• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Joe524

#6166


ฟุต.วีลีก ลีกสูงสุดของประเทศเวียดนาม มีคำสั่งจากฝ่ายจัดฯ ให้เลื่อนการแข่งขันในฤดูกาล 2021 ยกยอดไปแข่งขันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้หลายสโมสรเกิดวิกฤติด้านการเงินเป็นอย่างมาก

ล่าสุด สหพันธ์ฟุต.เวียดนาม หรือ "วีเอฟเอฟ" และฝ่ายจัดการแข่งขันฟุต.อาชีพเวียดนาม หรือ "วีพีเอฟ" มีการประชุมร่วมกับทุกสโมสร ซึ่งเสียงสโมสรสมาชิกส่วนใหญ่มีความเห็นว่าควรจะตัดจบการแข่งขันในฤดูกาล 2021 ไปเลย ซึ่งปัญหาหลักคือวิกฤติด้านการเงินที่หลายทีมไม่สามารถหามาหมุนเวียนเพื่อจ่ายเป็นค่าเหนื่อยของนักเตะได้

สำหรับทีมแชมป์, ทีมตกชั้น และโควต้าไปเล่นฟุต.สโมสรเอเชีย ทางสหพันธ์ฟุต.เวียดนาม และฝ่ายจัดการแข่งขันวีลีก จะประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้สถานการณ์ปัจจุบันในลีกสูงสุดเวียดนาม ฤดูกาล 2021 ผ่านพ้นไปแล้ว 12 เกมในครึ่งซีซั่นแรก และเป็น ฮองอันห์ยาลาย ของกุนซือ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่นำเป็นจ่าฝูงของตาราง จากผลงานชนะ 9 นัด เสมอ 2 นัด แพ้ 1 นัด มี 29 คะแนน ซึ่งพวกเขากำลังจะคัมแบ็คกลับมาคว้าแชมป์วีลีก อีกครั้งในรอบ 17 ปี และยังจะคว้าตั๋วไปเล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก อีกด้วย
#6167


นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ดูแลธุรกิจ SCG HOME Retail & Distribution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า "SCG HOME เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ประกอบการขนาดเล็กมีส่วนในการเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง และเป็นรากฐานที่ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต จึงมุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีอยู่เกือบหนึ่งแสนรายทั่วประเทศ ยังต้องการการเข้าถึงโอกาสและช่องทางในการพัฒนาศักยภาพ พร้อมทั้งต้องการเครื่องมือการตลาดแนวใหม่ เพื่อยกระดับการเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ"

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ SCG HOME ได้จับมือร่วมกับกองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน กรมส่งเสริมการเกษตร จัดอบรมสัมมนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ 'ติดอาวุธพัฒนาสินค้า บริการ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล' จุดประกายความคิดให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็ก และนำองค์ความรู้ไปพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเพิ่มช่องทางตลาดออนไลน์ และแนวทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ไปยังผู้บริโภคตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อที่ผู้ประกอบการรายย่อยจะสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพิ่มทางเลือกสินค้าให้มีความหลากหลายกับผู้บริโภค รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ขยายฐานของกลุ่มลูกค้าออกไปในวงกว้างมากขึ้น และผลักดันการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเสริมศักยภาพรูปแบบการจัดจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ที่จะเป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายสินค้าในอนาคต ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังสามารถพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารธุรกิจ และองค์ความรู้ในการพัฒนาสินค้าและปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น และนอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการรายย่อยด้วยกันเอง แบ่งปันองค์ความรู้ นำไปต่อยอดเป็นธุรกิจ และพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น

สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจประเภทใด ก็สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการพัฒนาศักยภาพของตนให้เข้มแข็งได้ ดังเช่น วิสาหกิจชุมชน ดังนี้

วิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมไทบุราณศิลป์ ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดบูชา พานตั้งโต๊ะ และพวงมาลัยคริสตัล นำโดย นางขนิษฐา อุทิศวรรณกุล กล่าวว่า "ถึงแม้ว่าทางกลุ่มฯ เพิ่งเข้าร่วมอบรมสัมมนาออนไลน์กับทาง SCG HOME เป็นครั้งแรก แต่ได้รับประโยชน์มาก สามารถนำองค์ความรู้กลับมาพัฒนาศักยภาพได้จริง เช่น การพัฒนาต่อยอดสินค้าใหม่ ๆ โดยนำเศษผ้าไหมที่เหลือทิ้งมาสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์ให้มากขึ้น เนื่องจากช่วงโควิด – 19 แพร่ระบาด ทำให้ไม่สามารถออกบูธจำหน่ายสินค้า และขายผ่านหน้าร้านตามปกติได้ เนื่องจากจำเป็นต้องปิดร้านที่สนามหลวง 2 ไปชั่วคราว และหาช่องทางการจำหน่ายช่องทางออนไลน์แทน อาทิ อี-มาร์เก็ตเพลส ช่องทางโซเชียล เน็ตเวิร์ค ต่าง ๆ"

วิสาหกิจชุมชนภูมิปัญญาไทยบ้านโพธิ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายไข่เค็มชาร์โคล น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างเครื่องประดับ และสบู่นมแพะ จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย นางปรียาพร เทียนหล่อ เปิดเผยว่า "ทางกลุ่มฯ มีความเชี่ยวชาญในการนำสมุนไพรไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน หลังจากได้เข้าร่วมอบรมกับทาง SCG HOME ช่วยให้มีกระบวนการคิดและบริหารธุรกิจอย่างเป็นระบบมากขึ้น เช่น ในสถานการณ์โควิด-19 การจะลงทุนทำอะไรเพิ่มต้องคิดและวิเคราะห์มากขึ้น ทั้งสามารถต่อยอดและพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เช่น การนำกากของผลมะกรูดที่เหลือจากการผลิตสบู่ มาต้มต่อและผลิตเป็นน้ำยาล้างจาน แทนที่จะทิ้งให้สูญเปล่า รวมทั้ง ยังได้รับเทคนิคในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อใหม่ ๆ อาทิ การสร้างเพจ การโพสต์รูปสินค้า และยังได้กลุ่มเพื่อนใหม่จากการเข้าร่วมอบรม มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กันและบอกต่อผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มค้าใหม่ ๆ"

วิสาหกิจชุมชนกลิ่นเอมนาโน กลุ่มผู้ผลิตเวชสำอางค์ ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากสารสกัดออร์แกนิคธรรมชาติ100% ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศไทยทั้งสิ้น ที่มีสมาชิกกลุ่มตั้งแต่เกษตรกรต้นน้ำ ไปจนถึงนักวิชาการ และโรงงานผลิต โดยนางสุวิภา เสริมบุญสร้าง มองว่า "การจัดสัมมนาออนไลน์ของทาง SCG HOME เป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์อย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 แพร่ระบาด ไม่สามารถไปออกบูธขายสินค้าได้เหมือนแต่ก่อน จนมามองเห็นโอกาสในการขยายตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล ได้ความรู้และทักษะในการขายของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้จากเดิมที่ลูกค้าห่างหายไป หลังจากเพิ่มช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ ลูกค้าที่เคยซื้อกลับมาซื้อซ้ำและยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่ม"

วิสาหกิจชุมชนกาแฟรัษฎาและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จากจังหวัดตรัง ผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่วแบบดั้งเดิม สบู่กาแฟ และชาดอกกาแฟ ซึ่ง นางกนกวรรณ คำเนตร ให้ความเห็นว่า "โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดเล็ก ของ SCG HOME เป็นโครงการที่เห็นความสำคัญของชุมชน และช่วยเหลือชุมชนโดยตรง ทั้งยังให้โอกาสกับกิจการขนาดเล็กของชุมชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ซึ่งถือว่าให้ประโยชน์อย่างมากแก่ผู้ประกอบการ เช่น ด้านการขยายช่องทางออนไลน์ ทำให้ตอนนี้ทางกลุ่มฯ สามารถขยายช่องทางออนไลน์ไปในหลายแพลตฟอร์ม ตอบรับกับในขณะนี้ไม่สามารถเปิดหน้าร้านจำหน่ายสินค้าไม่ได้ก็ต้องอาศัยช่องทางออนไลน์ และในอนาคตก็หวังว่าอยากให้มีสัดส่วนขายออนไลน์เพิ่มมากขึ้น"

นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า "SCG HOME รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก ให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมอบรมสัมมนาไปใช้ได้จริง และจะเดินหน้าโครงการที่เป็นประโยชน์แก่สังคมและชุมชนนี้ไปอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เพียงมีส่วนช่วยประคับประคองธุรกิจขนาดเล็กในช่วงที่ภาวะตลาดยังมีความผันผวนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่จะเป็นภูมิคุ้มกันและเสริมรากฐานช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจรายย่อยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย"
#6168
ปัตตานี pattani ชิ๊ปป๊อบ shippop flash best dhl ตะลุโบะ ส่ง พัสดุ




SHIPPOP สาขาตะลุโบะ จ.ปัตตานี
ร้านรับส่งพัสดุด่วน
ที่รวบรวมขนส่งชั้นนำ พร้อมให้บริการ

ไปรษณีย์ไทย
Flash Express
CJ Logistics
Ninja Van
SCG Express
 Best Express
 J&T Express

#Flashhome #แฟลช #แฟลชโฮม #shippop #ชิ๊ปป๊อบ
#BEST #ส่งของ #ส่งพัสดุ #BESTEXPRESSTHAILAND #BESTEXPRESS #BESTFSCENTER #แพ็กพัสดุ #เคล็ดลับแพ็กพัสดุ #แพ็กพัสดุมือโปร
#NinjaVanThailand #NinjaVan #นินจาแวนส่งเร็วทันใจทั่วประเทศ
#ส่งวันถัดไป #นินจาแวนเข้ารับพัสดุฟรี #นินจาแวน #นินจาแวนส่งทั่วไทย
#นินจาแวนรับพัสดุทั่วไทย

ส่งของไปต่างประเทศได้แล้ววันนี้

Namyong Worldwide Express
#ส่งพัสดุไปต่างประเทศ #ส่งพัสดุด่วนไปต่างประเทศ #ส่งของไปต่างประเทศ

ใช้บริการได้แล้วที่ร้านรับฝากส่งพัสดุ
ใกล้บ้านคุณได้เเล้ววันนี้

แผนที่ร้านครับ
https://g.page/shippop-pn?share

facebookร้าน
https://www.facebook.com/shippop.pn

เข้ามาใช้บริการได้ครับ
โทร 093-6515445
 
 
#6169


ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(18ส.ค.)ร่วงลง 382 จุด หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค. ที่บ่งชี้ว่า

เจ้าหน้าที่เฟดมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับกรอบเวลาในการลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 382.59 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 34,960.69 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 47.81 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 4,400.27 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 130.27 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 14,525.91 จุด

รายงานมินิทส์ของเฟดระบุถึงกรอบเวลาลดระดับโครงการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนซึ่งในรายงานจากที่ประชุมหนล่าสุดบ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดจะผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี่นี้ หากว่าเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวตามความคาดหมาย

ขณะเดียวกันรายงานฉบับนี้ก็เผยให้เห็นว่าบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วน แสดงความกังวลว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา อาจเตะถ่วงการกลับมาเปิดเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ และตลาดแรงงานคือสิ่งสำคัญที่สุดในความคิดของเฟด


ราคาหุ้นของบริษัทโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นคู่แข่งของบริษัทโฮม ดีโปท์ อิงค์ พุ่งขึ้นในวันนี้ หลังเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 แต่ราคาหุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง แม้บริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาด

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

ทั้งนี้ เฟดจะจัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่ารายงานของเฟดในวันนี้ และการประชุมประจำปีของเฟดในปลายเดือนนี้ จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอี

นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เฟดควรทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินคิวอีและเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.

ปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีอย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (เอ็มบีเอส) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ นายแคปแลนระบุว่า เขาต้องการให้การปรับลดคิวอีดำเนินไปโดยใช้เวลาราว 8 เดือน ซึ่งหากเฟดยิ่งเริ่มปรับลดคิวอีได้เร็วเท่าใด ก็จะยิ่งช่วยให้เฟดมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

คำกล่าวของนายแคปแลนสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ที่ได้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอี ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

"ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด" นายแคลริดากล่าว

"หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้" เขากล่าว

ด้านนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด กล่าวเช่นกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.
#6170


นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยภายในงานสัมมนา 50 ปี เครือเนชั่น Virtual Forum Thailand Next EP.1 : Innovation Beyond Business โอกาสนวัตกรรมเศรษฐกิจ ในหัวข้อ "Thailand New Outlook Innovation and Opportunity Post Covid" โดยระบุว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์โควิด 19 ตอนนี้วิกฤติมาก ในแง่ของภาคสาธารณสุข โรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ถือว่าทำงานเต็มศักยภาพแล้ว

อย่างไรก็ดี สถานการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเมืองไทย แต่เกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้านเราเหมือนกัน เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม อีกทั้งเดือนนี้เราจะเริ่มเห็นสถานการณ์ในอเมริกา ในยุโรป อังกฤษ ที่เจอการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลต้า พบว่าผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพรวมทั้งโลกในเดือน ส.ค.ที่เริ่มมานี้ สถานการณ์คนติดเชื้อ 2 ใน 3 ของตัวเลขพีคในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าสถานการณ์เรียกว่าค่อนข้างหนัก

"วันนี้คำถามที่ว่าเมื่อไหร่โควิดจะหมดไป เมื่อไหร่จะพีค หรือเมื่อไหร่จะหายไป โรคนี้จะหายไปไหม อาจเป็นคำถามที่เราต้องคิดใหม่ว่า หรือเป็นสิ่งที่เราต้องอยู่กับมัน เพราะแม้จะมีวัคซีน เราก็ต้องปรับตัวให้อยู่กับมัน เพราะวัคซีนป้องกันระบาดไม่ได้ 100% แต่ป้องกันการเจ็บตัวลงได้"



ทั้งนี้ ในแง่ของภาคธุรกิจ ที่ก่อนหน้านี้เรียกว่าต้องปรับตัวรับ นิวนอร์มอล (New Normal) ตอนนี้ส่วนตัวผมคิดว่าไม่แน่ใจแล้วกับการปรับตัวหลังโควิดคลี่คลาย แต่สิ่งที่เห็นคือการปรับตัวให้เป็น นาวนอร์มอล (Now Normal) เป็นสิ่งที่เราต้องอยู่กับมันให้ได้ในวันนี้ สิ่งนี้มีผลอย่างมากกับภาคธุรกิจ สังคม และสาธารณสุข เป็นสิ่งที่เราต้องปรับตัวทำทันที ทำไปเรื่อยๆ และต้องอยู่กับมันให้ได้


สำหรับการปรับตัวสู่นาวนอร์มอลของเอสซีจี เมื่อเจอการแพร่ระบาดของเดลต้า ได้ปรับแผนจากการทำไข่แดง มาเป็นการทำ มาตรการการควบคุมโรคลักษณะ หรือบับเบิ้ลแอนด์ซีล (Bubble and Seal) และทำให้เป็นการปรับตัวรับกับนาวนอร์มอล โดยการเอาเทคโนโลยีมาใช้กับสิ่งเหล่านี้ให้เป็นการปรับตัวที่อยู่กับเอสซีจีตลอดไป


ตลาดแร่โลหะ ณ ตลาดลอนดอน (19 ส.ค. 64)
'วันสารทจีน 2564' วันประตูนรกเปิด แนะวิธีทำบุญและบอกสิ่งห้ามทำ โดย อาจารย์ 'คฑา ชินบัญชร'
'หญิงตั้งครรภ์'ติดโควิด19โอกาสเข้าไอซียูสูงกว่า 2-3เท่า
ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ที่เคยคิดว่าเมื่อโควิด 19 คลี่คลายแล้วจะกลับไปเป็นแบบเดิม อย่างภาคการท่องเที่ยว ขณะนี้อาจต้องเริ่มคิดแล้วว่าจะเป็นแบบเดิมอย่างไร หรือจะปรับเป็นนาวนอร์มอลเพื่ออยู่กับสิ่งนี้ เพราะทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ กับทุกธุรกิจที่รู้จักปรับตัว และผู้ที่อยู่รอดค คือผู้ที่ปรับตัว นวัตกรรมจะเป็นนาวนอร์มอลในยุคต่อไปนี้ และความเร็วจากการใช้นวัตกรรม เพื่อการปรับตัวให้เป็นไปตามคความต้องการของลูกค้า จะเป็นนาวนอร์มอลที่ทำให้เราอยู่กับโควิด 19  

นายรุ่งโรจน์ ยังกล่าวด้วยว่า เอสซีจีมองว่านาวนอร์มอล คือ 4 กลุ่มธุรกิจที่หากเปลี่ยนแปลงด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลจะเกิดโอกาสอย่างชัดเจน ได้แก่

1.เรื่องของอีคอมเมิร์ซ การเอาดิจิทัล ไปใช้ในการให้บริการ การทำระบบอัตโนมัติ คือการพัฒนาโมเดลในการทำธุรกิจ

2.เรื่องของการใช้ชีวิต นาวนอร์มอลเรื่องของบ้าน ปัจจุบันไม่ใช่เพียงการอยู่บ้าน แต่หมายถึงการอยู่บ้านยังไงให้สบาย เพราะตอนนี้พฤติกรรมผู้บริโภคต้องทำงานที่บ้านด้วย

3.เรื่องของธุรกิจกลุ่มเฮลแคร์ หรือสุขภาพ

4.เรื่องของการเกษตร เอาเทคโนโลยีมาใช้ จะทำให้ประเทศของเราเปลี่ยนแปลงเป็น Food Chain สมัยใหม่
#6171


ประเทศในเอเชียพยายามพึ่งพาวัคซีนพาสปอร์ตมากขึ้น ด้วยความหวังว่าสิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นการเดินทางเพื่อทำธุรกิจของทั่วโลกให้กลับมาคึกคักเหมือนช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19ได้

แต่ปัญหาคือการระบาดอย่างรวดเร็วของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาอาจจะบั่นทอนความพยายามในเรื่องนี้ เนื่องจากวัคซีนพาสปอร์ตไม่ได้มีมาตรฐานแบบเดียวกัน ,อัตราการฉีดวัคซีนที่แตกต่างกัน และขีดความสามารถด้านสุขภาพสาธารณะในเอเชียที่ยังมีความเหลื่อมล้ำกันอยู่ จึงทำให้วัคซีนพลาสปอร์ตกลายเป็นอุปสรรคมากกว่าจะเป็นตัวช่วยให้เกิดการเดินทางข้ามพรมแดนสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความท้าทายในการเปิดพรมแดนและการยกเว้นไม่กักตัวบรรดานักเดินทางที่มีวัคซีนพาสปอร์ต ในรูปแบบเดียวกับที่ยุโรปกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้

เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา สิงคโปร์อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ถือวีซ่าทำงานและได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ครบแล้ว รวมถึงผู้ติดตาม สามารถเข้าประเทศได้ เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศคลี่คลายลง เพราะจนถึงวันที่ 5 ส.ค.ประชาชนสิงคโปร์ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วในสัดส่วน 67% และได้รับการฉีดวัคซีนถึง 70% ในวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา

สิงคโปร์กำหนดให้ชาวต่างชาติที่ขออนุญาตเข้ามาทำงานในประเทศต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว 2 สัปดาห์ โดยใช้วัคซีนของไฟเซอร์ โมเดอร์นา หรือวัคซีนที่อยู่ในบัญชีการใช้ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ)


ส่วนผู้ติดตามต้องปฏิบัติตามหลักการอยู่ในที่พักอาศัย หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษตามกฎหมาย และในระยะต่อไป สิงคโปร์จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบแล้วจากประเทศที่มีอัตราการระบาดในระดับที่ยอมรับได้ สามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์ได้เช่นกัน โดยจะประกาศรายชื่อกลุ่มประเทศดังกล่าวในวันที่ 20 ส.ค.นี้


ด้านเวียดนาม ได้ปรับลดระยะเวลาการกักตัวสำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศจาก 2 สัปดาห์ เหลือเพียง 7 วัน

ในปีที่ผ่านมาเวียดนามประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19ได้เป็นส่วนใหญ่ จากการตรวจหาเชื้อแบบมุ่งเป้าและการกักกันโรคแบบรวมศูนย์ แต่นับตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. เวียดนามก็พบผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นผลจากสายพันธุ์เดลตา

ทางการเวียดนามจึงตัดสินใจปิดพรมแดนทั้งหมด ยกเว้นพลเมืองเวียดนามที่เดินทางกลับประเทศ ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ นักลงทุน หรือนักการทูต ซึ่งทุกคนต้องถูกกักตัว 14 วัน ในสถานที่ที่ได้รับการจัดการจากส่วนกลาง

ขณะที่"แฮร์รี โร้ก" โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ฟิลิปปินส์ปรับลดระยะเวลาในการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังโรคโควิด-19 จาก 14 วัน ลงเหลือ 7 วัน สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสในประเทศฟิลิปปินส์

"ผู้เดินทางที่เข้ามายังฟิลิปปินส์ทุกคนไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT PCR หรือการเก็บสารคัดหลั่งในโพรงจมูกเมื่อเดินทางมาถึงอีกต่อไป ส่วนวิธี RT PCR จะใช้ก็ต่อเมื่อผู้ที่เดินทางเข้ามาแสดงอาการโควิด-19 ในช่วงกักตัว 7 วัน" โร้ก กล่าว

ส่วนในเกาหลีใต้ นักเดินทางเพื่อทำธุรกิจชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถยื่นเอกสารเพื่อขอรับการยกเว้นถูกกักตัวได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.โดยมีเงื่อนไขต่างๆมากมาย ขณะที่นักวิชาการและผู้ที่ต้องการเดินทางเยือนเกาหลีใต้ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม ที่ครอบคลุมถึงผู้ต้องการเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวก็มีสิทธิที่จะยื่นขอรับการยกเว้นจากการถูกกักตัวได้เช่นกัน

รัฐบาลโซลไม่เพียงแต่อนุญาตให้ผู้รับวัคซีนครบโดสแล้วเดินทางเข้ามาในเกาหลีใต้ได้เท่านั้น แต่ผู้ที่รับการฉีกวัคซีนซิโนฟาร์มและซิโนแวคของจีนก็สามารถยื่นเอกสารขอรับการยกเว้นไม่ต้องถูกกักตัวได้ โดยนับจนถึงวันเสาร์(14ส.ค.) อัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19แบบครบโดสในเกาหลีใต้อยู่ที่ 19% ของประชากรทั้งหมด

"เกาหลีใต้เป็นประเทศแรกที่ยกเว้นผู้รับการฉีดวัคซีนของจีนไม่ต้องถูกกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ" ลี ดอง กู นักวิจัยจากสถาบันอาเซียนเพื่อการศึกษานโยบายกล่าว

"โจเซฟ เอ็ม.เชียร์"ศาสตราจารย์จากศูนย์วิจัยการท่องเที่ยวมหาวิทยาลัยวากายามาของญี่ปุ่นมีความเห็นว่า สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการเริ่มต้นเดินทางในเอเชียอีกครั้งคืออัตราการฉีดวัคซีนในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นและการลดลงของยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่

"ดูเหมือนว่าตอนนี้รัฐบาลหลายประเทศในเอเชียกำลังวุ่นวายอยู่กับการรับมือกับโควิดสายพันธุ์เดลตาที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งแก้ปัญหาอัตราการฉีดวัคซีนที่ยังต่ำอยู่ แต่การรับมือกับการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาและการฉีดวัคซีนอย่างเป็นเอกภาพของเอเชียเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะยังมีความแตกต่างกันอยู่มากในภูมิภาคนี้ ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อ อัตราการฉีดวัคซีน และโรงพยาบาลที่จะรองรับคนไข้" เชียร์ กล่าว

การจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในเอเชียแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับยุโรปที่มีแนวทางการทำงานส่วนใหญ่ที่เป็นเอกภาพ โดยเมื่อวันที่1 ก.ค.สหภาพยุโรป (อียู)เริ่มต้นใช้เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิดแบบดิจิทัล หรือ พาสปอร์ตวัคซีนโควิดแบบดิจิทัล

เอกสารยืนยันการรับวัคซีนโควิดแบบดิจิทัลของอียู ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยสำหรับการเดินทางภายในกลุ่มสหภาพยุโรป เพื่อให้พลเมืองในสหภาพยุโรปที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถใช้เอกสารนี้ในการเดินทางผ่านพรมแดนประเทศในสหภาพยุโรปได้ โดยไม่ต้องมีการกักตัวหรือต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อเพิ่ม
#6172


นายเสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ผู้อำนวยการ ฝ่ายค้าตราสารการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงกลาง หรือ Mid Cycle หลังผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว สะท้อนจากภาพรวมเศรษฐกิจของหลายประเทศที่กลับมาฟื้นตัว จากการบริโภคภาคเอกชนและภาคบริการที่ปรับตัวดีขึ้น หลังมีการกระจายฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บางประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด

โดยเฉพาะสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหรัฐอเมริกาที่สามารถฟื้นตัวได้ก่อนประเทศอื่น ๆ เห็นชัดจากตัวเลขจีดีพี ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ขยายตัว 7.9% และ 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตามลำดับ ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาคาดการณ์ว่า ตัวเลขจีดีพี ในปี 2564 ของจีนและสหรัฐฯ อาจเติบโตประมาณ 7% และ 8.4% ตามลำดับ หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาอยู่ในระดับปกติ จากอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้น จากมุมมองดังกล่าว รายงาน BLS Top Funds แนะนำผู้ลงทุนให้น้ำหนักการลงทุนใน "กองทุนหุ้นจีน" และ "กองทุนหุ้นสหรัฐ" เน้นกองทุนรวมคุณภาพดีที่ลงทุนในบริษัทที่มีรายได้และกำไรแน่นอนเป็นหลัก และกระจายการลงทุนในหุ้นบริษัทชั้นนำที่มีอัตราการเติบโตสูง ประกอบด้วย

1. กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) ที่มีการบริหารจัดการพอร์ตแบบยืดหยุ่น โดยสัดส่วน 80% ลงทุนหุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในทุกตลาด เช่น A-Share และ H-Share เป็นต้น ซึ่งผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา สามารถบริหารจัดการได้ดีอยู่ในอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม จากการบริหารพอร์ตแบบเชิงรุก (Active)
"ตลาดหุ้นจีนที่มีการปรับฐานในช่วงที่ผ่านมา บวกกับแนวโน้มเศรษฐกิจระยะยาวที่อาจเติบโตต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสดีในการทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีน โดยเฉพาะกอง B-CHINE-EQ เพราะกองนี้มีนโยบายกระจายการลงทุนไปในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ได้โฟกัสเพียงกลุ่มเทคโนโลยีจีนอย่างเดียว ฉะนั้นกองทุนนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลจีนเข้ามาควบคุมวงการเทคโนโลยีมากนัก ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีให้ลงทุนในรูปแบบลดหย่อนภาษีอย่าง กองทุน B-CHINAARFM ซึ่งเป็นกอง RMF เน้นลงทุนหุ้นจีน A-Share และ กอง B-CHINESSF ที่ลงทุนในหุ้นจีนทั่วโลก" นายเสริมศักดิ์ กล่าว

2.กองทุนรวมเปิดบัวหลวงโกล.อินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) และ กองทุนเปิดบัวหลวงโกล.อินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INNOTECHRMF) เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯอย่าง"กลุ่ม FAANG" ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย Facebook (FB), Amazon (AMZN), Apple (AAPL), Netflix (NFLX) และ Alpha. (GOOG) โดยบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำเหล่านี้มีพื้นฐานแข็งแกร่งเติบโตล้อไปกับเมกะเทรนด์ของโลก แม้ความคาดหวังการเติบโตไม่สูงเท่ากับบริษัทเทคฯขนาดเล็ก แต่การที่เป็นบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ย่อมมีความได้เปรียบด้านการแข่งขัน รวมถึงมีความแน่นอนของรายได้และกำไรที่มากกว่า และในยุคนี้เทคโนโลยีถือเป็นสิ่งจำเป็นมาก ที่สำคัญในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองกองทุนสร้างผลตอบแทนได้แล้วประมาณ 47% ในขณะความผันผวนต่ำ เมื่อเทียบกับกองเทคฯ อื่นๆ
ในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะดี ในการเริ่มต้นวางแผนภาษีประหยัดภาษี ด้วยการทยอยสะสมกองทุนคุณภาพที่มี ผลการดำเนินงานดี โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกออมกองทุนรวม เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 รูปแบบ คือ 1.กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) เหมาะกับคนอายุน้อยและต้องการออมเงินระยะยาว ไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี ไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน ซื้อปีไหนลดหย่อนปีนั้น แต่ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ ซึ่งสามารถนำไปลดภาษีเงินได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ต้องไม่เกิน 2 แสนบาท เมื่อรวมกับการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ ต้อง ไม่เกิน 5 แสนบาท 2. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เหมาะกับผู้ที่ต้องการออมเงินระยะยาวไว้ใช้จ่ายยามเกษียณอายุ ไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน แต่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี เว้นได้ไม่เกิน 1ปี ผู้ลงทุนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีสูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และเมื่อรวมกับการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 5 แสนบาท

"ผู้ที่มีอายุยังไม่ถึง 45 ปี แนะนำให้ลงทุนกองทุน SSF ให้เต็มที่ก่อน จากนั้นค่อยลงทุนเพิ่มในส่วนของกองทุน RMF เพราะไม่ต้องรอจนถึงอายุ 55 ปี ส่วนผู้ที่อายุเกินกว่า 45 ปี ให้ลงทุนกองทุน RMF ให้เต็มที่ เนื่องจากไม่ต้องถือถึง 10 ปี โดยเมื่ออายุ 55 ปี และมีการลงทุนต่อเนื่องจนครบเงื่อนไข ก็จะสามารถขายได้ทุกกองที่ลงทุนมา" นายเสริมศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถติดตาม BLS Top Funds รายงานอัปเดตสถานการณ์การลงทุนทั่วโลกแบบ Weekly พร้อมคำแนะนำ "กองทุนตัวท็อป" คุณภาพดี ผลงานเด่น และการจัดพอร์ตกลยุทธ์เชิงเทคนิค (Tactical Funds Portfolio) จากทีมงานมืออาชีพมากประสบการณ์ ที่มาแนะนำให้กับลูกค้าเป็นประจำทุกสัปดาห์ได้ที่เว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง เลือกเมนู "Mutual Funds" เลือกข้อมูลกองทุน และเลือกหัวข้อ "BLS Top Funds" ส่วนบุคคลทั่วไปที่สนใจรับรายงาน BLS Top Funds เพียงเปิดบัญชีกองทุนรวมออนไลน์ที่มีความสะดวก ง่าย ปลอดภัย ซื้อขายกองทุนได้ครบจบที่เดียว 17 บลจ. ได้ที่ www.bualuang.co.th สอบถามเพิ่มเติม 0-2618-1111
#6173


เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 16 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านแผงขายลอตเตอรี่ซื้อ หวย ออนไลน์ บ้านสามกอง ซึ่งตั้งอยู่ถนนเยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังทราบว่า ร้านนี้มีลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 และได้พบกับเจ้าของแผงขายลอตเตอรี่ จากนั้นได้นำเอกสารการจดเลขลอตเตอรี่ทุกใบซึ่งมีรางวัลที่ 1 อยู่ในนั้น 1 ใบจริง


เจ้าของร้านเปิดเผยว่า มีคนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จริง โดยถูกจำนวน 1 ใบ ได้เงินรางวัล 6 ล้านบาท และตนได้ขึ้นป้ายแจ้งว่า ร้านของตนมีคนถูกรางวัลที่ 1 พร้อมทั้งได้นำป้ายติดไว้ที่หน้าร้าน ซึ่งร้านของตนจะมีคนถูกลอตเตอรี่บ่อย เป็นรางวัลที่ 2 รางวัลที่ 3 รางวัลที่ 4 และรางวัลที่ 5 บ่อยมาก โดยเฉพาะรางวัลที่ 5 ถูกเกือบทุกงวด แต่สำหรับรางวัลที่ 1 เป็นรางวัลใหญ่ ตนเปิดร้านขายลอตเตอรี่มา 30 ปี เพิ่งเป็นครั้งแรกที่มีลูกค้าถูกรางวัลใหญ่ ที่ซื้อเพียงใบเดียวได้ถึง 6 ล้านบาท พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้ารู้ตัวคนถูกรางวัลที่ 1 กลับมาเลี้ยงน้ำลุงซักแก้ว

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีผู้ถูกรางวัลที่ 1 มาลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐานหรือไม่ แต่ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ายังไม่มีใครมาลงบันทึกประจำวันว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เลย
#6174


ไอสต็อค (iStock) เอาใจคนไทย เปิดให้สามารถค้นหาด้วยวลีภาษาไทยเช่น 'ชาไทย', 'ดอกบัว' และ 'กรุงเทพมหานคร' ได้แล้ว หลังจากที่รายการคำศัพท์ของ iStock ได้รับการแปลให้เป็นภาษาท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ

แกรนท์ ฟาร์ฮอลล์ (Grant Farhall) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ iStock กล่าวว่าทุกภาษาล้วนมีบางคำหรือวลีที่ยากต่อการแปลเป็นภาษาอังกฤษอยู่เสมอ เช่นเดียวกับภาษาไทย บริษัทจึงพิจารณาความหมายโดยนัยที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของวลียอดนิยมต่าง ๆ ในประเทศไทยอย่างถี่ถ้วน และได้บรรจุวลีเหล่านี้ไว้ในรายการคำศัพท์ของ iStock การเล่าเรื่องด้วยภาพนั้นถือเป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารแบบดิจิทัลและการสื่อสารผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ในประเทศไทย สิ่งนี้ก่อให้เกิดการใช้งานรูปถ่ายและวิดีโอลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ธุรกิจไทยสามารถสร้างแรงดึงดูดในช่องทางโซเชียลมีเดียยอดนิยมต่าง ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ยิ่งกว่าเดิม

"ประเทศไทยเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดสำหรับ iStock เรามุ่งมั่นที่จะเจาะตลาดในประเทศไทยให้ลึกยิ่งกว่าเดิม เพื่อทำให้ธุรกิจไทยสื่อสารกับลูกค้าของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยราคาที่จับต้องได้มากกว่าเดิม ซึ่งขั้นตอนต่อไปของเราก็คือการนำเสนอประสบการณ์ที่ปรับให้เข้ากับท้องถิ่นยิ่งกว่าเดิมผ่านการสนับสนุนและการวิเคราะห์ด้านภาษา"

iStock นิยามตัวเองเป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสารทางภาพในราคาที่จับต้องได้ สำหรับเหล่านักสร้างสรรค์, ผู้ประกอบการ, นักศึกษา และธุรกิจขนาดย่อมต่าง ๆ นั้นได้ประกาศเปิดตัวเว็บไซต์ iStock ภาษาไทยในวันนี้ การนำเสนอบริการใหม่นี้สืบเนื่องมาจากการใช้รูปถ่ายและวิดีโอของธุรกิจไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มขึ้นของเหล่าบริษัทการสื่อสารทางภาพในเอเชีย

"iStock ได้รับฟังเสียงของลูกค้าและตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบภาษาท้องถิ่นของบริษัท เพื่อทำให้ลูกค้าในประเทศไทยสามารถค้นหาภาพถ่ายสต็อก, คลิปวิดีโอ และองค์ประกอบด้านการออกแบบต่าง ๆ ได้ด้วยการใช้คำหรือวลีภาษาไทย ธุรกิจไทยจะได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิมขณะทำการค้นหาภาพและวิดีโอระดับมืออาชีพจาก iStock ด้วยการให้บริการเครื่องมือค้นหาที่ใช้งานได้ด้วยภาษาไทยอย่างแท้จริง" แถลงการณ์ระบุ

นอกจากความสามารถด้านภาษาแล้ว บริษัทระบุว่าฟังก์ชันการค้นหายังได้รับการปรับปรุงเพื่อให้รายงานผลลัพธ์ได้ตามรูปแบบการใช้งานของประเทศ การปรับปรุงเหล่านี้ทำให้ลูกค้า iStock นับหลายพันรายในประเทศไทยสามารถค้นหาองค์ประกอบงานสร้างสรรค์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับงานต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าที่เคยเป็นมาจากรูปถ่าย, วิดีโอ และภาพประกอบพรีเมี่ยมนับล้าน

ปัจจุบัน iStock นำเสนอภาพถ่ายสต็อก, วิดีโอ และภาพประกอบกว่า 135 ล้านรายการจากกลุ่มคนต่าง ๆ และให้บริการด้วยการคิดค่าบริการที่เรียบง่ายและจับต้องได้ iStock ที่อาศัยความเชี่ยวชาญด้านภาพของ Getty Images นั้นได้ช่วยให้เหล่านักสร้างสรรค์กับธุรกิจทั้งขนาดเล็กและใหญ่รายต่าง ๆ สามารถสร้างการสื่อสารที่งดงามได้ตามงบประมาณของตนเอง

เมื่อนับรวมการเปิดตัวครั้งนี้ iStock ได้รองรับ 18 ภาษานอกเหนือจากภาษาอังกฤษในขณะนี้ ซึ่งภาษาต่าง ๆ ที่รองรับนั้นได้แก่: เช็ก, ฝรั่งเศส, อิตาเลียน, เยอรมัน, สเปน, โปรตุเกส (โปรตุเกส), โปรตุเกส (บราซิล), โปแลนด์, รัสเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ดัตช์, สวีเดน, ตุรกี, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และจีนตัวเต็ม (ฮ่องกง).
#6175
 
 
 
ข้าวอินทรีย์ (Organic Rice)ข้าวกล้องออร์แกนิค เป็นข้าวที่ได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโต สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่างการเก็บรักษาผลผลิต หากมีความจำเป็นแนะนำให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผลข้าวออแกนิคคือที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นขายข้าวอินทรีย์, กลุ่มข้าวอินทรีย์(Organic Rice) เป็นข้าวที่ได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมและสารกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่างการเก็บรักษาผลผลิต หากมีความจำเป็นแนะนำให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผลข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
 
       ประเภทของข้าวอินทรีย์
   1. ข้าวอินทรีย์รับรองมาตรฐาน Certified Organic เป็นระบบการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีป้องกันศัตรูพืช มีการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากหน่วยงานอิสระ โดยมีทั้งภาครัฐ เอกชนและหน่วยงานจากต่างประเทศ มีตราสัญลักษณ์ติดที่ผลิตภัณฑ์ และจะต้องมีการตรวจเพื่อต่ออายุใบรับรองทุกปี
 
   2. ข้าวอินทรีย์ระยะปรับเปลี่ยน In-conversion เป็นข้าวที่อยู่ในช่วงระยะเวลาที่เริ่มทำเกษตรอินทรีย์ในปีแรกก่อนจะได้รับการรับรองผลผลิตว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ โดยระยะปรับเปลี่ยนเป็นการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและความอุดมสมบูรณ์ของดิน
 
   3. ข้าวอินทรีย์แบบยังไม่รับรอง Non Certified เป็นการปลูกข้าวอินทรีย์แบบพึ่งตนเอง ส่วนใหญ่เป็นการทำเกษตรแบบพื้นบ้านหรือปลูกในระบบผสมผสานหรือในไร่หมุนเวียน ไม่มีการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานใดๆ เกษตรกรกลุ่มนี้อาจเป็นกลุ่มที่ทำการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือนและนำผลผลิตส่วนเกินมาจำหน่ายผ่านระบบตลาดท้องถิ่น ทั้งนี้อาจมีการรับรองกันเองในระบบกลุ่มหรือชุมชน ข้าวปลอดสารสุรินทร์ข้าวกล้องออร์แกนิค คือ ข้าวที่ได้จากการผลิตภายใต้ระบบการผลิตข้าวอินทรีย์ซึ่งมีการจัดการการผลิตข้าวที่เกื้อกูลต่อระบบนิเวศรวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุดิบสังเคราะห์และมีการจัดการกับผลิตภัณฑ์โดยเน้นการแปรรูปด้วยความระมัดระวังเพื่อรักษาสภาพการเป็นข้าวอินทรีย์และคุณภาพที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ 
ขั้นตอนการผลิตข้าวอินทรีย์  ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ส่งทั่วไทย ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
ข้าวอินทรีย์วิถีพื้นบ้าน
เป็นระบบการผลิต ข้าวอินทรีย์กรมการข้าวส่งทั่วไทย ที่ไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด เช่น ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตสารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรคแมลงและสัตว์ศัตรูข้าวตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ การผลิตข้าวอินทรีย์นอกจากจะทำให้ผลผลิตข้าวมีคุณภาพ ปลอดภัยจากสารพิษแล้วยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน
ข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล
การผลิตข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล มีกระบวนการผลิตการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตภัณฑ์อินทรีย์ และห้ามใช้สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุ์หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุ์ในกระบวนการผลิตและแปรรูปข้าวอินทรีย์ ซึ่งผู้ผลิตและผู้ประกอบการต้องผฏิบัติตามเพื่อให้ได้รับการรับรอง มีขั้นตอนการปฏิบัติเป็นลำดับขั้น ดังนี้
1.เกษตรกรจะต้องมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการผลิตข้าวอินทรีย์ (  ข้าวอินทรีย์ไทยมีราคาแพง )
2.เกษตรกรจัดทำบันทึกขั้นตอนการใช้ปัจจัยการผลิต โดยแสดงแหล่งที่มาและปริมาณการใช้
3.สมัครขอรับรองต่อกรมการข้าว เกษตรกรต้องแสดงข้อมูลต่อไปนี้
- ประวัติการใช้พื้นที่
- ประวัติการใช้สารเคมี และผลการวิเคราะห์สารพิษตกค้างในดินและน้ำ (ถ้ามี)
- แผนที่และแผนผังแปลงนาที่ขอการรับรองและพื้นที่ข้างเคียง
- แผนการผลิตในทุกขั้นตอน
- บันทึกขั้นตอนการใช้ปัจจัยการผลิต
- บันทึกกิจกรรมในแปลงนา และข้อมูลอื่นๆ

นาข้าวอินทรีย์  ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์    กลุ่มข้าวอินทรีย์สุรินทร์ 277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook :https://www.facebook.com/Hor.Organic
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิก
3.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิค #ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ จ.สุรินทร์
5.ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์
6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์
7. ข้าวไรซ์เบอร์รี่

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์
#ข้าวออแกนิคสุรินทร์
#ข้าวออแกนิกสุรินทร์
#ข้าวอินทรีย์สุรินทร์
#ข้าวคุณภาพสุรินทร์


 

 

 
 
#6176


วันนี้ (16 ส.ค. 64) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ที่มีการประชุมเมื่อเวลา 13.30 น. โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ มาตรการควบคุมพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) และโครงการนำร่อง การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox)


การดำเนินงาน
1. กระทรวงอุตสาหกรรรม ร่วมกับ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินมาตรการ Bubble & Seal ในสถานประกอบการ 

2. กระทรวงแรงงาน ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินโครงการ Factory Sandbox

3. หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้การสนบัสนุนและร่วมดำเนินการ 

4. ศบค. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในสถานประกอบการ และโรงงานอุตสาหกรรม  


รักษาเสถียรภาพส่งออก 7 แสนล้าน
ทั้งนี้ ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ Factory Sandbox ได้แก่ รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ในภาคการผลิตส่งออก ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 700,000 ล้านบาท ป้องกันคลัสเตอร์โรงงานจากการติดเชื้อ สร้างสมดุล ระหว่างมาตรการทางด้านสาธารณสุข และเศรษฐกิจ ของประเทศให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับ นักลงทุนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ซึ่ง ณ ปัจจุบันระบบ Supply Chain ของประเทศคู่แข่งกำลังปิดตัวลง และ รักษาระดับการจ้างงาน ในภาคการผลิตส่งออกสำคัญได้กว่า 3 ล้านตำแหน่ง

นำร่อง 4 จังหวัด แรงงาน 474,109 คน
สถานประกอบการที่เข้าเกณฑ์โครงการ Factory Sandbox ในเฟสแรก 4 จังหวัด โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นสถานการประกอบการภาคการผลิตส่งออกที่มีจำนวนผู้ประกันตนเกิน 500 คน ขึ้นไป ผู้ประกันตนในสถานประกอบ 4 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 474,109 คน มีดังนี้

1. นนทบุรี 

จำนวนสถานประกอบการ (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 21 แห่ง จากทั้งสิ้น 20,260 แห่ง
จำนวนผู้ประกันตน (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 19,600 ราย จากทั้งสิ้น 351,474 ราย
จำนวนผู้ประกันตนที่ได้รับการฉีดวัคซีนในกลุ่มกิจการ : 2,596 ราย

2. ปทุมธานี 

จำนวนสถานประกอบการ (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 76 แห่ง จากทั้งสิ้น 18,397 แห่ง
จำนวนผู้ประกันตน (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 107,681 ราย จากทั้งสิ้น 443,822 ราย
จำนวนผู้ประกันตนที่ได้รับการฉีดวัคซีนในกลุ่มกิจการ : 4,073 ราย

3. สมุทรสาคร 

จำนวนสถานประกอบการ (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 107 แห่ง จากทั้งสิ้น 11,821 แห่ง
จำนวนผู้ประกันตน (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 152,047 ราย จากทั้งสิ้น 441,307 ราย
จำนวนผู้ประกันตนที่ได้รับการฉีดวัคซีนในกลุ่มกิจการ : 2,801 ราย

4. ชลบุรี 

จำนวนสถานประกอบการ (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 183 แห่ง จากทั้งสิ้น 23,996 แห่ง
จำนวนผู้ประกันตน (ขนาด 500 คนขึ้นไป ในภาคการผลิต-ส่งออก) : 194,781 ราย จากทั้งสิ้น 734,065 ราย
จำนวนผู้ประกันตนที่ได้รับการฉีดวัคซีนในกลุ่มกิจการ : 32,798 ราย
'ตาลีบัน'ยึด'อัฟกานิสถาน'ปลุก'ก่อการร้าย'คืนชีพ
'บิตคอยน์'ทรุด2.63% เคลื่อนไหวที่ 45,000 ดอลล์
เปิดแฟ้ม 'ครม.' 17 ส.ค. เตรียมเคาะวางเงินมัดจำซื้อไฟเซอร์ 20 ล้านโดส
สถานประกอบการ สนใจ เข้าร่วม เฟสแรก
นนทบุรี จำนวน 8 แห่ง รวมลูกจ้าง 6,559 ราย

ปทุมธานี จำนวน 19 แห่ง รวมลูกจ้าง 49,407 ราย

สมุทรสาคร จำนวน 12 แห่ง รวมลูกจ้าง 51,354 ราย

ชลบุรี จำนวน 21 แห่ง รวมลูกจ้าง 31,075 ราย

3 จังหวัด Factory Sandbox เฟส 2
อยุธยา

ฉะเชิงเทรา

สมุทรปราการ

เงื่อนไขโรงงานเข้าร่วม 
1. สถานประกอบกิจการที่ผลิตเพื่อการส่งออก

2. อยู่ในจังหวัด ชลบุรี นนทบุรี สมุทรสาคร ปทุมธานี อยุธยา ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ

3. มีลูกจ้างตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป

4. ต้องดำเนินการ FAI (Factory Accommodation Isolation) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5

5. ดำเนินการ Bubble and Seal โดยกำหนดให้ลูกจ้างเดินทางกลับที่พักโดยตรงไม่แวะระหว่างทาง และอยู่แต่ในเคหะสถานเท่านั้น

6. ตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR จำนวน 1 ครั้งให้ลูกจ้างทั้งหมด และตรวจแบบ Self-ATK (Antigen Test Kit) ทุก 7 วัน

7. ฉีดวัคซีนให้ลูกจ้างที่ตรวจ Swab Test ทุกคน ยกเว้นคนที่ติดเชื้อฯ ให้เข้ารับการรักษา ส่วนค่าบริการฉีดวัคซีนสถานประกอบการต้องเป็นผู้จ่ายให้แก่สถานพยาบาล

8. สถานประกอบการทำหนังสือยินยอมดำเนินการตามแนวทางของสถานกระทรวงแรงงานและจังหวัด
#6177


วันนี้ (15 ส.ค.) นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตหลักสี่ 2 ณ อาคารสุทธิเกตุ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต เขตหลักสี่ โดยมี ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และนายสมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ ให้รายละเอียดการดำเนินการ จากนั้นรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรองปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจความพร้อมศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตจตุจักร ณ โรงซ่อมบำรุงรถไฟ สถานีกลางบางชื่อ ซึ่งเป็นศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อแห่งที่ 3 ในพื้นที่เขตจตุจักรฃ โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอาฤทธิ์ ศรีทอง ผู้อำนวยการเขตจตุจักรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่

กรุงเทพมหานครจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation : CI) เพื่อแยกผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว คือ ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยที่ไม่สามารถรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation : HI) เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่พร้อม ให้มาพักคอยที่ศูนย์ฯ เพื่อดูแลอาการเบื้องต้น ระหว่างรอนำส่งโรงพยาบาล สำหรับศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เขตหลักสี่ ใช้อาคารสุทธิเกตุ เป็นสถานที่รองรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว รองรับผู้ป่วยได้ 168 เตียง แบ่งเป็นชาย 75 เตียง หญิง 85 เตียง และผู้ป่วยแบบครอบครัว 8 เตียง มีโรงพยาบาลปิยเวท เป็นโรงพยาบาลที่ปรึกษาและส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษา นอกจากนี้ยังมีลานกิจกรรมภายนอกอาคารเพื่อให้ผู้ป่วยได้ใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนและคลายเครียดอีกด้วย ส่วนศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ ณ โรงซ่อมบำรุงรถไฟ สถานีกลางบางซื่อ เขตจตุจักร สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 400 เตียง แบ่งเป็นชาย 200 เตียง และหญิง 200 เตียง ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วแต่ยังไม่มีผู้ป่วยเข้าพัก มีโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง เป็นโรงพยาบาลที่ปรึกษาและส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษา

ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อมีการดำเนินการโดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยมีจุดคัดกรองผู้ป่วย จุดบริการอาหารและน้ำดื่ม ติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างเพิ่มเติม ติดตั้งถังดับเพลิง ระบบเสียงตามสาย ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV อินเตอร์เน็ต ระบบบำบัดน้ำเสีย การจัดการขยะติดเชื้อ และห้องประสานงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมของใช้จำเป็นและของใช้ส่วนตัวสำหรับผู้ป่วย เช่น ชุดเครื่องนอน ผ้าเช็ดตัว หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ยาสระผม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ป่วยโควิด-19 ที่จะเข้าพักที่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อสามารถติดต่อได้ที่สายด่วน 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง หากไม่ได้รับความสะดวกสามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนโควิดเขตพื้นที่ทั้ง 50 เขต โดยสายด่วนโควิด เขตหลักสี่ โทร. 0 2026 6800 สายด่วนโควิด เขตจตุจักร โทร. 0 2026 3100

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในการตรวจความพร้อมของศูนย์พักคอยในวันนี้ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้มีการกำชับให้สำนักงานเขตลงพื้นที่เชิงรุกค้นหาผู้ป่วยที่ไม่สามารถพักรักษาตัวที่บ้านให้มาพักรักษาตัวที่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มีนโยบายให้ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (CI) รับผู้ป่วยสีเขียวทั้งหมด ส่วนโรงพยาบาลสนามจะเปลี่ยนมารับผู้ป่วยสีเหลืองเป็นหลัก ซึ่งผู้ป่วยสีเขียวที่อยู่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อแล้วอาการเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจะมีการส่งตัวเข้ารับการรักษาตามสถานพยาบาลที่จับคู่ดูแลศูนย์พักคอยฯ แต่ละแห่งต่อไป ซึ่งทั้ง 50 เขตจะมีศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อในพื้นที่ของตน เบื้องต้นจะรับผู้ป่วยในพื้นที่เขตเป็นหลักก่อนแต่หากไม่เพียงพอก็จะมีการรับผู้ป่วยข้ามเขตพื้นที่ด้วย
#6178


อภิมหาเมกะโปรเจกต์โครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงสายแรกของไทย ภายใต้การดำเนินการของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยความความร่วมมือกับสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ ที่เรียกกันว่า "รถไฟไทย-จีน" ที่ถูกคาดหวังให้เป็น "เส้นเลือดใหญ่" แห่งการเดินทางและขนส่งเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนลุ่มแม่น้ำโขง กับสาธารณรัฐประชาชนจีน

ความคืบหน้าล่าสุด สำหรับสัญญาการก่อสร้างงานโยธา เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กม. หรือ เฟสที่ 1 จำนวน 14 สัญญา วงเงินลงทุน 179,412.21 ล้านบาท มีการลงนามไปแล้ว 11 สัญญา ก่อสร้างเสร็จแล้ว 1 สัญญา คือ สัญญา 1-1 ช่วงกลางดง-ปางอโศก อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 6 สัญญา ส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มดำเนินการมีเพียงสัญญา 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กม. วงเงิน 3,114.98 ล้านบาท ที่มี ความคืบหน้าไปแล้วราว 65%

ขณะที่อีก 4 สัญญามีการลงนามแล้ว และอยู่ระหว่างการเตรียมพื้นที่เพื่อส่งมอบ และออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed : NTP) นั้น แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงาน ส่งผลให้ต้องปรับแผนงาน เลื่อนการเข้าพื้นที่ก่อสร้าง โดยคาดว่าจะออก NTP เริ่มงานอย่างเร็วในช่วงต้นปี 65

และยังเหลืออีก 3 สัญญา ที่ยังไม่ได้ลงนาม โดยหนึ่งในสัญญาที่ยังรอการลงนาม และดูจะมีปัญหามากที่สุด หนีไม่พ้น "สัญญาที่ 3-1" ช่วงแก่งคอย-กลางดง เและ ปางอโศก-บันไดม้า ระยะทาง 30.21 กม. มี "กลุ่ม BPNP" บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด (กลุ่มบริษัท นภาก่อสร้างและพันธมิตรจากประเทศมาเลเซีย) เป็นผู้เสนอ "ราคาต่ำสุด" 9,330 ล้านบาท เนื่องจากอยู่ในกระบวนการของ "ศาลปกครอง"

ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พ.ค.64 "ศาลปกครองกลาง" มี "คำสั่งทุเลา" การบังคับคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง ที่พิจารณาให้ "กลุ่ม BPNP" มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการเข้าร่วมประมูลก่อสร้าง สัญญาที่ 3-1 งานโยธา ช่วงแก่งคอย-กลางดง และช่วงปางอโศก-บันไดม้า มูลค่า 9,330 ล้านบาท ที่เป็นคำสั่งให้ รฟท.เข้าทำสัญญากับ "กลุ่ม BPNP" เพื่อบริหารโครงการต่อไปได้

โดยผลของคำสั่ง นอกจากชะลอโครงการได้แล้ว ยังอาจส่งผลให้ "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV" ซึ่งทำสัญญาร่วมค้า อันมีลักษณะเป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง "ไชน่าเรลเวย์" บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทน เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด กับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ที่เสนอ "ราคาสูงกว่า" กลายเป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการดังกล่าวอีกด้วย

ปัญหานี้ได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารโครงการในส่วนของ "สัญญา 3-1" ของ รฟท.ที่ยังไม่สามารถว่าจ้าง ทำสัญญา หรือทำการก่อสร้างได้ เนื่องจากคำสั่งทุเลาของศาลปค.กลาง ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับ "ศาลปกครองชั้นต้น" ก็ยังถือเป็น "การชั่วคราว" จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งยังไม่มีกำหนดการแน่ชัดว่า คดีจะสิ้นสุดเมื่อใด

จากปัญหาความล่าช้าดังกล่าว ส่งผลให้ รฟท.อาจถูกเรียกร้องค่าเสียหายได้ ทั้งในส่วนงานโยธาที่ไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ และในอนาคตที่ รฟท. จะไม่สามารถส่งมอบงานโยธาให้แก่ผู้รับเหมางานระบบรถไฟฟ้าได้ทันเวลา

คำตัดสินชี้ขาดของ "ศาลปกครอง" ในคดี "สัญญา 3-1" ที่ยังไม่ทราบว่าจะออกมาเมื่อใดนั้น แม้เป็นเพียงสัญญาเดียวที่ทำโดยเอกเทศแยกจากสัญญาอื่นๆ แต่ย่อมส่งผลต่อโครงการทั้งระบบ อีกทั้งยังถือเป็น "บรรทัดฐาน" ต่อการบริหารงานพัสดุของภาครัฐไทยในอนาคตอีกด้วย

การตัดสินให้ "กลุ่ม BPNP" ที่เป็นผู้เสนอ "ราคาต่ำสุด" ขาดคุณสมบัติไป แน่นอนว่า ย่อมเกิดประโยชน์ต่อ "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV" ที่เสนอ "ราคาสูงกว่า" เป็นผู้ชนะการประมูลและเข้าทำสัญญาแทน

จะมีผลไปถึง "กรมบัญชีกลาง" ที่อนุมัติให้ บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด เข้าเกณฑ์คุณสมบัติการประกวดราคา เข้าข่าย "ปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมาย"

อีกทั้งยังจะเป็นการตอกย้ำน้ำหนักของ "ข้อครหา" ที่ว่า รฟท.ในฐานะเจ้าของสัมปทานกับ "ผู้แพ้ประมูล" ร่วมกัน "รื้อ" ผลการประกวดราคาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

เนื่องจากทาง "กลุ่ม BPNP" ได้เคยทักท้วงไว้ว่า รฟท.ไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง จากกรณีที่ รฟท.ไม่ยอมรับผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ร้องเรียน ที่ตั้งขึ้นตามอำนาจ มาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ และไม่เรียก "ผู้ชนะประมูล" เข้าทำสัญญาตามกำหนด

อีกทั้ง "ผู้ว่าการ รฟท." ยังได้ใช้อำนาจตั้ง "อนุกรรมการ" ขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาคุณสมบัติผู้เข้าเสนอราคาใหม่ ทั้งที่กระบวนการดังกล่าวผ่านการพิจารณาของ "คณะกก.พิจารณาผลการประกวดราคา" ของ รฟท.มาแล้ว

ทั้งที่ตามกระบวนการตามกฎหมาย ก็มี "คณะกก.วินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ" ตลอดจน "คณะกก.พิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน" ของกรมบัญชีกลาง ที่มี "ปลัดกระทรวงการคลัง" เป็นประธาน เป็นผู้ชี้ขาดในกรณีที่เกิดประเด็นปัญหาขึ้น

และกรณีคุณสมบัติของบริษัท บีพีเอ็นพีฯนั้น คณะกก.การพิจารณาอุทธรณ์ฯ ก็ได้อนุมัติ "ยกเว้น" หลักเกณฑ์บางประการให้กับ "บีพีเอ็นพี" ทำให้มีคุณสมบัติเป็นผู้ชนะการประมูลตามผลการพิจารณาของคณะกก.พิจารณาผลการประกวดราคาของ รฟท.ตามเดิม

แต่หลังจากยื่น "โต้แย้ง" ไปยัง รฟท.แล้ว ปรากฏว่า รฟท. "ไม่เห็นด้วย" ทั้งที่ มาตรา 119 ของ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "การวินิจฉัยของคณะกก.พิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด"

กระทั่ง "ไชน่าเรลเวย์" ที่เป็น "ขาหนึ่ง" ใน "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV" ไปยื่นฟ้อง รฟท. พ่วงด้วยคณะกก. 2 ชุด ของกรมบัญชีกลาง ต่อ "ศาลปกครอง" ให้ตัดคุณสมบัติ และตัดสิทธิ์ "บริษัท บีพีเอ็นพีฯ" ที่เป็น "ขาหนึ่ง" ในกลุ่ม BPNP นำมาซึ่ง "คำสั่งทุเลา" เป็นการชั่วคราวข้างต้น

ประเด็นชี้ขาดที่สำคัญของศาลฯอยู่ที่ว่า คำวินิจฉัยของ "คณะกก.พิจารณาอุทธรณ์ฯ" ของกรมบัญชีกลาง นั้นมี "ความศักดิ์สิทธิ์" ตามอำนาจหน้าที่ใน มาตรา 119 ของ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ หรือไม่

ไม่เพียงเท่านั้น "คณะกก.พิจารณาอุทธรณ์ฯ" ของกรมบัญชีกลาง ที่ถือเป็นองค์กรตามกฎหมายบริหารงานพัสดุ และมี "ปลัดกระทรวงการคลัง" เป็นประธาน ยังมีกก.โดยตำแหน่ง ได้แก่ "อธิบดีกรมบัญชีกลาง-ผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี-ผู้แทนสำนักงานคณะกก.กฤษฎีกา-ผู้แทนสำนักงบประมาณ-ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด-ผู้แทนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น-ผู้แทนสำนักงานคณะกก.นโยบายรัฐวิสาหกิจ-ผู้แทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน"

หากศาลฯชี้ขาดว่า "บริษัท บีพีเอ็นพีฯ" ขาดคุณสมบัติตามที่ รฟท.กล่าวหาเอง ก็ส่งผลให้คณะกก.การพิจารณาอุทธรณ์ฯ อาจมีความผิดไปด้วย เพราะเป็นผู้วินิจฉัยว่า "บริษัท บีพีเอ็นพีฯ" มีคุณสมบัติถูกต้อง เพราะได้ยื่นจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและมีผลงานโดยถูกต้อง รวมทั้งได้รับการ "ยกเว้น" หลักเกณฑ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อรัฐให้มีผู้เข้าแข่งขันประกวดราคาหลายราย

ในทางกลับกันหากที่สุด "คำตัดสิน" ของศาลฯ ยืนตามคำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯของกรมบัญชีกลาง ที่มีผลในการเปลี่ยนตัว "ผู้ชนะประมูล"

ก็ต้องไม่ลืมสาระใน "วรรคท้าย" ของมาตรา 119 แห่ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ที่ระบุว่า "ผู้อุทธรณ์ผู้ใดไม่พอใจคําวินิจฉัยของคณะกก.พิจารณาอุทธรณ์ หรือการยุติเรื่องตามวรรคสี่ และเห็นว่าหน่วยงานของรัฐต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลเพื่อเรียกให้หน่วยงานของรัฐ ชดใช้ค่าเสียหายได้ แต่การฟ้องคดีดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการจัดซื้อจัดจ้างที่หน่วยงานของรัฐได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างนั้นแล้ว"

ที่เปิดโอกาสให้ "เอกชน" ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้เท่านั้น ไม่สามารถร้องโต้แย้งถึงผลการประกวดราคาได้ เนื่องจากเป็น "ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย" โดยตรง เป็นเจตนารมณ์ตามกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างที่คุ้มครองไม่ให้เอกชนฟ้องทบทวนการกระทำของรัฐได้ เพื่อให้งานบริการสาธารณะไม่ต้องสะดุดหยุดลง เพื่อ "กลั่นแกล้ง" หรือเพื่อ "ล้มประมูล"

หรือไม่ต้องไปไกล ย้อนไปถึง "สิทธิ์" ของผู้ฟ้องคดีที่มีเพียง "ไชน่าเรลเวย์" เพียง "ขาเดียว" ใน "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV" ที่อาจเข้าข่าย "ไม่มีสิทธิ์" ฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ เนื่องจาก "ไม่ใช่คู่กรณี" และ "ไม่ใช่ผู้เสียหาย" รวมทั้ง "ไม่มีอำนาจ" ทำการแทน "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV"

ต้องถือว่าคำตัดสินชี้ขาดของ "ศาลปกครอง" ในคดีสัญญา 3-1 รถไฟไทย-จีน ครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ไม่เฉพาะต่อเอกชนที่จะเป็นผู้ชนะประมูลเท่านั้น และแม้เป็นเพียง "ท่อนเดียว" ใน 14 สัญญา ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพรวมโครงการรถไฟไทย-จีน ที่ต้องล่าช้าออกไป

โดยมีปฐมเหตุเพียงเพราะ รฟท.ไม่ยอมรับผู้ชนะการประกวดราคาที่เสนอ "ราคาต่ำสุด" และยกข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่สาระสำคัญ มาตัดสิทธิ อันส่งผลในทางเอื้อประโยชน์ให้แก่ "เอกชนรายอื่น" ทั้งที่เข้าข่ายไม่มีอำนาจตามกฎหมาย และไม่มีเหตุผลความชอบธรรมให้ดำเนินการ

สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผลไปถึง "บรรทัดฐาน" ต่อการจัดซื้อจัดจ้าง "ระบบพัสดุราชการไทย" ของโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย

ยังมี "ข้อสังเกต" ในกระบวนการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองอีกว่า "ผู้ฟ้องคดี" ไม่ใช่ "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV" แต่เป็น "ไชน่าเรลเวย์" รายเดียว

การที่ผู้ฟ้องคดีมีเพียง "ไชน่าเรลเวย์" เพียง "ขาเดียว" ก็อาจเข้าข่าย "ไม่มีสิทธิ์" ฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ เนื่องจาก "ไม่ใช่คู่กรณี" และ "ไม่ใช่ผู้เสียหาย" รวมทั้ง "ไม่มีอำนาจ" ทำการแทน "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV" เพราะในมาตรา 119 วรรคท้าย ของ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ให้สิทธิฟ้อง "เรียกค่าเสียหาย" เท่านั้น

มาตรา 119 วรรคท้าย ของ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯระบุว่า "ผู้อุทธรณ์ผู้ใดไม่พอใจคําวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ หรือการยุติเรื่องตามวรรคสี่ และเห็นว่าหน่วยงานของรัฐต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลเพื่อเรียกให้หน่วยงานของรัฐ ชดใช้ค่าเสียหายได้ แต่การฟ้องคดีดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการจัดซื้อจัดจ้างที่หน่วยงานของรัฐได้ลงนาม ในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างนั้นแล้ว"

เมื่อบทบัญญัติของกฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ ก็นำมาซึ่งความยุ่งเหยิงและวุ่นวายเช่นนี้

น่าวิตกไม่น้อยว่า หาก "ผลแห่งคดีนี้" และ "ดุลยพินิจ" ของ รฟท.ในฐานะเจ้าของสัมปทาน กลายเป็น "บรรทัดฐาน" ต่อไปการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐก็จะจบลงที่การฟ้องร้องทุกโครงการ

ย่อมส่งผลถึงบริการสาธารณะ และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากเมกะโปรเจกต์ ต้องสะดุดหรือหยุดชะงักลงไปด้วย.
#6179


กรุงเทพประกันชีวิต เผยผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2564 กรุงเทพประกันชีวิตมีเบี้ยประกันรับปีแรกจำนวนทั้งสิ้น 1,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 80 จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกของทั้งช่องทางธนาคาร ตัวแทน และช่องทางอื่น ๆ จากการออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมให้ตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งได้รับการตอบสนองที่ดีในแต่ละช่องทางจำหน่าย สำหรับเบี้ยรับประกันภัยรวมในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 มีจำนวน 8,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 18,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า "บริษัทมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 จำนวน 348,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563
ที่ร้อยละ 3 โดยสินทรัพย์ลงทุนมีสัดส่วนสูงที่สุดคือร้อยละ 94 ในไตรมาสนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ
751 ล้านบาท ทำให้ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ร้อยละ 102 เนื่องจากไตรมาสที่ 1 ปี 2563 บริษัทมีการตั้งสำรองค่าเผื่อความผันผวน (PAD: Provision for Adverse Deviation) เพิ่มขึ้น ทางด้านความมั่นคงของฐานะทางการเงิน บริษัทมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio – CAR) ณ ไตรมาสที่ 2/2564 ที่ระดับร้อยละ 295"

ไตรมาสที่ 2/2564 นี้ ทางบริษัทฯ ได้ทำการตลาดในช่องทางจำหน่ายแต่ละช่องทาง โดยในช่องทางธนาคาร บริษัทเปิดตัวแบบประกันสะสมทรัพย์ใหม่ เกนเฟิสต์ ซิมเพิล (Gain1st Simple) และยังคงทำการตลาดผ่านแคมเปญ "เลือกประกันที่ดี ชีวิตมีแต่ได้" ที่มีนาย ณภัทร เสียงสมบุญ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของกรุงเทพประกันชีวิต ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบบประกันเกนเฟิสต์ (Gain 1st) ในส่วนของช่องตัวแทนจำหน่าย กรุงเทพประกันชีวิตได้ทำการสื่อสารแคมเปญโฆษณาแบบประกันสุขภาพ บีแอลเอ แฮปปี้เฮลธ์ แบบประกันสุขภาพที่ทำให้หมดความกังวลทั้งค่ารักษาพยาบาลและส่วนเกินค่าห้อง ครอบคลุมค่าห้องเดี่ยวมาตรฐานของทุกโรงพยาบาลแบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม พร้อมเพิ่มความคุ้มครองการเข้าพักรักษาตัวจาก 3 โรคร้าย ตอบโจทย์คนทุกเพศ ทุกวัย อาชีพไหน ๆ ก็ครอบคลุม ทั้งผู้ประกอบอาชีพอิสระ รวมถึงเจ้าของกิจการอีกด้วย

กรุงเทพประกันชีวิต ยังได้เสริมบริการด้านสุขภาพเพื่อครอบคลุมความต้องการในการดูแลสุขภาพของผู้ทำประกันสุขภาพ ผ่านบริการเสริมด้านสุขภาพภายใต้โครงการ BLA Every Care ของกรุงเทพประกันชีวิตให้แข็งแกร่งครบวงจร รองรับความต้องการและดูแลลูกค้าได้อย่างเต็มศักยภาพ และเปิดบริการแพลตฟอร์มออนไลน์บนเว็บไซต์ "BLA Health Partner เพื่อนซี้สุขภาพ" ศูนย์บริการข้อมูลสุขภาพสำหรับลูกค้ากรุงเทพประกันชีวิตที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ในยุควิถีใหม่ ให้ลูกค้าได้รับความอุ่นใจกับข้อมูล คำตอบ และแนวทางในการดูแลรักษาสุขภาพ คลายกังวลกับข้อมูลด้านค่ารักษาพยาบาลเมื่อเข้ารับการรักษา รวมถึงการสอบถามการบริการด้านการดูแลหลังจากการออกจากโรงพยาบาลเพิ่มเติม

นอกจากนี้ กรุงเทพประกันชีวิต มุ่งให้ความสำคัญในการสร้างและพัฒนาตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน ผ่านโครงการรับรองรายได้ผู้บริหารตัวแทนมืออาชีพ (Smart Leader) เพื่อยกระดับการพัฒนาคุณภาพทีมงานขายอย่างมั่นคงและยั่งยืน และร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ

ด้านแผนการลงทุนคู่ความคุ้มครองผ่านที่ปรึกษาการเงินของบริษัท เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านการเงินให้ประชาชนทุกกลุ่ม โครงการ Smart Leader ได้ทำการสื่อสารผ่านแคมเปญ อาชีพของแม่ที่ผมภูมิใจ ที่มีคุณปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย เป็นผู้นำเสนอ ตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา

ในไตรมาสที่ 2/2564 นี้ กรุงเทพประกันชีวิต ได้รับรางวัลบริษัทประกันสุขภาพที่มีนวัตกรรมยอดเยี่ยม (Most Innovative Health Insurance Company) จากงาน International Finance Awards 2020 แสดงถึงการเป็นบริษัทประกันชีวิตและสุขภาพชั้นนำที่มีการพัฒนาทางด้านความคุ้มครองสุขภาพที่บริษัทมีนวัตกรรมและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
#6180


เมอร์เซเดส-เบนซ์ เดินหน้ากิจกรรมการตลาด จัด StarFest ต่อเนื่อง เปิดแคมเปญ แถม "เมอร์เซเดส-เบนซ์ เซอร์วิสพลัส" 5 ปี คูปองส่วนลด 5 หมื่นบาท ฯลฯ

แม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังวางใจไม่ได้ แต่เรื่องของธุรกิจก็ต้องดำเนินต่อไป ด้วยการเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ 

กิจกรรมหนึ่ง ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ StarFest (สตาร์เฟสต์) ซึ่งแต่ละปีก็มีผลต่อการผลักดันยอดขายไม่น้อย ไม่ว่าจากส่วนกลางที่จัดงานในพื้นที่ที่เข้าถึงผู้บริโภค เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ หรือว่าในส่วนโชว์รูมต่างๆ ของดีลเลอร์ทั่วประเทศที่จัดขึ้นพร้อมๆ กัน ภายใต้แคมปญเดียว

ปีนี้แม้การจัดในพื้นที่ส่วนกลางไม่อาจทำได้ แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็ยังเชื่อว่า การจัดในโชว์รูม ยังได้รับความสนใจ 

แม้ว่าที่ผ่านมาจะพบว่าอัตราการเข้าโชว์รูมของผู้บริโภคลดลง จะด้วยเหตุผล ของโลกดิจิทัลที่กระจายอย่างรวดเร็วไม่แพ้โควิด-19 หรือ การพยายามไม่พบปะผู้คนของผู้คนก็ตาม 

แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็เห็นว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ที่มาโชว์รูม ส่วนใหญ่ คือตั้งใจซื้อจริง 


ดังนั้นกิจกรรม StarFest ปีนี้ ก็มีเช่นเดิม และจัดขึ้นเฉพาะโชว์รูมตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น พร้อมแคมเปญ "StarFest 2021: Season of the ultimate offers" โดยจะลากยาวไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. กับข้อเสนอในการเลือกซื้อรถทั้ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 

แคมเปญมีอะไรบ้าง


1. แถม "เมอร์เซเดส-เบนซ์ เซอร์วิสพลัส" หรือโปรแกรมการบำรุงรักษารถยนต์ตามข้อกำหนด MBSP Compact รวม 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง โดยรถยนต์รุ่นที่ร่วมรายการนี้ ประกอบด้วย 

C-Class, 
C Coupe
E-Class
GLC
GLC Coupe
V-Class
 Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe
Mercedes-AMG CLS 534MATIC+

คลิกที่นี่ครบจบ อัพเดทเช็คสิทธิ 'ประกันสังคม' www.sso.go.th ม.33 ม.39 ม.40
ราคาทองฟิวเจอร์พุ่ง 1.4% ได้ปัจจัยดอลล์อ่อนหนุนตลาด
ราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัสร่วงวันที่ 2
2.ส่วนลด 10,000 บาท สำหรับการซื้อ Mercedes-Benz Collection, กล้องติดรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือ ชุดสินค้าบำรุงรักษารถยนต์ โดยรถที่ร่วมรายการนี้ คือ 

Mercedes-Benz ทุกรุ่น
Mercedes-AMG ทุกรุ่น
3. ข้อเสนอพิเศษ สำหรับผู้ที่ใช้บริการของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง คือ

แถมประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protectionนาน 2 ปี เมื่อทำสัญญามายสตาร์ หรือสัญญาเช่าทางการเงิน โดยรถที่เข้าร่วมรายการนี้ ประกอบด้วย C-Class

C Coupe
E-Class
GLC
GLC Coupe