออกจากวงการและตลาดภาคบันเทิงของแผ่นดิน ลบล้างชื่อและผลงานบนหน้าสื่อของประเทศ อาทิ กรณีดาราสาวคนดังเจิ้งส่วงที่ถูกเปิดโปงอื้อฉาว 'อุ้มบุญ' ตามด้วยการถูกสอบกรณีหนีภาษีและเพิ่งถูกสั่งปรับไปร่วม 300 ล้านหยวนในวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา กรณีดาราหนุ่มยอดฮิตจางเจ๋อฮั่น โดนแบล็คลิสต์ไปเมื่อกลางเดือนส.ค.จากเหตุ 'ลบหลู่จีน' (辱华) หลังจากที่โดนขุดภาพเก่าเมื่อสามปีที่แล้วตอนไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิในญี่ปุ่น กรณีอื้อฉาวคริส อู๋ หรืออู๋ อี้ฝาน ก็กำลังโดนสอบสวนข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวหลายคน....เป็นต้น

อนึ่ง ศาลยาสุคุนิ เป็นศาลเจ้าลัทธิชินโตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ลัทธิทหาร อีกทั้งเป็นที่สถิติดวงวิญญาณทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในสงครามรวมทั้งกลุ่มนายทหารที่ถูกศาลโลกตัดสินว่าเป็นอาชญากรสงคราม

หลังจากที่จีนลงดาบคว่ำบาตร เจ้า เวยเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2021  ผลงานการแสดงภาพยนตร์และซีรีส์ของเจ้า เวย ถูกลบออกจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรายใหญ่ของจีน เหี้ยน รวมทั้งซัรีส์สุดคลาสสิก อย่าง "องค์หญิงกำมะลอ" ที่เจ้าสวมบทเป็น "เสี่ยวเยี่ยนจื่อ" 
หลังจากที่จีนลงดาบคว่ำบาตร เจ้า เวยเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2021 ผลงานการแสดงภาพยนตร์และซีรีส์ของเจ้า เวย ถูกลบออกจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรายใหญ่ของจีน เหี้ยน รวมทั้งซัรีส์สุดคลาสสิก อย่าง "องค์หญิงกำมะลอ" ที่เจ้าสวมบทเป็น "เสี่ยวเยี่ยนจื่อ"

ในคืนวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา จีนเริ่มลงดาบ ซุปตาร์เศรษฐีนี 'เจ้า เวย' (赵薇) ชื่อ 'เจ้า เวย' ถูกลบออกจากผลงานภาพยนตร์ทั้งเครดิตผู้กำกับการแสดงหรือผู้อำนวยการสร้างฯ กลุ่มบริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจีนรายหลักๆ อย่างเช่น เทนเซนท์ (Tencent Video) อ้ายฉีอี้ (iQiyi) และโหยวคู่ (Youku) ต่างลบล้างซีรีส์ทีวีและภาพยนตร์ที่มีเจ้า เวย ร่วมแสดงฯกันในทันควัน รวมทั้งผลงานการแสดงคลาสสิคยอดฮิตตลอดกาล เรื่อง "องค์หญิงกำมะลอ" (还珠格格/ My Fair Princess)

กลุ่มสื่อโลกระบุว่าจีนคว่ำบาตรดาราสาวใหญ่ เจ้า เวย วัย 45 ปี ที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจใหญ่และเศรษฐีนีพันล้าน โดยไม่แจ้งพฤติกรรมความผิดที่ชัดเจน สาเหตุในการคว่ำบาตร เจ้า เวย ที่พูดถึงกันมากคือ เหตุ "ลบหลู่จีน" ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้วโดยเจ้า เวยสวมชุดเดรสที่มีแบบลวดลายเป็น 'ธงอาทิตย์อุทัย' ของกองทัพญี่ปุ่นถ่ายแบบลงนิตยสาร และเหตุสำคัญที่ทำให้จีนต้องการลงดาบเจ้า เวยนั้นยังอาจเกี่ยวพันไปถึง "แจ็ค หม่า" เจ้าของยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ช อาลีบาบา กรุ๊ป

ในสัปดาห์นี้ กลุ่มสื่อจีนอ้างอิงข้อมูลที่รวบรวมจากวงใน ระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้ซุ่มกรุยทางที่จะจัดการกับเจ้า เวย มานานแล้ว โดยการจัดการแบบยิ่งเงียบเท่าไหร่ก็หมายถึงว่าเบื้องหลังจะต้องเรื่องใหญ่หลวง หลังจากที่ทางการลงดาบขับเจ้า เวย ออกจากโลกออนไลน์จีน เพื่อนๆในวงการแม้แต่เพื่อนสนิทซี้ปึกอย่างหวงเสี่ยวหมิงก็ลบโพสต์ที่มีเนื้อหาพูดคุยและภาพถ่ายร่วมกับเจ้า เวย ออกในทันที ยิ่งทำให้ชาวเน็ตรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ชาวเน็ตจีนขุดคุ้ยเจาะลึกข้อมูลวงในและรวบรวม "ห้ากระทงความผิดใหญ่" ของเจ้า เวย โดยชี้ว่าแต่ละกระทงความผิดที่ว่านี้นักหนาพอที่จะผลัก เจ้า เวย ตกต่ำดั่งสำนวนจีนที่ว่า "หนูข้ามถนน" (过街老鼠) หมายถึง หนูสกปรกโสโครกบนถนนที่ใครมาพบเห็นเข้าก็ร้องยี้ด้วยความรังเกียจ ไล่ตีให้ตายหรือไม่ก็กระโดดหนี

เจ้า เวย สวมชุดเดรสลาย "ธงพระอาทิตย์อุทัย" ถ่ายแบบลงนิตยสารแฟชชั่นเมื่อปี 2001 สร้างกระแสโกรธในจีน ถึงขึ้นมีชายคนหนึ่งปาอุจจาระใส่ (ภาพ ซ้าย)
เจ้า เวย สวมชุดเดรสลาย "ธงพระอาทิตย์อุทัย" ถ่ายแบบลงนิตยสารแฟชชั่นเมื่อปี 2001 สร้างกระแสโกรธในจีน ถึงขึ้นมีชายคนหนึ่งปาอุจจาระใส่ (ภาพ ซ้าย)

มาดูข้อสันนิษฐานเหตุคว่ำบาตรเจ้า เวย จาก "ห้ากระทงความผิดใหญ่" สื่อกระแสหลักของจีนได้นำมาเผยแพร่

"กระทงความผิดที่หนึ่ง" คือ "ลบหลู่จีน" โดยเหตุ "ลบหลู่จีน" ของเจ้า เวยนี้เกิดช่วงหลังจากที่ เจ้า เวย ในวัยยี่สิบปีต้นๆ เพิ่งแจ้งเกิดเป็นดาราดังจากบทบาท "เสี่ยวเยี่ยนจื่อ" (小燕子) ในซีรีส์ "องค์หญิงกำมะลอ" เมื่อปี 2001 เจ้า เวย ได้รับเชิญจากนิตยสารแฟชั่นจีนไปถ่ายแบบชุดแฟชั่นขึ้นปกนิตยสารในแมนฮัตตัน สหรัฐฯ โดยหนึ่งในชุดที่เธอสวมถ่ายแบบในครั้งนั้นคือชุดเดรสพิมพ์ลาย "ธงอาทิตย์อุทัย" เมื่อภาพเจ้า เวย สวมชุด "ธงอาทิตย์อุทัย" ของกองทัพญี่ปุ่น เผยแพร่สู่สาธารณะก็จุดกระแสโกรธเกรี้ยวดั่งระเบิดลูกใหญ่ซัดลงมา ถึงขั้นว่าลูกหลานเหยื่อชาวจีนผู้เสียชีวิตในสงครามญี่ปุ่นปาอุจจาระใส่เจ้าเวยขณะสวมชุดเดรสสีขาวไปงานฉลองที่จัดโดยสถานีโทรทัศน์หูหนันในคืนวันที่ 28 ธ.ค.2001

เจ้า เวย แถลงขอโทษกรณีสวมชุดเดรสลาย "ธงพระอาทิตย์อุทัย" ถ่ายแบบลงนิตยสารแฟชชั่นเมื่อปี 2001
เจ้า เวย แถลงขอโทษกรณีสวมชุดเดรสลาย "ธงพระอาทิตย์อุทัย" ถ่ายแบบลงนิตยสารแฟชชั่นเมื่อปี 2001

"นางไม่เห็นมาตุภูมิอยู่ในสายตาเลย ลืมการเสียสละของบรรพบุรุษหมดสิ้น" กลุ่มคนจีนวิจารณ์กรณีเจ้า เวย สวม "ชุดธงอาทิตย์อุทัย" ที่กองทัพญี่ปุ่นมักชูธงเคลื่อนทัพทำสงครามรุกรานเพื่อนบ้าน

อนึ่ง ในประเทศจีนการเผยแพร่หรือแสดงหรือมีพฤติกรรมส่งเสริมสิ่งหรือสัญลักษณ์ที่จีนเรียกว่า "จิตวิญญาณญี่ปุ่น" (精日) นับเป็นเรื่องรุนแรงที่อภัยกันไม่ได้ "จิตวิญญาณญี่ปุ่น" เป็นศัพท์บัญญัติทางการเมืองและสังคมของจีนที่มีความหมายเหยียดหยามต่ำช้ามาก เพราะถือเป็นการยกย่องลัทธิทหารญี่ปุ่นที่ก่อสงครามรุกรานเพื่อนบ้านอย่างโหดเหี้ยมดังเช่นสงครามนานกิงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นำความเกลียดชัง และ "ลบหลู่จีน



"กระทงความผิดที่สอง" เจ้า เวย (ถูกกล่าวหา)สั่งให้คนขับรถของเธอไปทำร้ายร่างกายโจวเสวี่ย ขณะที่โจวกำลังตั้งครรภ์

โจวเสวี่ยคือใคร...นางคือบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นที่ไปเชิญเจ้า เวย มาถ่ายแบบแฟชั่นและสวมชุดเดรส "ธงอาทิตย์อุทัย" ต่อกรณีฯนี้โจวเสวี่ยได้ออกมาขอโทษและลาออกจากบริษัทนิตยสาร

จากรายงานข่าวสื่อจีนในช่วงปีที่เกิดเหตุฯปี 2004 เผยเรื่องข้อกล่าวหา "เจ้าเวยสั่งคนขับรถไปทำร้ายโจวเสวี่ย" ขณะที่เกิดเหตุเจ้าและโจวอยู่ในงานสังสรรค์ที่บาร์แห่งหนึ่งย่านซันหลี่ถุนใจกลางกรุงปักกิ่งและเกิดเหตุทะเลาะกัน ต่อมา โจวได้ฟ้องเจ้า เวย ในข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกาย ในที่สุดศาลได้ตัดสินคนขับรถเป็นผู้กระทำผิด แต่ชาวจีนหลายคนเชื่อว่า"เจ้า เวย อยู่เบื้องหลัง" เรื่องทำร้ายร่างกายนางโจว

เจ้า เวย (คนกลาง) ถ่ายภาพร่วมกับนักแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องที่สองที่เธอกำกับการแสดงคือ เรื่อง 'No Other Love' ซึ่งถูกจีนแบน เนื่องจากนักแสดงนำชาวไต้หวัน คือ ไต้ลี่เหริ่น (คนซ้าย)  
เจ้า เวย (คนกลาง) ถ่ายภาพร่วมกับนักแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องที่สองที่เธอกำกับการแสดงคือ เรื่อง 'No Other Love' ซึ่งถูกจีนแบน เนื่องจากนักแสดงนำชาวไต้หวัน คือ ไต้ลี่เหริ่น (คนซ้าย)

"กระทงความผิดที่สาม" ท้าทายล้ำเส้นสำคัญของประชาชาติจีนในกรณีถ่ายทำภาพยนตร์โดยเลือกนักแสดงนำที่เป็น "กลุ่มลบหลู่จีน" ชาวเน็ตจีนระบุว่า หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง 'So Young' 《致青春》 ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เจ้า เวย เป็นผู้กำกับการแสดง ประสบความสำเร็จทำรายได้ทุบสถิติ ในปี 2014 เจ้า เวย ก็ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องที่สองคือ 'No Other Love' 《没有别的爱》โดยนักแสดงชาวไต้หวันที่เธอเลือกมา คือไต้ลี่เหริ่น หรือ ไลออน ไต้ (戴立忍/ Leon Dai) ซึ่งถูกระบุว่าเป็น "กลุ่มเคลื่อนไหวอิสรภาพไต้หวัน" ด้วยแรงกดดันดังกล่าวในที่สุด เจ้า เวย ต้องเปลี่ยนตัวนักแสดงนำชาย

ส่วนนักแสดงนำหญิง คือ คิโกะ มิซูฮาระ (Kiko Mizuhara) หลังจากที่เธอถูกเสนอชื่อเป็นนักแสดงในภาพยนตร์แนวรักตลกเรื่องนี้ ชาวจีนได้ออกโจมตีว่าคิโกะดาราดังเลือดอเมริกัน-ญี่ปุ่นมีพฤติกรรม "ลบหลู่จีน"จากการโพสต์ข้อความหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีการปล่อยรูปภาพหญิงสาวที่ถูกชี้ว่าคือคิโกะไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิและถ่ายรูปหน้า 'ธงอาทิตย์อุทัย' ต่อกรณีฯนี้ คิโกะ มิซูฮาระ ได้ออกมา "ขอโทษ" สำหรับการกระทำที่อาจเป็นการ "ลบหลู่จีน" แต่เธอปฏิเสธเรื่องภาพทั้งรูปผู้หญิงที่ศาลยาสุคุนิและรูปผู้หญิงถ่ายภาพกับธงอาทิตย์อุทัยที่ถูกปล่อยในโซเชียลจีนนั้นไม่ใช่เธอ

ภาพ จางเจ๋อฮั่นที่ศาลเจ้ายาสุคุนิ ในปี 2018 ถูกปล่อยระบาดท่วมโลกโซเชียงจีนรับวันครบรอบ 76 ปี ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม โดยศาลฯแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ลัทธิทหารญี่ปุ่นที่ก่อสงครามรุกรานต่างชาติอย่างหฤโหด (ภาพจาก เวยปั๋ว)
ภาพ จางเจ๋อฮั่นที่ศาลเจ้ายาสุคุนิ ในปี 2018 ถูกปล่อยระบาดท่วมโลกโซเชียงจีนรับวันครบรอบ 76 ปี ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม โดยศาลฯแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ลัทธิทหารญี่ปุ่นที่ก่อสงครามรุกรานต่างชาติอย่างหฤโหด (ภาพจาก เวยปั๋ว)

 "กระทงความผิดที่สี่" เจ้า เวย รับจางเจ๋อฮั่นเข้าทำงานในบริษัทของตน โดยก่อนที่จางเจ๋อฮั่นจะเข้าทำงานในบริษัทของเจ้า เวย ก็มีพฤติกรรมส่งเสริม"จิตวิญญาณญี่ปุ่น" แล้ว

จางเจ๋อฮั่นเพิ่งถูกคว่ำบาตรจากเหตุ "ลบหลู่จีน" โดยในช่วงก่อนวันครบรอบ 76 ปีที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม(15 ส.ค.) มีการระดมปล่อยภาพถ่ายของจางเมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นภาพจางเข้าร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่จัดขึ้นที่ "ศาลเจ้าโนกิ" (Nogi Shrine) และภาพจางถ่ายภาพกับศาลเจ้ายาสุคุนิ (Yasukuni Shrine) ซึ่งศาลเจ้าทั้งสองแห่งนี้เป็นที่เก็บป้ายวิญญาณของทหารญี่ปุ่นซึ่งมีกลุ่มนายทหารใหญ่ที่นำทัพรุกรานจีนรวมอยู่ด้วย

เจ้า เวย (คนที่สองจากขวา) และสามีคือหวงโหย่วหลง มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจในเครืออาลีบาบา ว่ากันว่า เจ้า เวยทำกำไรมหาศาลด้วยใบบุญใหญ่ของ แจ็ค หม่า  (คนขวาสุด)
เจ้า เวย (คนที่สองจากขวา) และสามีคือหวงโหย่วหลง มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจในเครืออาลีบาบา ว่ากันว่า เจ้า เวยทำกำไรมหาศาลด้วยใบบุญใหญ่ของ แจ็ค หม่า (คนขวาสุด)

"กระทงความผิดที่ห้า" เรื่องธุรกิจ การสร้างความมั่งคั่ง และอื้อฉาวในตลาดหุ้น ซึ่งสื่อจีนชี้ว่าจะเป็น "กระทงความผิด" ที่หนักหนาที่สุดของซุปตาร์เศรษฐีนี โดยข้อสงสัยในกระทงความผิดนี้อาจเกี่ยวพันไปถึงเครือธุรกิจของอาลีบาบา

หลังจากที่เจ้า เวย และสามีนักธุรกิจสิงคโปร์คือ หวงโหย่วหลง(黄有龙)โดดลงมาทำธุรกิจก็เกิดเรื่องอื้อฉาวละเมิดกฎระเบียบเพื่อกอบโกยกำไรจากหุ้นของประชาชน ทั้งทำลายระเบียบในตลาดหุ้น

หลังจากที่เจ้า เวย กลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เบื้องหลังความสำเร็จของเธอนั้น ไม่เพียงแค่มีสามีสนับสนุน ยังมีแจ็ค หม่า เป็นดั่งต้นไม้ใหญ่แผ่ร่มเงาให้อาศัย (เก็บเกี่ยวผลประโยชน์) ในปี 2014 แจ็ค หม่าเชิญ เจ้า เวย มาร่วมลงทุนบริษัท Alibaba Pictures และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่สอง ทำกำไรนับสิบล้านเหรียญสหรัฐในสองปี

ปี 2016 เจ้า และสามี ถูกจัดอันดับโดยสำนักจัดความมั่งคั่งหูรุ่น Hurun Global Rich List เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมั่งคั่งที่สุด ด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ในมือประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

เจ้า เวย และสามีนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ หวงโหย่วหลง ทั้งสองติดอันดับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมั่งคั่งที่สุดรายหนึ่งจากจากจัดอันดับของสำนักจัดอันดับหูรุ่นในปี 2016 ด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ในมือประมาณ 1,000 ล้นเหรียญสหรัฐ 
เจ้า เวย และสามีนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ หวงโหย่วหลง ทั้งสองติดอันดับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมั่งคั่งที่สุดรายหนึ่งจากจากจัดอันดับของสำนักจัดอันดับหูรุ่นในปี 2016 ด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ในมือประมาณ 1,000 ล้นเหรียญสหรัฐ

สื่อจีนชี้ เจ้า เวย ฟันกำไรก้อนมหึมาจากวิธีการฉ้อแลหลอกลวง จนกระทั่งในปี 2017 เจ้าเวยและสามี ถูกห้ามเทรดในตลาดหุ้นจีนนานห้าปีทั้งปรับ 300,000 หยวน เนื่องจากทำผิดกฎหลอกลวงนักลงทุนในการเทคโอเวอร์บริษัท กลุ่มนักลงทุน 67 ราย ยื่นฟ้องร้องทางกฎหมายเรียกค่าชดเชยประมาณ 50 ล้านหยวน (ข้อมูลจากสื่อจีน Global Times ของค่ายพรรคคอมมิวนิสต์จีน) และนี่คือการลั่นกลองเตือนเจ้า เวย ของทางการมาครั้งหนึ่งแล้ว

นอกจากนี้ ชาวเน็ตจีนยังชี้กันว่า แจ็ค หม่าก็อาจจะรอดจากการลงดาบได้ยากสืบเนื่องจากความร่วมมือกับเจ้าเวยหลายครั้งหลายครา โดยหลังจากที่เกิดเหตุคว่ำบาตรเจ้าเวย ที่ตกเป็นข่าวฮือฮาในวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ชื่อของ 'หม่า อวิ๋น' (马云) (ชื่อจีนของแจ็ค หม่า) และอาลีบาบา ก็กลายเป็นคำสืบค้นสุดฮ็อตคำหนึ่ง ทำให้หลายคนคาดเดากันไปว่าทางการอาจจะจัดการกับแจ็ค หม่า อีกยก

แหล่งข่าวกลุ่มหนึ่งชี้ว่าผู้นำจีนที่เพิ่งถูกลงดาบฟันตกม้าไปคือ โจวเจียงหย่งเลขาธิการพรรคฯประจำเมืองหังโจว และแจ็ค หม่า ได้ช่วยปกป้องเจ้า เวย จนมีคนพูดกันไปว่า "หากจอมลบหลู่จีนตัวแม่ไม่มีเหล่าบิ๊กในหังโจวคอยหนุนหลังอยู่ละก็ ถูกลงดาบไปนานแล้ววววว"
#6177


นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ชี้ วัคซีนทุกชนิดไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดได้ ทำได้เพียงแต่ลดความรุนแรงของโรค แม้ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้สูงแล้ว ก็ยังพบการระบาดของโรคได้

วันนี้ (5 ก.ย.) เฟซบุ๊ก "Yong Poovorawan" หรือ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ระบุข้อมูล "โควิด-19 ภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ยงภู่วรวรรณ 4 กันยายน 2564 เมื่อเกิดโรคติดต่อ เราจะได้ยินคำว่าภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อลดการระบาดของโรคและยุติการระบาด ภูมิคุ้มกันหมู่ จะได้ผลในการป้องกันการระบาด ภูมิคุ้มกันนั้นจะต้องป้องกันการติดโรคได้ และเมื่อมีภูมิคุ้มกันในกลุ่มประชากรมากจำนวนหนึ่ง ก็จะช่วยป้องกันคนที่ไม่มีภูมิไปด้วย เช่น โรคหัด โปลิโอ ประชากรส่วนใหญ่ใด้วัคซีนในการป้องกันโรค โรคก็จะเบาบาง และในที่สุดก็จะยุติการระบาด

เมื่อมาดู covid-19 จุดมุ่งหมายการให้วัคซีนในระยะแรก ต้องการให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ แต่ในปัจจุบันเห็นได้ชัดแล้วว่า วัคซีนทุกชนิดไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนจากประเทศตะวันตก หรือตะวันออก เพียงแต่ลดความรุนแรงของโรค ลดอัตราการตาย และยังพบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วกับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน เมื่อติดเชื้อปริมาณไวรัสที่อยู่ในตัว สามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ ดังนั้นวัคซีนที่ใช้ในขณะนี้จึงไม่สามารถที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ เพราะถึงแม้มีภูมิคุ้มกัน ก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ เนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลงตลอดเวลา และขณะเดียวกัน ระยะฟักตัวของโรค covid-19 สั้นมาก จึงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ลดความรุนแรงของโรคได้

เมื่อไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในแต่ละคน ก็ไม่สามารถจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ในการลดการติดเชื้อในประชากรหมู่มากได้ จะเห็นได้ว่าทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอิสราเอล ที่มีการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมากก็ยังพบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน แต่ความรุนแรงเมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดในระลอกก่อนมีวัคซีนลดลง อัตราตายและอัตราการป่วยนอนโรงพยาบาลลดลง ดังนั้น การฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ใน covid-19 จึงไม่สามารถนำมาใช้ได้ในขณะนี้ ทั้งที่แต่เดิมคิดว่าถ้าประชากรส่วนใหญ่ได้วัคซีนถึง 70% แล้วโรคจะทุเลาลง แต่ความเป็นจริง ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้สูงแล้ว ก็ยังพบการระบาดของโรค

ทางออกของ covid-19 ทุกคนจะต้องได้รับวัคซีน หรือเคยติดเชื้อ และให้มีภูมิพื้นฐานอยู่ และเมื่อติดเชื้อ อาการของโรคก็จะน้อยลง หรือไม่มีอาการ แล้วจะกระตุ้นภูมิต้านทานให้สูงขึ้น และการติดเชื้อครั้งต่อๆไปอาการจะน้อยลงไปเรื่อยๆจนไม่มีอาการ การติดเชื้อครั้งแรกเมื่อยังไม่มีภูมิต้านทานเลย อาการจะรุนแรงได้ และเมื่อมีภูมิต้านทานเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะจากวัคซีนหรือการติดเชื้อครั้งแรก การติดเชื้อครั้งต่อไปอาการก็จะน้อยลงและในที่สุดก็จะเป็นแบบไม่มีอาการ และโรคนี่ก็จะอยู่กับเรา โดยที่ติดเชื้อแล้วอาการไม่รุนแรง หรืออัตราการเสียชีวิตน้อยมาก อย่างเช่น โรคทางเดินหายใจทั่วไปเป้าหมายการฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ใน covid-19 ภูมิคุ้มกันไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ป้องกันความรุนแรงของโรคได้ ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ตั้งเป้าไว้จึงไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้ ทุกคนจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาจากการฉีดวัคซีน หรือติดโรค แล้วเมื่อเป็นซ้ำก็จะไม่มีอาการหรืออาการน้อยลง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ปริมาณการฉีดวัคซีนที่คาดไว้แต่เดิมในการลดการระบาดของโรค เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่จึงไม่สามารถนำมาใช้ได้ หรือกล่าวว่าต่อไปนี้ทุกคนจะต้องสร้างภูมิขึ้นมาเพื่อลดความรุนแรงของโรคที่จะเกิดในกรณีที่เป็นซ้ำ และในอนาคตเด็กเล็กที่เกิดมา ยังไม่มีภูมิก็จะมีการติดโรคโดยธรรมชาติ ซึ่งโรคนี้ไม่รุนแรงสำหรับเด็ก และก็จะเกิดภูมิคุ้มกันขึ้นมาหลังจากการติดเชื้อในวัยเด็ก แบบโรคทางเดินหายใจทั่วไปที่เราพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่เคยติดเชื้อในวัยเด็กและมีภูมิอยู่แล้วโรคนี้จะอยู่กับเราตลอดไป จำนวนวัคซีนที่จะใช้ จึงต้องใช้สำหรับประชากรทุกคนในประเทศไทยทุกคน ในการสร้างภูมิคุ้มกันพื้นฐาน เพื่อลดความรุนแรงของโรคในกรณีที่มีการติดเชื้อ หรือให้เป็นแบบไม่มีอาการ ในครั้งต่อไป"
#6178


สระแก้ว - อุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.นี้ หลังปิดชั่วคราวนานกว่าเดือนจากสถานการณ์โควิด-19 ชูจุดขายความสมบูรณ์ทางธรรมชาติในแบบฉบับผืนป่ามรดกโลก พร้อมเทศกาลดูผีเสื้อปางสีดา แต่ยังจำกัดนักท่องเที่ยวที่ 700 คนต่อวัน 

นายบุญเชิด เจริญสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติปางสีดา เผยว่า หลังจากที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว ได้มีประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ส่งผลให้สภาพผืนป่าต้นน้ำห้วยโสมง ภายในแอ่งหุบเขารูปเรือ บริเวณจุดชมวิวทะเลหมอก กม.25 ห่างจากจุดกางเต็นท์ห้วยน้ำเย็น ประมาณ 5.5 กม. ซึ่งได้รับการประกาศเป็นผืนป่ามรดกโลก ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.2548 ได้กลับคืนความสมบูรณ์ของป่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่อีกครั้ง

ขณะที่สภาพความเป็นอยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกว่า 80 ชนิด และสัตว์ปีกมากกว่า 250 ชนิด รวมถึงผีเสื้อไม่น้อยกว่า 400 ชนิด บริเวณที่หุบเขาขนาดใหญ่กลุ่มน้ำตกแควมะค่า ต้นกำเนิดของห้วยโสมง และลำสะโตน ซึ่งเป็นต้นน้ำที่สำคัญของลุ่มน้ำบางปะกง กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ตามไปด้วย



ที่สำคัญบริเวณเทือกเขาว่าน ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขต จ.สระแก้ว และนครราชสีมา รวมทั้งแบ่งเขตดูแลของอุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว กับอุทยานแห่งชาติทับลาน จ.นครราชสีมา ยังได้เผยให้เห็นสัตว์ป่าและไก่ฟ้าพญาลอ ในหลายจุด

และในวันนี้เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มทรงตัว และมีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น อุทยานแห่งชาติปางสีดา จึงพร้อมแล้วที่จะเปิดให้บริการแหล่งท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.นี้เป็นต้นไป เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลดูผีเสื้อปางสีดา ที่จะมีขึ้นในกลางเดือนนี้อีกด้วย

"แต่การเปิดให้มีกิจกรรมการท่องเที่ยวในครั้งนี้ จะเปิดแบบไปกลับเท่านั้น และยังไม่เปิดให้บริการพักค้างแรมบริเวณบ้านพักออนไลน์ และลานกางเต็นท์ และจะยังคงงดกิจกรรมทางน้ำทุกประเภท เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน"



หัวหน้าอุทยานแห่งชาติปางสีดา ยังกล่าวอีกว่า ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.นี้ อุทยานฯ จำเป็นต้องขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามมาตรการ ข้อกำหนด และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เช่น นักท่องเที่ยว หรือผู้ที่เดินทางมาจากเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ต้องปฏิบัติตามคำสั่งและประกาศของ ศบค.อย่างเคร่งครัดทุกกรณี

โดยนักท่องเที่ยวต้องดำเนินการตามมาตรการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติวิถีใหม่แบบ New Normal โดยกำหนดให้นักท่องเที่ยวต้องผ่านจุดคัดกรองก่อนการเข้าออก พื้นที่ พร้อมทั้งลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเข้าอุทยานฯ ผ่านแอปพลิเคชัน ควบคู่กับการลงทะเบียนเข้าออกผ่านแอปไทยชนะ

อีกทั้งมาตรการกำหนดให้ควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวได้ไม่ให้เกินขีดความสามารถในการรองรับได้ (Carrying Capacity) ประมาณจำนวน 700 คนต่อวัน หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-3742-5141
#6180
ข้าวออร์แกนิก จังหวัดสุรินทร์ปลอดสารพิษ แท้ 100%
ข้าวออร์แกนิกปลอดสารแท้ 100% ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์   ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" / ข้าวมะลินิลอินทรีย์ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก ข้าวปะกาอำปึลปลอดสารพิษเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ปลูกข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก   ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์   แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิก
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22c6daqhyo0am1a6t.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์สุรินทร์
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิปลอดสารพิษ
3.  ข้าวปะกาอำปึลปลอดสารพิษ
4.  ข้าวกล้องอินทรีย์ผสมหลายสายพันธุ์ จ.สุรินทร์
5.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์สุรินทร์7.  กลุ่มข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์