• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - dsmol19

#2941



ในบทความที่แล้วได้เขียนถึงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา หลักสูตรนี้มีลักษณะเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ โดยได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของอิสระในการบริหารจัดการ

ในบทความที่แล้วได้เขียนถึงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา หลักสูตรนี้มีลักษณะเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ โดยได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของอิสระในการบริหารจัดการที่จะเอื้อให้การนำหลักสูตรฐานสมรรถนะไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เลยอยากเขียนต่อในเรื่องนี้ โดยเน้นประเด็นการนำหลักสูตรไปใช้ที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) หรือ อีอีซี และหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่สามารถทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผสานเป้าหมายของ อีอีซี กับหลักสูตรแกนกลาง

เมื่อกล่าวถึงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน คนทั่วไปมักจะนึกถึงตัวหลักสูตรหรือเอกสารหลักสูตรว่ากล่าวถึงอะไรบ้าง กำหนดอะไรไว้บ้าง กล่าวง่าย ๆ คือมีสมรรถนะอะไรบ้าง สอนอะไร เน้นอะไร แต่หากจะมองในลำดับถัดไป การปฏิบัติการนำหลักสูตรไปใช้ในพื้นที่เป็นเรื่องสำคัญ และขั้นตอนนี้เองที่ต้องคำนึงถึงบริบทเฉพาะของแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะเป้าหมายการพัฒนาคนในพื้นที่ และควรตอบสนองความต้องการของพื้นที่ด้วย

ดังนั้นในการพัฒนาเชิงพื้นที่ กลไกสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามคือ การมองตัวเองเป็น เห็นตัวเองชัด เป็นการรู้ว่าเป้าหมายของการพัฒนาคนคืออะไร และในพื้นที่มีอะไรอยู่ เพื่อให้การใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะผสานกรอบสมรรถนะที่กำหนดในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานและเป้าหมายการพัฒนาคนตามอุตสาหกรรมป้าหมายใน อีอีซี

หลักสูตรฐานสมรรถนะให้ความสำคัญกับการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียน ยึดสมรรถนะเป็นเป้าหมายของการจัดการศึกษา เพราะฉะนั้นต้องรู้ว่าสมรรถนะอะไรที่เป็นผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียน สมรรถนะจะมีความหมายเมื่อรู้ว่าผู้เรียนจะเรียนไปเพื่อทำอะไร

การกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายใน อีอีซี เป็นธงที่ชัดมากในการพัฒนากำลังคน ทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีทิศทาง แสดงให้เห็นถึงความต้องการของพื้นที่ว่าต้องการกำลังคนไปทำอะไร การเขียนไว้ในแผนการดำเนินงานอย่างชัดเจนถือว่าเป็นเป้าหมายการศึกษาสำคัญของพื้นที่ที่ถือว่าเป็นข้อดีของการวางแผนการจัดการศึกษาในพื้นที่ โดยเฉพาะการรองรับการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะ

ที่ต้องทำสืบเนื่องจากจุดนี้คือ การกำหนดหรือระบุสมรรถนะของกำลังคนที่สอดคล้องกับงานต่าง ๆ ให้ชัดเจน ต้องระบุให้ได้ว่างานต่าง ๆ ต้องการกำลังคนที่มีสมรรถนะอะไร เพื่อให้เป้าหมายการพัฒนาคนมีความละเอียดและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น การระบุสมรรถนะของกำลังคนสามารถแยกตามอุตสาหกรรมเป้าหมายแต่ละประเภทได้ เช่น สมรรถนะของกำลังคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมดิจิทัล สมรรถนะของกำลังคนในอุตสาหกรรมการพัฒนาบุคลากรและการศึกษา ซึ่งกำลังคนเหล่านี้อาจจำแนกแยกย่อยตามประเภทหรือชนิดของาน จะทำให้ได้สมรรถนะที่ละเอียดมากขึ้น

ประเด็นคือเป้าหมายในการพัฒนาคนในพื้นที่มักไม่ได้ระบุไว้อย่างเฉพาะเจาะจงว่าระดับการศึกษาใดต้องพัฒนาให้เกิดสมรรถนะอะไรบ้างอย่างแน่ชัด การนำเป้าหมายการพัฒนาคนมาแตกเป็นสมรรถนะและแยกการพัฒนาสมรรถนะตามระดับการศึกษา จึงเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการโดยทั่วไป และเป็นที่ต้องการของ อีอีซี เพื่อให้การศึกษาแต่ละระดับพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายได้ตามที่พึงจะเป็น 

สำหรับการนำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานสู่การปฏิบัติการในพื้นที่ ต้องช่วยให้ผู้เรียนบรรลุสมรรถนะในระดับที่การศึกษาขั้นพื้นฐานพัฒนาและเตรียมผู้เรียนให้ต่อยอดในการศึกษาที่สูงขึ้นและการเข้าสู่โลกของการทำงานในอนาคต

การบูรณาการกันระหว่างกรอบหลักสูตรแกนกลางกับความต้องการของพื้นที่เป็นงานที่ท้าทาย การเชื่อมโยงสมรรถนะของกำลังคนตามอุตสาหกรรมเป้าหมายกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่ที่เป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะต้องการการทำงานที่ประณีต และอาศัยความร่วมมือของหลายฝ่ายในพื้นที่ อีอีซี ช่วยกันมองช่วยกันคิดอย่างเป็นระบบ หากทำได้อย่างดี การนำหลักสูตรไปใช้จึงจะสามารถตอบสนองเป้าหมายชาติและตอบโจทย์ในพื้นที่ไปพร้อมกันได้อย่างมีคุณภาพ
#2942
บ้านถั่วลิสง The Peanut House  เรื่องถั่ว... พวกเราถนัด
สืบสานตำนานความอร่อยแล้วก็ส่งต่อภูมิปัญญาในการผลิตถั่วลิสงจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก

 โรงงานถั่วลิสง "ซินกวงน่าน" เป็นโรงงานทำถั่วลิสงเพียงแห่งเดียวในจังหวัดน่าน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2521 จนกระทั่งปัจจุบันได้พัฒนาตนเองสู่โรงงานแปรรูปถั่วลิสงครบวงจร ตั้งแต่คัดเลือกเมล็ดพันธ์ลงแปลงปลูกโดยเครือข่ายเกษตรกรของพวกเรา เก็บเกี่ยวรวมทั้งส่งถั่วลิสงไปสู่ขั้นตอนการแปรรูปที่สะอาดปลอดภัยได้มาตรฐาน จนมาเป็นผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงในรูปแบบต่างๆที่พร้อมส่งต่อซินกวงน่านถึงมือคุณ


ประวัติความเป็นมาของพวกเราและแกลลอรี่ถั่วลิสง Our History & Peanut Gallery
ชมประวัติความเป็นมาของโรงงานถั่วลิสงดั้งเดิมเพียงแห่งเดียวของจังหวัดน่าน แผนภาพขั้นตอนการผลิตวัตถุดิบและก็ขั้นตอนแปรรูปสินค้าถั่วลิสง นอกเหนือจากนั้นเชิญทำความรู้จักกับ "ต้นถั่วลิสง" จำลองขนาด 2.5 เมตรที่ออกแบบรวมทั้งทำขึ้นเพื่อให้ได้มองเห็นลำต้น ดอก ใบ และเมล็ดถั่วลิสงคล้ายจริงที่สุดที่นี่ที่เดียวในประเทศไทย และคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากถั่วลิสง - ธัญพืชที่ให้โปรตีนแทนเนื้อสัตว์และไขมันที่ร่างกายต้องการแต่ว่าไม่สามารถสร้างเองได้





 ผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงและก็ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปจังหวัดน่าน Peanuts and many moreภายในร้านบ้านถั่วลิสง นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถั่วลิสงแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปของจังหวัดน่านที่มีคุณภาพจำนวนมากหลายหลากให้ได้เลือกซื้อเป็นของฝากจากจังหวัดน่านสำหรับคนที่รักและคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมัลเบอรี่ ลูกเดือย กาแฟ ข้าว ถั่ว งา รวมทั้งธัญพืชในลักษณะต่างๆ ตลอดจนสมุนไพรที่ถูกเอามาแปรรูปเป็นเครื่องสำอางรวมทั้งยาด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านผสมผสานกับนวัตกรรมยุคใหม่ 





 กาแฟน่านและเบเกอรี่จากถั่วลิสง Nan Coffee and Peanut Bakery
กาแฟที่เสิร์ฟในร้านบ้านถั่วลิสงเป็นกาแฟอาราบิก้าผสมโรบัสต้าในสัดส่วนที่พอดี หอมอร่อย คั่วเข้ม โดยเลือกใช้เม็ดกาแฟเดอม้ง ซึ่งปลูกรวมทั้งผลิตโดยชุมชนบ้านมณีพฤกษ์ ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จ.น่าน ซึ่งเป็นกาแฟที่ผ่านการคัดสรรสายพันธ์ที่ดีที่เหมาะกับการปลูกในความสูงจากระดับน้ำทะเล 1400-1600 เมตร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้พี่น้องชาวบ้านมณีพฤกษ์มีรายได้ยั่งยืน มีอาชีพที่มั่นคง แล้วก็ช่วยรักษาแล้วก็ฟื้นฟูป่าน่านให้อุดมสมบูรณ์ต่อไป  นอกเหนือจากนี้ยังมี "พีนัทซอฟท์เค้ก" รวมทั้ง "พีนัทเบคชีสเค้ก" เบเกอรี่โฮมเมดที่มีส่วนผสมของเนยถั่วลิสงแล้วก็นมถั่วลิสงที่แสนอร่อย หวานน้อย ครีมเบานุ่ม ไม่เลี่ยน  และหอมกลิ่นเนยถั่วลิสง ซึ่งหาทานได้ที่บ้านถั่วลิสงเท่านั้น
 

นมถั่วลิสง Peanut Milk
ไฮไลต์ที่คุณไม่ควรพลาดบ้านถั่วลิสงชวนชิม "น้ำนมถั่วลิสง" Peanut Milk ที่ทำมาจากถั่วลิสง 100% ไม่มีครีมเทียม และก็หัวนมผง และไม่ใส่สารแต่งสีแต่งกลิ่น เป็นน้ำนมจากถั่วลิสงตามธรรมชาติ ต้มสดทุกรุ่งเช้า หอม อร่อย ทานง่าย มีเสริฟทั้งเมนูร้อน เย็น ปั่น ให้ทุกท่านได้ทดลองตรงนี้ที่เดียวในน่าน นมถั่วลิสงให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ เหมาะสำหรับทั้งเด็กและก็ผู้ใหญ่ ผู้รักสุขภาพ คนที่แพ้นมจากสัตว์  


บ้านถั่วลิสงเปิดรับกรุ๊ปเยี่ยมชมดูงานกรรมวิธีแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับกลุ่มแม่บ้าน วิสาหกิจชุมชน นักศึกษา นักเรียน หรือกรุ๊ปท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์เพื่อเปิดประสบการณ์เกี่ยวกับการแปรรูปถั่วลิสง (รับเป็นคณะ 20 คนขึ้นไป รวมทั้งติดต่อล่วงหน้าเท่านั้น)


#2943


หลักสูตรออนไลน์ Quick MBA For SMEs โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชวนหาทางแก้วิกฤติพิชิต COVID-19 ถอดบทเรียนการฝ่าความยากลำบากของผู้ประกอบการ โดย จรัญพจน์ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด(มหาชน) ที่เข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพองค์กรเพียง 1 เดือน ต้องเจอกับการรับน้องเผชิญโรคระบาดรุนแรงรอบร้อยปีทันที การแพร่กระจายของเชื้อโรคเป็นวงกว้าง ทำให้รัฐต้อง "ล็อกดาวน์" ระยะหนึ่ง กระทบการขายสินค้าของบริษัทอย่างมาก เพราะธุรกิจหลักทั้งอาหาร ร้านอาหาร 10 สาขา ล้วนพึ่งพาหน้าร้านผ่านห้างค้าปลีก

บททดสอบผู้นำ ยังถาโถมเข้ามา เมื่อเกิดโรครบาดในหมู 2 โรคเข้ามาพร้อมกันทำให้บริษัทต้องงัดมาตการดูแลพนักงานอย่างเข้มข้น ให้กินอยู่ที่โรงงาน ฟาร์มทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อโรค

 นอกจากนี้ มาตรการรัฐทั้งโครงการคนละครึ่ง เราชนะ ที่ผันเงินเข้าระบบเศรษฐกิจผ่านร้านธงฟ้า ร้านค้าทั่วไป แม้ภาพรวมเห็นด้วยและเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กระทบยอดขายร้านอาหาร และยอดขายในห้าง ทำให้ธุรกิจหลักของบริษัทต้องประสบปัญหา "ขาดทุน" เป็นบางเดือน กระเทือน "วิกฤติศรัทธา" ของคนในองค์กรต่อตนเอง

ล่าสุด โรงงานสารเคมีระเบิด ที่ห่างโรงงานของบริษัทเพียง 1.8 กิโลเมตร(กม.) ล้วนส่งผลกระทบต่อการทำงานทั้งสิ้น กลายเป็นสิ่งที่จะพิสูจน์การนำทัพองค์กร จะฝ่าภารกิจสุดหินให้ผ่านไปได้โดยเร็ว

"นอกจากโรคระบาดที่เกิดรุนแรงสุดรอบร้อยปี ซึ่งไม่เคยเจอมาก่อน โรงงานสารเคมีระเบิด เป็นสิ่งที่กดดันมาก รวมถึงสิ่งที่คนของ ส.ขอนแก่นไม่คุ้นหูคือคำว่า ขาดทุน เพราะเราอยู่ในธุรกิจที่ทำกำไรมาตลอด ธุรกิจหลักๆไม่เคยขาดทุน แต่พอเจอวิกฤติเราประสบปัญหาขาดทุน 1-2 เดือน จึงไม่ใช่แค่เจอวิกฤติธุรกิจแต่ส่วนตัวเจอวิกฤติศรัทธา ทุกคนห่วงจะรอดไหม เพราะสถานการณ์หนักมาก"

ทั้งนี้ ส.ขอนแก่น มีฟาร์ม 1 แห่ง โรงงาน 4 แห่ง ร้านอาหาร 10 สาขา และอสังหาริมทรัพย์ รวมมีพนักงานร่วม 2,000 ชีวิต ในการฝ่าวิกฤติ "ทีมงาน" เป็นหัวใจสำคัญมาก โดยทุกฝ่ายทำแผนการดำเนินงานต่อเนื่อง (BCP) 6 แผน รองรับการทำงานภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ทีมการตลาดระดมสมองจัดแคมเปญที่จะพลิกกำไรให้บริษัท ฝ่ายผลิตหากไม่สามารถบรรจุสินค้าได้ ทีมงานต่างๆพร้อมไปเป็นกำลังเสริมช่วยเต็มที่ ทีมงานร้านอาหารหาซัพพลายเออร์จากทั่วโลก รองรับความเสี่ยงกรณีซัพพลายเออร์ในประเทศส่งวัตถุดิบให้ไม่ได้ เป็นต้น

การมีทีมงานแกร่ง พร้อมร่วมหัวจมท้าย และลุยแก้ไขปัญหา ทำให้สถานการณ์ยอดขายฟื้นตัวกลับมาในทิศทางที่ดีในระยะสั้น ส่วนระยะยาว จรัญพจน์ ตีโจทย์ธุรกิจอาหารกำลังอยู่ในสถานการณ์โกลาหล เพราะคู่แข่งทางตรงมีมาก ส่วนคู่แข่งหน้าใหม่ตบเท้าเข้ามาแบ่งเค้กมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เดาทางอนาคตลำยาก แต่ธุรกิจต้องอยู่รอด การปรับตัวเพื่อให้ยืนหยัดในวงการได้ บริษัทให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าของสินทรัพย์น้อยลง(Asset Light)มุ่งจับมือพันธมิตรเพื่อให้เกิดซีนเนอร์ยี โมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อบุกตลาด และตัดตัวกลางในธุรกิจมากขึ้น

"อนาคตธุรกิจอาหารเดาทางยากจะแข่งกับใคร เพราะมีสตาร์ทอัพหน้าใหม่ พร้อมตัดตัวกลาง มีแอ๊พพลิเคชั่นต่างๆ คลาวด์คิทเช่น เกิดขึ้น สถานีบริการน้ำมันอยากทำอาหาร กลายเป็นสมรภูมิที่ผู้ประกอบการทุกคนมาบรรจบกันทำตลาดจริง"

อีกตัวแปรที่กระทบผู้ประกอบการ คือ "กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง" แต่ความต้องการสินค้าดีมีคุณภาพมาเป็นอันดับแรก ทำให้บริษัทต้องหันกลับมามองสมรรถนะของตัวเอง ปรับกระบวนการภายใน หาทางผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดี ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแต่ "ราคาต่ำลง" ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายให้ได้

นอกจากนี้ เพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มโอกาสขาย บริษัทจะบุกช่องทางจำหน่ายร้านธงฟ้า ที่มีราว 1-4 แสนราย เพื่อกระจายสินค้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การจับมือพันธมิตรปั๊มน้ำมัน เพื่อขายสินค้า ส่วนการช่องทางออนไลน์จะเน้นขยายพาร์ทเนอร์ ด้านร้านอาหารจะทำคลาวด์คิทเช่น ลดต้นทุน

 "เป็นความท้าทายของผู้ประกอบการ ทุกคนกำลังหนีตาย ยอมลดกำไรตัวเอง เพื่อให้แข่งขันได้ แต่หากต้องการอยู่รอด ต้องกลับมาดูสมรรถนะตัวเอง ทำของดีราคาถูกลง หาจุดแข็งสร้างความโดดเด่น ทำสินค้าให้ผู้บริโภคว้าว!ให้ได้"
#2944



นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ของภาครัฐที่เริ่มต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการนำร่องดึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกลับมาที่เกาะภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีความสวยงามติดอันดับโลก ซึ่งนอกจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวแล้ว ยังจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในภาคอื่นๆ ในพื้นที่กลับมาฟื้นตัวได้เช่นกัน โดยพฤกษาได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในภูเก็ตมาแล้วหลายโครงการ เพื่อสนองนโยบายของภล่าสุดจัดแคมเปญ "ลด! ช็อคทั้งเกาะ น็อคทุกค่าย"สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านพร้อมอยู่ ในราคาเริ่มต้น 1.79 ล้าน รับลดสูงสุดถึง 700,000 บาท พร้อมสิทธิพิเศษอื่นๆ เช่น อยู่ฟรีสูงสุด 36 เดือน, ฟรี!ทุกค่าใช้จ่าย ณ วันโอนฯ และฟรีบริการ Internet AIS Fibre 1 ปี

สำหรับโครงการพฤกษาวิลล์พร้อมเข้าอยู่ 2 ทำเล ได้แก่ โครงการพฤกษาวิลล์ ถลาง-เทพกระษัตรี ทาวน์โฮม 2 ชั้น 3 ห้องนอน สไตล์ Contemporary Modern สเปคเทียบเท่าบ้านเดี่ยว สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งาน Flexi – Multi Space ได้อย่างอิสระ โดดเด่นด้วยทำเลติดเมืองถลาง ห่างจากถนนเทพกระษัตรี เพียง 900 เมตร ใกล้สนามบิน โลตัส, แม็คโคร, โฮมโปร ถลาง เพียง 15 นาที อุ่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัยเข้า-ออกโครงการ ด้วยระบบ Auto Access Card และระบบประตูล็อก 2 ชั้น Check Point สะดวก ปลอดภัย ด้วยระบบ Card Scan กล้องวงจรปิด CCTV ที่ทางเข้าหลัก พร้อมสวนส่วนกลางขนาดใหญ่

โครงการพฤกษาวิลล์ เจ้าฟ้า-เทพอนุสรณ์ ทาวน์โฮม 2 ชั้นสไตล์บาหลี รองรับการใช้ชีวิตของครอบครัวด้วยแบบบ้านใหม่ 4 ห้องนอน มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส รวมถึงสวนส่วนกลางที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ระบบรักษาความปลอดภัยแบบประตูระบบล็อก 2 ชั้น CCTV ตลอดทางเข้าหลักของโครงการ พร้อมจุด Check Point ด้วยเครื่องสแกน และ Security Guard ตลอด 24 ชั่วโมง เดินทางสะดวกเข้าสู่ตัวอำเภอเมืองภูเก็ตเพียง 10 นาที ใกล้แหล่งท่องเที่ยวอ่าวฉลอง หาดราไวย์ ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง อาทิ คิงพาวเวอร์, เซ็นทรัลเฟสติวัล, อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์
#2945
Website ช่องทางการตลาดออนไลน์ ให้มากกว่าที่คุณคิดhttps://www.chatstickmarket.com/single-post/websiteonlinemarketingchannelgivemorethanyouthink

#2946



นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน เปิดเผยว่า ธปท. ได้ออกแนวปฏิบัติการใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการให้บริการทางการเงิน เพื่อให้ผู้ให้บริการทางการเงินภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ใช้เป็นแนวทางในการนำเทคโนโลยี  Blockchain ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับลูกค้าผู้ใช้บริการ และองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้มีความปลอดภัยและความเชื่อมั่นแก่ประชาชนผู้ใช้บริการทางการเงินในโลกการเงินยุคดิจิทัลในอนาคต

เทคโนโลยี Blockchain มีศักยภาพในการพัฒนาภาคการเงินเนื่องจากมีคุณสมบัติสำคัญเรื่องการกระจายข้อมูลจัดเก็บ การเข้ารหัสข้อมูล การเชื่อมต่อกันโดยอ้างอิงจากข้อมูลก่อนหน้า ทำให้การบริหารจัดการข้อมูลในเครือข่าย Blockchain มีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ ข้อมูลใน Blockchain ถูกปลอมแปลงแก้ไขได้ยาก และช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ส่งผลให้ต้นทุนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลต่ำลง ทำให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงขึ้น และสามารถนำไปพัฒนาบริการทางการเงินได้หลากหลาย

ซึ่งในปัจจุบันภาคการเงินของไทยมีการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้มากขึ้น เช่น การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลธุรกรรมการเงิน การโอนเงินระหว่างประเทศ การออกหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินต่าง ๆ


แนวปฏิบัติฉบับนี้เป็นกรอบหลักการในการนำเทคโนโลยี Blockchain มาพัฒนานวัตกรรมทางการเงินควบคู่ไปกับการดูแลความเสี่ยงอย่างรัดกุม โดยผู้ให้บริการทางการเงินภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. สามารถนำมาปรับใช้กับบริการทางการเงินที่มีการประยุกต์ใช้ Blockchain โดยเฉพาะในรูปแบบ Private Blockchain Network โดยเนื้อหาของแนวปฏิบัติ Blockchain ประกอบด้วยสาระสำคัญ 4 ส่วน ได้แก่ 


1) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในทางธุรกิจ
2) การกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยี Blockchain
3) การบริหารจัดการความเสี่ยงด้าน IT
4) การบริหารความเสี่ยงทางกฎหมาย
#2948



"ปรีชา กุลไพศาลธรรม" นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์นนทบุรี กล่าวว่า ผลกระทบจาก 2 มาตรการ ปิดแคมป์ก่อสร้าง และ ล็อกดาวน์ ท่ามกลางการแพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรงในระลอก 4 นี้ น่ากังวลมากกว่าการระบาดทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อลดลงมาก โอกาสเข้าถึงสินเชื่อยากขึ้น

"คนซื้อไม่มีกำลังซื้อ ทำให้เกิดการปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้นจึงต้องระวัง!! และหากธนาคารปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้นกว่านี้ ธุรกิจจะเดินต่อไปไม่ได้แล้ว"

ปัจจุบัน ต้นทุนการลงทุนทำโครงการอสังหาฯ ในแง่ความ "คุ้มค่า" เริ่มไม่ดี ทำให้ภาพรวมของธุรกิจหดตัว เพราะไม่คุ้มกับการลงทุน จากดีมานด์ที่ลดลง การเข้าถึงสินเชื่อยากขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด หากยังดันทุรังพัฒนาโครงการต่อ ถึงแม้ว่าโครงการดีแค่ไหน ลูกค้าก็ซื้อไม่ได้อยู่ดีส่วนหนึ่งไม่มีกำลังซื้อและอีกส่วนไร้อารมณ์ซื้อ

"ตลาดคอนโดมิเนียมไม่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เพราะเจอสภาพเศรษฐกิจแบบนี้คงชะลอการเปิดตัวโครงการออกไปอีก ทุกคนต้องสำรองสภาพคล่องมากขึ้น ทำให้การเปิดตัวโครงการปีนี้ไม่น่าจะโตกว่าปีที่แล้ว และอาจติดลบ จากเดิมที่หลายคนมองว่าบ้านจะโต ปีนี้อาจไม่โต"

ปรีชา ระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์ มีผลทาง "จิตวิทยา" ทำให้ลูกค้าเกิดความกังวลมากขึ้นจากสถานการณ์แพร่ระบาด รวมถึงการใช้จ่ายทำให้การขายยากขึ้น ขณะเดียวกันจากข้อจำกัดการเว้นระยะห่างทางสังคม สำนักงานขายไม่สามารถมีพนักงานให้บริการได้เต็มที่ คาดว่ากระทบยอดขายเดือนก.ค. ที่มีการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ "ลดลง" ขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยแนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการอสังหาฯ หนีไม่พ้น การควบคุมต้นทุน พร้อมกับเจรจากับสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องว่ามีโอกาสที่ขอผ่อนชำระค่าใช้จ่าย รวมถึงการขอวงเงินสินเชื่อพิเศษ อาทิ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan)สินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี (OD) ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) ที่เข้ามาช่วยเป็น​​​เงินทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ

ขณะเดียวกันต้องควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายในองค์กร อาทิ สวัสดิการ เบี้ยขยัน โบนัสของพนักงานที่อาจจำเป็นต้องลดทอนลง เพราะได้รับผลกระทบมาหลายระลอก หากบริษัทไหนที่สภาวะกระท่อนกระแท่นอาจต้องลดเงินดือนพนักงานบางส่วนเพื่อควบคุมต้นทุนให้ดีขึ้น

"สถานการณ์ในเวลานี้ ต้องรัดเข็มขัด เพราะ ผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อและไม่เชื่อมั่น ดังนั้นจึงเลือกเก็บงบไว้ใช้หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ดังนั้นตัดงบการตลาดลดลง เพราะใช้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์สู้รอจังหวะโอกาสที่เหมาะสมให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า "

นอกจากนี้ อาจชะลอการพัฒนาโครงการในพื้นที่ใหม่ หากยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถปิดการขายได้เพราะจะกลายเป็นไปเพิ่มสต็อกสินค้า หรือต้นทุนในการลงทุน ขณะเดียวกันต้องพยายาม "เคลียร์สต็อก" ที่มีอยู่ ด้วยการจัดโปโมชั่นลดแลกแจกแถม แม้ว่าจะกำไรลดลง แต่จำเป็นต้องทำเพื่อรักษาสภาพคล่อง

แนวทางที่กล่าวว่ามา นี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบอสังหาฯพึ่งกระทำเพื่อประคองธุรกิจให้รอดจากวิกฤตินี้!!

ปรีชา ประเมินว่า มาตรการล็อกดาวน์ 14 วันไม่น่าจะจบ!! คงยืดเยื้อออกไปอีกแบบไม่รู้ชะตากรรม ปัญหาที่ประเทศไทยเผชิญตอนนี้ต่างประเทศเคยเผชิญมาก่อน แต่สามารถควบคุมได้ เพราะการบริหารจัดการที่ดี หากบางประเทศที่บริการจัดการไม่ดีปัญหาจบยาก ในส่วนประเทศไทยคงจบ! แต่ไม่เร็วอย่างที่ควรจะเป็น เกิดจากความบกพร่องและไม่เป็นมืออาชีพในหลายเรื่อง

"ล็อกดาวน์ 14 วันไม่จบอาจยืดเยื้อแต่คาดเดาไม่ถูกว่าจะจบเมื่อไร คงต้องใช้ความอดทนต่อไป กว่าทุกอย่างจะฟื้นตัวน่าจะกลางหรือปลายปี 2565"

ความกังวลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิคสูงสุดขณะนี้ นั่นคือการ "กลายพันธุ์" เพราะในประเทศที่มีวัคซีนพอยังมีการติดเชื้อสูง จึงไม่แน่ใจว่าหากฉีดวัคซีนได้มากแล้วปัญหาการแพร่ระบาดจะยุติ จึงเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
#2949



น.ส.เสาวรัตน์ เส็นสด แม่ค้าออนไลน์จำหน่ายผลไม้ใน จ.เชียงราย เล่าว่า จากกรณีที่ไปรษณีย์ไทย เคอรี่ และขนส่งบางราย งดให้บริการรับส่งสินค้าในบางพื้นที่ และงดรับฝากส่งผลไม้ ต้นไม้ต่างๆ นั้น ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยล่าสุดทางร้านได้นำลำไยมาจัดส่งกับ เจแอนด์ที ซึ่งเดิมเป็นสมาชิกและติดต่อส่งสินค้ากับทางพนักงานอยู่เป็นประจำ แต่กลับถูกปฏิเสธรับให้บริการโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้เสียเวลาในการขนสินค้ามาและขนกลับ รวมทั้งต้องไปจัดส่งสินค้ากับผู้ให้บริการรายใหม่ที่ยังคงรับให้บริการ แต่พบว่าราคาที่ให้บริการแพงขึ้นถึง 3 เท่าตัว เช่น จากเดิมค่าจัดส่งทั้งหมดประมาณ 1,000 บาท เพิ่มเป็น 3,000 บาท ส่งผลให้กำไรจากการขายยิ่งลดน้อยลง

อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนหน้านี้ยังเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ให้บริการขนส่งเจแอนด์ที ไม่รับผิดชอบสินค้าในทุกกรณีของการขนส่ง แม้ทางผู้ให้บริการจะมีการคัดแยกส่งสินค้าไปยังปลายทางผิดอำเภอ ทำให้ส่งสินค้าล่าช้าไป 2 วัน จนผลไม้เน่าเสียจนทางร้านต้องออกมารับผิดชอบต่อลูกค้าด้วยการจัดส่งสินค้าใหม่ไปให้ลูกค้าอีกครั้ง จากกรณีนี้ยิ่งทำให้ร้านค้าขาดทุนมากกว่าได้กำไร


น.ส.ธวัลณัฐ สามัคคี แม่ค้าออนไลน์จำหน่ายผลไม้และสินค้าอื่นๆ เล่าว่า ระยะนี้ได้รับผลกระทบในเรื่องขนส่งสินค้าจากกรณีที่มีพนักงานขนส่งคลังที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ออกมาประท้วง และพนักงานบางส่วนติดโควิด ทำให้ขนส่งสินค้าผ่านบริการแฟลชล่าช้า ทางร้านจึงต้องออกมารับผิดชอบด้วยการส่งสินค้าใหม่ไปให้ลูกค้าอีกครั้ง

ขณะที่สินค้าอื่นที่ทางร้านจำหน่ายควบคู่กันไปด้วย เช่น ที่ตรวจครรภ์แบบเก็บเงินปลายทาง ซึ่งมีการจัดส่งที่ล่าช้า จนลูกค้าทนรอไม่ไหว เปลี่ยนใจปฏิเสธการรับของ ทำให้มีสินค้าถูกตีกลับเป็นจำนวนมากอีกด้วย.
#2950



เมื่อ 'วิกฤติโควิด' กำลังทำให้คนไทยเครียด และคิดสั้นมากขึ้น ทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ รัฐบาลจึงควรใส่ใจ นอกจากเร่งแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข

วิกฤติโควิด กำลังทำให้คนไทยเครียด และคิดสั้นมากขึ้น หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวคนฆ่าตัวตายจำนวนมาก ทั้ง

- กรณี 'ประกายฟ้า หรือ ฟ้า' ยูทูปเบอร์ชื่อดัง กระโดดลานจอดรถ เสียชีวิต

- ตำรวจติดโควิด ผูกคอตายเสียชีวิต 

- ลูกป่วยโควิดตาย พ่อกระโดดตึกตายตาม


จากข่าวคนฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ สะท้อนความเครียดที่เพิ่มขึ้นของประชาชนในยุคโควิด ความกังวลดังกล่าวสอดคล้องกับกรมสุขภาพจิต ที่ออกมาเตือนว่าโควิด 19 กำลังทำให้คนคิดสั้นมากขึ้น

การเพิ่มขึ้นของจำนวนคนฆ่าตัวตายในสถานการณ์โควิดเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่การระบาดรุนแรง เช่นในญี่ปุ่น ปีก่อนพบว่าอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงสุดในรอบ 11 ปี จากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงร่วมกับสถาบันผู้สูงอายุในโตเกียว พบว่า อัตราการฆ่าตัวตายช่วง ก.ค. ถึง ต.ค. 2563 เพิ่มขึ้นถึง 16 % จากช่วงเดียวกันของปี 2562

หรือในเกาหลีใต้ ที่สถานการณ์โควิดทำให้อัตราการฆ่าตัวตาย และซึมเศร้าเพิ่มขึ้น ข้อมูลจากศูนย์สุขภาพจิต ประเทศเกาหลีใต้ พบว่า จำนวนประชาชนปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นถึง 20% จากปี 2562 

สำหรับประเทศไทยนับจากวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 หรือต้มยำกุ้ง อัตราการฆ่าตัวตายก็ลดลงมาโดยตลอด กระทั่งปัจจุบัน จากปัญหาโควิด ทำให้อัตราการฆ่าตัวตายกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ ก่อนโควิด สถิติคนไทยฆ่าตัวตายอยู่ที่ประมาณ 6-7 คนต่อประชากร 1 แสนคน/ปี เช่น

- ปี 2560 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 6 คน

- ปี 2561 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 6-6.5 คน 

- ปี 2562 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 6.36-6.6 คน แต่นับจากมีโควิด สถิติก็เพิ่มขึ้น

- ปี 2563 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 7.37 คน สูงขึ้นจากปี 2562 ราว 10% - ขณะที่ใน 5 เดือนแรกของปี 2564 สถิติใกล้เคียงกับทั้งปีของปีก่อน

ตราบใดที่การระบาดยังเพิ่ม มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากขึ้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น ก็เสี่ยงทำให้คนเครียด และคิดสั้นมากขึ้น ทั้งนี้เมื่อย้อนกลับไปดูตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง สถิติฆ่าตัวตายอยู่ที่ 8 คนต่อ 1 แสนคน วิกฤติโควิดคราวนี้กำลังพาสังคมไทยกลับไปสู่จุดนั้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ อาจแบ่งความเครียดหลักๆ ได้จาก 2 สาเหตุ

สาเหตุแรก ความเครียดจากโรคภัย ทั้งกลัวติด กลัวตาย ความเครียดที่ติดโควิดแล้วต้องรอเตียงอย่างไม่รู้อนาคต หาเตียงไม่ได้ ความเครียดจากกลัวแพร่โรคให้คนในครอบครัว ความเครียดจากการต้องอยู่คนเดียวระหว่างรอเตียงหรือทำการรักษา นำไปสู่ความสิ้นหวังและขาดกำลังใจ

สาเหตุที่สอง ความเครียดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทั้งตกงาน ถูกลดชั่วโมงทำงาน สถานประกอบการถูกปิดทั้งจากพิษเศรษฐกิจและมาตรการเยียวยาของรัฐ ทำให้รายได้ลดลง ผู้นำครอบครัวขาดความสามารถดูแลครอบครัว รู้สึกหมดหวัง สูญเสียคุณค่าในตัวเอง 

ตัวอย่างผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น ล่าสุดสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ระบุว่า โควิด 19 เสี่ยงทำให้ 1 ใน 4 ของแรงงานภาคท่องเที่ยวตกงาน หรือคิดเป็นจำนวนมากถึง 4 ล้านคน โดยหวั่นว่า แรงงานกลุ่มนี้จะเครียดและฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของไทยเมื่อปีก่อน ที่พบว่า กลุ่มอาชีพพนักงานและคนว่างงานมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจกำลังทำให้คนคิดสั้นเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ มีข้อควรระวังอีก 2 ประการ กล่าวคือ 

ประการแรก พบว่าความเครียดหรือวิตกกังวลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องปฏิบัติงานอย่างหนักภายใต้ความเครียด มาเป็นระยะเวลานาน 

ประการที่สอง จากประสบการณ์รับมือการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในอดีตพบว่า ความเครียดหรือวิตกกังวลก่อผลกระทบ ทิ้งร่องรอยยาวนานแม้การแพร่ระบาดจบลงแล้ว โดยเกิดขึ้นทั้งในคนธรรมดา และบุคลากรด้านสาธารณสุข

เรียกว่าวิกฤติโควิด ในทางตรง ทำให้คนเจ็บป่วยทางกาย ในทางอ้อม ยังส่งผลให้คนเจ็บป่วยทางใจด้วย โดยความทุกข์ทางใจเกิดขึ้นได้ ในทุกชนชั้นรายได้ วัย อาชีพ ไม่เลือกว่าเป็นผู้ติดเชื้อหรือไม่ 

จากสถานการณ์โควิดที่รุนแรงขึ้น ยังไม่เห็นปลายทางของวิกฤต ผลกระทบจากปัญหาสุขภาพและเศรษฐกิจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เสี่ยงทำให้คนไทยเครียดและคิดสั้นมากขึ้น 

รัฐบาลจึงควรใส่ใจ นอกจากเร่งแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข คือ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ควบคุมการระบาดให้ได้ ยังควรพยายามเยียวยาเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจให้ประชาชนอย่างทันท่วงที 

โดยเฉพาะ สำหรับบุคลากรด้านสาธารณสุข ซึ่งรับภาระรักษาผู้ป่วย ที่นับวันเผชิญความเครียดมากขึ้น ต้องดูแลผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ในระยะสั้น สิ่งที่รัฐควรทำทันทีคือ รัฐบาลต้องเพิ่มความมั่นใจในการป้องกันโรค เช่น หาวัคซีนเข็ม 3 ที่มีประสิทธิภาพมาฉีดอย่างรวดเร็ว ตลอดจนเพิ่มค่าตอบแทนให้บุคลากรด้านสาธารณสุขอย่างเหมาะสม ซึ่งอย่างน้อยพอช่วยบรรเทาความเครียด และเพิ่มความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น

สุดท้าย เราทุกคนควรใส่ใจคนรอบตัวมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเรื่องร้ายกับคนใกล้ตัวกันครับ
#2951



เป็นสัปดาห์ที่สร้างความหวั่นไหวให้กับสมาชิกชั่วคราวทั้ง 7 ต้นน้ำ-บัณฑิฏา สันตยารมณ์ , ม่านมุก-ชดาธาร ด่านกุล, มีมี่-พิมพ์มาดา ตั้งสี, รันม่า-แทนทยา ชิชิดะ, ซีโมน-ปุณณาสา ต้นวิชา, เก๋-พรรณิภา วงษาชัย และ ตาล-สุดารัตน์ วงษ์กล่ำ อย่างมาก เพราะที่ผ่านมา สมาชิกชั่วคราวแต่ละคน สามารถป้องกันตำแหน่งของตัวเองจากผู้ท้าชิงมาต่อเนื่อง 6 แมตช์ติดต่อกันเข้าให้แล้ว สัปดาห์ที่ผ่านมาสมาชิกชั่วคราวต่างก็แอบลุ้นว่าวีคนี้ใครจะเป็นผู้ถูกเลือก และจะสามารถสร้างสถิติใหม่รักษาตำแหน่งของตัวเองได้อย่างเหนียวแน่น 7 ครั้งต่อเนื่องได้หรือไม่?


เปิดเวทีด้วยพิธีกร น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา เชิญผู้ท้าชิงคนที่ 11 อาย-ฐิติรัตน์ ละลี อดีตสมาชิกวงไอดอลชื่อดังจากภาคเหนือ SY51 สู่เวทีเพื่อเลือกสมาชิกชั่วคราวที่อายต้องการท้าชิง ซึ่งอายประกาศอย่างมุ่งมั่น ขอเปิดศึกกับสมาชิกชั่วคราวหมายเลข 5 ซีโมน-ปุณณาสา โดย อาย-ฐิติรัตน์ ได้พาพิธีกรและคณะกรรมการอย่าง สอง พาราด็อกซ์, แพท เคลียร์, หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ และ ติ๊ก เพลย์กราวนด์ ย้อนไปสัมผัสกลิ่นอายในอดีตกับเพลง "รักครั้งแรก" ของวง "ชาตรี" ด้าน ซีโมน-ปุณณาสา ที่ต้องแบกรับภาระการรักษาสถิติเอาไว้ ก็โชว์ในเพลง "นักมายากล" ของวง "พาราด็อกซ์" อย่างสนุกสนาน สลัดความกังวลและโฟกัสกับหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี


และแล้วก็ถึงคราวที่กรรมการต้องตัดสิน เมื่อทางรายการประกาศให้กรรมการที่จับลูกบอลหมายเลข 3 ต้องรับหน้าที่ชี้ชะตาผู้ท้าชิงและสมาชิกชั่วคราว งานนี้ฟ้ากำหนดให้ สอง พาราด็อกซ์ เป็นผู้ตัดสิน ซึ่งเจ้าตัวเลือกให้ ซีโมน ไปครองตำแหน่งสมาชิกชั่วคราวหมายเลข 5 ต่อไป ด้านกรรมการท่านอื่นก็พร้อมใจเทคะแนนให้ ซีโมน เช่นกัน สร้างความดีใจให้กับ ซีโมน เป็นอย่างมากที่สามารถสร้างสถิติที่สมาชิกชั่วคราวสามารถรักษาตำแหน่งได้ต่อเนื่องถึง 7 ครั้ง


หลังรักษาตำแหน่งไว้ได้ ซีโมน เปิดใจว่า "ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่หนูถูกท้าชิง หนูภูมิใจกับโชว์นี้มาก ๆ ค่ะ มันจะมีความจิต ๆ หนูชอบดูหนังแนวนี้อยู่แล้ว เลยทำให้หนูเก็ทกับมันมากขึ้น แต่พี่อายก็ทำได้ดีมาก ๆ เลย พอโชว์มันแตกต่างกันคนละขั้ว ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของกรรมการแล้วค่ะ ถามว่าครั้งนี้กดดันกว่าครั้งก่อนไหม คือเราอยู่กันมาได้ 6 สัปดาห์แบบครบเลย ก่อนโชว์ก็กดดันมาก ๆ เลยค่ะ ซึ่งหน้าที่ของหนูก็คือต้องโชว์ออกมาให้ดีที่สุด หนูรู้สึกดีใจมากที่คนเอ็นจอยกับโชว์นี้ ทำให้มีกำลังใจที่ครีเอทโชว์ต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ"


จากนั้นมาถึงคิวของผู้ท้าชิงคนที่ 12 พรีม-ปฐมาภรณ์ ศรีวานิชภูมิ สาวน้อยผู้กล้าก้าวข้ามคอมฟอร์ทโซนของตัวเอง ฝึกฝนทักษะการร้องเต้นที่เธอไม่เคยทำ โดยสาวพรีมเลือกแข่งขันกับผู้ท้าชิงหมายเลข 6 เก๋-พรรณิภา วงษาชัย ซึ่งเป็นการประเดิมเวทีครั้งแรกของเก๋ในรายการ "Last Idol Thailand" เพราะที่ผ่านมาเก๋ยังไม่เคยถูกท้าชิงมาก่อน พรีม-ปฐมาภรณ์ เลือกร้องเพลง "จริง ๆ มันก็ดี" ของ จีน่า เดอซูซ่า ด้วยเสียงหวาน ๆ ของพรีมเปลี่ยนให้เพลงแสบซ่ากลายเป็นเวอร์ชั่นสดใสมองโลกบวกขึ้นมาทันที ทำให้กรรมการชุดใหม่อย่าง โบ ไทรอัมพ์ คิงดอม, หนึ่ง อีทีซี, ณัฐ เคลียร์ และ แทน ลิปตา อดยิ้มไปกับการแสดงของเธอไม่ได้

เมื่อผู้ท้าชิงคนที่ 12 สาดพลังบวกให้ผู้ชมขนาดนี้ เก๋-พรรณิภา จะเรียกความสนใจจากกรรมการให้เทคะแนนให้กับเธอด้วยเพลงอะไร? รอให้กำลังใจเก๋กันต่อในวันอาทิตย์ที่ 1 ส.ค. เวลา 12.30-13.30 น ทางช่อง 7 HD
#2952


วันที่ 26 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่น.ส.ศิริลักษณ์ ศรีนวลจันทร์ อายุ 25 ปีสั่งซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์จากแม่ค้า แต่ดันไม่ได้เงินกลายเป็นหวยอลเวง ต่อมาน.ส.ศิริลักษณ์ซึ่งทำงานอยู่ต่างประเทศได้ให้ ร.ต.อ.เรืองเดช ศรีนวลจันทร์ ซึ่งเป็นบิดาไปแจ้งความกับ พ.ต.ท.ประสาท อันธพิระ สารวัตรสอบสวน สภ.วังสามหมอ เพื่ออายัดลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 คือหมายเลข 556725 งวดที่ 27 ชุดที่ 31 งวดวันที่ 16 กรกฏาคม 2564 โดยห้ามมิให้ผู้ใดขึ้นเงินกับทางสำนกงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ออกหมายจนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น
 
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ ร.ต.อ.เรืองเดช ศรีนวลจันทร์ ซึ่งเป็นตร.ที่อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี โดยเจ้าตัวอ้างว่าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ กล่าวแต่เพียงว่า ลูกสาวบอกให้มาแจ้งความอายัดลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ไว้ก่อน ส่วนเรื่องคดีปล่อยให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนและทนายต่อไป แต่ยืนยันว่า ลูกสาวจ่ายเงินไปหมดแล้วก่อนวันหวยออก ซื้อทั้งหมด 8 ใบรวมเป็นเงิน 1,320 บาทในจำนวนนี้มีลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ด้วย คือหมายเลข 556725
#2953


เรื่องย่อ รักนิรันดร์จันทรา เรื่องราวความรักของชายหนุ่มผู้มีชีวิตเป็นอมตะ เฝ้ารอคอยมานานกว่า 200 ปี เพื่อให้คนรักของเขากลับมา


ต้องจันทร์ (ไอซ์ ปรีชญา) พนักงานบัญชีสาวได้รู้ว่าตนเองถูกแฟนหนุ่มหลอกมาตลอด 2 ปี เธอเสียใจกินเหล้าเมาแอบขึ้นไปร้องไห้โวยวายบนดาดฟ้า โดยไม่รู้ว่าขบวนการค้ายาเสพติด Black Pearl นัดหมายส่งสินค้ากันที่นั่น ต้องจันทร์โดนลูกหลงจนพลัดตกจากตึก วินาทีที่เธอคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ กลับเห็นผู้ชายคนหนึ่งกระโดดตามลงมาคว้าตัวเธอไว้ ก่อนที่ภาพจะดับวูบ โดยไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือ ธชา สิริทรัพย์ภักดี (เคน ธีรเดช) ซึ่งขณะที่เขาเห็นเธอเพียงแวบเดียว ก็รู้ทันทีว่าเธอคือคนที่เขารอคอยมาแสนนาน


ต้องจันทร์รู้สึกตัวอีกครั้งก็กลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว เธอถูก ตรัยภูมิ (กบ ทรงสิทธิ์) ผู้เป็นพ่อซักไซ้ว่าไปทำอะไรที่โรงแรม ซึ่งเป็นที่นัดหมายส่งยาของแก๊งเดียวกับที่ทำให้ กัลยา (เง็ก กัลยา) แม่ของต้องจันทร์ต้องตาย และทำให้ตรัยภูมิพิการเดินไม่ได้ตลอดชีวิต ต้องจันทร์จำอะไรไม่ได้นอกจาก ผู้ชาย เลือด และเขี้ยว


ภานุ (แม็ค วีรคณิศร์) เพื่อนข้างบ้านที่แอบรักต้องจันทร์และเป็นตำรวจเจ้าของคดี Black Pearl รู้ว่าต้องจันทร์ไม่ได้โกหก แต่เรื่องที่เธอเล่าออกจะแฟนตาซีเกินไป และไหนจะศพของ ไฮโซแพต (บีม ศรัณยู) ที่ถูกสูบเลือดไปทั้งตัว โดยมีรอยเล็กๆ ที่คอเหมือนถูกกัด จ่ากบ (สุรินทร คารวุฒม์) คู่หูตำรวจของภานุหาคดีเก่าๆ มาให้ดู พบว่าหลายศพในหลายสิบปีที่ผ่านมา มีรอยกัดแบบเดียวกันที่คอ โดยคนที่ตายเป็นอาชญากรที่ตำรวจต้องการตัวทั้งหมด เป็นคดีที่ปิดไม่ลง จนถูกเรียกว่า แวมไพร์เคส


แวมไพร์ที่ทุกคนพูดถึงก็คือธชา ซึ่งมีชื่อเดิมว่า ทับ เขาเคยเป็นนักรบของพระเจ้าตากสิน สมัยสร้างกรุงธนบุรี ขณะที่กำลังปราบปรามกองโจรต่างๆ เขาพลัดตกลงไปในเรือของฝรั่งเศสที่อับปางอยู่ริมหน้าผา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของชีวิตอมตะ ที่อยู่มากว่า 200 ปี มีเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ หนึ่งคือ คุณเดช (เอ อนันต์) ชายวัย 50 ปี และ ข้าวหอม (อุ้ม อิษยา) เด็กสาววัย 23 ปีที่เก่งกาจเรื่องไอที คอยช่วยเหลือเขาในการตามตัวผู้ร้ายคดีต่างๆ


ธชาเชื่อว่าต้องจันทร์คือแม่อิ่มกลับชาติมาเกิด เขาขอให้ข้าวหอมซึ่งมีความสามารถทางคอมพิวเตอร์ช่วยหาข้อมูลของต้องจันทร์ ภายในคืนเดียวธชาก็ได้รู้ประวัติของต้องจันทร์อย่างละเอียด ได้รู้ว่าเธออาศัยอยู่ในบ้านกับตรัยภูมิและ ตามเดือน (ฟลุท ชินพรรธน์) น้องชายของต้องจันทร์ ที่หมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องผีๆ ถึงขนาดเปิดเพจ ตามล่าผี


ธชาวางแผนติดต่อขอซื้อวิลล่าที่ภูเก็ต โดยมีข้อแม้ว่าต้องจันทร์ต้องเป็นคนไปเสนอขาย ต้องจันทร์ไม่เอาด้วย แต่ด้วยค่าคอมมิชชั่นที่สูงลิวทำให้เพื่อนๆ ฝ่ายขายอย่าง ชมพู (ซานิ นิภาภรณ์), เปรี้ยว (น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย), พี่แวววรรณ (มิ้งค์ ณัฏฐริณีย์) รวมถึง ขจร (ป๊อก โฆษวิส) หัวหน้าฝ่ายบัญชี ต้องขอร้องแกมบังคับจนต้องจันทร์ไม่มีทางปฏิเสธ

บนเรือร่องแม่น้ำเจ้าพระยาสุดหรู ธชาปฏิบัติต่อต้องจันทร์ราวกับเจ้าหญิง แต่ต้องจันทร์กลับยิ่งคลางแคลง ผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอ ใครจะมาจริงใจลงทุนขนาดนี้ ต้องจันทร์จึงปฏิเสธธชาตรงๆ และขอให้เขาเลิกยุ่งกับเธอ หลังจากวันนั้นธชากลับรุกหนักกว่าเดิม เขาไปหาเธอที่ทำงาน และได้เจอกับ แมทธิว (วิลลี่ แมคอินทอช) เจ้าของบริษัท ที่ดูแลกิจการแทนภรรยา นภา (จอย รินลณี) ผู้ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายมานานหลายปี

ภานุได้เจอกับ พริ้งพราว (วาววา ณิชชา) น้องสาวของไฮโซแพตที่มารับศพพี่ชาย พริ้งพราวโกรธแค้นคนที่ฆ่าพี่เป็นอย่างมาก สาบานว่าจะล้างแค้นเอาคืนให้ได้


คืนหนึ่งตามเดือนและ ธาม (แจ๊ค จักรพันธ์) พากันไปถ่ายคลิปตามล่าผี และเจอเข้ากับแก๊งค้ายา ทำให้ถูกทำร้ายจนสลบ แต่ก่อนที่จะถูกพาไปฝังทั้งเป็น ธชาก็มาช่วยไว้ได้ทัน แต่ระหว่างจัดการคนร้าย กลิ่นคาวเลือดกระตุ้นความเป็นแวมไพร์ของธชา เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ตรงเข้ากัดคออีกฝ่าย จังหวะเดียวกับที่ต้องจันทร์เข้ามาพอดี ต้องจันทร์ไม่เห็นหน้า แต่เห็นเลือดและคมเขี้ยว ทำให้ภาพคืนนั้นที่ดาดฟ้าแวบขึ้นมา ต้องจันทร์ตกใจจนเข่าอ่อน เธอหวาดกลัวเรียกเขาว่า "สัตว์ประหลาด"


ความรักกลับกลายเป็นความเจ็บปวด เมื่อต้องจันทร์แสดงออกชัดเจนว่าทั้งรังเกียจและหวาดกลัว ธชาจะทำอย่างไรต่อไป ใครกันคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการ Black Pearl ตำรวจจะสามารถกวาดล้างขบวนการค้ายาระดับประเทศได้สำเร็จหรือไม่

บทสรุปเรื่องราวความรักของ ต้องจันทร์ และ ธชา จะจบลงยังไป ความรักระหว่างเธอกับธชา ที่หลายคนบอกว่าระหว่าง คน กับ แวมไพร์ จะเป็นไปได้ไหม ต้องเตรียมไปลุ้นพร้อมกันใน ละคร รักนิรันดร์จันทรา ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 กด 33 ละคร รัก นิรันดร์ จันทรา เริ่มตอนแรกวันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม 2564

บทประพันธ์โดย : Brother's Library

บทโทรทัศน์โดย : ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส, ปลายสี

กำกับการแสดงโดย : ตระกูล อรุณสวัสดิ์

ผลิตโดย : บริษัท ชลลัมพี บราเธอร์ จำกัด


ควบคุมการผลิตโดย : ต้อง จุลวุฒิ ชลลัมพี

รายชื่อนักแสดงนำในละคร รัก นิรันดร์ จันทรา

เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ รับบท ธชา หรือ ทับ

ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร รับบท ต้องจันทร์ (แม่อิ่ม)

แม็ค วีรคณิศร์ กานต์วัฒนกุล รับบท ภานุ

อุ้ม อิษยา ฮอสุวรรณ รับบท ข้าวหอม

วิลลี่ แมคอินทอช รับบท แมทธิว

จอย รินลณี ศรีเพ็ญ รับบท นภา

วาววา ณิชชา โชคประจักษ์ชัด รับบท พริ้งพราว

เอ อนันต์ บุนนาค รับบท เดช

กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี รับบท ตรัยภูมิ

ฟรุท ชินพรรธน์ กิตติชัยวรางค์กูร รับบท ตามเดือน

วุฒิ สุรินทร คารวุฒม์ รับบท จ่ากบ

ซานิ นิภาภรณ์ ฐิติธนการ รับบท ชมพู

หนึ่ง น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย รับบท เปรี้ยว

แนตตี้ นาตาชา จุลานนท์ รับบท วีวี่

ป๊อก โฆษวิส ปิยะสกุลแก้ว รับบท ขจร

มิ้งค์ ฐรินดา กรรณสูต รับบท แวววรรณ

แม็ค ปวิช เวียงนนท์ รับบท โจ

แจ๊ค จักรพันธ์ จันโอ รับบท ธาม

บีม ศรัณยู ประชากริช รับบท แพต (รับเชิญ)

มิล ศรุต นวประดิษฐกุล รับบท เก้า (รับเชิญ)

ขวัญ ขวัญฤดี กลมกล่อม รับบท วิสาขา (รับเชิญ)

เง็ก กัลยา เลิศเกษมทรัพย์ รับบท กัลยา (รับเชิญ)

เอ สุรพันธ์ ชาวปากน้ำ รับบท ศักดิ์ (รับเชิญ)

รุติ นิรุติ สาวสุดชาติ รับบท มั่น (รับเชิญ)

โชค โชคชัย เจริญสุข รับบท อาทิตย์ (รับเชิญ)

ฟลุ๊คจ์ พงศภัทร์ กันคำ รับบท ตะวัน (รับเชิญ)
#2954

(26 ก.ค.64) เช ยอง ซอก เฮดโค้ชเทควันโดทีมชาติไทย ออกมาเปิดเผยระหว่างเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นถึงประเทศไทยแล้วด้วยสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน SQ0726 โดยเจ้าตัวจะลงเครื่องที่จังหวัดภูเก็ตพร้อมกับ "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่จะเข้าร่วมการกักตัว 14 วันในโครงการ "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" 

ทั้งนี้ส่วนหนึ่งระหว่างที่มีการให้สัมภาษณ์ "โค้ชเช" เช ยอง ซอก ได้พูดถึงเรื่องการขอสัญชาติไทยอีกครั้งว่า ถ้าผมมีโอกาสได้สัญชาติไทยผมก็จะทำหน้าที่ของผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนอะไรครับ ถ้ามีโอกาสได้ก็อยากได้ให้เร็วที่สุด (ยิ้ม)


โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความสำเร็จของนักกีฬาเทควันโดไทยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ซึ่งผู้ที่มีส่วนสำคัญในความสำเร็จครั้งนี้ คือ "โค้ชเช" หรือนายชเว ยอง ซอก (Mr. Choi Young Seok) หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ซึ่งได้ช่วยพัฒนากีฬาเทควันโดของไทยให้ได้รับการยอมรับว่า มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก และถือเป็นอันดับต้นๆ ของโลกในขณะนี้ โดยมีผลงานสำคัญมากมาย ทั้งการนำทีมนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันในเอเชียนเกมส์ โอลิมปิกเกมส์ และรายการแข่งขันระดับโลกอื่นๆ จนสร้างผลงานโดดเด่นได้รับเหรียญรางวัลอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในเบื้องต้น ได้รับทราบจากการกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ว่า ปัจจุบัน "โค้ชเช" ถือสัญชาติเกาหลีใต้ และได้แสดงความประสงค์ที่จะเปลี่ยนมาเป็นสัญชาติไทย แต่เนื่องจากที่ผ่านมา เอกสารและหลักฐานต่างๆ ซึ่งมีจำนวนมาก อาจยังรวบรวมได้ไม่ครบถ้วน จึงได้ชะลอการยื่นขออย่างเป็นทางการไว้ก่อน แต่ทราบว่าในขณะนี้ได้เตรียมเอกสารไว้จนเกือบครบแล้ว ดังนั้นเมื่อ "โค้ชเช" เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว จะเตรียมยื่นเอกสารพร้อมหลักฐานขอสัญชาติไทยอย่างเป็นทางการ ผ่านทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อส่งต่อให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาต่อไป.
 
#2955



เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 24 กรกฎาคม ที่ สภ.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี พ.ต.อ.ชนะไชย เกษมวงศ์ ผกก.สภ.เสม็ด พ.ต.ท.วุฒินันท์ นามแสง หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เสม็ด พ.ต.ท.สิริวัฒน์ คัชมาตย์ รอง ผกก.สภ.เสม็ด จับกุม น.ส.พรประภา หรือหนึ่ง จูกลิ่น อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/12 หมู่ 3 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี และ น.ส.จันจิรา หรือมิ้น ตันสิน อดีต ผช.ทัณตแพทย์ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 11 ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.นครนายก


ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกง โดยอ้างว่าฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แอสตร้า เซเนก้า แต่ปรากฏว่าได้นำน้ำเกลือไปฉีดให้กับผู้เสียหาย 5 คน โดยเรียกเงิน 19,000 บาท
 

ซึ่งมีทั้งหมด 5 คน ประกอบไปด้วย น.ส.ประเสริฐ บุญส่ง อายุ 60 ปี บ้านเดิมอยู่ที่ 192 หมู่ 5 ต.บ้านกล้วย อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ น.ส.สุนันท์ โฉมงาม อายุ 49 ปี บ้านเดิมอยู่ที่ 462 หมู่ 1 ต.แหลมรัง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร นางอนงค์ โฉมงาม อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89/214 หมู่ 5 ต.ห้วยกะปิ อ.เมือง จ.ชลบุรี นายประสิทธิ์ บุญส่ง อายุ 53 ปี และ ด.ญ.ธัญวรัตน์ บุญส่ง อายุ 12 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89/103 หมู่ 5 ต.ห้วยกะปิ อ.เมือง จ.ชลบุรี  มาดำเนินคดี 4 ข้อหาหนักหลังสอบปากคำเบื้องต้น
 

สืบเนื่องมาจากตำรวจ สภ.เสม็ดได้รับการประสานงานจากนายจิระสันต์ มีรัตน์ธนวัต เภสัชกรชำนาญการพิเศษ สำนักงานสาธารณสุข จ.ชลบุรีว่ามีการลักลอบหลอกต้มตุ๋นนำวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ออกมาจำหน่ายและฉีดให้กับประชาชน


โดยมี น.ส.พรประภา หรือหนึ่ง เป็นผู้ประสานงานในราคาเข็มละ 2,200 บาท ซึ่งในความเป็นจริงจะต้องได้รับการจัดสรรจากภาครัฐ จึงได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและได้ควบคุมตัว


น.ส.พรประภา มาสอบปากคำและให้การรับสารภาพได้ความว่า น.ส.พรประภาได้ร่วมกับ น.ส.จันจิราหลอกลวงผู้เสียหายว่า สามารถนำวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าออกมาจำหน่ายและฉีดให้กับผู้เสียหายได้ และได้ทำการฉีดผู้เสียหายทั้งหมด 5 คน คิดเงิน 19,000 บาท
 

นอกจากนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้รับวัคซีนมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.เมืองชลบุรีแต่อย่างใด ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่อ้างว่านำมาฉีดให้กับผู้เสียหายนั้นแท้จริงเป็นน้ำเกลือ ส่วนอุปกรณ์การฉีดได้ซื้อมาจากร้านขายยาทั่วไป ส่วนเอกสารใบนัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 นั้น ได้แอบเอาแบบฟอร์มไปถ่ายเอกสารเพื่อมอบให้กับผู้เสียหาย
 

ในการสอบปากคำครั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่าทำผิดจริง พ.ต.อ.ชนะไชย จึงได้แจ้งข้อหาในการกระทำความผิดประกอบไปด้วย ร่วมกันฉ้อโกง ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำการพยาบาลนอกสถานที่พยาบาล ซึ่งจะได้ส่งฟ้องศาลต่อไป
 

นางอนงค์ โฉมงาม ผู้เสียหายกล่าวว่า ครั้งแรกตนเองจะไปฉีดวัคซีนที่หอประชุมเทศบาลเมืองบ้านสวน ซึ่งจะเป็นการฉีดวัคซีนซิโนแวค แต่ได้รับคำแนะนำจาก น.ส.พรประภาทำงานเกี่ยวกับร้านขายยา ซึ่งเป็นแฟนของน้องชาย ให้ไปฉีดแอสตร้าเซนเนก้า เพราะอายุเกิน 60 ปีแล้วปลอดภัยกว่า โดยจะจองผ่านโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.เมืองชลบุรี ใช้สิทธิพนักงานจะได้รับสิทธิพิเศษลดราคา จึงได้ตกลงฉีดพร้อมกันทั้งครอบครัวในวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา และนัดฉีดวันที่ 21 กรกฎาคม ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลานัดหมาย ได้มีการนำพยาบาลมาฉีดให้ที่บ้าน อ้างว่าไปโรงพยาบาลเสี่ยงติดเชื้อ ซึ่งฉีดทั้งตนเอง แม่ของตน ลูกสาว สามี พี่สาวแฟน จ่ายเงินไปทั้งหมด 19,000 บาท
 

นางอนงค์กล่าวว่า ส่วนสาเหตุว่าเป็นน้ำเกลือเนื่องจาก ต้องการใบรับรองว่าฉีดเข็มแรก และเตรียมที่จะฉีดเข็มที่ 2 ปรากฏว่าไม่ยอมนำมาให้ จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามทางโรงพยาบาลว่ามีการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าหรือไม่ ทางโรงพยาบาลยืนยันว่าไม่มีการฉีดไม่มีการจอง และน.ส.จันจิรา หรือมิ้น ตันสิน เคยเป็นอดีต ผู้ช่วยทัณตแพทย์ ลาออกไปแล้ว ทางโรงพยาบาลให้ความร่วมมือจนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวมาได้ และให้การรับสารภาพว่าได้นำน้ำเกลือมาฉีดให้ตนเองและคนในครอบครัว
#2956


'วัคซีนโควิด 19' กลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ไทยกำลังประสบอยู่ และเกิดคำถาม ข้อเรียกร้องจากประชาชนมากมาย ให้รัฐบาล จัดหาจัดสรรวัคซีนที่มีคุณภาพฉีดให้ครอบคลุมประชาชนทุกคน

 จากการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  (โควิด - 19) (ศบค.) ครั้งที่ 10/2564 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบถึงแนวทางการจัดสรรวัคซีน แผนการกระจายวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ระหว่างวันที่ 19 ก.ค.- 31ส.ค. 2564

13 ล้านโดสเร่งกระจายวัคซีนใน 3 กลุ่มจังหวัด 
โดยการพิจารณาจัดสรรวัคซีนให้กับผู้ที่ได้จองฉีดวัคซีนล่วงหน้า คือ กลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรังโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มจังหวัด ประกอบด้วย

1.กลุ่มจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และจังหวัดควบคุมสูงสุดบางจังหวัด จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และชลบุรี

2.จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือมีความเร่งด่วนในการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ภายหลังการระบาด และแผนเปิดการท่องเทียวระยะถัดไป จำนวน 18 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก หนองคาย สระแก้ว บุรีรัมย์ พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาเต่า) ตรัง พังงา และกระบี่

3.จังหวัดอื่น ๆ จำนวน 48 จังหวัด

เกณฑ์การจัดสรรวัคซีน 15 ก.ค.-31 ส.ค.2564
มีการพิจารณา ดังนี้

1.จำนวนประชากรที่นำมาคำนวณมาจากฐานข้อมูลประชากรจากทะเบียนบ้านและประชากรแฝง

2.เป้าหมายฉีดให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 70 ของจำนวนประชากรจากทะเบียนบ้านและประชากรแฝงทุกกลุ่มอายุในแต่ละจังหวัด ทั้งผู้มีสัญชาติไทยและ ไม่มีสัญชาติไทย

3.เป้าหมายให้บริการวัคซีน 13,000,000 โดส (จำนวนวัคซีนที่จัดสรรจริงอาจปรับเปลี่ยนตามปริมาณวัคซีนที่ประเทศไทยจัดหาได้)

4.ประเภทการจัดสรรเป็นไปตามมติศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19  เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2564 แบ่งเป็น 3 กลุ่มจังหวัดตามที่เสนอ โดยเกณฑ์การจัดสรรจะพิจารณาจากปัจจัย ได้แก่ ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ได้ลงทะเบียนจองวัคซีนล่วงหน้าในเดือนก.ค. – ส.ค.2564 การให้วัคซีนเพื่อป้องกันเชิงรุกในพื้นที่ระบาดใหม่  โควตาประกันสังคม สำหรับผู้ประกันตน (กทม. + 12 จังหวัด) และจำนวนประชากรแต่ละจังหวัด

5.กรณีจัดหาวัคซีนได้ไม่ถึง 13,000,000 โดส จะลดลงตามสัดส่วนวัคซีนที่ได้

ทั้งนี้  ที่ประชุมมีความเห็นว่าควรลดระยะเวลาการฉีดวัคซีน AstraZeneca จำนวน 2 โดส เป็น 8 สัปดาห์ ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 สูง และให้ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 พิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 เพิ่มเติม

แนวทางการฉีดวัคซีนในประเทศไทย
แนวทางการฉีดวัคซีนแบบผสมสูตร ตามแนวทางมาตรฐาน ได้แก่

1.กรณีรับวัคซีน Sinovac เข็มที่ 1 และวัคซีน AstraZeneca เข็มที่ 2 ให้ฉีดห่างกัน 3 - 4 สัปดาห์

2.กรณีรับวัคซีน AstraZeneca จำนวน 2 เข็ม ให้ฉีดห่างกัน 10 - 12 สัปดาห์ โดยทั่วไปผู้รับวัคซีนจะมีภูมิคุ้มกันสูงเพียงพอหลังจากฉีด ครบ 2 เข็ม แล้ว 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ กรณีการฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุให้พิจารณารับวัคซีน AstraZeneca จำนวน 2 เข็ม และการฉีดวัคซีน Sinovac จำนวน 2 เข็ม จะฉีดเฉพาะกรณี


แนวทางการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 ในบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็ม โดยสามารถได้รับการฉีดวัคซีน AstraZeneca หรือ Pfizer เป็นเข็มกระตุ้น 1 เข็ม หลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ (สูตร Sv-Sv-Az หรือ Sv-Sv-Pf) ทั้งนี้ เมื่อมีวัคซีนเพียงพอและกลุ่มเสี่ยงได้รับวัคซีนแล้ว จะมีการพิจารณาการฉีดเข็มกระตุ้นให้กับประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปในระยะถัดไป

แนวทางการจัดหาวัคซีน ในปี 2565  การจัดหาวัคซีนในกรอบ 120,000,000 โดส ต้องเร่งรัดการจัดหาวัคซีน โดยพิจารณาดำเนินการกับผู้ผลิตวัคซีนที่มีการพัฒนาวัคซีนรุ่นที่สองที่สามารถจะครอบคลุมไวรัสที่มีการกลายพันธุ์

โดยให้มีเป้าหมายการส่งมอบได้ภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 รวมทั้งการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต การสนับสนุนการวิจัยพัฒนาวัคซีนต้นแบบเพื่อรองรับการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส การกำหนดแนวทางการขึ้นทะเบียนวัคซีนที่และพัฒนาในประเทศ และสนับสนุนการศึกษาภูมิคุ้มกันระยะยาวของผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 ตลอดจนการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ไวรัสกลายพันธุ์ในปี 2565 และความก้าวหน้าของการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด  19 เพิ่มเติม
 

ไทมไลน์แผนจัดสรรวัคซีนถึงสิ้นเดือนส.ค. 2564
นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ ส.ว. ฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สาธารณสุข วุฒิสภา ได้โพสผ่าน Blockdit 'ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย' โดยข้อมูลจากศูนย์ปฎิบัติการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ได้มีการประกาศไทม์ไลน์การฉีดวัคซีนโควิด ในช่วงตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.ถึงวันที่ 31 ส.ค.แล้ว โดยจะระดมฉีดวัคซีนจำนวน 13 ล้านโดส ภายใน 44 วัน คิดเป็นเฉลี่ยวันละ 2.95 แสนโดส แบ่งเป็นวัคซีน AstraZeneca 8 ล้านโดส  Sinovac 5 ล้านโดส ตามพื้นที่ต่างๆ ดังนี้

1.พื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวน 33%

2.พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) + ท่องเที่ยว จำนวน 10%

3.พื้นที่ 48 จังหวัดที่เหลือ จำนวน 15%

4.ระบบประกันสังคม จำนวน 15%

5.หน่วยงานของรัฐและสำรองตอบโต้กรณีฉุกเฉิน จำนวน 12%

6.ฉีดเข็มสอง ให้ผู้ที่ได้เข็มหนึ่งของ AstraZeneca แล้วจำนวน 12%

7.ฉีดกระตุ้นให้บุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 3%

โดยจะให้เน้นไปที่ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคเรื้อรังเป็นหลัก

แผนจัดหาวัคซีน ไม่พอกับเป้าหมาย 100 ล้านโดส
นพ.เฉลิมชัย ระบุต่อว่าเมื่อดูจากตัวเลขดังกล่าว จะพบว่า ได้มีการฉีดวัคซีนมาแล้วจนถึงวันที่ 18 ก.ค.2564 จำนวน 14.22 ล้านโดส เมื่อรวมกับที่จะฉีดภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้ อีก 13 ล้านโดส จึงรวมเป็น 27.22 ล้านโดส  

เป้าหมายที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมูในการฉีดถึงสิ้นปีนี้ ธ.ค.2564 คือ 100 ล้านโดส จึงจะต้องฉีดเพิ่มอีก 72.78 ล้านโดส ในช่วงเวลาที่เหลือ ตั้งแต่  1 ก.ย.-31 ธ.ค.2564 รวมเป็นเวลา 122 วัน คงต้องฉีดให้ได้เฉลี่ย 5.96 แสนโดสต่อวัน  ซึ่งโดยศักยภาพของโรงพยาบาลรัฐ สามารถฉีดได้วันละ 5-7 แสนโดส จึงไม่ใช่ปัญหาเรื่องความสามารถในการฉีด แต่น่าจะเป็นประเด็นเรื่องปริมาณของวัคซีนที่จะจัดหามาให้ได้ครบ 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้

โดยพบว่า วัคซีนที่จะต้องจัดหามาเพิ่มอีก 72.78 ล้านโดสนั้น ประกอบไปด้วย

1.AstraZeneca 20 ล้านโดส คือเดือนละ 5 ล้านโดส จำนวน 4 เดือน

2.Sinovac  12 ล้านโดส คือ เดือนละ 3 ล้านโดส

3.Pfizer 20 ล้านโดส บวกที่ได้รับบริจาคจากสหรัฐฯอีก 1.5 ล้านโดส รวมเป็น 21.5 ล้านโดส

4.Moderna 5 ล้านโดส

5.Sinopharm 2 ล้านโดส

รวมเป็น 61.5 ล้านโดส ยังคงขาดวัคซีนที่ต้องเร่งจัดหามาภายในสิ้นปีอีก 11.28 ล้านโดส เฉลี่ยเดือนละ2.82 ล้านโดส  ซึ่งสามารถดำเนินการได้หลายวิธี อาทิเช่น เจรจากับ AstraZeneca ให้จัดสรรวัคซีนเพิ่มให้กับไทย หรือนำเข้าวัคซีน Sinopharm เพิ่มขึ้น หรือนำเข้าวัคซีน johnson & Johnson  หรือวัคซีน Sputnik V จากรัสเซีย  ตลอดจนวัคซีน Novavax เข้ามาเสริม คงจะต้องรอดูแผนและวิธีการดำเนินการต่อไป
#2957


ผลการศึกษาจากฮังการีที่ยังไม่ได้รับการรีวิวจากเพื่อนร่วมวงการ ระบุว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของซิโนฟาร์มมีประสิทธิภาพน้อยในการปกป้องผู้สูงวัย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน การศึกษาตัวอย่างเลือดจากประชาชน 450 คนในฮังการีที่ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์มเข็มที่ 2 มาแล้วอย่างน้อยสองสัปดาห์พบว่า 90% ของผู้ที่อายุต่ำกว่า 50 ปี มีแอนติบอดีที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้นระดับภูมิคุ้มกันลดลง

ประมาณการความน่าจะเป็นที่ภูมิคุ้มกันไม่ตอบสนองในกลุ่มอายุ 60 ปีอยู่ที่ราว 25% และราว 50% ในกลุ่มอายุ 80 ปีผู้สูงวัยหลายคนไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ เท่ากับว่าควรมีมาตรการป้องกันโควิด-19ระบาดในคนกลุ่มนี้


อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาชิ้นนี้ถูกเผยแพร่บนออนไลน์เมื่อไม่กี่วันก่อน และยังไม่ได้เปิดให้เพื่อนร่วมวงการได้ทบทวน อีกทั้งนักวิจัยยังเตือนว่าการประมาณการที่เชื่อถือได้ถึงความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างความเสี่ยงติดโควิด-19 การเข้าโรงพยาบาลหรือการเสียชีิวิตกับระดับแอนติบอดีหลังฉีดวัคซีนนั้นทำได้ยากมาก

ขณะที่งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ชี้ว่า วัคซีนซิโนฟาร์มสร้างภูมิคุ้มกันสายพันธุ์เดลตาได้น้อยลง

ด้านซิโนฟาร์ม หรือที่รู้จักอย่างเป็นทางการว่า ไชนาเนชันแนลฟาร์มาซูติคอลกรุ๊ป ไม่ได้ให้ความเห็นกับรอยเตอร์

ทั้งนี้ วัคซีนสองโดสของซิโนฟาร์มเป็นอีกตัวหนึ่งที่ใช้กันแพร่หลายในจีน บริษัทเห็นชอบจัดหาวัคซีน 170 ล้านโดสให้โครงการโคแวกซ์ไปจนถึงกลางปี 2565
#2958


"MONOMAX" (โมโนแมกซ์) ผู้นำดูหนังออนไลน์แบบถูกลิขสิทธิ์ ในเครือ โมโน เน็กซ์ ชวนคอหนังสดุดีเหล่าวีรชนคนกล้าไปกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดแนวมหันตภัย "คนกล้าไฟนรก ONLY THE BRAVE (GRANITE MOUNTAIN NO EXIT)" ที่ได้สองนักเขียนบท "เคน โนแลน" และ "อีริค วอร์เรน ซิงเกอร์" มาร่วมกันดัดแปลงบทความจากนิตยสาร GQ หยิบยกเรื่องจริงของเหล่านักผจญเพลิงที่ออกปฏิบัติภารกิจยับยั้งไฟป่ายาร์เนล เมื่อปี 2013 จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ต้องสูญเสียนักดับเพลิงชาวสหรัฐอเมริกาสูงถึง 19 นายจากทั้งหมด 20 นาย ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว!



ภาพยนตร์ "คนกล้าไฟนรก ONLY THE BRAVE (GRANITE MOUNTAIN NO EXIT)" เป็นเรื่องจริงของกลุ่มนักผจญเพลิง แกรนิต เมาท์เท่น ฮอตช็อตส์ ที่ต้องรับมือกับไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดแห่งประวัติศาสตร์อเมริกาที่เกิดขึ้น ณ เมืองเพรสคอตต์ รัฐอริโซน่า ที่พร้อมจะเปลี่ยนผืนป่าขนาดใหญ่ให้เป็นนรกบนดิน พวกเขาต้องออกลุยปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องผู้คนและเมืองอริโซน่าด้วยชีวิตของพวกเขา จนกลายเป็นตำนานวีรบุรุษที่ทุกคนต้องกล่าวขานเมื่อพลังแห่งมิตรภาพ ความเสียสละ และความกล้าหาญ ผลักดันให้พวกเขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อปกป้องครอบครัว ชุมชน และเมืองอันเป็นที่รักให้รอดพ้นจากเพลิงมรณะและใช้เวลานานกว่า 12 วันกว่าจะควบคุมเพลิงไว้ได้!

ติดตามชมเรื่องราวความกล้าหาญของเหล่านักผจญเพลิงได้ในภาพยนตร์ "คนกล้าไฟนรก ONLY THE BRAVE (GRANITE MOUNTAIN NO EXIT)" นำแสดงโดย จอช โบรลิน (รับบท อีริค มาร์ช), ไมล์ส เทลเลอร์ (รับบท เบรนแดน แม็คโดนัฟ), เจฟฟ์ บริดเจส (รับบท ดูแอน สไตน์บริงค์) และ เทเลอร์ เคิร์ธ (รับบท อแมนด้า มาร์ช) ผ่านทาง MONOMAX (โมโนแมกซ์) พากย์ไทยครบทุกเรื่อง! เพียงเดือนละ 250 บาท รับชมได้พร้อมกัน 5 คน สามารถสมัครผ่าน www.monomax.me  โทรสอบถามรายละเอียด 02-100-7007
#2959
Work From home กล้วยๆ ด้วย Zoom app downloadใครหลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกับการเรียน หรือ การทำงานแบบ work from home กันอยู่ช่วงนี้นะครับ ซึ่งไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่า โปรแกรมสุดเป็นที่นิยมระดับโลกนั่นก็คือ โปรแกรม ZOOM ซึ่งผมคิดว่า ไม่ต้องพูดคุยกันเยอะสำหรับโปรแกรมนี้ ที่มันจำเป็นจริงๆ
โดยปรกติ เราน่าจะไม่มีพิธีรีตองกับการใช้โปรแกรมนี้ผ่านคอมพิวเตอร์ สำหรับเรียน หรือ ทำงานกันบ้างแล้ว แต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเกี่ยวกับการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือเท่าใดนัก เนื่องจากว่า มันอาจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ สำหรับงานดังกล่าว
แต่ก็มีการใช้งานบ่อยอยู่ครับ เนื่องจากบางทีเป็นการประชุมเร่งด่วนขณะอยู่บนรถ หรือ ขณะทัศนาจร ซึ่งในอุปกรณ์มือถือ
จะต้องไปที่ Zoom app download ซึ่งมีอยู่ได้ทั้ง 2 ระบบ คือ IOS และ Andriod ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรี แต่อาจมีข้อจำกัด หากต้องการสร้างห้องประชุมเอง จะรองรับคนไม่เกิน 100 คน และ ไม่เกิน 40 นาทีเท่านั้น ซึ่งอาจต้องซื้อ Licensed เพื่อปลดล็อคเรื่องเหล่านี้ ซึ่งผมมองว่า มันคุ้มค่ามากเพราะในปัจจุบันยังไงเราก็ต้องใช้งานอยู่แล้ว

 โดยเข้าไปที่ App Stor หรือ Google play พิมพ์ค้นหาชื่อแอปว่า Zoom meeting แล้วดาวน์โหลดได้เลยครับหรือ จะเข้าไปดาวน์โหลดที่ลิงค์ของตัวแทนจำหน่ายก็ได้ เพื่อจะได้สอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ได้ ตามลิงค์ที่ผมแนบได้เลยครับ  (Zoom app download)



























  >> ดาวน์โหลดทีนี่Tag : Zoom  / Zoom app download
#2960


จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐได้เพิ่มขึ้นทั้ง 50 รัฐ รวมทั้งในกรุงวอชิงตัน ดีซี ขณะที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตากลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) แถลงว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้พุ่งขึ้นในสหรัฐ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาคิดเป็น 83% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด สูงกว่าระดับ 50% ที่พบในช่วงวันที่ 27 มิ.ย.-3 ก.ค.

สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 35 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 626,000 ราย

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตายังได้ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 48% เมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้

องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 43-90% และขณะนี้มีการแพร่ระบาดไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 43,700 รายต่อวัน โดยสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้ถึง 65% และสูงเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

ทั้งนี้ รัฐหลุยเซียนา อาร์คันซอ มิสซูรี ฟลอริดา และเนวาดา เป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยทุกรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่า

นอกจากนี้ รัฐในกลุ่มดังกล่าวต่างก็มีอัตราการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในอัตราต่ำ โดยเฉพาะรัฐหลุยเซียนา ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนเพียง 47% เทียบกับระดับเฉลี่ย 65.9% ในรัฐอื่นๆทั่วสหรัฐ