• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - deam205

#2841
 
หลายคนอาจคิดว่า "ผิวแห้ง" คือเรื่องธรรมดาที่ไม่ใช่ปัญหาหนักหนาน่าหนักใจ แต่ต้องขอบอกกันตรงนี้ว่าความเชื่อที่ว่านี้ไม่ใช่ความจริง! เพราะผิวแห้งนั้น แท้จริงคือต้นตอของปัญหาผิวอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งริ้วรอยก่อนวัย ไปจนถึงปัญหาผิวหยาบกร้าน มีรอยแดงลอก ไม่เรียบเนียน 





ป้องกันปัญหาผิวร้อยแปดที่อาจเกิด บำรุงและเลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ผิวแห้ง  "Ultra Facial Cream" จาก Kiehl's ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวขายดีที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2005 มีประสิทธิภาพกอบกู้ผิวแห้งเสีย เสริมความชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชั่วโมงครองใจคนทั่วโลกมาแล้วด้วยยอดขายกว่า 40 ล้านกระปุก 

"3 ส่วนผสมเด่น" กอบกู้ผิวแห้งให้ชุ่มชื้น
มอยส์เจอร์ไรเซอร์ผิวแห้ง ได้ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้วว่าช่วยดูแลผิวให้กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีมากยิ่งขึ้นถึง 55% มีส่วนผสมเด่น 3 ชนิดพร้อมคุณสมบัติต่อไปนี้

  • "แอนตาร์กติซีน" เติมน้ำ พร้อมกักเก็บความชุ่มชื้น —  Kiehl's moisturizer ใช้ส่วนผสมจากสารสกัดจากกลาเซีย หรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่พบได้ในแอนตาร์กติกาเป็นไกลโคโปรตีนที่ในทางธรรมชาติมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดผลึกน้ำแข็ง เมื่อนำมาใช้เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์จึงสามารถนำมาใช้ช่วยเติมน้ำให้ชั้นผิว พร้อมทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้เป็นอย่างดี

  •  "กลีเซอรีนจากพืช" เพิ่มความอิ่มฟู เสริมความยืดหยุ่นให้ชั้นผิว — เพราะผิวที่ยืดหยุ่นดีและมีปราการที่แข็งแรง ย่อมสามารถดูแลและกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิวได้ดีกว่า มอยส์เจอร์ไรเซอร์ Kiehl's มีส่วนผสมสำคัญจากกลีเซอรีนที่ได้จากพืชคือต้นปาล์ม rapeseed และมะพร้าว เมื่อใช้เป็นประจำจะเข้ากระตุ้นการทำงานของผิวชั้นนอก ช่วยดูแลผิวหน้าให้มีความยืดหยุ่นดีและดูอิ่มฟูกว่าที่เคย 

  • "สควาเลน" บำรุงอย่างล้ำลึก ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง —สควาเลน หรือน้ำมันสกัดธรรมชาติจากผลมะกอก คืออีกหนึ่งส่วนผสมซิกเนเจอร์ทรงคุณประโยชน์ที่ Kiehl's เลือกใช้ มาพร้อมคุณสมบัติการซึบซาบลงสู่ชั้นผิวได้ง่ายดายจึงสามารถปรับเปลี่ยนผิวแห้งกร้านให้แข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับใครที่กำลังเผชิญภาวะผิวแห้งเสีย ผิวแดง ลอกเป็นขุย หรือต้องการเพิ่มน้ำให้ผิวแข็งแรงเพื่อป้องกันริ้วรอยก่อนวัยและปัญหาผิวต่าง ๆ ที่อาจเกิด เพียงใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ผิวแห้งจาก Kiehl's ทาให้ทั่วใบหน้าภายหลังการทำความสะอาดผิวหน้าและบำรุงด้วยเซรั่มเป็นประจำ ในช่วงเช้าและก่อนนอน ผู้ใช้สามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงจากผิวเดิมที่เคยแห้งกร้านอ่อนแอจะค่อยๆ เปลี่ยนสภาพเป็นผิวนุ่มชุ่มชื้นตลอด 24 ชั่วโมง

 
 
#2842


นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยในงานสัมมนา "กลางวิกฤต COVID โอกาสทางธุรกิจยังมีอยู่ไหม?" จัดโดย ศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันวิทยาการตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทมีการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) มาอย่างต่อเนื่อง และยังมีเป้าหมายขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในอนาคต

โดยช่วงแรกที่เริ่มลงทุนในประเทศกัมพูชา และลาว บริษัทใช้วิธีการจัดตั้งบริษัทย่อยที่ถือหุ้นเอง 100% และใช้วิธีส่งออกสินค้าออกไปจำหน่ายเพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักผลิตภัณฑ์ของบริษัทก่อน เพื่อให้เกิดการทดลองใช้ และเกิดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ ก่อนจะเข้าไปจัดตั้งบริษัทเพื่อทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีกน้ำมันให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงยางมะตอยเพื่อจัดทำถนน ฯลฯ

อย่างไรก็ดี ช่วงแรกประมาณ 5-8 ปี พบว่า กำไรสุทธิยังติดลบ ซึ่งบริษัทต้องใช้กลยุทธ์ปรับผลิตภัณฑ์ วิธีการทำงาน และการขยายสาขา กว่าที่จะได้การประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) อีกทั้งพบว่าการเป็นเจ้าของ 100% มีอุปสรรคในการขอใบอนุญาตที่นานกว่าปกติ และนานกว่าการที่ตัวแทนจำหน่าย (Dealer) ของบริษัทในแต่ละประเทศเข้าไปขอใบอนุญาตเอง

ส่งผลให้การลงทุนในระยะต่อมาในประเทศเมียนมา และเวียดนาม บริษัทจึงปรับจากการจัดตั้งบริษัทเองเป็นการแสวางหาพันธมิตรผ่านการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) กับบริษัทท้องถิ่นที่มีจุดแข็งที่บริษัทไม่มี ซึ่งช่วยให้การขอใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจ การจัดหาแรงงาน และการติดต่อกับหน่วยงานราชการมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการปรับอัตลักษณ์ของสาขาให้เข้ากับท้องถิ่ง เพื่อสร้างความผูกพันกับคนในพื้นที่ รวมถึงให้คนื้องถิ่นเข้ามาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ให้ตรงกับความต้องการของคนในประเทศนั้นๆ มากขึ้น


ทั้งนี้ ปัจจุบัน OR ให้บริการสถานีน้ำมันในกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งสิ้น 161 แห่ง ร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอน 261 สาขา ร้านค้าสะดวกซื้อ Jiffy 100 สาขา ศูนย์บริการรถยนต์ FIT Auto 5 แห่ง ร้านชานมไข่มุก Pearly Tea 4 สาขา และร้านอาหารข้าวเปียกปูปากเซ 1 แห่ง

'เยียวยาประกันสังคมมาตรา 40' เช็คโอนพร้อมเพย์-ทบทวนสิทธิ์ ยังไม่ได้เงินทำไง?
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังตายสูง! พบเสียชีวิต 292 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 17,984 ราย ไม่รวม ATK อีก 2,535 ราย
เตรียมตัวให้พร้อม "ร้านนวด-เสริมสวย" คลายล็อก 1 ก.ย. นี้
นายปณิธาน ปวโรฬารวิทยา ประธานกรรมการ บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BTNC กล่าวว่า การทำธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV ต้องมี "3 Knows" ได้แก่ 1. Know How ต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาด รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการของตนเอง 2. Know Who บริษัทต้องรู้ว่าควรเข้าหาใคร ซึ่งผู้ที่ต้องเข้าหาอาจไม่ใช่คนใหญ่คนโตของประเทศเสมอไป เช่น ผู้ที่มีความสามารถด้านภาษา หรืออาชีพที่รู้จักคนกว้างขวางอย่างไกด์ เป็นต้น และ 3. Know GU ต้องรู้ว่าตนเองสามารถทำอะไรได้บ้าง

"และที่สำคัญคือไปไหนต้อง 'เทียวไล้เทียวขื่อ' หรือไปมาหาสู่อย่างสม่ำเสมอ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงที่คบหากับพันธมิตรอย่างจริงใจ รวมถึงผูกพันช่วยเหลือผ่านการลงนามความร่วมมือ (MOU) โดยตนในฐานะที่ปรึกษาสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ได้สนับสนุนการลงนาม MOU มากถึง 14 ความร่วมมือเพื่อทำธุรกิจในประเทศดังกล่าว"

ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น นายปณิธาน กล่าวว่า ท่ามกลางวิกฤตดังกล่าว การดำเนินธุรกิจใน CLMV ยังทำต่อเนื่องได้ เพราะคนที่ไม่ป่วยยังทำงานตามปกติ อีกทั้งมีมาตรการ Bubble and Seal เพื่อแยกผู้ติดเชื้อกับคนปกติออกจากกัน แต่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อป้องกัน และเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะสามารถคลี่คลายได้ในระยะข้างหน้า
#2843


รายงานล่าสุดของฟอร์เรสเทอร์ ประเมินขีดความสามารถของผู้ให้บริการด้าน AI แสดงให้เห็นว่าเอคเซนเชอร์ได้รับคะแนนสูงกว่าผู้ให้บริการรายอื่น ทั้งในประเภทขอบข่ายการบริการ กลยุทธ์ และฐานะความมั่นคงในตลาด เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการทั้งหมด 12 ราย

ผลการสำรวจระบุว่า 'ความสามารถในการส่งมอบของเอคเซนเชอร์นั้น อยู่ในอันดับหนึ่งทุกด้าน รวมถึงความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ AI วัฒนธรรม AI และการประเมินผลกระทบทางธุรกิจ ซึ่งความคิดเห็นที่ได้รับจากลูกค้าก็สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน โดยมีข้อมูลอ้างอิงจากลูกค้าชี้ว่า เอคเซนเชอร์มีความเชี่ยวชาญเชิงลึกในแต่ละอุตสาหกรรม การส่งมอบบริการที่ราบรื่นตั้งแต่ขั้นจัดทำกลยุทธ์ไปจนถึงขั้นดำเนินการ และสามารถช่วยให้ลูกค้าสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้อย่างดีเยี่ยม'


นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า 'เอคเซนเชอร์เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวในการสำรวจที่ยังคงร่วมลงทุนกับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดี ทำให้มีข้อมูลอ้างอิงในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ซับซ้อน เอคเซนเชอร์จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ หากต้องการผลักดันการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ทั่วทั้งองค์กรด้วย เอไอโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าที่มองหาพันธมิตรร่วมลงทุน ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน' อีกทั้งยังระบุด้วยว่า 'การดูแลของเอคเซนเชอร์นั้น ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีญี่ปุ่นเป็นตลาดที่แข็งแกร่งที่สุด ตามมาด้วย ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ (ANZ) และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้/อาเซียน'

เอคเซนเชอร์ได้รับคะแนนสูงสุดตามเกณฑ์ด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้: ด้านบริการ โดดเด่นเรื่องการติดตั้งปรับใช้ การส่งมอบ และการดำเนินงาน ด้านกลยุทธ์ โดดเด่นเรื่องแผนงานระดับภูมิภาค กลยุทธ์การบริการ โมเดลธุรกิจ การใช้AIในการส่งมอบบริการและเสริมสร้างระบบนิเวศของพันธมิตร และด้านตลาด โดดเด่นเรื่องลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รายได้ด้าน AI ในภูมิภาค รวมทั้งการถ่ายทอดและนำเอไอไปใช้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

นายนนทวัฒน์ พุ่มชูศรี กรรมการผู้จัดการ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า 'เรารู้สึกยินดีที่ได้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำในรายงานของฟอร์เรสเทอร์ ลูกค้าของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ให้ความสนใจนำ AI ไปใช้ขับเคลื่อนธุรกิจและช่วยตัดสินใจโดยอิงจากข้อมูล ตลอดจนช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเราจะมุ่งมั่นก้าวต่อไปให้เหนือขีดจำกัด จะพัฒนา AI ให้ก้าวหน้าและพลิกโฉมธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล"
#2844


วันนี้ (27 ส.ค. 64) นางสาวลัดดา แซ่ลี้ โฆษกสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม ได้ร่วมมือกับ 'ShopeePay' (ช้อปปี้เพย์) ผู้ให้บริการด้านการชำระผ่าน Mobile Wallet เพิ่มช่องการให้บริการรับชำระเงินกองทุนประกันสังคมผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพิ่มเติมอีก 1 ช่องทาง ผ่านแอปพลิเคชั่น 'Shopee' (ช้อปปี้) พร้อมเปิดให้บริการแล้ว

ขั้นตอนการชำระผ่าน Shopee "ผู้ประกันตน ม.40"
1. ผู้ประกันตนดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Shopee 

2. "Top-up Bill & Movies"

3. แล้วไปที่เมนู "บิลประกัน และประกันสังคม"

4. จากนั้นเลือกเมนู "ประกันสังคมมาตรา 40"

ผู้ประกันตนก็สามารถชำระเงินสมทบและเงินสมทบเพิ่มเติม (ถ้ามี) งวดเดือนปัจจุบัน และชำระเงินสมทบงวดเดือนล่วงหน้าไม่เกิน 12 งวดเดือน รวมชำระเงินสมทบ ได้ไม่เกิน 13 งวดเดือน กรณีเงินสมทบเพิ่มเติมชำระได้ไม่เกินละ 1,000 บาท และไม่สามารถชำระเงินสมทบและเงินสมทบเพิ่มเติมงวดเดือนย้อนหลังได้ พร้อมฟรีค่าธรรมเนียม

ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถพิมพ์ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ได้ด้วยตนเองบนเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม https://www.sso.go.th/erc ในวันถัดไปจากวันที่ชำระเงินตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป 

'ฤกษ์ไหว้' ขอขมาฟ้าดินใน 'วันฟ้าอภัย' หรือ 'วันเทียงเสี่ยยิก' 28 สิงหาคม 2564 โดย อาจารย์ คฑา ชินบัญชร
ผู้ประกันตน ม. 40 ชำระเงินสมทบ ผ่าน 'Shopee' ได้แล้ววันนี้
กางหลักเกณฑ์ 'สินบน-เงินรางวัล' รถหรู
ผู้ประกันตน สามารถติดต่อสอบถามการสมัครใช้บริการหรือแจ้งปัญหาได้ที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ของบริษัทฯ ผ่าน Call Center เบอร์โทรศัพท์ 02-017-8399 e-mail : help@support.shopee.co.th และกรอกแบบฟอร์มเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับที่ https://help.shopee.co.th/s/contactusform

หากผู้ประกันตนตามมาตรา 40 มีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลสำนักงานประกันสังคมโทรศัพท์ 1506 ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ หรือที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ
#2846


ททท.ปิ๊งไอเดียดึงการ์ตูนโปรโมท "ท่องเที่ยวตราด" เปิดตัว "เกาะขายหัวเราะ" ปักหมุดแลนด์มาร์คใหม่ เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวหลังโควิดคลี่คลาย

นับถอยหลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะไต่ระดับฟื้นตัว เมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ค่อยๆ คลี่คลาย ระหว่างนี้นับเป็นช่วงสำคัญในการเร่งเตรียมความพร้อม! สำหรับการเปิดเมืองรองรับการเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง

"โลกของการเดินทางต้องหยุดนิ่งมานานนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ล้วนโหยหาความสุขจากการเดินทาง ขณะเดียวกันการบูรณาการแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวรับวิถีใหม่ Next Normal ที่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องสุขอนามัยมากขึ้น และการสร้างแลนด์มาร์คใหม่ๆ เป็นสิ่งสำคัญ" 

อิษฎา เสาวรส ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตราด กล่าวว่า  วิกฤติโรคระบาดโควิด ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ บางรายต้องหยุดกิจการชั่วคราว บางรายเลิกกิจการ และอีกจำนวนมากเผชิญภาวะเศรษฐกิจที่ต้องหยุดชะงัก ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรม ซึ่ง ททท. ต้องเร่งฟื้นฟูและเตรียมความพร้อมรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว

ประเมินว่า วิกฤติการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 น่าจะเริ่มคลี่คลายในเร็ววัน และเริ่มเดินทางมากขึ้นในไตรมาส 4 นี้ 

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ ต้องเร่งปรับตัวด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการ เพิ่มคุณค่าและมูลค่าด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ รองรับการเปลี่ยนแปลงภายใต้วิถีปกติใหม่ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้ฟื้นคืนกลับมาเข้มแข็งกว่าเดิมบนพื้นฐานของปลอดภัยและความยั่งยืน

ขณะที่การท่องเที่ยวกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุควิถีปกติใหม่ ​นักท่องเที่ยวจะนิยมการเดินทางท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและประสบการณ์แสวงหากิจกรรมการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่ท่องเที่ยวและผลลัพธ์ในระยะยาวที่ยั่งยืน มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่นมากขึ้น นักท่องเที่ยวจะมีความยืดหยุ่นและหลากหลาย เน้นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยด้านสุขอนามัยคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเที่ยวยุคใหม่ 


อย่างไรก็ดี ททท. สำนักงานตราด ได้เล็งเห็นหนึ่งในทำเล "แลนด์มาร์ค" และปิ๊งเป็นไอเดียจากความเข้ากันของสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดตราด จาก "ภาพจำของหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ" ที่แฟนการ์ตูนและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดตราดได้พบกับเกาะแห่งหนึ่ง!  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกาะนกนอก เชื่อมมาจากเกาะนกใน และเกาะกระดาด 

เกาะนี้จะมีจังหวะที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาในช่วงน้ำลด ทำให้เห็นพื้นที่เกาะเล็กน้อยและมีต้นตะบันขึ้นอยู่เพียงโดดๆ เพียงต้นเดียว ทำให้มีลักษณะเหมือนแก๊กติดเกาะของการ์ตูนขายหัวเราะ ทำให้นักท่องเที่ยวพากันเรียกเกาะนี้ว่า "เกาะขายหัวเราะ" จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดตราดในที่สุด

เป็นที่มาของความร่วมมือระหว่าง ททท.สำนักงานตราด เทียบเชิญ "ขายหัวเราะ" มาร่วมส่งเสริมโปรโมทเกาะแห่งนี้ในนาม "เกาะขายหัวเราะ" อย่างเป็นทางการ

"เรามีความตั้งใจที่จะร่วมมือกันตั้งรับ ฟื้นฟู และส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศของตราด เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และรองรับการดำเนินโครงการ เกาะช้าง Together ต่อไป"

​การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวโดยร่วมกับหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะที่มีผู้อ่านทุกช่วงอายุ ทุกกลุ่มอาชีพ นับเป็นมิติใหม่ที่นำภาพของการ์ตูนมาคู่กับแหล่งท่องเที่ยวที่จะทำให้แหล่งท่องเที่ยวในบริเวณนี้เป็นที่รู้จักได้อย่างกว้างขวาง รวดเร็ว ทั้งช่วยสร้างบุคลิก คาแรคเตอร์ หรือภาพจำ ในบรรยากาศการท่องเที่ยวเต็มไปด้วยความสนุกสนาน อารมณ์ดี  มีความสุขเมื่อได้มาเยือน รวมถึงเป็นการตอกย้ำว่า "เกาะขายหัวเราะ" มีอยู่จริงที่จังหวัดตราด เป็นการเชื่อมโลกแห่งความจริงเข้ากับโลกของการ์ตูนที่คนไทยคุ้นเคยมายาวนาน

เกาะขายหัวเราะ จะยังช่วยกระจายนักท่องเที่ยวไปเกาะอื่นๆ อาทิ เกาะหมาก เกาะกระดาด เชื่อมโยงให้เกิดเส้นทางสร้างรายได้ลงสู่พื้นที่นั้นอย่างทั่วถึง


พิมพ์พิชา อุตสาหจิต กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทเครือบันลือกรุ๊ป กล่าวต่อว่า การ์ตูนสามารถใช้เป็นเครื่องมือได้ทั้งในโลกจริง และโลกเสมือน! 

"การผูกเรื่องราวและภาพลักษณ์ของคาแรกเตอร์กับการท่องเที่ยวในมิติต่างๆ สามารถทำได้อย่างไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เชิงอนุรักษ์ เชิงวัฒนธรรม การมุ่งสร้างองค์ความรู้เพื่อนักท่องเที่ยวทั่วไปหรือเฉพาะกลุ่ม การเล่าด้วยการ์ตูนก็ทำได้อย่างไม่ยัดเยียด ประสบการณ์ที่มีความสัมพันธ์กับคาแรกเตอร์ เรื่องเล่าวัยเยาว์ ล้วนทำให้เกิดมิตรภาพและความประทับใจ ซึ่งพิสูจน์มาแล้วจากแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำทั่วโลกว่า การ์ตูนและคาแรกเตอร์ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีและเข้าถึงกับผู้คนได้ทุกเพศทุกวัย"

จะเห็นว่า ประเทศญี่ปุ่นเป็นต้นแบบแห่งการใช้การ์ตูนและคาแรกเตอร์มาโปรโมทสารพัดสิ่ง การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมท้องถิ่นของญี่ปุ่น มีการต่อยอดรูปแบบใหม่ๆ ออกไปอยู่เรื่อยๆ 

เช่นเดียวกับประเทศไทยกับมิติใหม่ของการท่องเที่ยวไทยด้วยการใช้พลังการ์ตูน และ soft power มาสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์และแปลกใหม่ 

"แคมเปญเกาะขายหัวเราะ จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญทั้งกับขายหัวเราะและโอกาสใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งในอนาคต อาจจะมีรูปแบบใหม่ออกมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ใหม่ๆ รูปแบบ storytelling ที่ต่างไปจากเดิม หรือการทำแคมเปญ ที่ไม่จำกัดรูปแบบ เหมาะกับเทรนด์การท่องเที่ยวในอนาคต ที่นักท่องเที่ยวต้องการมีประสบการณ์ร่วมกับเรื่องราวท้องถิ่นหลากหลายรูปแบบและเชิงลึกมากขึ้นด้วย"


ขายหัวเราะในฐานะ "สำนักการ์ตูนไทย" มี DNA จุดเด่นเฉพาะตัว คือ ความถนัดในการใช้สื่อการ์ตูนเล่าเรื่องได้ทุกเรื่อง และความเข้าใจเชิงลึก (insight) รสนิยมความบันเทิงสนุกสนานและวัฒนธรรมแบบไทยๆ นำมาต่อยอดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้อีกหลากหลายแนวทาง เรียกว่า ใช้ความถนัดในด้านการ์ตูน คาแรคเตอร์ อารมณ์ขัน และ storytelling มาเป็นสื่อและสร้างกิมมิกในการพัฒนา Content และออกแบบ Content Marketing รูปแบบแคมเปญที่สนับสนุนต่อยอดอุตสาหกรรมท่องเที่ยว พร้อมสร้างการรับรู้ว่าเกาะขายหัวเราะที่ทุกคนคุ้นเคยจากแก๊กการ์ตูนและปกขายหัวเราะนั้นมีอยู่จริง เป็นการเชื่อมโยงจินตนาการและความสนุกด้วยประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

ประเทศไทยกำลังบมุ่งหน้าสู่ระยะฟื้นฟูประเทศ "ขายหัวเราะ" จะมีส่วนร่วมในการนำตัวละครในการ์ตูนมาสนับสนุนภาคเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่ง "การ์ตูนไทย" ถือเป็นทุนทางวัฒนธรรมประเภทหนึ่งซึ่งสามารถสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ผลักดันให้ขยายตัวเป็นสินค้าและบริการเชิงพาณิชยกรรม และยกระดับเป็นเครื่องมือสำคัญของเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากทุนวัฒนธรรม จากพลังการ์ตูน! ที่ยังมีกองทัพตัวการ์ตูนอีกมากมายรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนทุกๆ คน
#2847


ภารกิจการไล่ล่าถ้วยแชมป์ แกรนด์ สแลม ใบที่ 24 ของ เซเรน่า วิลเลียมส์ นักเทนนิสหญิงจอมแกร่งชาวอเมริกัน ต้องสะดุดอีกครั้งเมื่อเธอตัดสินใจขอถอนตัวจากรายการ ยูเอส โอเพน ที่จะเริ่มขึ้นสัปดาห์หน้า เพราะอาการบาดเจ็บ

แกรนด์ สแลม ส่งท้ายปี 2021 จะเกิดขี้นวันที่ 30 สิงหาคมนี้ แต่แล้ว เซเรน่า ซูเปอร์สตาร์มือ 22 ของโลก ประกาศโบกมือลาไม่แข่งขันที่มหานครนิวยอร์ค เพราะตรวจพบว่ามีอาการบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง

หวดหญิงวัย 39 ปี เผยผ่านอินสตาแกรมว่า 'หลังพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอ ฉันตัดสินใจแล้วที่จะถอนตัวจากการแข่งขัน ยูเอส โอเพน เพื่อให้ตัวเองหายจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาอย่างสมบูรณ์'

'นิวยอร์ค เป็นหนึ่งในเมืองที่ฉันประทับใจที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในสังเวียนโปรดสำหรับการเล่นเทนนิส ฉันคิดถึงแฟนๆ ทุกคน แต่ก็จะขอเชียร์ทุกคนจากไกลๆ ขอบคุณที่คอยมอบความรักและสนับสนุนกันมาตลอด แล้วเจอกันเร็วๆนี้'

ทั้งนี้ จากถ้อยแถลงบ่งบอกได้ดีว่านักหวดคุณแม่ลูกหนึ่ง ยังมีไฟที่จะไล่ล่าถ้วย แกรนด์ สแลม ใบที่ 24 ให้แก่ตัวเองอยู่ ซึ่งหากทำสำเร็จก็จะขึ้นไปเทียบชั้น มาร์กาเร็ต คอร์ต บนตำแหน่งแชมป์ แกรนด์ สแลม หญิงเดี่ยวมากสมัยที่สุด หลังคาอยู่ที่ 23 สมัย ที่ทำได้ล่าสุดคือ ออสเตรเลียน โอเพน ปี 2017
#2848


บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่งศึกลาลีกา สเปน ขัดขวางการซื้อหุ้นสโมสร ของเกราร์ด ปิเก้ ปราการหลังจอมเก๋าซึ่งเป็นลูกหม้อของสโมสร หลังก่อนหน้านี้นักเตะพยายามยื่นข้อเสนอเข้ามา ตามการรายงานจาก โครนิค่า โกล. สื่อในสเปน

กองหลังตัวเก่งชาวสแปนิช ถือเป็นผลผลิตจากแคมป์ลา มาเซีย ที๋ไปเติบโตกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะย้ายกลับมาคัมป์นู และช่วยทีมคว้าแชมป์มาครอบได้อย่างมากมาย

ก่อนหน้านี้สื่อในสเปนเคยออกมารายงานเผยว่า เกราร์ด ปิเก้ ในวัย 34 ปี เคยพยายามซื้อหุ้นจำนวน 49 เปอร์เซนต์ ของบาร์เซโลน่า เพื่อเข้ามาช่วยเหลือ และการจัดการด้านต่างๆ

นอกจากนี้เจ้าตัวจะได้รับสิทธิ์ในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก ศูนย์นวัตกรรม และอคาเดมีของสโมสร อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอโดนดังกล่าว โจเซป บาร์โตเมว อดีตประธานสโมสร ปฏิเสธไป

ทั้งนี้ เกราร์ด ปิเก้ เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เขามีเป้าหมายที่จะก้าวไปเป็นประธานสโมสรของทีมหลังจากที่แขวนสตั๊ดอีกด้วย
#2849


โอเชี่ยน คอมเมิรช พร้อมนำเข้าเครื่องจักรผลิตสารตั้งต้น "กัญชง-กัญชา" เพื่อใช้ในการผลิตอาหารเสริมและยา หลังบอร์ดไฟเขียวเพิ่มทุนบริษัทย่อย "เค ที ดี เอ็ม" รองรับแผนขยายธุรกิจอินเทรนด์ คาดเดินเครื่องผลิตในไตรมาส 4/64 และเริ่มรับรู้รายได้ทันที ผู้บริหารมั่นใจเป็นปัจจัยช่วยผลักดันผลงานปี 65 เติบโตแบบก้าวกระโดด ประเมินจะถึงจุดคุ้มทุนภายในปีเดียว

นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) (OCEAN) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวกับกัญชง-กัญชา โดยการลงทุนผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท เค ที ดี เอ็ม จำกัด เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ใช้ประกอบธุรกิจลงทุนเพื่อจัดจำหน่าย ร่วมผลิตสินค้า และว่าจ้างผลิตสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ วัตถุดิบประเภทรวมพืชกัญชง หรือกัญชา เพื่อใช้ในการผลิตอาหารเสริม และยา รวมถึงสั่งซื้อเครื่องจักรสำหรับการผลิต

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถติดตั้งเครื่องจักรพร้อม test run และเริ่มเดินเครื่องผลิตเพื่อจำหน่ายสินค้าได้ในช่วงไตรมาส 4/64 ซึ่งจะรับรู้รายได้เข้ามาทันที โดยก่อนหน้าบริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับบริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (JP) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความรู้ความชำนาญและมีความสามารถในการผลิตสินค้าดังกล่าว ซึ่งจะร่วมมือกันในเรื่องของแหล่งที่มาของวัตถุดิบ กระบวนการผลิต เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์สามารถที่จะนำไปใช้ในการผลิตอาหารอาหารเสริม ยา เครื่องดื่ม เป็นต้น

"การแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นกัญชง-กัญชา มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2565 เนื่องจากมีการรับรู้รายได้เต็มปี เพราะเป็นธุรกิจที่อินเทรนด์อยู่ในขณะนี้ ประกอบกับได้ประเมินความต้องการเบื้องต้นพบว่ามีกำลังซื้อสูงมาก และน่าจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตที่โดดเด่นมาก"

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OCEAN กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจเข้ามารุกธุรกิจผลิตสารตั้งต้นกัญชง-กัญชา เพราะเห็นว่าเป็น New Growth ที่จะช่วยผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากตลาดอาหาร เครื่องดื่ม อาหารเสริม และเวชภัณฑ์เครื่องสำอางที่เกี่ยวข้องกับกัญชงและกัญชา ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ จากประมาณการเบื้องต้นคาดว่าธุรกิจดังกล่าวนี้จะสร้างรายได้ให้กลุ่มบริษัทประมาณ 100 ล้านบาท ในปี 2565 และจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี
#2850


อว. เผยไทยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว 27,612,445 โดส และทั่วโลกแล้ว 4,987 ล้านโดส ใน 203 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 233.94 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 84.9%

วันนี้ (24 ส.ค.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 4,987 ล้านโดส ใน 203 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 36.1 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 363 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 171 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 233.94 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (76.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 91.10 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 27,612,445 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 55.65%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 4,987 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 27,612,445 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 20,830,673 โดส (31.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 6,230,511 โดส (9.4% ของประชากร)
-เข็มสาม 551,261 โดส (0.8% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 24 ส.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 27,612,445 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 573,446 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 501,688 โดส/วัน

3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 9,315,125 โดส
- เข็มที่ 2 3,459,697 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 9,442,786 โดส
- เข็มที่ 2 1,905,095 โดส
- เข็มที่ 3 204,128 โดส

วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 1,888,983 โดส
- เข็มที่ 2 834,867 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 183,779 โดส
- เข็มที่ 2 30,852 โดส
- เข็มที่ 3 347,133 โดส

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 122.2% เข็มที่2 106.2% เข็มที่3 77.4%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 54.1% เข็มที่2 32.9% เข็มที่3 0%
- อสม เข็มที่1 61.3% เข็มที่2 28.6% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 36.9% เข็มที่1 7.1% เข็มที่3 0%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 40.5% เข็มที่2 12.6% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 40% เข็มที่2 4.6% เข็มที่3 0%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 5.1% เข็มที่2 0.4% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 41.7% เข็มที่2 12.5% เข็มที่3 1.1%

5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 62.7% เข็มที่2 15.5% เข็มที่3 1.1% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 84.9% เข็มที่2 19.8% เข็มที่3 1.6%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 39.3% เข็มที่2 16.3% เข็มที่3 0.5%
- นนทบุรี เข็มที่1 39% เข็มที่2 13.8% เข็มที่3 0.7%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 43.4% เข็มที่2 9.3% เข็มที่3 0.6%
- ปทุมธานี เข็มที่1 42.2% เข็มที่2 9.7% เข็มที่3 0.5%
- นครปฐม เข็มที่1 25.8% เข็มที่2 6.6% เข็มที่3 0.7%

จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 20.1% เข็มที่2 6.9% เข็มที่3 0.7%
- ชลบุรี เข็มที่1 34.8% เข็มที่2 11.4% เข็มที่3 1.0%
- พระนครศรีอยุธยา เข็มที่1 24.7% เข็มที่2 6.4% เข็มที่3 0.4%
- สงขลา เข็มที่1 28% เข็มที่2 8.9% เข็มที่3 1.2%
- ยะลา เข็มที่1 29.8% เข็มที่2 9.3% เข็มที่3 0.7%
- ปัตตานี เข็มที่1 23.1% เข็มที่2 7.1% เข็มที่3 0.5%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 46.3% เข็มที่2 8% เข็มที่3 0.6%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 233,945,758 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 91,109,808 โดส (21.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. มาเลเซีย จำนวน 31,792,363 โดส (56.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 30,693,019 โดส (15.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 27,612,445 โดส (31.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 18,326,954 โดส (58.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
6. เวียดนาม จำนวน 17,065,896 โดส (15.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
7. สิงคโปร์ จำนวน 8,746,612 โดส (76.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
8. พม่า จำนวน 4,456,857 โดส (4.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 3,874,672 โดส (29.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 246,716 โดส (41%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 67.14%
2. อเมริกาเหนือ 10.88%
3. ยุโรป 13.03%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.70%
5. แอฟริกา 1.83%
6. โอเชียเนีย 0.42%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,946.95 ล้านโดส (69.5% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 582.51 ล้านโดส (21.3%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 363.27 ล้านโดส (56.8%)
4. บราซิล จำนวน 178.55 ล้านโดส (43.5%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 118.31 ล้านโดส (46.9%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (89.7% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. บาห์เรน (82.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (82.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. สิงคโปร์ (76.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
5. กาตาร์ (76.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. อุรุกวัย (75.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. ชิลี (73.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
8. เดนมาร์ก (72.4%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)
9. อิสราเอล (71.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
10. แคนาดา (70%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech) 
#2851


นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ปตท.(PTT)เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ และราคาปิโตรเคมีทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังที่เหลือของปี 2564 โดยได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้ ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น เพราะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ภายหลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลง และจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้รายได้ปี 2564 เติบโต จากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 1.6 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้คาดราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 63-68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ซึ่งบริษัทมีการประเมินความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเพิ่มกำลังผลิตของกลุ่มโอเปคพลัส และกำลังผลิตจากสหรัฐและอิหร่านที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้


นอกจากนี้ บริษัทยังมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจปตท. ได้แก่ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คาดว่าความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้น 1% จากปี 2563 และคาดว่าความต้องการใช้ในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.1% ขณะที่อัตรากำลังการผลิต (Utilization Rate) ของโรงแยกก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 92-94% จากปีก่อนที่ 88% ธุรกิจสำรวจและผลิต คาดว่าราคาขายจะปรับตัวดีขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้น รวมถึงยอดขายคาดว่าจะเติบโต 16% จากการเข้าลงทุนโครงการโอมาน บล็อก 61 ขณะที่ต้นทุนต่อหน่วยคาดว่าจะลดลง 5%

ธุรกิจน้ำมัน แม้ว่าปี 2564 จะยังถูกผลกระทบจากโควิด-19 แต่บริษัทยังขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีก 140 สถานี สถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) 100 สถานี และคาเฟ่อเมซอน 471 แห่ง ธุรกิจโรงกลั่น คาดว่า Utilization Rate จะทรงตัวอยู่ที่ 95-97% แต่คาดการณ์ค่าการกลั่นจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2-2.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนธุรกิจไฟฟ้าได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น 4.5%

นายธนพล กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 บริษัทเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่ 5 ในไตรมาส 3 ปี 2564 และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก RA6 - ราชบุรี ในเดือน ก.ย. ขณะที่บริษัทในเครือ ได้แก่ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) คาดจะเปิดดำเนินการโรงงานเบเกอรี่ส่วนกลางในเดือน ก.ย.,บมจ.พีทีที โกล. เคมิคอล (PTTGC) คาดว่าโรงงานพลาสติกเรซิ่นคุณภาพสูงจะเริ่มผลิตในไตรมาส 4 ปี 2564 ,บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) คาดโรงงานผลิตผ้าไม่ถักทอ (Non-woven Fabric) จะเริ่มผลิตเดือน ธ.ค. และ บมจ.โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) คาด COD โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศอินเดียภายในปี 2564
#2852



หากกำลังป่วยหรือรู้สึกไม่แข็งแรง การดูแลความสมดุลของร่างกายผ่านการออกกำลังกาย พักผ่อนและเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์คือหนทางสู่การฟื้นฟูสุขภาพดี สำหรับผิวพรรณเองก็เช่นกัน ในช่วงที่ผิวดูพรรณอ่อนล้าไม่แข็งแรง หรือดูแก่ก่อนวัยไม่เหมือนเก่า เรายิ่งต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลแก่ผิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและตรงจุด
 

ขอแนะนำ Vital Skin Strengthening Super Serum เซรั่มช่วยฟื้นฟูดูแลผิวอ่อนล้าจาก Kiehl's ตัวช่วยกอบกู้ผิว มอบความชุ่มชื้นคืนสู่ผิวหน้า ช่วยกระชับรูขุมขน พร้อมความสามารถกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เน้นทวงคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวกลับมาเปล่งปลั่งดูมีสุขภาพดี  

ผสานพลังจากส่วนผสมหลัก 11KDA HYALURONIC ACID ซึ่งทำหน้าที่สร้างเกราะคุ้มกันแก่ผิวและสมุนไพรปรับสมดุลนานาชนิด (ADAPTOGENIC HERB) เซรั่มบำรุงผิว จาก Kiehl's ขวดนี้มีประสิทธิภาพอันทรงพลังช่วยกอบกู้ผิวแย่ ผิวอ่อนล้า ให้ดูเปล่งปลั่งขึ้นได้ถึงร้อยละ 40 ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

  • สร้างเกราะคุ้มกันผิวด้วย 11KDA HYALURONIC ACID  (ไฮยาลูโรนิกแอซิด ขนาด 11 กิโลดัลตัน) —สูตรผสมสำคัญทางคลินิกในเซรั่ม Kiehl's ที่มีขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเน้นการส่งต่อความชุ่มชื้นใต้ชั้นผิวเพื่อเสริมความแข็งแรงในการเตรียมผิวชั้นนอกให้พร้อมทำหน้าที่เป็นเกาะคุ้มกันต่อภัยคุกคามที่อาจเข้ามาทำร้ายชั้นผิวที่เปราะบาง 

  • สมุนไพรปรับสมดุล (ADAPTOGENIC HERB) — คือส่วนผสมจากสมุนไพรนานาชนิด อาทิ กลีเซอรีนจากปาล์ม rapeseed schisabdra berry หรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมี holy basil เน้นช่วยเรื่องผิวกระชับสวย พร้อมด้วย red ginger ช่วยลดการอักเสบ เช่น ปัญหารอยแดงหรือหมองคล้ำ ทาง Kiehl's ใช้ความพิถีพิถันคัดสรรส่วนผสมเหล่านี้ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อให้สารสกัดในตัวผลิตภัณฑ์กระตุ้นความสามารถในการกักเก็บน้ำของผิวให้ทำงานได้ดีขึ้น เพื่อผลลัพธ์เป็นผิวชุ่มชื้นแข็งแรง มีความยืดหยุ่น อิ่มฟู พร้อมกระตุ้นการทำงานของผิวชั้นนอกในการปกป้องผิวชั้นในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผิวสุขภาพดีที่ดูชุ่มชื้น เรียบเนียน นุ่มเด้ง และเปล่งปลั่งอย่างที่ต้องการ ทาเซรั่มคีลส์ขวดแดงนี้ให้ทั่วใบหน้าเป็นประจำในช่วงเช้าและก่อนนอน โดยทาหลังการล้างหน้าและปรับสภาพผิวด้วยโทนเนอร์แล้ว ผลการทดสอบความพึงพอใจในอาสาสมัครจำนวน 58 คน หลังการใช้ผลิตภัณฑ์พบว่าผู้เข้าการทดสอบร้อยละ 90 มีผิวที่ดูเรียบเนียนขึ้น ร้อยละ 94 สัมผัสได้ถึงผิวเนียนนุ่มอ่อนโยน และอีกร้อยละ 80 ล้วนพึงพอใจกับผิวสวยดูอ่อนเยาว์

ผลิตภัณฑ์มาในรูปขวดปั๊ม ธีมสีขาวแดงทันสมัย เนื้อเซรั่มสีขาวขุ่น บางเบา ซึมซาบไว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ ให้กลิ่นสมุนไพรหอมอ่อน ๆ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น ลดความเหนื่อยล้า
#2853


เอริค ลาเมล่า ลงมาเป็นซูเปอร์ซับ สวมบทฮีโร่ ซัดประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ช่วยให้ เซบีย่า บุกเก็บชัยเหนือ เกตาเฟ่ 1-0 เก็บ 6 แต้มเต็มจาก 2 นัดแรก ผงาดจ่าฝูงของตาราง

ศึกฟุต.ลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2021/22 นัดมันเดย์ไนท์ คืนวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา เกมที่น่าสนใจ เซบีย่า ยกพลไปเยือน เกตาฟ่ ที่สนามโคลีเซียม อัลฟอนโซ่ เปเรซ

เกตาเฟ่ ของกุนซือ มิเชล เกมที่แล้วบุกพ่าย บาเลนเซีย 0-1 ขณะที่ เซบีย่า ของเฮดโค้ชฆูเลน โลเปเตกี เกมที่แล้วเปิดบ้านต้อน ราโย่ บาเยกาโน่ 3-0

ปรากฎว่าเกมนี้ เซบีย่า เป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่าทั้งการครอง. และจังหวะลุ้นประตู บุกมาเก็บชัยเหนือ เกตาเฟ่ ไปแบบหวุดหวิด 1-0 จากประตูชัยของ เอริค ลาเมล่า ในนาทีที่ 90+3

จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ เซบีย่า คว้าสามคะแนน 2 เกมติดต่อกัน ขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตาราง มี 6 แต้มเต็มเท่ากับ แอตเลติโก มาดริด แต่ลูกได้เสียดีกว่า ขณะที่ เกตาเฟ่ รั้งอันดับ 18 ของตาราง ยังไม่มีแต้ม
#2854


เกรท วอลล์ (GWM) ผู้ผลิตรถรายใหญ่จากจีน ที่คนไทยรู้จักกันมากขึ้น หลังกำเงินกว่า 10,000 ล้านบาท เข้ามาลงทุนสร้างฐานการผลิตในไทย ด้วยการซื้อโรงงานต่อจาก เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) หรือจีเอ็ม และ เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) ที่ถอนการผลิต และการทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ เหลือไว้แต่งานบริการเพื่อดูแลลูกค้าเท่านั้น

การเข้ามาลงทุนในไทย เป็นหนึ่งในแผนการขยายตลาดโลกของเกรทวอลล์ ที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากที่สร้างหลักปักฐาน สร้างความแข็งแกร่งให้ตลาดในประเทศเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนี้ไป เราคงได้เห็นข่าวคราวการเปิดเกมรุกของค่ายกำแพงเมืองจีนอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด GWM เดินหน้ารุกตลาดอเมริกาใต้ ด้วยการเซ็นสัญญากับ เดมเลอร์ เอจี (Daimler AG) ซื้อโรงงานผลิตรถยนต์ Daimler ในเมืองอิราเซมาโปลิส ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา

โดยสัญญานี้  Daimler จะโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคาร เครื่องจักร ทรัพย์สินต่างๆ ยกเว้นบุคลากร ให้แก่ GWM โดยคาดว่ากระบวนการต่างๆ จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

GWM ระบุว่า หลังจากเข้าถือครองโรงงานแล้ว ก็จะเดินหน้ายกระดับโรงงาน โดยการนำแนวคิดการผลิตขั้นสูง การควบคุมคุณภาพ สิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดการข้อมูลที่สอดคล้องกับมาตรฐานการผลิตระดับโลกมาใช้ เป้าหมายของโรงงานนี้ จะเป็นฐานการผลิตรองรับตลาดบราซิล รวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอเมริกาใต้


ในด้านการจ้างงาน GWM ระบุว่า โรงงานแห่งนี้จะสร้างงานเกือบ 2,000 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ที่ผ่านมา อเมริกาใต้ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญของ GWM โดยยักษ์ใหญ่ของจีนเริ่มต้นเข้าสู่ภูมิภาคนี้ ที่ประเทศชิลีเป็นแห่งแรกช่วงต้นปี 2550 และสามารถสร้างตลาดได้น่าพอใจ สำหรับการทำตลาดรถปิกอัพ และ เอสยูวี ฮาวาล ( HAVAL SUV)

สำหรับบราซิล GWM มองว่า โดดเด่นว่าทุกประเทศในอเมริกาใต้ ในด้านความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ขนาดพื้นที่ และจำนวนประชากร และยังเป็น 1 ใน 7 ตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

GWM ยังกำหนดให้บราซิลเป็นตลาดที่สำคัญต่อกลยุทธ์การยกระดับการดำเนินงานในอเมริกาใต้ โดยบริษัทมีแผนที่จะศึกษาความชอบของผู้บริโภคในท้องถิ่นและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดยานยนต์ของประเทศ เพื่อรองรับการพัฒนาตลาด

ในภาพรวมธุรกิจ GWM ระบุว่า แม้ที่ผ่านมา ทั่วโลกจะเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรง แต่บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น

โดยช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของ ปี 2564  ยอดขายต่างประเทศของ GWM เพิ่มขึ้น 176.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้บริษัทกล้าที่จะเดินแผนลงทุนต่อเนื่อง และในอนาคต ก็จะยังคงขยายงานไปทั่วโลก เพื่อสานเป้าหมายที่ท้าทาย คือ การสร้างยอดขายรถยนต์ให้ได้ 4 ล้านคันภายในปี 256

ปัจจุบัน GWM มีโรงงานครอบคลุมจีน รัสเซีย ไทย อินเดีย บราซิล มีเครือข่ายการขาย 500 แห่งทั่วโลก
#2855


"เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค หืดจับ ขึ้นนำ 2-0 โดนตีเสมอ 2-2 ก่อนจะได้ แซร์จ นาร์บี ซัดประตูชัยช่วยให้ทีมเปิดบ้านเฉือนชนะ เอฟซี โคโลญจน์ ไปแบบสุดมัน 3-2

ศึกฟุต.บุนเดสลีกา เยอรมนี ฤดูกาล 2021/22 วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564 "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เปิดรังอลิอันซ์ อารีน่า รับการมาเยือนของ "แพะบ้า" เอฟซี โคโลญจน์

"เสือใต้" ของกุนซือยูเลียน นาเกิลส์มันน์ เพิ่งเอาชนะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์เดเอฟเบ ซูเปอร์คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เกมนี้นำทัพโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี, โธมัส มุลเลอร์, เลรอย ซาเน และแซร์จ นาร์บี

ปรากฎว่าเกมนี้มาสนุกในครึ่งเวลาหลัง โดยเป็น บาเยิร์น มิวนิค ได้ 2 ประตู ขึ้นนำ 2-0 ในนาทีที่ 50, 59 จาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี และแซร์จ นาร์บี อย่างไรก็ตาม โคโลญจน์ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มาทำสองประตูรวด ตีเสมอ 2-2 จาก แอนโธนี โมเดสเต น.60 และมาร์ก อูธ น.62

อย่างไรก็ตาม บาเยิร์น มิวนิค ที่โหมบุกอย่างหนัก ก็มาได้ประตูขยับนำอีกครั้ง 3-2 จากจังหวะที่ โยชัว คิมมิช จ่ายให้ แซร์จ นาร์บี ยิงเข้าไป ในนาทีที่ 71

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที บาเยิร์น มิวนิค เปิดบ้านเฉือนชนะ เอฟซี โคโลญจน์ 3-2 เก็บสามคะแนนแรกในลีกซีซั่นนี้ มีเพิ่มเป็น 4 แต้ม จาก 2 นัด ขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ของตาราง ส่วนทีมเยือนมี 3 คะแนน รั้งอันดับ 8

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์ (GK), ตองกีย์ เนียนซู, ดาโยต์ อูปาเมกาโน, นิคลาส ซูเล่, อัลฟองโซ่ เดวิส, โยชัว คิมมิช, เลออน โกเร็ตซ์กา, เลรอย ซาเน, โธมัส มุลเลอร์, แซร์จ นาร์บี, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี

เอฟซี โคโลญจน์ : ติโม ฮอร์น (GK), คิงสลีย์ เอฮิซิบัว, จอร์จ เมเร, ราฟาเอล ซิชอส, โยนาส เอ็คตอร์, เอลเยส สคิรี, แยน ทีลมันน์, เดยัน ลูบิซิช, ฟลอเรียน เคนซ์, แอนโธนี โมเดสเต, มาร์ค อูธ
#2856


วันนี้ (23 ส.ค.) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ร่วมเคียงข้างสังคมไทยในวิกฤตโควิด-19 ขับเคลื่อนโครงการ "คนไทยไม่ทิ้งกัน" อย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ "ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19" ตามเจตนารมณ์ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยได้ส่งมอบครุภัณฑ์ทางการแพทย์ น้ำดื่ม สิ่งของที่จำเป็นให้โรงพยาบาลไปแล้วกว่า 50 แห่ง อีกทั้งยังร่วมมือผ่านมหาเถรสมาคมเข้าไปดูแลสุขภาพ สวัสดิภาพของภิกษุสามเณร ตลอดจนกลุ่มเปราะบาง ผู้ด้อยโอกาสที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด

ล่าสุด บริษัท ออลล์ เวลเนส จำกัด ในกลุ่มซีพี ออลล์ ร่วมกับ เอ็กซ์ต้า พลัส ร้านยาใกล้บ้านเพื่อชุมชน สนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการต่อสู้กับโควิด-19 ได้แก่ หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่ม ให้กองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของวิทยุ จส.100 เพื่อส่งมอบต่อไปยังบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพประชาชน โดยมี ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการหน่วยงาน eXta Health & Wellness บมจ. ซีพี ออลล์ เป็นผู้แทนส่งมอบให้กับ นางสาวกฤษณา กันจินะ Business Development & Digital Marketing Manager บริษัท แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้แทนรับมอบของ จส.100

ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีพี ออลล์ กล่าวว่า ซีพี ออลล์ ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคม พร้อมอยู่เคียงข้าง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ชุมชนและสังคม ตามปณิธานร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากขณะนี้ บริษัทถือค่านิยม 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร เป็นแนวทางอย่างแน่วแน่ จึงถือเป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมกับพันธมิตรซึ่งมีเจตนารมณ์เดียวกันอย่าง จส.100 ที่ต้องการให้ประเทศไทยกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

"เรารู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีที่ได้ร่วมกับ จส.100 ซึ่งมีความมุ่งมั่นเดียวกันในการดูแลพี่น้องประชาชนไทยประหนึ่งคนในครอบครัวเสมอมา และทราบดีว่าสถานการณ์ที่ประเทศเรากำลังเผชิญตอนนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าสำคัญในการดูแลคนไทย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักโดยไม่ย่อท้อ ซีพี ออลล์ ก็ขอขอบคุณ และขอส่งแรงใจให้ทุกท่าน ตลอดจนคนไทยทุกคนให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน" ดร.อนุรักษ์ กล่าว
ด้าน นางสาวกฤษณา กันจินะ Business Development & Digital Marketing Manager บริษัท แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า 30 ปี จส.100 ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ร่วมสมทบทุนเข้ากองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 นำสิ่งของต่างๆ ไปส่งมอบให้กับบุคลากรทางแพทย์และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการหน่วยงาน eXta Health & Wellness บมจ. ซีพี ออลล์ นำสิ่งของต่าง ๆ ได้แก่ น้ำดื่ม หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ มาส่งมอบให้กับทาง จส.100 ร่วมสร้างกำลังใจส่งต่อสิ่งดีๆ ให้แก่กัน

"ทาง จส.100 ต้องขอขอบคุณ บมจ. ซีพี ออลล์ ที่ได้เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นในการดูแลสังคมไทยร่วมกัน และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการผนึกกำลังร่วมกับ ซีพี ออลล์ ในการดูแลประชาชน สิ่งของต่างๆ เหล่านี้จะได้รับการจัดสรรไปยังพื้นที่ต่างๆ อย่างเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้เราเชื่อว่าการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การส่งกำลังใจและสิ่งที่จำเป็นในยามนี้ จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการก้าวข้ามสถานการณ์ที่เลวร้าย และพาสังคมไทยกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง"

นอกจากนี้ บมจ. ซีพี ออลล์ และ จส.100 ยังขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสมทบทุนเข้ากองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 ด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee ซึ่งเป็นแอปพลิเคชัน ให้บริการคำปรึกษาโดยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งทุกๆ การดาวน์โหลดที่มีการใส่รหัส "JS100" ซีพี ออลล์ จะร่วมสมทบ 10 บาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นส่งมอบให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ผ่านกองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee ในระบบ IOS ได้ที่ http://l.ead.me/bcGZ0p
และระบบ Android ได้ที่ https://l.ead.me/bcGZ14 ตั้งแต่วันนี้ถึง 22 ต.ค. 2564
#2857


ภาพจาก https://hanako.tokyo/
คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"

สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ช่วงโควิดแบบนี้อาจจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอย่างเก่าไม่ได้ แต่ก็มีเรื่องสนุกให้ทำได้จากบ้านมากมาย อย่างการทำ "คาเฟ่ที่บ้าน" นอกจากจะทำให้ได้ประสบการณ์ใหม่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังได้ใช้โอกาสนี้พักผ่อนคลายเครียดด้วยนะคะ

ที่ญี่ปุ่นมีร้านคาเฟ่อยู่ทั่วไป และเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในหมู่สาว ๆ เวลาเปิดหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่เน้นกลุ่มผู้อ่านผู้หญิง จึงมักจะเจอร้านคาเฟ่แนะนำอยู่ในนั้นด้วยเสมอ ร้านคาเฟ่เหล่านี้ไม่ได้เน้นขายเฉพาะเครื่องดื่มกับขนมหวานเท่านั้น แต่ยังขายอาหารเป็นมื้อแบบไม่หนักท้องเกินไป และมีบรรยากาศที่น่านั่งเพลิน ๆ ด้วย

จุดเด่นของคาเฟ่ที่ญี่ปุ่นคือ การออกแบบภายในร้านที่สวยงาม สะอาดสะอ้าน โล่ง สว่าง ให้บรรยากาศสบาย ๆ เปิดเสียงดนตรีที่ให้ความรู้สึกสดใสรื่นเริง บางร้านก็มีที่นั่งริมทะเลหรือริมระเบียงด้วย แต่ละร้านจะมีลักษณะเฉพาะในการจัดและออกแบบร้านที่ชวนให้จดจำ อีกทั้งลักษณะการให้บริการของพนักงานก็ยังมีส่วนสร้างบรรยากาศที่ไม่เหมือนใครให้กับทางร้านอีกด้วย


เมนูอาหารตามคาเฟ่ทั่วไปอาจจะเน้นชากาแฟ แซนวิช พาสต้า ขนมหวาน ของว่าง แต่ถ้าเป็นคาเฟ่ที่ดีหน่อยจะเน้นไปที่อาหารหรือเครื่องดื่มเฉพาะของร้าน เช่น มีเมนูสูตรเด็ดที่ทางร้านคิดขึ้นมาเอง ไม่มีขายที่อื่น หรืออาจใช้วัตถุดิบคัดสรร อย่างเช่น วัตถุดิบเฉพาะของท้องถิ่น วัตถุดิบออแกนิก ใช้ข้าวกล้องแทนข้าวขาว เป็นต้น รวมทั้งอาจมีเมนูเฉพาะกิจซึ่งมีให้สั่งได้แค่เฉพาะช่วงเวลาสั้น ๆ ด้วยเช่นกัน

ฉันจำได้ว่าตอนไปเที่ยวโอกินาวา เคยไปคาเฟ่แห่งหนึ่งที่ขายข้าวแกงกะหรี่สูตรพิเศษ ร้านนั้นตั้งอยู่ในมุมเล็ก ๆ ภายในตึกขายสินค้าท้องถิ่น มีที่นั่งเพียง 3-4 โต๊ะเท่านั้น แม้ว่าอาหารและกาแฟร้านนั้นจะอร่อยมาก แต่หลังจากนั้นฉันกลับจำบรรยากาศร้านได้ดีกว่าอาหารเสียอีก อาจเพราะเขาใช้จานและถ้วยที่ทำจากดินเผาซึ่งเป็นสินค้าพื้นเมืองของโอกินาวา แถมยังมีรูปร่างและสีสันแปลกตา อีกทั้งบรรยากาศร้านก็นั่งสบายเสียจนลืมไปเลยว่าร้านนี้เป็นเพียงมุมหนึ่งในตึกธรรมดาเท่านั้นเอง


คงเพราะคาเฟ่เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศแสนสบายอย่างนี้เอง คนญี่ปุ่นจึงหันมาทำ"โอะอุจิคาเฟ่" (おうちカフェ) หรือ 'คาเฟ่ที่บ้าน' กันมาก กิจกรรมนี้มีมาหลายปีก่อนที่จะเริ่มมีโควิดเสียอีก แต่พอโควิดมาเยือน คนต้องอยู่ติดบ้านกันมากขึ้น กระแสคาเฟ่ที่บ้านเลยยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นไปอีก

พจนานุกรมญี่ปุ่นให้นิยาม "โอะอุจิคาเฟ่" ว่าหมายถึง 'การสร้างบรรยากาศแบบคาเฟ่ในบ้านตนเอง จุดเด่นอยู่ที่การใช้อาหาร เครื่องดื่ม ของกระจุกกระจิก และดนตรี เป็นต้น เพื่อสร้างบรรยากาศหรูและสบาย ๆ แบบคาเฟ่' พูดง่าย ๆ ก็คือ จำลองบรรยากาศแบบคาเฟ่ภายในบ้านนั่นเอง

ฉันเข้าใจว่าการใช้คำว่า "คาเฟ่ที่บ้าน" น่าจะเริ่มมาจากการที่ร้านสะดวกซื้อ Lawson ในญี่ปุ่นออกสินค้าขนมภายใต้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อ "Uchi Café SWEETS" (ขนมหวานคาเฟ่ที่บ้าน) เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 ภายใต้คอนเซ็ปต์ทำบ้านให้เป็นคาเฟ่
แต่เดิม Lawson ก็ทำขนมหวานของตัวเองออกมาวางขายอยู่แล้ว แต่ที่หันมาทำแบรนด์ใหม่ "Uchi Café SWEETS" ก็เพราะทำสำรวจกลุ่มลูกค้าแล้วพบว่า สตรีอายุ 20-30 ปีซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ให้ความสนใจสูงกับเรื่องขนมหวาน มักจะยุ่งกับการทำงานหรือไม่ก็การเลี้ยงลูก และได้รับประทานขนมหวานช่วงเย็นหรือช่วงดึก บริษัทจึงออกความคิดว่าอยากให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับขนมอร่อย ๆ และช่วงเวลาสบาย ๆ แบบคาเฟ่ภายในบ้านหรือที่ทำงาน ก็เลยทำขนมแบรนด์นี้ขึ้นมา ส่วนใหญ่หน้าตาขนมจะดูดีแบบขนมตามร้านคาเฟ่ หรือใช้วัตถุดิบดีหน่อย แต่ราคาไม่แพงมาก ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจาก Lawson แล้ว แฟมิลี่มาร์ทและเซเว่นอีเลเว่นของญี่ปุ่นก็ทำขนมหวานของตัวเองออกมาเช่นกัน เพียงแต่อาจจะไม่ได้เรียกชื่อว่า "คาเฟ่ที่บ้าน" เหมือน Lawson แต่หลายอย่างก็ดูดีและรสชาติใช้ได้ ที่น่าสนใจคือร้านสะดวกซื้อเหล่านี้จะคอยผลัดเปลี่ยนทำสินค้าขนมหน้าตาใหม่ ๆ ออกมาอยู่เรื่อยตามฤดูกาล บางอย่างก็มีขายเฉพาะในบางท้องถิ่นเท่านั้น ทำให้ลูกค้าไม่เบื่อกับขนมหน้าตาซ้ำซากจำเจ

ต่อมาก็มีคนทำคาเฟ่ที่บ้านด้วยการลงมือเข้าครัวทำอาหาร ขนม และเครื่องดื่มเอง จากนั้นก็แปะรูปลงสื่อโซเชียลต่าง ๆ ทำให้กระแสทำคาเฟ่ที่บ้านบูมขึ้นเรื่อย ๆ มีการใช้แฮชแท็ค #おうちカフェ (คาเฟ่ที่บ้าน) ในอินสตาแกรมถึง 6.4 ล้านครั้งเลยทีเดียว (ณ สิงหาคม พ.ศ. 2564)

การที่คาเฟ่ที่บ้านได้รับความนิยมน่าจะมาจากสาเหตุหลายประการ อาทิ ค่าใช้จ่ายถูกกว่าไปรับประทานที่ร้าน สามารถทำเองได้ไม่ยาก จะต่อเติมเสริมแต่งอะไรเข้าไปให้ดูไม่ซ้ำใครก็ได้ อีกทั้งยังได้สนุกกับช่วงเวลาตระเตรียมของจนกระทั่งทำเสร็จได้รับประทาน แถมใครชอบเล่นโซเชียลก็ได้โอกาสลงรูปกันสนุกอีก


ช่วงนี้คนเครียดกันเยอะแยะ หลายคนก็อยู่บ้านจนเซ็ง ลองหาเวลาทำคาเฟ่ที่บ้านให้ตัวเองหรือคนในครอบครัวกันดีไหมคะ จะได้ถือโอกาสพักผ่อนหย่อนใจบ้าง เผลอ ๆ อาจได้เจองานอดิเรกหรือความชอบใหม่ ๆ ด้วยนา

แน่นอนว่าคอนเซ็ปต์ของคาเฟ่ที่บ้านไม่ได้อยู่ที่การมีของกินและเครื่องดื่มเป็นอันจบ แต่อยู่ที่การสร้างบรรยากาศสบาย ๆ แบบคาเฟ่ เพราะฉะนั้นหากนึกอยากพักผ่อนจิบน้ำชารับของว่าง เพื่อน ๆ ก็อาจจะตระเตรียมอะไรบ้างนิดหน่อยให้ดูดี และสร้างบรรยากาศไปด้วยในตัว

ขั้นแรกก็ต้องเตรียมพื้นที่กันก่อน อาจจะเลือกมุมหนึ่งของห้องหรือของบ้านมาสักมุม แล้วหาโต๊ะเล็ก ๆ มาวาง ใช้แผ่นรองแก้วหรือแผ่นรองจานอาหารสวย ๆ เอาดอกไม้ปักแจกันเก๋ไก๋มาแต่งเสียหน่อย แค่นี้ก็เริ่มได้บรรยากาศร้านคาเฟ่หน่อย ๆ แล้ว

แต่ถ้าใครไม่มีอุปกรณ์ครบครัน ก็ไม่ต้องถึงขนาดไปหาซื้อให้สิ้นเปลืองนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวพอเลิกเห่อแล้วจะมีอะไรก็ไม่รู้เต็มบ้านไปหมด แค่เอาของที่มีในบ้านมาพลิกแพลงใช้ก็ได้แล้ว ถ้าไม่มีโต๊ะ อาจจะหาถาดมาใส่ของกินกับเครื่องดื่มวางแทนโต๊ะ แล้วนั่งกับพื้น แคร่ ตั่ง เฉลียง ชาน หรือบนพื้นหญ้า อย่างนี้ก็ได้ ลองนึกดูว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความรู้สึกพิเศษและสบายอารมณ์ยิ่งกว่าการรับประทานอาหารหรือของว่างในบ้านตามปกติ ก็คงมีไอเดียผุดขึ้นมามากมายให้สนุกกันละค่ะ


บ้านฉันที่ไทยมีเฉลียงอยู่ติดกับบ่อน้ำเล็ก ๆ แม่เคยปลูกบัวในบ่อน้ำนี้อยู่หลายกระถางดูสวยเพลินตาดี เมื่อก่อนฉันชอบมานั่งอ่านหนังสืออยู่แถวเฉลียงที่ว่า ถ้าจะทำคาเฟ่ที่บ้านฉันก็คงจะเลือกมุมนี้แหละ แล้วหาถาดหรือผ้าลายสวย ๆ มาปูที่พื้นเฉลียง แล้วค่อยวางจานของกินกับแก้วเครื่องดื่ม นั่งชิลล์เพลิน ๆ ได้

จานชามก็มีส่วนสร้างบรรยากาศได้นะคะ แต่ถ้ามันไม่ได้สะสวยอย่างที่ใจต้องการ ก็อาจจะใช้วิธีจัดวางอาหารให้ดูเก๋ไก๋ เอาใบตองหรือกระดาษเช็ดปากมีลวดลายมาวางบนจาน แล้วค่อยวางขนมลงไป แค่นี้ก็น่ามองแล้ว อาจจะดูคลาสสิกกว่าใช้จานชามสวย ๆ อีก

หากใครไม่ถนัดทำอาหารและเครื่องดื่ม ก็อาจจะหาซื้อหรือสั่งซื้อเอาก็ได้ เดี๋ยวนี้คนทำขนมขายออนไลน์กันเยอะแยะ มีให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว จะได้ถือโอกาสอุดหนุนกันในยามยากด้วยนะคะ แต่ถ้าใครอยากลองทำเองฉันก็เชียร์เต็มที่ คือจากประสบการณ์แล้วฉันเคยคิดว่าของกินหรือขนมอร่อย ๆ นี่มันคงต้องทำยากมาก แต่พอได้ลองทำขึ้นมาสักอย่างแล้ว จึงได้อุทานในใจว่า... "ไฮ้! ง่ายปานนี้เชียวรึ ??"  แถมเวลาได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ก็เพลินดี ได้ลับสมองเป็นของแถม แล้วยังได้ลุ้นด้วยเพราะไม่รู้ว่ามันจะออกมาหน้าตาอย่างไร กินได้ไหม ก็เป็นบรรยากาศสนุกไปอีกแบบนะคะ


อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือดนตรี โดยมากร้านคาเฟ่จะเปิดดนตรีแจ๊สหรือบอสซาโนวา คงเพราะให้ความรู้สึกแจ่มใสรื่นเริง และสร้างบรรยากาศสบาย ๆ ได้ง่าย เดี๋ยวนี้มี BGM ทางยูทูปให้ฟังฟรีมากมาย สามารถเปิดคลอไปได้เรื่อย ๆ ตัวฉันเองก็มักเปิดเพลงแจ๊สฟังเวลาทำงาน เพราะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกราวกับบรรยากาศรอบตัวคลายความร้อนลง คงเพราะปกติจะได้ยินเพลงแจ๊สเวลาอยู่ในร้านกาแฟหรือร้านคาเฟ่เย็น ๆ เลยพลอยรู้สึกเหมือนอยู่ในที่เย็น ๆ ไปด้วย ถ้ามีชาหรือกาแฟสักถ้วย หรือโกโก้เย็นสักแก้วละก็ ยิ่งได้บรรยากาศคล้ายนั่งทำงานในร้านกาแฟเลย ทั้งที่ตัวอยู่บ้านนี่แหละ

ฉันคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับช่วงเวลาทำคาเฟ่ที่บ้าน ก็คือการที่เราได้พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางบรรยากาศที่บรรจงเสกสรรค์ขึ้นมา เพราะฉะนั้นจึงน่าจะเป็นการดีกว่ากันมากหากเพื่อน ๆ จะวางมือถือหรือแท็บเบล็ตลง ปิดโทรทัศน์ ใช้เวลานี้อยู่กับตัวเอง อยู่กับคนที่นั่งอยู่กับเรา สนทนากัน เพลิดเพลินกับอาหารเครื่องดื่มตรงหน้า และดนตรีสบาย ๆ ภายในช่วงเวลาอันร่มรื่นนี้ แล้วช่วงเวลาของคาเฟ่ที่บ้านจะมีความหมายกว่าที่คิดเยอะเลย ลองดูนะคะ
#2858
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#2859


นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานของครึ่งปีแรกปี 2564 มีรายได้จากการขาย 1,401.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวด 6 เดือนแรกของ ปี 2563 ซึ่งมีรายได้จากการขาย 849.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 552.57 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65.08% บริษัทมีรายได้รวม 522.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51.99 ล้านบาท ในไตรมาส2/2564 ทำให้มีมีผลประกอบการ 6 เดือน กำไรสุทธิ 132.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีต้นทุนทางการเงินลดลง ร้อยละ 47.58 ด้วยปัจจัยสนับสนุนความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทโครงการแนวราบในระดับราคา 3-5 ล้านบาทอยู่ในระดับสูง บริษัทพร้อมเดินตามแผน เตรียมพัฒนาโครงการใหม่ตลาดระดับราคาบ้าน 3-5 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพหลัก อาทิโซนเหนือ และโซนตะวันออก ในไตรมาส 3 นี้ เพื่อเร่งหนุนรายได้ทั้งปีโตอย่างต่อเนื่อง

"เอ็น.ซี มีการปรับตัวได้ดี มีการควบคุมเข้มเรื่องการบริหารต้นทุนในองค์กร มีระบบบริการออกมาดูแลลูกค้า ให้ความสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยผนวกนวัตกรรม Smart Eco, Smart Care"

นายสมนึก กล่าวถึงสถานการณ์ COVID-19 ยังส่งผลให้อุปสงค์ของผู้บริโภคยังมีความไม่มั่นใจ อย่างไรก็ตามในไตรมาส 3 เอ็น.ซี มีความพร้อมที่จะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนยอดขายให้เติบโต สำหรับยอดขาย เป็นที่น่าพอใจสามารถทำยอดขายได้กว่า 2,200 ล้านบาท

พร้อมยังกล่าวเสริมต่อ เอ็น.ซี คงมุ่งเดินหน้าเพื่อเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ในปี 2564 ตามเป้า 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท พัฒนาสินค้าทาวน์เฮาส์, บ้านแฝด, บ้านเดี่ยว ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ด้วยราคาที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดบ้านแนวราบ โดยขยายทำเลเพิ่มครอบคลุมพื้นที่ 4 ทำเลศักยภาพ (โซนเหนือ , โซนตะวันตก,โซนใต้ และโซนตะวันออก ของกรุงเทพฯและปริมณฑล) เพิ่มกำลังการผลิตบ้านด้วยระบบเทคโนโลยีการก่อสร้างทันสมัยขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มตลาดบ้านแนวราบ ทำให้ เอ็น.ซี มีความพร้อมที่จะเดินตามแผน ในตลาดศักยภาพใหม่ๆ รุกต่อด้วยเป้ายอดขาย 3,500 ล้านบาท และรับรู้รายได้ปีที่ 2,000 ล้านบาท.
#2860


เรียกเสียงฮือฮาในโลกโซเชียลได้อย่างล้นหลาม เมื่อผู้ผลิต "กระดาษกงเต็ก" รายหนึ่งในประเทศมาเลเซีย เกิดไอเดียสุดบรรเจิดออกแบบ กงเต็กวัคซีนโควิด ต้อนรับเทศกาล "วันสารทจีน" ปี 2564 ลูกหลานแดนมังกรที่อยากให้บรรพบุรุษปลอดภัยจากโควิด-19 น่าจะถูกใจไม่น้อย

โดยเว็บไซต์ TheStar - มาเลเซีย รายงานว่า ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่กระจายไปทั่วโลก ผู้คนต่างก็ต้องการฉีดวัคซีนโควิด เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 และด้วยกระแสมาแรงของวัคซีนโควิดในยุคนี้

"เรย์มอนด์ ชีห์" เจ้าของร้านกระดาษกงเต็กเจ้าหนึ่ง ในเมืองยะโฮร์บาห์รู ประเทศมาเลเซียจึงได้ออกแบบ กงเต็กวัคซีน ที่ทำจากกระดาษที่ขึ้นรูปเองด้วยมือ วางจำหน่ายในช่วงวันสารทจีนของปีนี้ เพื่อให้ลูกหลานได้เผาส่งไปให้บรรพบุรุษ (ตามความเชื่อของชาวจีน) จะได้ปลอดภัยจากโควิดกันถ้วนหน้าในปรโลก


เจ้าของร้านดังกล่าว เล่าว่า ไอเดียนี้เกิดจากลูกค้าบางคนอยากให้เขาทำกงเต็กในรูปแบบ "วัคซีนกระดาษ" เนื่องจากพวกเขาต้องการส่งมอบวัคซีนไปให้แก่ญาติๆ ผู้ล่วงลับ รวมถึงวิญญาณเร่ร่อนสำหรับเทศกาลวันสารทจีน (Hungry Ghost Festival) ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 22 สิงหาคม 2564

"ผมตัดสินใจลองทำดู เพราะมีความเชี่ยวชาญด้านการทำกระดาษกงเต็งเหล่านี้อยู่แล้ว โดยใช้เวลาประมาณ 2 วัน ในการสร้างชุดกระบอกฉีดยาขนาดใหญ่ และขวดวัคซีนกระดาษที่เลียนแบบจากของจริง หลังจากที่แชร์รูปกงเต็กวัคซีนดังกล่าวไปบนหน้าเพจเฟซบุ๊คของผม ผมก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้า และมีการสั่งซื้อเข้ามาอย่างรวดเร็ว" ชีห์บอก

ทั้งนี้ กงเต็กชุดวัคซีนโควิด 3 ขวด พร้อมเข็มฉีดยา 1 เข็ม จำหน่ายในราคาชุดละประมาณ 30 ริงกิตมาเลเซีย คิดเป็นเงินไทยประมาณ 236.13 บาท

ส่วนที่เห็นผลงานออกมาดูดีเหมือนจริงได้ขนาดนี้ ก็เป็นเพราะว่า ชีห์ เคยทำงานเป็นนักออกแบบกราฟิกในสิงคโปร์มาก่อน จากนั้นเขาได้กลับมาอาศัยอยู่ที่เมืองยะโฮร์บารู เพื่อเริ่มต้นธุรกิจเกี่ยวกับกระดาษกงเต็กชนิดต่างๆ เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว

เขาบอกเล่าเพิ่มเติมว่า ธุรกิจของเขาเอง ก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจย่ำแย่ในช่วงโควิด-19 ระบาดเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงต้องปรับตัวให้สินค้าของเขาเท่าทันยุคสมัย เพื่อให้ลูกค้าไม่เบื่อกับรายการสินค้ารูปแบบเดิมๆ ซึ่งในภาพรวมธุรกิจของเขามียอดขายลดลงเพียงประมาณ 10% ซึ่งก็เรียกว่ายังไหวอยู่ เมื่อเทียบธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องปิดตัวในช่วงการระบาดใหญ่ 

"มีร้านขายของกระจุกกระจิกมากมายในยะโฮร์บารู ดังนั้นสินค้าในร้านผมเลยต้องโดดเด่นกว่าคู่แข่ง ลูกค้ามักจะชื่นชมผลิตภัณฑ์ในร้านที่เราตั้งใจทำ ผมเองก็หวังว่าผลิตภัณฑ์ในร้านผมจะสามารถให้ความอุ่นใจแก่ลูกค้าและช่วยให้พวกเขาเติมเต็มความปรารถนาดีไปยังบรรพบุรุษที่พวกเขารักได้" ชีห์กล่าว

----------------------

อ้างอิง : thestar.com