• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Joe524

#6226


ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เสนอโซลูชันช่วยคนไทยจัดการหนี้ได้อย่างเหมาะสม ภายใต้แนวคิด "รอบรู้เรื่องกู้ยืม" โดยใช้สินทรัพย์ที่มีให้เกิดประโยชน์ ทั้งบ้าน รถ ใบแจ้งหนี้ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น นำไปเสริมสภาพคล่อง ลดภาระดอกเบี้ย และปลดหนี้ได้เร็วขึ้น ด้วยการรวบหนี้ที่มีอยู่เป็นก้อนเดียว   ลดภาระการผ่อนชำระ ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านแลกเงินทีทีบี  สินเชื่อรถแลกเงิน ทีทีบีไดรฟ์ (ttb  DRIVE) และสินเชื่อบุคคลทีทีบี แคชทูแคร์ (ttb cash2care) ช่วยให้ชีวิตสามารถเดินต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์วิกฤติ 

จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของโควิด-19 สะท้อนให้เห็นความเปราะบางทางด้านการเงินของคนไทยได้อย่างชัดเจน เมื่อรายได้ลดลง แต่ยังมีภาระผ่อนหนี้สินจากหลาย ๆ แห่ง ทำให้ขาดสภาพคล่องในการใช้จ่ายเพื่อดำรงชีวิต  ทีเอ็มบีธนชาต ตระหนักถึงปัญหาภาระหนี้ของคนไทย จึงได้พัฒนาโชลูชันการจัดการหนี้สินที่ตอบโจทย์ ภายใต้พื้นฐานการเงินด้าน "รอบรู้เรื่องกู้ยืม" ที่ช่วยจัดการหนี้อย่างเหมาะสม โดยใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่นำมาเป็นหลักประกันในการรวบหนี้ (Debt Consolidation) ช่วยลดภาระผ่อนต่อเดือนและเสริมสภาพคล่องให้แก่ลูกค้า

นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb)  กล่าวว่า ทีเอ็มบีธนชาต เข้าใจความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต โดยมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คนส่วนใหญ่อาจมีปัญหาขาดสภาพคล่องที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หรือหมุนเวียนธุรกิจ และต้องการสินเชื่อจากธนาคารเป็นอีกแหล่งเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง ดังนั้น ทีทีบี จึงต้องการสนับสนุนให้ลูกค้ามีความรอบรู้ทางด้านการเงิน โดยเฉพาะการจัดการเรื่องกู้ยืม เพื่อให้เข้าใจและเลือกใช้สินเชื่อได้อย่างเหมาะสม โดยหากมีภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงจากหลาย ๆ แห่ง ธนาคารแนะนำให้ลูกค้าเลือกใช้โซลูชันการรวบหนี้ (ttb debt consolidation) มารวมเป็นก้อนเดียวไว้กับทีทีบี ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบที่จะเข้ามารองรับความต้องการของแต่ละคน คิดดอกเบี้ยถูกลง ลดภาระผ่อนชำระต่อเดือนให้น้อยลง จึงมีเงินเหลือสำหรับใช้จ่ายในเรื่องจำเป็น และจัดการสภาพคล่องได้ดีขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าจะช่วยส่งเสริมให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้ในอนาคต

นายป้อมเพชร รสานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านสินเชื่อรถยนต์ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำในตลาดสินเชื่อรถยนต์ ttb DRIVE มีลูกค้าให้ความไว้วางใจเป็นจำนวนมาก เมื่อสถานการณ์ปัจจุบันทำให้ลูกค้าจำเป็นต้องใช้เงินก้อนเพื่อมาเสริมสภาพคล่อง เราก็ได้พัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงจุด เพื่อช่วยแก้ปัญหา ช่วยเคลียร์ ช่วยรวบหนี้ให้ในเมื่อลูกค้ามีรถยนต์อยู่ ซึ่งรถถือเป็นสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน ทำให้ดอกเบี้ยไม่สูง ค่างวดลดลง และได้วงเงินที่สูงขึ้น พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแลให้คำปรึกษา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของวงการสินเชื่อรถยนต์ที่ใช้รถยนต์เป็นหลักประกันในการรวบหนี้ได้ โดยสมัครได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ แล้วจะมีเจ้าหน้าที่มาให้บริการถึงที่ สะดวก ปลอดภัย และมั่นใจได้ เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากการไปสาขาธนาคารในช่วงนี้ ช่วยให้ลูกค้าก้าวผ่านวิกฤตในยามที่รายได้ลดลงแต่รายจ่ายยังเท่าเดิม เป็นทางออกให้ลูกค้าสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ 

ทั้งนี้ หลังจากทีเอ็มบีและธนชาตรวมกิจการเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ธนาคารได้เดินหน้ายกระดับการบริการและส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้อย่างครอบคลุม เพื่อช่วยในการจัดการและชำระหนี้ที่อยู่ในระบบของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน รถ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด โดยธนาคารจะช่วยตัดวงจรหนี้ซ้ำซ้อนและภาระผ่อนชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง ทำให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระค่างวดต่อเดือนลดลง และยังเหลือวงเงินใช้จ่ายหลังเคลียร์หนี้ที่รวบหมดแล้ว นำไปเสริมสภาพคล่องในชีวิตประจำวัน หรือหมุนเวียนต่อยอดธุรกิจได้ ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะกับความต้องการของลูกค้าที่มีความแตกต่าง ได้แก่ 

สินเชื่อบ้านแลกเงิน ทีทีบี  สำหรับลูกค้าที่มีบ้านและต้องการวงเงินสูง  5 แสน ถึง 10 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องส่วนตัวหรือธุรกิจ เพียงมีบ้านที่ปลอดภาระแล้ว หรือกรณีผ่อนอยู่ก็สามารถรีไฟแนนซ์มาอยู่กับทีทีบี และขอวงเงินเพิ่มเติมได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% ใน 3 เดือนแรก และดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 5.15% ต่อปี (เมื่อสมัครพร้อมประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ) ผ่อนเบาเพราะกู้ได้ยาวสูงสุดถึง 30 ปี พร้อมช่วยลูกค้าลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยสิทธิประโยชน์ ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยและค่าประเมินราคาหลักทรัพย์    

สินเชื่อรถแลกเงิน ttb DRIVE สำหรับผู้ที่มีรถ ไม่ว่าจะปลอดภาระแล้ว หรือยังผ่อนอยู่(รีไฟแนนซ์) ต้องการวงเงินปานกลาง ประมาณ 2 แสนบาทขึ้นไป เพื่อนำไปจัดการกับรายจ่ายหลายทาง ทั้งค่าบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ค่าผ่อนรถ โดยให้วงเงินสูงสุด 100% ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.18% ต่อปี บริการเดลิเวอรี่ไปทำสินเชื่อให้ถึงที่ รู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไว ทันใจเมื่อเอกสารครบ ทำให้ลูกค้าสามารถเคลียร์หนี้เดิมได้ ลดภาระดอกเบี้ย และผ่อนต่อเดือนน้อยลง เคลียร์หนี้แล้วอาจมีเงินเหลือ สำหรับเสริมสภาพคล่องให้กับตัวเองหรือธุรกิจต่อไป
#6227


นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กรมการข้าวอยู่ระหว่างดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพและปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขึ้น วงเงิน 1,601 ล้านบาท  เพื่อยกระดับการผลิตเมล็ดพันธุ์จากเดิม กรมการข้าวสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ได้ 86,000 – 96,000 ตัน ให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 34,000 ตัน รวมได้เป้าหมายการผลิตใหม่เป็น 120,000 ตัน

 แผนการดำเนินงานโครงการดังกล่าว จะประกอบด้วย 1. ชุดเครื่องชั่งบรรจุ พร้อมระบบจัดเรียงแบบอัตโนมัติ ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานเพิ่มศักยภาพ จำนวน 20 ศูนย์ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา ลำปาง ลพบุรี พัทลุง เชียงใหม่ พะเยา กำแพงเพชร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อุดรธานี กาฬสินธุ์ แพร่ นครสวรรค์ สุรินทร์ ขอนแก่น สกลนคร ชลบุรี ราชบุรี สุโขทัย และสุราษฎร์ธานี

ปรับปรุงระบบไฟฟ้าควบคุมเครื่องจักร พร้อมอุปกรณ์ ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานเพิ่มศักยภาพ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา ลำปาง พัทลุง เชียงใหม่ พะเยา กำแพงเพชร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อุดรธานี กาฬสินธุ์ แพร่ นครสวรรค์ สุรินทร์ ขอนแก่น สกลนคร ราชบุรี สุโขทัย และสุราษฎร์ธานี

ปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์เพื่อการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์โรงงาน OECE จำนวน 5 ชุด ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวกำแพงเพชร ร้อยเอ็ด แพร่ นครสวรรค์ และราชบุรี 4.จ้างก่อสร้างอาคารปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานใหม่ จำนวน 4 แห่ง ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิษณุโลก นครราชสีมา ชัยนาท และสุโขทัยจัดซื้อและติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์เพื่อการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานใหม่ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิษณุโลก นครราชสีมา ชัยนาท และสุโขทัย

โครงการเพิ่มศักยภาพและปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว จะเข้ามามีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมล็ดพันธุ์ ผ่านเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ ที่จะทำให้กรมการข้าวบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้


รวมทั้งช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19  ให้สามารถประกอบอาชีพเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ต่อไป โดยปัจจุบันไทยมีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งประเทศเป็นจำนวนถึง 1,373,000 ตัน โดยแบ่งเป็น เมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรเก็บไว้ใช้เองปีละ 686,400 ตัน และเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรต้องการใช้ ซื้อนอกเหนือจากที่เก็บไว้ใช้เองปีละ 686,600 ตัน

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่าเพื่อแก้ปัญหาเมล็ดพันธุ์ข้าวไม่เพียงพอ กรมการข้าวได้หารือ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ศูนย์ข้าวชุมชน ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ อาทิ สมาคมรวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย เพื่อหาแนวทางการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดข้าว โดยแบ่งข้าวออกเป็น 5 ประเภท คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย ข้าวเจ้าพื้นนุ่ม ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และข้าวเหนียว

สำหรับแผนการปลูกข้าวของกรมการข้าวบนพื้นที่เพาะปลูกกว่า 60 ล้านไร่นั้น ตามหลักแล้วจะต้องใช้เมล็ดพันธุ์ 15 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ รวมมีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ 900,000 ตันโดยประมาณ  แบ่งเป็น ข้าวหอมมะลิมีจำนวน 27 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 405,000 ตัน   ข้าวหอมไทยจำนวน 2.3 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 34,500 ตัน ข้าวเจ้าพื้นนุ่มจำนวน 2 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 30,000 ตันข้าวเจ้าพื้นแข็งจำนวน 17 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 255,000 ตันและข้าวเหนียวจำนวน 17 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 255,000 ตัน
#6228
ราคา 3.9 ล้านครับ
ติดต่อ อ๊อฟ 097.965.4635

ขายบ้านเดี่ยว หลังมุม หมู่บ้านบางกอกการ์เด้นท์ ถ.กาญจนาภิเษก บางกรวย นนทบุรี


บ้านเลขที่ 9/89 ซ.วัดส้มเกลี้ยง ซ.ย่อย6 ถ.กาญจนาภิเษก ตำบลศาลากลาง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ที่ดิน 60 ตารางวา

พื้นที่บ้าน 145 ตร.ม. 

บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 3 นอน 3 น้ำ 1 ครัวสวยๆ

จอดรถ 2 คัน 

แถมเฟอร์นิเจอร์ให้ทั้งหมด

แอร์ 3 หลัง TV 65" และ 45" ชุดเครื่องครัวครบชุด ตู้เย็น side by side เครื่องซักผ้าฝาหน้า และอีกมากมายในบ้าน 
สามารถเข้าอยู่ได้เลย

ราคา 3.9 ล้านครับ
ติอต่อ อ๊อฟ 0979654635

--------------------------------------------------------------

The price is 3.9 million.
Contact of 097.965.4635

House for sale, behind the corner of Bangkok Garden Village. Kanchanaphisek Road, Bang Kruai, Nonthaburi

House No. 9/89 Soi Wat Som Kliang, Soi 6 Sub-district, Kanchanaphisek Road, Sala Klang Subdistrict, Bang Kruai District, Nonthaburi Province 11130

Land 60 square wa

House area 145 sq m.

2 storey detached house, 3 bedrooms, 3 bathrooms, 1 beautiful kitchen

Parking for 2 cars

Get all the furniture

3 air conditioners, TV 65" and 45", full kitchen set, side by side refrigerator, front loading washing machine. and many more in the house
can go in

The price is 3.9 million.
Contact of 0979654635

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=54&t=7846610


















#6229


ดรูว์ บรีส์ ควอเตอร์แบ็ก นิว ออร์ลีนส์ เซ็นต์ส รีไทร์อย่างเป็นทางการ ปลายทางต่อไปของเขา แน่นอนว่าย่อมเป็น "โปร ฟุต. ฮอลล์ ออฟ เฟม" ที่แคนตัน รัฐโอไฮโอ อดีตและความทรงจำเก่าๆ ไม่ได้ช่วยให้แฟรนไชส์ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ยามถึงเวลา ชอน เพย์ตัน เฮดโค้ช ต้องตัดสินใจว่า ใครจะยืนอยู่หลังแนววางลูก ก่อนเปิดฤดูกาลปกติ 2021-22 วันที่ 12 กันยายน

อีกไม่ช้า การแข่งขันสัปดาห์ 1 พบ กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส จะถึงกำหนดคิกออฟ ดังที่เรียนไว้แล้วว่า เพย์ตัน จะต้องตัดสินเลือกควอเตอร์แบ็กตัวจริง ระหว่าง เจมีส วินสตัน ซึ่งย้ายจาก แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส มาเรียนรู้งานกับ บรีส์ ตลอดซีซันที่แล้ว กับ เทย์ซัม ฮิลล์

พิจารณาผลงานช่วงพรีซีซันของ วินสตัน เกมเอาชนะ แจ็คสันวิลล์ จากัวร์ 23-21 เห็นได้ชัดว่า นี่คือสิ่งที่ควอเตอร์แบ็ก ซึ่งกำลังแย่งชิงตัวจริงต้องพิสูจน์ และมีฝีมือเพียงพอทดแทน บรีส์ จอมทัพผู้รับใช้แฟรนไชส์มายาวนาน 15 ปี (2006-2021) หลังขว้างคอมพลีต 9 จาก 10 ครั้ง ระยะ 123 หลา 2 ทัชดาวน์ เซ็นต์ส ทำสกอร์ 2 จาก 3 ไดรฟ์การบุก ซึ่งเขาถูกส่งลงสนาม

นอกเหนือจากสถิติบน Box Score วินสตัน ทำ 2 ทัชดาวน์ จากการขว้างแนวลึก สกอร์แรก 43 หลา กับ สกอร์ที่สอง 27 หลา ซึ่งเป็นจุดที่กองเชียร์ "นักบุญ" ไม่ได้เห็นบ่อยนัก เนื่องจากพลังแขนของ บรีส์ ถดถอยตามสังขาร ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา จบเกม นัมเบอร์วันดราฟต์ปี 2015 กล่าว "คอมพลีต คือ สิ่งสำคัญสุด แต่คุณไม่สามารถปล่อยโอกาสหลุดลอย เมื่อถึงจังหวะเหมาะสม (มาร์เกวซ) คัลลาเวย์ สร้าง 2 บิ๊กเพลย์ เมื่อโอกาสมาถึง"

ย้อนอดีต วินสตัน วัย 27 ปี สมัยเป็นขุนพล แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส ซีซันสุดท้าย (2019) มีทั้งสถิติที่ดีและน่าผิดหวัง ขว้าง 33 ทัชดาวน์ เสีย 30 อินเทอร์เซ็ปต์ เป็นเหตุให้ถูก แทมปา เบย์ ปล่อยทิ้ง แล้วดึง ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็กสิงห์เฒ่า มาขับเคลื่อนทีมบุก กระทั่งคว้าแชมป์ ซูเปอร์โบว์ล จากนั้น เซ็นต์ส เป็นทีมที่รับเซ้ง จ่ายค่าจ้าง 1.1 ล้านเหรียญ (ประมาณ 36 ล้านบาท) เพื่อนั่งเฉยๆ แล้วเรียนรู้จาก บรีส์

หาก วินสตัน รักษาความสม่ำเสมอ และความแม่นยำ เขาอาจแสดงให้เห็นถึงฟอร์มระดับรางวัล "ไฮส์แมน โทรฟี" สมัยเล่นให้มหาวิทยาลัย ฟลอริดา สเตท หากล้มเหลว ก็ยังจัดว่าเป็นความเสี่ยงราคาถูก ตามค่าจ้าง 12 ล้านเหรียญ (ราว 390 ล้านบาท) เฉพาะฤดูกาล 2021

ถึงแม้ความจริงว่า ผลงานพรีซีซันกับ จากัวร์ ซึ่งมีสถิติ ชนะ 1 แพ้ 15 ฤดูกาลที่แล้ว ไม่สามารถบ่งชี้อะไรได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้มิอาจปฏิเสธได้ว่า วินสตัน ก้าวหน้ากว่าสมัยอยู่ บัคคาเนียร์ส กรณีไม่มีสาเหตุอื่นๆ มันน่าจะถึงบทสรุปของประเด็นถกเถียงว่า ใครคือคนที่ เพย์ตัน ควรมอบตำแหน่งตัวจริง เมื่อเข้าสู่เรกูลาร์ ซีซัน

สัปดาห์แรกของการอุ่นเครื่อง วินสตัน ขว้างคอมพลีต 7 จาก 12 ครั้ง ระยะ 96 หลา 1 ทัชดาวน์ เสีย 1 อินเทอร์เซ็ปต์ พบ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ เปิดโอกาสแก่คู่แข่งอย่าง ฮิลล์ ผู้เล่นสารพัดประโยชน์ ซึ่ง เพย์ตัน มักเรียกใช้งาน ในเพลย์ที่คาดไม่ถึง สมัย บรีส์ เป็นตัวจริงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำแดงฝีมือในฐานะควอเตอร์แบ็กบ้าง

อย่างไรก็ตาม ฮิลล์ กลับโชว์ฟอร์มไม่ออก เกมพรีซีซันสัปดาห์ที่ 2 พบ จากัวร์ส ขว้างคอมพลีต 11 จาก 20 ครั้ง ระยะ 138 หลา 1 ทัชดาวน์ ถูกทำโทษข้อหาเจตนาขว้างทิ้ง และเกมบุกดูติดๆ ขัดๆ แม้ว่าจะสร้างเพลย์สวยๆ ช่วงควอเตอร์ 3 ยืนปักหลักขว้างทัชดาวน์เจาะด้านซ้ายอย่างแม่นยำ แต่ไม่น่าจะไม่มีใครตั้งข้อสงสัยว่า ใครโดดเด่นกว่ากัน

ปัจจุบัน วินสตัน คือ ตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า ด้วยการทำหน้าที่ควอเตอร์แบ็กอย่างเป็นธรรมชาติ และเทิร์นโอเวอร์ที่เกิดขึ้น สมัยอยู่ บัคคาเนียร์ส แลกมาด้วยระยะมากกว่า 5,000 หลา และทัชดาวน์ ผิดกับ ฮิลล์ ที่เปรียบเสมือนอาวุธลับของทีมบุก ในการขว้าง, วิง หรือรับ.

สำหรับผลการอุ่นเครื่องกับ จากัวร์ส อาจเกิดคำถามขึ้นว่า วินสตัน คือ จอมทัพคนใหม่ หรือ แค่เจอคู่แข่งด้อยกว่า จะถูกตัดสินด้วยสถิติของ เซ็นต์ส ตลอดฤดูกาลปกติ 2021 ซึ่งจะเริ่มขึ้นวันที่ 12 กันยายน แต่ถ้าจะฟันธงว่า ใครจะเป็นตัวจริงเกมเปิดซีซัน ตอนนี้ก็ต้องเลือก วินสตัน
#6230


กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุเมื่อเช้าวันนี้ (26 ส.ค.) ว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนหลายแห่งรายงานว่าพบสิ่งแปลกปลอมในขวดวัคซีนโมเดอร์นา จึงสั่งระงับใช้วัคซีนในล็อตที่พบปัญหาและอีก 2 ล็อตที่อยู่ติดกันเพื่อความปลอดภัยสูงสุด แต่วัคซีนในล็อตอื่น ๆ จะยังใช้ได้ตามปกติ โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

วัคซีนโมเดอร์นาที่ผลิตโดยบริษัทสหรัฐได้รับการร้องเรียนหลายกรณีว่าพบสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กในขวดวัคซีนที่จัดส่งให้ญี่ปุ่น ทางบริษัทระบุว่า คาดว่าสิ่งแปลกปลอมที่พบอาจเป็นปัญหาจากการผลิตในโรงงานที่สเปน แต่ยังไม่พบว่ามีปัญหาเรื่องความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของวัคซีน

โฆษกของโมเดอร์นากล่าวกับสื่อญี่ปุ่นว่า จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและจะทำงานอย่างโปร่งใสและรวดเร็วร่วมกับบริษัททาเกดะ ฟาร์มาซูติคอล ซึ่งเป็นผู้กระจายวัคซีนโมเดอร์นาในญี่ปุ่น รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น เพื่อแก้ปัญหาความกังวลต่าง ๆ เกี่ยวกับวัคซีน



"โมเดอร์นา" ได้รับอนุมัติใช้แบบฉุกเฉินในญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่จำนวนการใช้งานยังน้อยกว่าวัคซีน "ไฟเซอร์" อย่างมาก โมเดอร์นาใช้ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนของกองกำลังป้องกันตนเองและศูนย์ฉีดวัคซีนขนาดใหญ่ในพื้นที่สถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนการฉีดวัคซีนที่ดำเนินการโดยทางการท้องถิ่นต่างๆ ใช้ไฟเซอร์เกือบทั้งหมด

ข้อมูลจนถึงวันที่ 24 ส.ค. ในประเทศญี่ปุ่นฉีดวัคซีนโมเดอร์นาแล้ว 6,992,910 โดส ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ฉีดไปแล้ว 50,913,514 โดส

กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุว่า จะปรับการกระจายวัคซีนเพื่อให้ไม่ได้รับผลกระทบ ในช่วงเดือนที่ผ่านมาญี่ปุ่นทำสถิติฉีดวัคซีนได้มากกว่าวันละ 2 ล้านเข็ม มีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว 42.6% ของประชากรทั้งประเทศ.
#6231
เครื่องชงกาแฟสด ย้อนไปเมื่อประมาณ 5-10 ปีที่แล้ว เรารู้ดีว่าอุปกรณ์ชนิดนี้มีมูลค่าไม่น้อยกว่ารถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน เรียกได้ว่ามีมูลค่าหลายหมื่นบาท การที่จะนำมาใช้งานที่บ้านของเราเอง คงไม่ใช่เรื่องที่เป็นเรื่องปกติสักเท่าไหร่ แต่ถ้าที่บ้านของเรามีคนอยู่กันหลายคนและเรียกได้ว่าเราอยู่ในระดับที่เป็นเศรษฐี การหา เครื่องชงกาแฟสด ไว้ที่บ้านก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้สำหรับทุกคน เพราะแต่ละคนนั้นดื่มกาแฟรวมกันแล้ว 5 คน วันหนึ่งจะต้องจ่ายไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท การเตรียมเครื่องแบบนี้ไว้ที่บ้านก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่าการออกไปรับประทานกาแฟข้างนอก

เครื่องชงกาแฟ ปัจจุบันได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสำหรับการใช้งานทุกบ้านเป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่ดื่มกาแฟเพียงวันละ 1 แก้วหรือคุณจะเป็นผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 3 แก้ว คุณก็สามารถที่จะชงกาแฟรับประทานเองที่บ้านได้ตลอดเวลา ปัจจุบันเครื่องชงกาแฟนั้น ย่อขนาดให้เล็กลงมาสามารถชงกาแฟได้หลากหลายรูปแบบ โดยเราจะเรียกกันว่าเครื่องชงกาแฟแคปซูล เราสามารถที่จะใช้เครื่องกาแฟเครื่องนี้ ทำเป็นกาแฟแต่ละชนิดที่เราชื่นชอบกันได้ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟแบบเอสเพรสโซ่ คาปูชิโน่ หรือจะเป็นกาแฟในรูปแบบสุดเข้มอย่างอเมริกาโน่ ก็สามารถที่จะใช้เครื่องชงกาแฟสดนี้ทำให้กับเราได้ตลอดเวลาได้เช่นกัน

มันจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมปัจจุบันนี้ แต่ละบ้านต้องมี เครื่องชงกาแฟสด ติดบ้านกันไว้ทุกคน เพราะว่าเราเริ่มติดการดื่มกาแฟมาตลอด 5 ปีถึง 10 ปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้มีร้านกาแฟเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้เรานั้นเป็นผู้ที่ดื่มกาแฟแบบไม่รู้ตัวและติดการรับประทานกาแฟสด เรียกว่าวันไหนที่เราไม่ได้ดื่มกาแฟสดก็คงจะรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นสักเท่าไหร่ ตอนนี้หมดปัญหาการสั่งกาแฟแบบไม่ถูกปาก รสชาติกาแฟที่ผิดเพี้ยนไปแต่ละวันได้แล้ว เรามีเครื่องชงกาแฟสดมาประจำที่บ้านของเราเองเป็นที่เรียบร้อย โดยเฉพาะตามหน่วยงานเล็ก ๆ ตามออฟฟิศก็ควรจะหาเครื่องชงกาแฟแบบนี้ไว้สัก 1-2 เครื่อง ไว้ต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาและไว้ใช้งานกันในออฟฟิศ ถือว่าคุ้มค่ากับอุปกรณ์ชิ้นเล็กชิ้นนี้เป็นอย่างมาก หาซื้อ เครื่องชงกาแฟสด ติดบ้านกันไว้ได้แล้ว ตอนนี้ราคาเครื่องไม่แพงอย่างที่คิด คุ้มค่าการใช้งานแน่นอน
#6232


พร้อมเขย่าวงการซีรีส์ไทยให้ฮือฮาด้วยการสร้างซีรีส์ในรูปแบบ O2O (ออนไลน์ ทู อ๊อฟไลน์) กับปรากฎการณ์ของซีรีส์กินได้ครั้งแรกของเมืองไทยในซีรีส์วาย "ส่งร้อนเสิร์ฟรัก BITEME Drama-Addict" ซีรีส์กินได้กับเรื่องราวความผูกพันระหว่าง "เอก" ไรเดอร์ส่งอาหารที่มีความฝันอยากเป็นเชฟ และ "เชฟเอื้อ" จากร้าน "อิ่มเอื้อ".... ซีรีส์ที่พร้อมจะพาคนดูได้มีประสบการณ์ร่วมจริงกับการสั่งอาหารจากร้านอิ่มเอื้อมาชิมได้จริงหน้าจอในรูปแบบ คลาวด์ คิทเช่น (Cloud Kitchen) เรียกว่า อิ่มจริง ฟินจริง เป็นครั้งแรก ซึ่งถูกสร้างโดยบริษัท เดอะ ดรีม แอนด์ เดสทินี จำกัด (THE DND) บริษัทคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ (Content creator)  ภายใต้การบริหารของ "นิธิวัฒน์ เจนเจษฎา"  และ "สมสมร ด่วนดี" ที่พร้อมเสิร์ฟความฟินจากเมนูอาหารสูตรเฉพาะของร้านอิ่มเอื้อให้แฟนๆที่รอชมได้กดสั่งมากินและฟินพร้อมกันในตอนแรกที่จะเริ่ม วันอาทิตย์ที่ 29 ส.ค. นี้ เวลา 22.15 น. ทางช่อง ONE31

ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยายของ SAMMON กำกับโดย "เดวิด บีแกนเดอร์"  ภายใต้เรื่องราว เมื่อ "เอก" (มาร์ค-ศิวัช จำลองกุล) เด็กเหนือในวัย 21 ปี เติบและโตที่จังหวัดน่าน มีโอกาสได้เข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่จังหวัดกรุงเทพ คณะบัญชี  หาเงินส่งตัวเองเรียนหนังสือด้วยการส่งไลน์แมน มีความฝันอยากเป็นเชฟระดับโลก  ส่วน "เชฟเอื้อ" (ซุง-กิดาการ ฉัตรแก้วมณี)   เชฟวัย 30 ปี เจ้าของร้านอาหาร "อิ่มเอื้อ" ที่เปิดขึ้นมาเพื่อเติมเต็มความฝันของตัวเอง เพราะสิ่งที่เชฟเอื้อขาด ไม่สามารถมีอะไรมาเติมเต็มได้นอกจาก  'พรสวรรค์'   โดยเชฟเอื้อไม่เคยคาดคิดเลยว่าสิ่งที่เขาขาดหายไปจะถูกค้นพบในตัวของ 'เอก' เด็กส่งอาหาร   เมื่อหนึ่งคนผู้มีความฝันแต่ขาดโอกาส กับ หนึ่งคนผู้มือความเชี่ยวชาญและความสามารถแต่ขาดรสมือ     เมื่อทั้งสองคนมาพบกัน ... ความมหัศจรรย์ของ 'อาหาร' ชวนให้ 'ท้อง' หิว จึงเริ่มขึ้น ...

 โดยสองผู้บริหารเผยถึงแรงบันดาลใจในการสร้างซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นมาว่า "ที่เราหยิบเรื่องร้านอาหารขึ้นมาทำใน ส่งร้อนเสิร์ฟรักBITEME นั้น  เพราะอาหารไทยเป็นวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย มีซอฟท์พาวเวอร์ (soft power) ที่สามารถส่งไปสู่ตลาดโลกได้ เราจึงทุ่มเททุกขั้นตอนไม่ว่าจะโปรดั่กชั่นการผลิตที่จริงจังมาก และการเอาแกนของการทำอาหารมาสร้างนั้นแน่นอนจะเกี่ยวข้องกับอาชีพ เชฟ ซึ่งถือเป็นสเปเชียลลิสต์เข้ามาเป็นตัวละครหลักของเรื่อง เราจึงส่งนักแสดงทั้งหมดไปเวิร์คช็อปทำอาหารกว่า 50 ชั่วโมง และ เวิร์คช็อปการแสดงกับผู้กำกับกว่า 5 เดือนเพื่อให้ทุกมิติการเล่นเป็นเชฟสมจริงที่สุด พร้อมทั้งยังมีเชฟตัวจริงคือ เชฟปิง - สุรกิจ เข็มแก้ว มาร่วมแสดงและเป็น ฟู๊ด ไดเร็คเตอร์ ที่มาดีไซน์เมนูอาหารในร้าน อิ่มเอื้อ และคิดสูตรพิเศษเฉพาะร้านอีกด้วย ซึ่งจะแตกต่างจากซีรีส์วายเรื่องอื่นที่นำเอกลักษณ์ของอาหารไทยมาเป็นแกนนำของเรื่อง จึงเกิดเป็นกลยุทธ์   กินจริง อิ่มจริง ฟินจริง เพื่อให้แฟนซีรีส์สามารถกดสั่งอาหารจากร้าน อิ่มเอื้อ มากินได้จริงระหว่างชมซีรีส์เรื่องนี้"

สำหรับซีรีส์กินได้ "ส่งร้อนเสิร์ฟรัก BITEME"   นำแสดงโดย  "ซุง" กิดาการ ฉัตรแก้วมณี รับบท เชฟเอื้อ,  "มาร์ค" ศิวัช จำลองกุล รับบท "เอก"  พร้อมด้วย "แป๊ม" เสฏฐนันท์ มนุญปิจุ , "ตูน" อติรุจ แสงเทียน , "มีนา" ริณา ฉัตรอมรชัย, "ตี๋" วิวิศน์ บวรกีรติขจร , "ซานิ" นิภาภรณ์ ฐิติธนการ, "บอย" ตรัย ภูมิรัตน, "เปรม" ธนอรรณพ ป่าตุ้ม, "นุ่น" สุทธิภา คงแนวดี, "ปิง" สุรกิจ เข็มแก้ว , "ต๊งเหน่ง" รัดเกล้า อามาระดิษ และ คาร่า พลสิทธิ์ เป็นต้น

  เตรียมเป็นกำลังใจให้ความสัมพันธ์ระหว่าง  "เอก" และ "เชฟเอื้อ" พร้อมฟินกับเมนูเด็ดจากร้าน "อิ่มเอื้อ" สั่งจริง ส่งจริง อิ่มจริง  ฟินไปกับซีรีส์กินได้  "ส่งร้อนเสิร์ฟรัก BITEME" ได้ผ่านเพจร้าน "อิ่มเอื้อ" และทางไลน์แมน  ประเดิมตอนแรก วันอาทิตย์  29 สิงหาคม นี้ เวลา 22.15 น. ทางช่อง ONE31 และทาง Viu ได้วันเดียวกันเวลา 23.15 น. พร้อมกับผู้ชมจากทั่วโลก 162 ประเทศ  ผ่านทางสตรีมมิ่งแพลทฟอร์มต่างๆ ... ติดตามความเคลื่อนไหวของซีรีส์กินได้ที่  FB ; Twitter ; IG ; Youtube ;Tiktok ; Weibo  ของ THEDNDTH  และสำหรับ ร้านอิ่มเอื้อ ได้ที่  FB ; IG imaue.eatery , Twitter : ImaueE   #BITEMETHESERIES  #ส่งร้อนเสิร์ฟรักBITEME
 
#6233


จันทบุรี​-  นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี  หวั่นไม่มีแรงงานเก็บผลผลิตลำไยที่กำลังจะเริ่มออกสู่ตลาดในเดือน ก.ย.นี้และจะออกมากช่วงปลายปี  จี้  ศบค.เร่งพิจาณาข้อเสนอขอนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 

จากกรณีที่​ผลผลิตลำไยของไทยที่เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค.นี้เป็นต้นไป ขณะที่ผลผลิตลำไยใน จ.จันทบุรี จะทยอยออกสู่ตลาดจำนวนมากนับตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. และคาดว่าในปีนี้จะมีผลผลิตมากถึง 300,000 ตันจนทำให้เกษตรกรในพื้นเริ่มหวั่นวิตกว่าอาจเก็บผลผลิตไม่ทันจากปัญหาขาดแคลนแรงงานโดยเฉพาะแรงงานในประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่สามารถเดินทางเข้าไทยได้ จากปัญหาการระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 ทั้งในประเทศกัมพูชา และไทยนั้น

ล่าสุด ดร.รัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพชร นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าขณะนี้สมาคมฯ ได้ทำหนังสือผ่าน จ.จันทบุรี เพื่อให้ส่งต่อไปยัง ศบค.เพื่อให้พิจารณาเรื่องการอนุมัติ​นำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตของเกษตรกร​ เพื่อแก้ไขการขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร(เก็บลำใย) จ.จันทบุรี

นอกจากนี้ยังได้แนบแผนการนำเข้าแรงงานและควบคุมแรงงานเพื่อภาคการเกษตรเสนอต่อ ศบค.เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที



ดร.รัฐวิทย์ ยังกล่าวอีกว่าในปี 2563 ที่ผ่านมา จ.จันทบุรี ได้ขอนำเข้าแรงงานจากจังหวัดไกล้เคียงในประเทศกัมพูชาทั้งจาก จ.พะตะบอง และไพลิน จำนวน 1,000 คนเพื่อช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไยตั้งแต่สุดท้ายเมื่อถึงเวลาจริงกลับไม่สามารถนำเข้าแรงงานได้

" ในครั้งนี้เราได้เสนอความต้องการแรงงานต่อ ศบค.เข้าไปใหม่โดยไม่ได้ระบุจำนวนว่าในแต่ละวันต้องใช้เท่าใดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับชาวสวนที่มีความต้องการแรงงาน แต่ได้เน้นนำเสนอมาตรการแรงงานที่จะนำเข้ามาคือ แรงงานกัมพูชา ที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งในช่วงกลางเดือนก.ย.นี้ ประเทศกัมพูชา จะฉีดวัคซีนให้ประชานได้ครบร้อยละ 80 ของประชากรทั้งหมด"

และหลังแรงงานเดินทางเข้ามาในไทยแล้วเจ้าของสวนต่างๆก็จะต้องทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจโควิดให้กับแรงงานก่อนนำเข้ากักตัวในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้เป็นเวลา 14 วันก่อนเข้าทำงานในสวนผลไม้อีกด้วย
#6234


นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า  สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) ได้ติดตามพฤติกรรมธุรกิจให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 3 ประเภทแพลตฟอร์มที่ขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤตโควิด 19 จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปโดยพบว่ามีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายการการใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม  ได้แก่ 1. แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ (E-Commerce)  เช่น การกำหนดเงื่อนไขในการจำกัดทางเลือกในการขนส่งสินค้า การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มสูงขึ้น หรือเป็นการเลือกปฏิบัติต่อคู่ค้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร การใช้ระบบอัลกอริทึมในการแข่งขันด้านราคาหรือการตลาดอย่างไม่เป็นธรรม

2.แพลตฟอร์มส่งอาหารออนไลน์เช่น การเรียกเก็บค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายจากร้านอาหารสูงขึ้นหรือค่า GP (Gross Profit) หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายและโฆษณาเพื่อแนะนำร้านในอัตราเพิ่มขึ้นโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และ3.   แพลตฟอร์มบริการขนส่ง   เช่น การกำหนดเงื่อนไขที่จำกัดสิทธิแฟรนไชส์ซี หรือการกำหนดเงื่อนไขหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหลังทำสัญญาโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร


นายสมศักดิ์ กล่าวว่า  สำหรับข้อร้องเรียนของผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับความไม่เป็นธรรมส่วนใหญ่ร้องเรียนพฤติกรรมที่เข้าข่ายใช้อำนาจเหนือตลาด ซึ่งการร้องเรียนดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบสืบสวนสอบสวน หากพบว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 จะเร่งดำเนินการตามกฎหมาย โดยกรณีที่เป็นการใช้อำนาจเหนือตลาดโดยมิชอบตามมาตรา 50  กรณีที่เป็นการตกลงร่วมกันกำหนดค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 54 ซึ่งมีโทษอาญา จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิดหรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่เป็นการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมหรือการกำหนดเงื่อนไขทางการค้า อันเป็นการจำกัดหรือขัดขวางการประกอบธุรกิจของผู้อื่นเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 57 มีโทษปรับทางปกครองในอัตราไม่เกิน 10 % ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด


นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การขยายตัวของธุรกิจออนไลน์อย่างรวดเร็วส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs สขค. จึงได้กำหนดแนวทางพิจารณการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์ และในส่วนของการลดผลกระทบของ SMEs ได้มีการจัดทำแนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) สำหรับผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 30 – 45 วันเพื่อเพิ่มสภาพคล่องของผู้ประกอบธุรกิจ SMEs  นอกจากนี้ สขค. ยังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดธุรกิจ E-platform ประเภทอื่นๆ เพื่อพิจารณาการจัดทำแนวปฏิบัติ (Guideline) เพิ่มเติมเพื่อใช้กำกับดูแลการแข่งขันได้อย่างครบถ้วนและสร้างมาตรฐานทางการค้าให้เกิดการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีและเป็นธรรม         

ทั้งนี้  ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) หรือช่องทางเว็บไซต์ www.otcc.or.th หมายเลขโทรศัพท์
02-199-5444
#6235


นายพงษกรณ์ คอวนิช หัวหน้าแผนกงานการตลาดด้านผลิตภัณฑ์และลูกค้าโพสต์เพด เอไอเอส กล่าวว่า "วันนี้วิถีชีวิตของประชากรทั่วโลก ทั้งการทำงาน หรือ การเรียน ได้ย้ายตัวมาอยู่บน Online Platform อย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น ในฐานะ Digital Life Service Provider นอกเหนือจากการพัฒนาเครือข่ายทั้งไร้สาย และ เน็ตบ้าน เพื่อให้ครอบคลุม และพร้อมรองรับการใช้งานแล้ว การผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก เพื่ออำนวยความสะดวก และ สนับสนุนวิถีดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลผ่าน cloud ก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งด้วยเช่นกัน"

โดยเราพบว่า หนึ่งในข้อจำกัดสำคัญระหว่างช่วง Lock Down ที่ต่างต้องทำงานจากที่บ้าน – Work From Home และเรียนอยู่ที่บ้าน – Learn From Home คือ พื้นที่ในการเก็บข้อมูล หรือ ไฟล์รูปแบบต่างๆบนอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ไม่เพียงพอ จนอาจเกิดอุปสรรคได้



ดังนั้นแทนที่จะต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่ หรือ เพิ่ม memory card ให้ยุ่งยาก การนำข้อมูลดังกล่าวไปจัดเก็บบนบริการ Cloud ที่มีความเชื่อได้ในระบบรักษาความปลอดภัย และง่ายในการเข้าถึง จึงเป็นทางเลือกที่เข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างดี นี่คือที่มาของความร่วมมือระหว่าง AIS 5G และ Google One เพื่อสนับสนุน และลดความกังวลจากข้อจำกัดดังกล่าว ด้วยการเปิดให้ลูกค้ารายเดือน AIS 5G เท่านั้นสามารถใช้บริการแบบสมาชิกของ Google One ได้ง่ายๆไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มถึง 100 GB นานถึง 6 เดือน" หลังจากนั้นยังสามารถใช้บริการได้ต่อเนื่องในราคาเดือนละ 70 บาท สำหรับ 100 GB หรือสามารถดูรายละเอียดของแพ็กเกจ Google One อื่นๆได้ที่ https://www.ais.th/googleone/

Google One คือ บริการแอพพลิเคชั่นที่ให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลแบบสมาชิก สามารถเชื่อมโยง ใช้ได้ทั้งใน Google Drive, Gmail และ Google Photos โดยสามารถเก็บรูป ,วีดีโอ และไฟล์ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยในระบบคลาวด์และสามารถเข้าถึงได้จากอุปกรณ์ใดก็ได้ พร้อมทั้งยังสามารถแบ่งพื้นที่เก็บข้อมูลให้บุคคลอื่นได้สูงสุด 5 สมาชิก (รวมเจ้าของบัญชีเป็น 6 สมาชิก)


นายมาแฮร์ ซาฮิน ผู้อำนวยการ ฝ่ายพันธมิตรแพลตฟอร์มและระบบนิเวศ, Google ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "ที่ Google เราต้องการที่จะมีส่วนสนับสนุนการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนจากเทคโนโลยีของ Google โดยเราขอขอบคุณ AIS 5G ที่เดินหน้านำนวัตกรรมจาก Google One ที่เป็นบริการจัดเก็บข้อมูลบน Cloud มาสร้างสรรค์บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า จะช่วยให้ลูกค้าเอไอเอสปราศจากความกังวลอย่างแน่นอน โดยเฉพาะท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากในปัจจุบัน"

สำหรับลูกค้ารายเดือน AIS 5G ที่มีบัญชี Gmail บนแอนดรอยด์ หรือ ไอโอเอส สามารถสมัครรับสิทธิ์ได้ง่ายๆ เพียงกด *642# โทรออก รอรับ SMS แจ้งยืนยันการรับสิทธิ์ และขั้นตอนการสร้างบัญชีการใช้งาน Google One ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2565 โดยสามารถใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายนาน 6 เดือน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/googleone/
#6236


นางสาวศศิธร ริ้วทอง ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์การตลาดลำไย ปี 2564 ว่า จากสถานการณ์ลำไยทั่วประเทศในปีนี้ มีปริมาณเพิ่มขึ้นจำนวน 1.4 ล้านตัน หรือ 17 %จากปีก่อน โดยปีนี้ผลผลิตลำไยของจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24 เป็นจำนวนกว่า 420,000 ตัน โดยเป็นผลผลิตในฤดู 260,900 ตัน ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเนื้อที่ให้ผลรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นเอื้ออำนวยต่อการออกดอกและติดผลมากกว่าปีกลาย ประกอบกับมีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2563 ถึงกุมภาพันธ์ 2564 ทำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอในช่วงออกดอกและช่วงติดผลอ่อน ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตเพิ่มขึ้น

ด้านการส่งออกลำไย แบ่งเป็นการส่งออกทั้งสดและอบแห้ง ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2564 พบว่า การส่งออกลำไยแบบสด มีการส่งออกไปยังประเทศจีน เวียดนาม ฮ่องกง อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แล้ว 198,079 ตัน และการส่งออกลำไยแบบอบแห้ง มีการส่งไปยังประเทศจีน เวียดนาม ฮ่องกง สิงค์โปร์ และเกาหลี ไปแล้ว 14,069 ตัน โดยขณะนี้ราคายังอยู่ในราคาที่ทรงตัว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาทางประเทศจีนได้ตรวจพบการปนเปื้อนเพลี้ยแป้งในลำไยส่งออก จึงขอระงับการส่งออกลำไยจากล้งที่ตรวจพบปัญหาด้านคุณภาพ โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ทำการเจรจากับประเทศจีน และอนุญาตให้ส่งออกได้แล้วทั่วประเทศ 50 ล้ง จังหวัดเชียงใหม่ 27 ล้ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 10 ล้ง ซึ่งจะต้องเพิ่มความเข้มงวด มาตรการคัดกรองคุณภาพของลำไยก่อนส่งออกไปจำหน่าย โดยจะมีการสุ่มตรวจทั้งในขั้นตอนการเก็บ การอบ และก่อนการส่งออก ไม่ให้มีเพลี้ยแป้งปะปน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประเทศจีนกลับมาเช่นเดิม



สำหรับแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกร สำนักงานพาณิชย์ได้มีมาตรการรองรับผลผลิตลำไยในฤดู ทั้งโครงการสนับสนุนจุดรวบรวมและคัดคุณภาพลำไยเพื่อกระจายออกนอกแหล่งผลิตจังหวัดเชียงใหม่ โดยรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งรัฐสนับสนุนค่าบริหารจัดการในการกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิตไม่เกิน 3 บาท/กก. เริ่มดำเนินการรับซื้อตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2564 ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการผ่านการอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการแล้ว 15 ราย, ด้านการเชื่อมโยงตลาด โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ได้จัดกิจกรรม Online Business Matching สินค้าลำไยและลำไยแปรรูป และกิจกรรมเจรจาการค้าผ่านช่องทาง Online ระหว่างผู้นำเข้าอินโดนีเซียกับผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน

นอกจากนี้ได้จัดประชาสัมพันธ์เชิญชวนบริโภคลำไย ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อรณรงค์การบริโภคลำไย และช่วยซื้อลำไยจากเกษตรกรโดยตรง ,การเชื่อมโยง กระจายผลผลิตลำไยไปยังจังหวัดปลายทาง โดยการสนับสนุนกล่องบรรจุผลไม้ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและลดภาระค่าใช้จ่ายบรรจุภัณฑ์, การป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยให้ขึ้นทะเบียนแรงงานรับจ้างเก็บลำไย ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ พร้อมทั้งเข้ารับการอบรมการเก็บลำไยให้ปลอดภัยจากโควิด และการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ชี้แจงสร้างการรับรู้ให้แก่เกษตรกรเพื่อสร้างความมั่นใจต่อผลผลิตลำไยของเชียงใหม่
#6237


บอร์ดรฟท.เคาะเพิ่มงบก่อสร้างรถไฟสายสีแดง ค่า VO และภาษีกว่า 4,500 ล้านบาท หลังร่อนหนังสือถามอัยการ ไจก้ามั่นใจสั่งเพิ่มงานปฎิบัติไปตามสัญญา เตรียมชงคมนาคมและครม.เห็นชอบ และ ไฟเขียวให้รฟฟท.นำเงินล่วงหน้าไปเคลียร์ภาษีย้อนหลัง ปี54-55

นายจิรุฒม์ วิศาลจิตร ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม บอร์ด รฟท.เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2564 ได้พิจารณาอนุมัติ ทบทวนปรับกรอบวงเงินลงทุน กรณีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากงานปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม (Variation order - VO) พร้อมทั้งอนุมัติจัดหาแหล่งเงินรองรับสำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วง บางซื่อ-ตลิ่งชัน ทั้งนี้ บอร์ดได้มีข้อสังเกตุในบางเรื่อง โดยให้รฟท.ทำรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมทั้งยืนยันความถูกต้องให้ครบถ้วนก่อน เสนอไปที่กระทรวงคมนาคม และเพื่อนำเสนอคณะรัฐมตรี(ครม.) พิจารณาต่อไป

"เรื่องนี้บอร์ดไม่ได้อยู่หน้างาน ดังนั้นบางเรื่องต้องมีการยืนยันจากผู้บริหารโครงการ ว่าเรื่องการสั่งงาน VO ได้ดำเนินการตามกฎระเบียบและข้อกฎหมายครบถ้วนแล้วอย่างไรบาง "นายจิรุฒม์กล่าว 

รายงานข่าวจากรฟท.เปิดเผยถึงว่า โครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง มีค่างาน VO จำนวน 10,345 ล้านบาท เป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มประมาณ 3,000 ล้านบาท  และเป็นงานก่อสร้างเพิ่มเติมจากที่ออกแบบ ประมาณ 6,220 ล้านบาท โดยในการพิจารณาตัวเลขล่าสุด ได้ปรับในส่วนของสัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าเครื่องกลและขบวนรถ และค่าที่ปรึกษา ออกเนื่องจากสามารถดำเนินการอยู่ในวงเงินของสัญญา ทำให้มีค่างานเพิ่ม VO และค่าภาษี ที่ประมาณ 4,500 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ของผู้รับเหมาที่เกิดจากการขยายสัญญา 1 สัญญา 2 วงเงินกว่า 800 ล้านบาท 

ส่วนประเด็น อำนาจสั่งการและอนุมัติในการเพิ่มงานของวิศวกรผู้มีอำนาจ หรือ The Enginee นั้น จากที่รฟท.ได้มีหนังสือสอบถาม อัยการสูงสุด ในแง่ของสัญญา ซึ่งอัยการตอบว่า ให้รฟท.ปฎิบัติตามสัญญา และความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง ซึ่งรฟท.ได้สอบถามไปยังบริษัท ผู้รับจ้างทั้ง 3 สัญญา ซึ่งมีความเข้าใจตรงกันถึงความจำเป็นในการทำงานตตามสัญญา 

นอกจากนี้ ยังได้สอบถามองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือไจก้า ในฐานะผู้ให้เงินกู้แล้ว และยังได้จ้างที่ปรึกษากฎหมาย คือ บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด เป็น third party วิเคราะห์สัญญา เพื่อให้ความมั่นใจในความถูกต้องอีกด้วย

@ เห็นชอบให้รฟทท.นำเงินล่วงหน้าไปเคลียร์ภาษีย้อนหลัง

นายจิรุฒม์ กล่าวว่า นอกจากนี้ บอร์ดรฟท.ยังได้อนุมัติแก้ไขสัญญาจ้างบริหารการเดินรถไฟฟ้า ระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง(แอร์พอร์ตเรลลิงก์) เลขที่ บฟ.007/2563 ลงวันที่ 15 ต.ค.2563 โดยงดการหักเงินค่าจ้างประจำงวด จากบริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท.จำกัด (รฟฟท.) ทั้งนี้ เพื่อให้ รฟฟท.นำไปชำระค่าภาษี 

รายงานข่าวแจ้งว่า รฟฟท. ของดการจ่ายเงินล่วงหน้ารายเดือน 25% งวดเดือนมิ.ย.-ก.ย. 2564 เป็นเวลา 4 เดือน เพื่อนำไปชำระค่าภาษี ซึ่งเงินล่วงหน้านี้ เป็นเงินที่รฟท.จะหักจากค่าจ้างรายเดือน ที่จ่ายให้รฟทท.ในการบริหารเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ 

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก กรมสรรพากร ได้มีหนังสือถึง กรรมการผู้จัดการ รฟฟท. เมื่อเดือนมิ.ย. 2564 เรื่องไม่อนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากร ตามที่ รฟฟท.ได้มีคำร้องไปยังกรมสรรพากร ขอทุเลาการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับเดือนตุลาคม 2554 ถึงเดือนมิถุนายน 2555 รวมเป็นเงินจำนวน24,337,780 บาท ไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งรฟทท.ไม่ได้จัดให้มีหลักประกันการชำระภาษีอากรดังกล่าว ซึ่งกรมสรรพากรพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุอันควรผ่อนผัน ทำให้รฟฟท.จำเป็นต้องจัดหาเงินไปชำระภาษีดังกล่าว

@ ทำข้อตกลงกับบริษัทลูกทรัพย์สิน ในการทำสัญญาเช่าช่วงที่ดิน

นอกจากนี้บอร์ดรฟท.ยังเห็นชอบ ข้อตกลงหลักหรือMaster Agreemen ระหว่างรฟท. และบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ รฟท. โดยเป็นข้อตกลง คล้ายกับสัญญาระหว่างกัน แต่เนื่องจากรัฐวิสาหกิจด้วยกัน จึงต้องทำเป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทแม่กับ บริษัทลูก โดยจะเป็นข้อตกลงหลักในการให้บริษัทลูกฯ เข้ามาบริหารทรัพย์สินของ รฟท. ขอบเขต หน้าที่ในการดำเนินการ ในที่ดิน ทรัพย์สินของรฟท. กรณีมีการเช่าช่วง การจ้างบุคคลที่ 3 อะไรที่บริษัทลูกทำได้ อะไรที่ต้องเสนอ รฟท. พิจารณา ซึ่งหลักในการจัดซื้อจัดจ้าง จะต้องเป็นไปตามระเบียบ และพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ
#6238


"ไปรษณีย์ไทย- เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ -แฟลช เอ็กซ์เพรส" ร่วมมือเขย่าวงการขนส่ง ปั้น "ฟิ้วซ์ โพสต์" (FUZE POST) ธุรกิจขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน (Cold Chain Express) น้องใหม่ พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ Cold Chain Logistics ประเทศไทย พร้อมให้บริการ 1 กันยายน 2564 โดย ระยะแรกเน้นให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 6 เส้นทางภูมิภาค

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ผนึกกำลังดึงศักยภาพ 3 แบรนด์ ร่วมปั้น "ฟิ้วซ์ โพสต์" (FUZE POST) ธุรกิจขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน (Cold Chain Express) น้องใหม่ พร้อมก้าวสู่ การเป็นผู้นำในธุรกิจ Cold Chain Logistics ประเทศไทย พร้อมให้บริการ 1 กันยายน 2564 โดยในระยะแรก จะเน้นให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 6 เส้นทางภูมิภาค คือ หนองคาย เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ตราด และบางละมุงเป็นหลักก่อน สำหรับลูกค้ารูปแบบ B2B B2C และ C2C ที่เป็นกลุ่มลูกค้าเดิมของ ไปรษณีย์ไทย และ JWD สำหรับลูกค้าใหม่จะเน้นการให้บริการแบบ Direct Pick-up เป็นหลัก โดยเรียกใช้บริการผ่าน www.fuzepost.co.th และมีแผนจะเปิดให้บริการจุดรับฝาก (Drop off) ขยายเส้นทางขนส่งระหว่างภูมิภาคในเดือนมกราคม 2564

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยจาก อุปสงค์ของผู้บริโภค รวมถึงความต้องการในการขนส่งสินค้าทางการเกษตร ธุรกิจแฟรนไชส์อาหารสด ยาและเวชภัณฑ์ ฯลฯ ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ มูลค่าธุรกิจขนส่งควบคุมอุณหภูมิในประเทศไทย มีมูลค่าตลาดในปี 2564 ประมาณ 34,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 8% หรือคิดเป็นสัดส่วน 5% ของตลาดโลจิสติกส์ทั้งหมด และคาดการณ์ว่าการเติบโตของธุรกิจขนส่งรูปแบบนี้จะมีการเติบโตถึง 8-10% ในปี 2565

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการร่วมทุนพัฒนาธุรกิจขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิภายใต้แบรนด์ "ฟิ้วซ์ โพสต์" นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่ผู้นำ ด้านการขนส่ง โลจิสติกส์ 3 หน่วยงาน มาร่วมเป็นพันธมิตรพร้อมนำศักยภาพของแต่ละหน่วยงานมาร่วมพัฒนาการให้บริการขนส่งควบคุมอุณหภูมิที่ดีที่สุดด้วยแนวคิด "ธุรกิจการขนส่งและกระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน หรือ Cold Chain Express"

"ฟิ้วซ์ โพสต์ เกิดขึ้นจากการดึงจุดแข็งของทั้ง ไปรษณีย์ไทย JWD และ Flash Express มาขับเคลื่อนการให้บริการที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น โดยไปรษณีย์ไทยมีศักยภาพในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งแบบ Door to Door ที่มีเครือข่ายที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ มายาวนาน โดยเฉพาะบุรุษไปรษณีย์กว่า 20,000 คน ที่รู้จักทุกพื้นที่ใกล้ชิดกับชุมชน เมื่อผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งควบคุมอุณหภูมิของ JWD และเทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการที่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดีของ Flash Express จะทำให้ "ฟิ้วซ์ โพสต์" สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิที่แข็งแกร่งในธุรกิจ Cold Chain Express ได้"

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า JWD เป็นผู้นำตลาดและดำเนินธุรกิจด้าน Cold Chain Logistics & Supply Chain มากว่า 25 ปี มีองค์ความรู้และความชำนาญครบทั้งในด้าน คลังจัดเก็บและบริหารจัดการสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ศูนย์กระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิ การขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ รวมไปถึงการบริหารจัดการซัพพลายเชนของธุรกิจอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการผลิตหรือแปรรูปอาหาร ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญทางด้านระบบควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า เทคโนโลยีในการบริหารจัดการอุณหภูมิตลอดทั้งซัพพลายเชน ตลอดจนเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยที่ผ่านมาทาง JWD ได้ให้บริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิให้กับกลุ่มลูกค้า B2B มากว่า 15 ปี และได้เปิดบริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน หรือ Cold Chain Express ให้กลุ่มลูกค้า B2C และ C2C มาเป็นระยะเวลา 2 ปี ภายใต้ชื่อ JWD Express ดังนั้น การผนึกกำลังร่วมกับไปรษณีย์ไทย และ Flash Express ในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวที่สำคัญที่สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในธุรกิจ Cold Chain Express และเป็นการขับเคลื่อนการเติบโตธุรกิจทางด้าน e-Commerce ตามแผนธุรกิจ 5 ปีที่ได้วางไว้ JWD เชื่อมั่นว่าการเอาจุดแข็งของพันธมิตรแต่ละฝ่าย มารวมกันในครั้งนี้ ภายใต้ชื่อ "ฟิ้วซ์ โพสต์" จะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการส่งมอบบริการที่มีคุณภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายในอนาคต

นายคมสันต์ ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ผู้ให้บริการขนส่งสัญชาติไทยและ e-Commerce แบบครบวงจร ขนส่งเอกชนไทยรายแรกที่ก้าวสู่ยูนิคอร์นระดับสากล เปิดเผยว่า จากการเติบโตของตลาดขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ หรือ Cold Chain Logistics ในประเทศไทย Flash Express เล็งเห็นถึงโอกาสในการเข้ามาทำตลาดในกลุ่มธุรกิจ Cold Chain จึงจับมือร่วมทุนกับผู้นำในตลาดอีก 2 บริษัท ในการรุกตลาด Cold Chain Logistics โดยตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย และในอาเซียนต่อไป

"เราต้องการนำเอาศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เรามี เข้ามาขับเคลื่อนในธุรกิจ Cold Chain เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยการต่อยอดธุรกิจไปสู่บริการในด้านอื่นๆ ที่สามารถตอบโจทย์ แก่ผู้บริโภคยุค New normal และ Next normal ที่เปลี่ยนพฤติกรรมจากออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์มากขึ้น พร้อมกันนี้ทีมงาน IT ของ Flash Express กว่า 100 คน ยังได้เตรียมวางระบบขนส่งในรูปแบบ Cold Chain Management System ทั้งในส่วนของ Fast optimization and tech adaption (การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาปรับปรุงระบบให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน และแก้ไขปัญหาอย่างท่วงทัน ท่วงที), Cloud computing (การคำนวณด้วยเทคโนโลยี), System infrastructure ตลอดจนการวางระบบเชื่อมการทำงานเข้ากับระบบปฏิบัติการ (Application Programming Interface: API),ระบบจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management System: OMS) อย่างไรก็ดี การร่วมทุนในโปรเจ็กต์ใหญ่ครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำว่าเราคือธุรกิจที่ทำบริการ e-Commerce ได้อย่างครบวงจร" นายคมสันต์กล่าว

ทั้งนี้ ฟิ้วซ์ โพสต์ เป็นการขนส่งและกระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน ที่เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจจาก "คู่แข่งขันมาเป็นคู่ค้า" เพื่อพัฒนาระบบการจัดการขนส่งให้แข็งแกร่ง มีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และร่วมกันยกระดับภาคธุรกิจและเศรษฐกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยปรากฏการณ์ในครั้งนี้ ผู้ใช้บริการจะได้สัมผัสถึงความเชี่ยวชาญด้านการเข้าถึงลูกค้าทุกพื้นที่ของไปรษณีย์ไทย ที่พร้อมส่งมอบความสดใหม่ให้ถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ จุดแข็งในด้านการเป็นผู้นำตลาดของ JWD ที่เข้าถึงและตอบสนองทุกความต้องการกลุ่มลูกค้า รวมทั้งเทคโนโลยีสุดล้ำด้านอีคอมเมิร์ซของ Flash Express ที่จะพลิกโฉมภาคการค้าวิถีใหม่ให้ก้าวกระโดดในทุกโซลูชัน
#6239


มวยปล้ำ WWE เตรียมเปิดให้ชาวอเมริกันเชียร์ติดขอบสนามอีกครั้ง! กับศึก SmackDown และ RAW พร้อมชมการคืนสนามของ จอห์น ซีน่า ในรอบ 17 เดือน ชาวไทยดูสด ๆ ได้ทาง 3BB GIGATV

ภายหลังจากสถานการณ์โควิดในอเมริกาเริ่มคลี่คลาย สมาคมมวยปล้ำ WWE ได้ปรับให้มีการเปิดเข้าชมของแฟนมวยปล้ำอีกครั้ง ประเดิมเปิดเวทีกับสองรายการสุดฮิตที่คอมวยปล้ำชื่นชอบ รายการ Smackdown และ RAW กับบรรยากาศแฟนมวยปล้ำลุ้นเต็มขอบสนามจริง ภายหลังที่ต้องชมผ่าน WWE Network มาเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง หลังสถานการณ์โควิดในอเมริกาดีขึ้น และเมื่อเปิดให้มีการจองบัตรที่นั่ง ปรากฏว่าบัตรเต็มในเวลาอันสั้น!!!

วินซ์ แม็กแมน (Vince McMahon) ประธานบริหารและ CEO สมาคม WWE เผยว่า "กว่าหนึ่งปีครึ่ง ที่ WWE ขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดของโชว์ไป นั่นคือแฟนๆ ของเรา แม้ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหน ทั้งไม่เคยหยุดออกอากาศ ยืดหยัดสร้างสรรค์ผลิตรายการออกมาเสมอ ลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่ซึ่งนำพาแฟนๆ เกือบล้านคนเข้ามาอยู่ในโชว์ของเราผ่านจอวิดีโอบอร์ด แต่มันก็ไม่เหมือนที่เคยเป็น ท่วงทำนองของเราขาดหายไปประสบการณ์ที่เราสัมผัสร่วมกัน อารมณ์ความรู้สึก ปฏิกิริยาของผู้ชมที่ทำให้ทุกการกระแทกและรอยฟกช้ำที่เกิดขึ้นนั้นคุ้มค่า มันขาดหายไป พรุ่งนี้ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไป"

ทาง WWE ยังเอาใจแฟนมวยปล้ำ ด้วยการปรากฏตัวของ จอห์น ซีน่า (John Cena) ตำนานนักมวยปล้ำชื่อดัง อดีตแชมป์โลก 16 สมัย ซึ่งปัจจุบันผันตัวเป็นนักแสดงชื่อดังในฮอลลีวูด (เรื่อง Fast9) นี่คือการกลับมาคืนจอ WWE ครั้งแรกของซีน่า นับตั้งแต่ Firefly Fun House ใน WrestleMania 36 ซึ่งเป็นการอัดเทปในสถานที่ปิดไร้ผู้ชม แต่ครั้งนี้คือการกลับมาท่ามกลางผู้ชมในสนามครั้งแรกของเขา ในรอบ 17 เดือน นับตั้งแต่รายการ SmackDown กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ก่อน COVID-19 pandemic และนี่คือ เวที WWE ที่เปิดรับผู้ชมกลับมาคืนสนามเต็มความจุอีกครั้ง

ซึ่งในเดือนกันยายนนี้ แฟนมวยปล้ำชาวไทย สามารถรับชมความสนุกเร้าใจกับความสนุกทุกคู่ เลือดสาดทุกแมตช์ เกรี้ยวกราดทุกช็อต ชั้นเชิงขั้นเทพแบบโหด-เลว-ดี ไม่มีสิ้นสุด ชมกันแบบเต็มอิ่มได้ลุ้นเหมือนได้นั่งเชียร์ที่ขอบสนามด้วยตัวเอง ทุกเช้าวันอังคาร จะได้ชมรายการ RAW เวลา 07.00 - 10.00 น. และ ทุกเช้าวันเสาร์ ชมรายการ SMACKDOWN เวลา 07.00 - 09.00 น. ที่ช่อง 3BB SPROTS ONE หมายเลข 401 ผ่านบริการ 3BB GIGATV สอบถามเพิ่มเติม โทร 1530
#6240


เพราะความห่วงใย และกำลังใจนั้นสำคัญ ท่ามกลางวิกฤติสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงระบาดหนักธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบหนักมากที่สุด เพื่อร่วมยืนหยัดและสู้ไปด้วยกัน ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ โดยผู้บริหาร อรธิรา ภาคสุวรรณ ผู้อำนวยการใหญ่ ออกมาตรการเร่งด่วน เพื่อหวังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนับสนุนธุรกิจให้ดีขึ้นในเร็ววัน

"หน้าที่ของทางศูนย์การค้าฯ คือช่วยเหลือผู้ประกอบการ จัดมาตรการเยียวยาทั้งทางธุรกิจและจิตใจ เราช่วยเหลือเรื่องการงดเว้นค่าเช่า ให้กับร้านอาหารในช่วงที่ยังไม่สามารถนั่งทานอาหารในร้านได้ รวมถึงช่วยในการหาช่องทางการขายใหม่ๆ โดยมีการจัดบริการพิเศษ Restaurant Concierge Service "โทรสั่งครั้งเดียว อร่อยได้หลายร้าน" ให้ลูกค้าเลือกสั่งอาหารจากหลายร้านในรอบเดียว พร้อมบริการส่งอาหารให้กับลูกค้าที่รถ และถึงบ้านผ่านบริการนี้ เสริมด้วยบริการตั้งจุด Pick up & Delivery รวมถึงการดูแลสุขลักษณะอนามัย Rider Care ที่ให้ลูกค้ามั่นใจว่าสั่งอาหารที่เราสะอาด ปลอดภัยแน่นอน"





เสียงจากเซเลบริตี้คนดังในฐานะเจ้าของร้านผู้ประกอบการร้านอาหาร เผยมุมมองวิกฤตครั้งนี้ที่เราพร้อมจะสู้ไปด้วยกัน เริ่มจาก หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของร้านอาหาร ซาว่า ออลเดย์ ไดนิ่ง (SAVA All Day Dining) "ธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ได้รับผลกระทบทั้งหมด ความโชคดีของเราคือทีมบริหารศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม ดิ เอ็มควอเทียร์ ดูแลผู้เช่าดีมาก ช่วยเหลือทุกอย่าง มันไม่เหมือนบิสซิเนสพาร์ทเนอร์ แต่เหมือนเพื่อน เหมือนครอบครัว ยินดีรับฟังปัญหาและคอยให้ความช่วยเหลือ รู้สึกประทับใจมาก มันเป็นกำลังใจให้เราต้องสู้ แม้ช่วงนี้ทุกคนลำบากมาก ก็อยากจะฝากให้เราคิดบวกและสร้างสรรค์ อยู่ด้วยกันแบบรักและสามัคคีเพื่อให้ผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน"





ก้อง-กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร้านอาหารญี่ปุ่น มูเกนได เพนท์เฮ้าส์ (Mugendai Penthouse) "ข้อจำกัดของร้านอาหารญี่ปุ่นความที่เป็นเมนูพรีเมี่ยมทำให้การทำเดลิเวอรี่นั้นลำบาก ความอร่อยหายไป 70% จึงทำให้เราต้องปิดร้านไปตามระเบียบของรัฐ จำเป็นต้องให้พนักงานกลับบ้านแต่เรายังดูแลเหมือนเดิม ก็เหมือนกับที่ทางศูนย์การค้าฯ ดูแลเรามาดีกว่า 7 ปีแล้ว ปรับกลยุทธ์ด้วยกันอย่างทันท่วงทีช่วยเหลือให้เราขายต่อไปได้บ้าง ผมแฮปปี้มากที่ทางศูนย์ฯ ช่วยเหลือร้านอาหารทุกร้าน ขอบคุณมากๆ ขอให้ทุกคนสู้ๆ ไปด้วยกันครับ"





แสง-แสงณรงค์ มนตรีวัต CEO ผู้ก่อตั้งร้านลูกไก่ทอง "เมื่อไม่ได้นั่งทานอาหารในร้าน ลูกค้ากลุ่มแฟมิลี่ก็หายไป แต่เราก็ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ต่างๆ ชูเมนูที่สั่งกลับบ้านแล้วยังอร่อยเพื่อให้ได้ยอดขายกลับมา สิ่งที่เราได้นอกเหนือจากเราปรับตัวเองคือการยื่นมือเข้ามาช่วยของศูนย์การค้าฯ เหมือนเราอยู่บ้านเดียวกันเป็นครอบครัวเดียวกัน เมื่อเดือดร้อนเราก็ต้องช่วยเหลือกันขอบคุณทุกฝ่ายที่คอยซัพพอร์ตร้านของเราอย่างดีเสมอ ขอบคุณมากๆ ครับ"





ตู๋-เลิศรินิญฒ์ สิปปภาค เจ้าของร้าน คาเฟ่ชิลลี่ (Café Chilli) และ เสือใต้ (South Tiger) "แม้สถานการณ์ทุกอย่างจะย่ำแย่ลูกค้าหดหาย รายได้ลดลง เราก็พร้อมจะปรับตัวเอง ลุยทำการตลาดทุกช่องทาง ผลกระทบครั้งนี้เราดีใจที่ได้รับความช่วยเหลือจากทางศูนย์การค้าฯ ยื่นมือเข้ามาช่วยเราตั้งแต่วันแรกที่มีมาตราการต่างๆของทางภาครัฐ แล้วเราเองก็พร้อมให้ร่วมมืออย่างเต็มที่และจะสู้เคียงข้างไปด้วยกัน"





นอกจากความช่วยเหลือต่างๆ แล้ว ยังมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับร้านอาหารต่างๆ โดยลูกค้า Restaurant Concierge Service เมื่อสั่งอาหารครบ 800 บาท รับฟรีส่วนลดค่าส่งสูงสุด 100 บาท พร้อมมอบกำนัลรับประทานอาหารสูงสุด 500 บาท เมื่อซื้ออาหารที่ร้านอาหารชั้นนำในศูนย์การค้าฯ และพิเศษสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตกรุงศรีอยุธยา คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืน 13% โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line : @emdistrict และ Facebook : Emporium Emquartier