• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - deam205

#2861


"เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค หืดจับ ขึ้นนำ 2-0 โดนตีเสมอ 2-2 ก่อนจะได้ แซร์จ นาร์บี ซัดประตูชัยช่วยให้ทีมเปิดบ้านเฉือนชนะ เอฟซี โคโลญจน์ ไปแบบสุดมัน 3-2

ศึกฟุต.บุนเดสลีกา เยอรมนี ฤดูกาล 2021/22 วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564 "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เปิดรังอลิอันซ์ อารีน่า รับการมาเยือนของ "แพะบ้า" เอฟซี โคโลญจน์

"เสือใต้" ของกุนซือยูเลียน นาเกิลส์มันน์ เพิ่งเอาชนะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์เดเอฟเบ ซูเปอร์คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เกมนี้นำทัพโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี, โธมัส มุลเลอร์, เลรอย ซาเน และแซร์จ นาร์บี

ปรากฎว่าเกมนี้มาสนุกในครึ่งเวลาหลัง โดยเป็น บาเยิร์น มิวนิค ได้ 2 ประตู ขึ้นนำ 2-0 ในนาทีที่ 50, 59 จาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี และแซร์จ นาร์บี อย่างไรก็ตาม โคโลญจน์ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มาทำสองประตูรวด ตีเสมอ 2-2 จาก แอนโธนี โมเดสเต น.60 และมาร์ก อูธ น.62

อย่างไรก็ตาม บาเยิร์น มิวนิค ที่โหมบุกอย่างหนัก ก็มาได้ประตูขยับนำอีกครั้ง 3-2 จากจังหวะที่ โยชัว คิมมิช จ่ายให้ แซร์จ นาร์บี ยิงเข้าไป ในนาทีที่ 71

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที บาเยิร์น มิวนิค เปิดบ้านเฉือนชนะ เอฟซี โคโลญจน์ 3-2 เก็บสามคะแนนแรกในลีกซีซั่นนี้ มีเพิ่มเป็น 4 แต้ม จาก 2 นัด ขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ของตาราง ส่วนทีมเยือนมี 3 คะแนน รั้งอันดับ 8

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์ (GK), ตองกีย์ เนียนซู, ดาโยต์ อูปาเมกาโน, นิคลาส ซูเล่, อัลฟองโซ่ เดวิส, โยชัว คิมมิช, เลออน โกเร็ตซ์กา, เลรอย ซาเน, โธมัส มุลเลอร์, แซร์จ นาร์บี, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี

เอฟซี โคโลญจน์ : ติโม ฮอร์น (GK), คิงสลีย์ เอฮิซิบัว, จอร์จ เมเร, ราฟาเอล ซิชอส, โยนาส เอ็คตอร์, เอลเยส สคิรี, แยน ทีลมันน์, เดยัน ลูบิซิช, ฟลอเรียน เคนซ์, แอนโธนี โมเดสเต, มาร์ค อูธ
#2862


วันนี้ (23 ส.ค.) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ร่วมเคียงข้างสังคมไทยในวิกฤตโควิด-19 ขับเคลื่อนโครงการ "คนไทยไม่ทิ้งกัน" อย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ "ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19" ตามเจตนารมณ์ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยได้ส่งมอบครุภัณฑ์ทางการแพทย์ น้ำดื่ม สิ่งของที่จำเป็นให้โรงพยาบาลไปแล้วกว่า 50 แห่ง อีกทั้งยังร่วมมือผ่านมหาเถรสมาคมเข้าไปดูแลสุขภาพ สวัสดิภาพของภิกษุสามเณร ตลอดจนกลุ่มเปราะบาง ผู้ด้อยโอกาสที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด

ล่าสุด บริษัท ออลล์ เวลเนส จำกัด ในกลุ่มซีพี ออลล์ ร่วมกับ เอ็กซ์ต้า พลัส ร้านยาใกล้บ้านเพื่อชุมชน สนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการต่อสู้กับโควิด-19 ได้แก่ หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่ม ให้กองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของวิทยุ จส.100 เพื่อส่งมอบต่อไปยังบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพประชาชน โดยมี ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการหน่วยงาน eXta Health & Wellness บมจ. ซีพี ออลล์ เป็นผู้แทนส่งมอบให้กับ นางสาวกฤษณา กันจินะ Business Development & Digital Marketing Manager บริษัท แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้แทนรับมอบของ จส.100

ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีพี ออลล์ กล่าวว่า ซีพี ออลล์ ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคม พร้อมอยู่เคียงข้าง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ชุมชนและสังคม ตามปณิธานร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากขณะนี้ บริษัทถือค่านิยม 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร เป็นแนวทางอย่างแน่วแน่ จึงถือเป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมกับพันธมิตรซึ่งมีเจตนารมณ์เดียวกันอย่าง จส.100 ที่ต้องการให้ประเทศไทยกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

"เรารู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีที่ได้ร่วมกับ จส.100 ซึ่งมีความมุ่งมั่นเดียวกันในการดูแลพี่น้องประชาชนไทยประหนึ่งคนในครอบครัวเสมอมา และทราบดีว่าสถานการณ์ที่ประเทศเรากำลังเผชิญตอนนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าสำคัญในการดูแลคนไทย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักโดยไม่ย่อท้อ ซีพี ออลล์ ก็ขอขอบคุณ และขอส่งแรงใจให้ทุกท่าน ตลอดจนคนไทยทุกคนให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน" ดร.อนุรักษ์ กล่าว
ด้าน นางสาวกฤษณา กันจินะ Business Development & Digital Marketing Manager บริษัท แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า 30 ปี จส.100 ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ร่วมสมทบทุนเข้ากองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 นำสิ่งของต่างๆ ไปส่งมอบให้กับบุคลากรทางแพทย์และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการหน่วยงาน eXta Health & Wellness บมจ. ซีพี ออลล์ นำสิ่งของต่าง ๆ ได้แก่ น้ำดื่ม หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ มาส่งมอบให้กับทาง จส.100 ร่วมสร้างกำลังใจส่งต่อสิ่งดีๆ ให้แก่กัน

"ทาง จส.100 ต้องขอขอบคุณ บมจ. ซีพี ออลล์ ที่ได้เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นในการดูแลสังคมไทยร่วมกัน และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการผนึกกำลังร่วมกับ ซีพี ออลล์ ในการดูแลประชาชน สิ่งของต่างๆ เหล่านี้จะได้รับการจัดสรรไปยังพื้นที่ต่างๆ อย่างเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้เราเชื่อว่าการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การส่งกำลังใจและสิ่งที่จำเป็นในยามนี้ จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการก้าวข้ามสถานการณ์ที่เลวร้าย และพาสังคมไทยกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง"

นอกจากนี้ บมจ. ซีพี ออลล์ และ จส.100 ยังขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสมทบทุนเข้ากองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 ด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee ซึ่งเป็นแอปพลิเคชัน ให้บริการคำปรึกษาโดยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งทุกๆ การดาวน์โหลดที่มีการใส่รหัส "JS100" ซีพี ออลล์ จะร่วมสมทบ 10 บาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นส่งมอบให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ผ่านกองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee ในระบบ IOS ได้ที่ http://l.ead.me/bcGZ0p
และระบบ Android ได้ที่ https://l.ead.me/bcGZ14 ตั้งแต่วันนี้ถึง 22 ต.ค. 2564
#2863


ภาพจาก https://hanako.tokyo/
คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"

สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ช่วงโควิดแบบนี้อาจจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอย่างเก่าไม่ได้ แต่ก็มีเรื่องสนุกให้ทำได้จากบ้านมากมาย อย่างการทำ "คาเฟ่ที่บ้าน" นอกจากจะทำให้ได้ประสบการณ์ใหม่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังได้ใช้โอกาสนี้พักผ่อนคลายเครียดด้วยนะคะ

ที่ญี่ปุ่นมีร้านคาเฟ่อยู่ทั่วไป และเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในหมู่สาว ๆ เวลาเปิดหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่เน้นกลุ่มผู้อ่านผู้หญิง จึงมักจะเจอร้านคาเฟ่แนะนำอยู่ในนั้นด้วยเสมอ ร้านคาเฟ่เหล่านี้ไม่ได้เน้นขายเฉพาะเครื่องดื่มกับขนมหวานเท่านั้น แต่ยังขายอาหารเป็นมื้อแบบไม่หนักท้องเกินไป และมีบรรยากาศที่น่านั่งเพลิน ๆ ด้วย

จุดเด่นของคาเฟ่ที่ญี่ปุ่นคือ การออกแบบภายในร้านที่สวยงาม สะอาดสะอ้าน โล่ง สว่าง ให้บรรยากาศสบาย ๆ เปิดเสียงดนตรีที่ให้ความรู้สึกสดใสรื่นเริง บางร้านก็มีที่นั่งริมทะเลหรือริมระเบียงด้วย แต่ละร้านจะมีลักษณะเฉพาะในการจัดและออกแบบร้านที่ชวนให้จดจำ อีกทั้งลักษณะการให้บริการของพนักงานก็ยังมีส่วนสร้างบรรยากาศที่ไม่เหมือนใครให้กับทางร้านอีกด้วย


เมนูอาหารตามคาเฟ่ทั่วไปอาจจะเน้นชากาแฟ แซนวิช พาสต้า ขนมหวาน ของว่าง แต่ถ้าเป็นคาเฟ่ที่ดีหน่อยจะเน้นไปที่อาหารหรือเครื่องดื่มเฉพาะของร้าน เช่น มีเมนูสูตรเด็ดที่ทางร้านคิดขึ้นมาเอง ไม่มีขายที่อื่น หรืออาจใช้วัตถุดิบคัดสรร อย่างเช่น วัตถุดิบเฉพาะของท้องถิ่น วัตถุดิบออแกนิก ใช้ข้าวกล้องแทนข้าวขาว เป็นต้น รวมทั้งอาจมีเมนูเฉพาะกิจซึ่งมีให้สั่งได้แค่เฉพาะช่วงเวลาสั้น ๆ ด้วยเช่นกัน

ฉันจำได้ว่าตอนไปเที่ยวโอกินาวา เคยไปคาเฟ่แห่งหนึ่งที่ขายข้าวแกงกะหรี่สูตรพิเศษ ร้านนั้นตั้งอยู่ในมุมเล็ก ๆ ภายในตึกขายสินค้าท้องถิ่น มีที่นั่งเพียง 3-4 โต๊ะเท่านั้น แม้ว่าอาหารและกาแฟร้านนั้นจะอร่อยมาก แต่หลังจากนั้นฉันกลับจำบรรยากาศร้านได้ดีกว่าอาหารเสียอีก อาจเพราะเขาใช้จานและถ้วยที่ทำจากดินเผาซึ่งเป็นสินค้าพื้นเมืองของโอกินาวา แถมยังมีรูปร่างและสีสันแปลกตา อีกทั้งบรรยากาศร้านก็นั่งสบายเสียจนลืมไปเลยว่าร้านนี้เป็นเพียงมุมหนึ่งในตึกธรรมดาเท่านั้นเอง


คงเพราะคาเฟ่เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศแสนสบายอย่างนี้เอง คนญี่ปุ่นจึงหันมาทำ"โอะอุจิคาเฟ่" (おうちカフェ) หรือ 'คาเฟ่ที่บ้าน' กันมาก กิจกรรมนี้มีมาหลายปีก่อนที่จะเริ่มมีโควิดเสียอีก แต่พอโควิดมาเยือน คนต้องอยู่ติดบ้านกันมากขึ้น กระแสคาเฟ่ที่บ้านเลยยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นไปอีก

พจนานุกรมญี่ปุ่นให้นิยาม "โอะอุจิคาเฟ่" ว่าหมายถึง 'การสร้างบรรยากาศแบบคาเฟ่ในบ้านตนเอง จุดเด่นอยู่ที่การใช้อาหาร เครื่องดื่ม ของกระจุกกระจิก และดนตรี เป็นต้น เพื่อสร้างบรรยากาศหรูและสบาย ๆ แบบคาเฟ่' พูดง่าย ๆ ก็คือ จำลองบรรยากาศแบบคาเฟ่ภายในบ้านนั่นเอง

ฉันเข้าใจว่าการใช้คำว่า "คาเฟ่ที่บ้าน" น่าจะเริ่มมาจากการที่ร้านสะดวกซื้อ Lawson ในญี่ปุ่นออกสินค้าขนมภายใต้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อ "Uchi Café SWEETS" (ขนมหวานคาเฟ่ที่บ้าน) เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 ภายใต้คอนเซ็ปต์ทำบ้านให้เป็นคาเฟ่
แต่เดิม Lawson ก็ทำขนมหวานของตัวเองออกมาวางขายอยู่แล้ว แต่ที่หันมาทำแบรนด์ใหม่ "Uchi Café SWEETS" ก็เพราะทำสำรวจกลุ่มลูกค้าแล้วพบว่า สตรีอายุ 20-30 ปีซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ให้ความสนใจสูงกับเรื่องขนมหวาน มักจะยุ่งกับการทำงานหรือไม่ก็การเลี้ยงลูก และได้รับประทานขนมหวานช่วงเย็นหรือช่วงดึก บริษัทจึงออกความคิดว่าอยากให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับขนมอร่อย ๆ และช่วงเวลาสบาย ๆ แบบคาเฟ่ภายในบ้านหรือที่ทำงาน ก็เลยทำขนมแบรนด์นี้ขึ้นมา ส่วนใหญ่หน้าตาขนมจะดูดีแบบขนมตามร้านคาเฟ่ หรือใช้วัตถุดิบดีหน่อย แต่ราคาไม่แพงมาก ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจาก Lawson แล้ว แฟมิลี่มาร์ทและเซเว่นอีเลเว่นของญี่ปุ่นก็ทำขนมหวานของตัวเองออกมาเช่นกัน เพียงแต่อาจจะไม่ได้เรียกชื่อว่า "คาเฟ่ที่บ้าน" เหมือน Lawson แต่หลายอย่างก็ดูดีและรสชาติใช้ได้ ที่น่าสนใจคือร้านสะดวกซื้อเหล่านี้จะคอยผลัดเปลี่ยนทำสินค้าขนมหน้าตาใหม่ ๆ ออกมาอยู่เรื่อยตามฤดูกาล บางอย่างก็มีขายเฉพาะในบางท้องถิ่นเท่านั้น ทำให้ลูกค้าไม่เบื่อกับขนมหน้าตาซ้ำซากจำเจ

ต่อมาก็มีคนทำคาเฟ่ที่บ้านด้วยการลงมือเข้าครัวทำอาหาร ขนม และเครื่องดื่มเอง จากนั้นก็แปะรูปลงสื่อโซเชียลต่าง ๆ ทำให้กระแสทำคาเฟ่ที่บ้านบูมขึ้นเรื่อย ๆ มีการใช้แฮชแท็ค #おうちカフェ (คาเฟ่ที่บ้าน) ในอินสตาแกรมถึง 6.4 ล้านครั้งเลยทีเดียว (ณ สิงหาคม พ.ศ. 2564)

การที่คาเฟ่ที่บ้านได้รับความนิยมน่าจะมาจากสาเหตุหลายประการ อาทิ ค่าใช้จ่ายถูกกว่าไปรับประทานที่ร้าน สามารถทำเองได้ไม่ยาก จะต่อเติมเสริมแต่งอะไรเข้าไปให้ดูไม่ซ้ำใครก็ได้ อีกทั้งยังได้สนุกกับช่วงเวลาตระเตรียมของจนกระทั่งทำเสร็จได้รับประทาน แถมใครชอบเล่นโซเชียลก็ได้โอกาสลงรูปกันสนุกอีก


ช่วงนี้คนเครียดกันเยอะแยะ หลายคนก็อยู่บ้านจนเซ็ง ลองหาเวลาทำคาเฟ่ที่บ้านให้ตัวเองหรือคนในครอบครัวกันดีไหมคะ จะได้ถือโอกาสพักผ่อนหย่อนใจบ้าง เผลอ ๆ อาจได้เจองานอดิเรกหรือความชอบใหม่ ๆ ด้วยนา

แน่นอนว่าคอนเซ็ปต์ของคาเฟ่ที่บ้านไม่ได้อยู่ที่การมีของกินและเครื่องดื่มเป็นอันจบ แต่อยู่ที่การสร้างบรรยากาศสบาย ๆ แบบคาเฟ่ เพราะฉะนั้นหากนึกอยากพักผ่อนจิบน้ำชารับของว่าง เพื่อน ๆ ก็อาจจะตระเตรียมอะไรบ้างนิดหน่อยให้ดูดี และสร้างบรรยากาศไปด้วยในตัว

ขั้นแรกก็ต้องเตรียมพื้นที่กันก่อน อาจจะเลือกมุมหนึ่งของห้องหรือของบ้านมาสักมุม แล้วหาโต๊ะเล็ก ๆ มาวาง ใช้แผ่นรองแก้วหรือแผ่นรองจานอาหารสวย ๆ เอาดอกไม้ปักแจกันเก๋ไก๋มาแต่งเสียหน่อย แค่นี้ก็เริ่มได้บรรยากาศร้านคาเฟ่หน่อย ๆ แล้ว

แต่ถ้าใครไม่มีอุปกรณ์ครบครัน ก็ไม่ต้องถึงขนาดไปหาซื้อให้สิ้นเปลืองนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวพอเลิกเห่อแล้วจะมีอะไรก็ไม่รู้เต็มบ้านไปหมด แค่เอาของที่มีในบ้านมาพลิกแพลงใช้ก็ได้แล้ว ถ้าไม่มีโต๊ะ อาจจะหาถาดมาใส่ของกินกับเครื่องดื่มวางแทนโต๊ะ แล้วนั่งกับพื้น แคร่ ตั่ง เฉลียง ชาน หรือบนพื้นหญ้า อย่างนี้ก็ได้ ลองนึกดูว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความรู้สึกพิเศษและสบายอารมณ์ยิ่งกว่าการรับประทานอาหารหรือของว่างในบ้านตามปกติ ก็คงมีไอเดียผุดขึ้นมามากมายให้สนุกกันละค่ะ


บ้านฉันที่ไทยมีเฉลียงอยู่ติดกับบ่อน้ำเล็ก ๆ แม่เคยปลูกบัวในบ่อน้ำนี้อยู่หลายกระถางดูสวยเพลินตาดี เมื่อก่อนฉันชอบมานั่งอ่านหนังสืออยู่แถวเฉลียงที่ว่า ถ้าจะทำคาเฟ่ที่บ้านฉันก็คงจะเลือกมุมนี้แหละ แล้วหาถาดหรือผ้าลายสวย ๆ มาปูที่พื้นเฉลียง แล้วค่อยวางจานของกินกับแก้วเครื่องดื่ม นั่งชิลล์เพลิน ๆ ได้

จานชามก็มีส่วนสร้างบรรยากาศได้นะคะ แต่ถ้ามันไม่ได้สะสวยอย่างที่ใจต้องการ ก็อาจจะใช้วิธีจัดวางอาหารให้ดูเก๋ไก๋ เอาใบตองหรือกระดาษเช็ดปากมีลวดลายมาวางบนจาน แล้วค่อยวางขนมลงไป แค่นี้ก็น่ามองแล้ว อาจจะดูคลาสสิกกว่าใช้จานชามสวย ๆ อีก

หากใครไม่ถนัดทำอาหารและเครื่องดื่ม ก็อาจจะหาซื้อหรือสั่งซื้อเอาก็ได้ เดี๋ยวนี้คนทำขนมขายออนไลน์กันเยอะแยะ มีให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว จะได้ถือโอกาสอุดหนุนกันในยามยากด้วยนะคะ แต่ถ้าใครอยากลองทำเองฉันก็เชียร์เต็มที่ คือจากประสบการณ์แล้วฉันเคยคิดว่าของกินหรือขนมอร่อย ๆ นี่มันคงต้องทำยากมาก แต่พอได้ลองทำขึ้นมาสักอย่างแล้ว จึงได้อุทานในใจว่า... "ไฮ้! ง่ายปานนี้เชียวรึ ??"  แถมเวลาได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ก็เพลินดี ได้ลับสมองเป็นของแถม แล้วยังได้ลุ้นด้วยเพราะไม่รู้ว่ามันจะออกมาหน้าตาอย่างไร กินได้ไหม ก็เป็นบรรยากาศสนุกไปอีกแบบนะคะ


อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือดนตรี โดยมากร้านคาเฟ่จะเปิดดนตรีแจ๊สหรือบอสซาโนวา คงเพราะให้ความรู้สึกแจ่มใสรื่นเริง และสร้างบรรยากาศสบาย ๆ ได้ง่าย เดี๋ยวนี้มี BGM ทางยูทูปให้ฟังฟรีมากมาย สามารถเปิดคลอไปได้เรื่อย ๆ ตัวฉันเองก็มักเปิดเพลงแจ๊สฟังเวลาทำงาน เพราะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกราวกับบรรยากาศรอบตัวคลายความร้อนลง คงเพราะปกติจะได้ยินเพลงแจ๊สเวลาอยู่ในร้านกาแฟหรือร้านคาเฟ่เย็น ๆ เลยพลอยรู้สึกเหมือนอยู่ในที่เย็น ๆ ไปด้วย ถ้ามีชาหรือกาแฟสักถ้วย หรือโกโก้เย็นสักแก้วละก็ ยิ่งได้บรรยากาศคล้ายนั่งทำงานในร้านกาแฟเลย ทั้งที่ตัวอยู่บ้านนี่แหละ

ฉันคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับช่วงเวลาทำคาเฟ่ที่บ้าน ก็คือการที่เราได้พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางบรรยากาศที่บรรจงเสกสรรค์ขึ้นมา เพราะฉะนั้นจึงน่าจะเป็นการดีกว่ากันมากหากเพื่อน ๆ จะวางมือถือหรือแท็บเบล็ตลง ปิดโทรทัศน์ ใช้เวลานี้อยู่กับตัวเอง อยู่กับคนที่นั่งอยู่กับเรา สนทนากัน เพลิดเพลินกับอาหารเครื่องดื่มตรงหน้า และดนตรีสบาย ๆ ภายในช่วงเวลาอันร่มรื่นนี้ แล้วช่วงเวลาของคาเฟ่ที่บ้านจะมีความหมายกว่าที่คิดเยอะเลย ลองดูนะคะ
#2864
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#2865


นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานของครึ่งปีแรกปี 2564 มีรายได้จากการขาย 1,401.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวด 6 เดือนแรกของ ปี 2563 ซึ่งมีรายได้จากการขาย 849.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 552.57 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65.08% บริษัทมีรายได้รวม 522.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51.99 ล้านบาท ในไตรมาส2/2564 ทำให้มีมีผลประกอบการ 6 เดือน กำไรสุทธิ 132.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีต้นทุนทางการเงินลดลง ร้อยละ 47.58 ด้วยปัจจัยสนับสนุนความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทโครงการแนวราบในระดับราคา 3-5 ล้านบาทอยู่ในระดับสูง บริษัทพร้อมเดินตามแผน เตรียมพัฒนาโครงการใหม่ตลาดระดับราคาบ้าน 3-5 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพหลัก อาทิโซนเหนือ และโซนตะวันออก ในไตรมาส 3 นี้ เพื่อเร่งหนุนรายได้ทั้งปีโตอย่างต่อเนื่อง

"เอ็น.ซี มีการปรับตัวได้ดี มีการควบคุมเข้มเรื่องการบริหารต้นทุนในองค์กร มีระบบบริการออกมาดูแลลูกค้า ให้ความสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยผนวกนวัตกรรม Smart Eco, Smart Care"

นายสมนึก กล่าวถึงสถานการณ์ COVID-19 ยังส่งผลให้อุปสงค์ของผู้บริโภคยังมีความไม่มั่นใจ อย่างไรก็ตามในไตรมาส 3 เอ็น.ซี มีความพร้อมที่จะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนยอดขายให้เติบโต สำหรับยอดขาย เป็นที่น่าพอใจสามารถทำยอดขายได้กว่า 2,200 ล้านบาท

พร้อมยังกล่าวเสริมต่อ เอ็น.ซี คงมุ่งเดินหน้าเพื่อเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ในปี 2564 ตามเป้า 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท พัฒนาสินค้าทาวน์เฮาส์, บ้านแฝด, บ้านเดี่ยว ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ด้วยราคาที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดบ้านแนวราบ โดยขยายทำเลเพิ่มครอบคลุมพื้นที่ 4 ทำเลศักยภาพ (โซนเหนือ , โซนตะวันตก,โซนใต้ และโซนตะวันออก ของกรุงเทพฯและปริมณฑล) เพิ่มกำลังการผลิตบ้านด้วยระบบเทคโนโลยีการก่อสร้างทันสมัยขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มตลาดบ้านแนวราบ ทำให้ เอ็น.ซี มีความพร้อมที่จะเดินตามแผน ในตลาดศักยภาพใหม่ๆ รุกต่อด้วยเป้ายอดขาย 3,500 ล้านบาท และรับรู้รายได้ปีที่ 2,000 ล้านบาท.
#2866


เรียกเสียงฮือฮาในโลกโซเชียลได้อย่างล้นหลาม เมื่อผู้ผลิต "กระดาษกงเต็ก" รายหนึ่งในประเทศมาเลเซีย เกิดไอเดียสุดบรรเจิดออกแบบ กงเต็กวัคซีนโควิด ต้อนรับเทศกาล "วันสารทจีน" ปี 2564 ลูกหลานแดนมังกรที่อยากให้บรรพบุรุษปลอดภัยจากโควิด-19 น่าจะถูกใจไม่น้อย

โดยเว็บไซต์ TheStar - มาเลเซีย รายงานว่า ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่กระจายไปทั่วโลก ผู้คนต่างก็ต้องการฉีดวัคซีนโควิด เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 และด้วยกระแสมาแรงของวัคซีนโควิดในยุคนี้

"เรย์มอนด์ ชีห์" เจ้าของร้านกระดาษกงเต็กเจ้าหนึ่ง ในเมืองยะโฮร์บาห์รู ประเทศมาเลเซียจึงได้ออกแบบ กงเต็กวัคซีน ที่ทำจากกระดาษที่ขึ้นรูปเองด้วยมือ วางจำหน่ายในช่วงวันสารทจีนของปีนี้ เพื่อให้ลูกหลานได้เผาส่งไปให้บรรพบุรุษ (ตามความเชื่อของชาวจีน) จะได้ปลอดภัยจากโควิดกันถ้วนหน้าในปรโลก


เจ้าของร้านดังกล่าว เล่าว่า ไอเดียนี้เกิดจากลูกค้าบางคนอยากให้เขาทำกงเต็กในรูปแบบ "วัคซีนกระดาษ" เนื่องจากพวกเขาต้องการส่งมอบวัคซีนไปให้แก่ญาติๆ ผู้ล่วงลับ รวมถึงวิญญาณเร่ร่อนสำหรับเทศกาลวันสารทจีน (Hungry Ghost Festival) ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 22 สิงหาคม 2564

"ผมตัดสินใจลองทำดู เพราะมีความเชี่ยวชาญด้านการทำกระดาษกงเต็งเหล่านี้อยู่แล้ว โดยใช้เวลาประมาณ 2 วัน ในการสร้างชุดกระบอกฉีดยาขนาดใหญ่ และขวดวัคซีนกระดาษที่เลียนแบบจากของจริง หลังจากที่แชร์รูปกงเต็กวัคซีนดังกล่าวไปบนหน้าเพจเฟซบุ๊คของผม ผมก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้า และมีการสั่งซื้อเข้ามาอย่างรวดเร็ว" ชีห์บอก

ทั้งนี้ กงเต็กชุดวัคซีนโควิด 3 ขวด พร้อมเข็มฉีดยา 1 เข็ม จำหน่ายในราคาชุดละประมาณ 30 ริงกิตมาเลเซีย คิดเป็นเงินไทยประมาณ 236.13 บาท

ส่วนที่เห็นผลงานออกมาดูดีเหมือนจริงได้ขนาดนี้ ก็เป็นเพราะว่า ชีห์ เคยทำงานเป็นนักออกแบบกราฟิกในสิงคโปร์มาก่อน จากนั้นเขาได้กลับมาอาศัยอยู่ที่เมืองยะโฮร์บารู เพื่อเริ่มต้นธุรกิจเกี่ยวกับกระดาษกงเต็กชนิดต่างๆ เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว

เขาบอกเล่าเพิ่มเติมว่า ธุรกิจของเขาเอง ก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจย่ำแย่ในช่วงโควิด-19 ระบาดเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงต้องปรับตัวให้สินค้าของเขาเท่าทันยุคสมัย เพื่อให้ลูกค้าไม่เบื่อกับรายการสินค้ารูปแบบเดิมๆ ซึ่งในภาพรวมธุรกิจของเขามียอดขายลดลงเพียงประมาณ 10% ซึ่งก็เรียกว่ายังไหวอยู่ เมื่อเทียบธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องปิดตัวในช่วงการระบาดใหญ่ 

"มีร้านขายของกระจุกกระจิกมากมายในยะโฮร์บารู ดังนั้นสินค้าในร้านผมเลยต้องโดดเด่นกว่าคู่แข่ง ลูกค้ามักจะชื่นชมผลิตภัณฑ์ในร้านที่เราตั้งใจทำ ผมเองก็หวังว่าผลิตภัณฑ์ในร้านผมจะสามารถให้ความอุ่นใจแก่ลูกค้าและช่วยให้พวกเขาเติมเต็มความปรารถนาดีไปยังบรรพบุรุษที่พวกเขารักได้" ชีห์กล่าว

----------------------

อ้างอิง : thestar.com
#2867
 
 ข้าวอินทรีย์สำหรับแม่ตั้งท้อง
โครงการข้าวอินทรีย์  สถานการณ์ข้าวอินทรีย์ไทย  มาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์  หลักปฏิบัติในการผลิตข้าวออร์แกนิค

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค (ปลูกข้าวอินทรีย์)
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1.  ขายข้าวมะลินิลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.   ข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.   ข้าวหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารก, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6.  ปลูกข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7.  ข้าวผกาอำปึลอินทรีย์กรมการข้าว, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.  ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิคคือ, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   กลุ่มข้าวหอมมะลิอินทรีย์
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค
3.  ปลูกข้าวปะกาอำปึลออแกนิค   ข้าวกล้องผกาอำปึลออร์แกนิค(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวอินทรีย์ผสมหลายสายพันธุ์ จ.สุรินทร์
5.ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์ 6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลปลอดสารพิษ
7.  ข้าวสุไรซ์เบอรี่ขภาพ  ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 
 
#2868
 ข้าวหอมมะลิออแกนิค   ข้าวออแกนิคสำหรับทารกส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ข้าวหอมมะลินิลอินทรีย์ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิคข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก ข้าวกล้องปะกาอำปึลออแกนิคเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวหอมมะลิแดงสุขภาพ เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลินิล แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--12cbh7f2bxa6ba6b0a4lsdyb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิปลอดสารพิษ
3.  ข้าวปะกาอำปึลorganic
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสาร จ.สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิแดง6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์7. ข้าวไรซ์เบอร์รี่ปลอดสารพิษ


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 
 
#2869


18 สิงหาคม 2564 นายภูมิชัย ตรัยดลานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี โซเชียลอิมแพคท์ จำกัด วิสาหกิจเพื่อสังคมในเครือซีพีผู้ผลิตหน้ากากอนามัยซีพี กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2563 เครือซีพีโดยนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสได้จัดสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อแจกจ่ายฟรีแก่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลที่มีความจำเป็นและประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงในวิกฤตขาดแคลนหน้ากากอนามัย

โดยได้เริ่มผลิตหน้ากากอนามัยแจกฟรีตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 จนถึงปัจจุบันมียอดผลิตและแจกจ่ายฟรีสะสมรวมทั้งสิ้น 18 ล้านชิ้น และล่าสุดเครือซีพีได้เข้าร่วมกับโครงการครัวปันอิ่มผลิตและแจกหน้ากากอนามัยซีพีฟรีแก่ประชาชนที่เดือดร้อนจากวิกฤติโควิด-19 ระลอกใหม่นี้อีกจำนวนรวมทั้งสิ้น 6 ล้านชิ้นใน 40 จุดที่เป็นหน่วยบริการครัวปันอิ่มสู่ชุมชน

ทั้งนี้เพื่อให้การกระจายหน้ากากอนามัยซีพีถึงมือพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด จึงได้ร่วมมือกับกลุ่มแท๊กซี่ชุมชนในการจัดรถแท็กซี่สาธารณะมาช่วยขนส่งหน้ากากอนามัยไปยังหน่วยบริการครัวปันอิ่มทั้ง 40 จุดรอบกรุงเทพฯและปริมณฑล ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กลุ่มผู้ขับขี่แท็กซี่ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ประสบภาวะขาดรายได้ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ด้วย


"หน้ากากอนามัยซีพีจะได้ดำเนินการแจกตลอดทั้งโครงการครัวปันอิ่ม โดยได้รับความร่วมมือจากกลุ่มแท็กซี่ชุมชนในการเข้ามาช่วยกันคนละไม้ละมือในการขนส่งไปยังชาวบ้านในชุมชนที่กำลังเดือดร้อนจากวิกฤติโควิด-19 ซึ่งถือเป็นโมเดลที่ดีในการสร้างความร่วมมือระหว่างกันในยามลำบากเช่นนี้ ขอขอบคุณกลุ่มแท็กซี่ชุมชนที่มาช่วยขนส่งหน้ากากอนามัยให้กับโครงการปันอิ่ม" นายภูมิชัยกล่าว

จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องส่งผลให้นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกาศความช่วยเหลือเร่งด่วนให้แก่ประชาชนตลอดจนผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยที่ได้รับผลระทบจากโควิด-19 ด้วยการจัดตั้งโครงการ "ครัวปันอิ่ม" ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19 ขึ้น เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 โดยเป็นการผนึกกำลังกลุ่มธุรกิจในเครือซีพีร่วมกับพันธมิตร มูลนิธิ องค์กรภาคประชาสังคม กลุ่มจิตอาสาตลอดจนองค์กรสื่อ รวมทั้งสิ้นเกือบ 100 องค์กร ในการแจกจ่ายข้าวกล่องปรุงสุก 2 ล้านกล่องให้แก่ประชาชนที่อยู่ในชุมชนต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑลกว่า 40 ชุมชนระยะเวลาประมาณ 2 เดือน


ทั้งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาวิกฤตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังไม่คลี่คลายส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อรอการรักษา ผู้กักตัวดูอาการ กลุ่มรักษาตัวที่บ้าน และกลุ่มที่ว่างงานขาดแคลนรายได้ โดยจัดซื้อข้าวกล่องปรุงสุกจากร้านอาหารต่าง ๆจำนวน 1 ล้านกล่องและสมทบด้วยข้าวกล่องจากซีพีอีก 1 ล้านกล่อง ซึ่งเริ่มดำเนินการแจกจ่ายอาหารมาตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2564 และ เครือซีพียังได้จัดเตรียมหน้ากากอนามัยที่ผลิตโดยซีพีจำนวน 6 ล้านชิ้น ร่วมแจกจ่ายในโครงการด้วย
#2870


"คลัสเตอร์โรงงาน"คำซ้ำที่ได้ยินได้ฟังบ่อยๆ เกี่ยวกับการระบาดโควิด-19  ซึ่งพบว่ามีส่วนที่เป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อนในการสื่อสารระดับท้องถิ่นที่มักจะระบุว่า จำนวนพนักงานทั้งหมดของโรงแปรรูปอาหารเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้เกิดความตระหนกตกใจให้สังคมไม่น้อย  ดังนั้นต้องร่วมด้วยช่วยกันไม่ใช่แค่ให้กระแสข่าวสงบลงแต่ต้องร่วมกันจัดการกับสถานการณ์ให้เกิดความปลอดภัยและอุ่นใจ ทั้งกับตัวโรงงานที่ดำเนินการโดยภาคธุรกิจเองและชุมชนโดยรอบ 

แนวทางดังกล่าวสามารถพิจารณาได้จากตัวอย่างของ โรงงานแปรรูปอาหารของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ซีพีเอฟ ที่มีการยกระดับความเข้มข้นของการเฝ้าระวัง และป้องกัน เพื่อควบคุมเชื้อและการปนเปื้อนต่างๆ โดยนำมาตรการบับเบิลแอนด์ซีล (Bubble and Seal) ที่สามารถปกป้องได้ทั้งพนักงาน และชุมชนให้ปลอดภัยมาใช้เป็นแกนหลัก

สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าติดตามมาตรการบับเบิลแอนด์ซีลของโรงงานแปรรูปอาหาร อ.แกลง จ.ระยอง ระบุว่า ซีพีเอฟ มีมาตรการที่ถูกต้องตามระบบสาธารณสุข มีความครอบคลุมการจัดการคนงานทั้งระบบ รวมถึงสถานที่ และทำได้เหนือกว่ามาตรฐานในบางจุด โดยเฉพาะการทำบับเบิลแอนด์ซีลที่ทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ถือเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี

บับเบิลแอนด์ซีล เป็นการควบคุมกลุ่มแรงงานในโรงงาน โดยมีการจัดการในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกัน ด้วยการแบ่งคนเป็นกลุ่มย่อยๆ เพื่อคัดแยกคนที่ไม่ติดเชื้อ และกลุ่มเสี่ยง ออกจากกัน นอกเหนือจากกลุ่มที่ติดเชื้อจะถูกนำตัวเข้ารักษา ที่สำคัญคือ จะไม่มีการทำงานข้ามกลุ่มกัน และไม่ให้มีกิจกรรมนอกสถานประกอบการหรือนอกที่พักอาศัยที่สถานประกอบการจัดไว้ให้ เพื่อให้การควบคุม สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และลดการแพร่กระจาย การดำเนินการของสถานประกอบก็ยังดำเนินต่อไปได้ ซึ่งปัจจุบันหลายหน่วยงานต่างร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้อุตสาหกรรมยังคงเดินไลน์สายผลิตอย่างต่อเนื่อง

แนวทางการปฏิบัติสำหรับโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ในอุตสาหกรรมอาหารนั้น ผู้ประกอบการคุมเข้มกันตั้งแต่ในส่วนของพนักงานที่เข้าปฏิบัติงาน จะต้องผ่านการตรวจโควิด-19 ก่อนเข้าปฏิบัติงาน ในส่วนสถานที่ผลิต จะมีการรักษาความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต และทุกจุดสัมผัสในอาคารผลิตตามหลักสุขลักษณะที่ดีในการผลิต (GMP) ด้วยความปลอดภัยในอาหารเป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

มาตรการบับเบิลแอนด์ซีล เป็นหนึ่งในมาตรการที่ภาครัฐสนับสนุนและมีประสิทธิภาพในการป้องกัน เต็มรูปแบบ ตามแนวทาง Factory Quarantine เป็นทำการตรวจเชิงรุกพนักงานทุกคน และคัดแยกพนักงานเป็น 2 กลุ่ม คือผู้ที่มีผลบวกส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม ส่วนผู้ที่ไม่ติดเชื้อหรือมีผลเป็นลบสถานประกอบการได้จัดรถรับส่งให้พนักงานที่ปลอดเชื้อทั้งหมด เข้าที่พักในโรงแรมที่จัดหาให้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงจากการเดินทางของพนักงาน

" เรียกว่าป้องกันทั้งพนักงานและชุมชนให้ปลอดภัยในทุกๆวันก่อนเข้าปฏิบัติงาน พนักงานทุกคนต้องตรวจวัดอุณหภูมิด้วยเทอร์โมมิเตอร์แบบปรอท หากพบว่ามีอุณหภูมิเกิน 37.30 C หรือมีอาการป่วยอย่างใดอย่างหนึ่ง จะถูกส่งเข้าสู่ระบบการกักตัวทันที"

 นอกจากนี้ จะต้องมีการสื่อสารให้พนักงานทั้งโรงงานได้ทราบถึงมาตรการป้องโควิดได้รับทราบอย่างต่อเนื่องและทวนสอบความเข้าใจอย่างสม่ำเสมอ ในส่วนของพื้นที่โรงงาน จะต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคตามมาตรฐาน กระทรวงสาธารณสุข ควบคุมการดำเนินงานโดยกรมอนามัยในพื้นที่จังหวัด รวมถึง swab พื้นผิวสัมผัสที่เป็นจุดสัมผัสร่วมทุกจุดในโรงงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อประเมินการคงค้างของเชื้อโควิด 19 ทุกสัปดาห์ในทุกจุดเสี่ยง ควบคู่ไปกับการตั้งการ์ดสูง เป็นสิ่งที่ยังต้องให้ความสำคัญ

แนวทางปฎิบัติเหล่านี้ เป็นหนทางที่จะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายได้โดยเร็ว ควบคู่ไปกับการปฏิบัติหน้าที่ผลิตอาหารปลอดภัยเพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่องบับเบิลแอนด์ซีล จึงเป็นอีกการจัดการที่มุ่งมั่นป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตที่มีผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน ทำให้คนไทยสังคมไทยสามารถก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19ไปด้วยกัน
#2871
 

ข่าวใหญ่สำหรับภาคการขนส่งทำให้เกิดผลบวดต่อธุรกิจโลจิสติกส์อีกแล้ว หลังโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้ามีการกระจายอย่างรวดเร็วในเอเชีย ทำให้ลายประเทศรวมทั้งไทยต้องงัดมาตรการล็อกดาวน์บางส่วนมาใช้ 

รอบนี้หนึ่งในตลาดขนส่งรายใหญ่ของโลกอย่างจีนต้องเผชิญปัญหาพันธุ์เดลต้าเช่นกันทำให้ต้องปิดท่าเรือคอนเทนเนอร์หนิงโป-โจวซาน (Ningbo-Zhoushan) ชั่วคราวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นท่าเรือที่มีเรือสินค้าใช้บริการแออัดมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ขนถ่ายสินค้าจากเรือราว 1.2 ล้านล้านตันในปี 2564            

การปิดท่าเรือดังกล่าวห้ามเรือสินค้าเข้าเทียบท่าเรือหรือแล่นออกจากท่าเรือ และระงับการบริการขนถ่ายสินค้าจากเรือทั้งหมด หลังพบคนงานคนหนึ่งของบริษัทหนิงโป เม่ยตง คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล (1 ในเครือหนิงโป-โจวซาน) ติดโควิด-19 ทำให้ต้องกักกันเฝ้าระวังพนักงานอีก 2,000 คน            

ที่ผ่านมาโลกได้เผชิญเหตุการณ์ระบบโลจิสติกส์สดุดจากตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน   จนทำให้เกิดสินค้าตกค้างเป็นจำนวนมากในฝั่งสหรัฐและยุโรป   ทำเป็นสาเหตุทำให้ค่าเช่าตู้แพงระยับ ค่าระวางเรือพุ่งสูงขึ้น   และเมื่อเกิดสถานการณ์คล้ายๆกัน ทำให้เกิดความวิตกว่าการปิดท่าเรือดังกล่าวทำให้ซัพพรายชงักตามไปด้วย            

ตัวเลขที่ยังสะท้อนปัจจัยดังกล่าวคือดัชนีค่าระวางเรือ (BDI)  ยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง มาอยู่ที่ 3,566  ดอลลาร์  หลังทพึ่งทำตัวเลขทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี อยู่ที่ 2,319 จุด (24 มี.ค.64)   และในรอบ 6 เดือนแรกปี 2564 BDI ปรับเพิ่มขึ้นจากปลายก่อน 10 %

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ ไต้หวัน คาดการ Re-stock สินค้าทั่วโลกยังเร่งตัวขึ้นไปจนถึงกลางปีหน้าเป็นอย่างน้อย   ซึ่งจะผลักดันค่าระวางเรือเพิ่มสูงขึ้น หลังดัชนี BDI และ BHSI ทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปี  ซึ่งยังมีดีมาร์ทการขนส่งสินค้าทั่วโลกที่ยังเร่งตัวขึ้น ตัวเลขการส่งออกของไทยที่ยังเติบโต           

เมื่อหันมาดูหุ้นเดินเรือของไทยกลายเป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวอย่างคึกคักเพื่อตอบรับกับคาดการณ์ของผลดำเนินงานจะเติบโตแรง ซึ่งในไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ประกาศออกมานั้นแต่ละบริษัทเครื่องร้อนจัดทำกำไรกันเพิ่มขึ้นเป็นระดับเกินเท่าตัวทุกราย

สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการข่นส่งสินค้า และตู้ขนเทนเนอร์โดยตรง บริษัท  อาร์ ซี  แอล  จำกัด (มหาชน) หรือ  RCL ซึ่งให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเล    ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีมากกว่า 200 % 

รายงานกำไรไตรมาส 2 ที่  3,189 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 1,383 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน และในรอบ 6 เดือนแรก กำไร 6,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,600 %   มาจากปริมาณขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้น ค่าระวางเรื่อต่อตู้พิ่มกว่า 76 % ทำให้อัตราค่าเช่าเรือสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

บริษัท  ไวส์ โลจิสติกส์  จำกัด (มหาชน) หรือ WICE  ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศทางทะเล-อากาศ  โชว์กำไรไตรมาส 2 ที่  111 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 101 % บริษัท ทรัพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศและในประเทศ อากาศ –ทะเล-บก มีกำไรในช่วงดังกล่าว 85 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 150 %

บางธุรกิจเผชิญขาดทุนสามารถพลิกกลับมามีกำไร บริษัทพรีเซียส ชิฟปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL ไตรมาส 2 กำไร 826 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 1,183 ล้านบาท ท่ามกลางผลกระทบจากโควิดทำให้ ผู้บริหารอุตสาหกรรมการขนส่งทางทะเลขนาดใหญ่มั่นใจว่าอัตราค่าระวางจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ (Petter Haugen นักวิเคราะห์ของ Kepler Cheuvreux)  

หรือ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA    ที่พลิกมีกำไร 530 ล้านบาท จากขาดทุน  240 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน  ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนธุรกิจขนส่งทางเรือ 52 % ได้รับผลดีจากอัตราค่าระวางเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่าทศวรรษ มีปัจจัยหนุนปริมาณการขนส่งแร่หล็กและธัญพืชที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความแออัดของท่าเรือ

เรียกได้ว่าปี 2564 เป็นปีทองต่อเนื่องของธุรกิจโลจิกติกส์ ระดับโลกที่ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องในไทยได้รับอานิสงค์ตามไปด้วย   ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ที่ส่งผลลบต่อหลากหลายธุรกิจแต่ในขณะเดียวกันยังเอื้อให้บางธุรกิจกลับมาเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 1-3 ปีจากนี้ไป  
#2872


นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยกรุงศรี ได้ประมาณการติดเชื้อล่าสุด (ณ วันที่ 15 ส.ค 64) จากสมมติฐานที่ผลของการล็อกดาวน์ และ วัคซีนมีประสิทธิภาพต่อการป้องกันการแพร่ระบาดที่ลดลง ผลการประมาณการพบว่าระดับสูงสุดของการติดเชื้อต่อวันในกรณีฐาน (base case) ถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงต้นเดือนก.ย.จากเดิมช่วงกลางเดือนส.ค.  โดยจะมีผู้ติดเชื้อรายวันประมาณ 26,000 ราย และจะมีการปรับตัวลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปช้ากว่าที่เคยคาดไว้ครั้งก่อนหน้า  


เนื่องจากข้อมูลทางสถิติพบว่า แม้วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ก็สามารถป้องกันอัตราการเสียชีวิตได้พอสมควร ดังนั้น ในระยะต่อไป จำนวนผู้ติดเชื้ออาจจะยังคงอยู่ในระดับสูง แต่อัตราการเสียชีวิตอาจจะลดลงได้หากมีผู้ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่งแล้ว
วิจัยกรุงศรี ยังได้ปรับแบบจำลองให้สามารถคาดการณ์ถึงจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวัน และพบว่าในกรณีฐาน เราจะคงยังเห็นจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงประมาณต้นถึงกลางเดือนก.ย. (อาจสูงถึง 250-300 คนต่อวัน) ส่งผลให้ การควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบเข้มงวดอาจจะยังคงมีต่อไปจนกว่าจะพ้นกลางเดือนต.ค.นี้ ที่อัตราการเสียชีวิตเริ่มจะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกรุงศรี ขอติดตามปัจจัยเพิ่มเติมในช่วงหลังจากนี้อีกครั้ง คาดว่า มาตรการล็อกดาวน์น่าจะขยายเวลาต่ออกไปจนถึงสิ้นเดือนต.ค.นี้ ดังนั้น ยังคงประมาณการจีดีพีปีนี้ ไว้ที่ 1.2% ลดลงจากเดิมคาดไว้ที่ 2% และปี2565 จาก 4%ลดลงมาอยู่ที่  3%  ซึ่งการประมาณการครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ถูกจำกัด แม้การส่งออกจะช่วยพยุงให้เศรษฐกิจไทยได้ในระดับหนึ่ง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงเดือนส.ค. ซึ่งยอดติดเชื้อมากกว่าคาดว่าในเดือนส.ค.ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่จะอยู่ที่ 15,000 คนต่อวัน 
#2873


นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.34% จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 23 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128.57% จากระยะเวลาเดียวของปี 2563 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 28 ล้านบาท โดยการเติบโตของกำไรสุทธิทั้งในไตรมาสที่ 2 และ 6 เดือนแรกของปีนี้ นอกจากจะมาจากการค่อยๆ ฟื้นตัวของรายได้ 3 ธุรกิจหลักแล้ว ยังมาจากการบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

ทั้งนี้ CPL ประกอบธุรกิจ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังสำเร็จรูป ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 61% ธุรกิจรับฟอกหนัง ซึ่งแบ่งเป็นการฟอกหนังวัวและการฟอกหนังหมู คิดเป็นสัดส่วน 3% ของรายได้รวม และธุรกิจการผลิตและจำหน่ายรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์นิรภัย ภายใต้แบรนด์ "แพงโกลิน" (Pangolin) คิดเป็นสัดส่วน 36% ของรายได้รวม

"ธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังสำเร็จรูป ในไตรมาสที่ 2 มีรายได้ 312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% จากปีก่อน ขณะที่ 6 เดือนแรกปี 2564 มีรายได้ 577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.70% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งปัจจัยสนับสนุนมาจากการที่เศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ลูกค้าสั่งซื้อหนังสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยอดขายยังไม่ได้เติบโตอย่างเต็มที่และยังมีความไม่แน่นอนในตลาด ทำให้ในไตรมาสนี้เรายังดำเนินนโยบายควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายต่างๆ และปรับปรุงประสิทธิภาพในสายงานผลิต อย่างเคร่งครัด ทำให้ภาพรวมดูดีขึ้น" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPL กล่าว

ทางด้านธุรกิจการฟอกหนัง ในส่วนของการฟอกหนังวัว ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ลูกค้ายังชะลอการนำเข้าเนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ขณะที่การรับฟอกหนังหมูมีทิศทางที่ดี เนื่องจากมีการฟอกส่งไปยังประเทศจีนมากขึ้น โดยในไตรมาสนี้สามารถทำยอดได้สูงกว่างบประมาณที่วางไว้ แต่ยังคงต้องเฝ้าจับตาสถานการณ์ในระยะยาวอย่างใกล้ชิด โดยในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจฟอกหนัง 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.50% และในงวด 6 เดือนแรก มีรายได้ 82 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 13.68% อย่างไรก็ตาม จากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากธุรกิจฟอกหนังในไตรมาสที่ 2 ที่ 26 ล้านบาทและงวด 6 เดือนที่ 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 225% และ 66.67% ตามลำดับ

สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์นิรภัย หรือเซฟตี้ โปรดักต์ ในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ มีรายได้จากรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์นิรภัย 169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.36% และงวด 6 เดือนมีรายได้ 337 ล้านบาท ลดลง 0.88% เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายของรองเท้านิรภัยลดลงกว่าแต่ก่อน ตามกำลังซื้อในประเทศที่เริ่มหดตัวจากการปรับลดคนงาน รวมถึงนโยบายการประหยัดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ยอดขายของอุปกรณ์นิรภัยและงานบริการได้เพิ่มสูงขึ้นมากทำให้สามารถชดเชยการขาดหายไปของยอดขายรองเท้านิรภัยได้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPL กล่าวด้วยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา CPL ได้ขยายไปสู่การทำตลาดสินค้าในกลุ่มแฟชั่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผนึกกับพันธมิตรผลิตรองเท้าหนังแนวสตรีท แบรนด์ PLY ที่ทำตลาดได้ดีในกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและวัยทำงานที่มีไลฟ์สไตล์ รวมถึงการนำใช้วัตถุดิบหนังจากโรงงานมาผลิตเป็นกระเป๋าแบรนด์ Galavela เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าวัยทำงานที่นิยมกระเป๋าหนังที่มีสีสันสดใส ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้สร้างยอดขายอย่างมีนัยสำคัญให้ CPL เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านกำลังซื้อในตลาด แต่ถือเป็นการขยายตลาดไปสู่สินค้าที่เป็น End Product ด้วยวัตถุดิบและเทคโนโลยีการผลิตที่มีอยู่แล้ว และเป็นการฝึกทักษะด้านการขายและการทำตลาดใหม่ๆ ให้พนักงานอีกด้วย

สำหรับปัจจัยท้าทายในครึ่งหลังของปีนี้ยังคงต้องจับตาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งหวังว่าแนวโน้มจะดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป เพราะจะทำให้ออเดอร์ผลิตหนังสำเร็จรูปกลับเข้ามาอีกครั้ง แม้จะยังไม่เรียกว่ากลับเข้าสู่ภาวะปกติก็ตาม ขณะเดียวกัน แนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการส่งออกผลิตหนังสำเร็จรูปของ CPL แม้ว่าจะต้องนำเข้าวัตถุดิบ แต่เชื่อว่าจะสามารถควบคุมต้นทุนการนำเข้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

"ส่วนความคืบหน้าหลังจาก CPL จัดตั้งบริษัท ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ เพื่อศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ในการเข้าไปลงทุนเพื่อสร้าง New S-Curve ขณะนี้มีความคืบหน้าในหลายๆ ธุรกิจ ทั้งธุรกิจด้านนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้านเทคโนโลยี รวมถึงความร่วมมือกับศูนย์การเรียนรู้ด้านแพทย์แผนไทย ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการลงทุนในโครงการต่างๆ ได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน และเตรียมงบประมาณลงทุนเบื้องต้นราว 50 ล้านบาทในเฟสแรก โดยคาดว่าภายในปี 2564 จะมีโครงการที่ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส เข้าไปลงทุนเกิดขึ้นอย่างแน่นอน" นายภูวสิษฏ์ กล่าว
#2874


ค่าเงินบาทปีนี้อ่อนค่าแรงต่อเนื่อง โดยปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 ส.ค.) ที่ระดับ 33.35 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดสิ้นปี 2563 ที่ 29.99 บาทต่อดอลลาร์

โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีเงินบาทอ่อนค่าลงมากกว่า 10% และเป็นการอ่อนค่ามากกว่าสกุลเงินภูมิภาค เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศ ดังนี้

1. สถานการณ์เศรษฐกิจกลุ่มประเทศหลักที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดี ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินภูมิภาคให้ปรับอ่อนค่าลง

2. เงินสกุลภูมิภาคบางประเทศอาจได้รับผลบวกจากปัจจัยเฉพาะ เช่น ประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าสูง หรือประเทศที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ได้ดี ทำให้สกุลเงินอ่อนไม่มากนัก เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้

3. ไทยยังมีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่รุนแรง รวมถึงนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยลงมากกว่าประเทศอื่น เนื่องจากมีสัดส่วนพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง

4. นักลงทุนต่างชาติปรับลดการถือครองหุ้นไทย แต่ยังคงเพิ่มการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว สะท้อนความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงฐานะด้านต่างประเทศของไทยยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง จากปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศที่สูง และสัดส่วนหนี้ต่างประเทศที่ต่ำ

ทั้งนี้ ธปท. ติดตามถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมดูแลไม่ให้เงินบาทผันผวนจนกระทบการปรับตัวของภาคธุรกิจ และแนะนำให้ภาคเอกชนบริหารความเสี่ยงค่าเงินอย่างสม่ำเสมอ โดยผู้นำเข้า-ส่งออก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงค่าเงินได้ที่ https://bit.ly/35lWOaG
#2875


วันนี้ (15 ส.ค.) น.ส.ปุณยวีร์ โพธิพิพิธ นายกเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า จากสถานการณ์การของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีอยู่ในขณะนี้นั้น จากการติดตามข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ข้อมูลวันที่ 14 ส.ค.64 ที่ผ่านมา พบว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 176 ราย ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อแตกต่างจากวันที่ 12 ส.ค.เป็นอย่างมาก

เนื่องจากวันดังกล่าวนั้นพบผู้ติดเชื้อมากถึง 502 ราย ถือว่าข้อมูลนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าเป็นเพราะการลงพื้นที่ตรวจหาเชื้อในเชิงลึกของบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี หากตัวเลขยังลดลงอย่างต่อเนื่องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งต้องขอขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งสาธารณสุขจังหวัด และบุคลากรทางการแพทย์ทุกๆ โรงพยาบาล

แต่อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขของผู้ป่วยที่กำลังรักษาอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ นั้นยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก จากตัวเลขพบว่า มีมากถึง 5,989 ราย ที่ผ่านมา จังหวัดกาญจนบุรีโดยผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีนโยบายให้อำเภอแต่ละอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละท้องที่ จัดหาสถานที่ที่เหมาะสมดำเนินการปรับปรุงให้เป็นศูนย์พักคอย เพื่อให้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เข้ามาพักรับการรักษาชั่วคราวระหว่างรอเตียงจากโรงพยาบาลต่างๆ

ซึ่งเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ได้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ด้วยการใช้ศาลา 60 พรรษา เทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ปรับปรุงเป็นศูนย์พักคอย สามารถรองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 50 เตียง ขณะนี้ได้ปรับปรุงพร้อมใช้แล้ว 100% โดยในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี จะเดินทางมาเป็นประธานเปิดศูนย์พักคอยประจำเทศเมืองเมืองท่าเรือพระแท่นอย่างเป็นทางการ

น.ส.ปุณยวีร์ โพธิพิพิธ นายกเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น กล่าวว่า ในยามวิกฤตเช่นนี้กลับมีเรื่องราวในหลายเรื่องที่ทำให้ประชาชนมีความอุ่นใจ คือ การที่มีผู้คนมากมายออกมาเสียสละแสดงถึงความมีน้ำใจต้องการช่วยเหลือสังคมที่กำลังต่อสู้กับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 กันเป็นจำนวนมาก จะเห็นได้จากโลกออนไลน์ต่างๆ โพสต์ภาพการให้ความช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เช่น การร่วมแรงร่วมใจกันสมทบทุนซื้อถุงยังชีพ

รวมทั้งแจกจ่ายอาหารตามบ้านเรือนประชาชนกลุ่มที่ต้องกักตัว รวมทั้งมอบข้าวกล่องให้ประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายินดีกับสังคมไทยที่กำลังวิกฤตอยู่ในขณะนี้ ทำให้รู้ว่าในยามที่คนไทยได้รับความเดือดร้อน คนไทยด้วยกันเองไม่เคยทิ้งกันจริงๆ

สำหรับศูนย์พักคอยศาลา 60 พรรษาเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดยมีการบริจาคทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งเงินสดเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มาพักคอยรอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้บริหารบริษัทสามัคคีที่ดินและการเคหะ จำกัด ได้นำเงินสด จำนวน 100,000 บาท มามอบให้เพื่อนำเข้าสมทบกองทุนรวมน้ำใจศูนย์พักคอย เพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่เขตเทศบาลของเราอีกด้วย
#2876
รับลงประกาศขายบ้าน จ้าง 2 งาน ฟรี 1 งาน โดยทีมงาน มืออาชีพ

แบบที่ 1 รับลงประกาศขายบ้าน
การทำตลาดออนไลน์ การโพสขายบ้าน ที่ดิน คอนโด หรืออื่นๆ บนเน็ต เป็นเรื่องจำเป็นมาก มีเปอร์เซ็นต์การขายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าวิธี อื่นๆ

จุดเด่นของบริการ
เว็บอสังหาฯ top 5 เราโพสให้ท่านทุกเว็บ

เลิกจ้างแล้วกระทู้ที่ประกาศขายคงอยู่ประมาณ 2 ปี


ข้อดีของการ รับลงประกาศขายบ้าน
ไม่มีค่านายหน้า

ประหยัดค่าใช้จ่าย

ประหยัดเวลา

ท่านรับสายเอง

ขายได้เร็ว

โพสเว็บกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ

ไม่ใช้โปรแกรมโพส และมีรายงานให้เมื่อเสร็จงาน

รองรับ 2 ภาษา ไทย-อังกฤษ
ฟรี ! แปลเป็นอังกฤษให้ท่าน หากต้องการ

ปรับแต่งเนื้อหาให้รองรับ seo เพื่อการค้นหาใน google ได้ง่าย
สิ่งที่ต้องเตรียมในการใช้บริการ รับลงประกาศขายบ้าน
เตรียมเนื้อหา 5-20 ประโยค

รูปอย่างน้อย 1 รูป (สามารถส่งได้มากสุด 15 รูป)

เตรียมเนื้อหาอย่างไร
บ้านตั้งอยู่บนที่ดินกี่ตารางวา?

พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านกี่ตารางเมตร?

บ้านมีกี่ชั้น กี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ?

ที่ตั้งของบ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด

แอร์กี่ตัว จอดรถได้กี่คัน
สถานที่ใกล้เคียงมีอะไรบ้าง เช่น ร้านสะดวกซื้อ โรงเรียน ห้าง สถานีรถไฟฟ้า

ชื่อติดต่อ เบอร์โทร ไลน์
ตัวอย่างเว็บชั้นนำที่โพส
Prakard.com Livinginsider.com DDproperty Baanfinder

Thaihometown Poolprop thaiproperty.in.th Pantipmaket
hipflat.co.th thaihomeonline.com zmyhome.com

livingjoin.com ddteedin.com teedin108.com buyhome.in.th
ขายบ้านที่ดิน.com teedinchiangmai teedindd terrabkk.com


อัตตราค่าจ้างแบบโพส 200 เว็บ
เลือกโพสเฉพาะเว็บอสังหาฯ ที่มีคนดูเยอะ Page Rank สูง

โพส 200 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 1 เดือน ราคา 690 บาท

โพส 200 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 2 เดือน ราคา 1000 บาท (แนะนำ)

โพส 200 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 3 เดือน ราคา 1250 บาท (ประหยัด)
โพส 200 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 6 เดือน ราคา 1800 บาท 

โพส 200 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 1 ปี ราคา 2500 บาท 

ดันกระทู้ทุกวัน

สนใจติดต่อ โทร./LINE ID :: 0625606456

รับจ้างโพสขายบ้าน
อัตตราค่าจ้างแบบโพส 100 เว็บ
เลือกโพสเฉพาะเว็บอสังหาฯ ที่มีคนดูเยอะ Page Rank สูง

โพส 100 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 1 เดือน ราคา 490 บาท

โพส 100 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 2 เดือน ราคา 900 บาท (แนะนำ)

โพส 100 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 3 เดือน ราคา 1000 บาท (ประหยัด)

โพส 100 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 6 เดือน ราคา 1500 บาท 

โพส 100 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 1 ปี ราคา 2300 บาท 

ดันกระทู้ทุกวัน

สนใจติดต่อ โทร./LINE ID :: 0625606456

รับจ้างโพสขายบ้าน
อัตตราค่าจ้างแบบโพส 100 เว็บ โพสครั้งเดียว
สำหรับนายหน้าที่มีทรัพย์เยอะ
โพส 20 ทรัพย์ขึ้นไปสามารถลดได้อีก
เลือกโพสเฉพาะเว็บอสังหาฯ ที่มีคนดูเยอะ Page Rank สูง
โพส 100 เว็บไม่ซ้ำกัน 300 บาท
โพส ครั้งเดียวจบ ไม่ดันกระทู้

สนใจติดต่อ โทร./LINE ID :: 0625606456

Tags :: รับลงประกาศขายบ้าน,รับจ้างโพสขายบ้าน,รับโพสอสังหา
#2877


เรียกว่าเป็นเจ้าแม่นักจัดกิจกรรมตัวยงจริงๆ สำหรับบอสใหญ่ "ประวีรัตน์ เทวอักษร" เจ้าแม่อาณาจักร บมจ.วิลล่า คุณาลัย (KUN) ที่ล่าสุด ลุกขึ้นมาสร้างความสุขให้กับคนในครอบครัวคุณาลัย โดยขอเปลี่ยนบ้านให้เป็นโลกแห่งดนตรี ยุคNew Normalโควิด-19 แบบอยู่บ้าน กักตัว ไม่กักใจ ซึ่งงานนี้ขอเกี่ยวก้อย "พี่ป๊อด ธนชัย อุชชิน" มาร้องเพลงเพราะๆให้ฟังแบบชิลๆใกล้ชิดถึงบ้าน กับ LIVE มินิคอนเสิร์ต 12 สิงหาคมนี้ "รักแม่ไม่มีวันหยุด" ผ่านทาง FB KUNALAI (https:// www.facebook.com/VillaKunalai/) ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป งานนี้เรียกว่าสร้างความสุขแบบอบอุ่นให้ทุกคนในครอบครัวจริงๆ สมกับคอนเซ็ปต์ที่ว่า " ความสุขสร้างบ้าน " จริงๆนะคะ KUN


"ASW" ผลประกอบการโตทะยาน ยอดขายทะลุเป้า

หุ้นอสังหาฯผลประกอบการแกร่งตอนนี้ ต้องยกให้กับ บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) สมกับเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ รุ่นใหม่ เดินหน้าเติบโตด้วยกลยุทธ์ "Best Choice" โดยนำกลยุทธ์ขายแบบออนไลน์ ผนึกกับโปรโมชั่นสุดคุ้ม จนสามารถผลักดันยอดขายทะลุเป้า สะท้อนได้จากผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ออกมาดูดี มีอนาคต กำไรเพิ่มขึ้นกว่า 76.1% แถมยังมีเซอร์ไพรส์ด้วยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เป็นหุ้นในอัตรา 8 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และเงินสด 0.02206 บาทต่อหุ้น ดีต่อใจจริงๆ แบบนี้สามารถฝ่ากระแสวิกฤติโควิด-19 ไปได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ เอาเป็นว่า ผลงานโค้งหลังปีนี้ จะสดใสขนาดไหน มารอฟังจากซีอีโอคนเก่ง "กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์" ในงาน Opportunity Day ผ่านแพลตฟอร์มระบบออนไลน์ https:// www.set.or.th/streaming/vdos-oppday ในวันที่ 16 ส.ค.นี้ เวลา 10.15-11.00 น. งานนี้เกาะติดกันไว้ พร้อมเสิร์ฟข้อมูลแน่นๆกันเลย
#2878


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 15.53 จุด ปิดที่ 35,515.38 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น 0.16% ปิดที่ 4,468.00 จุดและดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 0.04% ปิดที่ 14,822.90 จุด


ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และแนวโน้มการชะลอตัวของภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ

หุ้นดิสนีย์พุ่งขึ้นกว่า 3% ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด

ผลการสำรวจของนักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี500 มีแนวโน้มที่จะรายงานตัวเลขกำไรพุ่งขึ้น 92.9% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 และบรรดาบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว พบว่า 88% มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.

ทั้งนี้ คาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในการประชุมดังกล่าว

การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้ จะเป็นการประชุมแบบพบหน้ากัน หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว เฟดต้องจัดการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ที่ผ่านมา การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เดินทางเข้าร่วมการประชุม ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

นักวิเคราะห์คาดการณ์ไทม์ไลน์ของเฟดว่า เฟดจะเริ่มปรับลดคิวอีในเดือนม.ค.2565 โดยจะปรับลดวงเงินคิวอี เดือนละ 20,000 ล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่เฟดทำคิวอีวงเงิน 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งจะทำให้เฟดใช้เวลา 6 เดือนในการปรับลดคิวอีจนเหลือ 0 หมายความว่าเฟดจะยุติการทำคิวอีโดยสิ้นเชิงในช่วงกลางปี 2565 และเฟดจะพักการดำเนินการเป็นเวลา 1 ปีเพื่อให้ตลาดปรับตัว ก่อนที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
#2879


บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า  ในไตรมาส 2 ปี 2564 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ จำนวน 967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% จากไตรมาส 2 ปี 2563 หรือคิดเป็นอัตรากำไรที่ 19.4% ใกล้เคียงกับ 19.6% ในไตรมาส 2 ปี 2563

ทั้งนี้ หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และรายการพิเศษ กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 955 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% จากไตรมาส 2 ปี 2563 นับว่าเป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่สูงที่สุดตั้งแต่บริษัทฯ ก่อตั้งมา โดยปัจจัยหลักของกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มสินค้าที่บริษัทส่งออกไปขายยังต่างประเทศจนทำให้สัดส่วนรายได้จากการส่งออกขึ้นมาอยู่ที่ระดับ50% 

ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2564มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,995 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จากไตรมาส 2 ปี2563 โดยมีสาเหตุจากปริมาณคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,901 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากไตรมาส 2 ปี 2563 สาเหตุหลักจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ ดำเนินการผลิตด้วยตนเอง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่มีสัดส่วนรายได้คิดเป็นสัดส่วน 79% ของรายได้จากการขายรวม

ฐานะการเงินรวมของบริษัทฯ สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เมื่อเทียบกับสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 สินทรัพย์ ดังนี้ 

สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30มิถุนายน 2564 และ 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 18,220 ล้านบาทและ 17,087 ล้านบาท ตามลำดับเพิ่มขึ้น 1.134 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้น 898 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และจากที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 379 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมาเมื่อเดือนมิถุนายน

หนี้สิน บริษัทฯ มีหนี้สินรวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 และ 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 8,412 ล้านบาทและ 6,929 ล้านบาท ตามลำดับเพิ่มขึ้น 1,482 ล้านบาท ประกอบด้วยหนี้สินหมุนเวียนจำนวน 7.074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,419 ล้านบาท และหนี้สินไม่หมุนเวียนจำนวน 1.338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64 ล้านบาท สาเหตุหลักที่หนี้สินเพิ่มขึ้นมาจากเงินกู้ยืมระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น 2,345ล้านบาท ในขณะที่หุ้นกู้ครบกำหนดชำระจึงลดลงไป 1,090 ล้านบาท

ส่วนของผู้ถือหุ้นชวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 และ 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 9,809 ล้านบาทและ 10, 157 ล้านบาท ตามลำดับลดลง 349 ล้านบาท เนื่องจากทางบริษัทฯ มีจ่ายปันผลรวมมูลค่า 1,500 ล้านบาทให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 967 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2564
#2880


คริสตี มิวอิส กองกลาง สหรัฐอเมริกา กับ แซม เคอร์ ศูนย์หน้ากัปตันทีม ออสเตรเลีย เปิดเผยความสัมพันธ์กำลังคบหาดูใจกัน หลังเสร็จสิ้นภารกิจการแข่งขันฟุต.หญิง โอลิมปิก 2020

ภาพถ่ายทั้งคู่สวมกอด และนั่งปลอบซึ่งกันและกัน หลังจบการแข่งขัน 90 นาที แฟนๆ ลูกหนังทาง โซเชียล มีเดีย มองว่า เป็นสปิริตของนักกีฬาอันยอดเยี่ยม แต่บางส่วนมองว่า อาจมีอะไรในกอไผ่ ก่อนความจริงถูกเปิดเผย

เพียงไม่กี่วัน นับตั้งแต่ภาพดังกล่าวถูกแชร์อย่างแพร่หลาย เคอร์ ดาวยิงสังกัด เชลซี ยืนยันว่า เธอกับ มิวอิส กำลังคบหากัน พร้อมโพสต์รูปถ่ายทั้งคู่ประกบปาก และบรรยายด้วยสัญลักษณ์หัวใจ ติดแท็ก มิวอิส จากนั้นอีกฝ่ายก็อัพโหลดภาพคู่บน Story ของ IG

เคอร์ เคยมีประวัติคบหา นิกกี สแตนตัน มิดฟิลด์ชาวอเมริกัน นานเกือบ 7 ปี สมัยค้าแข้งระดับสโมสรด้วยกัน ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้าความสัมพันธ์กับ มิวอิส เป็นเพียงข่าวลือ กระทั่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ผลการแข่งขัน ปรากฏว่า มิวอิส และผองเพื่อน สหรัฐอเมริกา อาทิ เมแกน ราปิโน, เทียร์นา เดวิดสัน, อาเดรียนนา ฟรานช์, เคลลีย์ โอ'ฮารา ฯลฯ คว้าเหรียญทองแดง โตเกียว เกมส์ ปลอบใจ หลังเอาชนะ ออสเตรเลีย 4-3