• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Beer625

#2941
โปรแกรมเจ้ามือหวย8 เหตุผล ที่คุณต้องใช้ โปรแกรมหวย RICHMANTOOLโปรแกรมหวย ของ Ricmantool เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นมา เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก แก่เจ้ามือหวย ลดขั้นตอนการทำงาน ลดขั้นตอนการผิดพลาดที่ อาจจะเกิดการตกหล่น จดซ้ำซ้อน จนทำให้เกิดความเสียหายไปดึงด้านการทำบัญชี และการเงินได้ แนะนำ 8 ข้อดีของ โปรแกรมหวย RICHMANTOOL1.มีหลายเวอร์ชั่นให้เลือกใช้งาน เหมาะสมกับธุรกิจของคุณโปรแกรมของเรา พัฒนามาเพื่อเจ้ามือโดยเฉพาะ เราจึงคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลัก ที่เรามีหลายเวอร์ชั่น เพื่อต้องการให้เจ้ามือได้ลองเลือกใช้ หากเป็นรายใหญ่มีตัวแทนเยอะ ก็มีระบบที่สามารถใช้ได้หลายคน หรือ บางท่านทำแค่ภายในครอบครัว ก็สามารถซื้อแบบเวอร์ชั่นเล็กสำหรับใช้งานคนเดียวได้2.พัฒนาโปรแกรมตลอดเวลาโปรแกรมของเราพัฒนาขึ้นเองโดยเจ้าของโปรแกรม ไม่ได้มีการจ้างโปรแกรมเมอร์อื่นๆเข้ามาทำ ดังนั้น เราจึงสามารถพัฒนาเวอร์ชั่นได้อย่างต่อเนื่อง และ อัพเดทได้ ไม่มีวันหมดอายุ3.มีผู้ใช้งานมากกว่า 100,000 Userเราพัฒนาระบบนี้มามากกว่า 5 ปี พร้อมนำฟีดแบ็คจากผู้ใช้งานมาปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ4.มีทีมงาน Support ตลอดเวลาทีมงาน Support ของเรา สแตนบายเพื่อคอยให้การช่วยเหลือ หรือ แก้ไข กับผู้ใช้งาน สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทาง email และ Line OA จึงทำให้สามารถตอบคำถาม หรือ แก้ไขปัญหาได้ทันที5.ลดขั้นตอนการทำงานเชื่อได้ว่า ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน หลายๆเจ้าจะต้องมีปวดหัวกับการต้องมานั่งจดเลขทีละตัว หรือ ต้องมานั่งเช็คอีกรอบเพื่อกันการผิดพลาด เพียงแค่มี โปรแกรมหวย richmantool6.ใช้งานง่าย ส่งมาทางไหนก็เอาอยู่ไม่ว่าจะเป็นไฟล์จาก excel หรือ ส่งมาทาง Line ก็สามารถดึงตัวเลขเข้าโปรแกรมได้ทันที นอกจากนี้  ยังสามารถ คีย์เลขชุด 24,60,120,210 ประตู (4,5,6,7 ตัว ) ได้อีกด้วย7.ไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลจะหายเรามีระบบสำรองข้อมูล และ ป้องกันการผิดพลาดของฐานข้อมูลไว้ให้ทุกท่านได้ใช้งาน และยังสามารถนำเข้าข้อมูลมาในโปรแกรมได้อีกด้วย8.สรุปยอด วิเคราะห์ระบบสามารถสรุปยอด กำไร - ขาดทุน และวิเคราะห์ความเสี่ยงก่อนออกตัว ทำให้เจื้อ สามารถเห็นความเป็นไปได้ในการดำเนินการของรอบนั้นๆ ลดการขาดทุนแก่เข้ามือได้อีกด้วยไม่เพียงแค่ 8 ข้อนี้เท่านั้น ที่ระบบเราทำได้ ยังมีอีกเยอะแยะมากมาย อยากแนะนำมาทดลองใช้กันก่อน เพื่อเพิ่มความแม่นยำ และ ลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการขาดทุนได้ เรามีทีมงานทีจะคอยแนะนำการใช้งานให้ท่านเสมอ โปรแกรมของเรา ยอดดาวน์โหลดอันดับ 1 ในประเทศไทย

#2942



"พิพัฒน์" เผย "โค้ชเช" เปิดข้อมูลสุดทึ่ง! เยาวชนไทยแห่เรียนเทควันโดมากถึง 1 ล้านคนในปัจจุบัน หลังเกิดกระแสความสนใจ นักกีฬาเทควันโดรุ่นพี่ได้เหรียญรางวัลโอลิมปิกจุดประกาย คาดพอ "น้องเทนนิส" คว้าเหรียญทองมาครอง หนุนคนสนใจเรียนเทควันโดอีกล้นหลาม

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากการได้พูดคุยกับนายชเว ยองซอก (Choi Young Seok) หรือ "โค้ชเช" หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย นอกเหนือจากเรื่องขอเปลี่ยนเป็นสัญชาติไทย และความมุ่งมั่นของโค้ชเชที่ต้องการสร้างนักกีฬารุ่นใหม่มาเสริมทัพนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยแล้ว ยังได้รับทราบข้อมูลน่าทึ่งจากโค้ชเชด้วยว่าปัจจุบันมีเยาวชนไทยมาเรียนและฝึกซ้อมเทควันโดมากถึง 1 ล้านคน

"ผมฟังแล้วถึงกับประหลาดใจอย่างมาก เมื่อทราบว่าปัจจุบันมีตัวเลขเยาวชนไทยเรียนและฝึกซ้อมเทควันโดมากถึง 1 ล้านคน จากกระแสความสนใจกีฬาเทควันโดในไทย เยาวชนมีนักกีฬารุ่นพี่ได้เหรียญรางวัลโอลิมปิกและมีนางสาวพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือ "น้องเทนนิส" เป็นหนึ่งในไอดอล จึงคาดว่าหลังจากน้องเทนนิสประสบความสำเร็จได้เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 น่าจะมีเยาวชนสนใจกีฬาเทควันโดเพิ่มขึ้นอีกมาก พร้อมแจ้งเกิดไอดอลเก่งๆ คนใหม่มาประดับวงการกีฬาไทย" รมว.การท่องเที่ยวฯกล่าว
#2945



ในปัจจุบันภาวะโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังคงเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจ จากรายงาน IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change) ชี้ให้เห็นว่าแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจก มาจากภาคพลังงาน ร้อยละ 35 รองลงมาคือภาคอุตสาหกรรม คิดเป็นร้อยละ 18 รวมถึงภาคอาคารวัสดุก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ 8

ยิปซัมตราช้าง ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์แผ่นยิปซัม และนวัตกรรมระบบฝ้าเพดานและผนังยิปซัมในประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของ "ธุรกิจคาร์บอนต่ำ" และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยภาคธุรกิจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก.

คุณ จรุง กาญจนภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิปซัม (สระบุรี) จำกัด เผยเทรนด์การทำธุรกิจว่าตอนนี้โลกกำลังมุ่งสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ ภาคธุรกิจก็เช่นเดียวกัน ที่ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น โดย ยิปซัมตราช้าง กำลังเดินหน้าเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ต่ำที่สุดและต้องทำอย่างต่อเนื่อง

"ปัจจุบันเราเป็นบริษัทผู้ผลิตแผ่นยิปซัมรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ ซึ่งมั่นใจได้ว่าตัวผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต การใช้งาน ตลอดจนการกำจัดเศษซากจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง"

คุณ จรุง กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ปัจจุบันกฎหมายจะไม่ได้บังคับใช้ในเรื่องฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ แต่เราเข้าใจและตระหนักดีถึงความสำคัญและยังคงเดินหน้าสร้างโมเมนตัมผลักดันให้ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันธุรกิจเองจะได้รับผลพลอยได้จากการดำเนินงานเรื่องนี้ในเชิงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองแล้ว ได้แก่ แผ่นยิปซัมมาตรฐาน ตราช้าง พลัส ความหนา 9 มม. แผ่นยิปซัมทนชื้น ตราช้าง พลัส ความหนา 9 มม. และแผ่นยิปซัมทนไฟ ตราช้าง ความหนา 15 มม.

"เราใส่ใจทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่วัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิตจากฐานผลิตหลักที่จังหวัดสระบุรี การกระจายสินค้า และการใช้ประโยชน์ ตลอดจนการกำจัดซากที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

นอกจากนี้การเลือกใช้ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ เป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การประเมินอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้แก่ มาตรฐาน TREES (Thai's Rating of Energy and Environmental Sustainability)  โดยสถาบันอาคารเขียวไทย (TGBI) รวมถึงการประเมินมาตรฐานอาคารเขียว หรือ LEED (Leadership in Energy & Environmental Design) ซึ่งเป็นระบบการรับรองอาคารที่ยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ภาคธุรกิจ

คุณ ยุทธศักดิ์ นฤชัยปราโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสถาปัตยกรรม บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิปซัม (สระบุรี) จำกัด อธิบายถึงความสำคัญของ ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ ที่ช่วยประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมขององค์กร นำไปสู่การหาแนวทางในการลดก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และลูกค้าด้วย

"ประโยชน์สำหรับเจ้าของโครงการคือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่โครงการนั้น ๆ และยังตอกย้ำความตั้งใจที่จะรับผิดชอบต่อสังคม ขณะที่ลูกค้าตรงของโครงการ หรือเจ้าของบ้าน จะมั่นใจได้ว่าเขาอยู่ในอาคารที่มีวัสดุก่อสร้างผ่านเกณฑ์มาตรฐานฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ในขณะที่กลุ่มนักออกแบบหรือสถาปนิก จะมั่นใจได้ว่างานที่ออกแบบมีการสเปกงานจากผลิตภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรมเชิงนิเวศ"

คุณ ยุทธศักดิ์ สรุปหลักง่ายๆ ว่าการพิจารณามาจากการคิดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของช่วงวัฏจักรชีวิตแต่ละผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ การผลิต การกระจายสินค้า การใช้ประโยชน์และการกำจัดซาก โดย ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์มี 3 รุ่น ได้แก่ แผ่นยิปซัมมาตรฐาน ตราช้าง พลัส ความหนา 9 มม. ได้ค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ 3.43 ในขณะที่แผ่นยิปซัมทนชื้น ตราช้าง พลัส ความหนา 9 มม. ได้ 3.35 และ แผ่นยิปซัมทนไฟ ตราช้าง ความหนา 15 มม. ได้ 7.98

คุณ จรุง ปิดท้ายว่า การขอฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเราที่มีมายาวนานกว่า 10 ปี นอกจากนี้ ยิปซัมตราช้าง ได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น รางวัลโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) รวมถึงการดำเนินการเรื่องการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ หรือ LCA (Life Cycle Assessment) ตลอดจนมาตรฐานสิ่งแวดล้อม EPD (Environmental Product Declaration) ที่เราได้ทำมาตลอด และยังมุ่งมั่นเดินหน้ายกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างไทยให้เติบโตเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดูแลสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
#2946


กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือ พพ. ขับเคลื่อนการสร้างการรับรู้ในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก โดยจัดทำคู่มือประชาสัมพันธ์ในรูปแบบ e-book และสารคดีผ่านช่องทางออนไลน์ และสื่อทีวี ชวนประชาชนศึกษาข้อมูลโครงการ ฯ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ และความเข้าใจในทิศทางที่ถูกต้อง ส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ให้บรรลุเป้าหมายตามแผนส่งเสริมพลังงานทดแทน มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมาย สามารถเข้าถึงข้อมูลองค์ความรู้ และผลประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับจากโรงไฟฟ้าชุมชน พุ่งเป้า ประชาชนทุกภูมิภาค ทั่วไทย มีความรู้ ความเข้าใจถึงประโยชน์จากโรงไฟฟ้า ฯ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วม สู่การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นรูปธรรม ผู้ที่สนใจสามารถ คลิ๊กดาวน์โหลด e-book คู่มือโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากได้ที่ https://online.fliphtml5.com/vsrsk/pcfu/

ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วาระการประชุมครั้งที่ 2/2563 (ครั้งที่ 151) วันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 มีมติเห็นชอบกรอบหลักการและเงื่อนไขการเปิดรับซื้อไฟฟ้าฯ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เนื่องจากการจัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชน ถือเป็นหนึ่งในนโยบายพลังงานเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเพื่อช่วยให้ชุมชนมีรายได้จากการเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า และลดภาระค่าใช้จ่าย มีรายได้จากการจำหน่ายวัสดุทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ลดการย้ายถิ่นฐานของแรงงาน เกิดการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในชุมชน โดยมีเป้าหมายรับซื้อไฟฟ้าเข้าระบบไม่เกิน 150 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล 75 เมกะวัตต์ เสนอขายโครงการละไม่เกิน 6 เมกะวัตต์ และเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ(พืชพลังงาน ผสมน้ำเสีย/ของเสีย น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25%) 75 เมกะวัตต์ เสนอขายโครงการละไม่เกิน 3 เมกะวัตต์

ที่ผ่านมา พพ. ได้มีการดำเนินโครงการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการผลิตและการใชพลังงานทดแทน ที่มีความเหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากสร้างความมั่นคงต้านพลังงาน ยังเป็นการช่วยส่งเสริมด้านอาชีพและรายได้ของชุมชน เกิดระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนในชุมชน พพ. จึงได้จัตทำ "โครงการสื่อสารสร้างการรับรู้ตามนโยบายส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก" ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการชับเคลื่อนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ให้บรรลุเป้าหมายตามแผนส่งเสริมพลังงานทดแทน โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นชุมชนวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้สามารถเข้าถึงข้อมูลองค์ความรู้ และผลประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับจากโรงไฟฟ้าชุมชนเกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการขับเคลื่อนโรงไฟฟ้าชุมชนให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับจากชุมชน

ด้วยเหตุนี้ การจัดทำคู่มือโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในรูปแบบ e-book จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสื่อสาร ซึ่งเป็นเครื่องมือส่งข้อมูลด้านโรงไฟฟ้าชุมชนที่ถูกต้องไปยังประชาชนกลุ่มเป้าหมาย อาทิ ภาพรวมแนวนโยบายของโรงไฟฟ้า ฯ ประเภทของโรงไฟฟ้าชุมชน และ หลักการผลิต ตลอดจนกรอบการใช้งานโรงไฟฟ้า ฯ เป็นต้น ซึ่งคาดหวังว่า จะเป็นการช่วยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการ ฯ และเล็งเห็นว่า โรงไฟฟ้าชุมชน จะเข้ามาช่วยให้เกิดประโยชน์รอบด้านกับชุมชน และประชาชนอย่างแท้จริง

ผู้ที่สนใจ และประชาชนเป้าหมาย สามารถ คลิ๊กดาวน์โหลด e-book คู่มือโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากได้ที่ https://online.fliphtml5.com/vsrsk/pcfu/
#2947


ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ เผย พยกลุ่มแรงงานต่างด้าว บ.สหฟาร์ม พบติดเชื้อโควิด เร่งควบคุมโรคในพื้นที่ควบเฉพาะแบบมีส่วนร่วม 'บับเบิล แอนด์ ซีล'

รายงานข่าวจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบูรณ์ ระบุว่า กรณีการตรวจพบแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ของ บริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) จ.เพชรบูรณ์ ติดเชื้อโควิด-19 ได้รับการเปิดเผยจาก นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ระบุว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ตรวจพบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด–19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ของ บริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) ซึ่งพบผู้ติดเชื้อ จำนวน 2 ราย เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2564

จากนั้น จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงได้แจ้งสั่งการให้พนักงานควบคุมโรคอำเภอบึงสามพัน ร่วมกับบริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาตามหลักการบริหารจัดการควบคุมโรคในพื้นที่ควบเฉพาะแบบมีส่วนร่วม (Bubble and Seal) และดำเนินการตามมาตรการจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีคำสั่งจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ 1649/2564 ให้ บริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) หยุดกระบวนการผลิตในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 – 26 กรกฎาคม 2564 เพื่อคัดกรองกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และดำเนินการดำเนินการบริหารจัดการควบคุมโรคในพื้นที่ควบเฉพาะแบบมีส่วนร่วม (Bubble and Seal)และระหว่างการดำเนินการควบคุมโรค พนักงานควบคุมโรคอำเภอบึงสามพัน ได้แจ้งให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มแรงงานดังกล่าวที่อยู่ในชุมชน หมู่บ้านแยกกักตัว เป็นเวลา 14 วัน และให้พนักงานควบคุมโรคในพื้นที่ได้เร่งดำเนินการสุ่มตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกเพิ่มเติม ด้วยวิธี antigen test kit ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ซึ่งมีจำนวนแรงงานทั้งหมด 7,500 ราย ได้ดำเนินการสุ่มตรวจไปแล้ว จำนวน 2,950 ราย พบผู้ติดเชื้อ (ผลบวก) จำนวน 1,068 ราย และอยู่ในระหว่างตรวจค้นหาเชิงรุกอีก 4,250 ราย ซึ่งจะเร่งดำเนินการตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 กรกฎาคม 2564 เพื่อคัดแยกกลุ่มผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกัน หลังจากนั้นก็จะนำผู้ป่วยที่พบเชื้อเข้าแยกกักในโรงพยาบาลสนามที่จัดเตรียมไว้แล้ว 1,292 เตียง และได้วางแผนขยายจำนวนเตียงได้อีกประมาณ 2,000 เตียง และหากตรวจพบผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ของ บริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) ได้รับการฉีดวัคซีน ครบ 2 เข็มไปแล้ว จำนวน 3,000 ราย และได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้ว 1,500 ราย และบริษัทได้กำหนดแผนการฉีดวัคซีนให้กับแรงงานต่างด้าวและพนักงานของบริษัทให้ครอบคลุม 100% ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2564

ด้านนายสมพงษ์ ทองหนูนุ้ย นายอำเภอบึงสามพัน ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง งัดมาตรการเข้ม ตั้งด่านสกัด คัดกรอง และห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการแพร่ระบาดเพิ่ม พร้อมเตรียมสั่งปิด 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ 2 บ้านเขาเกตุ บ้านหนองปล้อง หมู่ 4 บ้านลำตะคล้อ และ หมู่ 15 บ้านลำตะคล้อใต้ ต.กันจุ อ.บึงสามพัน

ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์และผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ได้ร่วมกันดำเนินการจัดตั้งจุดตรวจคัดกรองเข้มงวดในพื้นที่ควบคุมบริเวณชุมชนโดยรอบบริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) จำนวน 7 จุดตรวจ เพื่อลดและจำกัดเคลื่อนย้ายการเดินทางเข้าออกพื้นที่อย่างเข้มงวดไม่ให้มีคนเข้าออกพื้นที่พื้นที่โดยรอบ บริษัท โกลเด้นไลน์ บิสซิเนส จํากัด (สหฟาร์ม) เพื่อป้องกันการกระจายของเชื้อโควิด 19

ส่วนเรื่องไก่สดที่ส่งออกมาจำหน่ายนั้น จะมีการตรวจเชื้อจากทางสำนักงานสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัย
#2948


จากยอดผู้ป่วยรายใหม่ในกทม.และปริมณฑล พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เตียง ไอซียูในโรงพยาบาลต่างๆ ไม่เพียงพอรองรับผู้ป่วยได้ 'การนำผู้ติดเชื้อโควิด 19 กลับภูมิลำเนา' จึงเป็นอีกหนึ่งมาตรการของภาครัฐที่ได้ดำเนินการขึ้น เพื่อจัดส่ง ผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในกลุ่มที่สามารถเดินทางได้ กลับไปดูแล รักษาใน 'ภูมิลำเนา' ของตนเอง 

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าด้วยความเป็นห่วงจากรัฐบาล ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)วางแผนนำผู้ติดเชื้อโควิด 19 กลับภูมิลำเนาด้วยความปลอดภัย ไม่แพร่เชื้อระหว่างทาง เพราะหลายๆ ท่านอาจไม่มีรถส่วนตัว

การไปรถสาธารณะอาจจะไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้ จึงได้มอบหมายให้ช่วยสร้างระบบที่จะดูแลในเรื่องนี้ ภายใต้การประสานงานร่วมกันระหว่าง (สธ.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงคมนาคม  กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอื่นๆ ที่เข้ามามีส่วนร่วทในการดูแลครั้งนี้

'ผู้ป่วยโควิด' เดินทางกลับ 'ภูมิลำเนา' แล้ว 3 หมื่นกว่าราย
จากประชากรในกทม.มีประมาณ 8 ล้านกว่าคน แบ่งเป็น ประชาชนกรที่มาจากภูมิภาคอื่นๆ ประมาณ 2.41 ล้านคน และกทม. 5.59 ล้านคน ซึ่งอัตราการย้ายถิ่นของประชากร สู่กทม. พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 43.6% ภาคกลาง 25.5% ภาคเหนือ 19.9% และภาคใต้ 5.4% ซึ่งจากอัตราการย้ายถิ่นส่วนใหญ่มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้น กลุ่มนี้น่าจะเป็นกลุ่มที่มีการเดินทางกลับภูมิลำเนามากสุด

ข้อมูลผู้ลงทะเบียนขอเดินทาง กลับภูมิลำเนา เดือนก.ค.ผ่านระบบ ศบค. พบว่า มีทั้งหมด  504,241 ราย แบ่งเป็นวันที่ 19 ก.ค. จำนวน 63,512 ราย วันที่ 20 ก.ค.จำนวน 191,535 ราย วันที่ 21 ก.ค.จำนวน 150,410 ราย และวันที่ 22 ก.ค. จำนวน  98,784 ราย ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ได้มีการออกเดินทางกลับภูมิลำเนาไปเองแล้ว และคาดว่าในจำนวนนี้จะมีผู้ติดเชื้อโควิด 19 ร่วมเดินทางไปด้วย ฉะนั้น นโยบายนี้เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ให้เดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย และหากติดเชื้อจะได้รับการรักษาอย่างเร็ว


ทั้งนี้ การส่งผู้ป่วยโควิด กลับภูมิลำเนาช่วงการระบาดระลอกใหม่ มีจำนวน ผู้ป่วยโควิด เดินทางจาก กทม.และปริมณฑล ทั้งสิ้น  31,175 ราย เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว 70.37% ผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง 21.93% และผู้ป่วยกลุ่มสีแดง 7.7%

โดยวิธีการเดินทางกลับของผู้ป่วย จะเดินทางกลับด้วยตนเองและระบบขนส่งสาธารณะ มีการประสานผ่านศูนย์ร้องทุกข์ของหน่วยงานต่างๆ อาทิ ทบ.และมท. ประสานผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด/สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประสานผ่านระบบ สปสช. สธ. และสพฉ.

สำหรับแนวทางการประสานงาน การส่งต่อ ผู้ป่วยโควิด กลับภูมิลำเนานั้น สามารถประสานได้ ดังนี้

-ประสานไปที่ สปสช. โทร 1330 กด 15  หรือผู้ป่วยติดต่อผ่านศูนย์ COVID -19 จังหวัด/รพ.ปลายทาง ซึ่งจะลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น

-หลังจากนั้น สปสช.จะส่งข้อมูลไปยังทางกระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขจังหวัด ทำหน้าที่ประสานรับส่งตัว ไปยังจังหวัดปลายทาง

-โดยจะมีทาง สพฉ. ประสานว่าจะมีการเดินทางโดยใช้นำรถยนต์ รถไฟ หรือเครื่องบิน

-จะมีเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ทำหน้าที่ประเมินอาการก่อนเดินทาง จัดรถรับส่งถึงปลายทาง และแจ้งข้อมูลกลับไปยังสปสช.

-หลังจากนั้นไปส่งยังจังหวัดปลายทาง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้ดูแล 


โดยการติดต่อประสาน คาดว่าไม่เกิน 3 วันก็จะเดินทางไปถึง ซึ่งระหว่างที่รอ ผู้ป่วยโควิด  ต้องปฎิบัติต้นตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เพราะเป็นผู้ติดเชื้อ ระวังตัวเอง ไม่นำไปสู่การแพร่ะรบาด แต่ถ้ามีอาการหนักขึ้นให้ประสานไปที่ 1330 หรือ 1668 ทันที 

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า
ปัจจุบันในพื้นที่กทม.และปริมณฑลมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว จึงมีความจำเป็นที่ต้องเก็บเตียงให้ผู้ป่วยอาการหนัก กลุ่มผู้ป่วยสีเหลือง และสีแดง 

ดังนั้น ผู้ป่วยสีเขียวจะมีมาตรการต่างๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์พักคอย Home Isolation หรือ Community Isolation  การส่งผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา เป้นทางเลือกอีกทางหนึ่ง ให้ผู้ป่วยได้กลับไปดูแลกับพื้นที่ปลายทาง

ปัจจุบัน ประชาชนจะสามารถเข้าทางเว็บไซต์ https://crmdci.nhso.go.th/ ของสปสช.หรือ สแกนQR code เพื่อลงทะเบียนเลือกจังหวัดปลายทาง และวันที่พร้อมเดินทาง  อีกทั้ง สามารถโทรสายด่วน 1330 กด 15 มีเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ และลงทะเบียนให้ ซึ่งอยากให้ทุกคนมั่นใจวิธีการที่ดำเนินการ เพราะเป็นระบบที่มีมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยแก่ทุกคน
#2949
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#2950


ร้านอาหารเป็นธุรกิจประเภทหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 อย่างหนักหนาสาหัส แม้เป็นสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตมากเพียงใดก็ตาม

หากอยากทราบว่าครึ่งปีที่ผ่านมาธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ใหญ่ๆ เป็นอย่างไรกันบ้าง เอาตัวรอดกันด้วยกระบวนท่าไหน เจ้าหนึ่งที่น่าพูดคุยก็คือ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ 'ไมเนอร์ ฟู้ด' ซึ่งประกอบธุรกิจร้านอาหารทั้งคาวและหวานที่คนไทยคุ้นเคยและผูกพันหลายแบรนด์ ทั้ง The Pizza Company, Sizzler, Burger King, Swensen's, Dairy Queen, Bonchon, The Coffee Club และ Benihana ซึ่งรวมๆ แล้วแบรนด์เหล่านี้มีร้านในเมืองไทยเกือบ 1,600 สาขา และในต่างประเทศอีกเกือบ 800 สาขา


ปี 2563 โควิด-19 เล่นงานชาวโลกตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปี นับเป็นปีที่ยากลำบากมากๆ ปีหนึ่งของธุรกิจร้านอาหาร แต่ไมเนอร์ ฟู้ด เป็นบริษัทที่โดดเด่น และทำผลงานได้ดี สามารถทำกำไรสุทธิได้ 1,500 ล้านบาท

สำหรับปี 2564 นี้ สถานการณ์ยากขึ้น แต่ไมเนอร์ ฟู้ด ทำยอดขายในไตรมาสแรกได้ 5,123 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 160 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าไตรมาส 1 ของปีที่แล้วที่ขาดทุน 97 ล้านบาท ส่วนไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นระลอกที่หนักที่สุดตั้งแต่เกิดการระบาดขึ้นในประเทศไทย ยังไม่ทราบว่าตัวเลขจะออกมาเป็นอย่างไร

ไทยรัฐออนไลน์ชวน ประพัฒน์ เสียงจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มาพูดคุย ถาม-ตอบ รีวิวครึ่งแรกของปี 2564 ว่ายากลำบากขนาดไหนสำหรับธุรกิจอาหาร ไมเนอร์ ฟู้ด สู้ด้วยอาวุธอะไร ผ่านมาในสภาพแบบไหน และชวนมองไปยังครึ่งปีที่เหลือว่าพอจะมองเห็นแสงสว่างหรือไม่ อย่างไร จะเดินต่อด้วยท่าทีและกลยุทธ์แบบไหน

ปี 2564 ครึ่งปีแรกของไมเนอร์ ฟู้ด เป็นอย่างไร
เป็นครึ่งปีที่เร็วที่สุดในชีวิต ผ่านไปครึ่งปีอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีเวลาหยุดคิดเลย เสร็จเรื่องนี้ต่อเรื่องนี้ เรื่องนี้จบต่อเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ผลประกอบการครึ่งปีแรก ถือว่าเป็นผลประกอบการที่เซอร์ไพรส์มาก เพราะว่าเราไม่ได้แพลน และไม่ได้เตรียมงบประมาณไว้ว่าจะมีการระบาดระลอกที่ 3 เราจัดทำงบประมาณของปี 2564 โดยคิดว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไปถึงสิ้นปี 2564 ทุกอย่างควรจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่มันไม่เป็นไปตามนั้น เนื่องจากเกิดการระบาดระลอกที่ 3 ทำให้ผลประกอบการชะงักไปนิดหนึ่ง บางแบรนด์ทำยอดขายไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ที่อยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวคือ Burker King กับ The Coffee Club ยังไม่เปิดร้านประมาณ 30 กว่าสาขา

ใกล้จะหมดไตรมาสที่ 2 แล้ว พอจะเล่าได้ไหมว่าไตรมาสที่ 2 เป็นอย่างไร
ภาพรวมดีขึ้นพร้อมกับยังติดลบอยู่ เพราะว่าในเดือนเดียวกันของปีที่แล้วเคสการติดเชื้อต่ำแล้ว เรานั่งทานในร้านได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ในตอนนี้เรายังมีผู้ติดเชื้อวันละ 3,000 คน เรายังต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคม ความรู้สึกคนถ้าเห็นคนในร้านเยอะก็ยังไม่อยากเข้า กฎนั่งได้ 25 เปอร์เซ็นต์ยังไม่ถูกคลายล็อก บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมภาพรวมยังไม่ดีขึ้นเท่าไร

ปีที่แล้วก็เจอโควิด-19 ไมเนอร์ ฟู้ด ทำอย่างไรให้ยังมีกำไร
ปีที่แล้วไมเนอร์ ฟู้ด น่าจะเป็นธุรกิจร้านอาหารบริษัทเดียวที่ perform ดี เพราะว่าเรามีช่องทางการจำหน่ายอาหารที่หลากหลาย เรามี 1.ไดน์อิน (Dine in) นั่งทานในร้าน 2.เดลิเวอรี่ (Delivery) บริการจัดส่ง ซึ่งเรามีแบรนด์ 1112 ของเราเอง และมีช่องทางของพาร์ตเนอร์ 3.เทกอะเวย์ (Take away) อาหารของไมเนอร์ ฟู้ด หลายหลายอย่างซื้อกลับไปกินที่บ้านได้ 4.ไดรฟ์ทรู (Drive through) ของ Burger King ช่องทางการจำหน่ายของเราไม่ได้ยึดติดกับตัวใดตัวหนึ่ง เมื่อมีปัญหานั่งกินในร้านไม่ได้ เราก็ไปขายอีก 3 ช่องทาง เราโชคดีที่วางช่องทางการจำหน่ายไว้หลากหลายและแข็งแกร่งทุกช่องทาง นั่นคือความต่างเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ก็เลยทำให้ปีที่แล้วผลประกอบการออกมาดีกว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่



สถานการณ์ปีที่แล้วกับปีนี้มีความเหมือน และความต่างอย่างไร สามารถเอากลยุทธ์ที่ใช้ปีที่แล้วมาใช้กับปีนี้ได้ไหม มากน้อยอย่างไร
ใช้ได้ แต่ผลลัพธ์ไม่เท่าเดิม เรายังโฟกัสที่เดลิเวอรี่เหมือนเดิม แต่ปีที่แล้วเราให้โปรโมชั่นได้มาก ปีนี้เราก็ต้องผ่อนๆ ลง เพราะเราจะต้องดูแลเรื่องกำไรมากขึ้นด้วย การให้โปรโมชั่นมากเกินไปก็ไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป เพราะทำให้ยอดขายโดยรวมไม่กลับมา

ตอบคำถามก็คือปีนี้กับปีที่แล้วทำคล้ายๆ กัน แต่ต้องหาวิธีการสื่อสารหลายช่องทางมากขึ้น ที่ว่าคล้ายๆ คือเราโฟกัสที่เดลิเวอรี่คล้ายๆ เดิม ปีนี้บริการ 1112 ของเราโตขึ้นมาก ปีที่แล้วเดือนพฤษภาคม 1112 ทำยอดขายได้ 59 ล้านบาท พฤษภาคมปีนี้ยอดขายเพิ่มเป็น 81 ล้านบาท เราโชคดีที่มี 1112 Delivery ของเราเอง แบรนด์อื่นๆ อาจจะต้องพึ่งพา Grab, foodpanda ซึ่งถ้าไปสัมภาษณ์เจ้าอื่นๆ ก็จะรู้ว่าขายดีไม่ได้แปลว่าได้กำไรดีนะ ถ้าพึ่งพาแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่มากๆ เพราะค่าจีพีมโหฬาร นี่คือความต่างของเรา ซึ่งความต่างนี้ไม่ได้มาโดยบังเอิญ แต่มาจากการที่เราใส่โปรโมชั่นเข้าไปเยอะพอสมควร

เดลิเวอรี่คือความต่างที่สุดของเรา ปีนี้เราใช้ทรัพยากรไปที่เดลิเวอรี่เยอะขึ้น ความต่างเรื่องที่ 2 คือเรื่องการลงทุน เราตัดค่าใช้จ่ายทุกอย่างลง เรารู้ว่าการเปิดร้านไม่ได้แปลว่าจะมีคนเข้ามากเหมือนเมื่อก่อน ฉะนั้นการลดขนาดพื้นที่ร้านสัก 20 เปอร์เซ็นต์ ค่าใช้จ่ายในการสร้างร้านก็อาจจะลด 30 เปอร์เซ็นต์ นี่เป็นกลยุทธ์ที่จะผลักดันทุกแบรนด์ว่าจะต้องไม่ทำร้านใหญ่ๆ แล้ว ความต่างข้อที่ 3 คือบุคลากรหนึ่งคนจะต้องทำงานหลายงานมากขึ้น เราเพิ่มทักษะให้พนักงานสามารถดูแลงานได้มากขึ้น นี่คือความต่างที่เกิดขึ้นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาของไมเนอร์ ฟู้ด

เทียบสถานการณ์ปกติกับในช่วงโควิด-19 สัดส่วนช่องทางการขายเปลี่ยนเยอะไหม อย่างไรบ้าง
เปลี่ยนเยอะมากๆ ช่องทางเดลิเวอรี่เป็นฮีโร่ไปแล้ว แต่ถ้านั่งในร้านได้ไดน์อินก็จะกลับมาเป็นฮีโร่ ถ้าสถานการณ์ปกติยอดขายไดน์อินเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเดลิเวอรี่บวกเทกอะเวย์บวกไดรฟ์ทรูเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ไดน์อินตกลงมาเหลือน้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ฝั่งเดลิเวอรี่, เทกอะเวย์ และไดรฟ์ทรู ขึ้นมาเป็น 80 เปอร์เซ็นต์

สัดส่วนการพึ่งพาแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่เจ้าอื่นกับ 1112 บริการเองเป็นอย่างไร
พาร์ตเนอร์เรายังมีอัตราส่วนยอดขายค่อนข้างสูง และเรามีหลายเจ้าที่เป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีและน่ารักกับเราอยู่ สัดส่วนเป็น 1112 เองสัก 25-30 เปอร์เซ็นต์ ปีที่แล้วมี 5 เปอร์เซ็นต์เอง ตอนนี้หลายๆ แบรนด์ก็กำลังพยายามที่จะโต



ครึ่งปีหลังจะโฟกัสอะไร
เรารอการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากๆ ที่นายกฯ ประกาศว่าอีก 120 วันจะเปิดประเทศ เป็นข่าวดีมากๆ ไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่จริง แต่รู้สึกว่าเป็นวิชั่นที่ดี พอมีกำหนดคนก็เริ่มรู้สึกมีเป้าหมาย 120 วันจะเป็น game changer วิธีคิดของพวกเรา และอีกอย่างหนึ่งที่เรารอก็คือเราอยากให้พนักงานของเราได้ฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดครับ

ระหว่างมีกับไม่มีกำหนดเปิดประเทศ กลยุทธ์ที่เตรียมไว้ต่างกันอย่างไรบ้าง
ต่างกัน เพราะว่าตอนนี้เรามุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแพ็กเกจจิ้งเพื่อจัดส่งเดลิเวอรี่ให้ได้ แต่ถ้าจะเปิดประเทศเราต้องไปดูเรื่องการพัฒนาโปรดักต์สำหรับคนต่างชาติ ร้าน 80 กว่าสาขาในสนามบินที่ปิดอยู่ในตอนนี้ก็จะกลับมาเปิด ซึ่งร้านในสนามบินมีโจทย์ที่ต่างจากร้านข้างนอก เพราะลูกค้าเร่งรีบ เมนูอาหารก็ต้องสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

ในตอนที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเปิดหรือไม่เปิด เราก็ต้องบาลานซ์ทั้ง 2 ทาง ถึงแม้จะยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าเปิดจริงหรือไม่จริง เราก็ต้องเตรียมไว้ตั้งแต่วันนี้ แต่ต้องเตรียมแบบระวัง ไม่ได้เตรียมแบบมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เราคงไม่ลงทุนอะไรมากมาย

ครึ่งปีที่ผ่านมาแบรนด์ไหนทำยอดขายดี-เป็นฮีโร่
ก็ยังเป็นแบรนด์ใหญ่ของเรา The Pizza Company ส่วน Bonchon มีการขยายสาขาหลายสาขา และที่ดีในช่วงโควิด-19 ตลอดก็คือ Burger King เพราะมีช่องทางไดรฟ์ทรูที่แข็งแรง และมีเดลิเวอรี่ที่ค่อนข้างแข็งแรง ยอดขายไดน์อินที่หายไปก็เลยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายรวมมากนัก

การขยายสาขาในช่วงโควิด-19 พิจารณาเลือกทำเลที่ตั้งอย่างไรว่าจะเข้าไปอยู่ตรงไหน
ถ้าในช่วงโควิด-19 ก็เป็นการมองระยะสั้น และคิดว่าการมองระยะสั้นนั้นอาจจะทำให้มันโตอย่างต่อเนื่องก็ได้ โดยที่เราดูว่าพื้นที่ตรงนั้นมีที่อยู่อาศัยหรือเปล่า ต้องดูว่าเดลิเวอรี่สามารถอยู่ตรงนี้ได้ด้วยหรือเปล่า ถ้าจะไปตั้งอยู่ใกล้ทะเล รอบๆ มีแต่นักท่องเที่ยว ไม่ได้เป็นย่านที่อยู่อาศัย ก็ต้องหยุดก่อนจนกว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาปกติ

ทั้งภาพรวมตลาดธุรกิจอาหารครึ่งปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
ไม่รู้เลยว่าแบรนด์อื่น-บริษัทอื่นเป็นอย่างไร แต่เท่าที่คุยกับเพื่อนที่ทำธุรกิจอาหารไม่มีแบรนด์ไหนดี ช่วงระลอกที่ 3 หนักกว่ารอบที่ 1 กับ 2 เพราะมันกินเวลานาน เกือบ 3 เดือนแล้วที่ยอดขายของเราค่อนข้างหนัก แต่ต้องถือว่าเป็นความโชคดีของเราคือ ไมเนอร์ ฟู้ด มีธุรกิจในประเทศอื่น ในขณะที่ไมเนอร์ ฟู้ด ที่ไทยกำลังยากลำบาก ไมเนอร์ ฟู้ด ที่จีนกำลังทำยอดขายดีมาก โตขึ้นมาเป็น 3-4 เท่าจากเดิม เพราะตอนนี้จีนกลับมาปกติแล้ว ออสเตรเลียก็เกือบปกติแล้ว ยอดขายจากจีนและออสเตรเลียก็เลยมาช่วยไทย กลับกันกับเมื่อปีที่แล้วยอดขายในไทยช่วยยอดขายประเทศอื่นทั้งโลกเลย แต่อัตราส่วนยอดขายในไทยเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของไมเนอร์ ฟู้ด เพราะฉะนั้นเวลาเราแย่มันก็แย่หนัก


สามารถเรียนรู้จากต่างประเทศมาปรับใช้ได้ไหม มากน้อยแค่ไหน หรือว่าสถานการณ์ต่างกันมากจนไม่สามารถปรับใช้ได้
เรื่องโรคระบาดเราใช้ประเทศจีนเป็นต้นแบบ ช่วยให้เรารู้ว่าเฟส 1 ของการระบาดเป็นอย่างไร เฟส 2 ต้องเตรียมคนอย่างไร เฟส 3 ทำอย่างไร เราใช้โมเดลของจีนมาปรับใช้ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้คุยกันว่าแต่ละประเทศควรจะทำตามกันหรือเปล่า เราบริหารค่อนข้างเอกเทศ ไม่ได้ใช้โมเดลเดียวกันมากมาย

สิ่งที่ยากที่สุดของไมเนอร์ ฟู้ด ในสถานการณ์โควิด-19 คือการไม่มีนักท่องเที่ยว หรืออะไร
การไม่มีนักท่องเที่ยวไม่เท่าไร เรื่องแรกคือเราอยากได้ความมั่นใจว่าเราจะได้รับวัคซีนครบเมื่อไหร่ ถึงแม้ต่างชาติยังไม่เข้ามา แต่เราจบในประเทศเราให้ได้ก่อน พอเรื่องนี้ผ่านไปแล้วจะเปิดประเทศให้ต่างชาติกลับเข้ามา ก็เป็นสัญญาณที่น่าจะสดใส

คาดหวังว่าการเปิดประเทศตามที่นายกฯ บอกจะส่งผลต่อผลประกอบการปีนี้มากแค่ไหน
อีก 120 วันก็เกือบหมดปีพอดี คิดว่าคงเป็นไปตามเป้า แต่อาจจะไม่ได้บรรลุสิ่งที่เป็นเป้าหมายหลัก เพราะถ้าจะบรรลุเป้าหมายหลักคือเราควรจะเปิดประเทศตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป แต่ท่านนายกฯบอกว่าอีก 4 เดือน ถ้านับไปก็เปิดประเทศเดือนพฤศจิกายน ปีนี้เราก็จะได้ยอดขาย 2 เดือน แต่ความสดใสที่เห็นชัดเจนก็คือปีหน้า

ตั้งเป้ารายได้และกำไรปีนี้ไว้เท่าไร
กำไรก็ยังมั่นใจว่าส่งได้ตามที่ตั้งเอาไว้แน่นอน เป็นตัวเลขที่เราคอมมิทกับบอร์ดบริหารไว้แล้วว่าจะส่งเท่าไรก็คงจะต้องส่งเท่านั้น ส่วนยอดขายอาจจะยากนิดหนึ่ง ก็ต้องมาลดค่าใช้จ่าย ต้องเข้มงวดมากขึ้น ที่อยากได้ที่สุดก็คือเรื่องการลดค่าเช่า เพราะว่าเป็นค่าใช้จ่ายหลักอันหนึ่งของเรา ซึ่งเราก็เจรจาตลอด ยอมรับว่าแลนด์ลอร์ดก็น่ารักกับไมเนอร์ ฟู้ด ช่วยเหลือกันดีมาตั้งแต่รอบแรก ต้องขอบคุณทุกท่าน ถ้าได้มากกว่านี้ก็จะขอบคุณมาก

พอช่องทางการขายหลักอยู่ที่เดลิเวอรี่ปรับเปลี่ยนการมองและนิยาม 'คู่แข่ง' ไหม มองว่าแข่งกับร้านเล็กในชุมชนด้วยหรือเปล่า หรือยังมองแค่เชนใหญ่ด้วยกัน
ไม่ เราอาจจะมีคู่แข่งที่เป็นร้านดังๆ ที่มีอยู่แค่สาขาเดียวหรือ 2 สาขาก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเชนใหญ่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่า Bonchon จะแข่งแต่กับไก่เกาหลีเหมือนกัน เราอาจจะแข่งกับไก่ทอดหาดใหญ่คิวยาวๆ ก็ได้ วิธีการมองคู่แข่งก็เปลี่ยนไปหมด Sizzler มีสลัด แต่เดี๋ยวนี้สลัดก็เต็มไปหมด อย่าง Salad Factory และ Jones Salad หรืออย่าง โอ้กะจู๋ นั่นก็คือคู่แข่งรายใหม่ ซึ่งเขามีอยู่ไม่กี่สาขา แต่เราถือว่าเป็นคู่แข่งหมด


แต่แบรนด์ใหญ่น่าจะยังได้เปรียบในแง่ที่มีสาขาเยอะ ครอบคลุมหลายพื้นที่ และมีกำลังในการทำโปรโมชั่น
แต่ความเสี่ยงก็เยอะ ถ้าสถานการณ์ไม่ดีปุ๊บมันก็หนัก เพราะว่าต้นทุนเยอะ แต่พอฟื้นตัวกลับมา มันก็อาจจะเป็นแบรนด์ที่โตขึ้นมาเร็วที่สุดด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากสาขามันกระจายตัว

เทียบกันระหว่างปีที่แล้วกับปีนี้ ปีนี้ยากกว่าและความเปลี่ยนแปลงเยอะกว่าใช่ไหม
ปีนี้ยากกว่าเยอะ แต่ว่าเราก็มีต้นแบบมาจากปีที่แล้ว ปีที่แล้วเราคิดอะไรไม่ออกเลยว่าโควิด-19 คืออะไร จะฉีดวัคซีนเมื่อไหร่ ฉีดแล้วจะเกิดอะไรขึ้นไหม แต่ตอนนี้ทุกอย่างคลี่คลายไปทีละเปลาะๆ ตอนนั้นมืดไปหมด แต่ตอนนี้เราคิดว่าอีก 120 วันก็จบแล้ว

จะนิยามครึ่งปีที่ผ่านมาอย่างไร บรรยากาศมืดมัวประมาณไหน
ตั้งแต่มกราคมก็สะลึมสะลือมา เพราะมีการระบาดอีกระลอกตั้งแต่ปลายปี 2563 แต่มามืดสนิทก็คือตอนเดือนเมษายน ตอนนี้ ณ วันที่ 18 มิถุนายน รู้สึกว่าเริ่มสว่างขึ้น และจากข่าวที่เปิดให้นั่งทานในร้านได้มากขึ้น และขยายเวลาเปิดร้านมากขึ้นก็เป็นข่าวที่ทำให้ทุกอย่างผ่อนคลายขึ้น ก็มีความหวังครับ

ภาพโดย ชุติมน เมืองสุวรรณ
#2951


ช่วงกักตัวอยู่ที่บ้าน รอให้โควิดหายไป ธุรกิจบันเทิงเกี่ยวกับโรงหนัง ได้รับผลกระทบเต็มๆ โดยมีธุรกิจสตรีมมิง Streaming จากหลายค่ายใหญ่ เป็นอีกแหล่งบันเทิงเข้ามาแทนที่ได้พักใหญ่แล้ว กับการดูหนังเด็ดซีรีส์ดังต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เก็บเงินรายเดือน ตามแต่โปรโมชันล่อใจในแต่ละเดือน ลดแลกแจกแถมสุดๆ ได้ดูหนังซีรีส์แบบจุใจ ดูตาแตกคาบ้านไปเลย

วิเคราะห์จากหลายอย่างแล้ว ครึ่งปีหลังอีก 6 เดือน โควิดที่ไทยน่าจะยังไม่จบในเร็วๆ วันนี้ มีคำถามคาใจน่าคิด จริงหรือไม่ ถ้า 6 เดือนต่อจากนี้โควิดยังไม่ดีขึ้น โรงหนังยังฟื้น สตรีมมิง Streaming จะเข้ามาแทนที่โรงหนัง เพราะพฤติกรรมการดูหนังของคนเปลี่ยนไปกับโควิด ไทยรัฐรีเฟรช Thairath Refresh จะพาไปค้นหาคำตอบชัดๆ 

SF เปิดใจโควิดกระทบหนัก ยิ่งกว่าสงครามโลก 
มีโรงหนังเยอะมากๆ ทั่วไทย ต้องไปคุยกับผู้บริหารหมื่นล้าน สุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) SF Corporation Public Company Limited ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ ไทยรัฐรีเฟรช Thairath Refresh

ธุรกิจโรงภาพยนตร์ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ครั้งนี้ มากน้อยแค่ไหน? "โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงภาพยนตร์โดยตรง อย่างหนักหน่วงและรุนแรงมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ธุรกิจโรงภาพยนตร์ เราไม่เคยเห็นโรงภาพยนตร์ทั่วโลก ปิดให้บริการมาก่อน

"ในช่วงสงครามโลกโรงภาพยนตร์ก็ยังเปิดให้บริการได้ แต่วิกฤติโควิด-19 ที่เป็นวิกฤติโลกครั้งนี้ โรงภาพยนตร์ก็เหมือนกับหลายธุรกิจ ที่ต้องขาดรายได้จากการหยุดให้บริการ แต่ในขณะเดียวกัน เรายังคงต้องแบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงดูแลพนักงานกว่า 3,000 คน ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

"ช่วงที่สถานการณ์ในต่างประเทศมีความรุนแรง โดยเฉพาะประเทศหลักที่เป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน เกาหลี คอนเทนต์ก็ได้รับผลกระทบ ทำให้ต้องเลื่อนฉาย แต่สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ต่างประเทศดีขึ้นแล้ว โรงภาพยนตร์กลับมาเปิดให้บริการ ทำให้เรามีคอนเทนต์ที่พร้อมเข้าฉาย แต่โรงภาพยนตร์ในไทย ยังคงถูกสั่งปิด ต้องรอสถานการณ์ภายในประเทศให้ดีขึ้น จนกว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการ ให้ธุรกิจโรงภาพยนตร์กลับมาเปิดให้บริการได้"


ตอนนี้คนยังกลัวๆ การเข้าโรงหนัง ถึงแม้ว่าจะไม่มีคลัสเตอร์ที่โรงหนังชัดเจน จะปั่นกระแสให้คนกลับมาดูหนังได้ยังไงบ้าง?

"คงต้องเป็นเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่น ว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้ามั่นใจ นับตั้งแต่มีวิกฤติโควิด-19 เอสเอฟ SF ได้เตรียมความพร้อม ในการดูแลพนักงานและลูกค้าทุกคนอย่างดีที่สุด

โดยเฉพาะมาตรการดูแลด้วยใจ ที่ให้ความสำคัญกับความสะอาด ลดการสัมผัส และการจัดผังที่นั่งเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะมาเดี่ยวหรือมาคู่ เพราะสำหรับเอสเอฟ SF แล้ว นอกจากเราต้องดูแลความสุขของลูกค้า ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด

"จากตัวเลขของผู้ใช้บริการที่เอสเอฟ SF ในช่วงการแพร่ระบาดลดลง เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า ถ้าเรามีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ มีคอนเทนต์ดีๆ เข้ามาฉาย มีความพร้อมในการให้บริการ คนก็พร้อมกลับเข้าโรงภาพยนตร์ อย่างปรากฏการณ์วันเดอร์วูเมน Wonder Woman 1984, อีเรียมซิ่ง ในปลายปีที่ผ่านมา และก็อดซิลลา Godzilla VS Kong ในเดือนมีนาคม

และอีกเหตุผลที่ธุรกิจโรงภาพยนตร์ อยากให้ทุกคนมั่นใจ ยังไม่มีคลัสเตอร์ที่เกิดจากโรงภาพยนตร์เลย ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่โรงภาพยนตร์ทั่วโลกก็ไม่เคยเกิดคลัสเตอร์เลย  

"ในส่วนสถานการณ์ของประเทศอื่นๆ ที่โรงภาพยนตร์สามารถกลับมาเปิดให้บริการเป็นปกติได้ ตัวเลขคนเข้าโรงภาพยนตร์ เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เป็นการยืนยันว่าคนยังต้องการใช้ชีวิตตามปกติ และคนยังคิดถึงโรงภาพยนตร์"

หนังเด็ดดังระดับโลก จ่อรอคิวฉาย
หลังโควิดสงบ จะมีแผนเด็ด ดึงคนดูให้เข้าโรงหนังอย่างไรบ้าง? "ชัดเจนเลยครับ หนังหรือคอนเทนต์ที่จะเข้าฉาย เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ของการดึงดูดให้คนกลับมา เร็วๆ นี้จะมีหนังฟอร์มใหญ่หลายเรื่องรอเข้าฉาย โดยเฉพาะหนังที่น่าจะทำรายได้สูงสุดของปี 2021 อย่างฟาสต์แอนด์ฟิวเรียส Fast & Furious 9 ภาพยนตร์แฟรนไชส์ที่ทำรายได้สูงสุดมาตลอด หรือแฟนมาร์เวล Marvel ก็ต้องรอชมแบล็กวิโดว์ Black Widow, Eternals

มีหนังอีกหลายแนว เช่น Conjuring The Devil Made Me do it, The Suicide Squad, Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings, Venom : Let There Be Carnage, Spider-Man: No Way Home, No Time To Die, The Matrix 4, The King's Man ฯลฯ รวมไปถึงหนังไทย ค่าย GDH เช่น บุพเพสันนิวาส 2 เป็นต้นครับ




"อีกส่วนที่ขาดไม่ได้ก็คือ โรงภาพยนตร์ในช่วงโควิด ที่ผ่านมาเรามีการพัฒนาโรงภาพยนตร์ เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเดอะเบดซีเนมา The Bed Cinema รวมไปถึงกิจกรรมดูหนังในรูปแบบพิเศษ ไดรฟ์อินซีเนมา Drive-in Cinema และมูฟวี่บรันช์ Movie Brunch ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และลูกค้าอยากให้จัดกิจกรรมพิเศษลักษณะนี้อีก

"สุดท้ายเรามีเตรียมแคมเปญพิเศษ เพื่อต้อนรับทุกคน คัมแบ็กทูซีเนมา "Comeback to Cinema" โปรโมชันและกิจกรรมการตลาดจำนวนมากจากเอสเอฟ SF และพาร์ทเนอร์ของเรา ที่จะมอบให้กับลูกค้า ส่วนรายละเอียดจะเป็นอะไรบ้าง ให้รอติดตามกันนะครับ"

โรงหนังไม่มีวันตาย สตรีมมิงไร้ Cinematic Experience
สตรีมมิงค่ายต่างๆ ตอนนี้กล้าทุ่มจ้างผู้กำกับเก่งๆ ดาราดังๆ มาทำคอนเทนต์ฉายเฉพาะ ซึ่งก็ดึงคนดูได้ดีเลย มองการเติบโตตรงนี้ ที่จะมาแย่งคนดูในโรงหนังได้มากน้อยแค่ไหน ผู้เชี่ยวชาญด้านหนังหลายคนทำนายว่าโรงหนังจะค่อยๆ ตายไปภายใน 5 ปีหลังจากนี้
จริงหรือไม่?

"ผมมองว่า เป็นคำทำนายที่ไม่เป็นความจริง ไม่มีการนำข้อมูลในอดีตมาวิเคราะห์ โดยเฉพาะโรงภาพยนตร์ในเมืองไทย ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหนักกว่านี้เยอะมาก

"หนักสุดน่าจะเป็นยุคเทปผีซีดีเถื่อน ซึ่งคนโหลดมาดูฟรีกันที่บ้าน ก็มีมานานแล้ว แต่โรงภาพยนตร์เป็นเอาต์ออฟโฮม Out of Home ที่ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป หรือพูดง่ายๆว่า มันเป็นคนละแพลตฟอร์ม Platform หรือจะเรียกว่าบิซิเนสโมเดล Business Model ที่แตกต่างกัน

"สตรีมมิงดูไม่ดูก็ต้องจ่าย โรงภาพยนตร์อยากดูก็ค่อยจ่าย และที่สำคัญโรงภาพยนตร์ยังเป็นเฟิร์สวินโดว์ First Window ในการเข้าฉายของหนังอยู่

เราเชื่อว่าสตูดิโอหรือผู้สร้างรายใหญ่ ยังคงให้ความสำคัญ กับการฉายในโรงภาพยนตร์เป็นลำดับแรก โดยเฉพาะกับหนังฟอร์มยักษ์ ต้องอาศัยระบบภาพและเสียง ที่ช่วยให้คอนเทนต์สมบูรณ์แบบกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ

เช่น ถ้าคุณดูฟาสต์แอนด์ฟิวเรียส Fast & Furious 9 ดูในโรงภาพยนตร์กับดูผ่านมือถือ คุณภาพไม่เหมือนกันแน่ๆ เพราะซีเนมาติกเอ็กซ์พรีเรนซ์ Cinematic Experience หรือประสบการณ์การชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ เป็นสิ่งที่สตรีมมิงให้ไม่ได้!

"ยกเว้นเหตุสุดวิสัย ที่ทำให้ไม่สามารถฉายในโรงภาพยนตร์ได้จริงๆ เช่น สถานการณ์ในตอนนี้ หรือเป็นหนังฟอร์มกลางไปถึงเล็ก ที่ไม่ได้เน้นรายละเอียด หรือองค์ประกอบของเทคนิคต่างๆ ในขณะเดียวกัน โรงภาพยนตร์เองยังมีการนำคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่หนังมาฉายในโรงภาพยนตร์

"ปีที่ผ่านมาเรามีการจัดคอนเสิร์ต ฉายคอนเสิร์ต ฉายสเปเชียลคอนเทนต์ Special Content ไปจนถึงจัดงานแฟนมีตติ้ง Fan Meeting ศิลปิน ทั้งหมดนี้คือการยืนยันว่า โรงภาพยนตร์เป็นสถานที่สำหรับคอนเทนต์ได้ทุกรูปแบบ


"สตรีมมิงไม่ใช่สิ่งใหม่ ถ้ามองให้ดี สตรีมมิงก็เป็นอีกช่องทางของการดูที่บ้าน เหมือนที่ดูฟรีทีวี จุดแข็งของเขาคือทีวีซีรีส์ ในขณะเดียวกันจุดแข็งของโรงภาพยนตร์ คือภาพยนตร์

สตรีมมิงไม่ได้ถือเป็นคู่แข่งของโรงภาพยนตร์ ส่วนตัวมองว่า สตรีมมิงกำลังแข่งขันกันเองมากกว่า"

เร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เปิดประเทศ
ฝากถึงหน่วยงานรัฐ ที่จะเข้ามาช่วยเหลือดูแล ธุรกิจบันเทิงโรงหนังหน่อย ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง? "โรงภาพยนตร์เป็นธุรกิจกลุ่มแรกๆ ที่ถูกสั่งปิด และก็เป็นกลุ่มท้ายๆ ที่ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดเสมอ ทางสมาคมโรงภาพยนตร์ได้ยื่นจดหมาย ไปยังกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อสอบถามถึงแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูธุรกิจ แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

"ผมเชื่อว่าตอนนี้ ทุกคน ทุกธุรกิจ มีเป้าหมายเดียวกัน คืออยากให้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เราได้เห็นสัญญาณที่ดี จากการที่รัฐบาลออกมาประกาศ เรื่องการเตรียมเปิดประเทศภายใน 120 วัน ซึ่งจุดชี้วัดคือ การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรได้มากที่สุด เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้เศรษฐกิจและสังคม กลับมาขับเคลื่อนได้อีกครั้ง

"หลังจากนี้ อยากฝากไปทางหน่วยงานของภาครัฐฯ ควรมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้ธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อไป เพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ให้เดินไปข้างหน้า

"สุดท้ายนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ และเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ พวกเราชาว เอสเอฟ SF พร้อมที่จะต้อนรับทุกท่านสู่โรงภาพยนตร์อีกครั้ง"  


เมเจอร์เจ้าใหญ่รวยเละ แต่รายได้หายเยอะช่วงโควิด
ด้านผู้บริหารใหญ่ ของเครือโรงหนังเมเจอร์ Major วิชา พูลวรลักษณ์ ทางเราพยายามติดต่อสัมภาษณ์นานหลายวัน แต่ยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ในช่วงนี้ โควิดระบาดระลอกนี้เจ็บหนักอยู่ จากที่เคยโกยเงินสนั่น แต่ตอนนี้ต้องมีหลายโรง หลายจังหวัดต้องปิดไป แต่ยังพอมีบางโรงบางจังหวัด ก็ยังเปิดบริการตามปกติ ซึ่งต้องลดรอบลดโรงไปเยอะเลย เพราะคนไม่ค่อยเข้าไปดู

เมเจอร์เงินเยอะจริง ไม่ง้อรอหนังจากค่ายอื่นๆ จึงผลิตหนังไทยเองมานานแล้ว ตั้งหลายบริษัทในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เช่น 

- เอ็ม พิคเจอร์ส M PICTURES

- เอ็มเทอร์ตี้ไนน์ M๓๙

- ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม Transformation Film

- ซีเจ เมเจอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ CJ MAJOR Entertainment

- ไท เมเจอร์ Tai Major นำทัพโดย วิสูตร พูลวรลักษณ์ ที่ปล่อยหนังเรื่องแรกของค่าย บอสฉันขยันเชือด

ส่วน รฤก โปรดักชั่น เน้นการผลิตงานเบื้องหลังมากกว่า หนังหลากหลายแนว จากหลายค่ายของเมเจอร์ Major มีทั้งลงทุนเองหมด แต่ก็มีน้อยนะ ต้องลดอัตราเสี่ยงเจ๊ง ด้วยการไปร่วมทุนกับบริษัทต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ

หนังจากค่ายเมเจอร์ช่วยสร้างความคึกคัก ให้กับวงการหนังไทยได้อยู่ โดยหนังส่วนใหญ่ จะทำเสร็จล่วงหน้ามากกว่า 1 ปี เพื่อจะได้มีเวลาเหลือเยอะๆ สำหรับการเก็บแก้ ปรับเปลี่ยนรายละเอียด วางแผนพีอาร์โปรโมตปั่นกระแส หรือวางโปรแกรมฉายล่วงหน้าหลายๆ เดือน วางไทม์มิ่ง Timing เพื่อไม่ให้ชนกับหนังฮอลลีวูดฟอร์มใหญ่ๆ ซึ่งเป็นรายได้หลักของโรงหนัง

การมีค่ายหนังเป็นของตัวเอง มีโรงหนังเป็นของตัวเอง จุดแข็งคือ ถ้าหนังดีมีคุณภาพกระแสแรง ก็เพิ่มโรงเพิ่มรอบโกยเงินได้ง่ายทันทีเลย แต่ถ้าหนังเรื่องไหนกระแสแย่ คนไม่ดู ก็ต้องลดรอบลดโรงเป็นเรื่องธรรมดา ค่ายเมเจอร์ Major ยังได้ขยายโรงหนังไปอีกสาขาแล้วที่ ลาว, กัมพูชา และมีแผนโกยเงินต่อ จะขยายสาขาใหม่เพิ่มอีกเยอะ ทั้งในและต่างประเทศ

โรงหนังทางเลือก ทางรอดที่โตจริง
ธุรกิจโรงหนังสายป่านไม่ยาว รอวันตายได้เลย อุ๋ย ชมศจี เตชะรัตนประเสริฐ ลูกสาวเสี่ยพันล้าน อดีตเจ้าพ่อหนังไทย เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ เงินเยอะจริงได้ร่วมกับ จ๋อง พงศ์นรินทร์ อุลิศ ตั้งใจสร้างโรงหนังทางเลือก House RCA เปิดมานานกว่า 15 ปี เป็นโรงหนังอินดี้ในดวงใจแฟนหนังตัวจริง จน 31 สิงหาคม 2562 ได้ปิดตัวไป แล้วย้ายมาเปิดใหม่ที่ เฮ้าส์สามย่าน House Samyan

โรงหนังลงทุนเยอะหลายสิบล้านบาท ถึงจะมีสาขาเดียว แต่ก็ครองใจคนรักหนังตัวจริงทั้งไทยและต่างประเทศ ไม่อิงหนังกระแสแรง แต่ขยันหาหนังจี๊ดๆ เด็ดๆ มาให้ดูตลอด แต่โควิดช่วงนี้จำใจต้องปิดโรงแล้ว เบื้องต้นประกาศปิดไปยาวจนถึง 30 มิถุนายนก่อน แล้วรอประเมินสถานการณ์ว่าจะเปิดได้อีกเมื่อไหร่

ผู้บริหารสาว อุ๋ย ชมศจี ที่รักหนังสุดจิตใจ ลุยธุรกิจโรงหนัง แบบไม่แคร์เจ๊ง หนังเก่าบ้างใหม่บ้าง สลับสับเปลี่ยนมาให้คนดูเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นหนังเก่าที่ยังขลัง ดูได้ไม่เบื่อ ก่อนจะย้ายมาที่ เฮ้าส์สามย่าน House Samyan แถวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็สั่งลากับหนังชายรักชายระดับโลก คอลมีบายยัวร์เนม Call Me By Your Name รอบสุดท้ายลาโรงที่เฮ้าส์อาร์ซีเอ House RCA 

คนแห่ไปแน่นโรง พิสูจน์ชัดแล้วว่า โรงหนังถ้าฉลาดเลือกหนังดีมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเก่าแค่ไหน หรือใหม่แต่โดนมองเมิน คนดูก็พร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว ดังนั้นที่ใครบอกว่า หนังนอกกระแส หนังไม่มีกระแสแรง หนังอินดี้ทุนน้อยนิด ดาราไม่ดัง คนจะไม่ดู ไม่จริง!

เชื่อว่าแฟนหนังตัวจริง ยังต้องการโรงหนังทางเลือกอยู่อีกเยอะ น่าเสียดายที่โรงหนังเล็กๆ แบงค็อกสกรีนนิงรูม Bangkok Screening Room ย่านศาลาแดง ทนพิษโควิดไม่ไหว คนมาดูน้อยลง จนต้องปิดตัวไปแล้วตั้งแต่ 31 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา

หรือไม่ต้องสร้างโรงหนังอินดี้เฉพาะเหมือน เฮ้าส์สามย่าน House Samyan อย่างโรงหนังเอสเอฟ SF ก็ใจกว้างพอ แบ่งโรงฉายเปิดพื้นที่ให้หนังนอกกระแส ดีเด่นโดน เข้าฉายเรื่อยๆ มีคนดูเพิ่มขึ้นตลอด 



ธุรกิจโรงหนัง เสือนอนกิน?
เป็นความจริงส่วนหนึ่ง ที่ว่าโรงหนังเป็นธุรกิจเสือนอนกินสบายๆ รวยจริงจัง มีแต่ได้กับได้ กำไรมากกำไรน้อยเท่านั้น ขาดทุนแทบจะไม่มี เพราะถ้าหนังเรื่องไหน คนไม่ดู กระแสไม่แรง ก็แค่ถอดทิ้งรีบเขี่ยจากโปรแกรมฉาย เอาหนังใหม่ๆ กระแสดีเด่น ดาราดังเล่น คนอยากดูเข้ามาแทนที่เลย

แต่อย่าลืมว่า ต้นทุนการสร้างโรงหนังแต่ละแห่ง ก็แพงมาก ยิ่งในช่วงโควิดระบาดหนัก เราจะเห็นผลกระทบเต็มๆ ของโรงหนังหลายแห่ง ที่จำต้องปิด หรือต้องลดรอบฉายลงต่อวัน ทำให้โรงหนังรายได้ลดหายไปเยอะ

เรื่องเงินเรื่องใหญ่ เปอร์เซ็นต์การแบ่งเงินกัน ระหว่างโรงหนังกับผู้สร้างหนัง ตามแต่ตกลงกันเลย ดีลแต่ละเรื่องจะไม่เท่าไร ขึ้นอยู่ที่ว่าส่งใครมาดีล มีคอนเนกชันมากน้อยแค่ไหน ที่จะต่อรองกัน ถ้าเป็นจากค่ายเล็ก หนังเล็กหนังอินดี้ จะได้ส่วนแบ่งไปแค่ 40-45% ตลอดการฉาย แต่ถ้าเป็นหนังจากค่ายใหญ่ ฟอร์มดี ดาราดังเล่น ก็จะได้ส่วนแบ่ง 50-50% และได้รอบฉายต่อวันต่อโรงเยอะมากๆ


ต่างกันเยอะความรู้สึก ที่ดูจากสตรีมมิง-โรงหนัง
พีอาร์ตัวแม่ตัวจริง โป้ง ปฐมทัศน์ คชาภา ทำงานเกี่ยวกับการดันดังหนังไทย และหนังต่างประเทศจากหลายค่ายใหญ่เพื่อเข้าโรง มานานกว่า 33 ปี เปิดใจดังๆ "ในฐานะคนดู ที่เราก็จ่ายเงินสมัครรายเดือน เพื่อดูหนัง-ซีรีส์กับค่ายสตรีมมิงต่างๆ พูดตรงๆ มันมาแทนที่การไปดูหนังในโรงหนังใหญ่ไม่ได้ จอใหญ่ระบบเสียงกระหึ่มของโรงหนัง เข้าโรงหนังมืดๆ ทำให้เรามีสมาธิตั้งใจดู ในขณะที่เราดูหนังจากสตรีมมิงต่างๆ เราก็มักจะทำอย่างอื่นไปด้วย ทำให้พลาดฉากสำคัญไป หรือจะย้อนกลับมาดู อารมณ์ความรู้สึก มันก็ไม่เหมือนกับดูหนังจอใหญ่ๆ อยู่แล้ว


"ระบบเสียงต่างๆ มันดีกว่าเยอะ ดีกว่าเยอะมากๆ แบบมันเทียบไม่ได้อยู่แล้ว ที่เราจะเพ่งดูจอเล็กๆ ทางทีวี ทางคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ และที่สำคัญ การดูหนังของคนไทยเป็นวัฒนธรรม เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ชวนกันไปดูหนัง จีบกันในโรงหนัง แล้วไปกินข้าว เดินเล่นแล้วไปเที่ยวต่อตามจุดต่างๆ

"ย้อนไปอดีตยุคก่อน ที่มีวิดีโอ video ให้เช่าตามร้านต่างๆ หลายคนก็บอกว่า โรงหนังจะตายแล้ว คนไม่เข้าไปดูในโรง แต่มันก็ไม่ใช่! หรือยุคที่มีหนังแผ่นหนังวีซีดี VCD หลายค่ายก็ทุ่มทุนดึงดาราดังๆ มาเล่นเยอะ เร่งผลิตจนบูมในยุคหนึ่ง แต่คนก็ยังชอบเข้าไปดูหนังในโรงมากกว่า

"หรือยุคถัดมาที่มีหนังดีวีดี DVD คนก็ซื้อไปดูที่บ้านและสะสมกันเยอะ แต่ก็หมดยุคไปแล้ว ตอนนี้ใครจะซื้อดีวีดี DVD ไปดู มันก็น้อยลงๆ เกือบจะไม่มีแล้ว ต้องพ่ายแพ้ให้กับระบบของโรงหนังที่ดีกว่า ยุคนี้เรามีหนัง-ซีรีส์เยอะเลยจากทั่วโลกให้เลือกกดๆ ดูในสตรีมมิงต่างๆ แต่ถึงที่สุด เชื่อเถอะว่ามนตร์เสน่ห์ของโรงหนังก็ยังจับใจ มีพลังดึงดูดมากกว่าการดูผ่านสตรีมมิง  

"โรงหนังจะตาย ลดความนิยมลงเรื่อยๆ เพราะสตรีมมิงจะมาแย่งตลาดเหรอ คงไม่ใช่นะ! สังเกตสิ ห้างใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอด โรงหนังก็ต้องมีเยอะตามไปหมด กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของห้าง โรงหนังหรูหราอลังการทั้งนั้น บริษัทใหญ่ๆ ที่ทำโรงหนัง ยังมุ่งเจาะตลาดต่างจังหวัดต่อไป มีแผนจะเปิดโรงหนังทั่วไทยอีกเพียบ นั่นความหมายว่า โรงหนังมีแต่เพิ่มๆ ไม่ได้ลดลงเลย"


ค่ายใหญ่สตรีมมิง ไม่ยอมให้ระบบโรงหนังตายไป
ไปๆ ไปคุยกันต่อกับ นุชี่ อนุชา บุญยวรรธนะ ผู้กำกับปังจริง จากหนังชายรักชายหลายเรื่อง เช่น อนธการ The Blue Hour, มะลิลา Malila The Farewell Flower ล่าสุดค่ายใหญ่ระดับโลก วอร์เนอร์มีเดีย Warner Media ทีวีช่องดังระดับโลก HBO GO ซึ่งเป็นอีกเจ้าใหญ่ และยังมีสตรีมมิงหนัง-ซีรีส์อีกด้วย ก็จ้างให้ นุชี่-จอช คิม Josh Kim มากำกับร่วมซีรีส์สยองแตก 8 ตอนเรื่อง Forbidden ที่นำโดย เจเจ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม

นุชี่ ได้วิเคราะห์ถึงการเติบโตของสตรีมมิง ที่อาจจะเข้ามาแทนที่โรงหนังในอนาคต
"จริงๆ โรงหนังมันไม่หายไปไหน ถึงแม้ค่ายสตรีมมิงต่างๆ จะทำออริจินัลคอนเทนต์ Original Content มากขึ้นก็ตาม ถึงแม้มีการใช้เงินมาก ลงทุนเยอะสร้างดี มีการเติบโตแค่ไหน

แต่การฉายหนังในโรงก่อน จะได้เงินเป็นกอบเป็นกำ มากกว่าที่จะฉายเฉพาะสตรีมมิงทางเดียว รายได้จากโรงหนังเป็นวันต่อวันเห็นชัดๆ ทางบ็อกซ์ออฟฟิศ Box Office แต่รายได้สตรีมมิง คิดเก็บเงินได้เป็นรายเดือน มันอาจจะไม่คุ้มทุนสร้าง โดยเฉพาะโปรเจกต์หนังใหญ่ๆ ลงทุนสูง

"แต่ละค่ายของสตรีมมิงที่ทำหนังออกมาตลอด ใช้เงินทุนสูงมาก บางเรื่องก็ 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าออกฉายเฉพาะทางสตรีมมิงมันไม่คุ้มทุน เช่น ค่ายดิสนีย์ Disney ก็มีสตรีมมิงเขาเอง สร้างหนังลงทุนสูงก็ต้องพึ่งโรงหนัง อยากจะให้หนังเข้าโรง เพราะทำเงินได้มากกว่า

ในอนาคตน่าจะเห็นโมเดล แบบฉายทั้งสองช่องทางมากขึ้น อย่างเรื่องโรมา Roma (หนังขาวดำของผู้กำกับ อัลฟอนโซ กัวรอน) ที่เน็ตฟลิกซ์ Netflix ซื้อไปเป็นออริจินัลคอนเทนต์ Original Content นำไปฉายทั้งโรงหนังและสตรีมมิงด้วย ก็ได้กระแสดี ได้เงินสองช่องทางเลย และได้รางวัลจากสถาบันต่างๆ อีกเยอะด้วย

"อนาคตค่ายสตรีมมิงต่างๆ อาจจะฉายพร้อมกันทั้งทางสตรีมมิงและโรงหนัง ก็เป็นไปได้ ยังไงสตูดิโอใหญ่ต่างๆ เขาไม่ยอมให้ระบบโรงหนังตาย หายไปไหนหรอก เพราะมันเป็นแหล่งทำเงินให้พวกเขา มากกว่าที่ฉายเฉพาะสตรีมมิง"


สตรีมมิงแย่งตลาด คนดูหนังในโรงไม่ได้
อีกหนึ่งผู้กำกับหนังตัวพ่อของเมืองไทย ต้องยกให้ ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค เขาบอกกับเราว่าสตรีมมิงแย่งตลาด คนดูหนังในโรงไม่ได้


"สตรีมมิงมันมาแย่งตลาดคนดูหนัง ที่ชอบบรรยากาศของโรงหนังไม่ได้หรอกครับ ก็ได้แค่ช่วงโควิดนี้แหละ เพราะถ้าโรงหนังกลับมาเปิดเต็มที่อีกครั้ง หลังโควิดเลิกระบาดแล้ว คนก็ยังพร้อมจะเข้าไปดูหนังในโรงหนังกันอยู่ การดูหนังในโรง มันเป็นวัฒนธรรมที่แข็งแรง เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย และคนทั่วโลกไปแล้ว

"รายได้จากการนำหนังไปฉายที่ค่ายสตรีมมิง มันก็จำกัดตายตัว ต่างกับการฉายโรง ถ้าหนังเกิดโดนขึ้นมา มันจะทำเงินให้คนทำหนัง มากกว่าเก็บค่าลิขสิทธิ์จากสตรีมมิง แต่ตอนนี้เมื่อโรงหนังถูกปิด แน่นอนการดูหนังอยู่บ้านจึงเป็นทางเลือก แค่เลือกเข้ามาเพียงเพื่อขั้นเวลา แต่ปัญหาคือ มันเป็นการขั้นเวลา ที่กินเวลาปีครึ่งเข้าไปแล้ว และที่สำคัญมันไม่มีใครรู้ว่า เจ้าของโรงที่ทำเงินของคนทำหนัง จะยืนต่อได้นานแค่ไหน

"ค่ายสตรีมมิงอย่างเน็ตฟลิกซ์ Netflix เริ่มบุกตลาดเมืองไทยตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็คงได้เรียนรู้รสนิยมของการดูหนัง ดูซีรีส์ของคนไทยไปแล้ว ว่าแตกต่างจากคนชาติอื่นอย่างไร ตอนนี้คงตกใจอยู่ว่า ทำไมคนไทยชอบดูหนังดูซีรีส์เกาหลี มากกว่าดูหนังไทยของชาติตัวเอง


"ตอนนี้เน็ตฟลิกซ์ Netflix คงอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนคนดูแลคอนเทนต์ content พวกเขาคงต้องค้นหา คนที่เข้าใจรสนิยมของคนดูคนไทย และเป็นคนที่เข้าใจโปรดักชั่นและวิถีการทำงานแห่งไทย ที่ไม่เหมือนชาติใดในโลก เข้ามาดูแลให้ได้".
#2952


 
การตรวจเลือด เป็นวิธีหนึ่งสำหรับในการตรวจสอบและก็บ่งชี้ถึงลักษณะการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกาย ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรครวมทั้งสภาวะผิดปกติต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นข้างในตัวเราได้ง่ายมากขึ้น เนื่องมาจากเลือดเป็นตัวกลางของการลำเลียงสารต่างๆทั้งน้ำ อาหาร เชื้อโรค ไวรัส รวมทั้งสิ่งแปลกปลอมอื่นๆไปทั่วร่างกายพวกเรา การตรวจเลือดก็เลยเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถหาสิ่งแปลกปลอมในร่างกายพวกเราได้อย่างแม่นยำรวมทั้งรวดเร็ว อย่างไรก็แล้วแต่การตรวจเลือดเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะฟันธงถึงความผิดปกติแล้วก็โรคที่เป็นได้ ด้วยเหตุว่ายังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่นำมาซึ่งการทำให้ผลตรวจเลือดอยู่ในเกณฑ์ผิดปกติ อาทิเช่น อาหารที่ทาน ประจำเดือน การออกกำลังกาย แอลกอฮอล์ที่ดื่ม หรือการใช้ยาบางชนิด ดังนั้นจึงควรมีการซักประวัติพร้อมกันกับการตรวจสอบเพิ่มเติมอีก อย่างเช่น ตรวจฉี่แล้วก็อื่นๆตามดุลยพินิจของหมอ แล้วก็เนื่องจากสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญรวมถึงการที่ในสมัยปัจจุบันนี้การแพทย์ต่างเจริญก้าวหน้า องค์ประกอบส่งเสริมสอดคล้องกันขนาดนี้ เราก็ควรที่จะเอาใจใส่ตนเองด้วยการหมั่นดูแลร่างกายอยู่เสมอ การรับประทานอาหารที่ดีแล้วก็การบริหารร่างกายอาจทำให้พวกเราสามารถมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงได้ แต่ภายในร่างกายพวกเราก็อาจมีความผิดปกติ โรคแฝง หรือโรคแทรกซ้อนต่างๆที่ไม่มีการแสดงอาการ ซึ่งอาจส่งผลในชีวิตประจำวันทั้งต่อตัวเองและคนอื่นๆ ทั้งในตอนนี้แล้วก็ในอนาคต การตรวจเลือดและการตรวจร่างกายประจำปีก็จะสามารถช่วยให้เราสามารถทราบแล้วก็คิดหาวิธีป้องกัน แก้ไข รักษาหรือแนวทางที่พวกเราจะอยู่ร่วมกับความผิดปกตินั้นๆได้
 



การตรวจผ่านแล็บก็นับว่าเป็นอีกช่องทางสำหรับบุคคลทั่วไปอย่างพวกเราที่ไม่อยากไปเบียดเสียดในโรงพยาบาลนานนัก ลดความแออัดในพื้นที่โรงพยาบาลที่มีมาก การตรวจผ่านแล็บนั้นเราจะทราบผลอย่างรวดเร็ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรอใบสั่งจากหมอ แค่เราโทรศัพท์หาแล็บเพื่อขอคำแนะนำการรับบริการแล้วก็แนวทางเตรียมความพร้อม ต่อไปก็สามารถเข้าไปตรวจเลือดได้เลย สะดวกอย่างยิ่งสำหรับชาวไทยในปัจจุบันที่มีความประพฤติเสี่ยงเกี่ยวกับการติดเชื้อ HIV ไม่น้อยเลยทีเดียว จากการร่วมเพศโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัยหรือไม่ป้องกัน ในอีกกรณีหนึ่งก็มีคนบางกรุ๊ปที่เข้ารับการตรวจเพื่อดูผลเองเฉยๆโดยไม่มีความรู้ความชำนาญเพียงพอก็เลยไม่เข้าใจว่าผลตรวจเลือดแต่ละจุดแต่ละค่าหมายความว่าอะไร และก็อาจนำไปสู่มิได้ป้องกันอย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้นการตรวจเลือดด้วยตนเองก่อนไปโรงพยาบาล ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วไม่อยากอยู่แออัดในโรงพยาบาล แต่ว่าก็ยังอยากได้รับคำแนะนำรวมทั้งวินิจฉัยจากหมอ 





สำหรับชาวเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนพิษณุโลก พวกเรามีที่ตรวจเลือดพิษณุโลกแนะนำ มันก็คือ พิษณุโลกเซ็นทรัลแล็บ สถานปฏิบัติการรวมทั้งตรวจวิเคราะห์ เน้นให้บริการด้านการตรวจเลือด แล้วก็ตรวจสุขภาพ ซึ่งมีเครื่องมือตรวจวิเคราะห์ที่ล้ำสมัย แล้วก็น้ำยาที่ใช้ตรวจจากประเทศอเมริกา ดำเนินการโดยนักเทคนิคการแพทย์ผู้มีความชำนาญซึ่งสามารถให้คำแนะนำทางการตรวจแก่ผู้รับบริการ แล้วก็ที่สำคัญที่สุดการควบคุมคุณภาพทางห้องปฏิบัติการแล้วก็การทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคพื้นที่ที่ให้บริการตามมาตรฐาน ยึดหลักความปลอดภัยแล้วก็ความลับของคนไข้เป็นหลัก ทำให้ผู้รับบริการเชื่อมั่นได้ว่าจะได้รับผลของการตรวจที่ถูกต้อง แม่นยำ รวมทั้งมีความปลอดภัยในการรับบริการ ถ้าเกิดสนใจอยากเข้ารับบริการกับทางพิษณุโลกเซ็นทรัลแล็บ สามารถโทรปรึกษาการให้บริการ-การเตรียมตัวเพื่อตรวจได้ในเวลาทำการเปิดบริการ : วันจันทร์-วันศุกร์ 07.00 - 20.00 น.แล้วก็วันเสาร์-วันอาทิตย์ 07.00 - 17.00 น.โทรศัพท์ 05525958
#2953


ในวันที่(17 ก.ค. 2564) คนไทยติดไวรัสโควิดหลักหมื่น คนมากมายแทบจะมองไม่เห็นอนาคตประเทศไทย ดูอึมครึม น่าหวั่นไหว และไม่รู้ว่าจะเดินต่ออย่างไร

ผู้นำทางความคิดที่ขับเคลื่อนนโยบายด้วย Big Data เฉกเช่น ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ คิดเห็นอย่างไร 

หาคำตอบได้จากนักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ ที่เป็นนักกลยุทธ์ด้านข้อมูล กรรมการผู้จัดการบริษัท Siametrics ให้คำปรึกษาองค์กรระดับชาติ โดยใช้ข้อมูลแก้ปัญหานโยบายสาธารณะ และยังเป็นกรรมการผู้จัดการ สถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future )

ล่าสุด​ข้อมูลและการวิเคราะห์เรื่องทรัพยากรสาธารณสุขที่ทีมงานเขาทำให้กรมควบคุมโรค หลายเรื่องไม่ถูกนำไปใช้ จนทีมงานแอบน้อยใจ ณภัทร บอกว่า ต่อไปจะทำข้อมูลกระจายไปถึงประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย

"ที่ผมเป็นห่วงคือ จังหวัดในภาคใต้ ถ้าเอาจำนวนหมอ จำนวนอุปกรณ์การแพทย์มาเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อ น่ากลัวมาก ถ้ามาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า ติดเชื้อเยอะ แล้วหลั่งไหลเข้ามา คงไม่ไหว จะกลายเป็นความเจ็บแบบลึก" 

"ถ้าถามผม ตอนนี้ใกล้จุดที่กู่ไม่กลับ แม้กระทั่งขั้นต่ำเรื่องความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน รัฐก็ยังตอบสนองไม่ได้ ประชาชนลำบากมาก ผมกลัวว่าต่อไปจะเกิดการจราจลหรืออะไรบางอย่าง ..." ณภัทร เล่า และหลายเรื่องเกี่ยวกับชีวิตคนไทยและชีวิตเขา โดยเฉพาะการบริหารของรัฐบาล 

ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกว่า คิดผิดที่กลับมาอยู่เมืองไทย ?

สองปีที่แล้ว เป็นช่วงที่หายใจไม่ค่อยออก เนื่องจากสภาวะอากาศเป็นพิษ ผมพูดแบบนั้นเพราะรู้สึกว่า ลูกไม่มีทางเลือก ไม่ได้หมายความว่าลูกไม่มีอนาคตที่ดีในเมืองไทย เราเป็นพ่อก็อยากทำให้ดี 

ผมมีคำถามว่า บางอย่างน่าจะดีกว่านี้ได้ ด้วยศักยภาพทรัพยากรในเมืองไทย ทำให้ดีกว่านี้ได้

คุณบอกว่า"ศักยภาพของทรัพยากรในเมืองไทย สามารถทำให้คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้น"แต่ที่ผ่านไม่เคยเป็นแบบนั้นเลย ?

ผมมองว่าเป็นเรื่องกระบวนการ 1. กระบวนการการเมือง 2. กระบวนการใช้สอยทรัพยากรในประเทศ 

สมมติว่า ผมเป็นข้าราชการไฟแรง อยากเข้าไปทำประโยชน์ แต่โครงสร้างเก่าๆ ที่ตกทอดมา ถ้าอยากจะจัดสรรทรัพยากรดีๆ หรือโครงการดีๆ มันทำลำบาก ผมคิดว่านี่คือต้นตอ

ประเทศไทยไม่ได้ถูกจัดลำดับเศรษฐกิจอันดับท้ายๆ แม้จะมีข่าวว่าเศรษฐกิจไม่เติบโต แต่ยังเป็นเศรษฐกิจที่ค่อนข้างใหญ่มากในโลก ทรัพยากรมีอยู่แล้วแต่มีข้อจำกัดการดำเนินนโยบาย ทั้งๆ ที่แก้ไขได้

แนวทางในการแก้ปัญหา ต้องทำอย่างไร

ผมลองประมวลปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น พบว่า หลายครั้งมีปัญหาคอขวดที่กระบวนการ

กระบวนการที่ผมคิดว่า น่าจะเป็นทางออก ข้อ1. ต้องเชื่อมห้องที่คิดและทำนโยบายกับคนจำนวนมาก เพราะนโยบายกระทบคนจำนวนมาก และคนหลากหลาย ทั้งเอกชน ภาคประชาชน บางทีก็กระทบกับภาครัฐด้วยเหมือนกัน 

ต้องเปิดห้องนี้รับฟัง Pain Point (ปัญหาที่เกิดจากสาเหตุบางอย่าง)พอทำตรงนี้แล้ว ข้อ2. ในเมื่อมีความหลากหลายของชีวิตและความต้องการ บางทีปัญหาเดียวกัน แต่กระทบคนไม่เท่ากัน 

ผมคิดว่าการรวมศูนย์อำนาจ มันไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาหรือการพัฒนาในเชิงการแก้ปัญหาและการวัดผลว่า ประเทศเราก้าวหน้าหรือเปล่า ยากมาก แม้จะมีดรีมทีมก็ยากเกินกว่าคนหยิบมือหนึ่งจะคิดได้หมด 

แม้จะช่วยคิดได้ ประมวลข้อมูลได้ แต่ไม่เท่าขยายอำนาจการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่อำนาจการตัดสินใจของบ บางคนอาจคิดว่ากระจายอำนาจแล้วก็จบ

ในปัจจุบันมีวิธีวัดผลนโยบายให้เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น ถ้ามีตรงนี้เราก็จะรู้ว่า เรากำลังทำให้ประเทศไปข้างหน้าจริงหรือเปล่า เราควรมีแนวคิดที่วัดได้ว่า เมื่อรัฐทำโครงการนี้แล้ว ชีวิตคนดีขึ้นอย่างไร แต่ที่ทำมายังไม่ใกล้แนวคิดนี้เลย

ยกตัวอย่างกรณีศึกษาสักเรื่องได้ไหม

ผมขอยกตัวอย่าง การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ความต้องการแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนมีความรู้การลงทุนเยอะ มีความรู้ความชอบในสินทรัพย์บางอย่าง แต่บางคนไม่คิดว่าการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่ดี และรับรู้ความเสี่ยงการตอบแทนของมันไม่เหมือนคนอีกกลุ่ม 

ดังนั้นเวลาออกนโยบายจากส่วนกลาง ก็ไม่มีทางที่จะกระทบจิตใจของคนส่วนมากที่ไม่ชอบหุ้นหรือกลัว แล้วเราก็เออออกันเองว่า พวกเขาไม่มีความรู้ทางการเงิน

ถ้าเราทำแบบทดสอบว่า คุณรู้จักเงินเฟ้อ หรือดอกเบี้ยทบต้นไหม ถ้าไม่อินตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ พวกเขาก็จะตอบว่า ไม่รู้ 

แต่ถ้าเข้าใจเรื่องการกระจายความเสี่ยงทางการเงิน ก็น่าจะเข้าใจตรงนี้อยู่บ้าง เป็นเพราะเราไม่เปิดกว้างกับความหลากหลายชีวิต นี่คือ เรื่องแรกที่ขอยกตัวอย่างในเรื่องการเชื่อมโยงกับคนส่วนใหญ่


ถ้าอยากให้ประชาชน(บางส่วน)เข้าใจและเข้าถึงแหล่งเงินทุนต้องทำอย่างไร

อย่างแรกที่ต้องทำ คือ ต้องเชื่อมกับเขา ให้เขารู้ว่า ผู้คนเข้าถึงเงินทุนไม่ได้เพราะอะไร หนี้นอกระบบ...ทำไมเป็นปัญหาขนาดนี้

ผมเคยลองคุย อยากแก้ปัญหาหนี้ให้ การที่จะบอกว่าเขาไม่มีความรู้ทางการเงิน ไม่ถูกซะทั้งหมด การหาเงินมาใช้หนี้แต่ละเดือน เป็นงานใหญ่สำหรับเขา

แค่คิดว่าจะต้องหมุนบัตรเครดิต ซึ่งอาจถูกที่บอกว่าเขาตัดสินใจพลาด และไม่ถูก...ถ้าบอกว่าเขาไม่มีความรู้เลย แต่โดนบีบบังคับด้วยสถานการณ์ ซึ่งมีรายละเอียดบางอย่างถูกมองข้าม

ถ้าจะช่วยคนที่ประสบปัญหาแบบนี้ ต้องทำอย่างไร

ถ้าอยากให้โครงการต่างๆ ของรัฐเกิดความคุ้มค่า ไม่เปลืองภาษี ก็ควรมีการวัดผล ยกตัวอย่างถ้าคุณทำมาตรการซอฟโลน (สินเชื่อ ดอกเบี้ยต่ำ) จะเป็นโครงการอะไรก็แล้วแต่ สามารถปล่อยกู้โดยไม่ต้องมีคะแนนเครดิตรองรับ เพื่อทำให้เขามีแหล่งเงินทุนมากขึ้น 

แล้วเขาจะเอาเงินกลับมาคืนหรือเปล่า ก็วัดผลได้ แต่ละคนมีปัญหาที่เกี่ยวกับแหล่งเงินทุนไม่เท่ากัน สถานะไม่เหมือนกัน ระดับที่จะเข้าใจผลิตภัณฑ์การเงินไม่เหมือนกัน

อยากให้วิเคราะห์"อนาคตประเทศไทย"ใน 3 ปีข้างหน้าสักนิิด ? 

ผมขอนับตั้งแต่วันนี้ (15 กรกฎาคม 2564) เลย เอาเรื่องโควิดที่มีคนบอกว่าต่อไปจะเป็นโรคท้องถิ่นแบบไข้หวัดใหญ่ นับวันโอกาสยิ่งลดลง น่าจะมีปัญหาอีกยาว 

ผมมองว่าอนาคตประเทศไทย ถ้าเรายังบริหารจัดการวัคซีน บริหารจัดการวิกฤติแบบประสิทธิภาพด้อยขนาดนี้ ผมมองว่า อันตรายมากทั้งด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ

โครงสร้างเศรษฐกิจของเรา พึ่งพากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีการสัมผัสและใกล้ชิดเยอะมาก

ถ้าเรามองสั้นๆ ว่า ปีหน้าโควิดก็หมดแล้ว มันไม่ได้ ต้องมีการปรับตั้งแต่วันนี้ เพราะช่วงนี้ล็อกดาวน์ ( กรกฎาคม 2564) หลายคนลำบาก มีคนที่ไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ ต้องมีมาตรการช่วยเขา ไม่ใช่เยียวยาอย่างเดียว

ถือโอกาสฝึกทักษะให้ทำอย่างอื่น เพื่อจะได้รู้ว่าบางอุตสาหกรรมจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บางแห่งอาจไม่ต้องการแรงงานจำนวนเท่าเดิม เพราะระบบเศรษฐกิจต้องเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น โดยเฉพาะการท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวสัมพันธ์กับการควบคุมวิกฤติ มีบางอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ ประเทศไทยสิ่งที่ควรควบคุมได้ก็ควบคุมไม่ได้ และเราต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวหลายประเทศ ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาเที่ยวไหม 

อย่างอังกฤษอีกไม่นาน ก็จะประกาศให้ทุกคนออกมาเดินเล่นได้ รัฐบาลเขาโอเค ถ้าจะมีคนติดโควิดวันละแสน เป็นเรื่องปกติของเขา ถ้าคนอังกฤษจะบินมาเที่ยวเมืองไทย คนไทยจะรับได้หรือเปล่า หรือตอนนี้จีนมีนโยบายไม่ให้เที่ยวนอกประเทศ แล้วไทยจะทำยังไง

ในช่วง 3 ปีนี้ ไทยควรวางแนวทางเศรษฐกิจอย่างไร

ใน 3 ปีนี้ต้องตอบโจทย์ก่อนว่า เศรษฐกิจโควิดแบบนี้ เราจะทำยังไง เพื่อไม่ให้คนอดตายและพึ่งพิงตนเองได้ด้วย

เรื่องเยียวยาก็ต้องทำ แต่น่าเสียดายถ้ามีความเชื่อมั่นทางการเมืองมากกว่านี้ ก็คงกู้เงินได้มากกว่านี้ ถ้าถามผมวิกฤติแบบนี้ ทำยากมาก โดยเฉพาะงบประมาณที่เบิกมาแล้ว ยังจัดการไม่หมด 

ถ้าจะใช้เงินอีก ก็ฟังไม่ขึ้น ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ก็คงเป็นเรื่องการระบาดของไวรัส แล้วคนไทยจะปรับตัวในเศรษฐกิจแบบนี้ยังไง

ถ้าไม่ปรับตัว คนไทยจะเป็นยังไง

คนรายได้น้อยจะอดตาย วิกฤตินี้ไม่เหมือนต้มยำกุ้งหรือแฮมเบอร์เกอร์ มันกระทบเศรษฐกิจจริง รุนแรงมาก กระทบผู้คนในวงกว้าง กระทบหนักกับคนที่มีรายได้น้อย โอกาสน้อย ผมว่าอันตรายว่า สังคมจะอยู่ร่วมกันยังไง


แล้วต้องทำอย่างไร

ถ้าถามผม ตอนนี้ใกล้จุดที่กู่ไม่กลับแล้ว แม้กระทั่งขั้นต่ำของชีวิต เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รัฐก็ยังตอบสนองไม่ได้ ประชาชนลำบากมาก ผมกลัวว่าต่อไปจะเกิดการจราจลหรืออะไรบางอย่าง เราเห็นแล้วว่า เงินเยียวยา มันยังไม่พอ

ทางภาคเอกชนและเครือข่ายผม ก็พยายามช่วยหางานให้คนตกงาน และให้ทำงานที่บ้านได้บ้าง กลายเป็นว่าประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง น้อยมากในประวัติศาสตร์ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะได้เป็นพระเอก และทั่วโลกผู้นำก็ออกมาทำนั่นทำนี่ 

เพราะผู้บริหารประเทศทำไม่ได้ ? 

ถ้าเขาทำไม่ได้ ก็ต้องมีการเรียกร้องเปลี่ยนอะไรบางอย่าง อย่างน้อยๆ ถ้าไม่เปลี่ยนใครเลย ควรมีความชัดเจนในเรื่องอำนาจการตัดสินใจ มีเจ้าหน้าที่หลายคนที่เคยทำงานกับผม เขาช้ำใจเพราะทำเต็มที่แล้ว ขณะที่เขาอยากประสานงานบางอย่างกับภาคเอกชน แต่ไม่รู้อำนาจอยู่ที่ไหน จุดแรกที่สำคัญคือ เรื่องความโปร่งใสของกระบวนการ

การระบาดของโควิด คนที่เดือดร้อนมากคือ กลุ่มคนมีรายได้น้อย 

ในช่วงวิกฤติจากสถานการณ์โควิด ผู้นำควรทำอย่างไร

เรื่องพื้นฐานเลยคือ

1 การสื่อสารกับประชาชน ซึ่งมีคนที่เชี่ยวชาญตรงนี้ แล้วภาครัฐจะได้ประโยชน์มากจากการแนะนำของเขาในเรื่องการสื่อสารให้ชัดเจนตรงไปตรงมา ซึ่งทุกคนจะได้ประโยชน์

2 ควรมีการแบ่งขอบเขตการทำงาน อย่าให้ทุกอย่างมาติดคอขวดที่ ศบค.(ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส) แค่สองอย่างนี้จะทำให้หลายอย่างเดินต่อได้เร็วขึ้น


ถ้าอย่างนั้น คนไทยจะฝากอนาคตไว้กับคนรุ่นใหม่ หรือคนรุ่นไหน หรือไม่มีอนาคต ? 

ผมคิดว่าน่าจะฝากอนาคตไว้กับทุกคน คนรุ่นใหม่ก็มีข้อจำกัด ผมเองก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง บางทีคนที่อายุมากกว่าก็มีประสบการณ์ หลายคนมีความเก่งไม่เหมือนกัน มีบทบาทอำนาจไม่เหมือนกัน

ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องตรวจดูว่า เราทำอะไรได้บ้าง พยายามใช้จุดเด่นให้มีประโยชน์กับคนอื่น ตอนนี้วิกฤติมากแล้วครับ ต้องออกมาช่วยกัน

ยกตัวอย่างสักนิดกับงานข้อมูลที่บริษัทคุณทำในเชิงนโยบาย ?          

ทำเวิร์คชอปกับกรมควบคุมโรคอยู่แล้ว เขาต้องมีแผนรับมืออนาคตอันใกล้ แต่งานหลักของเราคือ ข้อมูลเรื่องทรัพยากรสาธารณสุข

ถ้าไวรัสระบาดเข้าไปในพื้นที่เปราะบางในจังหวัดไม่มีแพทย์ ไม่มีเตียง ถ้าระบาดเยอะจะเกิดการสูญเสียเยอะ เพราะในกรุงเทพฯ นนทบุรี โรงพยาบาลไม่มีเตียงรองรับแล้ว

ที่ผมเป็นห่วงคือ จังหวัดในภาคใต้ ถ้าเอาจำนวนหมอ จำนวนอุปกรณ์การแพทย์ มาเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อ น่ากลัวมาก ถ้าคนมาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า ติดเชื้อเยอะแล้วหลั่งไหลเข้ามา คงไม่ไหว จะกลายเป็นความเจ็บแบบลึก


ประเทศไทยเดินไปถึงจุดนั้นหรือยัง

ภาคใต้น่ากังวลตั้งแต่รอบที่แล้ว กว่าจะควบคุมได้ ก็เหนื่อย ใช้ทรัพยากรกรมควบคุมโรคเยอะมาก อย่างภาคอีสานไม่ควรให้เกิดการระบาดของไวรัสโควิดเยอะ เพราะคนเยอะ ทรัพยากรด้านสาธารณสุขต่อประชากรมีน้อยมาก ยิ่งมีคนเดินทางกลับบ้าน ยิ่งน่ากลัว

นักวิชาการหลายๆ คนที่ทำวิจัยการระบาดของไวรัสโควิดรอบที่ 1 เขารู้สึกว่า ทำข้อมูลไปแล้ว ส่วนกลางไม่เอาไปใช้ ทั้งๆ ที่เราก็อยากให้เกิดประโยชน์

ตอนนี้เราก็เลยมีมูฟเม้นท์ใหม่ ทำงานวิจัยกระจายข่าวสู่ประชาชนหรือหน่วยอื่นๆ ไปเลย อย่างเรื่องล็อคดาวน์ ก็กระจายข้อมูลให้ผู้ว่าฯ รัฐส่วนกลางจะเอาไปใช้หรือเปล่าผมวางตำแหน่งไว้เป็นอันดับสองแล้ว


คุณเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สนใจทุกเรื่อง มีเรื่องไหนสนใจเป็นพิเศษไหม

 เศรษฐศาสตร์เป็นศาสตร์ที่เรียบเรียงความคิดได้อย่างมีระบบ และไม่ได้เกี่ยวกับหุ้นและผลประกอบการอย่างเดียว ถ้าเราเรียนเศรษฐศาสตร์แบบผิวเผิน แล้วเราจะเกลียดมัน 

ผมโชคดีที่ซึบซับมาว่า เราสามารถนำมาประยุกต์กับสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ใช่แค่นโยบาย ยังรวมถึงเรื่องส่วนตัว การพัฒนาตัวเอง ความสัมพันธ์ ก็เลยชอบ ที่ชอบมากพิเศษคือ นโยบายสาธารณะ ผมคิดว่าสำคัญและใกล้ตัวทุกคน

ที่ผมสนใจเป็นส่วนตัวคือ นโยบายที่กระทบต่อทุนมนุษย์กับการพัฒนาตัวเอง และนโยบายที่กระทบต่อสุขภาพคน

ถ้าไทยมีทุนมนุษย์ที่ดี คนไทยเป็นแรงงานที่มีคุณภาพและสุขภาพดี ก็จะเป็นที่ต้องการในตลาดโลก จำเป็นมากในอนาคต ผมให้ความสำคัญเรื่องพวกนี้ ที่ผมเคยทำวิจัยว่า คนๆ หนึ่งเราจะวัดอะไรได้บ้าง

อย่างระบบการศึกษา วัดแค่ผลสอบได้เกรดเท่าไรก็จบ จริงๆ แล้วต้องไปไกลกว่านั้น ถ้าเราจะลงทุนในระบบการศึกษาดีๆ ลงทุนเรื่องพัฒนามนุษย์ ผมว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า


ยกตัวอย่างสักนิด ?

ที่ผมทำ เป็นนโยบายระดับชาติ ถ้าผมอยากทำให้คนไทยเก่งขึ้น สู้ตลาดแรงงานโลกหรือมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมมีทางเลือกเยอะมากผมจะค้นหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนกับประเทศเยอะที่สุดด้วยเงินที่มีอยู่

ยกตัวอย่างโครงการของจีนเรื่องหนึ่ง ลงทุนซื้อแว่นตาให้เด็กใส่ ฟังดูแล้ว ไม่น่าจะเป็นโครงการที่มีทางได้ลงข่าว ถ้าเทียบกับการลงทุนในอินเทอร์เน็ต หรือแท็บเล็ตที่มีค่าใช้จ่ายเยอะๆ

ถ้ามีการวัดผลเทียบกับเงินที่ลงทุน แล้วทำให้เด็กมีอนาคต อันนี้เป็นลงทุนน้อยแต่ได้เยอะ เนื่องจากเด็กสายตาสั้นมองไม่เห็นกระดานดำเวลาครูสอน บางทีเรามองข้ามเรื่องแบบนีี้ 

ทำไมเราต้องอินเทรนด์กับอะไรบางอย่าง แน่นอนแท็บเล็ตหรือไอซีทีมันสำคัญอยู่แล้ว แต่โดยหลักการ ควรลงทุนกับสิ่งที่ได้ผลตอบแทนสูงสุดก่อน แล้วค่อยๆ เลื่อนขั้นขึ้นไป


ในสายตาคุณ การลงทุนแบบไหนที่ไม่ค่อยได้ผล

ในเมืองไทยการลงทุนกับแบบเรียน หรืออุปกรณ์การเรียนบางอย่างมันสิ้นเปลือง ควรจะเลิก แล้วเทเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนกับการพัฒนาครู  

เดี๋ยวนี้เราวัดผลได้ว่า เราควรเอาเงินไปทำอะไรให้สังคมดีขึ้น ถ้าเราวัดผลได้ขนาดนี้ มันไม่มีเหตุผลเลยที่เราจะคิดไปเองหรือไม่วัดผลเลย


ตอนนี้สังคมไทยอยู่ในสถานการณ์แบบไหน

ดูเหมือนบางอย่างไม่ถูกวัดผล หรือไม่มีความอยากวัดผลเลย นี่คือปัญหา


ถ้าจะลงทุนเพื่อให้คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้น ควรลงทุนอย่างไร

ถ้าถามผมควรลงทุนกับโลกอนาคตที่ตอบโจทย์อัพสกิล-รีสกิล ให้กับคนไทย อย่าไปบังคับให้คนมาเรียน อย่างที่สิงคโปร์ให้คูปอง ให้โอกาส คนเลือกได้ว่า อยากพัฒนาตัวเองด้านไหน ผมว่าเป็นระบบการตลาดที่ค่อนข้างตอบโจทย์ สามารถวัดผลตอนจบได้ ก่อนอื่นต้องมีมายเซ็ตว่า ตอนจบของโครงการต้องวัดผลได้ ถ้าไม่มั่นใจ ทำเล็กๆ ก่อนแล้วขยาย ไม่ใช่ทำใหญ่แล้วจบ


(ทรัพยากรด้านสาธารณสุขของไทยอยู่ในขั้นวิกฤติ)


มีเรื่องอะไรที่คุณอยากแบ่งปันให้สังคมอีกไหม

ผมอยากแนะแนวหรือเป็นเพื่อนคุยให้เด็กและเยาวชน เพราะเราเคยมีประสบการณ์ตอนเด็ก เคยสับสนในชีวิตช่วงวัยหนึ่ง และผมกับภรรยาเลี้ยงลูกด้วยกันเยอะ เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก ไม่เคยมีใครสอนผมเรื่องนี้

อย่างเรื่องการสร้างความมั่นใจให้เด็ก เวลาทารกร้องไห้เยอะๆ การเลี้ยงแบบโบราณก็บอกว่า ปล่อยให้ร้องไปอย่าตามใจ ซึ่งทางวิทยาศาสตร์หรือสมอง เด็กยังไม่มีความคิดแบบนั้นเลย

ผมเคยไปร่วมคุยในเฟซบุ๊คกลุ่มพ่อแม่ เรื่องไม่ตีลูก พ่อแม่สามารถคุยกับลูกด้วยเหตุผลได้ ซึ่งสามารถทำได้ แต่ไม่มีใครสอน ผมเชื่อว่า เด็กที่เกิดมาทุกคนบริสุทธิ์ ขึ้นอยู่ว่าเจอผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์แบบไหน ผมสนใจเรื่องเหล่านี้ อยากให้เด็กทุกคนมีโอกาสที่ดี มีวัยเด็กที่สมบูรณ์ ซึ่งยากมาก

เรื่องเด็กและเยาวชน เป็นเป้าหมายที่ผมจะทำในอนาคต เพราะเป็นเรื่องทุนมนุษย์ ผมให้ความสำคัญมาก เราไปใส่ใจในแง่เอาเงินทุ่มกระทรวงศึกษาธิการเยอะๆ แต่ไม่ได้ดูผลที่ได้ งบประมาณเกี่ยวกับการดูแลเด็กควรกระจายทุกกระทรวง


มูลค่าทางเศรษฐกิจของคนไทยหนึ่งชีวิตมีค่าเท่าไร

มีวิธีทำหลายแบบ ที่ทำออกมา คนไทยหนึ่งชีวิตมีมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 9-20 ล้านบาท ชีวิตคนอเมริกันมีมูลค่า 6-9 ล้านเหรียญ มากกว่าคนไทย 30 เท่า ไม่แปลกเพราะค่าแรงของเขาเยอะ

ถ้าถามว่า ตัวเลขเหล่านี้ มีประโยชน์อย่างไร สามารถนำไปวัดความคุ้มค่ามาตรการบางอย่างของรัฐ ผมให้ทีมงานทำข้อมูล วัดการล็อคดาวน์ไว้ ข้อดีคือ ช่วยชีวิตคนหมู่มาก ข้อเสียคือ คนจะอดตาย ไม่มีงาน

ถ้าจะไปให้สุดทาง ต้องคำนวณต่อว่า ควรจะล็อคดาวน์กี่วัน เพื่อให้สมดุลระหว่างประโยชน์และโทษที่ตามมา แน่นอนไม่มีใครอยากให้ล็อคดาวน์ปิดทั้งประเทศ ต้องมีจุดพอดี

ตัวเลขตรงนี้มีความสำคัญ เป็นราคาความคุ้มค่าของการทำมาตรการต่างๆ อย่างเรื่องวัคซีน ถ้าเอาตัวเลขมูลค่าทางเศรษฐกิจชีวิตคนไทยต่อคน 9-20 ล้านบาทมาคำนวณ ถ้ารัฐไปซื้อวัคซีนมากองๆ ไว้ก่อน ยังไงก็คุ้ม


นิยามคำว่า "หนึ่งชีวิตมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ"ไว้อย่างไร

เป็นจุดที่นักเศรษฐศาสตร์โดนเข้าใจผิดเยอะมาก  เป็นการประเมินคุณภาพชีวิตแบบเลือดเย็น ผมไม่ได้เป็นคนคิดตรงนี้ขึ้นมา

ยกตัวอย่างปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น ถ้าเราต้องการอากาศสะอาด ก็ต้องแลกกับต้นทุนทางเศรษฐกิจ ราคาแพงมาก ไม่สามารถทำให้ทั้งประเทศเป็นโซล่าเซลล์ได้


มีคนบอกว่า คุณให้ความสำคัญเรื่องการบริหารเวลาค่อนข้างมาก ?

สำคัญมาก โดยเฉพาะช่วงโควิด ทำให้หลายคนกลับมาคิดว่า เป้าหมายชีวิตเป็นอย่างไร ผมว่าหลายคนเริ่มเห็นว่า อยากทำอะไรบางอย่างที่มีความหมายต่อชีวิต ช่วงหลังๆ ผมอยากใช้เวลากับครอบครัวและคนใกล้ชิดมากขึ้น

เพราะช่วงโควิดมีการสูญเสียเยอะ ทำให้เห็นว่า ทำไมชีวิตมันสั้นขนาดนั้น ก็เลยคิดว่า ต้องบริหารความสัมพันธ์ดีๆ โลกปัจจุบันเราคุยกันผ่านโซเชียลมีเดีย บางทีเราสูญเสียการมีความสัมพันธ์กันจริงๆ ช่วงนี้เราควรลงทุนกับทักษะความสัมพันธ์ ซึ่งมีประโยชน์ในอนาคต เพราะหุ่นยนต์ทำไม่ได้
#2954


นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณที่เข้ามาชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการงบฯ 3 คณะในวันที่ 8,10 และ 13 กรกฎาคม โดยวันที่ 8 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังไม่มีอาการ แต่มีอาการเริ่มเจ็บคอในวันที่ 12 กรกฎาคม ก่อนจะตรวจพบเชื้อในวันที่ 13 กรกฎาคม ทั้งนี้ จึงได้สอบสวนโรคย้อนไปในวันที่ 10 กรกฎาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวร่วมประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯฝึกอบรมฯ ตั้งแต่เวลา 20.30-21.00 น. ดังนั้น ผู้ที่เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯในวันดังกล่าวถือเป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ส่วนในวันที่ 13 กรกฎาคมนั้น เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวร่วมประชุมคณะอนุกรรมาธิการกองทุนรัฐวิสาหกิจฯในเวลา 14.25-14.40 น. ซึ่งวันดังกล่าวนั้นแน่ชัดว่ามีการติดเชื้อแล้ว ดังนั้น กลุ่มนี้ทั้งหมดก็เป็นกลุ่มเสี่ยง อย่างไรก็ตาม พบว่า ห้องประชุมกรรมาธิการฯมีขนาดเล็ก แต่มีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนมากเกือบ 40 คนต่อคณะ

นพ.สุกิจ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการงบประมาณชุดใหญ่มีความเห็นว่าควรตรวจหาเชื้อกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ทางสภาฯจึงติดต่อกับทางโรงพยาบาลเอกชนเพื่อตรวจหาเชื้อด้วยอุปกรณ์ Rapid Antigen Test คาดว่า เร็วที่สุดน่าจะได้ตรวจในวันพรุ่งนี้ โดยเบื้องต้นมีกลุ่มเสี่ยงประมาณ 100 คนที่จะได้รับการตรวจหาเชื้อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่สัมผัสใกล้ชิดจะต้องกักตัว โดยจะสอบสวนกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การคัดกรองจะเริ่มพรุ่งนี้ แต่ในวันนี้ทุกคนยังคงทำงานปกติ

เมื่อถามว่า จะเป็นข้อครหาหรือไม่ว่า การตรวจหาเชื้อในหน่วยงานราชการง่ายกว่าประชาชนที่ต้องไปต่อคิวตรวจหาเชื้อ นพ.สุกิจ ระบุว่า เป็นกรณีการทำงานเพื่อส่วนรวม หากกรรมาธิการเดินหน้าไม่ได้ ก็โดนข้อครหาอีกด้านว่า ทำไมจึงไม่สามารถประชุมได้ ซึ่งการทำงานของกรรมาธิการเป็นเรื่องบ้านเมืองและเป็นเรื่องผลประโยชน์บ้านเมืองที่สำคัญ
#2955



สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างข้อมูลจากผู้บัญชาการกองทัพอัฟกานิสถานว่า นายเดนิช ซิดดิกี ชาวอินเดียซึ่งฝังตัวอยู่กับกองทัพอัฟกานิสถานในเมืองกันดาฮาร์ตั้งแต่สัปดาห์นี้ ถูกตาลีบันสังหารขณะทำข่าวกองทัพอัฟกานิสถานพยายามยึดคืนพื้นที่สปินโบลดัก ใกล้จุดข้ามแดนปากีสถานจากกองกำลังตาลีบัน

นายไมเคิล ฟรายเดนเบิร์ก ประธานรอยเตอร์และนางอเลสซานดรา กัลโลนี บรรณาธิการใหญ่รอยเตอร์แถลงว่า รอยเตอร์กำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วนจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่

"เดนิชเป็นนักข่าวที่โดดเด่น เป็นสามีและพ่อที่ทุ่มเท เป็นเพื่อนร่วมงานที่ทุกคนรักใคร่ ขอส่งกำลังใจให้กับครอบครัวของเขาในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้" แถลงการณ์ระบุ

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่านายซิดดิกีเคยได้รับบาดเจ็บที่แขนจากวัตถุมีคมขณะทำข่าวการสู้รบนี้มาแล้ว และได้รับการรักษาจนฟื้นตัวขณะที่นักรบตาลีบันล่าถอยจากการสู้รบในสปินโบลดัก ส่วนรายละเอียดรอยเตอร์ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ในขณะนี้

นายซิดดิกีเป็นหนึ่งในทีมช่างภาพที่ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ สาขาภาพสารคดียอดเยี่ยมในปี 2561 จากเรื่องวิกฤติผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา มาทำงานกับรอยเตอร์ตั้งแต่ปี 2553 เคยทำข่าวสงครามในอัฟกานิสถานและอิรัก วิกฤติผู้ลี้ภัยโรฮิงญา การประท้วงฮ่องกง และแผ่นดินไหวเนปาลมาแล้วอย่างโชกโชน 
#2956

 

จากกรณี รัฐบาล ประกาศเปิดพื้นที่นำร่องส่งเสริมการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องในจังหวัดภูเก็ตไปแล้ว ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2564 และต่อมาในวันนี้ (15 กรกฎาคม ) เกิดโครงการ สมุย พลัส โมเดล เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้าพื้นที่นำร่อง 3 เกาะ ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า

วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมดำเนินการตามนโยบาลรัฐบาล และได้กำชับไปยังหน่วยงานในสังกัดให้ประสานการปฏิบัติระหว่าง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมควบคุมโรค และหน่วยงานในพื้นที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขับเคลื่อนการปฏิบัติภารกิจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตามพิธีการคนเข้าเมือง และตามมาตรการสาธารณสุขที่กำหนด เพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID -19) ด้วยอีกส่วนหนึ่ง


ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.), กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ มีความพร้อมในการทำงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า ตามด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ อีกทั้งดำเนินการมาตรการที่ ศบค. หรือ ศูนย์ปฏิบัติการมาตราการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศได้อนุมัติ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนด  เช่น จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด19 พร้อมเอกสารรับรองจากประเทศต้นทาง และเมื่อเดินทางถึงนักท่องเที่ยวต้องทำการตรวจหาเชื้อโควิด19 หลังจากนั้นใน 7 วันแรกก็จะเข้าพักอาศัยในโรงแรมที่มีมาตรฐาน Samui Extra+ 

ส่วนใน 7 วันหลังพักในโรงแรมที่มีมาตราฐาน SHA+ โดยเมื่อผ่านไป 15 วันและนักท่องเที่ยวได้รับการตรวจหาเชื้อแล้วไม่พบก็สามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่นได้ ซึ่งหลังจากผ่านการตรวจคัดกรองโรคจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุขและการดำเนินการตามพิธีการคนเข้าเมือง เมื่อนักท่องเที่ยวได้เข้าพำนักในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า เจ้าหน้าที่หน่วยร่วมปฎิบัติ ก็จะมีมาตราการในการควบคุมและป้องกันโรคตามคำสั่ง ประกาศ ข้อกำหนด ของ ศบค. และคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้หากประชาชนหรือนักท่องเที่ยวต้องการความช่วยเหลือหรือแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สามารถโทรมายังหมายเลขสายด่วน191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.
#2957

อิตาลี เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 2020 หลังเอาชนะจุดโทษ อังกฤษ 3-2 หลังเสมอกันในเวลาปกติ 1-1 ที่สนาม เวมบลีย์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 11 ก.ค.

จาการคว้าแชมป์ดังกล่าวส่งผลให้ "อัซซูรี" ซิวโทรฟีของฟุต.ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเป็นสมัยที่ 2 ต่อจากปี 1968 หรือกว่า 53 ปีที่แล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ทัพนักเตะ และทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของทีมชาติอิตาลี นำโดย โรแบร์โต มันชินี กุนซือ รวมถึงบรรดาแข้งดังอย่าง จอร์โจ คิเอลลินี, เลโอนาร์โด โบนุชชี, จานลุยจิ ดอนนารุมมา และจอร์จินโญ ได้เข้าพบกับ แซร์โจ มัตตาเรลลา ประธานาธิบดีอิตาลี และมาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ที่พระราชวังชิกิ หลังคว้าแชมป์ยูโร 2020 มาครอง เพื่อพูดคุย และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

เช่นเดียวกับ มัตเตโอ แบร์เร็ตตินี นักเทนนิสชาวอิตาลี ที่เพิ่งคว้ารองแชมป์แกรนด์ สแลม วิมเบิลดัน ก็มาร่วมเข้าพบกับประธานาธิบดีอิตาลี และนายกรัฐมนตรีอิตาลี ด้วย

และหลังจากนั้นทัพ "อัซซูรี" ทั้งหมดก็ได้ขึ้นรถบัสเปิดประทุน เพื่อแห่งฉลองแชมป์ยูโรไปทั่วกรุงโรม ท่ามกลางแฟน.ที่ออกมาต้อนรับ และร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม
#2958
ราคาเช่า 3000-4000 บาท ต่อเดือน
ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 099.461.1840
@line: chiramathe.nami

ให้เช่า อพาร์ทเม้นท์ C.R. House (ซ. อ่อนนุช 78) สะอาด สงบ รายเดือน


ให้บริการห้องพักรายเดือน สามารถเข้าอยู่ได้ทันที พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก 

เข้าและออกอาคารด้วยระบบคีย์การ์ด ภายในห้องพักมีโต้ะและเก้าอี้ทำงาน เตียงขนาดใหญ่

ตู้เสื้อผ้ากระจกบานใหญ่, ห้องน้ำและระเบียงส่วนตัว เครื่องทำน้ำอุ่น, แอร์, ระบบทีวีดิจิตอลรวมถึงตู้เย็น

ไมโครเวฟและชุดเครื่องนอนในแต่ละห้อง นอกจากนี้บริเวณส่วนกลางมีเครื่องซักผ้า, ตู้น้ำดื่มและเครื่องอบผ้าแห้ง

ตู้รับพัศดุ,ตู้ยาสามัญประจำอาคาร,ร่มสำหรับกันแดดกันฝน,อุปกรณ์เติมลมสำหรับรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์ส่วนกลางให้บริการฟรี 

อินเตอร์เนตไฟเบอร์ความเร็วสูง(WiFi)ฟรี มีกล้องวงจรปิด CCTV 24 ชั่วโมง ทั้งภายในอาคารทุกชั้นและภายนอกอาคารโดยรอบรวมมากกว่า40จุด 

รวมทั้งสปอร์ตไลท์ไฟฟ้าจำนวนมากส่องสว่างบริเวณอาคารโดยรอบ ห้องพักมีให้เลือกทั้งห้องแอร์และห้องพัดลมมีขนาดกว้าง 

อยู่ใกล้เทสโก้โลตัสใหญ่สาขาอ่อนนุช 80 (เดินไม่เกิน5นาที) รวมถึงตลาดนัด,ร้านอาหาร,ร้านสะดวกซื้อ, รพ.วิภาราม อ่อนนุช 

และห่างจากป้ายรถโดยสาร(ซึ่งเดินไม่เกิน1นาที) อาคาร C.R. House ยินดีให้บริการลูกค้า ดูแลผู้พักอาศัยด้วยความจริงใจและเป็นกันเอง

ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 0994611840
@line: chiramathe.nami

- สัญญา 1 ปี 
- เข้าพัก : ค่าประกัน 1 เดือน ค่ามัดจำ 1เดือน
- อพาร์มเม้น 6 ชั้น
- ขนาด 25-27 ตารางเมตร
- ที่อยู่ 4/1 ซอย อ่อนนุช 78 เขต/แขวง ประเวศ ถนน สุขุมวิท 77 กทม 10250
- ที่จอดรถหน้าอาคาร และ ลานจอดรถบริเวณใกล้อาคาร
- จุดเด่น: อพาร์ทเม้นเปิดใหม่ ใกล้โลตัส อ่อนนุช 80 เพียงเดิน 5นาที ร.พ. วิภาราม อ่อนนุช เพียงเดิน 1 นาที
- ชุดโต้ะและเก้าอี้ทำงาน เตียงขนาดใหญ่, ตู้เสื้อผ้ากระจกบานใหญ่, ห้องน้ำและระเบียงส่วนตัว เครื่องทำน้ำอุ่น, แอร์ รวมถึงตู้เย็นและไมโครเวฟในแต่ละห้อง

------------------------------------------------------

Rental price 3000-4000 baht per month.
Contact Ms. Jirameth Nami
Number 099.461.1840
@line: chiramathe.nami

Apartment C.R. House (Soi On Nut 78), clean, peaceful, monthly

Monthly room service can move in immediately with facilities

Enter and exit the building with a key card system. There is a desk and chair in the room. large bed

Large mirror wardrobe, bathroom and private balcony. Water heater, air conditioner, digital TV system including refrigerator.

Microwave and bedding in each room In addition, the common area has a washing machine, drinking water dispenser and dryer.

Free delivery of parcels, medicine cabinets in the building, umbrellas for sun protection and rain protection, inflating equipment for cars and motorbikes for free.

Free high speed fiber internet (WiFi) There are CCTV 24 hours a day, both inside the building on every floor and outside the building around a total of more than 40 points.

Including many electric spotlights to illuminate the surrounding buildings. The rooms are available in both air-conditioned and fan-sized rooms.

Near Tesco Lotus, On Nut 80 branch (walking no more than 5 minutes), including flea markets, restaurants, convenience stores, Vibharam Hospital On Nut

And away from the bus stop (which is less than 1 minute walk) C.R. House building is happy to serve customers. Take care of residents with sincerity and friendliness.

Contact Ms. Jirameth Nami
Number 0994611840
@line: chiramathe.nami

- 1 year contract
- Stay: 1 month security deposit, 1 month deposit
- 6 storey apartment
- Size 25-27 square meters
- Address 4/1 Soi On Nut 78 District/Khwaeng Prawet Road Sukhumvit 77 Bangkok 10250
- Parking in front of the building and parking near the building
- Pros: Newly opened apartment, near Lotus On Nut 80, just walk 5 minutes, Vibharam Hospital On Nut, just walk 1 minute
- Desk and chair set King size bed, large mirror wardrobe, bathroom and private balcony. Water heater, air conditioner as well as refrigerator and microwave in each room.

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=73&t=7815373






























#2959
เทคนิคการเทรดทอง



การลงทุนในตลาดทองคำกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการลงทุนในรูปแบบการ เทรดทองคำ ซึ่งเป็นการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งคล้ายกับการเทรด Forex แต่เป็นการจับคู่การเทรดสกุลเงินของประเทศหนึ่งกับกับสกุลเงินของทองคำนั่นเอง ใครที่กำลังจะเริ่มต้นลงทุนด้วยการเทรดทองคำ คงมีคำถามมากมายหลายอย่างเกิดขึ้นในหัวของคุณ เพราะคุณไม่รู้เลยว่าจุดเริ่มต้นของการลงทุนในตลาดทองคำ ต้องเริ่มต้นที่ตรงไหน หรือต้องเริ่มลงมือทำอะไรก่อนดี บางครั้งคุณได้ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมมาบ้างแล้ว แต่ข้อมูลที่คุณค้นหาในอินเตอร์เน็ตก็มีมากจนเกินไป จนคุณจับต้นชนปลายไม่ถูก ซึ่งเทคนิคการเทรดทองคำที่จะมาแบ่งปันให้ทุกท่านที่กำลังอ่านบทความนี้ จะสามารถช่วยคุณเริ่มต้นลงทุนเทรดทองคำได้อย่างแน่นอน กลุ่มเทรดทองคำ

รู้จักตลาดการ เทรดทองคำ อย่างถ่องแท้

จุดเริ่มต้นแรกที่อยากแนะนำ คือคุณต้องศึกษาและเรียนรู้ตลาดการเทรดทองคำ โดยที่คุณต้องรู้อย่างถ่องแท้ว่าตลาดทองคำเป็นอย่างไร มีรูปแบบการลงทุนและการ เทรดทองคำ แบบไหนบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณต้องรู้ให้ได้ว่า ราคาทองคำ ในตลาดโลกมีความเป็นมา มีแนวโน้มเทรนด์อย่างไร และสภาวะการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร จะได้นำมาวิเคราะห์หาทางทำกำไรเมื่อคุณลงมือเทรดทองคำจริง และการที่คุณเริ่มต้นด้วยการศึกษาจนเข้าใจตลาดทองคำอย่างถ่องแท้จริง ๆ ไม่ใช่แค่เข้าใจแบบงู ๆ ปลา ๆ ในอนาคตข้างหน้าหากคุณต้องเผชิญกับสภาวะที่คับขัน คุณจะมีโอกาสพลิกแพลงได้มากขึ้น

รู้จักคู่เงินเทรดทอง และเลือกใช้คู่เงินที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

สำหรับการ เทรดทองคำ ส่วนใหญ่จะเทรดด้วยระบบเดียวกันกับตลาด Forex signal โดยสกุลเงินที่บ่งบอกว่าคือราคาทองคำคือ XAU ซึ่งการเทรดทองเพื่อให้ได้กำไร เราจะต้องมีการจับคู่ราคาทองคำกับสกุลเงินอื่น ๆ อาทิ XAU/USD เป็นการจับคู่เงินทองคำกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และ XAU/EUR เป็นการจับคู่กับสกุลเงินยูโร เป็นต้น ในการเลือกใช้คู่เงินที่ดีที่สุดสำหรับเรา คุณต้องดูว่าคุณถนัดค่าเงินและรู้จักพฤติกรรมของค่าเงินนั้น ๆ รู้สาเหตุที่ทำให้ค่าเงินนั้นเคลื่อนไหวมากแค่ไหน ถ้าเป็นมือใหม่แนะนำให้เลือกจับคู่กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เพราะคุณจะสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดได้ง่ายกว่า แต่สำหรับคนที่เทรดทองเก่งแล้ว มีคู่เงินอีกมากมายที่รอให้คุณไปเทรดทำกำไร

เลือกโบรกเกอร์เทรดทองที่คุณไว้วางใจ

โบรกเกอร์มีผลอย่างมากในการลงทุนในตลาดทองคำ ซึ่งส่งผลต่อการได้กำไรมากน้อยของคุณนั่นเอง คุณจะต้องศึกษาโบรกเกอร์ต่าง ๆ ให้ดี หรือดูจากรีวิวโบรกเกอร์ ว่าแต่ละรายมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ไม่เพียงศึกษาเปรียบเทียบแค่ค่าสเปรดหรือค่าเลเวอเรจต่าง ๆ ที่ส่งผลโดยตรงต่อพอร์ตการลงทุนของคุณเท่านั้น ยังต้องพิจารณาเพิ่มเติมด้วยว่า คุณมั่นใจหรือไว้วางใจโบรกเกอร์เจ้าไหนที่จะมาเป็นผู้ช่วย เทรดทองคำ ให้กับคุณ

ฝึก เทคนิคการเทรดทอง ในบัญชี Demo ให้คล่อง

โบรกเกอร์ เทรดทองคำ ส่วนใหญ่จะมีบัญชี Demo หรือบัญชีจำลอง เทคนิคการเทรดทอง ให้คุณได้ทดลองฝึกเทรดทองในตลาดจริง แต่ใช้เงินจำลองที่ไม่ใช่เงินลงทุนของจริงของคุณ โดยต้องขอแนะนำเป็นอย่างมากหากคุณไม่เคยเทรดทองคำหรือเทรด Forex มาก่อน เพราะการเทรดทองในบัญชี Demo จะช่วยทำให้คุณได้ฝึกใช้โปรแกรมการเทรด การใช้เครื่องมือต่าง ๆ รวมทั้งการพัฒนากลยุทธ์การเทรดทองได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้คุณได้ศึกษาแนวโน้มของราคาทองคำในตลาดว่าการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่างไร และเมื่อคุณฝึกเทรดทองจนคล่องหรือชำนาญแล้ว ค่อยมาเตรียมตัวเทรดทองคำในตลาดจริงด้วยเงินจริง ๆ ของคุณ

สำรวจตัวเองก่อนเริ่มต้นเทรดทองคำด้วยเงินจริง

ก่อนที่คุณจะเริ่มนำเงินที่คุณตั้งใจจะนำมาลงทุน เทรดทองคำ อยากให้คุณลองสำรวจตัวเองก่อนว่า คุณเป็นนักลงทุนที่มีสไตล์แบบไหน เพราะการลงทุนในตลาดทองคำสามารถลงทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วันต่อสัปดาห์โดยไม่มีหยุดพัก xauusd signal การสำรวจตัวเองนอกจากจะทำให้คุณรู้จักตัวเองว่าถนัดเทรดทำกำไรแบบระยะสั้นหรือระยะยาวแล้ว ยังช่วยทำให้คุณวางเป้าหมายได้อย่างชัดเจนว่าจะลงทุนในตลาดทองคำนี้อย่างไร

เตรียมเงินลงทุนของคุณให้พร้อม

หลายคนมักจะมีคำถามว่า จะลงทุนเทรดทองคำต้องมีเงินลงทุนสักเท่าไหร่ดี? อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ของแต่ละบุคคลเลยว่ามีมากหรือน้อยแค่ไหน หรือถ้าคุณจะเตรียมเงินลงทุนเพื่อนำไปเปิดบัญชีกับทางโบรกเกอร์ ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์ได้กำหนดไว้แล้วว่าการฝากขั้นต่ำในบัญชีแต่ละประเภทเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ บางโบรกเกอร์มีบัญชีไม่มีขั้นต่ำในการฝากเงิน บางโบรกเกอร์ก็มีโบนัสฝากเงินครั้งแรก ในขั้นเริ่มต้นหากคุณมีเงินลงทุนไม่มากเช่น 5,000 หรือ 10,000 บาท อาจจะลองเปิดบัญชีไม่มีขั้นต่ำ หรือจะลองแบ่งเงินเปิดบัญชีเพื่อให้ได้โบนัสเงินฟรีเพื่อนำไปลงทุนก่อน จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มเงินในพอร์ตการลงทุนของคุณก็ได้

สร้างกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างกำไร

ว่ากันว่าในการ เทรดทองคำ ถ้าไม่มีกลยุทธ์ในการเทรดก็ไร้โอกาสในการสร้างกำไร การมีกลยุทธ์การเทรดทองคำที่เหมาะสมกับรูปแบบการลงทุนของคุณ จะเป็นเหมือนดั่งเข็มทิศนำพาคุณไปสู่จุดที่ทำกำไร เพราะฉะนั้น คุณต้องพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสไตล์ของคุณ และพัฒนากลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาพตลาดในปัจจุบันอยู่เสมอ

เทคนิคการเทรดทอง ที่กล่าวมาทั้งหมด กลุ่มไลน์เทรดทองคำ อาจจะพอเป็นแนวทางในการเริ่มต้น เทรดทองคำ ให้คุณได้เริ่มเทรดสร้างกำไรตั้งแต่เริ่มลงมือได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่า คุณมีความพร้อม หรือมีความตั้งใจที่จะลงทุนในตลาดทองคำอย่างแน่วแน่หรือไม่ ถ้าคุณพร้อมหรือตั้งใจจริงโอกาสเทรดทองคำเพื่อทำกำไรก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
#2960
ยิ่งรู้จัก ยิ่งรัก Cloud Phone 11
จากการที่ได้สอบถามข่าวจากผู้ให้บริการหลายๆราย ทำให้ผมได้เปิดความรู้ใหม่ๆ ขึ้นมาว่า
โทรศัพท์ยุคนี้ ไม่ใช่แค่ ไว้สำหรับพูดคุย เท่านั้น แต่สามารถติดต่อสื่อสารในช่องทางอื่นๆ ได้อีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการแชท หากันในองค์กร การวีดีโอคอล ทั้งผ่านแอป ผ่านคอมพิวเตอร์ ทำได้ไหลลื่น
มากๆ แต่ที่เด็ดที่สุดก็เห็นจะเป็นระบบ Cloud Phone ที่ชื่อ Cloud Phone 11 เนื่องแต่ยังไงก็ต้องจ่าย
เป็นรายเดือนอยู่แล้ว แต่ก็พ่วงเหมาจ่ายค่าโทรมาให้เลย เหมาะสำหรับองค์กรฯ หรือ บริษัทฯ จริงๆ
ได้มีโอกาสลองและทดสอบแล้ว บอกได้คำเดียวครับ ว่า ติดตั้งง่ายมากๆ และ เสียงสนทนาฟังชัดระดับ HD กัน
เลยทีเดียว



แหล่งที่มา : ที่นี่