• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - PostDD

#2661


"ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) NDR เผยรายได้ Q2/64 อยู่ที่ 202.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังยอดขายเพิ่ม-คุมต้นทุนดี

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) NDR ผู้ผลิตและจำหน่ายยางในและยางนอกรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ N.D.Rubber กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 202.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 158.06 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.86 ล้านบาท

โดยสาเหตุที่ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากยอดขายในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนขายในไตรมาส 2/2564 ขยับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาด ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการบริหารจัดการเพื่อรักษาสมดุลระหว่างราคาและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถรักษาผลประกอบการให้อยู่ในระดับดีได้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงจับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาวัตถุดิบอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับตัวให้ทันกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

"แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 2/2564 และเริ่มมีการปิดประเทศของประเทศกัมพูชา สปป. ลาว และประเทศมาเลเซีย ในช่วงปลายไตรมาส 2/2564 รวมถึงมีการปิดกิจการหลายประเภทในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงสามารถรักษายอดขายไว้ได้ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2564 ที่ทำได้ 200.91 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน" นายชัยสิทธิ์ กล่าว
#2662


ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้ดำเนินจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 (เมษายน-มิถุนายน 2564) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 66.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.84% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 31 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการ 329.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 177.45 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ต้องเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบจากสถานการณ์ดังกล่าว

สำหรับผลกระทบทางบวก คือ เกิดความต้องการสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการบริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์จากบุคคลทั่วไปและบริษัทเอกชนจำนวนมาก รวมถึงโรงพยาบาลเอกชนเกิดการลงทุนเพิ่มจำนวนเตียง ICU และ Semi-ICU เพื่อรองรับผู้ป่วย COVID-19 ที่มีจำนวนมากขึ้น ทำให้สัดส่วนรายได้จากลูกค้าภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเป็น 34.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 27.71% โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นที่นิยมยังคงอยู่ในกลุ่มเวชบำบัดวิกฤต และกลุ่มการช่วยหายใจและเวชศาสตร์การนอนหลับ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการรักษาโรคโควิด-19 ขณะที่ผลกระทบทางลบทำให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการพิจารณาใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง การทำสัญญา และการส่งมอบสินค้า รวมถึงการประสานงาน เนื่องจากลูกค้าและหน่วยงานต่างๆ มีมาตรการ Work From Home เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2564) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 485.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 289.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 28.8 ล้านบาท ปัจจัยหลักของผลการดำเนินงานที่ดีและมีอัตรากำไรสูงขึ้นเป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากการขาย หลังจากที่บริษัทฯ ส่งมอบสินค้าได้ตามเป้าหมาย ประกอบกับสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น แม้ได้รับแรงกดดันจากค่าปรับจากการส่งมอบสินค้าล่าช้า และรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเล็กน้อย

ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้หลักจากกลุ่มสินค้าด้านเวชบำบัดวิกฤต คิดเป็นสัดส่วน 41.82% กลุ่มสินค้าด้านการช่วยหายใจและเวชศาสตร์การนอนหลับ 37.955% กลุ่มสินค้าด้านหทัยวิทยา 10.89% กลุ่มเครื่องมือแพทย์ทั่วไป 3.55% กลุ่มสินค้าสมาร์ทฮอสพิทอล 4.88% และกลุ่มอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน 0.91% ซึ่งมีฐานลูกค้าหลัก คือ กลุ่มโรงพยาบาลรัฐคิดเป็น 66.75% เนื่องจากภาครัฐได้จัดสรรงบประมาณเพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่มีความจำเป็นต่อการรักษาโรค COVID-19

ล่าสุด SMD ได้นำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินจำนวน 60.00 ล้านบาท ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลง รวมถึงอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือ 0.60 เท่า

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMD กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มั่นใจรายได้ปี 2564 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ 661.19 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 300 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้กว่า 95% ของมูลค่างานทั้งหมด ประกอบกับแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ SMD เป็นตัวแทนจำหน่ายยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและมีผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้น ทำให้เครื่องมืออุปกรณ์ช่วยการหายใจและการช่วยชีวิตมีความจำเป็นอย่างมาก โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ เตรียมพร้อมเข้าร่วมประมูลงานเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ เพื่อช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตตามเป้าหมาย
#2663


นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสที่ 2/2564 ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 7.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดยเศรษฐกิจไทยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของการลงทุนรวม 8.1% ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการขยายตัว 27.5% สาขาอุตสาหกรรมขยายตัว  16.8% สาขาขนส่งขยายตัว 11.6% 

ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกขยายตัวได้ 2% โดยส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวในภาคการส่งออก  การให้การบริการด้านอาหาร ขณะที่การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวโดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 1.5 แสนคน จากประมาณการเดิม 5 แสนคน 

 "เศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่มีโมเมนตั้มของบางส่วนของการผลิตและกิจกรรมาทางเศรษฐกิจที่ลดลง ตั้งแต่การระบาดของโควิดที่รุนแรงขึ้นตั้งเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา" นายดนุชากล่าว


นอกจากนี้ สศช.ยังปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยทั้งปีในปีนี้ลงจากเดิมคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 1.5 - 2.5% เหลือ  0.7 - 1.2 % เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีความรุนแรงขึ้นในขณะนี้ 

โดยคาดว่าเดือน ก.ย.จะเริ่มมีผู้ติดเชื้อลดลงหลังจากที่เดือน ส.ค.มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงสุด และเริ่มมีการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี รวมทั้งสามารถที่จะไม่มีการระบาดที่รุนแรงเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ฐานการผลิต รวมทั้งการกระจายวัคซีนได้ 85 ล้านโดสในปี 2564

สำหรับคาดการณ์แนวโน้มทางเศรษฐกิจในปี 2564  ณ วันการแถลงในวันที่ 16 ส.ค.ที่สำคัญได้แก่ การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 1.1%  การบริโภคภาครัฐขยายตัวได้ 4.3% การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.7% การลงทุนภาครัฐลดลงเหลือ 8.7% ขณะที่การส่งออก สศช.คาดว่าจะขยายตัวได้ 16.3% 


สศช.ยังเสนอแนะประเด็นบริหารเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2564 7 ประเด็นสำคัญในการบริหารเศรษฐกิจมหภาคได้แก่ 

1.การควบคุมสถานการณ์การระบาดให้อยู่ในวงจำกัด รวมทั้งการเร่งรัดจัดหาและการกระจายวัคซีนอย่างเพียงพอและทั่วถึง

2.การช่วยเหลือเยียวยาประชาชน แรงงาน และภาคธุรกิจในช่วงที่การระบาดของโรคมีความรุนแรงและมีการดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวด  ควบคู่ไปกับการปรับมาตรการและดำเนินมาตรการเพิ่มเติมอย่างเหมาะสม เข้าถึงเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับการระบาดที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น การพิจารณามาตรการช่วยเหลือ
ภาคแรงงานผ่านมาตรการรักษาระดับการจ้างงาน ควบคู่ไปกับการพิจารณามาตรการสร้างงานใหม่
และมาตรการพัฒนาทักษะแรงงาน และมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมในลักษณะเฉพาะเจาะจงให้กับผู้ประกอบการธุรกิจในสาขาที่ได้รับผลกระทบรุนแรง

3.การดำเนินมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเมื่อสถานการณ์การระบาดผ่อนคลายลง โดยให้ความสำคัญกับมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวของการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวภายในประเทศ 

4.การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า ควบคุมการแพร่ระบาดในฐานการผลิตที่สำคัญ การเร่งรัดแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อจำกัดและอุปสรรคในการขนส่งสินค้า การแก้ไขปัญหาการขาดแรงงานต่างชาติในภาคการผลิต การขับเคลื่อนการส่งออกไปยังตลาดหลักที่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน และการสร้างตลาดใหม่ให้กับสินค้าที่มีศักยภาพ การเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาและเตรียมศึกษาเพื่อเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญใหม่ ๆ

5.การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ

6.การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน  และ 7.การรักษาบรรยากาศทางการเมืองและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
#2664


นางสาวนฤมล อาภรณ์ธนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารอาคารที่พักอาศัย บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพลัสฯ ได้มีมาตรการที่ครอบคลุมทุกมิติด้านการดูแลและป้องกันโควิด-19 ในโครงการที่อยู่อาศัยกว่า 85,000 ครัวเรือน มีการตั้งการ์ดเชิงรุก และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสม มีประสิทธิภาพ อย่างทันท่วงทีในทุกสถานการณ์ สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีในส่วนของการดูแลรักษาตัวเองที่บ้าน (Home Isolation) พลัสฯ ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือดูแลและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มกำลัง ในกรณีที่มีลูกบ้านที่ติดเชื้อระดับสีเขียวและประสงค์ที่จะกักตัวและรักษาตัวแบบโฮม ไอโซเลชั่น เพื่อช่วยลดปัญหาการขาดแคลนเตียงสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก

พลัสฯ จึงได้เพิ่มการดูแลช่วง โฮม ไอโซเลชั่นผ่าน 4 มาตรการหลัก – ตรวจสอบ, ติดตาม, ประสานงาน, ดูแล ดังนี้ 1.ตรวจสอบ สรุปจำนวนและข้อมูลผู้ติดเชื้อในโครงการ รวมทั้งขอเบอร์ติดต่อญาติหรือผู้ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน เตรียมพร้อมเบอร์ติดต่อโรงพยาบาลที่ดูแลลูกบ้านผู้ป่วยแบบ โฮม ไอโซเลชั่น2.ติดตาม โดยทีมนิติบุคคลมีการโทรหาลูกบ้านหรือติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่นในทุก ๆ วัน เพื่อสอบถามอัพเดตอาการ

3.ประสานงาน ช่วยประสานติดต่อสถานพยาบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีลูกบ้านที่เป็นผู้ป่วยมีอาการทรุด รวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกด้านการใช้ชีวิตในเรื่องต่าง ๆ ในระหว่างการ โฮม ไอโซเลชั่นและ 4.ดูแล ด้านการช่วยรับอาหาร พัสดุ และของใช้จำเป็นของลูกบ้าน และนำไปส่งถึงหน้าห้องพัก และมีการทำความสะอาดเข้มข้นในบริเวณโถงทางเดินในชั้นดังกล่าว มีตารางการเก็บขยะถึงหน้าห้องพัก รวมทั้งมีการมอบน้ำเปล่า และเตรียมจัดหาฟ้าทะลายโจรให้ลูกบ้านที่รักษาแบบโฮม ไอโซเลชั่นอีกด้วย

นอกจากนี้ยังตั้งการ์ดเชิงรุกและยังคงเข้มข้นมาตรการดูแลป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในโครงการอย่างเคร่งครัด มีการตรวจคัดกรองก่อนเข้าพื้นที่โครงการ ทำความสะอาดและพ่นฆ่าเชื้อในโครงการ มีมาตรการเคลื่อนย้ายส่งตัวผู้ป่วย มีการอัพเดตข่าวสารสถานการณ์โควิด-19 ผ่านป้ายประกาศและโฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชั่น รวมทั้งมีการให้ข้อมูลและเบอร์ติดต่อแนะนำสถานพยาบาลและ Hospitel ใกล้เคียง รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมพิเศษ เช่น กิจกรรม LIVE พูดคุยกับนักจิตบำบัดลดความกังวลใจช่วงโควิด หรือการแบ่งปันผักผลไม้และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากวัตถุดิบในสวนโครงการ นอกจากนี้พลัสฯ ยังมีการปลูกพืชสมุนไพรอย่างฟ้าทะลายโจรและกระชายในกว่า 230 โครงการอีกด้วย เพื่อเตรียมนำไปแปรรูปและแจกจ่ายให้ลูกบ้านในอนาคต

"พลัสฯ พร้อมเดินหน้าสนับสนุนโครงการ No One Left Behind #แสนสิริไม่ทอดทิ้งใคร โดยร่วมมือกับแสนสิริในการให้ความช่วยเหลือและดูแลทุกครอบครัวในโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งพนักงานพลัสฯ ทุกคนอยู่ในกลุ่ม Vaccinated ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 100% เรียบร้อยแล้ว จึงมีความพร้อมในการดูแลให้ความช่วยเหลือลูกบ้าน ล่าสุดเรามีการนำฟ้าทะลายโจรมาแบ่งปันมอบให้ลูกบ้านที่เป็นผู้ป่วยโฮม ไอโซเลชั่นในโครงการ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราได้มาจากการอุดหนุนเกษตรกร ช่วยสนับสนุนกระจายรายได้ให้ผู้ค้าขายรายย่อยเพื่อดูแลทุกคนในโครงการที่อยู่อาศัยของเราให้เป็นคอมมูนิตี้ที่ปลอดภัย และจะต้องรอดไปด้วยกัน" นางสาวนฤมล กล่าว
#2665


บมจ. ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น แจ้งผลงานไตรมาส 2/64 กำไรสุทธิ 220.6ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 35.5 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.4% จากไตรมาสที่แล้ว โดยไตรมาสนี้มีรายได้รวม 858.3 ล้านบาท บริษัทฯ สร้างยอดขายประกันภัยได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทุกช่องทาง และยังมีรายได้จากประกันโควิดที่เติบโตตามความต้องการของตลาด เบี้ยประกันภัย COVID-19 ทำได้เกือบ 700 ล้านบาท มั่นใจปีนี้ทำยอดขายได้ตามเป้า 25,000 ล้านบาท ยังคงเดินหน้าบุกผลิตภัณฑ์ประกันออนไลน์เต็มรูปแบบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการประกันของผู้บริโภคในทุกมิติ พร้อมเปิดตัว Innovative ในการเลือกซื้อประกันภัยบ้านเร็วๆ นี้


ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ผู้นำด้านที่ปรึกษาประกันภัยและการเงิน เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 ว่า บริษัท ฯ มีกำไรสุทธิ 220.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีรายได้รวม 858.3 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้ค่าบริการ จำนวน 835.7 ล้านบาท บริษัทฯ สร้างยอดขายประกันภัยได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทุกช่องทาง และยังมีรายได้จากประกันโควิดทั้งจากการต่ออายุและที่เติบโตตามความต้องการของตลาดที่ในไตรมาสนี้มีความตื่นตัวของการทำประกันภัยโควิดในวงกว้าง เบี้ยประกันภัยโควิด ทำได้เกือบ 700 ล้านบาท โดยช่องทางหลักยังเป็นช่องทางออนไลน์ ทำให้บริษัทมีฐานลูกค้าสะสมกว่า 2 ล้านราย

ขณะเดียวกัน บริษัท ฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการคิดเป็น 45.7% ของรายได้รวม หรือลดลง 2.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 48.4.% ของรายได้รวม ส่งผลให้บริษัท ฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ได้ในระดับสูงที่ 53.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 188 ล้านบาท คิดเป็น 21.9% ของรายได้รวม

ดร.อัญชลิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มการเติบโตในครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าสามารถปิดยอดขายตามเป้า 25,000 ล้านบาท ทั้งนี้มั่นใจว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากโควิด แต่ประกันภัยยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภค เพราะเมื่อเกิดเหตุประกันจะมาช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคได้ ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็เห็นความสำคัญของประกันสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการตื่นตัวในการทำประกันโควิดซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่ผู้บริโภคสัมผัสได้จริงว่าประกันสามารถช่วยแบ่งเบาภาระได้

ขณะเดียวกันบริษัท ฯ ยังคงเดินหน้าบุกผลิตภัณฑ์ประกันออนไลน์เต็มรูปแบบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการประกันของผู้บริโภคในทุกมิติ ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันให้เหมาะสมกับ Lifestyle ของผู้บริโภค และครอบคลุมได้ทุก Segment เต็มรูปแบบ โดยบริษัทพร้อมเปิดตัว Innovative ในการเลือกซื้อประกันภัยบ้านเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ช่องทางเทเลที่ทางหลักของบริษัทก็ได้มีการวางระบบการทำงานแบบ Work from home ไว้รองรับตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้สามารถขายประกันได้ไม่หยุดชะงัก รวมทั้งงานบริการก็ยังสามารถให้บริการลูกค้าได้เต็มรูปแบบ ขณะที่ช่องทางออนไลน์บริษัทมีฐานลูกค้ากว่า 2 ล้านราย ซึ่งบริษัทสามารถต่อยอดจากฐานลูกค้าได้ โดยเฉพาะประกันสุขภาพที่เป็นผู้บริโภคให้ความสนใจกันมากยิ่งขึ้น ดร.อัญชลิน กล่าว
#2666


ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ ได้เปิดบริการใหม่ เซ็นทรัล คิทเช่น (Central Kitchen) ส่งความอิ่มอร่อยจากเซ็นทรัลสู่บ้านคุณ สะดวก สะอาด ดี ครบ จบในที่เดียว อำนวยความสะดวกให้กับคนไทยได้อิ่มอร่อยกับเมนูอาหารจากร้านดังระดับโลกกว่า 2,000 เมนู รวมทั้งร้านมิชลินสตาร์ มิชลินไกด์ และร้านอร่อยแห่งเดียวในไทย พร้อมเสิร์ฟถึงบ้านแบบไม่ต้องต่อคิว ตอกย้ำการเป็น Food destination

ไม่ว่าจะสั่งอยู่ที่บ้าน หรือแวะสั่งที่เคาน์เตอร์ Central Kitchen ข้างซูเปอร์มาร์เก็ตที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทั้ง 21 สาขา ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี ระยอง โคราช และหาดใหญ่  เพียง Add Line OA หรือโทรตรงที่สาขาใกล้บ้าน  คลิก https://www.centralplaza.co.th/CentralKitchen/

"เซ็นทรัลพัฒนา ไม่หยุดนิ่งพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้า และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ซึ่งบริการใหม่ล่าสุด 'Central Kitchen' นี้ จะเป็นจุดศูนย์กลางการให้บริการผ่านช่องทางการสั่ง ที่ง่ายและสะดวกกว่า ทั้งแบบโทรตรงหรือ Add LINE OA สาขาใกล้บ้าน คลิกเลือกเมนูที่ชอบ และรอรับอาหารที่บ้าน ทางร้านมีบริการเรียกไรเดอร์ส่งให้ หรือจะแวะมาสั่งที่เคาน์เตอร์ Central Kitchen ก่อนเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต เสร็จแล้วออกมารับได้เลยด้วยบริการแบบ Touchless experiences"  

ทั้งนี้ Central Kitchen รวบรวมร้านดังตั้งแต่ Street food อร่อยทานง่ายจานเดียวจบ ชาบู ปิ้งย่าง ชานมไข่มุก ไปจนถึงร้านที่มาเปิดแห่งแรกในไทย และร้านดังระดับโลก การันตีด้วยมิชลินสตาร์ และมิชลินไกด์ รวมแล้วกว่า 1,000 ร้าน 2,000 เมนู  อาทิ Kam' Roast ห่านย่างชื่อดังระดับตำนาน  มิชลินสตาร์ 7 ปีซ้อน, Song Fa บักกุ๊ดเต๋ระดับ Michelin Guide Singapore สาขาแรกในไทย, Din Tai Fung อาหารจีนระดับมิชลินสตาร์สไตล์ไต้หวัน ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก, TP Tea ชานมไข่มุกเจ้าแรกของโลก และ The Coffee Academics คอฟฟี่เฮ้าส์แบรนด์ดังจากฮ่องกง หนึ่งในร้านกาแฟที่ดีที่สุดในโลก, % Arabica ร้านกาแฟชื่อดังจากเกียวโต

ยังมีเมนูเด็ดจากร้านดังมากมายในศูนย์ฯ อาทิ Haidilao หม่าล่าหม้อไฟชื่อดัง, Sushiro ร้านซูชิสายพานอันดับ 1จากญี่ปุ่น, La Meow หม่าล่าชื่อดังสูตรเมืองจีนมณฑลหูหนานแท้ , Seoga & Cook, แหลมเจริญซีฟู้ด, SUSHI DEN, SIZZLER, Spaghetti Factory, OOTOYA, MOMO PARADISE, SUSHI HIRO, PEPPER LUNCH, SUBWAY, CHUAN KITCHEN  Jones' SALAD, คำพูน, ลาวญวน, เพลินพุง, ตำตำ,  คัตสึยะ, ร้านของหวานร้านดัง อร่อยเด็ด ที่ต้องโดน อาทิ, Peak Chocolate , S&P, mx cake & bakery,  Paul Bakery, ERIC  KAYSER, Haagen-Dazs, Cheevit Cheeva, Swensen's, Cold Stone,  Krispy Kreme , Koomi, Kyo Roll En, Olino , Toku Dessert, Mom & Sis , KYO ROLL EN , BAIMIANG ดื่มด่ำความสดชื่นจากร้านชาไข่มุก และคาเฟ่ร้านดังยอดนิยม  อาทิ host & AMBER, GAGA, LOUISA COFFEE, KOI Thé  และอื่นๆอีกมาก รวมถึงร้านอร่อยใน FOOD PARK  

มั่นใจมาตรฐานสะอาด ปลอดภัย "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ x 2"

พร้อมกันนี้ เซ็นทรัลพัฒนา คุมเข้ม มาตรการ อย่างเต็มที่ ทั้งพนักงาน พื้นที่ส่วนกลาง และร้านค้า อาทิ จัดเส้นทางเข้าออกชัดเจน และกำหนดจุดคัดกรองพนักงานเข้มงวดก่อนการปฏิบัติงานทุกวัน, คุมเข้ม 100% Social distancing งดความแออัด, ติดตาม Timeline ของพนักงานทุกวัน, พนักงานต้องสวมอุปกรณ์ป้องกัน 2 ชั้น Double Protection ใส่หน้ากาก 2 ชั้น หรือหน้ากากและ Face shield, รวมถึงมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ในทุกขั้นตอน และ Big Cleaning ทุกวันเป็นประจำ

สำหรับบริการ Delivery พนักงานไรเดอร์ทุกคนต้องผ่านการคัดกรองและประเมิณตนเองผ่าน Thai Stop Covid,  การใช้เจลแอลกฮอล์ฆ่าเชื้อที่ถุงมือและมือก่อน-หลังการรับส่งอาหาร, การจัดพื้นที่เป็นสัดส่วนในการนั่งรอแบบเว้นระยะห่าง และงดการรวมกลุ่มพูดคุยระหว่างรออาหาร เป็นต้น เพื่อความมั่นใจในการใช้บริการของลูกค้าทุกคน

พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแล้ววันนี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่  เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา บางนา, ปิ่นเกล้า, ลาดพร้าว, มหาชัย, แกรนด์ พระราม 9, พระราม 3, พระราม 2, เวสต์เกต, แจ้งวัฒนะ, รัตนาธิเบศร์, รามอินทรา, ศาลายา, ระยอง, ชลบุรี, นครราชสีมา, เซ็นทรัล มารีนา, เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช, อีสต์วิลล์, หาดใหญ่ และเซ็นทรัล วิลเลจ
#2667


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบในเช้าวันนี้ เนื่องจากยังคงมีแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และความเคลื่อนไหวจากการที่รัฐบาลจีนยกระดับการใช้มาตรการควบคุมการลงทุนในหลายภาคธุรกิจ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.)

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,514.47 จุด ลดลง 10.27 จุด หรือ -0.29% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,296.19 จุด ลดลง 221.63 จุด หรือ -0.84% ขณะที่ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,038.96 จุด เพิ่มขึ้น 23.94 จุด หรือ +0.09%

ตลาดภูมิภาคยังคงเผชิญแรงกดดันจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดในขณะนี้ โดยทางการจีนได้สั่งล็อกดาวน์พื้นที่บางส่วนของท่าเรือหนิงโป-โจวซาน (Ningbo-Zhoushan Port) ซึ่งเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก หลังพบพนักงานติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อซัปพลายเชน และการค้าทั่วโลก

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาความเคลื่อนไหว หลังรัฐบาลจีนเพิ่มความเข้มงวดในการเข้าควบคุมภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยล่าสุดมีรายงานว่า จีนได้สั่งระงับกองทุนไพรเวท อีควิตี้ในการระดมทุนเพื่อเข้าลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย
#2668


ทันทีที่ผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ตัวเลขพุ่งกระฉูด รัฐประกาศ "ล็อกดาวน์" เต็มรูปแบบในพื้นที่สีแดงเข้ม ส่งผลให้ประชาชนแห่ซื้อสินค้าจำเป็น บะหมี่ฯ น้ำดื่ม น้ำอัดลม สินค้าดูแลสุขอนามัย ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ฯ ถูกตุนไว้มากขึ้น ผู้บริโภคหวังลดความถี่ออกนอกบ้าน ช่วยหยุดเชื้อเพื่อชาติ "มาม่า" ย้ำ 3 ส่วน ทำสินค้า "ขาดตลาด" เซเว่นอีเลฟเว่น ข้าวของจำเป็นเกลี้ยงเชลฟ์ "ไลอ้อนฯ" ยันกำลังผลิตเพียงพอ "อ้วยอันโอสถ" ป้อนฟ้าทะลายโจรไม่ทัน "ล็อกซเล่ย์" ชี้น้ำมันพืชแบบขวดขายดีมาก  "น้ำดื่มสิงห์" เร่งกระจายสินค้าให้ทันความต้องการ 

นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการสำนักกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ฯ เปิดเผยว่า สถานการณ์สินคาอุปโภคบริโภคที่จำเป็นกำลังขาดตลาดเป็นบางช่วงบางเวลาเกิดจาก 3 ปัจจัย 1.ด้านปริมาณการผลิตหรือซัพพลายจากโรงงาน ซึ่งขณะนี้การแพร่ระบาดของโรโควิด-19 ส่งผลให้ในส่วนของผู้ผลิตต้องระมัดระวังการดูแลด้านสุขอนามัยของพนักงานมากขึ้น หากมีพนักงานออกจะไม่รับใหม่เพราะกังวลจะมีผู้ติดเชื้อเข้ามา 

นอกจากนี้ หากรับคนเข้าทำงานจะต้องตรวจหาเชื้อโควิดและใช้เวลา 7 วัน เพื่อรอผลที่ชัดเจน หรือหากโรงงานใดพบญาติมีการติดเชื้อไวรัสจะแจ้งให้พนักงานหยุดงานทันที ปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อการผลิตสินค้า ทำให้ไม่สามารถใช้กำลังการผลิตได้ 100% 

2.ด้านความต้องการของผู้บริโภคหรือดีมานด์ ต้องยอมรับว่าหลังจากรัฐประกาศมาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ ทำให้การซื้อสินค้ามีปริมาณมากขึ้น แต่ไม่ใช่การตื่นตระหนกซื้อเหมือนการล็อกดาวน์ในครั้งแรกเมื่อปี 2563 ขณะเดียวกันตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูง ทำให้ประชาชนซื้อสินค้าไว้ตุนไว้ เพื่อลดความเสี่ยง ความถี่ในการออกจากบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด 

อย่างไรก็ตาม เมื่อสินค้าบางรายการ บางแบรนด์หายไปจากชั้นวางหรือเชลฟ์ เป็นปกติที่พฤติกรรมผู้บริโภคจะหันไปซื้ออีกแบรนด์ 


นอกจากนี้ ความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น ยังเกิดจากทุกภาคส่วนมีการซื้อสินค้าจำเป็นพื่อบริจาคให้กับผู้ป่วย หรือศูนย์ผู้ป่วย พักคอย หน่วยงานต่างๆมากขึ้น ซึ่งแต่ละครั้งเป็นการซื้อสินค้าในปริมาณค่อนข้างมาก เป็นต้น  

"ภาวะสินค้าขาดตลาดครั้งนี้ โรงงานผู้ผลิตมีการระมัดระวังด้านสุขอนามัยของพนักงานมากขึ้น จึงอาจส่งผลต่อการผลิต มีการผลิตน้อยลงบ้าง เช่น บริษัทที่ผ่านมาโรงงานบะหมี่ฯเส้นขาว ที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หยุดการผลิตไปราว 2 สัปดาห์ กระทบกำลังการผลิตบะหมี่หึ่งสำเร็จรูปโดยรวมหายไป 2.5% เท่านั้น เพราะเส้นขาวคิดเป็นสัดส่วน 10% ของกำลังการผลิตทั้งหมด แต่บะหมี่ฯเส้นเหลืองมาม่าไม่หยุดผลิต"  

ส่วนที่ 3 ด้านการขนส่งและกระจายสินค้า มีการสะดุดไปบ้าง เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส แต่ไม่ถึงกับเกิดภาวะ "ช็อต" ทั้งนี้ หากสินค้าผลิตและส่งจากโรงงานจะมีการเติมไปยังร้านค้าต่างๆตลอดเวลา หากวันรุ่งขึ้นไม่มีการเติมสินค้า นั่นเกิดจากโรงงานผลิตได้รับกระทบ อย่างไรก็ตาม บริษัทไทยเพรซิเดนท์ฯ มีการส่งบะหมี่ฯ ไปยังศูนย์กระจายสินค้าของพันธมิตรห้างค้าปลีกต่างๆ จากนั้นทางห้างจะเป็นผู้กระจายไปยังสาขาต่างๆเอง 


อย่างไรก็ตาม การเติมสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค และเข้าสู่ภาวะปกติ อาจใช้เวลาอีกระยะ หรือราวเดือนกันยายนนี้ ดังนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องระวังคือกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง จะส่งผลปรมาณการสต๊อก และกำลังผลิตสินค้าอีกระลอก

"ยืนยันว่าการขาดแคลนสินค้าบนเชลฟ์ไม่ได้เกิดจากความตระหนกซื้อ และไม่เหมือนกับเหตุการณ์น้ำท่วม และคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติเดือนหน้า" 

นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มการตลาดแบรนด์ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ในส่วนการผลิตน้ำดื่มสิงห์ ขณะนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด บริษัทยังคงใช้กำลังการผลิตได้ตามปกติ สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค แต่ในด้านการกระจายสินค้า อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันเวล่า เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส  

  

นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี ประธานกรรมการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังมีกำลังการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เช่น กำลังการผลิตเหลือ 20% หรือ30% บ้าง ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า  แต่ยอมรับว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ร้านค้าต่างๆ โดยฉพาะในต่างจังหวัด งดให้ตัวแทนจำหน่ายหรือเซลล์เข้าพบ เพื่อป้องกันและดูแลด้านสุขอนามัย 

ทั้งนี้ หากร้านค้าประสบภาวะขาดแคลนสินค้า สามารถติดต่อมายังบริษัทไลอ้อน หรือลบริษัท สหพัฒนพิบูลโดยตรง เพื่อประสานการแก้ปัญหาได้ตรงความต้องการมากขึ้น เช่น บริษัทจะติดต่อซัพพลายเออร์ หรือร้านค้าใกล้เคียงเพื่อป้อนสินค้าให้ ส่วนผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้

"เรายืนยันสินค้าดูแลสุขอนามัย และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆไม่ขาดตลาด ผู้บริโภคไม่ต้องตกใจ และบริษัทยังมีกำลังการผลิตเพียงพอต่อความต้องการ"  

นายสุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคอยู่บ้านมากขึ้น  มีการทำกับข้าวเพื่อรับประทานเอง ส่งผลให้ยอดขายน้ำมันพืชแบบขวดขายดีมาก อย่างบริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายและกระจายน้ำมันพืชกุ๊ก พบว่ายอดขาย 6 เดือน มีอัตราการเติบโตเกือบ 100% รวมถึงสินค้ากะปิ น้ำปลา ผงปรุงรส ยอดขายเติบโตเช่นกัน  

นายชนรรค์ สมบูรณ์เวชชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยเฉพาะที่ผลิตจากกระชาย ฟ้าทะลายโจรฯ มีการขาดตลาดอย่างมาก เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคมีสูง ซึ่งบริษัทส่งสินค้าป้อนร้านขายยา 7,000-8,000 แห่งทั่วประเทศ ได้รับคำสั่งซื้อหรือออเดอร์เข้ามาจำนวนมาก แต่การส่งผลิตภัณฑ์ยังค้างอยู่หลักแสนรายการ 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้างค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น จะพบสินค้าขาดตลาดค่อนข้างมาก ส่วนห้างค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น เทสโก้ โลตัส ยังพบการขาดตลาดน้อย มีเพียงบางหมวดเท่านั้นที่หายจากเชลฟ์ ส่วนร้านขายยา นอกจากฟ้าทะลายโจรขาดตลาด น้ำยาอุทัยทิพย์ แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ ขาดตลาดเช่นกัน
#2669


นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อต่อยอดวิสัยทัศน์ที่ก้าวจากการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สู่การเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจสุขภาพและกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีบริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท เฮลท์สเคป จำกัดเพื่อใช้ดำเนินธุรกิจใหม่

โดยล่าสุด บริษัท เฮลท์สเคป จำกัด ได้เข้าถือหุ้นใน บริษัท คิวบิคซ์โค้ด จำกัด ( Cubix Code)ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่ให้คำปรึกษา ดูแล ออกแบบ และพัฒนาแอปพลิเคชัน ทุกรูปแบบ ในสัดส่วน 51% ซึ่งการเข้าถือหุ้นในครั้งนี้ เป็นการขยายขอบเขตความเชี่ยวชาญของบริษัทแบบก้าวกระโดด เพื่อเริ่มต้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ เพื่อมาต่อยอดกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เดิมและพัฒนาเป็นสินค้าออกสู่ตลาด ขณะเดียวกัน ยังเป็นการวางรากฐานของบริษัทสู่การพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีประเภทอื่นในอนาคต

นางสาวเพชรลดา กล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์ตลาดอสังหารฯในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ผู้บริโภคในบางสาขาอาชีพยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งมาตรการการล็อคดาวน์ท บริษัทจึงเดินหน้ากลยุทธ์ Building A Stronger Now ทั้ง 3 แกนหลัก เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ทั้งองค์กร ผู้บริโภค พนักงาน พันธมิตร ให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์แห่งความท้าทายไปด้วยกัน


แกนแรก Stronger Move บริษัทอยู่ระหว่างเร่งจับมือพันธมิตรเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ และออกแคมเปญอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการของเมเจอร์ ได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันได้เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ จากแผนเดิมจะเปิดบ้านเดี่ยว 1 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ พร้อมทั้งเปิดตัวธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ คาดว่า จะเริ่มดำเนินธุรกิจและรับรู้รายได้ได้ในช่วง ไตรมาส 4/2564 นี้

ขณะที่แกน Stronger Community และ Stronger Journeyร่วมกับธนาคารพันธมิตร เพื่อมอบ Financial Solutions ให้แก่ผู้บริโภค และเดินหน้าแคมเปญ We've got your back ช่วยเหลือทั้งเหล่าพันธมิตร พนักงาน ลูกบ้าน

สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 (ม.ค.- มิ.ย.2564) บริษัทมีรายได้รวมทุกประเภทธุรกิจอยู่ที่ 2,413ล้านบาท โดยสามารถปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัย 3 โครงการ ได้แก่ มอลตัน ไพรเวท เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 31, รีเฟล็คชั่น จอมเทียน บีช พัทยา และ มาเอสโตร 39 สุขุมวิท 39 และมียอดโอนกรรมสิทธิ์จากหลายโครงการต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2564 และปลายปีที่ผ่านมา อาทิ โครงการมิวนิค สุขุมวิท 23, โครงการมารุ ลาดพร้าว 15, โครงการเมทริส พระราม 9 – รามคำแหง และโครงการเมทริส พัฒนาการ – เอกมัย ทำให้บริษัท มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 4,600 ล้านบาท
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อต่อยอดวิสัยทัศน์ที่ก้าวจากการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สู่การเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจสุขภาพและกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีบริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท เฮลท์สเคป จำกัดเพื่อใช้ดำเนินธุรกิจใหม่

โดยล่าสุด บริษัท เฮลท์สเคป จำกัด ได้เข้าถือหุ้นใน บริษัท คิวบิคซ์โค้ด จำกัด ( Cubix Code)ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่ให้คำปรึกษา ดูแล ออกแบบ และพัฒนาแอปพลิเคชัน ทุกรูปแบบ ในสัดส่วน 51% ซึ่งการเข้าถือหุ้นในครั้งนี้ เป็นการขยายขอบเขตความเชี่ยวชาญของบริษัทแบบก้าวกระโดด เพื่อเริ่มต้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ เพื่อมาต่อยอดกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เดิมและพัฒนาเป็นสินค้าออกสู่ตลาด ขณะเดียวกัน ยังเป็นการวางรากฐานของบริษัทสู่การพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีประเภทอื่นในอนาคต

นางสาวเพชรลดา กล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์ตลาดอสังหารฯในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ผู้บริโภคในบางสาขาอาชีพยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งมาตรการการล็อคดาวน์ท บริษัทจึงเดินหน้ากลยุทธ์ Building A Stronger Now ทั้ง 3 แกนหลัก เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ทั้งองค์กร ผู้บริโภค พนักงาน พันธมิตร ให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์แห่งความท้าทายไปด้วยกัน


แกนแรก Stronger Move บริษัทอยู่ระหว่างเร่งจับมือพันธมิตรเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ และออกแคมเปญอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการของเมเจอร์ ได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันได้เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ จากแผนเดิมจะเปิดบ้านเดี่ยว 1 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ พร้อมทั้งเปิดตัวธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ คาดว่า จะเริ่มดำเนินธุรกิจและรับรู้รายได้ได้ในช่วง ไตรมาส 4/2564 นี้

ขณะที่แกน Stronger Community และ Stronger Journeyร่วมกับธนาคารพันธมิตร เพื่อมอบ Financial Solutions ให้แก่ผู้บริโภค และเดินหน้าแคมเปญ We've got your back ช่วยเหลือทั้งเหล่าพันธมิตร พนักงาน ลูกบ้าน

สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 (ม.ค.- มิ.ย.2564) บริษัทมีรายได้รวมทุกประเภทธุรกิจอยู่ที่ 2,413ล้านบาท โดยสามารถปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัย 3 โครงการ ได้แก่ มอลตัน ไพรเวท เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 31, รีเฟล็คชั่น จอมเทียน บีช พัทยา และ มาเอสโตร 39 สุขุมวิท 39 และมียอดโอนกรรมสิทธิ์จากหลายโครงการต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2564 และปลายปีที่ผ่านมา อาทิ โครงการมิวนิค สุขุมวิท 23, โครงการมารุ ลาดพร้าว 15, โครงการเมทริส พระราม 9 – รามคำแหง และโครงการเมทริส พัฒนาการ – เอกมัย ทำให้บริษัท มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 4,600 ล้านบาท
#2670
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#2671


โธมัส ทูเคิล ผู้จัดการทีม เชลซี เผยการส่ง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายประตูชาวสแปนิช ลงไปเฝ้าเสาในช่วงการดวลจุดโทษตัดสินของเกมเจอ บียาร์รีล ศึก ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ คือสิ่งที่วางแผนไว้เป็นอย่างดี

เกปา ลงสนามช่วงนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ ที่เสมอกัน 1-1 โดยถูกมอบหมายให้มาเซฟจุดโทษโดยเฉพาะ และเจ้าตัวก็เซฟลูกยิงของ ราอูล อัลบิโอน สำเร็จ ก่อนชนะ 6-5 คว้าถ้วย ซูเปอร์ คัพ ไปครอง

ก่อนหน้านี้ เอดูอาร์ด เมนดี ยืนเฝ้าเสาในฐานะนายทวารเบอร์ 1 มาตลอด ขณะที่ เกปา การมีปัญหากับอดีตกุนซือ เมาริซิโอ ซาร์รี ที่ไม่ยอมเดินออกจากสนามเพราะสั่งให้เปลี่ยนตัวเมื่อปี 2019 ทำให้เจ้าตัวไม่มีความน่าไว้วางใจจนถูกดร็อปเป็นมือสอง

อย่างไรก็ตาม ทูเคิล ก็ชี้แจงถึงเรื่องที่ส่ง เกปา ลงไปเซฟจุดโทษว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเอง เราคุยกันเรื่องนี้มานานแล้ว เรามีสถิติที่เตรียมไว้ ซึ่งจะเห็นว่า วิลลี กาบาเยโร เซฟจุดโทษเก่งที่สุด รองลงมาคือ เกปา และสามคือ เอดู"

"ทีมวิเคราะห์และโค้ชประตูเปิดเผยข้อมูลบให้ผมดู เราคุยกับนายประตูทั้งสามอย่างเปิดเผยและบอกว่าแผนอาจเปลี่ยนได้ในรอบน็อคเอาต์ เราทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องส่วนตัว แต่เพื่อโอกาสคว้าชัยชนะจากสถิติที่เราบันทึกไว้"

"มันวิเศษมากที่ เอดู ยอมรับการตัดสินใจแบบไม่มีอีโก้ เขารู้ว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ มันคือกุญแจสำคัญ ไม่ใช่เพราะการตัดสินใจแบบปุบปับ เกปา เก่งกว่าในเรื่องนี้ และเราก็เล่นฟุต.กันเป็นทีม"
 
#2672


ขอต้อนรับเข้าสู่เดือนแห่งวันแม่ด้วยการหยิบเรื่องราวน่ารักๆ ของไลน์แมนไรเดอร์แม่เลี้ยงเดี่ยวสุดเปรี้ยว แนต-วราพร นะนิ่มนวล

ที่ไม่ว่าจะขับรถส่งอาหารที่ไหนก็จะหิ้ว น้องอ๊อฟ ลูกชายวัย 5 ขวบไปด้วยทุกครั้ง ที่สะดุดตาที่สุดก็คงเป็นชุดคู่หูปฏิบัติหน้าที่ส่งอาหารที่ทุกคนต้องหันมอง เรามาลองทำความรู้จักกับแม่-ลูกสุดแกร่งคู่นี้กัน

แนต ซิงเกิ้ลมัมสุดสตรองคนนี้หาเลี้ยงตัวเองและลูกชายด้วยการเป็นพนักงานจ้างเหมาที่บริษัทฯ แห่งหนึ่ง ตั้งแต่เช้า จนถึงบ่ายสามโมง หลังจากเลิกงานจึงมาขับไลน์แมนส่งอาหารซึ่งตลอดทั้งวันน้องอ๊อฟจะติดสอยห้อยตามแม่ ไปในทุกที่ สำหรับทั้งคู่แล้ว การขี่จักรยานยนต์ส่งอาหารเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่รอคอยเพราะมันทำให้ทั้งคู่ได้เป็นตัวเอง อย่างเต็มที่ และได้เที่ยวไปในที่ใหม่ๆ

ถ้าพูดถึงความเป็นตัวเองคงบอกได้จากสีสันสุดจี๊ดสะดุดตาจากการแต่งตัวและหมวกกันน็อคคู่ใจที่ชวนให้คนที่ เห็นถึงกับต้องมองตามกันเป็นแถว แนตเล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจที่ต้องการให้คนรอบข้างยิ้มได้ "ถ้ามันอยู่ในจุดที่ อยากจะทำ ก็ทำเลย" ทุกการเดินทางไม่ว่าจะไปรับอาหารจากร้านอาหาร หรือส่งอาหารให้กับลูกค้าก็ช่วยสร้างรอยยิ้ม ทุกครั้ง บางคนถึงกับขอถ่ายรูปด้วยเลยทีเดียว

สำหรับ น้องอ๊อฟ ลูกชายที่คอยซ้อนท้ายแม่ไปทุกที่ และจะตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่ได้ไปสถานที่ใหม่ๆ แถมยัง เป็นนักชิมตัวจิ๋วเวลาที่ไปถึงร้านขนมอีกด้วย แนตเล่าให้เราฟังว่าด้วยความจำเป็นของสถานการณ์ช่วงนี้ ทำให้ต้องพา น้องอ๊อฟไปทำงานด้วยตลอดจนกว่าโรงเรียนจะกลับมาเปิดอีกครั้ง

แนตเล่าว่า การมาทำอาชีพขับรถส่งอาหารเป็นงานเสริมทำให้มีรายได้ 2 ทาง มีความอิสระในการแบ่งเวลา ทำงานระหว่างงานประจำกับงานนี้ แล้วยังได้ประสบการณ์สนุกๆ ใหม่ๆ ร่วมกับลูกชายในทุกวัน เช่น เปลี่ยนพื้นที่รับงาน ได้เจอที่ใหม่ๆ คนใหม่ เพราะมีงานให้กดและรับ-ส่งอาหารทุกจุด และการมีระบบที่เอื้ออำนวยทำให้การทำงานง่ายขึ้นมาก "บางทีลูกค้าปักหมุดมาไม่ตรง เราก็พิมพ์แชทหรือส่งสติ๊กเกอร์น่ารักๆ ถามลูกค้าได้ สะดวกดี"

เมื่อถามว่าแนตคาดหวังอนาคตของน้องอ๊อฟไว้อย่างไร แนตบอกว่าขอให้ลูกชายคนนี้สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง และเป็นคนที่แข็งแกร่ง "อย่างน้อยเราจะได้หมดห่วง ให้เขาทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้โดยไม่ยอมแพ้ ไม่ได้คาดหวัง อะไรมาก ไม่ต้องมาเลี้ยงเรา แต่ให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง" ส่วนน้องอ๊อฟเองก็เคยพูดกับแม่ว่า เมื่อโตขึ้นเขาจะเลี้ยงดูแม่ของเขา ด้วยตัวเอง รวมถึงคอยมอบกอดให้กำลังใจเสมอทุกวัน นี่คือเรื่องราวที่น่ารักและอบอุ่นของคู่หูแม่-ลูกไรเดอร์ที่ทำให้ทุกวัน เป็นทั้งวันแม่ และวันลูกสำหรับทั้งสองคนเสมอ
#2673


นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 14 พ.ศ. 2564 Beyond COVID - 19 Crisis : A Decade of Health Transformation (ก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 สู่ทศวรรษแห่งการปฏิรูประบบสุขภาพ) ผ่านระบบประชุมทางไกล ในการประชุมดังกล่าว มีการประกาศผลรางวัลและเชิดชูเกียรติบุคคลและองค์กรดีเด่น โดย กฟผ. ได้รับรางวัลสูงสุด ประเภทองค์กรดีเด่น ด้านการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม Princess Health Award 2021 จากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะได้รับพระราชทานเหรียญรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในภายหลัง

นายบุญญนิตย์ กล่าวว่า รางวัลดังกล่าว เกิดจากความร่วมมือของทุกเครือข่าย นับตั้งแต่หน่วยงานกำกับดูแล ชุมชน สังคม สื่อมวลชนที่ได้ติดตามให้ข้อเสนอแนะการดำเนินงานของ กฟผ. ตลอดจนความร่วมมือ ในการขับเคลื่อนการสร้างสุขภาวะที่ดีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับคนไทย ผ่านโครงการปลูกป่า กฟผ. โครงการชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยังยืน โครงการแว่นแก้ว รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพต่าง ๆ อาทิการจัดงานวิ่ง งานแข่งจักรยาน และการสนับสนุนกีฬาต่าง ๆ ในระดับประเทศ

โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา กฟผ. ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วน สนับสนุนการกู้วิกฤตตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่ความพยายามลดการระบาดของโรค การป้องกัน การรักษา เยียวยา

โดยเริ่มจากการดูแลพนักงาน เน้นการรักษาตัวเพื่อรักษาหน้าที่ เพื่อให้สามารถนำศักยภาพขององค์กรมาเร่งสนับสนุนในทุก ๆ ด้านอย่างสุดกำลัง อาทิ ผลิตเจลอนามัยน้ำใจ กฟผ. ผลิตตู้ตรวจโควิดกว่า 600 ตู้ ผลิตชุดหมวกป้องกันเชื้อ PAPR กว่า 1,000 ชุด

รวมทั้งจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์สนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม-ศูนย์พักคอย ระดมทุนจัดหาเตียงสนามและสิ่งของจำเป็นอีก 3,500 ชุด ร่วมสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน เป็นต้น เพื่อร่วมสร้างพลังให้ทุกภาคส่วนสามารถฝ่าฟันและผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ทุกความมุ่งมั่นที่ กฟผ. ได้ดำเนินการเพื่อสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม ล้วนสำเร็จได้จากแรงกายแรงใจจากทุกภาคส่วน กฟผ. จึงขอขอบคุณและขอมอบรางวัลนี้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้มีส่วนร่วม ตลอดจนคนไทยทุกคนที่คอยเป็นแรงใจให้ กฟผ. ซึ่งเป็นของคนไทย ได้ทำเพื่อคนไทยทุกคน
#2674


จากกรณีหน่วยงานป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ หรือ ซีดีซี (U.S. Centers for Disease Control and Prevention) ยกระดับคำเเนะนำต่อพลเมืองสหรัฐในการเดินทางมายังประเทศไทย โดยยกระดับให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงมากต่อการระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐยังได้ปรับคำเตือนสูงสุดขั้นที่ 4 สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 70 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่ 4 เช่นเดียวกับไทย อาทิ บราซิล ชิลี อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เบื้องต้น ททท.มองว่าจากกรณีดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวไทยบ้าง แต่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก โดย ททท.ต้องพยายามทำความเข้าใจกับประเทศต่างๆ ว่าประเทศไทยไม่ได้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดทุกพื้นที่ แต่เป็นการเปิดเฉพาะจังหวัดหรือพื้นที่นำร่อง (แซนด์บ็อกซ์) ที่มีความปลอดภัยสูงสุดเท่านั้น สะท้อนได้จากผู้ที่เดินทางเข้ามา ไม่มีชาวต่างชาติมาติดเชื้อในไทย และไม่มีคนไทยติดเชื้อจากชาวต่างชาติด้วย

ทั้งนี้การยกระดับคำเตือนดังกล่าว ไม่ได้ถือเป็นการห้ามเดินทาง แต่เป็นเพียงการแนะนำเท่านั้น ซึ่งสหรัฐไม่ได้เป็นประเทศแรกที่ยกระดับคำเตือนหรือคำแนะนำในการเดินทางมาประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงมากขึ้น โดยที่ผ่านมามีสหภาพยุโรปได้ถอดรายชื่อประเทศไทยออกจากลิสต์ประเทศที่ปลอดภัย (EU White List) จากการระบาดของโควิด-19 แต่ก็เห็นว่ายังมีพลเมืองในสหภาพยุโรปเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะคนกลุ่มนี้มั่นใจเรื่องภูมิคุ้มกันหลังได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ รวมถึงเมื่อชาวต่างชาติมาเที่ยวไทย ก็ไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวพื้นที่ที่มีการระบาดสูงได้

"ถือเป็นจุดที่ ททท.จะต้องประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศมากที่สุดและเร็วที่สุด ด้วยการแยกพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทยออกมาจากภาพรวมทั้งประเทศไทย เพื่อทำความเข้าใจแก่ชาวต่างชาติว่าพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ มีความปลอดภัยจริงๆ" ผู้ว่าการ ททท.กล่าว
#2675


แพทย์ชำนาญการพิเศษ อายุรแพทย์โรคปอดและเวชบำบัดวิกฤต รพ.มหาราชนครราชสีมา โพสต์เล่าเรื่องราวน่าประทับใจ หลังรับผู้ป่วยโควิด 2 ราย เป็นพ่อซึ่งมีอาการเชื้อลงปอดและลูกน้อย 3 ขวบ มารักษา พบหนูน้อยคอยเป็นพยาบาลดูแลพ่อ ด้านพ่อแม้ไม่มีแรงก็ต้องลุกมาชงน้ำ ล่าสุดสามารถกลับบ้านได้ทั้งคู่แล้ว แต่ต้องกักตัว 14 วัน

เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "อนุชิต นิยมปัทมะ" นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ อายุรแพทย์โรคปอดและเวชบำบัดวิกฤต รพ.มหาราชนครราชสีมา โพสต์ภาพความประทับใจ เผยให้เด็กน้อย วัยเพียง 3 ขวบ กำลังปฐมพยาบาลพ่อของตนเองที่ป่วยเป็นโรคโควิด เชื้อลงปอด ในห้องไอซียู ซึ่งหนูน้อยคนนี้ก็ติดโควิดด้วยเช่นกัน แพทย์จึงลงความเห็นให้พ่อ-กับลูก รักษาตัวภายในห้องเดียวกัน เนื่องจากไม่อยากจับแยกัน โดยนายแพทย์อนุชิต ได้ระบุข้อความว่า

"หอผู้ป่วยหนักicuที่มีพยาบาลอายุน้อยที่สุดแค่3ขวบ วันก่อนรับโทรศัพท์​ขอ​refer.จาก​รพ.อำเภอ ผู้ป่วยชายอายุ44ปี​ ติดเชื้อ​covid.ลงปอด มีอาการหอบเหนื่อย​มาก​ ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ ขอย้ายมาใช้เครื่องช่วยหายใจ​high.flow ตอนแรกก็รับมาไม่คิดอะไร​ รับมา

อีกห้านาที​ น้องหมอที่รพ.อำเภอโทรมาอีกว่า ขอให้รับน้องเด็ก3ขวบ จาก​รพ.อำเภอมาด้วย​ เพราะเป็นพ่อลูกกัน​ ลูกก็ติดcovid​ แต่เด็กอาการไม่หนัก แม่เด็กก็เป็นcovid.ปอดอักเสบ​ อยู่โรงพยาบาลในกรุงเทพ​ อาการหนักเหมือนกัน สรุป... ก็รับส่งตัวมาทั้งพ่อและลูก มาหอผู้ป่วยหนัก​ ซึ่งปกติ​ หอผู้ป่วยหนัก​ ไม่ได้ให้ใครเฝ้า แต่เด็กน้อยก็ติดเชื้อเหมือนกันแต่ไม่หนัก​ เด็กน้อยไม่รู้ไปอยู่ไหนดี ผมไม่อยากแยกพ่อแยกลูกกัน ลืมเรื่องกฎระเบียบ​ เพิ่มความเป็นมนุษย์ คุณพ่อดูเหนื่อยมาก​ ใช้เครื่องช่วยหายใจ​High.flow.แต่สติยังดี​ แม้ลุกดูลูกไม่ไหว​ แต่ก็พยายามลุกมาชงนมให้ลูกกิน​ แม้ตัวเองจะเหนื่อยมาก

เห็นแล้วน้ำตาคลอ.... เด็กน้อย​ ก็เป็นพยาบาลส่วนตัว​ คอยดูคุณพ่ออยู่ไม่ห่าง ลูกเอ๋ย... 3ขวบ"

ล่าสุด วันนี้ (11 ส.ค.)นายแพทย์อนุชิต ได้ออกมาโพสต์ข้อความอัปเดตอาการความคืบหน้าของผู้ป่วย 2 รายนี้ มีอาการดีขึ้นแล้ว สามารถกลับบ้านได้ คุณพ่อปอดกลับมาเกือบปกติแล้ว ลูกน้อยแข็งแรง สามารถเล่นซนได้ตามวัย แต่ต้องกลับไปกักตัวที่บ้านอีกอย่างน้อย 14 วัน
#2676


ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน มีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต 84 รายระหว่างรักษาตัวที่บ้าน ในจำนวนนี้ 36 รายมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว เสียชีวิตใน 1-9 วันหลังรายงานผลติดเชื้อ, 11 รายเสียชีวิตในช่วง 10-19 วัน, 9 รายเสียชีวิตไปแล้วจึงรายงานว่าติดเชื้อโควิด ระยะเวลาผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตยาวนานที่สุดคือ 30 วันหลังรายงานผลติดเชื้อ และมี 24 รายที่ไม่รู้ว่าระยะเวลาเสียชีวิตชัดเจน

ผู้ป่วยที่เสียชีวิตกว่าร้อยละ 80 เป็นผู้สูงอายุ โดยมี 36 รายที่อายุ 80 ปีขึ้นไป, ช่วงวัย 70 ปีเสียชีวิต 24 ราย, ช่วงวัย 60 ปีเสียชีวิต 11 ราย, ช่วงวัย 50 ปีเสียชีวิต 7 ราย, ช่วงวัย 40 ปีเสียชีวิต 1 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตที่อยู่ในช่วงวัย 30 ปีมี 3 ราย และช่วงวัย 20 ปีเสียชีวิต 1 ราย



การระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาสร้างความกังวลว่า ผู้ติดเชื้อจะมีอาการทรุดหนักลงอย่างรวดเร็วจนอาจเสียชีวิตได้ระหว่างรักษาตัวที่บ้าน

นายกฯ โยชิฮิเดะ ซูงะ ได้ประกาศนโยบายเมื่อต้นเดือนนี้ ให้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่รักษาตัวที่บ้านเป็นหลัก เพื่อสงวนเตียงในโรงพยาบาลให้สำหรับผู้ที่อาการหนักเท่านั้น ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้านในขณะนี้มีมากกว่า 45,000 คน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้า

อัตราผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเพราะไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่ติดเชื้อได้ง่าย และผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนหนุ่มสาว ที่ยังไม่ถึงคิวได้รับวัคซีน



นายกฯ ญี่ปุ่นระบุว่า จะติดตามอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้ออย่างใกล้ชิด เพื่อตัดสินใจว่าจะให้การแข่งขัน "พาราลิมปิก" มีผู้ชมหรือไม่ โดยงานพาราลิมปิกจะเริ่มต้นในวันที่ 24 ส.ค.นี้

ขณะนี้ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ผู้นำญี่ปุ่นระบุว่านี่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะในการควบคุมการระบาด เขาเรียกร้องให้คนหนุ่มสาวหลีกเลี่ยงการเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนา โดยมีข้อมูลว่าร้อยละ 70 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงโตเกียว เป็นกลุ่มคนที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี.
#2677


นายสลิล จารุจินดา หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกำกับดูแล บริษัท ไทยคม จํากัด (มหาชน) หรือ THCOM เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.64 บริษัทได้รับหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แจ้งว่า กสทช . ได้มีมติอนุญาตให้บริษัทฯ ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม จำนวน 10 ข่ายงานดาวเทียม ซึ่งรวมถึงวงโคจรที่ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 ใช้อยู่จนถึงวันที่ 10 ก.ย.64 (วันสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน)

โดยบริษัทใคร่ขอเรียนว่า ตามข้อเท็จจริงแล้ว ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 ไม่ใช่ดาวเทียมภายใต้สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารฯ (สัญญาสัมปทาน) เพราะ เป็นการดำเนินการภายใต้ระบบใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ดังนั้น สิทธิการใช้วงโคจรดังกล่าวจึงมิได้เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาสัมปทาน

บริษัทจึงได้มีหนังสือขอให้ กสทช. พิจารณาทบทวนมติดังกล่าวเพื่อให้สิทธิในการใช้วงโคจรเป็นไปตามอายุใบอนุญาตการให้บริการโทรคมนาคมที่อนุญาตโดย กสทช. หรือตามอายุของดาวเทียม แต่ กสทช. ก็มีหนังสือถึงบริษัทฯ แจ้งว่า กสทช. พิจารณาแล้วยืนยันตามมติเดิม หากบริษัทฯ ไม่เห็นด้วยสามารถใช้สิทธิโต้แย้งโดยฟ้องที่ศาลปกครองได้


ดังนั้น บริษัทจึงได้ดำเนินการยื่นคำฟ้องขอเพิกถอนมติดังกล่าวต่อศาลปกครองกลาง และยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาและมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของ กสทช.และกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว และเมื่อวันที่ 9 ส.ค.64 ศาลปกครองกลางไต่สวนคำร้องแล้ว โดยเรียก บริษัทฯ และ กสทช. เข้ามาไต่สวนและ ได้มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับของมติของ กสทช. ดังกล่าว โดยให้ บริษัทฯ มีสิทธิในการใช้วงโคจรและข่ายงานดาวเทียมที่เกี่ยวข้องต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น


ดังนั้น บริษัทจึงยังคงมีสิทธิใช้วงโคจรดาวเทียมและให้บริการดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 และข่ายงานดาวเทียมที่เกี่ยวข้อง ได้ตามปกติต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
#2678
มาฟัง ดร.สมโชค เดชะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออสซี่ออยล์ จำกัด ทางรายการ กรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อเรื่อง ออสซี่ออยล์แตกไลน์ 'น้ำมันแกลลอน' สู้ศึกโควิด
โอกาสมาถึงแล้ว..คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจลงทุนวันนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าในวันข้างหน้าหากสนใจทักแชทได้เลยนะคะ
Aussie oil ผู้เชียวชาญด้านธุรกิจพลังงานที่เราอยากแนะนำให้กับคุณ ...
ปรึกษาหรือสอบถามฟรี
สอบถามรายละเอียดได้ที่ :
Tel : 02-1114-7334  line: @aussieoil
(สามารถติดต่อได้ 9.00 - 17.00 น.)

https://youtu.be/cZRFXCcpzo0
#2679


ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF วันนี้ (9 ส.ค.2564) ปิดตลาดภาคเช้าที่ 38.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2.68% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,809.06 ล้านบาท พุ่งขึ้นเป็นหลักทรัพย์ที่มีผลต่อดัชนี SET เป็นอันดับ 2 รองจาก AOT

โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ทยอยปรับประมาณการกำไรปี 2564 รวมถึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย GULF ภายหลังปิดดีลซื้อ INTUCH สำเร็จ และขยับขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 1 ด้วยสัดส่วนการลงทุน 42.25% ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 42.75 บาทต่อหุ้น จากเดิม 42.25 บาทต่อหุ้น ส่วน บล.หยวนต้า ให้ราคาเป้าหมายที่ 40.75 บาทต่อหุ้น แต่คาดดีลซื้อ INTUCH จะทำให้ราคาเป้าหมายขยับขึ้นได้อีก 2-4 บาท และ บล.เมย์แบงก์ ให้ราคาเป้าหมาย 38.00 บาทต่อหุ้น แต่มีโอกาสปรับขึ้นเป็น 40.00 บาทต่อหุ้น

นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นตอบรับเชิงบวกหลังสิ้นสุดคำเสนอซื้อ สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของเราในวันศุกร์ที่ผ่านมา เราคงมุมมองบวกต่อการ Unlock Asset Value ใน ADVANC ซึ่งมีโอกาสจะเกิดขึ้นตามมา ดังนั้น เราเชื่อว่าในระยะกลางจะเป็น Catalyst สำคัญต่อ ADVANC
#2680
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK