• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Prichas

#2921


นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกล. เคมิคอล จำกัด (มหาชน)หรือ PTTGC Drama-Addict แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท PTTGC International Private Limited (GC Inter) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัท ถือหุ้นร้อยละ 100 เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2564

ทั้งนี้ได้มีมติอนุมัติให้ GC Inter เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นร่วมกับ Sime Darby Plantation Berhad (SDP) ในการขายหุ้นทั้งหมดของธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Emery Oleochemicals (M) Sdn. Bhd. (EOM) และ Emery Specialty
Chemicals Sdn. Bhd. (ESC) ให้แก่ Edenor Technology Sdn. Bhd. (ETSB) คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 38 ล้านริงกิตมาเลเซีย (หรือเทียบเท่า 302 ล้านบาท อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนธนาคารแห่งประเทศไทยวันที่18 ส.ค.2564) โดยมูลค่าดังกล่าวอาจมีการปรับปรุงเพื่อให้อ้างอิงจากมูลค่าเงินทุนหมุนเวียนสุทธิและหนี้สินสุทธิของ EOM และ ESC ณ วันที่ รายการเสร็จสิ้น โดยสัญญาซื้อขายหุ้นได้ถูกลงนามแล้วเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2564


EOM ESC และบริษัทย่อยของสองบริษัทดังกล่าว (รวมเรียกว่า กลุ่มบริษัท Emery) เป็นกลุ่มบริษัทที่ GC Interและ SDP ถือหุ้นในสัดส่วนเท่ากันที่ร้อยละ 50 โดยการขายหุ้นดังกล่าวมีเงื่อนไขให้ดำเนินการภายหลังจากที่ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มบริษัท Emery โดยแยกธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และธุรกิจในภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรป
ออกจากกัน


ทั้งนี้ภายหลังการปรับโครงสร้างดังกล่าว ธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะยังคงอยู่ภายใต้ EOM และ ESC ซึ่งทั้งสองบริษัทจะถูกโอนให้แก่ผู้ถือหุ้นรายใหม่คือ ETSB ในขณะที่ธุรกิจในภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรปจะถูกโอนออกจากEOM ให้อยู่ภายใต้บริษัท Emery Oleochemicals UK Limited ซึ่งจะถือหุ้นทางตรงโดย GC Inter และ SDP ในสัดส่วนเท่ากันที่ร้อยละ 50


ETSB เป็นบริษัทร่วมค้าที่มีการถือหุ้นในสัดส่วนเท่ากันที่ร้อยละ 50 ระหว่างบริษัท Mega First Corporation Berhad (MFCB) และบริษัท 9M Technologies Sdn Bhd (9M Technologies) ซึ่งตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนี้
#2922
Zoom Meeting[/url] กลายเป็น app ยอดนิยมในกลุ่มคนทำงาน Work from Home ครั้งนี้ผมจะมาแนะนำความเป็นมืออาชีพให้กับผู้ใช้ที่ Zoom app ซึ่งจะว่าไปบางวันผมยังแทบจะไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลยด้วยซ้ำ ก็เปิดคอมก่อนเลย (นี่เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร) วันนี้ ฮาวทู ดูดี เมื่อต้องเข้า Zoom Meeting ทำอย่างไรให้ดูโปร เมื่อคุณต้องทำงานจากที่บ้าน เพราะวิถีชีวิตคุณเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ต้องตื่นมาเลือกเสื้อผ้า ใส่สูท ผูกไทด์ สาวๆหลายคน วันนี้ มาสคาร่า อาจจะเริ่มจับตัวเป็นก้อนไปแล้วครับ เพราะไม่ได้หยิบขึ้นมาปัดขนตา โลกเปลี่ยนไปมาก แต่ก็ยังอยากให้พวกเรา Keep Look กันไว้นะครับ เดี๋ยวอาจจำตัวเองไม่ได้ ว่าเคยดูดีกันมาก่อน นอกจาก WFH จะทำให้น้ำหนักตัวเราเพิ่มขึ้น อีกอย่างนึงที่เราต้องมาเพิ่มกันในวันนี้คือ เทคนิคขั้นเทพของการทำงานผ่าน Conference มาเริ่มกันเลยครับ  วันนี้คุณไม่ต้องคอยกังวลว่า เราจะต้องใส่ชุดอะไรในการตื่นขึ้นมาทำงาน แต่ผมก็อยากให้ทุกคนแคร์เบื้องหลังของคุณครับ เวลาเปิดจอขึ้นมา ห้องที่รกๆ ของใช้ลับๆ จัดการกับปริศนาเหล่านี้ด้วย Virtual Backgrounds (แนะนำ https://zoom.us/virtual-backgrounds ครับ สามารถดาวน์โหลดภาพพื้นหลังสวยๆได้ฟรีจากที่นี่ไปใช้ได้ครับ) หรือ ทำพื้นหลังเบลอๆ ไปเลยก็ได้ครับ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าต้องเปิดกล้อง ต้องดูดีครับ นอกจากนี้อาจสร้างสีสันให้เบิกบานกับทุกการประชุมด้วย Video filters มีลูกเล่นให้คุณเติมคิ้ว เติมสีสันให้ริมฝีปากสาวๆ ได้แบบทันท่วงที หากตื่นสายแต่งหน้าไม่ทัน อันนี้ช่วยได้ครับ สำหรับหนุ่มๆ มี หนวดเคราให้เป็น option เปลี่ยนลุคเพิ่มความคมเข้มให้ดูหล่อเหลาไปอีกแบบก็ได้ครับ





ติดตามอัพเดทข่าวสารจากพวกเรา Zoom Thailand
 
#2923


ในช่วงสถานการณ์การระบาดโควิด – 19 ที่มีมาตรการล็อคดาวน์ออกมาเป็นระยะๆ ทำให้การค้าการขายต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการค้าขาย "Minny & March . enjoy eat drink" ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ขนมที่มีเมนู "เค้กไข่ไต้หวันโฮมเมด" เป็นตัวชูโรง และได้มีการเรียนรู้วิธีการขายตั้งแต่เริ่มต้นแบรนด์ในช่วงวิกฤตโควิด จนสามารถสร้างยอดขายได้แบบก้าวกระโดด ทำรายได้ในสถานการณ์การค้าที่ซบเซาในช่วงนี้


นางสาวศิริรักษ์ เทียนทอง เจ้าของแบรนด์ "Minny & March . enjoy eat drink" เล่าว่าถึงจุดเริ่มต้นว่า แบรนด์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีการคลายล็อคดาวน์ครั้งแรกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 1 9 ด้วยหน้าที่การงานที่ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ จึงได้ไปลองทำ "เค้กไข่ไต้หวัน" ตามคำชักชวนของเพื่อนที่เปิดร้านขายเครื่องดื่ม ซึ่งในการทำลองทำครั้งแรกนั้นก็ทำออกมาได้สำเร็จ จึงได้ฝึกฝนการทำเมนูนี้จนมั่นใจในรสชาติและรสชาติที่คงที่ และได้มีการแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้ลองกิน พร้อมกับได้รับความคิดเห็นว่ามีรสชาติที่อร่อยและควรทำขาย



แม้ในช่วงแรกจะมีเมนู "เค้กไข่ไต้หวัน" เป็นเมนูเดียวที่ทำออกจำหน่าย แต่ทางแบรนด์ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากทางแบรนด์ได้ใส่ใจในเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะเรื่องการตลาด เนื่องจากแบรนด์ Minny & March . enjoy eat drink เป็นแบรนด์ที่เกิดใหม่ในช่วงวิกฤตโควิด การจะทำให้ลูกค้ายอมรับนอกจากในเรื่องรสชาติของเค้กแล้ว ลูกค้าก็ยังต้องเชื่อใจในตัวแม่ค้าด้วย ซึ่งจะกลายมาเป็น "ความเชื่อใจ" แก่กันและกัน ทำให้ลูกค้ามั่นใจที่จะสั่งเค้ก และมั่นใจว่าจะได้รับเค้กที่มีคุณภาพในทุกๆ ครั้ง



นอกจากการเชื่อใจในเรื่องการค้าขายแล้ว ทางแบรนด์ก็ยังเน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยช่องทางหลักในการขายคือช่องทางออนไลน์ ทางแบรนด์จึงใช้ช่องทางนี้ในการพูดคุยและถามความคิดเห็นของลูกค้าเสมอ เนื่องจากในทุกๆ คำติชมของลูกค้า ก็จะนำมาปรับปรุงแก้ไขสูตรขนมให้ดีขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกๆ คน ที่ให้โอกาสซื้อขนมของแบรนด์เรา



"นอกจากคำติชมทางแบรนด์ยังใส่ใจในเรื่องร่างหน้าตาของขนม หากลูกค้าได้รับขนมที่เกิดเสียหายระหว่างขนส่ง ทางแบรนด์ก็จะยินดีไม่รับเงินพร้อมกับส่งขนมชุดใหม่ไปให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ใจแลกใจจึงทำให้ขนมแบรนด์ มีออเดอร์ทั้งจากลูกค้าประจำและลูกค้าหน้าใหม่สั่งขนมมาไม่เคยขาด"  ... นางสาวศิริรักษ์ กล่าวเสริม



ไม่ใช่แค่มีการพูดคุยกับลูกค้าผ่านสื่อออนไลน์ หากมีโอกาสก็จะไปส่งเค้กและขนมเมนูอื่นๆ ให้กับลูกค้าด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น และเรายังเชื่อใจได้ว่าขนมที่เราไปส่งเองจะยังคงคุณภาพในเรื่องรูปร่าง เพราะในบางครั้งเราใช้ไรเดอร์ส่งขนมก็อาจจะเสียรูปทรงระหว่างทาง เรื่องรูปร่างหน้าตาของขนม ทางแบรนด์ก็ใส่ใจเรื่องนี้มากๆ เนื่องจากอยากให้ลูกค้าได้ขนมสดใหม่เหมือนออกมาจากเตาอบเหมือนในรูปที่นำเสนอ สิ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเคล็ดไม่ลับ ที่ทำให้ยอดขายของแบรนด์ Minny & March . enjoy eat drink เติบโตขึ้นอย่างมากจากวันที่เริ่มต้น



ด้วยการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์การขายด้วยตัวเอง จึงทำให้ในวันนี้ แบรนด์ Minny & March . enjoy eat drink เป็นที่รู้จักของลูกค้ามากขึ้น และได้มีการต่อยอดพัฒนาเมนูขนมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก เช่น เค้กบราวนี่ บราวนี่คุ๊กกี้ เค้กส้มหน้านิ่ม เค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม มัทฉะโรลเค้ก เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น แม้ในช่วงนี้จะมีมาตรการล็อคดาวน์ออกมาเป็นระยะๆ จนทำให้การค้าขายเงียบเหงา แต่ทางแบรนด์ก็ยังมีลูกค้าอุดหนุนไม่เคยขาด และพร้อมที่จะไม่หยุดนิ่งในการเรียนรู้ปรับเปลี่ยนวิธีการขาย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงได้เสมอ





สนใจติดต่อ
FB : Minny & March . enjoy eat dri
โทร. 099 - 059 9496
#2924


จอน ราห์ม นักกอล์ฟมือ 1 โลกชาวสแปนิช เปิดฉากการแข่งขัน เดอะ นอร์เธิร์น ทรัสต์ ด้วยผลงานเยี่ยมตี 8 อันเดอร์พาร์ เป็นผู้นำร่วมกับ จัสติน โธมัส เจ้าบ้าน เมื่อจบรอบแรก วันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ศึกกอล์ฟ พีจีเอ ทัวร์ รายการ เดอะ นอร์เธิร์น ทรัสต์ ชิงเงินรางวัลรวม 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 316 ล้านบาท) ณ สนาม ลิเบอร์ตี เนชันแนล กอล์ฟ คลับ ระยะ 7,353 หลา พาร์ 71 นิว เจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เปิดฉากแข่งรอบแรกไปแล้ว

จบวันแรก ผู้นำคือ จอน ราห์ม สวิงเบอร์ 1 โลกจากสเปน ตีได้อย่างไร้เทียมทาน 8 เบอร์ดีไม่มีพลาด กินเต็ม 8 อันเดอร์พาร์ แต่ก็ต้องแชร์เก้าอี้กับ จัสติน โธมัส มือ 5 โลกชาวอเมริกัน ที่ตีสกอร์ขึ้นมานำร่วมเท่ากัน

"ผมรู้สึกว่าตัวเองตีได้ดีกว่าที่เห็นภายนอกมาก เมื่อคุณจัดการตัวเองได้ดี ทุกอย่างก็จะดูง่ายขึ้นจากสกอร์ที่ออกมา" ราห์ม เผยหลังจบวันแรก

ด้านผู้เล่นคนอื่น ฮิเดกิ มัตสึยาม่า มือดังจากญี่ปุ่น อันดับ 15 ร่วม หลังตีวันแรก 2 อันเดอร์พาร์ ส่วน บรูค์ส โคปก้า ซูเปอร์สตาร์เจ้าบ้าน ตีได้ 1 อันเดอร์พาร์ อันดับ 34 ร่วม
#2925


นายธนา ต่อสหะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งระลอก 2 และ 3 ส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมเพื่อเช่า ได้รับความสนใจและเติบโตอย่างต่อเนื่อง พบว่า ไตรมาสแรกที่ผ่านมามีผู้สนใจสอบถามห้องชุดให้เช่าเพิ่มขึ้น 21% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 2 สอบถามห้องชุดให้เช่าเพิ่มขึ้นสูงถึง 42% เทียบไตรมาส 2 ปี 2563

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าผู้บริโภคสนใจเช่าห้องชุดมากขึ้น ทั้งมีการปรับเปลี่ยนทำเลและพฤติกรรมในการพักอาศัย เช่น เดิมผู้เช่าสนใจห้อง 1 ห้องนอน ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. เน้นพื้นที่ภายในห้องนอนมากกว่าพื้นที่ห้องอเนกประสงค์ แต่ปัจจุบันผู้เช่ามองหาห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 43-60 ตร.ม. ที่เน้นประโยชน์จากการใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่า

"วิกฤติโควิดส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการมองหาห้องชุดเพื่อเช่า ที่เน้นปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้หลากหลาย ห้องอเนกประสงค์สามารถปรับเป็นสถานที่ทำงานแบบเวิร์คฟรอมโฮม หรือปรับเป็นพื้นที่ออกกำลังกาย ต้องการระเบียงขนาดใหญ่ เพื่อปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ห้องพัก ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบเวิร์คฟรอมโฮม อยู่ห้องพักนานขึ้น และต้องการเช่าระยะที่ยาวขึ้น หากคอนโดมีฟังก์อื่นที่น่าสนใจเพิ่มเติม เช่น เลี้ยงสัตว์ได้ จะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการปล่อยเช่าได้มากยิ่งขึ้น"

ทั้งนี้ ลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่มีรายได้ระดับกลาง และกลุ่มพนักงานชาวต่างชาติ (Expat) ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และมีความต้องการเปลี่ยนคอนโดหรือย้ายทำเล ซึ่งผู้เช่ายังคงให้ความสำคัญกับ "ทำเล" โดยมองหาห้องชุดทำเลกลางใจเมือง เดินทางสะดวก ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ ร้านสะดวกซื้อ ชอปปิงมอลล์

สำหรับทำเลที่ผู้เช่าให้ความสนใจและมีอัตราการเช่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ ย่านสุขุมวิทตอนกลางถึงตอนปลาย ลาดพร้าว-พหลโยธิน ซึ่งทำเลสุขุมวิทตอนกลาง เริ่มตั้งแต่แยกอโศกไปจนถึงสถานีรถไฟฟ้าพระโขนง พบว่า มีความหลากหลายของการใช้ชีวิตมากที่สุด โดยเฉพาะ "ทองหล่อ-เอกมัย" ที่มีปัจจัยหนุนเอื้อต่อการเติบโตในอนาคตมากมาย เช่น เป็นทำเลยอดนิยมในการพักอาศัยชาวต่างชาติ อีกทั้งธุรกิจในพื้นที่ยังตอบรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ตลอดจนถนนที่กว้างถึง 6 เลน เชื่อมต่อสู่เอกมัยได้

ในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาจุดเชื่อมต่อที่บริเวณบีทีเอส สถานีทองหล่อ (วัชรพล-ทองหล่อ) และอีกจุดที่ บีทีเอสสถานีพระโขนง (พระโขนง-ท่าพระ) ช่วยเสริมศักยภาพพื้นที่ ส่งผลให้ปัจจุบันอัตราการเช่าในพื้นที่ดังกล่าวสูงถึง 40% ส่วนใหญ่เป็นผู้เช่าชาวต่างชาติ 70% โดยมีอัตราค่าเช่าห้องชุดขนาด 40-60 ตร.ม. เฉลี่ยอยู่ที่ 35,000 บาทต่อเดือน ส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนเข้ามาลงทุนเพื่อปล่อยเช่าจำนวนมาก มีอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า( Rental Yield) เฉลี่ย 4-6% (ข้อมูลปี 2564 ) สูงที่สุดเมื่อเทียบพื้นที่อื่นๆ ในทำเลสุขุมวิท

สำหรับพื้นที่สุขุมวิทตอนปลาย เริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าพระโขนงไปจนถึงสถานีแบริ่ง ได้รับความสนใจจากกลุ่มคนวัยทำงานโดยมีสัดส่วนการเช่าสูง 50% จากกลุ่มผู้เช่าทั้งหมด เนื่องจากราคาปล่อยเช่าคอนโดยังไม่สูงมาก ห้องชุดขนาด 40-60 ตร.ม. มีค่าเช่าเฉลี่ย 24,000 บาทต่อเดือน

ขณะที่ย่านลาดพร้าว-พหลโยธิน เป็นอีกทำเลที่มีการเติบโตของตลาดเช่าค่อนข้างดี เนื่องจากการขยายตัวของรถไฟฟ้าสายใหม่ สายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ส่งผลให้มีประชากรในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งพื้นที่อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานศึกษา มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีสถานีกลางบางซื่อ ศูนย์กลางการคมนาคมใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ เป็นอีกปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ตลาดเช่าเติบโตในอนาคต ปัจจุบันราคาค่าเช่าเฉลี่ยในพื้นที่อยู่ที่ 18,000 บาทต่อเดือน ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน นักศึกษา สำหรับอัตราผลตอบแทนในการลงทุนปล่อยเช่า เฉลี่ย 5%
#2926


นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีและได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเกินความคาด ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท รวมหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) วงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท โดยมีนักลงทุนแสดงความจำนงเข้าลงทุน (Bookbuilding) ในหุ้นกู้ของบริษัทฯ มากกว่า 4.2 เท่า เมื่อเทียบกับแผนการเสนอขาย หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท  

ทั้งนี้ หุ้นกู้ของบริษัทฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันเป็นจำนวนมาก ที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้รับไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน  

สำหรับรายละเอียดของหุ้นกู้ที่เสนอขายดังกล่าว มีกำหนดไถ่ถอนภายใน 2 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ย 1 ปี 0.97% และอัตราดอกเบี้ย 2 ปีที่ 1.17% โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้จากทริสเรทติ้ง ในระดับ 'A' แนวโน้ม 'Stable' หรือ 'คงที่'  


"จากผลการตอบรับการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันและหนึ่งในผู้นำธุรกิจนายหน้าประกัน ที่มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจและยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินแก่ผู้คนในสังคมอย่างเท่าเทียม ซึ่งทำให้เงินติดล้อแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ และเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้สามารถขยายกิจการได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้" 
#2927


(16 ส.ค.64) หลังสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 16 ส.ค.64 โดยรางวัลที่ 1 ได้แก่ หมายเลข 046750 ปรากฏว่าหนุ่มวัย 35 ปี ที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว เป็นคนดวงเฮงถูกรางวัลที่ 1 ถึง 12 ล้านบาท 

ต่อมาเวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ฟาร์มหมูแห่งหนึ่งใน ต.หนองหาน พบกับคนดวงเฮงรายนี้ ชื่อนายภูริพัชร หรือ "ท็อป" เจ้าของฟาร์มหมูแห่งหนึ่ง อายุ 35 ปี กำลังเดินทางมาพบกับลูกน้องที่ฟาร์มหมู ท่ามกลางความดีใจและร่วมแสดงความยินดีของลูกน้องที่รู้ข่าว พร้อมกับให้ลูกน้องได้จับลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 รวม เว็บ หวย ออนไลน์โดยทุกคนไม่นึกไม่ฝันว่าเจ้านายจะถูกรางวัล แต่เชื่อว่าเป็นเพราะผลจากการกระทำกรรมดีของเจ้านายมาตลอดนั่นเอง

นายภูริพัชร เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ถึงตอนนี้ยังตื่นเต้นไม่หาย ก่อนจะถูกหวยวันนี้ก่อนหน้านี้ตนเองขับรถตนเองหมายเลขทะเบียน 7250 ไปชนสุนัข จริงๆ แล้วก็ชนหลายครั้ง แต่ไม่มี 250 คนขายจึงหยิบ 3 ตัวท้ายคือ 750 ให้ก็เลยซื้อไว้ วันนั้นมีเงินอยู่ติดกระเป๋า 400 บาท เลยซื้อ พ.ศ.เกิดตัวเองคือ 29 อายุตัวเอง 35 และทะเบียนรถ 50 อีก 2 ใบ จริงๆ แล้วเลข 50 ตั้งใจซื้อมา 2 ปี ถูก 2 ใบ 3 ใบบ้าง

พอมาวันนี้ชวนพี่สาวไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ได้ยินโต๊ะๆ บอกว่าว่ารางวัลที่ 1 มี 750 จำได้ว่า 3 ตัวท้ายตนเองซื้อเลขนี้ไว้เช่นกัน จึงเดินไปดูในรถและให้พี่เขาที่โต๊ะข้างๆ ตรวจให้หน่อย ปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 1 แทบช็อกเลย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะถูกรางวัลใหญ่เพียงนี้

นายภูริพัชร บอกกับผู้สื่อข่าวอีกว่า ส่วนตัวชีวิตสู้มาตลอดเก็บขยะขายก็เคยมีเพื่อส่งตัวเองเรียนจนจบสถาปัตย์ที่กรุงเทพฯ จากนั้นก็ทำงานบริษัทโรงงานน้ำตาลเอกชน แล้วลาออกมาทำธุรกิจตนเองที่บ้านเกิด เพื่อมาอยู่ดูแลพ่อที่ป่วย ที่ผ่านมาในใจตนเองคิดยังไงจะหมดหนี้และตนเองทำฟาร์มหมูด้วย ท้อบ้างเป็นบางครั้ง เชื่อว่าสักวันหนึ่งขอให้ตนเองมีโชคกับเขาบ้างจนมาวันนี้ และช่วงที่ผ่านมาตนเองก็ช่วยคนตลอด มีน้อยก็ให้น้อย อะไรที่มีให้ได้ก็ช่วย ต่อหน้าคนหรือลับหลังตนเองช่วยไม่หวังสิ่งตอบแทนและไม่คิดร้ายกับใคร เชื่อว่าผลบุญทำให้ตนเองถูกหวย ส่วนเงินที่ได้มาก็จะใช้หนี้ที่เอามาสร้างฟาร์มหมูและต่อยอดธุรกิจฟาร์มหมูที่ตนเองทำอยู่ตอนนี้
#2928


บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องของการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้องและเหมาะสม และมีความมุ่งมั่นที่จะลดการใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยงสัตว์ จึงนำนวัตกรรม "โพรไบโอติก" มาใช้ในอาหารสัตว์ เพราะเราเชื่อว่าเมื่อสัตว์แข็งแรง ผู้บริโภคก็จะได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย

เทรนด์รักสุขภาพและความปลอดภัยอาหารเป็นเรื่องที่ประชากรทั่วโลกให้ความใส่ใจมากยิ่งขึ้น จากผลสำรวจมุมมองผู้บริโภคทั่วโลก (Global Consumer Insights Survey) ประจำปี 2564 จำนวนทั้งสิ้น 8,700 ราย ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก PwC พบว่าเทรนด์สุขภาพและความปลอดภัยคือหนึ่งในประเด็นที่กำลังมาแรง ขณะเดียวกัน การมีสุขภาพแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่ดีก็เป็นเรื่องสำคัญ ทำให้ไม่ต้องใช้ยารักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ซึ่งการสร้างสมดุลของเชื้อแบคทีเรียที่ลำไส้จะส่งผลดีต่อร่างกาย จึงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจ และเป็นที่มาของการศึกษาเรื่องโพรไบโอติกอย่างกว้างขวางทั้งในคน และในสัตว์



องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้ให้คำนิยาม โพรไบโอติก คือจุลินทรีย์มีชีวิต เมื่อใช้ในปริมาณที่เพียงพอเหมาะสมจะส่งผลดีต่อร่างกาย หากคนได้รับก็จะมีสุขภาพดี หรือสัตว์ได้รับก็จะมีสุขภาพดีเช่นเดียวกัน จึงมีการนำโพรไบโอติกมาใช้ในปศุสัตว์เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ

ดร.ไพรัตน์ ศรีชนะ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักวิชาการอาหารสัตว์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ เริ่มการศึกษาเรื่องจุลินทรีย์โพรไบโอติกในไก่เนื้อ โดยเก็บเชื้อจากฟาร์มทั่วประเทศเพื่อศึกษาหน้าที่และประโยชน์ของจุลินทรีย์แต่ละชนิด หลังจากนั้นได้ขยายการศึกษาต่อในสุกร จนกระทั่งได้ข้อมูลที่สามารถสร้างฐานข้อมูลของจุลินทรีย์พื้นฐานได้ จึงพัฒนาร่วมกับสถาบันวิจัยระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญและได้ศึกษาเรื่องโพรไบโอติกมาเป็นระยะเวลานาน โดยการคัดโพรไบโอติกจาก 125,000 สายพันธุ์ นำมาสู้กับเชื้อโรคกว่า 1,200 ชนิดที่เก็บเชื้อมาจากฟาร์มทั่วประเทศ จนได้โพรไบโอติกที่แข็งแรงที่สุดเพียง 9 สายพันธุ์ จึงทำให้ไก่-หมูมีสุขภาพดี แข็งแรงตามธรรมชาติ ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช้ฮอร์โมนเร่งโต ตลอดการเลี้ยงดู ปลอดสาร ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง



สำหรับการนำโพรไบโอติกมาใช้ในปศุสัตว์มีประโยชน์หลายด้าน คือ 1) สามารถยับยั้งเชื้อก่อโรคที่พบในฟาร์ม 2) ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ให้ทำงานได้เร็วขึ้น 3) ประสิทธิภาพของสัตว์ในฝูงดีขึ้น เช่น ลูกไก่แรกเกิดจะมีจุลินทรีย์จากสิ่งแวดล้อม เช่น อีโคไล ซาโมเนลลา ซึ่งถือว่าเป็นชนิดที่ไม่มีประโยชน์ และใช้เวลา 2-3 สัปดาห์กว่าเชื้อเหล่านี้จะหมดไป ดังนั้น การนำโพรไบโอติกที่ถูกชนิดมาใช้อย่างเหมาะสมก็จะช่วยกำจัดเชื้อและลดระยะเวลาลงได้ 4) ช่วยย่อยกากใยที่ร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ 5) ลดปัญหาในด้านสิ่งแวดล้อมจากการใช้ยาได้อย่างยั่งยืน

ซีพีเอฟได้นำนวัตกรรมและทำการวิจัยพัฒนาตลอดห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่อาหารสัตว์ ฟาร์ม ตลอดจนอาหาร รวมถึงแนวคิด "กินอาหารให้เป็นยา (Food as a Medicine)" เพื่อสอดรับกับนโยบายหลักสวัสดิภาพสัตว์ พร้อมทั้งมุ่งมั่นผลิตอาหารปลอดภัย มีคุณภาพอย่างยั่งยืน
#2929
เครื่อง ปั๊มน้ำ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย ซึ่งคุณสมบัติของเจ้า  ปั๊มน้ำ นี้นั้น เป็นเครื่องมือที่อาศัยแรงในการส่งน้ำไปยังบริเวณต่าง ๆ ภายในบ้านโดยอาศัยแรงจากมอเตอร์และปั๊ม ซึ่งถ้าหากบ้านของเราไม่มีเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้แล้วล่ะก็ ปัญหาน้ำไม่ไหล ใช้งานไม่ได้ รวมถึงไม่สามารถไหลได้แรงเพื่อใช้งานได้ตามใจต้องการ ปัญหาเหล่านี้ต้องเกิดตามมาอย่างแน่นอน ในวันนี้เรามาดูยี่ห้อเครื่องปั๊มที่น่าสนใจกันดีกว่าว่ามียี่ห้อไหนบ้างที่สามารถตอบโจทย์การ์ใช้งานของคุณได้

1. Mitsubishi

อันดับแรกขอยกให้บริษัทจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โดย ปั๊มน้ำ Mitsubishi นั้นเรียกได้ว่าเป็นปั๊มที่มีคุณภาพสูงมากเลยทีเดียว เป็นยี่ห้อยอดนิยมสำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า มีบริการหลังการขาย รวมถึงมีคุณภาพและ ราคาปั๊มน้ำ ที่น่าสนใจคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาวอีกด้วย โดยเขามีให้เลือกหลายรุ่นหลายเกรดตามความสามารถของแรงดันน้ำที่น่าสมใจเป็นอย่างมาก

2. Hitachi

เรียกได้ว่าเป็นอีกบริษัทที่มีอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกเลยทีเดียว โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านต่าง ๆ ที่มีคุณภาพสูง รวมถึงตัวแทนจำหน่ายและบริการหลังการขายในประเทศไทยก็สามารถหาได้ง่ายอีกด้วย

3. Clinton

เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่น่าสนใจโดยเฉพาะสำหรับผู้คนที่มีที่อยู่อาศัยตามอาคารบ้านเรือน คอนโดมิเนียม และทาวน์โฮม ด้วยแรงดันนี้ที่มีพลังแรงสูงคุ้มค่าสมราคา มีการรับประกัน 1 ปี รวมถึงมีศูนย์ตัวแทนจำหน่ายที่หาได้ในประเทศไทย เป็นอุปกรณ์คุณภาพดีที่มีเสียงเบาไม่ดังรบกวนการทำงานของผู้คนภายในบ้าน

4. Zushita

เพราะขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพที่มีความคุ้มค่าสมราคาจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำจึงได้รับความนิยมและมักจะถูกนำมาใช้ตามบ้านเรืออย่างทาวน์โฮมหรือคอนโดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไปรวมถึงแรงดันนั้นที่มีความแรงสามารถส่งน้ำไปได้ทุกที่ในบริเวณบ้านตามต้องการ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักพันเท่านั้น จึงทำให้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเป็นประเทศไทย

สำหรับ ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ที่น่าสนใจดังที่ได้กล่าวมานั้นถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี น่าสนใจ มีความน่าเชื่อถือและมีความคุ้มค่าสมราคาสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อใช้งานภายในบ้านอย่างมาก ก่อนที่จะได้ตัดสินใจซื้อควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้อย่างรอบคอบและละเอียดถี่ถ้วนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเงินโดยใช่เหตุ และหากไม่ทนทานคงทนและเสียง่ายก็จะทำให้ต้องเสียเงินเพื่อซื้อใหม่อยู่บ่อยครั้ง หากซื้อของเพื่อใช้งานในระยะยาวก็จะมีความคุ้มค่ามากกว่า
#2930


บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ภายใต้พันธกิจ 'EMPOWER LIVING' ที่มุ่งส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ จัดแคมเปญ 'บ้านสร้างบุญ' ได้บ้าน ได้บุญ ได้ส่วนลด ทุกการจองบ้านกลางเมือง และพลีโน่ในกว่า 50 ทำเลทั่วกรุงเทพ เอพีร่วมสมทบทุนบริจาคด้านการแพทย์สู้ภัย โควิด-19 เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายนนี้

นายเมธา รักธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูง และต้องทุ่มเทกายใจเพื่อปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถ ทางกลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ฮีโร่ด่านหน้าของไทย ในการสู้วิกฤตโควิด-19 ผ่านแคมเปญ 'บ้านสร้างบุญ' ได้ร่วมทำบุญ ได้บ้าน ได้ส่วนลดเพิ่ม ซึ่งทุกๆ เงินจองที่ลูกค้าจองซื้อทาวน์โฮมเครือเอพี ทั้งแบรนด์ 'บ้านกลางเมือง หรือ 'พลีโน่' ในกว่า 50 โครงการทั่วกรุงเทพ

นอกจากลูกค้าจะได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มเท่าจำนวนเงินจองแล้วนั้น บริษัทฯ จะร่วมสมทบทุนบริจาคเพิ่มเท่ากับจำนวนเงินจองซื้อโครงการ และนำไปส่งมอบให้แก่ 3 องค์กรทางการแพทย์ ได้แก่ กองทุนศิริราชสู้ภัยโควิด ศิริราชมูลนิธิ, โครงการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และโครงการป้องกันและช่วยเหลือสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี เพื่อใช้เป็นทุนในการจัดหาอุปกรณ์สู้ภัยโควิด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานให้กับทีมแพทย์และบุคลากรด่านหน้าผ่านแคมเปญ "บ้านสร้างบุญ : ได้บ้าน ได้บุญ ได้ส่วนลด" ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 64



"ตั้งแต่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาด นอกเหนือจากการดูแลลูกบ้านในโครงการให้ห่างไกลจากโควิด-19 แล้วนั้น ที่ผ่านมาเรายังได้จัดทำแคมเปญ SAVE LIVES PROTECT PEOPLE - เอพี เซฟชีวิต เซฟสังคมขึ้น เพื่อช่วยเหลือและจุดประกายสังคมไทยในการหยิบยื่นความช่วยเหลือตามกำลังให้แก่กลุ่มคนที่อาจถูกมองข้าม และแคมเปญ บ้านสร้างบุญ ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่เราอยากเป็นสะพานบุญให้ลูกค้าเอพีทุกท่านได้มีส่วนร่วมสนับสนุนการทำงานให้แก่นักรบชุดขาวที่เหน็ดเหนื่อยเพื่อพวกเราอย่างไม่มีวันหยุดร่วมกัน"

ทั้งนี้ เอพี ไทยแลนด์ เรามุ่ง 'EMPOWER LIVING' ทุกมิติการอยู่อาศัย การทำงานในทุกด้านจะให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้า โดยกลุ่มสินค้าทาวน์โฮมในเครือเอพี ทั้งบ้านกลางเมือง ทาวน์โฮม 3 ชั้น ในทำเลศักยภาพ และพลีโน่ ทาวน์โฮม 2 ชั้น บ้านหลังแรกที่ดีที่สุด คือ สองแบรนด์ยอดนิยมที่ลูกค้าให้การตอบรับอย่างดียิ่ง ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะสามารถตอบโจทย์ความต้องการในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค Next Normal ได้เหนือกว่าใคร เราเชื่อมั่นว่าแคมเปญ 'บ้านสร้างบุญ' ได้บ้าน ได้ส่วนลด ได้บุญ จะมีส่วนในการเอ็มพาวเวอร์ให้สังคมไทยผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 และสามารถกลับมายิ้มด้วยกันอีกครั้งในเร็ววันนี้

เอพี ไทยแลนด์ ภายใต้พันธกิจ 'EMPOWER LIVING'
มุ่งส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดี ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้
#2931
ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya ประกันสุขภาพ (ปลดล็อค อัลตร้า) ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย

ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya แนะนำ ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz  และ ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่ายรักษาตัวในรพ. สูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี

ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya แนะนำ แผนประกันสุขภาพ(ปลดล็อคอัลตร้า)
ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya, ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz
ประกันสุขภาพ (ปลดล็อค อัลตร้า) ขยายวงเงินความคุ้มครอง ให้เลือกสูงถึง 15 ล้านบาทต่อปี
ขยายอายุความคุ้มครองถึงอายุ90 ปี
ขยายการดูแลด้านการรักษาสุขภาพ ด้วยวงเงินค่าฉีดวัคซีนและค่าตรวจสุขภาพประจำปี
ปลดล็อคค่ารักษาพยาบาลในห้อง ICU จ่ายให้ตามจริง
ปลดล็อคค่าล้างไต ค่าเคมีบำบัด ค่ารังสีบำบัด จ่ายให้ตามจริง

ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz, ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya
ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya ประกันออมทรัพย์ (แบบมีเงินปันผล) เพิ่มโอกาสรับเงินปันผลที่สูงขึ้น

มอบความคุ้มครองชีวิตสูงถึง 115% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

ครบกำหนดสัญญารับเงินคืน 140% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

ลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 100,000 บาท

ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz
ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 1 เดือน 1 วัน ถึง 10 ปี
ดูแลค่ารักษาเมื่อต้องพักรักษาตัวในรพ. สูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินจากอุบัติเหตุภายใน 24 ชม.
สามารถใช้บริการดูแลคุณยามพักฟื้น (Nursing Care) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

Contact Mobile : 081-692-5514

Line ID : @life2insurance

Email : bahmeejkq@gmail.com

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://kaaiduan.com/?p=9466


คำค้น

ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya, ประกันสุขภาพ (ปลดล็อค อัลตร้า), ประกันออมทรัพย์ (แบบมีเงินปันผล), ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย
#2932


เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดให้บริการ Door-to-Door Test Drive เพื่อนำรถยนต์ HAVAL H6 Hybrid SUV ให้ลูกค้าทดลองขับและทดสอบสมรรถนะถึงหน้าบ้าน นอกจากนี้ ยังมีบริการ Door-to-Door Service อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งมอบรถถึงหน้าบ้าน (Door-to-Door Delivery Service) บริการรับและ/หรือส่งรถยนต์เพื่อรับบริการตรวจเช็กระยะ (Door-to-Door Pick-up and Delivery on Demand) และบริการตรวจเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษานอกสถานที่ (Door-to-Door Mobile Service) เพื่อส่งมอบบริการที่พิเศษและคุ้มค่า พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกสบาย และสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยสูงสุดให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร



หลังจากที่ได้มีการเปิดให้ผู้ที่สนใจได้ลงทะเบียนเพื่อทดลองขับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV จวบจนถึงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟน ๆ ชาวไทยกว่า 9,000 ราย ที่แสดงความประสงค์เพื่อทดลองขับรถ รวมถึงผู้ที่จองสิทธิ์เพื่อซื้อรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV จากแคมเปญ ULTRA DEAL และแคมเปญ PREMIERE DEAL โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้จัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้สนใจดังกล่าวมีโอกาสมาทดลองขับและทดสอบสมรรถนะของรถ ที่ Show DC เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอดจนการประกาศยกระดับความเข้มข้นของมาตรการควบคุมจากคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำให้เกิดข้อจำกัดในการจัดกิจกรรมและการเดินทาง ส่งผลให้ผู้ที่สนใจและผู้ที่จองสิทธิ์ในแคมเปญดังกล่าวจำนวนมากได้รับความไม่สะดวกสบายและอาจจะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยในการเข้าไปทดลองขับ



เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสูงสุดให้กับผู้บริโภคชาวไทย นอกจากการขยายระยะเวลาแคมเปญ PREMIERE DEAL ออกไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 และการขยายเวลาชำระเงินจองของแคมเปญ ULTRA DEAL ไปจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2564 แล้ว เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังส่งมอบบริการแบบ Door-to-Door Service เพิ่มเติม ผ่านขั้นตอนที่ง่าย (Simple) มีความพิเศษ (Special) ปลอดภัย (Secure) และคุ้มค่า (Save) ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการ Door-to-Door Test Drive เพื่อนำรถยนต์ไปให้ลูกค้าทดลองขับถึงหน้าบ้าน รวมไปถึงบริการส่งมอบรถ และบริการหลังการขายแบบให้บริการถึงหน้าบ้านของลูกค้าอีกมากมาย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับความสะดวกสบายและบริการที่ดีที่สุดจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ แม้จะมีอุปสรรคหรือข้อจำกัดภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบัน



นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า "เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตระหนักและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง เรารับทราบและเข้าใจดีว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนี้อาจส่งผลให้ลูกค้าไม่สะดวกที่จะเข้ามาทดสอบรถหรือใช้บริการอื่นๆ ของเราได้ ด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ที่เน้นการเชื่อมต่อระหว่าง Online-to-Offline (O2O) เราจึงยินดีที่จะส่งมอบบริการแบบ Door-to-Door Service รูปแบบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้กับลูกค้า โดยที่ลูกค้ายังคงได้รับประสบการณ์อันยอดเยี่ยม ตั้งแต่การกดจองเพื่อใช้บริการต่างๆ ผ่าน GWM Application ไปจนถึงการรับบริการออฟไลน์แบบส่งตรงถึงหน้าบ้าน หลังจากที่เราได้เริ่มมีการส่งมอบรถยนต์แบบ Door-to-Door Delivery Service



ที่บ้านหรือสถานที่ต่างๆ ที่ลูกค้าต้องการไปแล้ว ล่าสุดเราได้มีบริการ Door-to-Door Test Drive เพื่อให้ผู้ที่สนใจ
หรือผู้ที่จองรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ได้มีโอกาสขับและทดสอบสมรรถนะของรถได้อย่างเต็มที่
ก่อนการตัดสินใจซื้อ และเรายังมีบริการหลังการขายด้านอื่นๆ ในรูปแบบ Door-to-Door Service เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการรับและ/หรือส่งรถยนต์เพื่อรับบริการตรวจเช็กระยะ (Door-to-Door Pick-up and Delivery on Demand) และบริการตรวจเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษานอกสถานที่ (Door-to-Door Mobile Service) เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เราจะคอยเคียงข้างเพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกกับลูกค้าในทุกๆ บริการของเราอย่างครบวงจรเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าของเรา" สำหรับบริการแบบ Door-to-Door Service ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่



1. บริการทดลองขับรถถึงหน้าบ้าน (Door-to-Door Test Drive)

ลูกค้าสามารถแจ้งความจำนงเพื่อทดลองขับรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ตามวัน เวลา และสถานที่
ที่ลูกค้าสะดวกผ่านทาง Intelligent Ambassador หรือ iAM หลังจากนั้น iAM จะติดต่อกลับเพื่อยืนยันการนัดหมาย และจะส่งรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV พร้อมผู้ฝึกสอน (Instructor) ไปให้ลูกค้าที่บ้าน โดยจะมี iAM คอยช่วยประสานงานและให้การดูแลผ่านระบบ Video Conference อย่างใกล้ชิด โดยลูกค้าจะได้เรียนรู้วิธีการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ รวมไปถึงได้ทดลองขับและทดสอบสมรรถนะรถยนต์ในเส้นทางบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 30 – 45 นาที โดยมีผู้ฝึกสอนและ iAM คอยให้คำแนะนำและตอบข้อซักถามอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ทีมงานทุกคนรวมถึงลูกค้าจะได้รับการตรวจโควิดแบบ Rapid Test ทุกครั้งก่อนการเริ่มให้บริการ รวมถึงมีการฆ่าเชื้อและทำความสะอาดรถยนต์ และอุปกรณ์ต่างๆ ตามมาตรการการป้องกันโรคโควิดอย่างเคร่งครัด โดยในเบื้องต้น บริการทดลองขับรถถึงหน้าบ้านนี้ จะเปิดให้บริการในช่วงระหว่างวันที่ 7 – 16 สิงหาคม 2564 โดยให้สิทธิ์แก่ผู้ที่ได้แจ้งความจำนงและจองการทดลองขับในลำดับแรกๆ ก่อน และอาจจะมีการขยายระยะเวลาและช่องทางการให้บริการนี้ร่วมกับ GWM Partner Store เพิ่มเติมในอนาคต



2. บริการส่งมอบรถถึงหน้าบ้าน (Door-to-Door Delivery Service)

ลูกค้าสามารถเลือกรับบริการได้บน GWM Application เมื่อสั่งซื้อรถยนต์ โดยมีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) รูปแบบปกติ และ 2) รูปแบบพรีเมียม ที่ลูกค้าสามารถออกแบบรูปแบบการส่งมอบรถเพิ่มเติมได้ตามที่ต้องการ โดยทั้ง 2 รูปแบบ จะมี Intelligent Ambassador หรือ iAM เป็นผู้ดูแล ส่งมอบช่อดอกไม้ ช่วยตรวจสอบการรับรถยนต์ รวมไปถึงอธิบายวิธีการใช้งานรถยนต์ และตอบคำถามต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการส่งมอบรถถึงมือลูกค้าอย่างราบรื่น ปลอดภัยและเกิดความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งบริการนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับรูปแบบที่ลูกค้าต้องการ แต่สำหรับลูกค้าแพ็คเกจ ULTRA DEAL และ PREMIERE DEAL สามารถขอรับบริการในรูปแบบปกติได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม

3. บริการรับและ/หรือส่งรถยนต์เพื่อรับบริการตรวจเช็กระยะ (Door-to-Door Pick-up and Delivery on Demand)

ลูกค้าสามารถนัดหมายวัน เวลา และสถานที่ในการรับรถ และ/หรือส่งรถยนต์ได้ตามที่ลูกค้าสะดวกเมื่อครบกำหนดตามตารางการบำรุงรักษาตามระยะทาง โดยลูกค้าต้องนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วันทำการ และสามารถตรวจสอบวันและเวลาการออกให้บริการของศูนย์บริการแต่ละแห่งได้ผ่านระบบนัดหมายของศูนย์บริการหรือติดต่อ GWM Contact Center โทร. 02-668-8888



4. บริการตรวจเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษานอกสถานที่ (Door-to-Door Mobile Service)

ลูกค้าสามารถขอรับบริการตรวจเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษานอกสถานที่ตามที่ลูกค้านัดหมาย โดยลูกค้าไม่ต้องนำรถยนต์เข้ามารับบริการที่ศูนย์บริการ ทั้งนี้ ลูกค้าต้องนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วันทำการ และสามารถตรวจสอบวันและเวลาการออกให้บริการของศูนย์บริการแต่ละแห่งได้ผ่านระบบนัดหมายของศูนย์บริการหรือติดต่อ GWM Contact Center โทร. 02-668-8888 ทั้งนี้ บริการนี้จะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป



สำหรับบริการรับและ/หรือส่งรถยนต์เพื่อรับบริการตรวจเช็กระยะ (Door-to-Door Pick-up and Delivery on Demand) และบริการตรวจเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษานอกสถานที่ (Door-to-Door Mobile Service) จะเป็นบริการหลังการขายที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งนี้ ลูกค้าแพ็กเกจ ULTRA DEAL และ PREMIERE DEAL จะได้รับสิทธิ
ในการใช้บริการดังกล่าวฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 4 ครั้ง สำหรับบริการรับและ/หรือส่งรถยนต์เพื่อรับบริการ
ตรวจเช็กระยะ และ 2 ครั้ง สำหรับบริการตรวจเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษานอกสถานที่ ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (เมื่อถึงกำหนดอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน) และสามารถดูรายละเอียดของบริการเพิ่มเติมได้ที่ https:// gwm.co.th/aftersales
#2933


เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ชวนคุณเที่ยวทิพย์ ลิ้มลองความอร่อยของเสน่ห์อาหารไทยสูตรต้นตำรับ ครบเครื่องครบรส ที่รวบรวมของดีของดังประจำจังหวัดจากทั่วประเทศไทย เต็มอิ่มกับ 7 เมนูเด็ดพิเศษ ที่ทีมเชฟคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากแหล่งท้องถิ่นขึ้นชื่อ นำมารังสรรค์เป็นเมนูความอร่อยให้ได้ลิ้มลอง

สำหรับ 7 เมนูเด็ดพิเศษ ได้แก่

- แกงส้มปูไข่ใบชะคราม จังหวัดสมุทรสงคราม (1,100 บาท)
- กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ จังหวัดสิงห์บุรี (990 บาท)
- เห็ดโคนดองน้ำปลา จังหวัดกาญจนบุรี (320 บาท)
- แกงหมูใบชะมวง จังหวัดจันทบุรี (280 บาท)
- ขนมจีนน้ำย้อย ต้มหมู จังหวัดแพร่ (250 บาท)
- น้ำพริกปลาร้าเห็นโคน จังหวัดอุบลราชธานี (220 บาท)
- โอ้เอ๋ว ลิ้นจี่ ฮันนี่เลมอน จังหวัดภูเก็ต (85 บาท)

เราพร้อมเสิร์ฟของอร่อยส่งตรงถึงหน้าบ้านหรือออฟฟิศ ไลน์สั่งอาหารล่วงหน้าได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 31 สิงหาคม 2564


เที่ยวทิพย์ ไปกับ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ เปิดรับออเดอร์ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30 - 18.30 น. สั่งอาหารเดลิเวอรีได้แล้วที่ LINE ID: @no43bistro หรือคลิกลิงค์ https://lin.ee/gzbCwQI

* เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า *
 
#2934


บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) ฝ่าวิกฤตโควิค-19 โชว์ผลงานครึ่งปีแรกรายได้รวมแตะระดับ 528 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 45.14 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2/2564 รายได้รวม 294.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% (QoQ) และกำไรสุทธิ 22.49 ล้านบาท รับอานิสงส์จากการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลมีงานทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้าน CEO "พูลพิพัฒน์ ตันธนสิน" ประกาศเดินเกมรุกธุรกิจในครึ่งปีหลังเร่งต่อจิ๊กซอว์การลงทุนด้านพลังงาน หม้อแปลงไฟฟ้า พร้อมศึกษาแผนการลงทุนใหม่ๆ ขยายฐานลูกค้าทั้งใน-ต่างประเทศ พร้อมส่งซิกจ่อคว้างานหม้อแปลงไฟฟ้าเข้าพอร์ตเพิ่ม 100 ล้านบาท ขณะที่ติดตั้งแผงโซลาร์ฟาร์มยังฉลุย หนุนทั้งปีรายได้แตะ 1,200 ล้านบาทตามแผน

บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิตจัดจำหน่ายและให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 2 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ว่า แม้ในขณะนี้ประเทศไทยยังต้องเผชิญสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง ทำให้แต่ละองค์กรต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่ง QTC ได้วางกลยุทธ์เชิงรุก โดยเจาะตลาดทั้งในธุรกิจการจำหน่ายและให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า และธุรกิจเทรดดิ้ง จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ให้แก่ LONGI Solar, Trina Solar การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter รวมไปถึงการจำหน่าย DE BUSDUCT ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งจากการวางกลยุทธ์ดังกล่าวภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแผนที่บริษัทฯ วางไว้ โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 294.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนนี้ (QoQ) ขณะที่กำไรสุทธิเท่ากับ 22.49 ล้านบาท ยังคงทรงตัวหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ (QoQ) ในขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม เท่ากับ 528.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 45.14 ล้านบาท

นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) เปิดเผยถึงปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องว่า มาจากการทำการตลาดแบบเชิงรุกในงานซ่อมบำรุงหม้อแปลงไฟฟ้า และยังมีการขยายตลาดในส่วนของธุรกิจการจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่อง

ส่งผลให้ในไตรมาสดังกล่าวบริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีการชะลอตัวด้านการลงทุนในโครงสร้างขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน แต่บริษัทฯ ยังมีออเดอร์การจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ สามารถคว้างานจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้อีกกว่า 123 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งสินค้าในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 นี้ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มียอดมูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นแตะระดับ 500 ล้านบาท

ส่วนภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2564 นั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ QTC ครบรอบ 25 ปี และย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ mai สู่การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจด้านพลังงานเพื่อสามารถต่อยอดธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการศึกษาแผนการลงทุนใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการขยายตลาดใหม่ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทฯ ในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เร่งเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ ASEAN และคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯ จะมีโอกาสคว้างานประมูลของการไฟฟ้าภูมิภาค เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100 ล้านบาท รวมถึงการบุกตลาดเพื่อลุยงานแผงโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องการของตลาดในขณะนี้ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ 1,200 ล้านบาท จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน
#2935


นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กนอ. ครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 มีมติอนุมัติโครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ภายใต้ชื่อนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานกับ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด พื้นที่โครงการอยู่ในตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ประมาณ 1,181 ไร่ มูลค่าการลงทุนโครงการ  4,856 ล้านบาท

โดยพื้นที่โครงการอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 44 กิโลเมตร ท่าเรือแหลมฉบัง ประมาณ 60 กิโลเมตร และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 119 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่และระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกและเปิดให้บริการได้ภายใน 2 ปี ทั้งนี้ เมื่อเปิดดำเนินการแล้วจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 33,200 ล้านบาท เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 8,300 คน

มุ่งเน้นรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงและสมัยใหม่ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้าประจุสูง รวมถึงกิจการอื่นที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ด้วย


โครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ตอบสนองต่อนโยบายการพัฒนาอีอีซีของรัฐบาล โดย กนอ. ได้รับมอบหมายให้จัดเตรียมพื้นที่รองรับนักลงทุน ซึ่ง กนอ.พิจารณาข้อเสนอของโครงการฯ แล้วเห็นว่าบริษัทฯมีความพร้อมในการพัฒนาโครงการฯ

รวมถึงโครงการฯ มีศักยภาพด้านทำเลที่ตั้ง มีเครือข่ายการคมนาคมที่มีศักยภาพเอื้อต่อการลงทุน คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

อีกทั้ง โครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ แบ่งเป็นพื้นที่ประกอบกิจการประมาณ 70% และเป็นพื้นที่สาธารณูปโภคและพื้นที่สีเขียวรวมประมาณ 30% โดยได้นำแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ การจัดให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการฯ การจัดสรรพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรม ไม่น้อยกว่า 10% และการนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วมาปรับปรุงคุณภาพ ก่อนนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ภายในโครงการ

ทั้งนี้ เมื่อเปิดดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ แล้ว คาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในประเทศอีกประมาณ 33,200 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 8,300 คน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ นอกจากนี้ โครงการฯมีความเป็นไปได้ทางการตลาดสูง เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่เป้าหมายคือ พื้นที่อีอีซี ที่ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดภายใต้มาตรการส่งเสริมของอีอีซี ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และปัจจุบันมีผู้ประกอบการผลิตอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่มีประจุสูง ยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์สำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้ความสนใจพื้นที่โครงการแล้ว โดยคาดว่าจะขายพื้นที่และให้เช่าพื้นที่ทั้งหมดได้ภายใน 4 ปี
#2936


นิตยสาร Forbes เลือก"โลกา" สตาร์ทอัพผู้ให้บริการแท็กซี่ผ่านแอพของลาว เข้าในทำเนียบ 100 บริษัทในเเอเชียที่ต้องจับตา เหตุสามารถสร้างรายได้เพิ่มแม้เจอวิกฤตโควิด-19

วันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์นิตยสาร Forbes ได้เผยแพร่ทำเนียบ 100 บริษัทในเอเซียที่ต้องจับตา โดย 1 ในนั้นมีบริษัทโลก้า ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพของลาว ติดอยู่ในรายชื่อดังกล่าวด้วย ถือเป็นธุรกิจขนาดย่อมแห่งแรก ของลาวที่ได้ขึ้นมาติดทำเนียบระดับโลก

ทำเนียบ 100 บริษัทที่ต้องจับตาจัดทำโดยทีมงาน Forbes เอเซีย โดยคัดเลือกจากกิจการขนาดย่อมและบริษัทสตาร์ทอัพกว่า 900 บริษัทในเอเซีย ที่มีผลประกอบการเติบโตขึ้นท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย Forbes จะตีพิมพ์รายละเอียดของบริษัททั้งหมดในทำเนียบนี้ลงในนิตยสาร Forbes ฉบับเดือนสิงหาคม 2564

เหตุผลที่ Forbes เลือกโลกาเข้ามาในทำเนียบ 100 บริษัทในเอเชียที่ต้องจับตา

บริษัทโลกาทำธุรกิจให้บริการแท็กซี่รับส่งผู้โดยสารโดยผ่านแอปพลิเคชั่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 โดยนายสุลิโย วงดาลา นักธุรกิจหนุ่มที่เติบโตมาจากสายเทคโนโลยี่และการสื่อสารในลาว ปัจจุบันโลกามีให้บริการอยู่ใน 3 แขวง คือนครหลวงเวียงจันทน์ หลวงพระบาง และจำปาสัก

เหตุผลที่ให้ Forbes เลือกโลกาเข้ามาอยู่ในทำเนียบนี้ เนื่องจากบริษัทสามารถปรับแผนการตลาดเพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-19 โดยตัดสินใจเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จากเดิมที่ให้บริการแก่นักนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลักในช่วง 2 ปีแรก มาให้บริการแก่คนลาว โดยใช้จุดขายเรื่องความสะดวกและปลอดภัย และให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

การตัดสินใจครั้งนั้น ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศในลาวจะหายไปทั้ง 100% จากโควิด-19 นอกจากนี้ รายได้ของโลก้ายังเพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงที่โควิด-19 ยังไม่ระบาด จากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่

ปัจจุบัน นอกจากให้บริการแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชั่นโดยมีรถให้บริการอยู่ประมาณ 500 คัน ใน 3 พื้นที่แล้ว โลกายังขยายกิจการออกไปอีกหลายแขนง ได้แก่ ธุรกิจโฆษณาเคลื่อนที่ โดยใช้รถแท็กซี่เป็นสื่อ ธุรกิจซื้อ-ขายสินค้าทางออนไลน์ ธุรกิจขนส่งสินค้า รวมถึงให้บริการรถรับส่งพนักงานแบบเหมาเป็นรายเดือนสำหรับองค์กร

ก่อนหน้านี้ ระหว่างวันที่ 8-9 ตุลาคม 2562 นายสุลิโย วงดาลา เคยนำโมเดลธุรกิจของโลกา มาร่วมแข่งขันในรายการ Mekong Innovative Startups in Tourism ในกรุงเทพ ซึ่งมีธุรกิจสตาร์ทอัพจากหลายประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเข้าร่วม โดยบริษัทโลกาได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1
#2937


อย่างที่รู้กันอยู่ว่าทุกวันนี้การสำรวจเรตติ้งในประเทศเรานั้น ที่ได้ยินกันบ่อยๆ และมักจะเอามาอ้างอิงในศึกชิงความเป็นหนึ่งในสมรภูมิหน้าจอทีวีนั้น มักจะอ้างอิงตัวเลขมาจาก "นีลเส็น (Nielsen)" บริษัทวัดเรตติ้งเพื่อการตลาด ซึ่งตัวเลขเหล่านั้นก็จะส่งผลให้เอเจนซี่สามารถนำไปตัดสินใจว่าจะเทเม็ดเงินโฆษณานั้นลงไปให้กับช่องใดบ้าง เพราะถ้าพูดถึงว่าเรตติ้งดีเท่าไหร่ งบโฆษณาในแต่ละไตรมาสก็จะเทมามากเท่านั้น จึงไม่แปลกใจว่าทำไมช่อง 7HD ถึงยืนหนึ่งในเรื่องเรตติ้ง

แต่หลังจากพฤติกรรมคนดูในบ้านเราได้เปลี่ยนไป แม้ทีวีจะยังเป็นสื่อหลักในการเข้าถึงทุกบ้าน แต่ "สื่อออนไลน์" ก็เติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นกัน เลยทำให้ผู้ชมบางส่วนดูผ่านออนไลน์ตามแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งก็มีให้เลือกสรรตามความชอบและความพึ่งพอใจของแต่ละบุคคล จึงทำให้หลายช่องก่อนหน้านี้ ลงทุนให้ "นีสเส็น" จัดตั้งโครงการวัดเรตติ้งทางออนไลน์ซึ่งไม่รวมกับการวัดเรตติ้งจากจอทีวี โดยเริ่มตั้งแต่ต้นปี 60 ซึ่งมีทีวีดิจิตอลช่องต่างๆ เข้าร่วมอาทิ ช่อง 7, เวิร์คพอยท์ ทีวี, ไทยรัฐทีวี, ช่อง 3

ล่าสุด "สมาคมทีวีดิจิตอล" ได้ยื่นเสนอโครงการขอสนับสนุนงบประมาณ 288.8 ล้านบาท จาก กสทช.ก็ผ่านการพิจารณาอนุมัติและเซ็นสัญญาบันทึกความเข้าใจร่วมกันแล้ว โดยมี "นีลเส็น (Nielsen)" เป็นผู้รับจ้างสมาคมฯ ทำการสำรวจแบบข้ามแพลตฟอร์ม (Cross Platform) เพื่อให้ได้ผลความนิยมทั้งจากการรับชมแบบเดิมผ่านหน้าจอทีวีและการรับชมแบบใหม่ผ่านจอออนไลน์ ในกรอบระยะเวลา 4 ปี โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป และแปลตามความเข้าใจแบบชาวบ้านง่ายๆ คือครั้งนี้จะเป็นการวัดเรตติ้งจากแพลตฟอร์มที่เป็นออนไลน์เกือบทั้งหมด เพราะนอกจากจะวัดผลจากหน้าจอทีวีแล้ว ในส่วนของหน้าจอออนไลน์ที่ออกอากาศแบบ streaming สดพร้อมกัน (ไม่นับการดูย้อนหลังแบบ VOD video on demand ) เพื่อรายงานผลเรตติ้งแบบ total rating เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการอีกด้วย โดยในครั้งนี้จะเป็นการวัดทุกช่อง ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งจะทำไปพร้อมๆ กันทั้งอุตสาหกรรมทีวีบ้านเรา

โดย "สุภาพ คลี่ขจาย" นายกสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล(ประเทศไทย) ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดของโครงการนี้ว่า "เป็นโครงการที่สมาคมฯ ผลักดันอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่าสองปี นับตั้งแต่มีประกาศตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 4/2562 (ม.44) ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของผลการสำรวจความนิยมของผู้ชมเป็นตัวแปรสำคัญในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาคุณภาพรายการของผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลซึ่งเป็นสื่อหลักของชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของสังคมที่เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้ชมทั้งผ่านจอทีวีและจอออนไลน์ โดยโจทย์สำคัญคือ จะทำอย่างไร ? ให้เกิดความน่าเชื่อถือ แม่นยำ และสามารถตรวจสอบความโปร่งใสในที่มาของกลุ่มตัวอย่างและระเบียบวิธีวิจัยในมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปพัฒนารูปแบบรายการ และมีเดียเอเจนซีผู้นำไปใช้ประโยชน์วางแผนในการซื้อสื่อโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งสาระสำคัญในการสำรวจความนิยมโทรทัศน์แบบใหม่นี้ จะขยายหน่วยตัวอย่างที่ใช้เป็นพื้นฐานพัฒนาเรตติ้งรายการ จากเดิม 9,000 ตัวอย่าง เป็น 13,000 ตัวอย่าง ควบคู่กับการพัฒนาโปรแกรมการสำรวจ (Software) ระบบใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การวัดความนิยมของรายการโทรทัศน์แบบข้ามแพลตฟอร์ม (Cross Platform) ทั้งจากหน้าจอทีวีภาคพื้นดินและหน้าจอของแพลตฟอร์มออนไลน์ การสำรวจความนิยมรายการโทรทัศน์แบบข้ามแพลตฟอร์มนี้ เป็นเทคโนโลยีระบบการวิจัยล่าสุดที่ นีลเส็น ได้พัฒนาและเริ่มใช้แล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นที่ยอมรับในหลายประเทศทั่วโลก ล่าสุดได้ทำการติดตั้งระบบที่ประเทศเดนมาร์ก และซาอุดิอาระเบีย ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะใช้ระบบการวัดทีวีเรตติ้งแบบใหม่นี้"

และการวัดเรตติ้งในครั้งนี้ทั้งทางหน้าจอทีวี และทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างนั้นๆ จะถือได้ว่าเป็นทางการ โดยตัวเลขที่ได้มานอกจากจะการันตีให้รายการในช่องต่างๆ แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้เอเจนซี่ใช้ไปประกอบการตัดสินใจในการซื้อโฆษณา โดยอาจจะซื้อโฆษณาแบบเป็นแพ็กเกจพร้อมกันทั้งหน้าจอทีวี แพลตฟอร์มออนไลน์ นี่ก็ถือได้ว่าจะทำให้เม็ดเงินในอุตสาหกรรมทีวีบ้านเราเติบโตคักคักอีกครั้ง หลังจากต้องเผชิญปัญหาโควิดอยู่ ณ ตอนนี้
#2938


เออร์ลิง ฮาแลนด์ สุดฮอต เหมาคนเดียว 2 ประตู บวกแอสซิสต์อีก 3 ลูก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ประเดิมซีซันใหม่สุดหรู เปิดบ้านไล่ต้อน ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ไปแบบขาดลอย 5-2

ศึกฟุต.บุนเดสลีกา เยอรมนี ฤดูกาล 2021/22 วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 เกมที่น่าสนใจ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ลงสนามเกมแรก เปิดบ้านรับการมาเยือนของ "อินทรีแดงดำ" ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต

"เสือเหลือง" ของกุนซือมาร์โก โรเซ ส่ง เออร์ลิง ฮาแลนด์ หัวหอกฟอร์มแรงลงเล่นเป็น 11 คนแรก ประสานงานเกมรุกร่วมกับ มาร์โก รอยส์ และตอร์กาน อาซาร์ ขณะที่ แฟรงค์เฟิร์ต นำทัพมาโดย ดาอิชิ คามาดะ, ราฟาเอล ซานโตส บอร์เร และ อายเมน บาร์ก๊อก

ปรากฏว่า เกมนี้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ออกสตาร์ทได้อย่างดุดัน นาทีที่ 23 ก็มาได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ จ่ายให้ มาร์โก รอยส์ ยิงผ่านมือนายทวารทีมเยือนเข้าไป

น.27 ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต มาตามตีเสมอ 1-1จากจังหวะที่แนวรับของทีมสกัด.กันไม่ดี ก่อนถูกทีมเยือนตัดไปได้ และจังหวะสุดท้ายเป็น เฟลิกซ์ พาสส์แลค สกัดเข้าประตูตัวเอง

อย่างไรก็ตาม "เสือเหลือง" มาได้ 2 ประตูรวด นำห่างเป็น 3-1 จากการยิงของ ตอร์กาน อาซาร์ น. 32 และเออร์ลิง ฮาแลนด์ น.34 ก่อนจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังแม้ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต จะโหมเกมบุกเพื่อทวงประตูคืนให้ได้ แต่กลายเป็น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่อาศัยจังหวะโต้กลับ และมาหนีห่างเป็น 4-1 ในนาทีที่ 58 จากจังหวะที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ จ่ายให้ จิโอวานนี เรย์นา ซัดจ่อๆ เข้าไป ถือเป็นแอสซิสต์ครั้งที่ 3 ของ ฮาแลนด์ ในเกมนี้

น.71 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาได้ประตูขยับเป็น 5-1 จากจังหวะสวนกลับ มาร์โก รอยส์ จ่ายให้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ หลุดกับดักล้ำหน้าตั้งแต่บริเวณกลางสนาม ก่อนหลุดเดี่ยวไปยิงผ่านมือ เควิน แทรปป์ ไม่เหลือ เป็นประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้

น.85 ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต มาได้ประตูตีตื่นไล่มาเป็น 2-5 จากจังหวะลูกเตะมุม รักนาร์ อาเช โหม่งเช็ดให้ เยนส์ เฮาเก ยิงเข้าไปง่ายๆ

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เปิดบ้านเอาชนะ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต 5-2 ประเดิมสามคะแนนในฤดูกาลนี้

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ : เกรกอร์ โคเบล (GK), เฟลิกซ์ พาสส์แลค, มานูเอล อาคานยี, อาเซล วิตเซล, นิโก ชูลซ์, มาห์มูด ดาฮูด์, จูด เบลลิงแฮม, จิโอวานนี เรย์นา, มาร์โก รอยส์, ตอร์กาน อาซาร์, เออร์ลิง ฮาแลนด์

ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต : เควิน แทรปป์ (GK), สเตฟาน อิลซานเคอร์, มาร์ติน ฮินเตเรกเกอร์, อีวาน เอ็นดิคคา, แดนนี ดา คอสตา, ฌิบริล โซว์, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, ฟิลิป คอสติก, ไดอิชิ คามาดะ, อายเมน บาร์ก๊อก, ราฟาเอล ซานโตส บอร์เร


ผลฟุต.บุนเดสลีกา เยอรมนี คู่อื่นๆ
อาร์มิเนีย บีเลเฟลด์ 0-0 ไฟร์บวร์ก
เอาก์สบวร์ก 0-4 ฮอฟเฟนไฮม์
สตุ๊ตการ์ต 5-1 กรอยเธอร์ เฟือธ
ยูนิโอน เบอร์ลิน 1-1 ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน
โวล์ฟบวร์ก 1-0 โบคุม
#2939


ทันตแพทย์ชำนาย ชนะภัย กรรมการผู้จัดการทางบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM แจ้งว่า ขณะนี้ทางโรงพยาบาลรามคำแหง ได้เข้าซื้อหุ้นของโรงพยาบาลธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือTHG เป็นจำนวน 177,013,044 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 20.85 % ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้วของ THG ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ1(ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ 6ส.ค.64) โดยมีรายละเอียดดังนี้


1. เป็นการทยอยซื้อในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ 7 ธันวาคม 2560 จนถึงปัจจุบัน

2. ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุน
2.1 เพื่อเป็นพันธมิตรกับทางธุรกิจโรงพยาบาล
2.2 บริษัทคาดว่าธุรกิจนี้จะให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผล สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาด


3. ไม่เป็นธุรกิจที่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกัน
RAM และ THG ได้เป็นพันธมิตรที่ดีช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจซึ่งกันและกันตลอดมา แม้ว่าจะประกอบกิจการอันมีสภาพอย่างเดียวกันแต่ไม่ใช่คู่แข่งกัน เนื่องจากทำแลที่ตั้งอยู่ห่างกัน และปัจจุบันไม่มีจังหวัดใดที่มีโรงพยาบาลในเครือที่มีการแข่งขันกันหรืออยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน

ส่วนในเขตกรุงเทพมหานคร THG มีโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ตั้งอยู่ที่ถนนบำรุงเมือง และ RAM มีโรงพยาบาลมเหสักข์ ตั้งอยู่ที่เขตบางรัก ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน แต่ทั้ง 2 แห่ง มีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน โดย

- โรงพยาบาลมเหสักข์ มีกลุ่มลูกค้าประกันสังคมเป็นส่วนใหญ่
- โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง มีกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่
อีกทั้ง THG และ RAM มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคที่แตกต่างกัน ซึ่ง THG มีความ
เชี่ยวชาญในการรักษาโรคที่ซับซ้อน และ RAM มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการต้นทุน เป็นต้น


ในอนาคตหาก RAM จะลงทุนหรือเข้าร่วมลงทุนในกิจการใด ๆ ก่อนลงทุน RAM ต้องศึกษา ความเป็นไปได้ในธุรกิจ (Feasibility Study) อย่างละเอียด ซึ่งต้องพิจารณาสถานที่ตั้ง กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และคู่แข่งในพื้นที่ เพื่อพิจารณาถึงความคุ้มค่าเหมาะสมในการลงทุน และจะไม่ลงทุนในพื้นที่ที่มีโรงพยาบาลในเครือ THG ตั้งอยู่ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย RAM จะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบต่อไป


โรงพยาบาลรามคำแหง ส่งกรรมการ 2 ท่าน เข้าไปเป็นกรรมการที่โรงพยาบาลธนบุรีคือ
1. นายแพทย์เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์
2. นางสาวฤกขจี กาญจนพิทักษ์
แต่เป็นกรรมการที่ไม่มีอำนาจลงนาม และไม่มีส่วนร่วมในการบริหาร

ด้าน THG แจง สัดส่วนการถือหุ้นใน THG โดยกลุ่มผู้ร่วมก่อตั้ง 3ครอบครัว จากข้อมูลปิดสมุดทะเบียน ณ วันที่6
สิงหาคม 2564 รวมกันแล้วเป็นจํานวน 260,307,914 หุ้น คิดเป็ นร้อยละ30.66ของจํานวนหุ้นที่จําหน่ายและชําระ
แล้วทั้งหมดของ THG ซึ่งยังมีสัดส่วนที่มากกว่า RAM ทําให้จํานวนเสียงในที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมากกว่า
โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) ครอบครัววนาสิน จํานวน 161,486,344 หุ้น คิดเป็ นร้อยละ 19.02โดยมีกรรมการ 2 ท่าน ได้แก่
นายแพทย์บุญ วนาสิน และนางสาวนลิน วนาสิน
2) ครอบครัวอุนนะนันทน์ จํานวน 60,741,770 หุ้น คิดเป็ นร้อยละ 7.15 โดยมีกรรมการ 1 ท่าน คือ
นายแพทย์อาศิส อุนนะนันทน์ และ
3) ครอบครัวเมฆสวรรค์จํานวน 38,079,800 หุ้น คิดเป็ นร้อยละ 4.48 โดยมีกรรมการ 1 ท่าน คือ นายศิธา
เมฆสวรรค์

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกของTHG (ข้อมูลณ 15 มี.ค. 2564)

1.บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน)ถือหุ้นจำนวน145,971,739 หุ้น หรือ  17.19%

2.นาง จารุวรรณ วนาสิน  ถือหุ้นจำนวน 118,489,119 หุ้น หรือ13.96%

3.นายแพทย์ อำนวย อุนนะนันทน์ ถือหุ้นจำนวน 43,882,670หุ้น หรือ 5.17%

4.นาย อาษา เมฆสวรรค์ ถือหุ้นจำนวน 29,794,737 หุ้น หรือ 3.51%

5.นาง ณวรา วนาสิน ถือหุ้นจำนวน 28,720,363 หุ้น หรือ3.38%

6.นาย เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ ถือหุ้นจำนวน 18,259,500 หุ้น หรือ 2.15%

7.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้นจำนวน 15,147,902 หุ้น หรือ 1.78%

8.Global Health Investment Co., Ltd. ถือหุ้นจำนวน 11,413,340 หุ้น หรือ1.34%

9.บริษัท เอฟแอนด์เอส 79 จำกัด ถือหุ้นจำนวน 8,695,656 หุ้นหรือ 1.02%

10.นาย ศิธา เมฆสวรรค์ ถือหุ้นจำนวน 8,415,063 หุ้น หรือ 0.99%
#2940


รายงานจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า จากสถิติโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" เปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมาท่องเที่ยวภายใน จ.ภูเก็ต แบบไม่กักตัว พบว่ามีนักท่องเที่ยวสะสม 44 วันแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-13 ส.ค.2564 จำนวน 20,253 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 20,195 คน รอผลตรวจ 1 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อ 57 คน

และเมื่อดูเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์วานนี้ (13 ส.ค.) มีจำนวน 634 คน จากจำนวนเที่ยวบิน 6 เที่ยวบิน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 633 คน รอผลตรวจ 1 คน

ด้านยอดจองห้องพักโรงแรมในภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ พบว่าในช่วงไตรมาส 3 ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.นี้ มีจำนวน 376,921 คืน แบ่งเป็นเดือน ก.ค. 190,843 คืน เดือน ส.ค. 157,729 คืน และเดือน ก.ย. 28,349 คืน และเมื่อรวมกับยอดจองโรงแรมฯในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่น 2564/2565 ตั้งแต่เดือน ต.ค.2564-ก.พ.2565 อีกจำนวน 11,829 คืน รวมมียอดจองโรงแรมฯตั้งแต่เดือน ก.ค.2564-ก.พ.2565 ที่จำนวน 388,750 คืน